[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 285802 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ต้องตายกันอีกคนละกี่รอบนะ ถึงจะสงบ วิถีอาคิราห์นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

อคินทร์ ตัวเต็งงานนี้เลย แฝดกันยังทำกันได้ บู้บี้นี่มันอาภัพมากจริงๆอ่ะ มากไปมาก  :ling3:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เหนื่อยแทนเลยพิชช์ฌานตามเกมไม่ทันแล้วกล้าปล่อยชีวิตลูกเมียมาเสี่ยงทำไมคู่แฝดเจ้าบู้บี้ต้องเศร้าเพราะรุ้เรื่องอะไรอยู่หรือเปล่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงครอบครัวบู้บี้ก็โหดร้ายเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ๊ยยยยยยย ชีวิตพวกเธอเสี่ยงกันเหลือเกิน  :katai1: :katai1: :katai1:
แต่ฝาแฝดมีหลุดมานิดนึงเกี่ยวข้องกับขบวนการหรือรู้อะไรมา?

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องไม่เป็นอะไรหรอก ใช่ไหม เราเชื่อใจนิลลานะ เราเชื่อว่านิลลาพาน้องออกมาได้
ฮื่ออออ เครียด

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


พิชช์ฌาน..

กำลังโดนอำนาจมืด

มือที่มองไม่เห็น

..เล่นงาน อยู่สิเนอะ

คุ้นๆคล้ายๆกับ..

ในบางประเทศ

อืมมมม น่าคิด

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เล่นกันแบบนี้เลยหรอน้องต้องไม่เป็นอะไร

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ที่อคินหลุดเศร้าขึ้นมาเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าบูบี้ใช่ไหม หรือจริง ๆ แล้วเป็นตัวเองที่แอบเข้าไปวางระเบิดซะเองเพราะดูท่าแล้วคนจะสงสัยน้อยสุดด้วยเหตุที่เป็นพี่แฝดและสนิทกับเจ้าบูบี้ที่สุด แต่ถ้าอคินเป็นคนวางระเบิดไว้จริง ๆ ก็ถือว่าโหดเหี้ยมเกินไปแล้วแม้กระทั้งน้องที่คลานตามกันมายังไม่เว้น

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :ling1: โอ้ยยยย เครียดแทนนน ขอให่เป็นแผนเถอะนะ อย่าให้บู้บี้เป็นหนักเลย แล้วพ่อมาเตือนขนาดนี้ พิษฟังบ้างง

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 607
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ฝากความหวังไว้ที่นิลลาได้ใช่ไหม
หวังว่านิลลาจะดีและจริงใจกับอัยย์
พลีสสส  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 ขอให้บู้บี้กับลูกและนิลลาปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ฮรือออ นู๋อัยย์ ตัองรอดนะลูกกกก

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หนูอัยย์ต้องปลอดภัย เจ้าบู้บี้เก่ง เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เชื่อเราสิ!!!
เข้าใจคุณพ่อของนายพิษเลย ว่าเพราะความปลอดภัยของครอบครัวเลยต้องถอนตัว
แต่กับนายพิษ นายเลือกทางนี้แล้วเราเป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ gibari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง้~~~~ ยัยบู้บี้ต้องไม่เป็นอะไรนะะะะะะ   :hao5:
ยังไงก็ยังมีนิลลาที่ยังอยู่ด้วยกัน ปกป้องน้องอัยย์และตัวน้อยในท้องด้วยนะ

รอคอยตอนต่อไปด้วยใจลุ้นๆ ค่ะ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ต้องออกมาทันสิ ยัยบู้บี้ของชั้นอย่าเป็นอะไรนะ :hao5:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 45



 

 

 

 

 

          “ทาสีขาวเรียบ ๆ แบบนี้ก็ดูสวยไปอีกแบบเนอะนิลลา”  อาคิราห์ลูบมือไปบนผนังห้องทำงานของตนเองอย่างพอใจ  “เดี๋ยวต้องหาแจกันมาวางตรงนั้นเสียหน่อย จะได้ดูสดชื่นขึ้น”

          “เดี๋ยวนิลลาจะไปหามาให้”  ร่างผอมบางทำท่าจะหมุนตัวออกไป  อาคิราห์รีบคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

          “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้  เอาไว้เราค่อยไปเดินเลือกด้วยกัน”  คนเป็นนายเปลี่ยนเรื่อง  “เอารายชื่อของคนที่ลงทะเบียนวันนี้มาดูกันดีกว่า  จะได้ไม่เสียเวลา"  เจ้าโอเมก้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่ตั้งเอาไว้กลางห้อง  เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มรายชื่อมาเปิดอ่าน  “นิลลาจะไปไหนอีกน่ะ”

          “จะไปหาของว่างมาให้  คุณจะได้มีแรงทำงาน”

          “รู้ใจฉันจริง ๆ”  อาคิราห์หัวเราะ  นั่งอ่านไปได้ครู่เดียวก็ยกมือเท้าคาง  หันไปมองวิวข้างนอกหน้าต่างที่ยังเหลือเวทีที่ใช้ในงานพิธีการตอนเช้ากับนักข่าวบางคนที่ยังเตร็ดเตร่อยู่ในสวนข้างหน้าห้องสมุด  อาสาสมัครโอเมก้าที่มาช่วยงานวันนี้ต่างแยกย้ายทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว

มานึกดูอีกที  อาคิราห์ก็อดปลื้มใจไม่ได้  เขามีความสุขมากตอนที่ทุกคนช่วยกันทำให้งานเปิดมูลนิธิฯในวันนี้สำเร็จ  ถึงแม้ว่าต่างคนต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทว่าพวกเขาก็เข้ากันได้ดี  รู้สึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างน่าประหลาด  อาจเป็นเพราะสายเลือดโอเมก้าที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเหมือน ๆ กันหรือเปล่า

ถ้าโอเมก้าไม่ช่วยกันเอง แล้วใครจะช่วย...คำพูดที่เขาได้ยินบ่อยครั้งในระยะหลัง  อาคิราห์อมยิ้มนิด ๆ เหลือบมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ...ผู้ชายหน้าเข้มยิ้มกว้างตอบกลับมา  เขาย่นจมูกใส่...ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ไปติดรูปหน้าส้วมจริง ๆ น่ะ

          ป่านนี้คงกำลังประชุมหัวหมุนแล้วมั้ง....พวกบ้างาน  แต่ก็สบายใจได้ว่าคงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่น่าเป็นห่วงอย่างเช่นที่เพื่อน ๆ โอเมก้าพากันมาเล่าปรับทุกข์ให้ฟัง

          ‘สามีของฉันเขาไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกเต็มไปหมด  ทิ้งให้ฉันเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านคนเดียว  ฉันจะไปไหนก็ไม่ได้  จะออกมาทำงานเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง  มูลนิธิฯของคุณเหมือนแสงสว่างของฉันเลยนะ’

          ‘เราก็เหมือนกัน  เราถูกกัดโดยคนที่เราไม่ได้รัก  แต่ก็จำใจต้องอยู่ด้วยเพราะไม่มีทางเลือก  ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน  ออกไปอยู่กับโอเมก้าคนอื่น...’

         อาคิราห์ไม่เคยมีความคิดเรื่องนอกใจหรืออะไรแบบนี้มาก่อนเลย  พอมาได้ฟังประสบการณ์จากผู้อาวุโสกว่าเข้าก็เริ่มกลัวขึ้นมา  ตั้งใจว่าจะแอบกระซิบถามคุณเจนภพเสียหน่อยถ้ามีอะไรผิดปกติไป  แต่ว่าคนอย่างนายพิชช์ฌานคงไม่ทำแบบนั้นกับเขาหรอกน่า...คิดมากเกินไปแล้วอาคิราห์

          ท้องร้องโอดครวญขึ้นมา  อาคิราห์ขมวดคิ้ว...นิลลาหายไปนานกว่าที่คิด

          ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยร่างของคนสนิทที่ถือถาดน้ำชากับของว่างเข้ามา  อาคิราห์ส่งยิ้มให้

          “กำลังคิดอยู่เลยว่านิลลาหายไปไหน”

          “ไม่ชินกับห้องครัวใหม่ก็เลยช้าหน่อย”  นิลลาตอบเรียบ ๆ เหมือนเคย แล้วก็นั่งดูเจ้านายรับประทานของว่างจนหมด  “ไม่อิ่มใช่ไหมคุณอาคิราห์”

          “อิ่มแล้ว  ขอบใจมาก”  อาคิราห์รีบบอกเพราะเกรงใจอีกฝ่าย

          นิลลาเงียบไปครู่หนึ่ง

          “มีร้านขนมหวานแห่งหนึ่งเพิ่งเปิดใหม่  อยู่ไม่ไกลจากที่นี่  คุณอยากไปชิมดูไหม”  นิลลาพูดช้า ๆ เหมือนครุ่นคิดไปด้วย  “แต่ถ้าคุณอยากทำงานต่อให้เสร็จก่อนก็ไม่เป็นไร”

          “งานฉันจะเสร็จแล้ว”  อาคิราห์พูดทันที  “เอากลับไปทำต่อที่บ้านก็ได้”

          “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”  นิลลายิ้มนิด ๆ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  ช่วยอาคิราห์ถือกระเป๋าเอกสารกลับออกมาจากห้องทำงานด้วยกัน  “ออกทางข้างหลังจะใกล้กว่า”  โอเมก้าคนสนิทพูดเรียบ ๆ

          อาคิราห์พยักหน้า  เดินตามหลังคนสนิทออกทางบันไดเหล็กข้างหลังอาคาร  ไม่แน่ใจว่าจะใกล้กว่าจริงอย่างที่นิลลาบอกหรือเปล่า  แต่ดูจากท่าทางมั่นใจของอีกฝ่ายแล้วอาคิราห์ก็ตัดสินใจเดินตามไปเงียบ ๆ จนกระทั่งมาหยุดยืนที่ซอยด้านหลังห้องสมุดที่เขาไม่เคยรู้ว่ามี

          “ซอยนี้ทะลุออกที่ไหนน่ะ”  อาคิราห์ชะเง้อคอมองอย่างสนใจ  เห็นร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ติดกับร้านขายอาหารแห้ง  คนน้อยจนแทบจะเรียกว่าเปลี่ยว  “ไปทางนี้เหรอ”

          “เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

          “ฉันขอแวะซื้อน้ำที่ร้านชำก่อนได้มั้ย”  อาคิราห์ว่า  “รู้สึกระคายคอ”

          นิลลาไม่ว่าอะไร  ยืนรอจนเจ้านายกลับออกมาพร้อมกับน้ำขวดเย็นจัด  พวกเขาเริ่มออกเดินต่อจนมาทะลุอีกด้านหนึ่งที่ติดถนนใหญ่  อาคิราห์พยักหน้าอย่างพอใจ

          “เพิ่งรู้ว่าทะลุกันได้  แบบนี้น่าจะขยายถนนในซอยเสียหน่อยนะ  เราจะได้เข้าออกได้ง่ายขึ้น”  อาคิราห์พึมพำ  “แล้วไปยังไงต่อล่ะ”

          “ขึ้นรถดีกว่า  คุณกำลังท้องอยู่  นิลลากลัวว่าเดินมากแล้วจะกระเทือน”

          “ฉันก็เดินมาทั้งวันแล้วนะ”  อาคิราห์หัวเราะ  เหลือบมองรอบตัว  “คิดไปคิดมาก็ชักขี้เกียจไปแล้วล่ะ  เรากลับบ้านไปรอคุณพิชช์ฌานกันดีกว่ามั้ย...”  เสียงของอาคิราห์ขาดหายไปเมื่อรู้สึกถึงโลหะเย็น ๆ ที่กดเข้าที่หลัง  เขาหันกลับไปมองอาวุธดำเมื่อมในมือของนิลลา

          “ขึ้นรถเถอะคุณอาคิราห์  อย่าให้ครรภ์ของคุณต้องกระทบกระเทือนเลย”  นิลลาพูดแล้วดันปลายกระบอกปืนที่ซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อเข้าที่หลังของเขาอีกครั้ง  อาคิราห์เม้มปากแน่นก้าวเข้าไปในรถแท็กซี่คันนั้นโดยมีนิลลาก้าวตามขึ้นมานั่งข้าง ๆ

          เขาพยายามสบตากับคนขับ  ทว่าฝ่ายนั้นกลับมองเฉยเหมือนไม่รับรู้

“หลับตาดีกว่าคุณอาคิราห์  คุณเหนื่อยมากคงต้องการพัก”  ประโยคที่เหมือนเป็นห่วงนั้นมาพร้อมกับแรงกดของปลายกระบอกปืน  อาคิราห์หลับตาลงอย่างจำใจ  ครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เกินความคาดหมายนี้  นิลลาหักหลังเขาด้วยจุดประสงค์อะไรก็ยังไม่ทราบได้  รู้แค่ว่ายังไงก็ต้องพาตัวเองกับลูกออกไปอย่างปลอดภัยให้ได้

พิชช์ฌานจะต้องโกรธมากแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าเขาติดกับแผนง่าย ๆ เพราะเห็นแก่ของกินในตอนแรกและความไว้เนื้อเชื่อใจ...

จนกระทั่งรถหยุดนิ่ง  เขาลืมตาขึ้นพบว่ารถมาจอดที่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่เขาไม่เคยมา

          “เธอตั้งใจจะทำอะไรนิลลา”  อาคิราห์ถามเสียงเรียบ ก้าวลงมาจากรถ กวาดตามองรอบ ๆ สวนที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่รกครึ้มเหมือนขาดการดูแล  ไม่มีคนเดินผ่านไปมาเลยแม้แต่คนเดียว  “ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ  พิชช์ฌานจะหาฉันเจอในเวลาไม่นาน”

          “แต่ก็คงนานพอที่จะคุยกันจบ”  คนสนิทตอบ  “เดินเข้าไปเถอะคุณอาคิราห์”

          อาคิราห์หยุดกึกแล้วหันกลับมาพร้อมกับปล่อยหมัดเล็งเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่ายฉับพลัน  ทว่านิลลากลับเอี้ยวตัวหลบได้  เสียงกริ๊กดังขึ้น  อาวุธสีดำเมื่อมอยู่ในมือของคนสนิทเล็งมาทางเขา  ใบหน้าของนิลลาบอกว่าเอาจริง

          “เดินเข้าไปในสวนกันเถอะคุณอาคิราห์”  นิลลาพูดซ้ำ

          เสียงใบไม้แห้งดังกรอบแกรบเพราะเท้าที่เหยียบลงไปดังก้องอยู่ในความเงียบสงัด  แสงแดดส่องผ่านยอดไม้ลงมาเล่นแสงเงาสวยงามกว่าที่เคยเห็น  อาคิราห์ได้ยินเสียงคนข้าง ๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว

          “มีอะไรคุยกันดี ๆ ดีกว่ามั้ยนิลลา”  เขาพูดเสียงอ่อน  มองอาวุธที่จ่ออยู่ที่เอวอย่างระมัดระวัง

          “คุณอาคิราห์ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก  เป็นเพราะไม่กลัว...”  นิลลาว่า  “หรือว่ารู้อยู่ก่อนแล้ว”

          “รู้เรื่องอะไร  ...ก็นิลลาจะพาฉันไปกินขนมไม่ใช่หรือไง”  อาคิราห์ตอบเสียงเนิบ ๆ รักษาอาการตื่นตระหนกเอาไว้ในสีหน้าเรียบเฉย  “ฉันเชื่อใจนิลลานะ”

          “.........”  อีกฝ่ายถอนหายใจยาวแล้วหยุดเดิน  หันหน้ามาเผชิญหน้ากัน  “คุณอาคิราห์รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้จะพาไปกินขนม  ฉันโกหกคุณ”

          “ไม่ว่านิลลาจะพาไปที่ไหน  ฉันเชื่อว่ามีเหตุผลที่ดีเสมอ”  อาคิราห์พูดเนิบ ๆ “จริงมั้ยล่ะ”

          “คุณไว้ใจคนมากเกินไปคุณอาคิราห์  เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นบทเรียนให้กับคุณเลยเหรอ”  นิลลากระซิบ

          “ฉันรู้จุดอ่อนของฉันดีนิลลา  ฉันไม่ใช่คนฉลาดนักหรอก  แต่ว่าฉันคิดว่าตัวเองมองคนไม่ผิด  นิลลาไม่มีทางทำร้ายฉัน  ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น”  อาคิราห์พูดจากใจ  “ต่อให้ความเชื่อของฉันผิด  ฉันก็ยอมรับ”

          “คุณชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย”  นิลลาพูดเหมือนปรารภกับตัวเอง  “มันทำให้ทุกอย่างยากขึ้นไปหมด”

          “นิลลามีอะไรจะบอกฉันอีกหรือเปล่า”

          เกิดความเงียบขึ้นระหว่างกันชั่วครู่หนึ่ง

          “เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน  มีเด็กทารกคนหนึ่งถูกนำมาทิ้งที่ใต้ต้นไม้ต้นนี้”  โอเมก้าร่างผอมบางพูดขึ้นช้า ๆ เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้สูงใหญ่ที่ออกดอกสีขาวนวลหอมกรุ่น  “มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักแล้วก็มืดสนิท..”

          “เธอกำลังจะเล่าเรื่องที่ฉันเล่าให้เธอฟังซ้ำใช่มั้ย”

          “ที่คุณเล่ามานั้นถูกต้อง  แต่ไม่ทั้งหมด..คุณอาคิราห์”  คำพูดของนิลลาทำให้อาคิราห์ชะงัก  จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างมึนงงแกมไม่แน่ใจ  “เด็กทารกคนนั้นถูกนำมาทิ้งจริง  แต่ว่าเขารอดชีวิต”

          “อย่าบอกนะว่า..”  คนฟังเบิกตากว้าง  ถามต่อมาด้วยเสียงกระซิบ

          “เสียงร้องไห้ของเขาดังพอที่จะมีคนได้ยิน  และพาเขากลับไปเลี้ยงดู”  นิลลายิ้มนิด ๆ รอยขมขื่นปรากฎขึ้นในดวงตาแห้งผาก  “ไม่ใช่เลี้ยงอย่างลูกหรอก  แต่มันก็ดีพอที่จะทำให้เด็กโอเมก้าคนนั้นเติบโตมาได้  แม้ว่าเขาจะหนีออกจากบ้านในตอนหลังก็ตาม”

          “นิลลา...นิลลาเหรอ”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก

          “คือฉันเอง...อาคิราห์”  นิลลาพยักหน้ารับ  “ฉันเพิ่งรู้พร้อมกับคุณ  ก่อนหน้านี้ฉันรู้เพียงว่าฉันถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่สวนสาธารณะแห่งนี้เท่านั้น  แม่ที่เลี้ยงฉันมาเล่าให้ฉันฟังไม่รู้กี่ร้อยครั้งเพื่อให้ฉันสำนึกในบุญคุณของเขา  ฉันรู้...แต่ที่ฉันไม่เคยรู้เลยก็คือเรื่องก่อนหน้านั้น...”

          คำพูดของนิลลาทำให้อาคิราห์ตกใจจนตั้งตัวไม่ทัน  ได้แต่มองหน้าสลับกับต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น

          “ทำไมเธอไม่บอกฉัน  ทำไมไม่บอกกันก่อน”

          “ฉันยังไม่พร้อมจะบอก”  นิลลาตอบอย่างสงบ  “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอก  คุณอาจจะไม่เชื่อและหาว่าฉันกุเรื่องขึ้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง”

          “แล้วเธอบอกฉันวันนี้ทำไม”

          “เพราะว่า....”  นิลลาอึ้งไป

          เสียงกรอบแกรบของใบไม้ดังขึ้นทางด้านหลัง  อาคิราห์ขยับตัวเป็นเวลาเดียวกับที่นิลลาเอื้อมมือมาล็อคแขนทั้งสองของเขาเอาไว้แน่น

          “เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของคุณอาคิราห์ถ้าคุณไม่ร่วมมือกับเรา”  ร่างผอมชะลูดของใครอีกคนปรากฏตัวขึ้น  อาคิราห์ไม่เคยเห็นหน้าคน ๆ นี้มาก่อน เขาดูเป็นโอเมก้าที่ผ่านอะไรมามากและมีท่าทีแข็งกร้าวทีเดียว  “ยินดีที่ได้เจอกันเสียที  คุณอาคิราห์”

          “คุณคือใคร”

          “ผมคือหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนโอเมก้า”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

          “คุณต้องการอะไร”  อาคิราห์ถาม  “นิลลาปล่อยฉัน”

         “คุณอาคิราห์ต้องสัญญาว่าจะไม่วิ่งหนีออกไป”

          “ฉันไม่หนี”  อาคิราห์พูด  พยายามตั้งสติ  “มีอะไรก็พูดกันดี ๆ ไม่จำเป็นต้องมาจับ  เราเป็นโอเมก้าเหมือนกัน”

          “ทั้งถูกและผิดครับ”  อีกฝ่ายบอก  “เราเป็นโอเมก้าเหมือนกันก็จริงแต่ว่าเราถูกปฏิบัติไม่เหมือนกันเลยสักนิด  ขณะที่คุณอาคิราห์ได้เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง  ใช้ชีวิตอยู่บนหอคอยงาช้าง  พวกเราถูกทิ้งขว้าง  ถูกกระทำเหมือนเป็นขยะปฏิกูลเน่าเหม็นน่ารังเกียจ”

          “ฉันรู้ ...ฉันเคยสัมผัสมาแล้ว ฉันถึงได้พยายามที่จะช่วยพวกคุณไงล่ะ”

          “ด้วยมูลนิธิฯเด็กเล่นอะไรของคุณนั่นน่ะเหรอ”  คนพูดยิ้มหยัน  “ถ้ามันสำเร็จก็คงสำเร็จไปนานแล้ว”

          “มันต้องสำเร็จ  เราเพิ่งเริ่มต้น”

          “แล้วอีกนานแค่ไหนล่ะครับคุณอาคิราห์  พวกเราชาวโอเมก้าถึงจะได้ลืมตาอ้าปากกันบ้างเสียที  คุณคงไม่เดือดร้อนหรอกเพราะตอนนี้คุณก็เป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งของประเทศนี้แล้วนี่  จะมารู้สึกรู้สมอะไรกับโอเมก้าที่ยังมุดอยู่ในครัวล่ะ  พอได้ตำแหน่งพ้นช่วงหาเสียงไปแล้วก็เข้าอีหรอบเดิม”

          “ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ  ฉันตั้งใจที่จะทำมูลนิธิฯนี้จริง ๆ ฉันอยากช่วยเหลือพวกเราทุกคน  คุณทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลย  ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมมือกับฉันล่ะ  คุณเองก็เป็นคนที่ดูเข้มแข็งมากคงจะสามารถช่วยกันผลักดันให้มูลนิธิฯเพื่อเพื่อนโอเมก้าพัฒนาไปได้ไกลแน่ ๆ”  อาคิราห์พูด

          “คุณก็คงเหมือนบรรดานักการเมืองอัลฟ่าที่แวดล้อมคุณนั่นล่ะ”  อีกฝ่ายโต้กลับ  “กฎหมายเพื่อโอเมก้าอะไรของคุณพวกนั้นมันเป็นสิ่งเพ้อฝัน  ไม่มีทางเป็นจริง  แม้แต่สามีของคุณเองตอนนี้ก็คงจะไม่ได้สนใจเรื่องความเท่าเทียมพวกนั้นมากเท่าตอนหาเสียงหรอกจริงไหม”

          “ไม่จริง  ฉันกับคุณพิชช์ฌานตั้งใจที่จะทำเพื่อโอเมก้าจริง ๆ นะ”

          “คุณไม่ใช่คนแรกที่เคยพูดประโยคนี้หรอกคุณอาคิราห์  เคยมีอัลฟ่าคนหนึ่งสัญญากับพวกเราเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วสุดท้ายก็....”  คนพูดยักไหล่  “อย่างที่เห็น  ไม่มีสัจจะในหมู่นักการเมืองอัลฟ่า  รวมถึงโอเมก้าไฮโซอย่างคุณด้วย”

          “แล้วการที่ทำแบบนี้มันมีประโยชน์หรือไง”  อาคิราห์กระชากเสียง 

          “มีสิ”  รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ด้านเกรียม  “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณอาคิราห์...ตาย...จากฝีมือของกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้า”  คำพูดของหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนโอเมก้าทำให้คนฟังใจหายวูบ  “ขอเดาเอาว่าอย่างแรกเลยก็คือ ...สามีของคุณ  คุณพิชช์ฌานจะต้องพลิกแผ่นดินเพื่อล้มล้างกลุ่มอัลฟ่าบ้าเลือดพวกนั้นแน่ ๆ เอ๊ะ...หรือว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลยเพราะกลัวกระทบผลประโยชน์กันนะ  แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ  คุณจะไม่ตายฟรี  อย่างน้อยการตายของคุณอาคิราห์ที่เป็นเหมือนแสงสว่างของโอเมก้าก็จะต้องกระทบกับจิตใจของโอเมก้าในประเทศนี้บ้างล่ะ  โดยเฉพาะถ้าหากข่าวแพร่ออกไปยังต่างประเทศเข้า”

          อาคิราห์เบิกตากว้าง  เริ่มตามความคิดของอีกฝ่ายทัน

          “แกจะทำให้เกิดจลาจลใช่มั้ย”

          “ฉลาดไม่เบาเลยนี่ ....การตายของคุณจะเป็นประโยชน์คุณอาคิราห์  แน่นอนว่าผมจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้มันสูญเปล่า  โอเมก้าในประเทศนี้จะต้องลุกขึ้นสู้กับความอยุติธรรมที่กดหัวพวกเรามานาน”

          “ความรุนแรงไม่มีทางแก้ปัญหาได้”

          “ความรุนแรงที่ถูกที่ถูกเวลาคือการแก้ปัญหาที่เด็ดขาดและได้ผลดียิ่งกว่าการนั่งคุยกันแน่นอนคุณอาคิราห์”

          “คิดว่าโอเมก้าจะไปสู้พวกอัลฟ่าได้ยังไง  แค่คิดจะสู้ด้วยกำลังก็คิดผิดแล้ว”  อาคิราห์โต้  “ร่างกายของพวกเราไม่ได้สร้างมาเพื่อการต่อสู้ปะทะ”

          “เรามีอาวุธ”  คนพูดยิ้มพราย  “ขอไม่บอกนะว่าได้มาจากไหน”

          “แกกำลังทำให้คนนอกแทรกแซงเรื่องในประเทศ  แกจะทำให้ประเทศของเราตกเป็นเบี้ยล่างของพวกมหาอำนาจที่หวังเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากประเทศเรา”

          “ไม่เป็นแบบนั้นหรอกคุณอาคิราห์  พันธมิตรจากอีกซีกโลกหนึ่งของเราจะสนับสนุนเพียงอาวุธเท่านั้น  แล้วที่เหลือก็ให้พวกเราจัดการเอง”  ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับโอเมก้ารอบ ๆ ที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมอาวุธครบมือ  อาคิราห์หันไปมองคนเหล่านั้น

          “แทมมี่?”  เขาเรียกเพื่อนโอเมก้าที่เคยเจอกันในเกาะนั้น  “อย่าไปฟังมัน  มันโกหกนะ  เชื่อได้เลยว่ามันจะต้องร่วมมือกับพวกต่างชาติเข้ามาตักตวงประโยชน์จากประเทศของเรา  อย่าไปฟังมัน”

          “ถ้ามันเป็นทางเดียวที่จะทำให้โอเมก้าอย่างเราพ้นจากความทรมานนี้  ฉันก็ยินดีจะเชื่อ”  แทมมี่ว่า

          “พวกเธอจะแค่พ้นจากใต้อำนาจหนึ่งไปอยู่ในใต้อำนาจอื่นแทน  แถมมันจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ  เชื่อฉันเถอะนะ  อย่าโดนมันหลอก”

          “เราไม่ได้วางแผนกันแค่เดือนสองเดือนคุณอาคิราห์  เราวางแผนกันมาเป็นหลายปี  เพียงแค่รอโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะมีใครเข้ามาเป็นชนวนจุดระเบิดนี้   เราพยายามติดต่อกับคุณและสามีของคุณก่อนหน้านี้แล้วแต่ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับเรา  ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะดำเนินการกันต่อเอง”

          “ให้ฉันกลับไปทำมูลนิธิฯของฉันต่อเถอะ  นี่มันบ้าสิ้นดีเลย”  อาคิราห์ร้อง  “มันไม่มีทางสำเร็จ  การต่อสู้ด้วยความรุนแรงมันไม่มีทางได้ผล  ไม่อย่างนั้นทุกประเทศก็คงเลือกวิธีนี้ไปแล้วแทนที่จะจัดการกันด้วยกฎหมาย  ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา  ไม่ใช่พลิกฝ่ามือ”

          “ที่คุณพูดก็อาจจะใช่  แต่ว่าไม่ใช่กับประเทศด้อยพัฒนาอย่างนี้หรอก”

          “ก็เพราะมีคนฉลาดน้อยแบบพวกแกไงล่ะประเทศถึงไม่พัฒนา”  อาคิราห์พูดอย่างหมดความอดทน  “ใช้สมองคิดหน่อยได้มั้ย  จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร  นานาชาติไม่ยอมรับความรุนแรงอยู่แล้ว  คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่โอเมก้าแต่เป็นคนที่สนับสนุนพวกแก  ง่ายสุดก็คือคนที่ขายอาวุธให้พวกแกน่ะ  การใช้กำลังไม่มีทางได้ประโยชน์  เผลอ ๆ โอเมก้าจะยิ่งถูกรังเกียจและทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม”

          “เรามีแผนสำรองเตรียมการเอาไว้แล้วคุณอาคิราห์  ไม่ต้องเป็นห่วงถึงตรงนั้นหรอกนะ”  ฝ่ายนั้นพูดเสียงเย็น  “เอาล่ะ  เหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนที่จะต้องดำเนินการตามแผนต่อไป”

          “เดี๋ยวก่อน”  นิลลาพูดแทรก  “ฉันอยากเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง  ให้ฉันเป็นคนจัดการ”

          “งั้นหรือ”  คนฟังเลิกคิ้ว  มองหน้านิลลาอย่างเพ่งพิศ  “ฉันไม่ไว้ใจความผูกพันระหว่างเจ้านายกับลูกน้องหรอกนะ”

          “แต่ฉันก็พาคุณอาคิราห์มาที่นี่จริง ๆ”

          “พูดผิดพูดใหม่นะนิลลา  ความจริงแล้วคุณอาคิราห์ควรจะ ‘ตาย’ ในกองเพลิงไปแล้วไม่ใช่หรือไง  ถ้าแกไม่ขอเปลี่ยนแผนในนาทีสุดท้ายน่ะ”

          “เพราะฉันอยากเป็นคนจัดการคุณอาคิราห์ด้วยมือของตัวเองต่างหาก”  นิลลาพูดช้า ๆ “ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้างเวลาที่มองไปที่เขา..โอเมก้าที่โชคดีที่สุดในประเทศนี้”  เขาเรียกอาคิราห์ตามพาดหัวข่าวที่หนังสือพิมพ์ลงกันด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน  “ขอโอกาสให้ฉันได้เป็นคนจัดการเขาเอง”

          หัวหน้ากลุ่มพยักหน้าเนิบ ๆ  ลูกน้องสองคนเข้ามาล็อคตัวอาคิราห์แล้วพาไปยืนเด่นตรงกลางวงล้อม  นิลลายกปืนขึ้นเล็งตรงไปที่กลางหน้าอกของโอเมก้า

          “นิลลา”  อาคิราห์เรียกด้วยความเสียใจ  “ทำไมทำกับฉันแบบนี้  ที่ผ่านมาฉันรักนิลลามากแค่ไหน  ไว้ใจนิลลามากที่สุด...นิลลาเป็นเพื่อนของฉันนะ”  น้ำตาร้อน ๆ ไหลอาบแก้ม  อาคิราห์มองผ่านม่านน้ำตาพร่ามัวไปยังร่างผอมบางที่ยืนจังก้าเล็งปืนมาที่เขา  “นิลลาจะฆ่าฉันได้ลงคอจริง ๆ เหรอ”

          “จะทำก็ทำ  อย่ามัวร่ำไร  เราต้องจัดการศพอีก”

          นิลลาเม้มปากแน่นแล้วเหนี่ยวไกปืน

          “ขอโทษนะคุณอาคิราห์”

          ....แด่ ความทรมานตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ขอให้มันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ด้วยเถิด

    ..................................................................................................

          “ไม่เจอร่องรอยของคุณอาคิราห์เลยครับ”  เจนภพเข้ามารายงานทันทีที่พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องประชุม  “กำลังให้คนสืบหาอยู่”

          “เกือบสองชั่วโมงแล้ว”  นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้พูดเสียงแหบ  “ฝากส่งแขกกลับไปที่โรงแรมด้วยนะ  พรุ่งนี้เอาร่างสัญญาที่คุยกันวันนี้มาให้ฉันดูด้วย  พวกเขาสนใจมาก”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วอย่างเคร่งเครียด  เขาต้องเจรจาผลประโยชน์ของประเทศไปพร้อม ๆ กับความห่วงกังวลถึงภรรยาแทบบ้าจนอยากจะล้มโต๊ะประชุมแล้วก้าวออกมาจากห้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ช่างหัวประเทศมัน .... แต่ว่าเขาก็ทำไม่ได้  ต้องกัดฟันเจรจาต่อจนเสร็จ

          ...เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

          พิชช์ฌานนั่งรถย้อนกลับไปที่ซากอาคารมูลนิธิฯอีกครั้งหนึ่ง  คนเจ็บถูกลำเลียงออกมาจนหมดแล้ว  ส่วนคนที่หายสาบสูญไปหาศพไม่พบมีเพียงสี่คน  คืออาคิราห์  นิลลา  และพนักงานมูลนิธิฯอีกสองคนที่ทำงานอยู่บนชั้นสองของอาคาร

          “ถ้ายังไม่เจอศพ  ก็ยังมีความหวัง”  พิชช์ฌานพูดเป็นการให้กำลังใจตัวเองไปในตัว  หัวใจแผดเผาด้วยความทรมานเหมือนมีไฟสุมในอก  สิ่งที่เขากลัวที่สุดกำลังกัดกร่อนเนื้อหัวใจของเขาจนกลายเป็นโพรงลึก  เคยมีคนเตือนเขาแล้วหลายต่อหลายครั้งถึงความสูญเสียที่อาจมาถึง  แต่เพราะความทะนงตัวและทะเยอทะยานของเขา...

          เขารู้แค่ว่าตัวเองไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก  ..คนอย่างพิชช์ฌานไม่เคยยอมแพ้ให้กับอะไรง่าย ๆ เป้าหมายของเขาจะต้องสำเร็จลงด้วยดีด้วยความสามารถของเขา  ทุกอย่างสามารถควบคุมได้  มันเคยเป็นเช่นนั้นมาตลอดทว่าตอนนี้กลับไม่

          รอยยิ้มสดใสของอาคิราห์ยังติดอยู่ในความทรงจำ...เป็นความผิดของเขา...จริง ๆ หรือ

          “คุณพิชช์ฌานจะกลับบ้านก่อนไหมครับ”  เจนภพถามเสียงเบา  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขยับตัว

          “ฉันขอนั่งอยู่ที่นี่ต่อก่อนอีกหน่อย”  พิชช์ฌานตอบกลับไป  “ไม่มีตารางงานอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ”

          “ผมยกเลิกไปให้หมดแล้วครับ”  เจนภพตอบ  “คิดว่าคุณคงไม่มีอารมณ์จะไปพบปะใครในเวลานี้”

          “จนกว่าจะเจอร่างของเขา  หรือหลักฐานอะไรก็ได้...ที่ยืนยันว่าเขาตาย...หรือยังมีชีวิตอยู่”  พิชช์ฌานพึมพำ  ทอดสายตามองไปยังร่างของเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำการค้นหาผู้เสียชีวิตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งตามคำสั่งของท่านนายกรัฐมนตรี  “ฉันหวังมากเกินไปไหมเจนภพ”

          เจนภพถอนหายใจยาว  วางมือลงบนไหล่กว้างที่งองุ้มของพี่ชายต่างมารดา

          “คนเราไม่ควรหมดหวัง”  เขาพูดสั้น ๆ แค่นั้น  “ถ้าอยากกลับเมื่อไหร่  บอกผมนะครับ”

          เขาปล่อยให้พิชช์ฌานนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ

          การค้นหายังดำเนินต่อไป  แต่ละนาทีที่ผ่านทำให้หัวใจของพิชช์ฌานเต้นช้าลงทุกที  ปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นล้วงเข้ามาบีบจนหายใจไม่ออก  ความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาจนถึงคอหอย  เป็นเพราะเขา....ที่อาคิราห์เสียชีวิตครั้งนี้  เป็นเพราะเขา

          ..มันสายไปแล้วงั้นหรือ...เขาไม่มีทางกลับตัว  ไม่มีทางย้อนเวลาได้เลยเหรอ...

          น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงต้องหลังมือที่วางอยู่บนตัก  ตามด้วยหยดที่สองและสาม  พิชช์ฌานปล่อยให้มันไหลออกมาเงียบ ๆ โดยไม่ฝืนกลั้นอีก  แสงไฟสนามส่องให้เห็นซากต้นกุหลาบที่ถูกเหยียบย่ำจนเละไม่เหลือเค้าความสวยงามก่อนหน้า  ช่างเป็นความทารุณโหดร้ายเกินจะรับไหว

          ทำไมเขาถึงไม่คิดมาก่อนหน้านี้

          ทำไม...



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





          เสียงรถยนต์หลายคันแล่นเข้ามาในบริเวณของสถานที่เกิดเหตุ  ชายสูงวัยก้าวลงจากรถคันแรกสุดเดินตรงเข้ามาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่  แววตาเย็นเยียบในดวงตาที่ยังคมกริบแม้มากด้วยวัยนั้นทำให้พิชช์ฌานรู้สึกยำเกรงขึ้นมาเป็นครั้งแรก

          “ท่านไตรคุณ”  เขาลุกขึ้นยืน  อีกฝ่ายหยุดนิ่งประจันหน้าเขา   ได้ยินเสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชจากที่ไกล ๆ คงมาจากนักข่าวที่รอเก็บภาพสำคัญระหว่างพ่อตากับลูกเขยนายกฯอยู่

          “เจออาคิราห์มั้ย”  ไตรคุณถามขึ้นเป็นประโยคแรก  “อาคิราห์อยู่ที่ไหน”  เสียงของนักการเมืองอาวุโสสั่นนิด ๆ ไตรคุณเดินผ่านหน้าลูกเขยเข้าไปยังซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกระเบิด   “อัยย์ล่ะ”

          “กำลังค้นหาอยู่ครับ  ยังไม่เจอร่าง”  พิชช์ฌานตอบเสียงแหบ  “ผมให้เขากระจายกำลังออกค้นหารอบ ๆ ด้วย  เผื่อว่า...”

          “..........”  ไตรคุณไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย  เขายืนมองกองอิฐกองปูนพวกนั้นนิ่งนานก่อนจะหันกลับมามองหน้าลูกเขย  นัยน์ตาคู่นั้นแดงก่ำบอกอารมณ์ของเจ้าของโดยไม่ต้องพูดออกมาซักคำเดียว  พิชช์ฌานอึ้งไปนานแล้วก้มหัวลงต่ำ  พูดประโยคที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดกับอีกฝ่าย

          “ผมขอโทษ”

          “ไม่มีประโยชน์”

          “ผมจะตามหาเขาจนกว่าจะเจอ  บางที...มันอาจจะไม่...”  ความรู้สึกผิดพุ่งสูงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  โดยเฉพาะยามที่สบตาบิดาของอาคิราห์  ความสูญเสียที่ไม่ต้องบอกออกมาเป็นคำพูดมันเกินกว่าที่เขาคาดคิด

          ท่านไตรคุณ...รัก...ลูกชายโอเมก้าจริง ๆ งั้นหรือ  ถ้าเป็นเพียงแค่การแสดงต่อหน้ากล้องนักข่าวก็ควรจะได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมไปครอง

          “...ถ้าได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมผมจะแจ้งท่านไปครับ”  ชายหนุ่มรุ่นลูกพูด

          “ฉันจะรอ...”  ศัตรูทางการเมืองของพิชช์ฌานตอบกลับมาห้วนสั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินดุ่ม ๆ กลับไปที่ขบวนรถของตน   พิชช์ฌานมองตามหลังไปจนแสงสีแดงท้ายรถลับสายตา

          ความรุ่มร้อนเพิ่มสูงขึ้นอีกตามเวลาที่ผ่านไป  เจ้าหน้าที่ออกกระจายค้นหาตามตรอกซอยข้างเคียงเท่าที่จะทำได้  พิชช์ฌานเองก็นั่งไม่ติด  ความหวังที่ยังลงเหลืออยู่ในใจเริ่มริบหรี่ลงทุกที

          “คุณพิชช์ฌานครับ”   เจนภพเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นกว่าปกติ  ชายหนุ่มที่นั่งพิงกำแพงอย่างหมดแรงหันขวับไปมอง

“เจออาคิราห์แล้วเหรอ”  เขาถามด้วยความหวัง

“ยังไม่เจอครับ  แต่เราเจอเบาะแสใหม่ที่อาจจะเป็นคุณอาคิราห์”  เจนภพตอบกลับมา  “ผมให้คนเดินสำรวจรอบ ๆ ซอยแถวนี้แล้วไปเจอแม่ค้าคนนึงบอกว่าเห็นคนหน้าเหมือนคุณอาคิราห์เข้ามาซื้อน้ำ  แม่ค้าจำได้เพราะคุณอาคิราห์จ่ายแบงค์พันให้”

          คนฟังหัวใจเต้นรัวเร็ว  ผุดลุกขึ้นยืน

          “จริงหรือเปล่า  อยู่ที่ไหน  พาฉันไปเลยเจนภพ”

          ความหวังที่ริบหรี่ในตอนแรกเริ่มปรากฏแสงสว่างขึ้นรำไร  พิชช์ฌานแทบจะเข้าไปคว้าคอเสื้อของแม่ค้าคนนั้นเพื่อถามถึงคนที่เธอเจอ  แม่ค้าตกใจใหญ่ที่จู่ ๆ ก็มีคนหน้าเหมือนนายกฯมาปรากฎตัวตรงหน้า

          รูปร่างลักษณะที่แม่ค้าบอกตรงกับอาคิราห์ทุกประการ  พอเปิดรูปให้ดูเธอก็ยืนยันว่าเป็นอาคิราห์จริง ๆ

          “ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ  เพราะเขาควักแบงค์พันมาจ่ายเงินค่าน้ำฉัน  ฉันไม่มีทอน  เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร  ไม่ต้องทอน  นี่ไงล่ะคะ...”  เธอหยิบธนบัตรสีเทาขึ้นมาส่งให้ดู  “หน้าตาดีเชียวล่ะคุณ  ฉันยังคิดอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหน  เขามากับผู้ชายอีกคนตัวผอมซีด ๆ หน้าตอบ ๆ”

          “ขอบคุณมากนะป้า”  พิชช์ฌานพูด  รับธนบัตรใบนั้นมาแตะจมูก  กลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของอาคิราห์ยังปะปนอยู่จาง ๆ ...เจ้าตัวคงตั้งใจทิ้งเอาไว้ให้เขา  ขอบตาของชายหนุ่มร้อนผ่าว  เขาหันหน้าไปทางอื่นที่ไม่มีลูกน้องอยู่แล้วยกปลายนิ้วขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว   “ลองไล่ถามคนในละแวกนี้ดูว่ามีใครเห็นอาคิราห์อีกหรือเปล่า”

          พิชช์ฌานสั่งการ พับธนบัตรใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้แนบหัวใจอย่างบรรจง  เวลาผ่านไปจนกระทั่งเขาสืบได้ความเพิ่มว่ามีคนเห็นโอเมก้าสองคนโบกรถรับจ้างไปด้วยกัน

          “ดูกล้องวงจรปิด  ต้องมีถ่ายติดไว้แน่”

          “กล้องเสียครับท่าน”  นายตำรวจตอบอ้อมแอ้ม  “ทำเรื่องไปแล้วตั้งแต่ปีก่อนยังไม่ได้ซ่อมเลยครับ  กล้องเสียตลอดแนวถนนนี้เลยครับ”

          ชายหนุ่มทิ้งมือลงข้างตัวอย่างหัวเสีย

          “ใครรับผิดชอบเรื่องนี้เจนภพ  กลับไปฉันต้องจัดการ”  พิชช์ฌานพูดอย่างโกรธจัด  “มีทางอื่นอีกมั้ย  มีใครเห็นทั้งคู่อีก”  เขาเริ่มเดินกลับไปกลับมาอีกครั้ง  “พวกเขาไปไหนกันแน่  ไปกันสองคนไม่มีผู้คุ้มกัน  พนันได้เลยว่านิลลาจะต้องเป็นนางนกต่อของอะไรสักอย่าง..”  ชายหนุ่มเค้นสมองคิดอย่างหนักหน่วง  “ติดต่อรินลดาให้ที  ถามว่าเธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

          “ได้ครับ” เจนภพรับคำ  กดโทรศัพท์ไปหาหญิงสาวผู้นั้น 

          ตำรวจออกค้นหาตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องสงสัย คนของพิชช์ฌานเองก็กระจายออกตามหาร่องรอยของโอเมก้าหมายเลขหนึ่งที่อาจจะยังมีชีวิตอยู่  เวลาผ่านไปท่ามกลางความตึงเครียดของสถานการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกที  เจนภพกลับมาบอกว่ารินลดาปฏิเสธไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น

          “คุณรินลดาบอกว่าอยู่ต่างประเทศตอนนี้ครับ”

          “..........”  พิชช์ฌานนิ่ง  มองไปยังถนนเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยรถแน่นขนัด  “ตามหารถรับจ้างคันนั้นให้เจอ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “ติดต่อไปที่พี่เลี้ยงเก่าของอาคิราห์ด้วย  ไม่แน่ว่าเธออาจจะรู้เรื่องนี้”  เขาหมายถึงอรุณา...อดีตพี่เลี้ยงของอาคิราห์ที่ปากแข็งเหลือเกิน  ไม่ยอมเล่าอะไรเพิ่มทั้งนั้นไม่ว่าเขาจะทั้งขู่ทั้งปลอบอย่างไรก็ตาม

          “ท่านครับ  มีคนแจ้งข่าวว่าเจอคนคล้ายคุณอาคิราห์ที่สวนสาธารณะครับ”

          นายตำรวจเข้ามารายงานเขา  พิชช์ฌานไม่รอช้ารีบตามขึ้นรถไปยังสถานที่ ๆ บอกทันที  แม้ว่าเจนภพจะทักท้วงเอาไว้ก่อนก็ตาม 

          “มันอาจเป็นกับดักเพื่อจัดการคุณนะครับ”  ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดอย่างกังวล  “ให้ผมไปดูก่อนดีกว่า”

          “ไม่เป็นไรเจนภพ  ....นั่นลูกเมียฉัน  ฉันจะไปหาเขาด้วยตัวเอง”  พิชช์ฌานตอบ  นั่งกำมือไปตลอดทางนึกภาวนาขอให้โอเมก้าหมายเลขหนึ่งของเขายังมีชีวิตอยู่ 

          สวนสาธารณะที่เขามาถึงดูทรุดโทรมเหมือนสวนที่ถูกปล่อยให้รกร้าง  ต้นไม้ใหญ่สูงแผ่เงาครึ้มทำให้บรรยากาศดูน่าตะครั่นตะครอน่ากลัว  ตำรวจลงจากรถเข้าล้อมรอบพื้นที่อย่างฉับไว  พิชช์ฌานก้าวลงจากรถ

          “มีร่องรอยของคนเดินเข้าไปในนั้นจริง ๆ ครับ  เราเจอขวดน้ำที่คาดว่าน่าจะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อร้านนั้น”  พิชช์ฌานรับขวดน้ำเปล่ามาดูใกล้ ๆ กลิ่นหอมหวานของคุกกี้นมยังอวลอยู่จาง ๆ เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเขามาถูกทางแล้ว  “มีรอยเท้าของคนหลายคนครับ  คิดว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบหรือมากกว่านั้น”  นายตำรวจพูดต่อด้วยท่าทางหนักใจ  “คิดว่ามีอาวุธด้วย”

          พิชช์ฌานลอบระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักอก  สารวัตรใหญ่เข้ามาพูดคุยถึงแผนการที่จะเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งนี้

          “ผมเกรงว่าจะเป็นการลักพาตัวเพื่อประโยชน์อะไรสักอย่าง  แต่ที่แปลกก็คือทำไมถึงเลือกสถานที่กบดานเป็นสวนสาธารณะกลางแจ้งแทนที่จะเป็นที่ ๆ รัดกุมกว่านี้”

          “หรือว่าพวกมันมีแผนอะไรซ่อนเอาไว้อีก  อย่างเช่น...คิดจะระเบิดซ้ำ”  เจนภพเสนอความคิด  “เป็นไปได้ไหมครับท่าน”

          “เป็นไปได้...แต่ถ้าตั้งใจจะลักพาตัวจริง  ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาเลยล่ะ  มันต้องเรียกร้องผลประโยชน์กลับมาสิ  ไม่ใช่เงียบไปจนถูกตามเจอแบบนี้”  พิชช์ฌานพูดช้า ๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่น  “ต้องมีอะไรสักอย่าง”

          “ผมเรียกกำลังเสริมมาพร้อมแล้วครับ  เดี๋ยวเราจะบุกเข้าไป”  ตำรวจว่า  “ยังไงก็ต้องพาคุณอาคิราห์กลับออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้”

          พิชช์ฌานเม้มปากแน่น  เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกายคล้าย ๆ กับว่าจะจับไข้   หัวใจเริ่มเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ  มันอาจจะเป็นลางสังหรณ์หรืออะไรบางอย่างที่เขายังไม่แน่ใจ

          “คุณกลับไปนั่งพักข้างในรถก่อนดีไหมครับ  หน้าคุณซีดมากเลย”  เจนภพเหลียวมาเห็นเขาเข้า  ก้าวเข้ามาจับท่อนแขนของท่านนายกฯเอาไว้  “คุณพิชช์ฌาน”

          “อาคิราห์อยู่ข้างในนั้นแน่”  นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้พึมพำ  จ้องเขม็งเข้าไปในสุมทุมพุ่มไม้ที่บดบังสายตาเอาไว้  “รีบเข้าไปเถอะครับ  เขาอยู่ข้างใน”  ประโยคหลังเขาหันไปบอกนายตำรวจใหญ่ที่กำลังสั่งการอยู่

          “เริ่มภารกิจแล้วครับ”  คำตอบกลับมาจากทางเจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันเต็มยศที่กระจายตัวแฝงเข้าไปในสวนสาธารณะอย่างระมัดระวัง  พิชช์ฌานยืนนิ่งค้าง  มือเย็นเฉียบ  หัวใจเต้นรัวเร็วกระแทกแผ่นอกจนเจ็บไปหมด  ความกลัวหลั่งไหลมาจากไหนไม่ทราบมากมายจนเขาหายใจไม่ออก

          “เจน...ภพ”  เขาเอื้อมมือชื้นเหงื่อไปจับแขนของคนสนิทเอาไว้  ความตะครั่นตะครอที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้รู้สึกอยากอาเจียนออกมา  “พาฉันเข้าไป  บอกให้..ตำรวจ..เร่งมือ”

          “คุณฌาน”  น้องชายต่างมารดาเรียกอย่างตกใจกับท่าทางของพี่ชายที่งอตัวลงกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้แน่น  “เป็นอะไรไปครับ  แน่นหน้าอกเหรอ  ....หมอครับ  ช่วยดูท่านนายกฯหน่อย”

          “ฉัน..ไม่เป็นไร..”  พิชช์ฌานพูดอย่างยากลำบาก  ผลักมือแพทย์สนามออกไป  “อาคิราห์...ตามหาอาคิราห์ให้เจอเร็ว ๆ”

          “กำลังเข้าใกล้เป้าหมายแล้วครับ”  เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานกลับมา  “มีอาวุธ”  เสียงวอตอบกลับมาห้วน ๆ แทรกด้วยคลื่นเสียงซ่า ฟังไม่ถนัด  พิชช์ฌานกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น  ความกลัวจับใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเข้าครอบครองสติ  สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าจะต้องหนี ...หนีไปให้ไกลที่สุด

          “คุณฌานจะไปไหนครับ”  เจนภพร้องเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายเดินโซเซออกไปข้างหน้า  พิชช์ฌานไม่ตอบ  มือกุมหน้าอกเอาไว้  ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงปืนดังก้องบริเวณต่อกันหลายนัด  ชายหนุ่มรู้สึกจุกแน่นที่ท้องก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น

          เจนภพถลาเข้ามาประคองเจ้านายเอาไว้  พิชช์ฌานกดท้องของตัวเองเอาไว้แน่น  ความจุกเสียดตีขึ้นแทบหน้ามืด   เหงื่อแตกซิก  ภาพใบหน้าของเจนภพลอยอยู่เหนือหัวของเขาพร่าเบลอก่อนจะดับวูบ

          กลิ่นแอมโมเนียฉุนจัดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง  ความรู้สึกจุกเสียดจางลงไปทว่าหัวใจของเขายังเต้นรัวเร็วอยู่ด้วยความกลัวที่พุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม  พิชช์ฌานดันตัวลุกขึ้นนั่ง  เขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ภายในรถพยาบาลโดยมีแพทย์กับพยาบาลครบทีมกำลังตรวจร่างกาย

          “ท่านฟื้นแล้ว  ท่านเป็นลมไปเมื่อครู่ครับ”  นายแพทย์สนามว่า  “นอนลงก่อนให้ผมวัดความดัน”

          “ผมไม่เป็นไร  ผมต้องไปดูเมียผม  เขาเป็นยังไงบ้าง”  พิชช์ฌานพูดเร็วปรื๋อ  กระชากเครื่องมือที่พันรอบแขนกับหน้าอกของตัวเองทิ้ง  กระโจนออกมาจากรถพยาบาลคันนั้น

          ข้างนอกวุ่นวายราวกับเกิดกลียุค  พิชช์ฌานเห็นเจ้าหน้าที่ติดอาวุธวิ่งผ่านหน้าเขาเข้าไปภายในสวนสาธารณะแห่งนั้นกลุ่มใหญ่  ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นแว่ว ๆ บางครั้ง  คล้ายกับว่ายังมีการต่อสู้อยู่ข้างในนั้น  ร่างสูงโปร่งของเจนภพกำลังยืนพูดคุยกับทางตำรวจอย่างเคร่งเครียด

          “เจนภพ  อาคิราห์ล่ะ..”

          ใบหน้าของเจนภพคล้ำซีดจนคนมองใจหายวูบ

          “คุณฌานไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

          “ฉันถามว่าอาคิราห์อยู่ไหน”  พิชช์ฌานถามกลับแทบจะเป็นเสียงตวาด  “อาคิราห์ออกมาหรือยัง”

          “เรากำลังพาคุณอัยย์ออกมาครับ”  เจนภพตอบ  “ฝ่ายนั้นไม่ยอมวางอาวุธแล้วโต้ตอบกลับมาครับ  เลยยังไม่สามารถพาคุณอาคิราห์ออกมาได้”

          “ฉันจะเข้าไป..”

          “ท่านเข้าไม่ได้ครับ”

          “คุณฌานรอที่นี่เถอะครับ  ความปลอดภัยของคุณสำคัญที่สุดตอนนี้นะครับ”  เจนภพพูดเร็วปรื๋อ  เสียงปืนยังได้ยินอยู่เป็นระยะ  พิชช์ฌานกำมือแน่น  ฝืนความรู้สึกมึนงงเหมือนจะล้มลงอีกครั้งเอาไว้

          “เข้าถึงตัวคุณอาคิราห์แล้วครับ  กำลังพาออกมา”  มีรายงานออกมาจากสวนสาธารณะที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่   พิชช์ฌานยืนจ้องไปยังปากทางออกที่ฉายไฟเอาไว้สว่างจ้านั้น  นับถอยหลังอยู่ในใจ  แต่ละนาทีที่ผ่านไปคือความทรมานคล้ายไม่มีวันสิ้นสุด  กว่าร่างหลายร่างจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเปลสนาม

          พิชช์ฌานก้าวพรวดเข้าไปหา  ใบหน้าเล็กซีดเผือดหลับตาแน่น  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้  ผ้าขาวที่คลุมร่างแดงฉานด้วยสีเลือด  พิชช์ฌานรู้สึกเหมือนก้าวลงไปในหลุมลึกโดยไม่ทันตั้งตัว

          “อาคิราห์  ...อัยย์ ..ลืมตาสิ  ได้ยินฉันมั้ย”  เขาเรียกเสียงดัง  แนบมือเข้ากับซีกแก้มข้างซ้ายที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ  “อัยย์”

          “ขอทางก่อนครับท่าน  คุณอาคิราห์ถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง  น่าจะเสียเลือดมาก”  ทีมแพทย์พูดเร็วปรื๋อ  เข้ามารุมจัดล้อมรอบร่างโปร่งบางที่เล็กนิดเดียวในความรู้สึกของคนมอง  พิชช์ฌานก้าวถอนหลังเปิดทางให้แพทย์เข้าไปดูแล  เขาเบือนหน้าหนีตอนที่เสื้อของโอเมก้าถูกตัดออกเพื่อตรวจดูบาดแผล  เลือดไหลซึมออกมาจากแผลรูเจาะที่หน้าท้องกลมนูน   

          “ความดันตก  ต้องรีบพาเข้าห้องผ่าตัดด่วนที่สุด  เอาเลือดมาให้เร็ว”  พิชช์ฌานได้ยินนายแพทย์ใหญ่ว่า  เขาเห็นร่างของคนรักเต็มไปด้วยสายระโยงระยางค์เต็มตัว  เปลือกตาคู่นั้นหรี่ปรือมองมาตามเสียงเรียกแวบหนึ่ง

          “อัยย์  ได้ยินฉันมั้ย...”  พิชช์ฌานขยับเข้าไปบีบมือเล็กบางเอาไว้  “ฉันพิชช์ฌาน  ได้ยินหรือเปล่า”

          “.....”  ริมฝีปากแห้งผากขยับเป็นคำพูดที่ฟังไม่ออก  พิชช์ฌานจำต้องถอยออกมาจากที่ว่างข้างตัวคนเจ็บอีกครั้งเพื่อให้แพทย์เข้ามารักษาต่อ  รถพยาบาลคันนั้นขับออกไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้คำสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรีที่ขอขึ้นรถไปด้วย

          อาคิราห์ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดด่วน  ส่วนตัวเขาเองนั่งก้มหน้าอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดคนเดียวรอคอยผลการผ่าตัดที่แพทย์ไม่กล้ารับรอง  มันเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับฝันร้ายที่สุดในชีวิตของพิชช์ฌาน

          .......................................................................................



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






          อากาศหนาวเย็นจนเขาสั่นไปหมดทั้งตัว  ลำคอแห้งผากเจ็บแสบราวกับมีกรวดร้อน ๆ อยู่ข้างใน  เนื้อตัวหนักอึ้งคล้ายมีตุ้มเหล็กถ่วงเอาไว้  อาคิราห์ฝืนความรู้สึกสะลึมสะลือกึ่งง่วงงุนขึ้นลืมตามองไปรอบ ๆ เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องสีขาวที่แวดล้อมด้วยเครื่องอะไรสักอย่างส่งเสียงติ๊ด ๆ ตลอดเวลา

          ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องด้วยความเคยชิน  มันนุ่มนิ่มและมีผ้าโปะอยู่หนาหลายชั้นจนน่าแปลกใจ  อาคิราห์พยายามผงกศีรษะขึ้นดู  ความเจ็บปวดแล่นปราดจากหน้าท้องขึ้นมาจนเขานิ่วหน้า  มันปวดมากแม้จะขยับเพียงนิดเดียวก็ตาม

          “คนไข้ตื่นแล้วค่ะ”  เสียงหวานใสของใครสักคนดังขึ้นข้างเตียง  อาคิราห์เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่เพียงคนเดียวในห้องอย่างที่คิด  แต่ว่ามีผู้หญิงใส่ชุดสีเขียวและสีขาวเดินอยู่รอบเตียงด้วยท่าทางเร่งรีบ  เขาหลับไปอีกครั้งด้วยความง่วงงุน  ไม่ทันได้เห็นร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในห้องทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของนางพยาบาล

          พิชช์ฌานก้าวเข้ามายืนนิ่งข้าง ๆ เตียงของผู้ป่วย  ทอดสายตามองร่างที่อ่อนเปลี้ยนั้นด้วยหัวใจที่เหมือนถูกบีบจนเหลือนิดเดียว  หน้าท้องนูนเล็กน้อยด้วยผ้าพันแผลที่โปะเอาไว้หนาไม่ใช่จากสิ่งมีชีวิตข้างในครรภ์ทำให้ขอบตาของคนเป็นพ่อร้อนผ่าว

          “กระสุนทะลุลำไส้ตัดเข้าที่มดลูกพอดี  ทารกเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ครับ  แพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดเอาทารกออกและเย็บซ่อมมดลูกรวมถึงลำไส้ที่ฉีกขาดเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ก่อนครับ”

          คำบอกเล่าของแพทย์ยังก้องอยู่ในหัวเหมือนมีคนมาเปิดเทปกรอย้อนกลับไปกลับมา  พิชช์ฌานกำราวเหล็กที่ข้างเตียงเอาไว้แน่นจนข้อนิ้วขึ้นขาว  ความเจ็บปวดของเขาไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้  ถึงแม้ว่าจะดีใจที่คู่ชีวิตปลอดภัยแต่ว่าพิชช์ฌานกลับยิ้มไม่ออก

          ...เฌอริชช์  ลูกสาวของพ่อ...

          อุตส่าห์เฝ้าถนอมเฝ้ารอที่จะได้พบหน้า  วันนี้กลับได้เห็นเพียงกองผ้าสีเขียวที่ปกปิดร่างไร้วิญญาณของลูกเอาไว้  เขาไม่กล้าที่จะให้เปิดผ้าออกดูด้วยซ้ำ  ความรู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้าก็คงจะไม่เกินจริง  ลูกไม่อยู่กับเขาอีกแล้ว  ทั้ง ๆ ที่เมื่อวันก่อนเขายังนั่งฟังเสียงหัวใจลูกเต้นอยู่เลย

          เสี้ยวหน้าเรียวซีดเซียวของเจ้าโอเมก้าวางทาบอยู่กับหมอน  เจ้าตัวคงจะยังไม่รับรู้ถึงสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น  ทว่าไม่นานหลังจากฟื้นคืนสติดีก็คงจะต้องรู้ว่าภายในท้องกลม ๆ นั้นไม่มีใครอยู่อีกแล้ว  พิชช์ฌานไม่อยากจะนึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเสียใจมากขนาดไหน  และการที่จะต้องเห็นเจ้าตัวร้องไห้มันยิ่งทำให้เขาอยากจะตายแทนไปเสียเลยตรงนั้น

          เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ชายหนุ่มกดตัดสายทิ้ง  ไม่นานร่างสูงโปร่งของมือขวาคนสนิทก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องผู้ป่วยหนัก

          “ขออนุญาตครับ  คุณพิชช์ฌาน  ใกล้จะถึงเวลาให้สัมภาษณ์แล้วครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  เหลือบมองใบหน้าคมคล้ำของเจ้านาย  ความทุกข์ของชายหนุ่มฉายชัดแทบจะสัมผัสได้ด้วยมือเปล่า  “ถ้าคุณฌานไม่พร้อม  ให้ผมเลื่อนไปก่อน...”

          “ไม่เป็นไร”  นายกรัฐมนตรีของประเทศตอบกลับมา  “ไม่เป็นไร”  ชายหนุ่มพูดซ้ำอีกครั้งราวกับจะย้ำกับตัวเองไปด้วย  “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองเจนภพ  ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด  ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”  เหตุการณ์ทุกอย่างเกี่ยวพันกันไม่รู้จุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด  กลุ่มคนร้ายที่ถูกทางการจับตัวได้ซัดทอดว่าถูกว่าจ้างจากนายทุนอัลฟ่าที่สนับสนุนกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าทว่าคนลงมือกลับเป็นกลุ่มสนับสนุนโอเมก้าหัวรุนแรงที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้  ไม่มีใครสามารถให้ปากคำเพิ่มเติมได้  แม้แต่นิลลาเองก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

          ความสับสนทำให้เกิดความหวาดกลัว  มีคนใช้โอกาสนี้ในการสร้างความวุ่นวายภายในเมือง โอเมก้าถูกลอบทำร้ายทุกวันอย่างต่อเนื่อง  บางครั้งถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส  ทุกคนที่ถูกทำร้ายล้วนมีรายชื่อร่วมในมูลนิธิฯของอาคิราห์ทั้งสิ้น  ความโกรธแค้นของเหล่าโอเมก้าที่ถูกปลุกปั่นด้วยจุดประสงค์บางอย่างทำให้โอเมก้าเริ่มหันไปสนับสนุนกลุ่มโอเมก้าหัวรุนแรงที่ยังเหลืออยู่และเริ่มก่อเหตุวุ่นวายตามสถานที่ทำงานของอัลฟ่า

          “พวกมันต้องการให้เราใช้ความรุนแรง”  พิชช์ฌานพูดต่อ  “ฉันมั่นใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จงใจสร้างสถานการณ์วุ่นวายพวกนี้ขึ้นมาเพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง  ที่ฉันกลัวที่สุดก็คือจะมีคนฉวยโอกาสทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับอย่างประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศ”

          “ผมก็เกรงว่าอย่างนั้น  ถึงแม้ว่าทหารประเทศเราจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองมาเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม  แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้”

          “เราควรจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  เจนภพ  ก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้  ฉันจะแถลงการณ์จุดยืนของรัฐบาล”

          เจนภพมีท่าทีลำบากใจ

          “แล้วเหตุการณ์ไล่ทำร้ายโอเมก้าที่มีเข็มกลัดมูลนิธิฯล่ะครับ  คุณฌานจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยมั้ย  หลักฐานค่อนข้างชัดแล้วว่าเป็นฝีมือของพวกอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้า  แต่ว่า...”  เจนภพอึกอัก  ไม่ต้องพูดต่อพิชช์ฌานก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงจดหมายเตือนที่ถูกส่งมาที่บ้านอย่างลึกลับเมื่อวาน  “ผมเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก”  ชายหนุ่มปรายตามองไปทางคนเจ็บที่นอนนิ่งอยู่

          “ฉันรู้...”  พิชช์ฌานพูดเสียงแหบลึก  “ฉันรู้แล้วเจนภพ  แต่ถ้าเราหยุดก็เท่ากับเราแพ้  ไม่มีที่ว่างให้กับคนแพ้หรอกนะ”

          “แต่ว่าครั้งหน้า...อาจจะ...เป็นคุณ”  เจนภพกระซิบ  มองหน้าพี่ชายต่างมารดานิ่ง  “ผมไม่เคยคิดจะพูดแบบนี้มาก่อนแต่ว่า...ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป  ผมไม่อยาก...เสีย..พี่ชาย..ไปเพราะสาเหตุนี้”  ชายหนุ่มพูดขาดเป็นห้วง ๆ จ้องมองนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นอย่างขอร้อง  “ถอยเถอะครับพี่   พวกเขาไม่ปล่อยพี่เอาไว้แน่  เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่ไปหมด  ยากที่จะแก้ออกได้ด้วยมือของคน ๆ เดียว  ผมไม่อยากเห็นพี่เป็นอะไรไปอีกคน  ถือเสียว่าเป็นคำขอจากน้องชายของพี่”         

          พิชช์ฌานสูดลมหายใจเข้าปอดลึก  ยิ้มออกมาบาง ๆ

          “พี่เสียสละตัวเองเข้ามาก็หวังว่าจะทำให้ประเทศชาติเจริญเทียบเท่ากับอารยประเทศ  ถ้าถึงที่สุดแล้วมันไม่สามารถทำได้  พี่ก็จะยอมรับและวางมือ”

          “ที่ผมกลัวก็คือ...พี่จะไม่มีโอกาสนั้น”   เจนภพพูดเสียงเบา

          คนฟังเงียบ  หันไปกุมมือของภรรยาที่หลับสนิทเอาไว้  ประสานมือเข้ากับนิ้วเรียวเล็กนั้นกระชับแน่น  ก้มลงไปแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มเนียนไร้สีเลือดนั้นแผ่วเบา

          “อาคิราห์อยากไปสวิตเซอร์แลนด์มานานแล้ว  ...ช่วยฉันทีนะเจนภพ  คิดเสียว่าเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันเช่นกัน”

          .........................................................................................

          มาอัพต่อแล้วค่ะ

          หายไปสองอาทิตย์  ต้องขออภัยด้วยนะคะติดภารกิจเพื่อการเรียนต่อ  ตอนนี้กลับมาอัพนิยายรัวๆเหมือนเดิมแล้วค่า

          สำหรับตอนนี้...เป็นไปตามพล็อตที่ถูกวางเอาไว้แต่แรก  เมื่อตัดสินใจเขียนแล้วก็น้อมรับทุกคำติชมนะคะ  ขอโทษทุกคนมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ  แต่ว่า  ชีวิตของตัวละครก็ยังต้องดำเนินต่อไปตามเส้นทางของเค้า  บทเรียนราคาแพงบางคนก็เจอหลายครั้ง  บางคนเจอครั้งเดียว  บางคนไม่เคยเจอเลย  บางคนคิดได้บางคนก็คิดไม่ได้อยู่นั่นเอง

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์  ทุกการติดตามช่องทางต่าง ๆ นะคะ

          #ขอรักแค่คุณ

         

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Poompim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เศร้ามากคะ แต่ทุกชีวิตต้องเดินต่อไป บทเรียนราคาแสนแพง  ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  :sad11: :hao5:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


ไม่กล้าอ่าน

สงสารบู้บี้

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
โธ่ เฌอริช
เศร้าจัง ไม่น่าเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
มีลางสังหรณ์กะยัยตัวเล็กอยู่แล้วเลยไม่ค่อยตกใจเท่าไร แต่ตกใจนิลลามากกว่า ตอนแรกนึกว่าจะได้คู่กับเจนภพด้วย ทั้งๆที่มีโอกาสได้ออกมาอยู่ในที่ดีๆกับคนดีๆแต่ก็ยังติดกับอดีตของตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว น่าสงสาร ตอนนี้นิลลาก็ตายไปทั้งๆที่ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างแถมยังตายไปแบบไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของเขาเลย นี่ชอบนิลลามาก เป็นตลค.ที่มีเสน่ห์ แต่เขาก็ได้รับผลการกระทำของเขาแล้ว สนุกมากค่ะ รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ขอมาเดาตอนจบไว้ก่อน ไม่นายพิชญาณตายก็คุณไตรคุณตายแน่ๆ
1 คุณไตรคุณอาจจะตายเพราะงัดข้อกับนายใหญ่ซัมวันที่เป็นเบื้องหลังเพื่ออัยย์ ไม่ใช่เพื่อโอเมก้า
2 ถ้าเป็นนายพิชญาณที่ตาย ก็เพราะทุ่มสุดตัวล้มนายใหญ่ข้างหลังเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าให้อัยย์กับโอเมก้า เพราะตานี่เกิดมาเพื่อประชาชนจริงๆ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ้โห ฟื้นมาจะเป็นยังไงเนี่ยเจ้าบูบี้
อย่าพูดอะไรเป็นลางได้มั้ยนาย
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มันดูใจร้ายมากไปกับการทำลายชีวิตเด็กที่บริสุทธิ์และไม่รุ้เรื่องด้วยนิลลาต้องการฆ่าน้องตัวเองเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองชัดๆแม้ว่าจะถูกเลี้ยงมาไม่ดีแต่ควรมีสามัญสำนึกของความเป็นคนที่พวกตัวเองกำลังเรียกร้องจากคนอื่นทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับที่แม่นำตัวเองมาทิ้งอีกอย่างพิชฌานก็ควรทำอะไรให้เด็ดขาดกว่าเป็นผู้นำประเทศไม่ตายง่ายๆหรอกเพราะระดับการคุ้มครองมันเกือบสูงสุดอยู่แล้วเกมนี้มันรุนแรงไป

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
 :o12: :o12:เข้มข้นเหลือเกินแม่คุณเอ๊ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด