say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “17”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
พอเข้าช่วงท่วงปลายเทอมงานที่อาจารย์สั่งก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่อีกแค่ไม่ถึงสองเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้วแท้ ๆ ทั้งวิชาในคณะ และวิชานอกคณะก็มีรายงานให้ต้องส่งอีกหลายเล่ม ทั้งงานเดี่ยว งานกลุ่มเต็มไปหมด ช่วงนี้เลยมักจะเห็นเด็กคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เดินตาลอย ๆ เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
ห้องที่คอนโดก็สายน้ำก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เพื่อนในกลุ่มมารวมตัวกันทำงาน วันนี้หลังเลิกเรียนก็นัดกันไปที่ห้องของสายน้ำเพื่อทำงานกลุ่มที่ยังทำค้างไว้ให้เสร็จ ก่อนจะได้เริ่มงานใหม่ที่ยังต่อคิวรออยู่อีกสามสี่งาน ก็ได้แต่หวังว่าวันนี้จะไม่มีงานชิ้นใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวก่อนกลับไปที่คอนโดแวะซื้อกระดาษก่อนนะ กระดาษที่ห้องหมดแล้ว ปริ้นรายงานวิชาก่อนหมดเกลี้ยงเลย แล้วเดี๋ยวยังต้องปริ้นรายงานอีกตั้งหลายเล่ม” สายน้ำหันไปบอกเพื่อนในกลุ่มที่ตอนนี้กำลังเก็บของกันอยู่ อาจารย์ผู้สอนเพิ่งจะเดินออกจากห้องไปเมื่อครู่นี้เอง
“แล้วของตัดโมเดลยังมีอยู่ไหมวะ หมดหรือยังเบลจำได้ไหม” ตั้มถามขึ้นมาบ้าง
“ไม้เกือบหมดแล้วเหมือนกัน แวะซื้อพร้อมกันที่ร้านเลยก็ได้จะได้ไม่ต้องเข้าออกอีกรอบ” เบลตอบ
ตอนนี้มีทั้งงานตัดโมเดลโครงสร้างไม้ของบ้านเรือนไทย พร้อมทำรายงานของวิชาในคณะ แล้วก็ยังมีรายงานวิชาอื่นอีกที่ทำเป็นงานกลุ่ม พวกเขาเลยต้องแบ่งกลุ่มกันทำงาน ช่วงนี้พวกเขาทั้งห้าคนเลยมักจะรวมตัวกันอยู่ที่ห้องของสายน้ำเป็นส่วนใหญ่
และก็ไม่ใช่แค่ปีหนึ่งที่งานเยอะ ปีสี่อย่างหินผาก็งานเยอะไม่แพ้กัน ยิ่งอีกฝ่ายต้องเร่งทำโปรเจคส่งปลายเทอมนี้แล้วด้วยก็ยิ่งต้องเร่งทำงาน ไม่รวมงานอื่น ๆ อีก เพราะแบบนั้นสองอาทิตย์มานี้สายน้ำยังไม่ได้เจอกับหินผาเลยนอกจากโทรหากัน หรือไม่ก็ทิ้งข้อความโต้ตอบกันไว้ผ่านทางไลน์ บางทีส่งไปเมื่อตอนเช้า กว่าอีกฝ่ายจะว่างอ่านและตอบกลับมาก็เกือบบ่ายโมงแล้วก็พิมพ์ข้อความทิ้งเอาไว้บ้าง
“อย่างนั้นก็ได้นะ แวะซื้อเข้าไปทีเดียวเลย”
สายน้ำเดินคุยกับเพื่อนเรื่องงานที่ยังเหลืออยู่จนมาถึงชั้นล่าง แต่เพราะเบลกับมะนาวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเบรกกะทันหันทำเอาหนุ่ม ๆ สามคนเบรกกันตัวโก่งตามไปด้วย
“หยุดไม่บอกเลยนาว” แบงก์พูดอย่างไม่จริงจังนัก เขากลัวว่าจะเดินชนสาว ๆ จนเจ็บตัวมากกว่า
“ก็นะ... เราว่าวันนี้คงมีคนไม่ได้ไปกินข้าวแล้วก็ซื้อของกับเราแน่นอนเลย” มะนาวหันมาพูดให้เพื่อน ๆ ทำหน้างง
“ยังไง ทำไมถึงไม่ไปล่ะ”
“ก็... นู้นน่ะ” มะนาวชี้นิ้วไปทางโต๊ะที่วางตั้งอยู่ใต้คณะให้เพื่อน ๆ ดู เท่านั้นทุกคนก็ร้องอ่อออกมาอย่างเข้าใจในสิ่งที่มะนาวต้องการสื่อ
หินผานั่งกดโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะที่มะนาวชี้ให้ดู พวกเขาทั้งห้าคนเลยต้องเดินเข้าไปหา “พี่หินผา สวัสดีครับ”
“อ้าว เลิกเรียนกันแล้วเหรอ” หินผาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะส่งยิ้มให้กับสายน้ำ “มีนัดทำงานกันอีกหรือเปล่าวันนี้”
“มีค่ะ เดี๋ยวพวกเราตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกิน ซื้อของแล้วก็เข้าคอนโดไปทำงานต่อที่ห้องของสายน้ำน่ะค่ะ” เบลเป็นฝ่ายตอบคำถามของรุ่นพี่
“อย่างนั้นพี่ยืมตัวสายน้ำหน่อยได้ไหม”
“ได้ครับพี่ พาไปได้เลยไม่เป็นไรครับ งานไม่ได้เหลือเยอะมากมายขนาดนั้น” ตั้มรีบพูดทันที เรียกสายตาของสายน้ำให้หันไปมอง เจ้าตัวเบ้ปากใส่เพื่อนสนิทจนทุกคนหลุดหัวเราะออกมา
“โอเค อย่างนั้นพี่ยืมตัวสายน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปส่งที่คอนโด” หินผาพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน เอื้อมมือมาจับมือของสายน้ำแล้วพาออกจากใต้อาคารไปทันทีจนสายน้ำยังไม่ทันได้หันไปคุยกับเพื่อนเลย
“เราจะไปไหนกันเหรอครับ” สายน้ำถามด้วยความสงสัยเพราะอีกฝ่ายยังไม่ยอมบอกสักทีว่าพวกเขากำลังจะไปไหนกัน ถ้าจะให้คิดก็คงไปหาอะไรกินกันก่อนจะแยกย้าย เพราะต่างฝ่ายต่างก็ยังมีงานของตัวเองรออยู่เหมือนกัน
“กินข้าว” คำตอบของหินผาไม่ได้ต่างจากที่สายน้ำคิดเอาไว้เท่านั้น “ที่ห้องพี่”
“ครับ?”
“ไปกินข้าวที่ห้องพี่กัน พี่สั่งของกินเอาไว้แล้วล่ะ เราไม่ได้ฉลองมาเกือบสองอาทิตย์แล้วนะ วันนี้เลยต้องมาฉลองกันนี่ไง” หินผาขยายความให้ฟัง
สายน้ำหัวเราะกับคำบอกเล่าของอีกฝ่าย เพราะตั้งแต่วันที่คบกัน วันที่หินผาบอกว่าจะฉลองการคบกันในทุก ๆ วัน พวกเขาก็ทำแบบนั้นจริง ๆ ที่จริงแล้วมันก็คือการไปกินข้าวด้วยกันเท่านั้น ไม่ใช่การฉลองอย่างจริงจังอะไร
“แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงมารับผมได้ล่ะครับ งานใกล้เสร็จแล้วเหรอครับ”
“ยังหรอก ก็เหลืออีกพอควรเหมือนกัน”
“อ้าวแล้ว...”
“คิดถึง อยากเจอหน้า ก็เลยพักงานแล้วขับรถไปรับเรานี่แหละ” หินผาหันมามองก่อนจะยิ้มให้ รอยยิ้มที่ทำให้สายน้ำก็เบนสายตาไปมองนอกหน้าต่างรถเพราะรู้สึกว่าถ้ามองนาน ๆ หัวใจของเขาจะต้องออกมาเต้นข้างนอกแน่นอน
“ผมก็... คิดถึงเหมือนกันครับ”
“พูดแล้วไม่มองหน้า พี่ถือว่าไม่ได้พูดนะ” น้ำเสียงกลั้นหัวเราะนั้น สายน้ำไม่ต้องหันมามองก็รู้ได้เป็นอย่างดีว่าหินผากำลังแกล้งตนเองอีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้นรถของหินผาก็เลี้ยวเข้าสู่คอนโดของเจ้าตัว วนหาที่จอดรถไม่นานก็ได้ พวกเขาทั้งคู่เดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นที่หินผาอยู่
“จริง ๆ ระบบลิฟต์ของคอนโดพี่ก็ไม่ต่างอะไรกับคอนโดเราหรอกนะ สแกนบัตรก่อน แล้วค่อยกดชั้น พอถึงชั้นตัวเองก็สแกนบัตรผ่านประตูอีกรอบ” หินผาพูดระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นสูงขึ้น
“ครับ ที่คอนโดผมก็แบบนี้เหมือนกัน ถ้าไม่มีคีย์การ์ดก็กดชั้นไหนไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถกดเลขของชั้นอื่นที่ไม่ใช่ชั้นตัวเองได้” สายน้ำพยักหน้ารับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
“ไม่ยากเนอะ”
“ครับ ไม่ยาก”
“อย่างนั้นก็... พี่ให้” หินผาหันมายื่นคีย์การ์ดให้กับสายน้ำ
“ครับ?”
“คีย์การ์ดคอนโดพี่ไง พี่ให้เราเก็บเอาไว้อันหนึ่ง เผื่อเวลาแวะมาหาพี่จะได้ขึ้นมาข้างบนได้เลย” เขาวางคีย์การ์ดใบนั้นเอาไว้บนมือของสายน้ำ “แล้วเราก็ไปทำคีย์การ์ดห้องเรามาให้พี่ด้วยล่ะ”
แม้จะยังงง ๆ แต่สายน้ำก็พยักหน้ารับพร้อมกับเก็บคีย์การ์ดคอนโดของหินผาไว้ในกระเป๋าคู่กับคียร์การ์ดคอนโดของเขาเอง
“เอ๊ะ!” สายน้ำตาโตตอนที่นึกขึ้นมาได้ “คีย์การ์ด...”
“อะไรกันเรา” หินผาหันมามองในระหว่างที่เดินออกจากลิฟต์เพื่อตรงไปยังห้องของเขา “ทำตาโตอะไรกัน”
“ก็... ก็พี่ให้ คีย์การ์ดมา”
“ก็ใช่ไง คีย์การ์ดห้องของพี่เอง แล้วตกใจอะไรกัน เราก็รับไปเก็บใส่กระเป๋าแล้วนี่”
“ไม่ใช่ครับ คือ... ห้องพี่นะ คีย์การ์ดห้องพี่นะ”
หินผาหัวเราะขำเขาดันตัวน้องให้เดินเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูลง พาสายน้ำมานั่งที่โซฟาก่อนจะเริ่มคุยอีกรอบ “ก็คีย์การ์ดห้องของพี่ไง จะเป็นห้องคนอื่นได้ยังไงล่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ!” สายน้ำว่า “พี่ให้คีย์การ์ดห้องพี่กับผมมานะ เท่ากับว่า... ผ ผมจะเข้าออกห้องพี่ตอนไหนก็ได้เลยนะ”
“พี่ก็ตั้งใจแบบนั้นไง” หินผาขำ นึกตลกปนเอ็นดูกับอาการตื่นตูมของสายน้ำในเรื่องนี้ “เป็นแฟนกันจะเข้าออกห้องแฟนก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ เผื่อเวลาเรามาค้างห้องพี่”
“ค้าง!” สายน้ำตาโต แก้มสองข้างเริ่มขึ้นสีระเรื่อ
“หึหึ คิดไปถึงไหนน่ะเรา อย่างเวลามาเร่งทำโปรเจคที่ห้องพี่ เราจะได้มีเอาไว้ หรือสมมติพี่วานให้แวะมาเอาของ หรือถ้าพี่เกิดไม่สบายอะไรแบบนั้น”
“อ่อ... ครับ แหะ...” สายน้ำยิ้มแหยเมื่อเผลอแสดงออกไปว่าคิดอะไรแปลก ๆ อยู่ เขาดันเผลอคิดไปไกลกับคำว่า ‘ค้าง’ ของอีกฝ่ายเสียได้
“แต่ถ้าจะ ค้าง ในความหมายที่เราว่าพี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ” หินผาขยับเข้าไปใกล้สายน้ำ มือข้างหนึ่งโอบเอวของอีกฝ่าย ปลายนิ้วไล้สัมผัสช่วงเอวผ่านเสื้อนักศึกษาที่สายน้ำใส่ พร้อมกระซิบข้างหู
“พ พี่... พี่...” สายน้ำตาโตหน้าแดงก่ำ พูดติดอ่างไปหมด จะเด้งตัวหนีคนพี่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกว่าร่งกายแข็งทื่อไปหมด
หินผาที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ ท่าทางของสายน้ำมันทั้งน่าขำแล้วก็น่าเอ็นดูจนนึกอยากจะแกล้งแรง ๆ แต่ไม่รู้ว่าถ้าแกล้งไปมากกว่านี้เจ้าเด็กขี้เขินของเขาจะร้องไห้ออกมาหรือเปล่า
สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่แกล้ง เอาไว้แกล้งวันอื่นบ้างวันนี้พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวน้องจะตื่นกลัวไปมากกว่านี้
“สงสัยของกินที่พี่สั่งไว้จะมาแล้ว เดี๋ยวพี่ลงไปรับก่อน เราก็นั่งเล่นอยู่นี่ก่อนแล้วกันนะ” หินผายอมผละตัวออกห่างจากน้อง วางมือบนผมนุ่มแล้วยีเล่น
“ครับ” สายน้ำพยักหน้ารับ เขาหยิบหมอนอิงมากอดเอาไว้แน่น ใบหูของเขายังร้อนอยู่เลย ไม่รู้ว่าเพราะหินผามากระซิบข้างหูหรือเพราะอาการเขินกันแน่ แต่สายน้ำว่าน่าจะทั้งสองอย่างเลย
ยังดีที่หลังจากที่อีกฝ่ายกลับขึ้นมาบนห้องก็ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการทำให้สายน้ำเขินอายขึ้นมาอีก สายน้ำเลยสามารถพูดคุยกับหินผาได้อย่างปกติ ส่วนมากก็คุยถึงเรื่องเรียน เรื่องโปรเจคที่กำลังทำแล้วก็การสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึงในไม่นานนี้ แล้วก็เรื่องโปรเจคของเทอมสองที่พวกปีหนึ่งจะต้องทำงานร่วมกับรุ่นพี่ปีสี่
ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจารย์ประจำวิชาก็ได้เรียกปีหนึ่งแล้วก็ปีสี่ไปประชุมกันแล้ว และปล่อยให้เด็ก ๆ จับกลุ่ม แน่นอนว่ากลุ่มของสายน้ำก็ต้องจับกลุ่มกับกลุ่มของหินผา ตอนนี้กำลังตัดสินใจกันอยู่ว่าจะไปจังหวัดไหน และจะไปลงชุมชนไหนกันดี
“ว่าแต่งานเราเหลืออะไรบ้าง อีกเยอะไหม” หินผาถามไปถึงงานของสายน้ำที่จะต้องทำส่ง
“เหลือพวกงานกลุ่มน่ะครับ แต่ก็ทำไปได้พอสมควรแล้วเหมือนกัน ว่าแต่ของพี่เถอะโปรเจคของพี่ถึงไหนแล้วครับ ใกล้เสร็จหรือยัง”
“เหลือตัดโมเดล เรนเดอร์ ทำพรีเซนต์ พูดไปพูดมาก็เหลือทุกอย่างเลยนี่นา...” พูดไปก็เอามือลูบคางอย่างใช้ความคิดไปด้วย “ทำทุกอย่างแล้วแต่ก็ยังไม่เสร็จสักอย่าง”
“แล้วเหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมมาช่วยไหม” สายน้ำถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วพวกน้องสายล่ะครับ ไม่ชวนมาช่วยทำ”
“ยังไงดี... น้อง ๆ ก็อาสามาช่วยแหละ แต่พี่เป็นพวก... อยากทำเองทั้งหมดเลยมากกว่า ก็เลยไม่ค่อยให้น้องมาช่วยเท่าไหร่ ไม่ต้องห่วงหรอกยังไงก็ทันอยู่แล้วล่ะ” หินผายิ้มให้เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้คลายความกังวล เขาไม่ใช่พวกที่ชอบเผางาน เขามักจะค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ พอตอนไฟนอลเลยไม่รู้สึกเหมือนไฟลนก้นเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่ลนก้น แต่ไฟก็เริ่มลามมาเหมือนกัน
“ถ้าไม่ทันยังไงก็บอกผมได้นะครับ ถึงจะช่วยอะไรพี่มากไม่ได้ก็เถอะ แต่ก็คิดว่าน่าจะพอทำอะไรให้ได้บ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เถอะครับ”
“เป็นแฟนพี่ก็ช่วยให้กำลังใจพี่เยอะ ๆ แค่นี้พี่ก็มีแรงปั่นงานทั้งคืนแล้ว” หินผาคว้าตัวน้องมากอด
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเขากับสายน้ำก็ย้ายมานั่งย่อยอยู่ตรงโซฟาหน้าโทรศัพท์ที่เปิดทิ้งเอาไว้เพราะไม่มีใครสนใจดู ตัวของสายน้ำแทบจะเกยทับหินผา น้องกึ่งนั่งกึ่งนอนให้เขากอดเอาไว้
“เฮ้อ... เหมือนได้ชาร์จแบตเลย” หินผาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก้มลงหอมกระหม่อมของคนในอ้อมแขน
“มีแรงทำงานต่อแล้วใช่ไหมครับ” เงยหน้ามองคนที่กอดเขาเอาไว้
“ครับ” หินผายิ้มให้ “ช่วงนี้พี่คงจะยุ่ง ๆ กับการปั่นโปรเจค อาจจะไม่ค่อยได้ไปหาอย่าโกรธกันนะ”
สายน้ำพยักหน้ารับ เข้าใจถึงเหตุผลของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี “ผมเข้าใจครับ พี่เร่งทำงานดีแล้วล่ะครับ จะได้มีเวลาพักบ้างเดี๋ยวพอส่งงานเสร็จก็ต้องเร่งอ่านหนังสือสอบอีกใช่ไหมล่ะครับ”
“ใช่แล้วล่ะ เราเองก็ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะรู้ไหม เดี๋ยวจะไม่สบายไป”
“ครับผม”
สายน้ำปล่อยให้หินผากอดอยู่แบบนั้น บางครั้งอีกฝ่ายก็รัดเขาแน่นขึ้นเหมือนจะมันเขี้ยว บางครั้งก็ก้มลงมาหอมหัวเหมือนเอ็นดู สายน้ำได้แต่นั่งนิ่งสลับกับหน้าแดงอยู่แบบนั้น จริง ๆ จะหนีหรือปฏิเสธก็ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะอ้อมกอดของหินผาก็อุ่นดี แถมยังได้เหมือนกับชาร์จพลังอย่างที่อีกฝ่ายว่าด้วย
“ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโดเราจะได้กลับไปช่วยเพื่อนทำงานต่อ” หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงหินผาก็ยอมปล่อยน้องให้เป็นอิสระ
“ครับผม” สายน้ำลุกขึ้น หยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพายเพื่อเตรียมตัวกลับ เขายืนรอเจ้าของห้องอยู่ตรงหน้าประตู ในขณะที่หินผาก็เดินไปเช็คปลั๊ก เช็คไฟจนเรียบร้อย
“สายน้ำ”
“ครับ” เขาหันกลับไปมองคนที่เอ่ยเรียก กำลังจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่าริมฝีปากของเขาก็โดนปิดทับด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย
ตัวของสายน้ำถูกจับให้หันมาทั้งตัว มือทั้งสองข้างของหินผาจับประคองใบหน้าของคนอายุน้อยกว่าพร้อมกับป้อนจูบให้ไม่หยุด เอียงใบหน้าปรับองศาในการจูบในขณะที่มือของสายน้ำก็ทำได้แค่กำแขนเสื้อของหินผาเอาไว้
เนินนานหลายนาทีกว่าริมฝีปากของสายน้ำจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คนโดนขโมยจูบได้แต่ยืนหายใจหอบเอนหน้าซบที่ไหล่ของหินผาเพราะไม่กล้าเงยหน้ามอง
“แบบนี้ชาร์จพลังได้เต็มพันเต็มหมื่นเลย” หินผาพูด โยกตัวไปมาพลางใช้มือลูบหลังปลอบคนรักที่โดนเขาปล้นจูบไป
หินผาดูจนแน่ใจว่าน้องโอเคแล้วถึงได้จูงมือสายน้ำออกจากห้อง เขาขับรถพาสายน้ำไปส่งที่คอนโด ซึ่งตั้งแต่ออกจากคอนโดของหินผามามือข้างขวาของสายน้ำก็ยังไม่ถูกปล่อยเลย แม้จะรู้ว่าการให้หินผาขับรถมือเดียวมันจะอันตราย แต่ความอุ่นที่มือมันก็ดีกับใจของเขามากจนไม่อยากให้หินผาปล่อยมือกันไป
“ขับรถมือเดียวอันตรายนะครับ”
“พี่จะขับช้า ๆ ไม่ให้เราเป็นอันตราย” พอเขาบอกไปแบบนั้นหินผาก็ตอบกลับมาแบบนี้ แล้วเจ้าตัวก็ทำอย่างที่บอกคือขับรถไม่เร็ว ส่วนหนึ่งก็คงเพราะรถค่อนข้างเยอะทำให้ขับเร็วไม่ได้ ไหนจะเจอรถติดเป็นบางช่วงอีก
“มือผมคงไม่นิ่มเหมือนตอนเด็ก ๆ แล้ว ใช่ไหมครับ” สายน้ำมองมือของตัวเองที่ถูกมือของหินผาจับเอาไว้
ตอนเด็ก ๆ พี่ชายคนนี้ก็มักจะคอยจับมือของเขาเอาไว้เสมอ จำได้ว่าตอนนั้นหินผาบอกว่ามือของเขาเล็กแล้วก็นิ่มมาก จับแล้วรู้สึกดีมือของพี่ชายในวัยเด็กก็สามารถกำมือของเขาได้มิด แต่ดูตอนนี้สิมือของเขาไม่ได้เล็กน่ารักหรือนุ่มนิ่มแบบตอนนั้นแล้ว
“แค่เป็นมือของสายน้ำ จะเล็กจะใหญ่ จะนิ่มจะสาก พี่ก็ชอบทั้งนั้นแหละ” หินผาบอกเขากระชับมือที่จับมือของน้องแน่นขึ้น “ไม่ว่ายังไง มือของพี่ก็จะคอยกุมแล้วก็ปกป้องน้องน้ำเสมอ”
“ครับ มือของพี่หินผาปกป้องน้องน้ำได้เสมอ แม้แต่ตอนที่เราไม่ได้จับมือกันก็ตาม” สายน้ำยิ้ม เขาเล่นมือของหินผาเล่นอย่างเพลินมือ
หลังจากที่ย้ายบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ หรือแม้แต่ตอนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ สิ่งที่สายน้ำนึกถึงมากที่สุดอีกหนึ่งอย่างก็คือฝ่ามือของพี่หินผาที่คอยกอบกุมแล้วก็ปกป้องน้องน้ำอยู่เสมอ แค่มองมือของตัวเองแล้วนึกถึงตอนที่โดนหินผาจับมือเอาไว้ สายน้ำในเวลานั้นก็แรง มีกำลังใจที่จะทำอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย
“แต่หลังจากนี้ไป พี่จะคอยจับเอาไว้ตลอด ไม่ปล่อยเลย”
“ครับ ผมก็จะจับมือของพี่เอาไว้แบบนี้ไม่ปล่อยเหมือนกัน”
สายน้ำใช้มืออีกข้างที่ว่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขากดถ่ายรูปมือของตัวเองกับหินผาที่จับกันเอาไว้ เจ้าตัวยิ้มเขินตอนคนเป็นพี่หันมามองแล้วยิ้มให้
“ส่งรูปให้พี่ด้วย” ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักตอนที่พี่พูด
แม้จะเจอรถติดแต่สุดท้ายแล้วระยะทางก็สิ้นสุดลง รถของหินผาเลี้ยวเข้ามาในคอนโดของสายน้ำและจอดนิ่งเพื่อส่งเจ้าตัว
“พี่หินผา... ปล่อยมือผมได้แล้วครับ”
“ยังไม่อยากปล่อยเลย เราขึ้นไปเอางานแล้วไปทำที่คอนโดพี่ไหม” คนอายุมากกว่าชักจะงอแง
“ไม่ได้สิครับ ผมไม่ได้ทำงานเดี่ยวนะ เพื่อน ๆ ผมรออยู่ด้วย”
ทำหน้าขัดใจแต่ก็ยอมปล่อยมือของสายน้ำแม้จะอิดออดก็ตาม “โอเคครับ ตั้งใจทำงานนะ”
“ครับผม พี่หินผาก็เหมือนกันนะครับ ตั้งใจทำงานนะ พักผ่อนบ้างนะครับอย่าโหมงานหนักเกินไปนะเดี๋ยวจะไม่สบายไป”
หินผาพยักหน้ารับ “ครับผม แล้วเจอกันนะ”
สายน้ำก้าวลงจากรถ โบกมือลาให้คนในรถยืนรอส่งจนกระทั่งรถของหินผาเลี้ยวออกจากคอนโดไปเขาถึงได้เดินไปขึ้นลิฟต์ ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อน ๆ ของเขาทำงานถึงไหนกันแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่าต้องให้ขมักเขม่นทำงานกันแค่ไหน เพียงแค่เขาเปิดประตูเข้าไปทุกคนก็คงจะพร้อมใจกันหยุดมือแล้วหันมาแซวเขาแน่นอน
แต่ไม่เป็นไร ถ้าเทียบกับการได้ชาร์จพลังงานกับหินผา โดนเพื่อน ๆ แซวแค่นี้ สายน้ำไม่เป็นอะไรหรอก
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
มันเป็นน่ารักน้าาาาา
พี่หินผากับน้องน้ำน่ารักมากเลย ฮือออออ เอ็นดูน้องเขินพี่ตลอด ๆ
พี่ก็ขยันหยอดน้องตลอด ๆ เหมือนกันนนนนนน
พี่หินผาก็ขยันจูบน้องบ่อย ๆ เหมือนกันนนนนน
งุ้ยยยย เขินเลย เขินคู่นี้
แต่งไปอมยิ้มไป เป็นน่ารักมาก ๆ ๆ ๆ เนอะ!
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
ปล. เค้ามี Line@ แล้วน้า แอดมาคุยเล่น ติดตามข่าวได้เลยนะ
Line@ : @f.gc (มี @ มี . (จุด) ด้วยน้า)
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ