พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒  (อ่าน 57131 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gardenia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๓


T
B





            จิรนันท์เดินเข้ามาในห้องของลูกเจี๊ยบ เด็กน้อยนั่งกอดเข่าซุกหน้ากับเข่าของตัวเองอยู่มุมห้องจุดที่เป็นช่องว่างข้างตู้เสื้อผ้า ขาเรียวขาวของลูกปรากฏรอยหวายและเลือดที่ซึมออกมาได้แห้งกรังลงไปแล้ว



หากแต่ลูกน้อยของหล่อนยังคนไม่หยุดสะอึกสะอื้น



ถามว่าผิดหวังมั้ยกับสิ่งที่ลูกกับพระลอทำ



แน่นอนจิรนันท์ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา



ถามว่าโกรธมั้ย จิรนันท์ก็ตอบเลยว่าไม่



เพราะขนาดหล่อนเองที่เป็นแม่ก็ยังเคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางจนเกิดเจ้าเจี๊ยบน้อยมาหนึ่งคนตอนอายุ 14 เลย นับประสาอะไรกับเจ้าน้องน้อยของหล่อนที่กำลังอยู่ในช่วงอยากรู้อยากลอง



แต่จิรนันท์ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่มีลูกเขย



หล่อนพร่ำอบรมให้ลูกรู้สติอยู่เสมอเพราะไม่อยากให้ไปพลาดพลั้งทำสาวที่ไหนท้องแต่กลับกลายเป็นว่าลูกชายของหล่อนกลับมีคนรักเป็นผู้ชายมิหนำซ้ำคนๆนั้นคือพระลอคนที่แดนดินรู้สึกมาเสมอว่าได้แย่งหล่อนมาจากพระลอ



แม้แดนดินจะไม่เคยเอ่ยปากหากแต่หล่อนที่อยู่กับสามีมาตลอดรับรู้ความในใจนั้นดี



หล่อนเสียใจที่พระลอไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูไม่ทำอะไรๆให้มันถูกต้อง ความสัมพันธ์ของพระลอและลูกเจี๊ยบนั้นออกจะข้ามขั้นไปไกลโขจนกู่กลับมาไม่ได้



เห็นเจ้าน้องน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ให้คนเป็นแม่ทอดถอนใจ หญิงสาวมาหยุดยืนตรงหน้าลูก เจ้าเจี๊ยบน้อยเงยหน้าขึ้นมองยิ่งเห็นแม่ก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมากกว่าเดิม สองมือค่อยๆประสานกันก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของแม่ริมฝีปากที่เคยเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วพร่ำพูดแต่คำว่าหนูขอโทษอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ จิ๊บเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ได้แต่สงสาร



หัวอกของคนเป็นแม่นั้นอ่อนกว่าพ่อนักด้วยเฝ้าถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์จนเติบใหญ่ หล่อนจะทำอะไรได้นอกจากย่อกายลงแล้วดึงลูกให้ลุกขึ้นเดินมานั่งลงบนเตียงมือเรียวที่เคยป้อนข้าวป้อนนมลูบลงบนเรียวขาของลูกแผ่วเบา



            “เจ็บมากมั้ย?”หล่อนเริ่มใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดแผลให้ลูกด้วยความเบามือ



ตั้งแต่เล็กจนโตหลายครั้งที่ลูกไปเล่นซนจนได้แผลกลับมาก็มีแต่หล่อนนี่แหละที่คอยประคบประหงมทำแผลไปปลอบไป



            “เจ็บจ้า แต่หนูเจ็บไม่เท่ากับใจของพ่อกับแม่ที่ผิดหวังในตัวหนูหรอกหนูรู้ดี”



            “รู้แล้วทำไมยังทำ”



            “เพราะหนูกับอาลอรักกันจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบตามซื่อ จิ๊บชะงักมือที่แต้มยาสมานแผลให้ลูก คำว่ารักของลูกสะกิดใจหล่อนนัก ลูกเจี๊ยบจะมั่นใจได้ยังไงว่าความรู้สึกที่มีต่อลลิตภัทรนั้นคือความรักจริงๆ



            “ระหว่างรักกับหลงน่ะ บางทีความรู้สึกมันก็แยกกันไม่ออกหรอกนะเจี๊ยบ”



            “แม่กำลังจะบอกว่าระหว่างหนูกับอาลอมันคือความลุ่มหลงเหรอจ๊ะ”



            “แม่ไม่ได้จะหมายความอย่างนั้นไม่ได้จะดูถูกความรักของลูก แต่แม่เคยผ่านช่วงวัยเท่าลูกมาแล้ว ตอนแม่กับพ่อรักกันน่ะมันมีทั้งความรักและความหลง เรารักกันและต้องการจะอยู่ด้วยกันจนทำผิดขนบธรรมเนียมประเพณี ลูกเองยังเด็กอาจจะแยกความรู้สึกนั้นไม่ออก”จิ๊บแปะผ้าก๊อซเป็นอันดับสุดท้ายก่อนจะฉวยเอาอุปกรณ์ทำแผลแล้วลุกขึ้นยืน



            “แม่จ๋า..เจี๊ยบรักอาลอ รักมากจริงๆ ถึงเจี๊ยบจะยังเด็กในสายตาของพ่อกับแม่แต่เจี๊ยบก็รู้ใจตัวเองดีว่ามันไม่ใช่ความหลงแน่ๆ”จิรนันท์มองลูกชายที่ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง สรรพนามแทนตัวจากที่เคยแทนว่าน้องหรือหนูก็กลายเป็นเรียกชื่อตัวเองบ่งบอกว่าลูกของหล่อนกำลังจริงจังในคำพูด



            “แต่สิ่งที่ลูกกับอาลอทำมันผิด ลอเองก็เหมือนกันเป็นผู้ใหญ่แทนที่จะยับยั้งชั่งใจแต่กลับพากันไปเลยเถิด”



            “เรื่องนี้อาลอไม่ผิดเลยแม่ เจี๊ยบเป็นคนเริ่มเอง เจี๊ยบรักอาลอ แม่ให้เจี๊ยบกับอาลอคบกันเถอะนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยถลามาจับแขนแม่เอ่ยคำเว้าวอนอย่างน่าสงสาร แม้โบราณจะบอกว่าน้ำเชี่ยวอาเอาเรือไปขวางหากแต่คนที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจครั้งนี้กลับไม่ใช่หล่อน



            “เรื่องนี้แม่แล้วแต่พ่อ”ลูกเจี๊ยบทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง



ถ้าเรื่องนี้แล้วแต่พ่อเจี๊ยบก็มองไม่เห็นทางที่เราจะไปต่อได้เลยจ่ะอาลอจ๋า...

 

            รุ่งเช้าลูกเจี๊ยบตื่นตั้งแต่เช้ามืดดังเดิม เด็กน้อยเข้ามาช่วยแม่ทำกับข้าวเช่นทุกวัน แผลขาขารู้สึกตึงๆแต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่ได้ใส่ใจนัก บรรยากาศที่เคยอบอุ่นบัดนี้มีแต่ความเงียบจนเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งนับพันตัน แม่ที่เคยพูดคุยก็เงียบขรึมลง

มันเป็นเพราะเจี๊ยบคนเดียว เจี๊ยบรู้ดี เรื่องราวมันยังสดใหม่เกินกว่าที่ทุกคนจะทำตัวเหมือนเช่นเคยได้ เมื่อเตรียมอาหารเสร็จจิ๊บก็ตักข้าวใส่ขันเพื่อเตรียมไว้ให้หลวงตาจวบเช่นทุกวัน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยลูกเจี๊ยบก็เตรียมจะหยิบสำรับขันใส่บาตรไปท่าท่าน้ำหากแต่แดนดินเดินตึงๆออกมาจากห้องแล้วแย่งออกจากมือลูก



            “พ่อจ๋า?”ลูกเจี๊ยบร้องท้วงเมื่อของในมือถูกแย่งไป



            “ต่อไปนี้ไม่ต้องไปตักบาตรหลวงตาอีก เดี๋ยวพ่อจะบอกหลวงตาว่าไม่ต้องพายเรือมาแล้ว อย่าคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ไปเจอหน้าไอ้ลอได้อีก”แดนดินพูดจบก็หมุนตัวลงจากเรือนไป และกำนันหนุ่มทำตามที่พูดจริงๆ เขาบอกกับหลวงตาว่าที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยอีกทั้งหลวงตาก็ชรามากแล้วจึงขอให้เลิกพายเรือมาบิณฑบาตทุกเช้าเขาจะเป็นคนนำปิ่นโตไปถวายที่วัดเอง ซึ่งหลวงตาจวบก็เข้าใจแดนดินเดินกลับขึ้นมาบนเรือนแล้วร่วมวงกินข้าวกับลูกๆแก้วเจ้าจอมที่เคยออดอ้อนฉอเลาะผู้เป็นพ่อพอเห็นแดนดินหน้าตึงก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แรงหวายเมื่อวานยังตราตรึงเข้าใจในหัวใจแม้ว่าแม่จะช่วยทายาให้แล้วจอมก็ยังเจ็บอยู่เลย แม่จ๋าถามจอมว่าจอมเข้าไปรับไม้แทนพี่ทำไม จอมก็ตอบได้แค่ว่าจอมไม่รู้ ขามันไปเอง

จอมแค่อยากปกป้องพี่เจี๊ยบ



            “กินข้าวกันเร็วๆเดี๋ยวพ่อจะไปส่งที่โรงเรียน”แดนดินเอ่ยเสียงเรียบ หลังจากทานข้าวเสร็จจิ๊บก็ให้ลูกๆไปเตรียมกระเป๋าเพื่อไปโรงเรียน ลูกเจี๊ยบคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นสะพายพร้อมกับอุปกรณ์การเรียนอื่นๆที่ต้องใช้วันนี้ เด็กน้อยออกมายืนรอรถหน้าบ้านเช่นทุกวัน หกโมงครึ่งรถก็มาจอดที่หน้าบ้านแต่ยังไม่ทันที่ลูกเจี๊ยบจะก้าวขึ้นรถแดนดินก็มาดึงลูกไว้แล้วเดินมาเคาะกระจกด้านคนขับ ชายวัยกลางคนเจ้าของรถเลื่อนกระจกลงทันที



            “ลุง ต่อไปนี้ไม่ต้องมารับเจี๊ยบแล้วนะผมจะไปส่งลูกเอง อันนี้เงินค่ารถของเดือนนี้ผมให้เต็มจำนวนเลย”แดนดินยื่นเงินค่ารถของเดือนนี้ให้กับลุงเจ้าของรถ ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รถแล่นออกไปทิ้งไว้เพียงฝุ่นคละคลุ้ง เด็กน้อยเม้มปากแน่น



พ่อกับลังทำทุกวิถีทางที่จะกันไม่ให้เจี๊ยบกับอาลอได้พบกัน เด็กน้อยกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่นเข้าไปในอกทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเดินตามพ่อไปขึ้นรถที่พ่อจะใช้ไปส่งตนที่โรงเรียน



แดนดินใช้เวลาไม่นานก็มาส่งจันทร์เจ้าขากับแก้วเจ้าจอมที่โรงเรียนเด็กทั้งสองสวัสดีพ่อก่อนลงจากรถไปอย่างเรียบร้อย ลูกเจี๊ยบยิ้มให้น้องทั้งสองหลังจากนั้นบนรถก็เงียบกริบต่างคนต่างไม่พูดจากัน แดนดินก็เงียบใส่ลูกส่วนลูกเจี๊ยบเองก็ยังสู้หน้าพ่อไม่ได้เด็กน้อยทำเพียงหันออกไปมองวิวข้างนอกดวงตาคู่สวยเหม่อลอยบางคราก็มีน้ำตาคลอหน่วยแต่เจ้าตัวก็กระพริบไล่มันออกไปอย่างรวดเร็ว เจ็ดโมงครึ่งรถก็มาจอดที่หน้าโรงเรียนลูกเจี๊ยบปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างโล่งอก



            “สี่โมงเย็นรอพ่อที่หน้าโรงเรียน พ่อจะมารับ”



            “ครับ”ลูกเจี๊ยบรับคำอย่างว่าง่าย



            “แล้วอย่าคิดว่าจะไปเถลไถลที่ไหนได้นะเจี๊ยบ อย่าทำให้พ่อผิดหวังซ้ำซาก”ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตอบกลับอะไรพ่อ ตอนนี้ใจของเด็กน้อยมันตื้อไปหมดทำได้เพียงยกมือไหว้ลาพ่อเงียบๆ ศตายุเดินเข้าโรงเรียนด้วยท่าทางเหม่อลอย



ป่านนี้อาลอจะเป็นยังไงนะ จะโดนปู่ลิตกับย่าโฉมดุด่าหรือเปล่า



จะนอนร้องไห้ทั้งคืนเหมือนหนูมั้ย



แผลที่ปากของอาลอจะเจ็บมากหรือเปล่า



ความรักของเราจะต้องถึงทางตันจริงๆเหรอจ๊ะ



ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูคงต้องขาดใจตายแน่ๆเลยจ้าอาลอจ๋า



หนูคิดถึงอาลอจังเลยจ้า

 

 

 

            ลลิตภัทรนั่งกอดเข่าอยู่ตรงเสาเรือน แดนดินถูกลูกเมียลากกลับไปแล้วโดยที่คนเป็นพ่อฉุดกระชากลากถูดวงใจดวงน้อยๆของเขากลับไปด้วย

 

ลูกเจี๊ยบร้องไห้จนตัวโยน เขาก้าวจะไปดึงหลานไว้หากแต่พระลักษณ์ดึงเขาไว้ก่อนที่จะทันได้ทำตามใจ

 

            “มึงจะทำอะไร ปล่อยเขาไป”

 

            “แต่...”ลลิตภัทรจำต้องเงียบหุบปากที่กำลังจะเถียงอย่างดื้อรั้นลงเมื่อเห็นสายตาเอาจริงของพี่คนรอง แรงยื้อที่แขนถูกผ่อนลงก่อนไหล่กว้างที่เคยผึ่งผายจะห่อลง

 

ลลิตภัทรกลับไปเป็นเด็กชายวัยสิบสี่ปีอีกครั้ง แม้จะอยากเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนแต่ในส่วนลึกลลิตภัทรก็ยังมีความเกรงพี่ๆอยู่

 

            “เรามีเรื่องต้องคุยกันไอ้ลอ”พระลักษณ์ปล่อยมือน้องก่อนเดินไปนั่งลงใกล้แม่ที่มีนิดาคอยบีบนวดให้อยู่ เกิดความเงียบอย่างน่าอึดอัด

 

ไม่นานชลิตรวมทั้งพระรามก็กลับเข้าบ้านเพราะนิดาโทรไปตาม ทุกคนมองจำเลยของบ้านด้วยสายตาทั้งเป็นห่วงและผิดหวัง

 

หัวอกคนเป็นพ่อก็อยากให้ลูกมีความสุขสมหวังในความรัก

 

แต่ไม่ได้เตรียมใจสำหรับมารับรู้ว่าลูกของตัวเองไปมีอะไรกับเด็กผู้ชาย แม้ตอนแรกที่ทราบเรื่องอยากจะกระทืบเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่ไหนหากแต่ลลิตภัทรในวันนี้กลับดูน่าสงสารจนความครุกรุ่นที่มีจางหายลงเหลือเพียงความผิดหวังและหนักใจ

 

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ลอ?”ในที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามหลังจากปล่อยให้แต่ละคนได้ใช้เวลาจมอยู่กับตัวเองมาซักพัก เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ด้วยเพราะเป็นคนรู้จักมักคุ้นและเจ้าเจี๊ยบเองก็เป็นหลานรักเหมือนหลานแท้ๆเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

 

เขาเดาไม่ออกถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยของทั้งคู่เลยซักนิด เท่าที่เขาเห็นจริงอยู่ว่าลลิตภัทรเอ็นดูเจ้าเจี๊ยบแต่เขาก็มองว่าลลิตภัทรรักหลานเพราะว่าหลานมันนิสัยดีไม่คิดเลยว่าน้องชายจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด

 

            “เจี๊ยบมันยังเด็กอยู่เลยนะไอ้ลอ อีกอย่างนั่นน่ะลูกแฟนเก่าของมึงพ่อกับแม่รวมทั้งพวกกูก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน มึงเองก็โตเป็นควายแล้วยังไม่รู้จักแยกแยะอีกเหรอวะ กูถามจริงๆมึงทำไปเพราะเห็นเจี๊ยบเป็นตัวแทนจิ๊บหรือเปล่า?”

 

            “ไม่ใช่!!”ลลิตภัทรโพล่งออกมาทันทีที่พี่ชายพูดประโยคนั้น

 

เขาเหนื่อยที่จะต้องอธิบายเรื่องนี้เหลือเกิน

 

            “เจี๊ยบก็คือเจี๊ยบ เจี๊ยบไม่ใช่ตัวแทนของใครผมรักเจี๊ยบเพราะเจี๊ยบเป็นเด็กดีนิสัยน่ารักผมไม่ได้เอาเขามาเป็นตัวแทนของจิ๊บ”

 

            “แต่มึงเป็นแฟนเก่าจิ๊บมันควรแล้วเหรอที่ไปมีอะไรกับลูกเขา”

 

            “แล้วความรักมันห้ามกันได้เหรอ ผมไม่ได้คิดหรอกว่าจะเป็นลูกใครรักก็คือรัก”

 

            “มึงทำตัวเป็นเด็กว่ะไอ้ลอ”

 

            “ผมแค่รักเจี๊ยบแล้วมันผิดตรงไหน”

 

            “ผิดตรงที่ความรักของมึงมันไม่ได้มีแค่มึงไง มันมีหน้าพ่อหน้าแม่ มึงจะให้เขามาถอนหงอกให้เขาสิ้นเคารพพ่อแม่เหรอไอ้ลอ แล้วอีกอย่างมึงเป็นผู้ชาย เจี๊ยบก็ผู้ชายรู้ไปถึงไหนคงได้เอาปี๊บคลุมหัวเดินพ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหน”

 

            “ลักษณ์เอ้ย พอเถอะ เลิกว่าน้องซักที”ย่าโฉมที่หายจากการเป็นลมแล้วโบกมือใส่ลูกชายคนกลาง ดวงตาร่วงโรยของหญิงชราทอดมองร่างห่อเหี่ยวของลูกชายคนเล็กแล้วให้นึกเวทนา

 

พระลอนั้นรูปงามกว่าใครในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน

 

ตั้งแต่เกิดมาหล่อนก็คอยประคบประหงมด้วยเพราะเป็นลูกหลง ถ้าจะถามหาคนผิดหล่อนเองก็มีส่วนเพราะรักและตามใจทูนหัวทูนเกล้าให้กับลูกคนเล็กไปเสียหมดสิ้น

 

ใครๆก็รู้ว่าลลิตภัทรนั้นเอาแต่ใจตัวเองพอดู

 

อยากได้อะไรก็ต้องได้ นิสัยนี้จึงติดตัวจนอายุเลยเลขสามไปแล้วแม้จะเบาบางลงเพราะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ก็ใช่ว่าจะหายไปไหน

 

ลลิตภัทรแค่กดมันไว้ด้วยบุคลิกสุภาพอ่อนโยน

 

            “บอกแม่ได้มั้ยว่ากับหลานน่ะจริงจังแค่ไหน”ย่าโฉมเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

            “ถ้าคิดว่าจะเล่นๆก็ตัดใจกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจี๊ยบยังเด็กในอนาคตยังเจอใครได้อีกมาก อย่าเอาหลานมาเป็นของเล่น”

 

            “ผมจริงจังครับแม่”ลลิตภัทรตอบกลับอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงที่เคยนุ่มทุ้มชวนฟังบัดนี้ขึงขัง สายตาคมที่มักจะทอประกายวาวระยิบราวคนขี้เล่นบัดนี้แข็งกร้าวจริงจัง

 

            “จริงจังแบบไหน?”คราวนี้พระรามเป็นคนเอ่ยถาม ลลิตภัทรสบตาทุกคนในครอบครัวก่อนจะเอ่ยประโยคที่หนักแน่นและชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยพูดออกมาในชีวิต

 

            “จริงจังแบบอยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับเจี๊ยบ อยากมีเจี๊ยบเป็นคนในครอบครัวของเราเหมือนพี่ขวัญกับพี่นิดา”

 

            “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนจะได้ช่วยกันคิด ตอนนี้มันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วเอ็งจะแก้ไขปัญหายังไง?”ชลิตถามคนเป็นลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

 

            “ผมอยากบอกับทุกคนว่าผมรักเจี๊ยบแต่หลานขอไว้ เขาอยากให้ปิดเป็นความลับจนกว่าจะเรียนจบ”

 

            แล้วมึงก็ตามใจหลานเนี่ยนะ ถึงว่าตัวติดกันเป็นตังเม ถามว่าไปชอบลูกสาวบ้านไหนก็ไม่บอกที่แท้ไปชอบลูกบ้านฟากขะนู้นให้เขาบุกมากระทืบ งามหน้ามั้ย”

 

            “เอ้...พ่อลักษณ์นี่ก็แม่บอกให้พอ เลิกว่าน้องเสียทีเถอะ ไม่ใช่เวลาที่จะมาดุด่ากัน ข้าวสารมันกลายเป็นข้าวสุกไปแล้วตอนนี้คือต้องหาวิธีแก้ไข เอาอย่างนี้มั้ยลอ ให้พ่อกับแม่ไปช่วยพูดให้”ย่าโฉมหันมาหาลูกชายพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

 

หัวอกคนเป็นแม่ มีใครที่ไหนจะไม่อยากให้ลูกมีความสุข

 

ลลิตภัทรเป็นคนรักใครรักจริงข้อนี้ทุกคนในบ้านทราบดี ดังนั้นการที่ลลิตภัทรบอกว่าอยากมีชีวิตบั้นปลายอยู่ร่วมกับศตายุ นั่นแปลว่าลูกชายของหล่อนนั้นรักลูกเจี๊ยบด้วยใจจริงดังนั้นหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือช่วยส่งเสริมให้ลูกได้ในสิ่งที่หวัง

 

ยังดีที่คนที่ลูกชายรักคือลูกเจี๊ยบที่รับประกันถึงนิสัยที่ดีได้แม้จะตะขิดตะขวงใจเพราะเป็นเด็กผู้ชายแต่ถ้านั่นคือคนรักของลูกชาย หล่อนก็ยอม

 

ลลิตภัทรคลานมาหาพ่อกับแม่ก่อนจะพนมมือก้มลงกราบคนทั้งคู่ ชายหนุ่มกราบลงบนตักของแม่อย่างนุ่มนวล เมื่อยืดกายขึ้นมาดวงตาที่เคยระยิบระยับกลับนิ่งสนิทมั่นคงและจริงจัง

 

            “ผมจะไปคุยกับไอ้...พี่แดนกับจิ๊บเอง ผมจะไปขอดูแลลูกเจี๊ยบด้วยตัวเองครับ”

 

 

 

            ลลิตภัทรนอนไม่หลับ...ชายหนุ่มพลิกกายกระสับกระส่ายไปมาก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ความกลุ้มอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ

 

ห่วงลูกเจี๊ยบเหลือเกิน เขาเห็นรอยแผลเป็นแนวยาวที่ขาขาวๆของหลานก็รู้ได้ในทันที่ว่าแดนดินตีน้องน้อยของเขาเข้าให้แล้ว

 

เจ็บมากใช่มั้ยคะคนดี

 

อาขอโทษ ขอโทษที่ทำให้หนูต้องถูกตี

 

ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้หนูต้องร้องไห้

 

ปวดหัวใจยิ่งนัก ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบแม้จะรู้ดีว่าแดนดินคงยึดเครื่องมือสื่อสารของลูกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม เสียงเข็มนาฬิกาเดินไปอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่ชวนให้ง่วงเลยซักนิด

 

ลลิตภัทรแทบจะนับทุกวินาทีจนกระทั่งเสียงไก่ขันในตอนเช้ารุ่ง เสียงพระตีระฆังดังมาจากท้ายคุ้งน้ำเป็นเวลาตีสี่ ทุกชีวิตดำเนินไปตามปกติของวันหากแต่ลลิตภัทรยังคงนอนนิ่ง

 

หลังจากปล่อยลมหายใจทิ้งไปค่อนคืนเมื่อพระอาทิตย์ทอแสงลอดผ่านหน้าต่างที่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มเปิดทิ้งไว้ชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน

 

ลูกเจี๊ยบต้องออกมาตักบาตรตอนเช้า นั่นเป็นโอกาสที่เขาจะได้เจอหน้าหลานเป็นระยะเวลาสั้นๆ ลลิตภัทรสวมเสื้อยืดขาวและกางเกงเลแบบลวกๆก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องตรงดิ่งไปที่ศาลาริมน้ำ แอบซุ่มรอตรงพุ่มมะลิลาพุ่มใหญ่ที่เคยร่วมเก็บกับเจ้าน้องน้อย รออย่างมีความหวัง แต่ทว่า ร่างหนาเหมือนหมีควายที่เดินถือถาดใส่ขันข้าวและปิ่นโตที่เดินท่อมๆมาที่ศาลาริมน้ำนั้นไม่ใช่คนที่เขาอยากเจอ ลลิตภัทรพยายามชะเง้อมองหาลูกเจี๊ยบแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของหลานกลับได้ยินประโยคสนทนาสั้นๆที่ว่าต่อไปนี้ที่บ้านจะเอาภัตราหารไปถวายที่วัดเอง

 

แดนดินปิดกั้นการได้พบเจอของเขากับเจี๊ยบอย่างสมบูรณ์เมื่อในตอนสายหลังจากกลับจากส่งลูกเจี๊ยบในเมือง ลูกจ้างชาย 4-5 คนก็ขนเอาไม้และสังกะสีแผ่นใหญ่หลายสิบแผ่นมากั้นตั้งแต่หน้าบ้านยั้นท้ายบ้านรวมทั้งปิดศาลาริมน้ำของบ้านฝั่งตนด้วย

 

พระลอได้แต่กำหมัดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธที่สุมอก

 

เป็นไงเป็นกัน

 

ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ

 

ลลิตภัทรจะบุกไปชิงลูกเสือของเขาด้วยตัวเอง!!!

.................................

ไป!!! ไปเอาเมียเราคืนมา!!!
พระลอเอ้ยถึงจะหมะนใส้มาหลายตอนแต่ตอนนี้เป็นกำลังใจให้นะเว้ย ตัวเองผิดด้วยก็ยอมๆว่าที่พ่อตาหน่อยละ เดี๋ยววางมาวยกันอีกรอบนี้ลูกเจี๊ยบได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแน่

Sent from my SM-A710F using Tapatalk


ออฟไลน์ Gardenia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๔


   แผนการบุกถ้ำเสือของลลิตภัทรเป็นอันต้องพับไปก่อนเมื่อผู้ช่วยมาแจ้งว่าต้องจัดการเกี่ยวกับงบประมาณของหมู่บ้านเพื่อส่งให้หลวง รวมทั้งต้องประชุมผู้ใหญ่บ้านในตอนเย็น แม้ใจจะโลดแล่นไปบ้านฟากขะนู้นวันละร้อยหนแต่ลลิตภัทรก็ต้องทำงานของตัวเองก่อน
ทำงานไปด้วยใจที่เจ็บเจียนจะขาดรอนๆ

   “ปากไปโดนอะไรมาน่ะผู้ใหญ่”ชาวบ้านตาดีเอ่ยทักยามผู้ใหญ่บ้านออกไปเซ็นรับรองให้เด็กที่มาขอลายเซ็นใบขอรับทุนจังหวัด ลลิตภัทรไม่ได้ตอบทำเพียงยิ้มจางๆแล้วตัดบท

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอกลับไปทำงบของหมู่บ้านก่อนนะครับ จะได้เบิกจ่ายอะไรให้มันเสร็จ”ผู้ใหญ่บ้านที่มักมีรอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่เสมอบัดนี้ไม่มีแววใจดีหรือขี้เล่นให้เด็กสาวและแม่ของเธอได้โยกโย้ดังนั้นทั้งสองจึงลากลับไป ลลิตภัทรกลับเข้าไปคีย์ข้อมูลลูกบ้านในห้องโดยบอกแม่ไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวน ยามนั่งบนเก้าอี้ที่เคยมีเจ้าตัวน้อยคลอเคลียไม่ห่างในหัวอกก็ให้สะอื้น
ป่านนี้เจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ จะร้องไห้จนตาบวมเป็นนกกระปูดแบบเขาหรือเปล่าหนอ

   ทางด้านลูกเจี๊ยบเมื่อลงจากรถที่พ่อขับมาส่งด้วยบรรยากาศอึดอัดตลอดทางก็เดินเข้าโรงเรียน ไหล่บางห่อและตกอย่างน่าสงสาร วุ้นที่มองเห็นรีบเดินมาหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

   “เจี๊ยบเป็นอะไรทำไมตาบวมแบบนี้ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเราพาไปห้องพยาบาลมั้ย”ลูกเจี๊ยบน้อยสูดน้ำมูกฟึดใหญ่จ้องตาของวุ้นถ่ายทอดความเศร้าผ่านดวงตาจนวุ้นรู้สึกได้

   “มีอะไรอยากเล่าให้เราฟังมั้ย?”

   วุ้นได้แต่ลูบหลังปลอบใจเพื่อนรักยามที่ลูกเจี๊ยบกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ลูกเจี๊ยบที่เป็นคนร่าเริงเสมอบัดนี้กลับเศร้าสร้อยเสียจนน่าสงสาร

อายุก็เพิ่งจะแค่นี้แต่กลับต้องพบเจอปัญหาที่หนักหนาเสียเหลือเกิน

ตัววุ้นเองก็ยังเป็นเด็กเกิดมาดูโลกพอๆกับลูกเจี๊ยบ วุ้นไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะต้องพูดปลอบยังไงเพื่อนถึงจะรู้สึกดีขึ้น

   “ไม่ต้องร้องนะเจี๊ยบ เราเชื่อว่าถ้าอาลอรักเจี๊ยบจริง เขาจะแก้ไขปัญหานี้ได้”

   “เราคิดถึงอาลอ เราเป็นห่วงอาลอ”

   “ตอนนี้เจี๊ยบทำอะไรไม่ได้หรอก พ่อของเจี๊ยบยังโกรธมากถ้าเกิดดื้อดึงหรือทำอะไรลงไปคนที่ลำบากจะเป็นเจี๊ยบกับอาลอ เราแนะนำให้เจี๊ยบอยู่นิ่งๆไปก่อนจะดีกว่า ความแตกก็ดีเหมือนกันนะเจี๊ยบ”วุ้นพูดพลางส่งยิ้มให้กับลูกเจี๊ยบที่ทำหน้าไม่เจ้าใจ

   “ถ้าอาลอกับเจี๊ยบผ่านปัญหานี้ไปได้จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆไง บอกกับใครต่อใครได้ว่าอาลอกับเจี๊ยบเป็นแฟนกัน ไม่ดีเหรอ?”

   “แล้วถ้าอาลอกับเราผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ล่ะ?”ลูกเจี๊ยบถามกลับหน้าเสีย

   “ยังไงเราก็มั่นใจว่าได้ เจี๊ยบอย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายๆสิ เชื่อมั่นในตัวอาลอหน่อย ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรที่เราช่วยได้เราก็จะช่วย”

ทางด้านพระลอหลังจากวุ่นกับการทำเอกสารและรายชื่อลูกบ้านมาทั้งวันในที่สุดก็มีเวลาได้พักในตอนพลบค่ำ ชายหนุ่มลุกเดินออกจากห้องในตอนที่แม่กับพี่สะใภ้กำลังจัดเตรียมสำรับมื้อเย็น

   “อ้าวลอ จะไปไหนลูก แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว หรือหรือยังเมื่อกลางวันก็ไม่ได้กินข้าว”

   “ไปศาลาแป๊บหนึ่งครับ”ลลิตภัทรตอบเสียงเบา ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเปล่งประกายบัดนี้เศร้าหมอง ย่าโฉมวางสาบบัวต้มกะทิลงพลางถอนใจ

   “ไปก็ไม่เห็นหลานหรอกลูกเอ้ย พ่อเขาให้คนมาปิดเสียขนาดนั้น”

   “ผมรู้ครับแม่ว่าไม่เห็น แต่ผมคิดถึงหลานจริงๆ”ลลิตภัทรกระพริบตาไล่หยาดน้ำที่วาบขึ้นมาที่ขอบตา ส่งยิ้มเนือยๆให้ผู้เป็นแม่ ยิ่งเห็นกะทิต้มสายบัวก็ให้คิดถึงเจ้าตัวน้อยที่เคยว่ายแหวกลำคลองชี้ชวนกันเก็บสายบัวมาให้กับแม่ของเขา คิดถึงตอนแอบหอมแก้มผ่องโดยใช้กอบัวเป็นที่พลอดรัก

ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเขาล้วนมาความทรงจำร่วมกับเจ้าลูกเจี๊ยบไปเสียทุกอย่าง

ในหัวอกเจ็บเสียดเจียนจะขาดใจตาย

   “ถ้าอยากไปก็ไปเถอะลูกแล้วรีบกลับมากินข้าวเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”ผู้เป็นแม่ร้องบอกอย่างเข้าใจ

ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี

หล่อนไม่รู้หรอกว่าลลิตภัทรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง  หล่อนรู้แต่ว่าหล่อนเชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูด

พระลอรักลูกเจี๊ยบ รักมากเหมือนตอนที่รักจิ๊บ อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะคราวที่อกหักจากจิ๊บพระลอเอาแต่จะหนีท่าเดียว

แต่กับลูกเจี๊ยบแล้วพระลอตั้งท่าจะสู้เพื่อชิงเอาความรักที่ถูกพรากไปจากคนๆเดิมอีกครั้ง เมื่อคิดถึงตรงนี้ย่าโฉมก็ให้นึกเคืองแดนดินนัก  ไม่รู้ชาติก่อนพระลอของหล่อนไปพรากของรักอะไรของแดนดินมาชาตินี้ถึงตามมาพรากของรักของลลิตภัทรไปถึงสองครั้งสองคราถึงแม้คราหลังจะเป็นลูกของแดนดินก็เถอะ

   ลลิตภัทรถอนหายใจพรืดใหญ่ เขาเกลียดแนวรั้วสังกะสีที่ทอดยาวไปยั้นสุดแนวต้นไผ่ท้ายนาของแดนดินมันปิดกั้นไม่ให้เขาสอดส่ายสายตาหาเจ้าตัวน้อยได้ ภาพลูกเจี๊ยบน้อยนั่งทำการบ้านในศาลา ภาพลูกเจี๊ยบน้อยใช้หนังสติ๊กยิงมะม่วงดิบกับแก้วเจ้าจอมไหลกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง

ศาลาริมน้ำก็ยังคงเดิม มะม่วงต้นใหญ่ที่แตกกิ่งก้านก็ยังอยู่ที่เดิม กอบัวสายที่ออกดอกสล้างเต็มมลำคลองก็ยังเป็นกอเดิม กิ่งไผ่ลั่นเอียดอาดตามแรงลมก็ยังเป็นกอเดิม

ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือเจ้าน้องน้อยยาใจของเขาถูกขังอยู่บนหอคอย แม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้พบ เจ็บปวดใจจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเหมือนหนังกำลังภายในของจีน

ภาพลูกเจี๊ยบตัวขาวถอดเสื้อโยนกับพื้นแล้วนั่งอวดเรือนร่างต่อสายตานับสิบคู่ในตอนนั้นวกกลับมาให้ได้ยิ้มเอ็นดู

น่ารัก

ไม่ว่าจะคำพูดคำจาหรือกริยาท่าทางทั้งแสนซน อ่อนหวาน ช่างออดอ้อนฉอเลาะทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นลูกเจี๊ยบนั้นน่ารักเหลือเกิน

ความรักของเขากับลูกเจี๊ยบควรจะราบรื่นไปจนกว่าจะถึงวันที่ลูกเจี๊ยบเรียนจบและบรรลุนิติภาวะได้แล้วแท้ๆถ้าไม่มีมารมาขวาง

ใช่สิ...

ลลิตภัทรลืมไปเสียสนิทเลยว่าต้นเหตุที่ทำให้ความรักของเขาพบเจอกับอุปสรรคครั้งนี้เป็นใคร

ต้นเหตุที่ทำให้ผิวผ่องของเจ้าตัวน้อยต้องเป็นรอยจากคมหวายนั้นคงกำลังทำตัวเฉิดฉายอยู่ที่กรุงเทพ

อริตาควรได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้

เขา...จะไม่มีทางปล่อยผู้หญิงสกปรกคนนั้นให้ลอยตัวเหนือปัญหาทั้งปวงเด็ดขาด

อริตาต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้!!


   ลูกเจี๊ยบน้อยนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียงโดยไม่ได้ออกไปกินข้าวเย็นเหมือนเช่นเคย ร่างบางสะอื้นน้อยๆ

ศตายุกำลังผิดหวัง...

เด็กน้อยหวังลึกๆในใจว่าหลังจากวันนั้นอาลอจะบุกมาหาที่บ้าน มาแสดงความรักที่มีต่อลูกเจี๊ยบว่ามีมากเพียงใด

หากแต่สามวันล่วงผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบ

หรืออาลอจะไม่ได้รักน้อยจริงดังคำที่เคยเอื้อนเอ่ยหวานหูยามเราสองแนบชิด

ใจดวงน้อยปวดยอกราวกับถูกกรีดด้วยมีดแหลมคม ดวงตากลมที่เคยทอประกายสดใสหม่นแสง ขอบตาบวมช้ำเพราะร้องไห้จนหลับทุกค่ำคืน  ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้าหนักๆที่ไม่ต้องเงยหน้ามองก้รู้ว่าเป็นใคร

แดนดินมองสภาพลูกชายคนโตแล้วได้แต่ถอนใจหนัก ลูกเจี๊ยบไม่เคยเศร้าขนาดนี้

เขาเข้าใจดีว่าอารมณ์รักของวัยรุ่นนั้นมันยิ่งใหญ่

เขาไม่เคยคิดห้ามลูกเลยหากลูกจะมีแฟน

จะเป็นเพศไหนเขาก็รับได้เพราะจากการเลี้ยงดูของจิ๊บลูกเจี๊ยบจะเบี่ยงเบนเขาก็ไม่ว่า

   “ทำไมต้องเป็นไอ้ลอล่ะลูกเอ้ย”ลูบหัวลูกอย่างอ่อนใจ ลูกเจี๊ยบสะอื้นจนตัวโยนไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อ

   “หักใจจากมันเถอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้รักลูกจริง ไอ้ลอมันขี้ขลาดเกินจะมาดูแลชีวิตลูกได้ ที่มันเข้าหาลูกก็เพราะมันหวังจะแก้แค้นพ่อ น้องยังเด็กไม่ทันเล่ห์ไอ้คนชั่วนั่นหรอก”

   “แต่...”ลูกเจี๊ยบน้อยช้อนตาขึ้นมองพ่อ คำพูดที่ลลิตภัทรเคยบอกไหลเข้ามาในกล่องความทรงจำ

   “อาลอบอกว่าอาลอรักหนู”แดนดินถอนหายใน ดวงตาวาวขึ้นน้ำเสียงที่พูดกับลูกก็เข้มขึ้น

   “แล้วไหนล่ะไอ้คนที่มันบอกว่ารักน้อง ทำไมสามวันแล้วมันไม่โผล่หัวมาซักครั้งเลยล่ะ คนขี้ขลาดแบบนี้น่ะเหรอที่น้องจะฝากชีวิตไว้กับมัน ลืมมันซะแล้วที่ผ่านมาพ่อจะยกโทษให้”แดนดินเดินลงส้นเท้าแล้วกระชากประตูห้องของลูกปิดจนเรือนสะเทือน กำนันหนุ่มเดินหัวเสียผ่านจิรนันท์และลูกๆกลับเข้าห้องนอน จิ๊บส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

สงสารทั้งลูกเห็นใจทั้งสามี และไม่เข้าใจลลิตภัทรที่ไม่ข้ามมาหามาพูดคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

ปัญหาทุกอย่างถูกทิ้งไว้ให้คาราคาซัง

สงสารแต่เจ้าเจี๊ยบที่นอนร้องไห้ยนตัวโยนทุกคืน ทำเวรทำกรรมใดไว้หนอลูกน้อยของหล่อนถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้

หล่อนเกลียดสิ่งศักดิ์สิทธิ์นัก

   “แม่จ๋า เสียงพี่เจี๊ยบร้องไห้อีกแล้ว”แก้วเจ้าจอมสะกิดแม่พลางร้องบอกเบาๆ เด็กชายวัยสิบขวบมองประตูห้องของพี่คนโตด้วยดวงตาแสดงความเป็นห่วงชัดเจน

   “หนูอยากไปหาอาลอ อยากไปบอกอาลอให้มาปลอบพี่เจี๊ยบ”แก้วเจ้าจอมก็พูดไปตามประสาซื่อของเด็กที่ยังไม่รู้ถึงปัญหาที่ทุกคนเผชิญอยู่

   “ไปไม่ได้หรอกลูก พ่อกับอาลอเขาโกรธกันอยู่เจ้าจอมก็เห็น ถ้าอาลอเขาอยากมา เขาคงมาไปนานแล้ว เรื่องนี้เจ้าจอมอย่าเข้ามายุ่งเลยนะให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไป อาลอกับพี่เจี๊ยบทำเรื่องไม่สมควรเขาต้องแก้ไขปัญหากันเอง ดึกแล้วเจ้าจอมไปนอนเถอะพรุ่งนี้จะไปเรียนสาย”หล่อนดึงชายเสื้อของลูกลงหลังจากทายาให้เสร็จแล้ว แก้วเจ้าจอมยอมลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนอย่างว่าง่าย

จิรนันท์นั่งฟังลูกร้องไห้ด้วยใจที่เจ็บปวด

ถ้าพระลอรักลูกเจี๊ยบจริงก็ช่วยทำอะไรให้ชัดเจนทีเถอะ

หล่อนจะไม่ขัดเลยซักคำ...




   อริตาเดินเฉิดฉายอย่างมั่นใจเข้ามาในร้านอาหารด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้ม


สุดท้ายพระลอก็ต้องมาหาหล่อน อริตาไม่สนใจหรอกว่าคำพูดวันนั้นจะทำร้ายใครยังไงบ้าง หล่อนรู้แค่ว่าวันนี้หล่อนชนะ ลลิตภัทรเป็นฝ่ายโทรหาและนัดพบหล่อนเองโดยไม่มีเด็กนั่นมาอยู่ด้วยให้ขวางหูขวางตา


   “รอนานมั้ยคะลอ ขอโทษทีพอดีรถติด”หญิงสาวก้มลงจูบแก้มชายหนุ่มก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

   “นึกยังไงเข้ากรุงเทพมาหาแอนได้ล่ะคะ”หล่อนยังคงทำหน้าใสซื่อราวกับไม่รู้ไม่เห็นกับอะไรที่ทำลงไปทั้งสิ้น ลลิตภัทรกระตุกยิ้มก่อนจะทำสายตาแพรวพราวใส่อย่างที่เคยทำใส่ผู้หญิงคนอื่นๆ

   “คิดถึงมั้งครับ ไม่ได้เจอกันนาน”

   “จำได้ว่าคราวก่อนคุณไล่แอน”หล่อนแสร้งคนน้ำแข็งในแก้วพลางยกมือขึ้นจับปอยผมที่ระลงมาเกะกะทัดหู ลลิตภัทรส่งยิ้มกริ่มจนใจสั่นให้ก่อนจะเอื้อมตัวไปทัดผมที่เก็บไม่หมดให้หล่อน

   “จำเมื่อก่อนได้มั้ยคะ ลอชอบทัดผมให้แอนเสมอตอนที่เรา...”หล่อนแสร้งทิ้งจังหวะแล้วยิ้มอย่างสื่อความหมาย ปลายเท้าเขี่ยขาของลิตภัทรที่อยู่ใต้โต๊ะอย่างยั่วยวน

   “ผมว่าเราสั่งอาหารกันเถอะครับ ดูท่าแอนคงจะหิว...”ลลิตภัทรตวัดสายตามองอริตาตั้งแต่หน้าจนถึงหน้าอก เน้นคำว่าหิวด้วยเสียงที่หนักกว่าคำอื่น อริตายิ้มพรายเต็มดวงหน้า

หล่อนชอบลลิตภัทรที่ดูทันกันกับหล่อนไปเสียทุกอย่าง เห็นทีคืนนี้อาจจะมีเรื่องราวดีๆให้ได้ทำสนุกๆกันสองคน


   “เสร็จจากนี่เราไปรำลึกความหลังกันที่คอนโดคุณมั้ยคะ?”อริตายกผ้าขึ้นมาซับปากเมื่อมื้ออาหารแสนอร่อยจบลง ลลิตภัทรเหลือบตาขึ้นมามองหน้าหล่อนก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ชายหนุ่มเล่นกับผ้าเช็ดปากบนโต๊ะก่อนจะเปิดปากพูด


   “ผมไม่มีคอนโดแล้วล่ะครับ”อริตาขมวดคิ้วให้กับคำตอบของลลิตภัทรทันที

   “หมายความว่าไงคะ ลอขายคอนโดไปแล้วหรือคะ?”

   “เปล่าครับผมไม่ได้ขาย แต่ผมเซ็นยกให้ลูกเจี๊ยบไปแล้ว”อริตาขมวดคิ้วฉับอย่างไม่เข้าใจ

   “หมายความว่ายังไงคะที่ว่าคุณยกคอนโดให้เด็กนั่น?”

   “ก็หมายความตามที่พูดครับ ตอนนี้คอนโดของผมเป็นของลูกเจี๊ยบแล้ว ผมยกให้ลูกเจี๊ยบหลังจากกลับจากดูคอนเสิร์ตคราวนั้น เงินฝากในบัญชีของผมก็โอนให้ลูกเจี๊ยบไปหมดแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่ทำอย่างนั้นป่านนี้ผมคงติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ไปแล้ว ส่วนรถของผม ผมกำลังจะขาย หลังจากวันนี้ผมก็จะมีแต่ตัว”อริตากลอกตาไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ

ลลิตภัทรจะบ้าไปแล้วหรือไงที่อยู่ๆยกสมบัติทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับเด็กคนนั้น

   “คุณจะเหลือแต่ตัวได้ยังไงคะในเมื่อบ้านคุณมีทั้งที่นากับตลาด”

   “ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพ่อแม่ของผมนี่ครับแอน เพราะแอนไปบอกกับกำนันแดนดินเรื่องผมกับเจี๊ยบกำนันไปโวยวายที่บ้านพ่อของผมโกรธมากเลยตัดผมออกจากกองมรดกบอกว่าสมบัติทั้งหมดถ้าพ่อตายก็จะยกให้พี่ๆทั้งสองคนแบ่งกัน ผมยอมเสียทรัพย์สินส่วนตัวทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้กับกำนันเพราะผมไม่อยากติดคุก ตอนนี้ผมย้ายออกมานอนที่โรงสีแล้ว ทั้งร้อนทั้งคับแคบลำบากมากเลยครับ ผมอายุ 33 แล้วก็อยากจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับใครซักคนที่พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับผม”ลลิตภัทรคว้ามือของอริตาไปกุมไว้ ส่งสายตาสื่อความหมายมาให้

   “และผมมองไม่เห็นใครที่รักและจริงใจกับผมเท่าคุณอีกแล้ว คุณเต็มใจจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกห่างไกลความเจริญทำไร่ทำนาหาปูหาปลากับผมมั้ยครับแอน”อริตาต้องตาของลลิตภัทรเพื่อค้นหาความจริงและผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ได้หลบตาหล่อน ใจของหญิงสาวหล่นวูบ

จะให้หล่อนไปทำนาหาปูหาปลาอยู่แบบไม่มีอะไรแบบคนบ้านนอกน่ะเหรอ ขอบอกกันตรงนี้เลยว่าหล่อนไม่เอาด้วยหรอก

   “หรือแอนอยากให้ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพครับ ผมย้ายมาได้นะ แต่คุณอาจจะต้องลำบากเลี้ยงผมหน่อยเพราะตอนนี้ผมขายหุ้นให้พวกไอ้เอ็มไปหมดแล้วจะไปสมัครงานใหม่ก็คงไม่มีใครรับแล้ว เงินเดือนของแอนตั้งหลายหมื่นใช้แบบประหยัดๆหน่อยน่าจะอยู่ไหว”อริตาที่นั่งเงียบอยู่ดึงมือออกจากการเกาะกุมของลลิตภัทรทันที

   “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะลอ แอนไม่ตลกด้วยหรอกนะคะ”

   “มันไม่ใช่เรื่องบ้า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมก็เป็นเพราะแอน ตอนนี้ผมไม่มีพันธะอะไรแล้วทรัพย์สมบัติก็ไม่มี ผมพร้อมจะมาใช้ชีวิตกับแอนได้ทุกเมื่อแอนไม่ดีใจหรอกเหรอครับ?”

   “แอนนึกได้ว่าแอนมีนัดกับเพื่อน ยังไงแอนขอตัวกลับก่อนนะคะ”อริตาผุดลุกขึ้นยืนตัดบทอย่างไร้เยื่อใย

ใครจะโง่ไปกัดก้อนเกลือกินกับลลิตภัทรล่ะ

ถึงจะหล่อแต่ถังแตกหล่อนก็ขอบาย อริตารักความสุขสบาย อริตารักเงินทอง หน้าตานั้นเป็นผลพลอยได้ หญิงสาวหมุนตัวเตรียมหันหลังกลับหากแต่ลลิตภัทรร้องเรียกเสียก่อน

   “เดี๋ยวสิครับแอน”หญิงสาวหันมามองอย่างไม่ชอบใจ

คิดจะรั้งหล่อนไว้เหรอ

จ้างให้หล่อนก็ไม่กลับมาแลคนจนๆอย่างลลิตภัทรอีกแล้วล่ะ

สาวๆสวยๆอย่างหล่อนยังหาผู้ชายที่เพียบพร้อมได้อีกมากมาย

หากแต่ประโยคที่ลลิตภัทรพูดออกมาทำเอาอริตาแทบจะกรี๊ดใส่

   “จ่ายค่าอาหารด้วยครับ หารครึ่งกันก็ได้ แพงขนาดนี้ผมไม่มีเงินจ่ายหรอก”

ลลิตภัทร

ไอ้คนทุเรศ!!

หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบแบงค์พันขึ้นมาวางลงบนโต๊ะสองใบก่อนจะจ้องหน้าชายหนุ่ม

   “หลังจากนี้ไม่ต้องนัดแอนออกมาแล้วนะคะ แล้วก็แอนไม่ได้รักคุณถ้าที่ผ่านมาแอนทำให้คุณคิดไปเองแอนก็ขอโทษด้วย ไม่จำเป็นไม่ต้องโทรหรือติดต่อแอนอีกนะคะ”

   “ใจร้ายจังครับ ไม่เห็นนุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อนเลย เพราะตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วใช่มั้ยครับคุณถึงจะรีบผลักผมออกจากชีวิต ผมก็นึกอยู่แล้วว่าผู้หญิงอย่างคุณเงินเป็นใหญ่ ถ้าคุณไม่เอาเรื่องของผมกับเจี๊ยบไปพูดตอนนี้ผมก็ไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ จะไม่รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำไว้หน่อยเหรอครับ”ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบเงินบนโต๊ะมาเคาะเล่น อริตามองท่าทางนั้นอย่างนึกรังเกียจ

แค่ค่าอาหารสองพันกว่าบาทยังไม่มีปัญญาจ่ายเลยแล้วยังจะมาทำตัวติดหรู

กระจอกที่สุด

   “ก็นี่ไงคะลอ ฉันยอมออกจากชีวิตคุณให้อย่างง่ายๆแล้วไงคะ ต่อไปนี้จะไปรักจะไปชอบจะไปมั่วกับเด็กนั่นยังไงก็แล้วแต่คุณ เสียเวลามามากแล้วแอนขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก หรือต่อให้เจอก็ไม่ต้องมาทักนะคะ”

อริตาไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงลลิตภัทรที่นั่งแค่นยิ้มอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มยกไวน์ขึ้นมาดื่มทิ้งท้ายก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

   “นี่เป็นค่าอาหารนะครับ ส่วนสองพันนี้เป็นทิป”ลลิตภัทรหยิบเงินค่าอาหารวางลงบนถาดแล้ววางเงินสองพันของอริตาให้กับพนักงานเป็นทิป ชายหนุ่มมุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากจัดการอริตาให้ออกไปจากชีวิตของเขาได้แล้ว

แม้ใจจริงอยากจะด่าหรือทำรุนแรงกับหญิงสาว

แต่ลลิตภัทรเป็นสุภาพบุรุษพอ

ผู้หญิงหิวเงินรักสบายอย่างอริตาไม่มีทางรักใครจริง ถ้าไม่มีเงินอริตาก็ละความสนใจจากเขา หล่อนยังมีเหยื่อรายใหม่ไว้ให้สูบเลือดสูบเนื้ออีกมากมาย

แม้จะอยากกระชากคอมาต่อยให้ปากแตกโทษฐานที่ทำให้ลูกเจี๊ยบของเขาต้องโดนตี

แต่ลลิตภัทรก็ข่มใจ

เขาจะไม่ยอมมีประวัติเสื่อมเสียให้ลูกเจี๊ยบต้องอายว่ามีคนรักเป็นพวกใช้ความรุนแรงเด็ดขาด

หลังจากนี้เขาจะเดินหน้ารุกเพื่อชิงเจ้าเจี๊ยบน้อยให้มาอยู่ในอ้อมอกให้ได้

แดนดินจะต้องยกลูกให้เขาด้วยความเต็มใจ เพราะเขาจะวางเดิมพันทุกอย่างที่มีให้กับเกมส์รักครั้งนี้

รออาหน่อยนะคะหนูจ๋า อากำลังกลับไปหาลูกเจี๊ยบ

ไปหาดวงใจของอา....


.......................................

ติดแท็กเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้นะคะ

#พระลอตามไก่
หายไปตั้งหลายวันจนเจี๊ยบเข้าใจผิดหมดแล้ว พ่อแม่เขาโกรธกว่าเดิมด้วย แต่ก็ดีที่สลัดงูพิษออกไปได้ รีบๆไปขอลูกเขาเลยเดี๋ยวเขาก็ไม่ยกให้จริงๆหรอก

Sent from my SM-A710F using Tapatalk


ออฟไลน์ Gardenia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
ตอนที่ ๓๕


T
B



                ลลิตภัทรนั่งมองบรรดาเด็กนักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างใจเย็น เขาเห็นเจ้าน้องน้อยถูกพ่อมารับตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว ลูกเจี๊ยบของเขามีสีหน้าเศร้าหมองจนน่าสงสาร หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะไปดึงมากอดให้จมอกแล้วปลอบให้คลายเศร้า

 

แต่ในตอนนี้ ลลิตภัทรจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้เด็กขาด

 

แดนดินนั้นหัวรั้นและอารมณ์ร้าย ยิ่งมีประเด็นกับเขาด้วยแล้วแดนดินยิ่งเพิ่มเลเวลความดุร้ายเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าเปรียบเป็นหมาตอนนี้แดนดินคือพันธุ์ผสมระหว่างล็อตไวเวอร์ผสมบางแก้ว เอาแต่แยกเขี้ยวทั้งวัน ไม่รู้ว่าจิ๊บนั้นเลี้ยงผัวด้วยน้ำผึ้งรึไงถึงได้ดุแท้



ได้แต่ภาวนาว่าแก่ตัวไปเจ้าเจี๊ยบน้อยจะไม่ดุร้ายเหมือนพ่อ ไม่งั้นลลิตภัทรคงตายคาเท้าลูกเจี๊ยบแน่ๆ

 

ปัญหาของเขากับลูกเจี๊ยบน้องต้องค่อยเป็นค่อยไปทุกอย่างต้องใจเย็นแม้ในอกของเขาจะร้อนราวกับมีไฟแผดเผาอยู่ก็ตาม ชายหนุ่มหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวเป็นแผ่นที่ห้า เคาะปลายนิ้วเรียวกับพวงมาลัยรถแก้เบื่อ

 

เกือบห้าโมงเย็นคนที่เขารอคอยก็เดินออกมาจากรั้วโรงเรียนและกำลังเดินมาทางนี้ เมื่อเป้าหมายใกล้เข้ามาลลิตภัทรก็ไม่รอช้า ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงไปดักหน้าเด็กคนนั้นทันที

 

               " วุ้นใช่มั้ยครับ นี่อาลอเองนะครับรบกวนไปกับอาหน่อย”วิชยุตม์จ้องหน้าลลิตภัทรก่อนจะพยักหน้ารับ เพราะลูกเจี๊ยบเคยเปิดรูปอาลอให้ดูเด็กหนุ่มจึงจำได้ ร่างเล็กก้าวขึ้นรถที่ลลิตภัทรเปิดประตูให้อย่างสุภาพ เด็กหนุ่มลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ตั้งใจขับรถแล้วนึกชมไม่ได้จากรูปที่ลูกเจี๊ยบเปิดให้ดูว่าหล่อแล้วพอมาเจอตัวจริงรูปถ่ายพวกนั้นเทียบกับลลิตภัทรตัวเป็นๆไม่ได้เลยซักนิด

 

                “วุ้นต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่าครับ?”วิชยุตม์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆลลิตภัทรก็หันมาถาม เด็กน้อยรีบส่ายหน้าก่อนจะนึกได้ว่าเป็นกริยาที่ไม่สมควร

 

                “ไม่รีบครับ”

 

                “พอดีอามีเรื่องอยากคุยด้วย วุ้นเป็นเพื่อนสนิทของเจี๊ยบน่าจะรู้แล้วใช่มั้ยครับ?”

 

                “ครับ เจี๊ยบเล่าให้ผมฟังแล้วครับ”ลลิตภัทรพยักหน้าเบาๆ

 

                “เดี๋ยวกินข้าวกันก่อนเนอะค่อยคุยกัน”ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเข้ามายังห้างใหญ่ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้าง

 

                “วุ้นอยากกินอะไรมั้ยครับ?”



                “อะไรก็ได้ครับ”เด็กหนุ่มไม่ค่อยรู้หรอกว่าร้านอะไรน่ากิน กับเด็กฐานะแบบเขาปกติหนูสุดก็ไก่ทอดเจ้าดังมื้ออื่นๆก็อาหารข้างทางปกติธรรมดา ลลิตภัทรจึงเดินนำเพื่อนของคนรักเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น

 

                “วุ้นทานปลาดิบได้มั้ยครับ?”

 

                “เอ่อ...ผมไม่ค่อยถนัดน่ะครับ”เด็กหนุ่มตอบด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก

 

                “งั้นสั่งมาลองนะครับเผื่อชอบ วุ้นสั่งที่อยากทานมาเลยครับไม่ต้องเกรงใจ”ลลิตภัทรมองเด็กตรงหน้าด้วยดวงตาของคนใจดี มองก็พอจะรู้ว่าฐานะของวุ้นนั้นไม่ได้ดีมาก การจะได้ทานอาหารอร่อยราคาค่อนข้างแพงจึงเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ลลิตภัทรรอให้อาหารมาเสิร์ฟจนครบชายหนุ่มบอกให้วิชยุตม์กินก่อนเดี๋ยวค่อยคุย แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องเจ้าเจี๊ยบจนแทบทะลุออกนอกอกยังไงแต่เขาจะไม่ผลีผลาม

 

ทุกอย่างต้องใจเย็นและรอเวลาแดนดืนเป็นคนหัวรั้นแค่ไหนลลิตภัทรรู้จักดี



วิชยุตม์ยกมือไหว้ขอบคุณยามลลิตภัทรคีบปลาดิบมาใส่จานให้เด็กน้อยมองอย่างชั่งใจก่อนจะทำตามที่ลลิตภัทรสอนว่าต้องกินยังไง กลั้นอกกลั้นใจเอาเข้าปากเคี้ยวแม้มันจะลื่นๆลิ้นแต่ใจของวิชยุตม์ดันไปนึกถึงว่าตนเองกินของดิบอยู่จึงเกือบอ้วกออกมา ลลิตภัทรรีบหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้



             "ทานไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะ"ลลิตภัทรเลื่อนจานอาหารอย่างอื่นให้โดยเอาปลาดิบมาไว้ด้านหน้าของตนเองแทน



           "ไม่ต้องคิดมาก ไม่ใช่ใครทุกคนจะกินปลาดิบเป็น อย่างลูกเจี๊ยบนะรายนั้นหัดตั้งนานกว่าจะกินได้"ลลิตภัทรเล่าถึงคนรักด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม วุ้นมองแววตาของคนแก่กว่าแล้วก็พลอยยิ้มตามไม่ได้



อาลอรักลูกเจี๊ยบมากจริงๆ การมีคนรักที่จดจำรายละเอียดทุกอย่างของเราได้นั้นถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง



หากวิชยุตม์มีคนรักก็อยากให้เหมือนกับอาลอเพราะไม่ว่าจะทำหรือพูดอะไรก็มักจะมีชื่อของลูกเจี๊ยบออกจากปากเสมอ



เขาอยากช่วย อยากสนับสนุนความรักของลูกเจี๊ยบ



แม้แรงกายแรงใจของเด็กอย่างเขาจะน้อยแต่การที่พระลอเลือกที่จะมาหาเขานั้นก็แสดงว่าตัวเองยังมีประโยชน์กับคนอื่นอยู่บ้าง

 

                “อาลอมีอะไรจะให้ผมช่วยเหรอครับ”วุ้นเอ่ยปากหลังจากทานไปได้ซักระยะ จะเรียกว่าเขากินอยู่ฝ่ายเดียวก็เป็นได้เพราะลลิตภัทรเอาแต่นั่งเหม่อเขี่ยอาหารในจานไปมาพลอยทำให้เขาเกร็งไปด้วย

 

                “เจี๊ยบป็นยังไงบ้าง แผลที่ขาหายหรือยัง?”เขาเอ่ยคำถามที่ค้างคาในใจมาร่วมสัปดาห์ วิชยุตม์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่ปิดบัง

 

                “แผลตกสะเก็ดแล้วล่ะครับเจี๊ยบทายาทุกวันย่าจะไม่มีแผลเป็น แต่เจี๊ยบเศร้าทุกวันเลย ทำไมอาลอไม่ไปคุยกับพ่อแม่เจี๊ยบให้เป็นเรื่องเป้นราวล่ะครับ”วิชยุตม์เอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา อันที่จริงคนเด็กกว่าก็แอบเคืองที่ลลิตภัทรหายหน้าหายตาไม่ยอมไปคุยกับพ่อแม่เจี๊ยบให้เรียบร้อย ลลิตภัทรตวัดสายตามองหน้าเด็กตรงหน้าจนวิชยุตม์รู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำกริยาไม่ดีใส่คนเป้นผู้ใหญ่ไป

 

                “ขอโทษครับ”

 

                “อาอยากไปหาลูกเจี๊ยบ แต่วุ้นคิดตามอานะ ตอนนี้กำนันกำลังโกรธเพราะเรื่องมันยังสดใหม่  พ่อของลูกเจี๊ยบภายนอกดูเป็นคนใจดีก็จริงแต่เวลาโมโหน่ะเขาไม่สนหน้าอิฐหน้าพรหมอะไรทั้งนั้น รอยหวายที่ขาเจี๊ยบนั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ อาถึงไม่กล้าผลีผลามไป อันที่จริงอาเคยคิดว่าจะบุกไปบ้านเจี๊ยบโชคดีที่งานทางอบต.เร่งมาทำให้อามีเวลาทบทวนและคิดว่าอาควรทำยังไงต่อไป  ถ้าไปหาเลยแล้วผลที่ออกมามันแย่กว่าเดิมอย่างกำนันแดนดินน่ะโทรกริ๊งเดียวเขาก็แยกน้องเจี๊ยบให้ห่างจากอาโดยที่อาคงหาเจี๊ยบไม่เจอ ดังนั้นสิ่งที่อาทำได้ในตอนนี้คือเคลียร์ตัวเอง”

 

                “เคลียร์ตัวเอง?”วิชยุตม์ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ”

 

                “ใช่ อาต้องเคลียร์ตัวเองว่าตอนนี้ ณ เวลานี้ อามีแค่เจี๊ยบคนเดียวและต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครมาชี้หน้าด่าได้ว่าเจี๊ยบแย่งอามาจากใคร ทั้งที่อาไม่จำเป็นต้องไปจัดการอะไรพวกนั้นเลยแต่เพื่อเจี๊ยบอายอมทิ้งศักดิ์ศรียอมให้คนที่ทำลายเราดูถูก ที่อาทำไปทั้งหมดก็เพื่อเจี๊ยบ เพราะฉะนั้นอาอยากขอความช่วยเหลือจากวุ้น”

 

                “อาลอจะให้ผมช่วยอะไรครับ ถ้ามันทำให้เจี๊ยบหายเศร้าผมก็จะช่วย”

 

                “อาอยากเจอเจี๊ยบ...”

 

 

                “หลังจากได้ฟังวุ้นเล่าเหตุการณ์เมื่อวานใจของลูกเจียบก็สั่นโครมครามอย่างตื่นเต้น

 

อาลอไม่ได้เมินเฉยต่อปัญหาแต่กลับพยายามแก้ปัญหานั้นด้วยตัวคนเดียว แม้ใจของลูกเจี๊ยบก่อนหน้านี้จะเศร้าสลดแต่เมื่อได้รู้ความจริงแบบคร่าวๆอารมณ์โกรธและแง่งอนก็ปลิวหายราวกับลลิตภัทรหอบเอาลมเย็นมาช่วยปัดเป่า

 

                “อาลออยากเจอเจี๊ยบ”ลูกเจี๊ยบหลุดยิ้มดีใจออกมพลันก็หุบยิ้มทันทีเหมือนต้นไมยราพที่ถูกลูบผ่าน ความดีใจแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจและเสียดาย

 

                “จะเจอได้ยังไงล่ะถ้าอาลอหาเจี๊ยบที่บ้านพ่อได้เอาปืนมาไล่ยิงแน่ๆ เรายังไม่อยากให้อาลอตาย”ลูกเจี๊ยบบอกตามซื่อ ถึงแม้พ่อจะไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนี้อีกแต่ลูกเจี๊ยบรู้ดีว่าพ่อนะไม่มีทางยอมอภัยให้กับความผิดจากการทำตัวเหลวไหลของลูกเจี๊ยบง่ายๆแน่

 

เมื่อใดที่มีอะไรไปสะกิดใจแดนดินก็พร้อมจะระเบิดอีกรอบ อย่างเช่นเมื่อวันก่อนที่เจ้าจอมเอารถบังคับที่ลลิตภัทรให้มาเล่นพอแดนดินรู้ว่าของเล่นชิ้นนั้นเป็นของใครรถบังคับก็แปลงร่างเป็นเครื่องบินลอยละลิ่วลงไปกองที่ใต้ถุนบ้าน แก้วเจ้าจอมร้องไห้จ้าด้วยเพราะเป็นของเล่นชิ้นโปรดสุดหวงแสนรักจนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมคุยกับพ่อเลยด้วยซ้ำ

 

               
                “ทำตามที่เราบอกก็พอ”

 

 

                แดนดินหรี่ตามองหาลูกชายยามเมื่อคาบสุดท้ายสิ้นสุดลง บรรดาเด็กนักเรียนต่างพากันทยอยเดินออกมานอกรั้วโรงเรียน ไม่นานลูกเจี๊ยบก็สะพายเป้ใบใหญ่ออกมา แต่วันนี้แปลกตรงมีเพื่อนของเจี๊ยบที่ตัวเล็กกว่าลูกชายของเขาเดินตามออกมาด้วย แดนดินลดกระจกลงเมื่อลูกเดินมาถึงรถ

 

                “พ่อจ๋านี่วุ้นเพื่อนน้องที่น้องเคยเล่าให้ฟังจ้า”เจี๊ยบแนะนำเพื่อนให้พ่อรู้จัก แดนดินส่งยิ้มใจดีให้กับเพื่อนของลูกเจี๊ยบแล้วรับไหว้วุ้นที่ยกมือไหว้เขาอย่างเรียบร้อย

 

                “สวัสดีครับพ่อ”

 

                “ไหว้พระเถอะลูก วันนี้ทำไมมาพร้อมลูกเจี๊ยบได้ล่ะทุกวันพ่อเห็นเจี๊ยบออกมาคนเดียว”

 

                “พอดีวันนี้วุ้นไม่มีทำเวรกับช่วยอาจารย์น่ะครับเลยออกมาด้วยได้ วุ้นจะมาขออนุญาตพ่อให้เจี๊ยบมาทำรายงานกับวุ้นพรุ่งนี้ด้วยน่ะครับ”วุ้นบอกจุดประสงค์ที่เดินออกมาพร้อมลูกเจี๊ยบให้กับแดนดิน กำนันหนุ่มขมวดคิ้วทันที

 

                “รายงานอะไร?”

 

                “เคมีครับอาจารย์ให้จับกลุ่มกันทำวุ้นทำกับเจี๊ยบแล้วมันเยอะมากก็เลยมาขออนุญาตพ่อก่อน”

 

                “วุ้นไปทำที่บ้านพ่อไม่ดีกว่าเหรอ พ่อไม่ค่อยอยากให้น้องห่างบ้านเลย”

 

                “คือมันต้องหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตน่ะจ้าพ่อ บ้านเราไม่ได้ติดเน็ต”ลูกเจี๊ยบรีบบอกกับพ่อ เด็กสองคนลอบมองแดนดินที่ทำท่าใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้า

 

                “ก็ได้ แล้วต้องมากี่โมงพ่อจะได้มาส่ง”

 

                “ซัก 9 โมงพ่อสะดวกมั้ยครับ พอดีเนื้อหาที่ต้องหาข้อมูลมันเยอะถ้ามาสายกลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน”

 

                “ได้ เดี๋ยวพ่อพาเจี๊ยบมาส่ง ว่าแต่เจี๊ยบรู้จักบ้านเพื่อนแล้วใช่มั้ย”แดนดินหันไปถามลูก ลูกเจี๊ยบรีบพยักหน้ารับ

 

                “รู้จักแล้วจ้า พ่อมาส่งเจี๊ยบที่โลตัสก็ได้จ้าเราต้องซื้อหนังสือเพิ่ม”

 

                “งั้นก็ได้ ให้พ่อไปส่งที่บ้านมั้ยวุ้น?”

 

                “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยววุ้นต้องไปรับน้องที่โรงเรียนก่อน งั้นสวัสดีตรงนี้นะครับ”วุ้นยกมือไหว้แดนดินก่อนจะโบกมือบ๊ายบายลูกเจี๊ยบ เจ้าเจี๊ยบน้อยยิ้มหวานให้กับเพื่อนก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่ วันนี้ลูกเจี๊ยบอารมณ์ดีเพราะพรุ่งนี้จะได้เจออาลอแล้ว

 

                “ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดี”แดนดินที่สังเกตลูกอยู่ถึงกับเอ่ยปากถามเพราะตลอด 8 วันที่ผ่านมาลูกเจี๊ยบพูดแทบจะนับคำได้ข้าวปลาก็แทบจะไม่ยอมออกมากินเวลาเผลอก็แอบนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆแต่วันนี้เจ้าเจี๊ยบน้อยของเขากลับมีรอยยิ้มแต้มที่ริมฝีปาก

 

                “วันนี้คะแนนสอบย่อยของน้องได้ดีน่ะจ้าน้องเลยอารมณ์ดี”ลูกเจี๊ยบปดผู้เป็นพ่อก่อนจะดึงหน้าตัวเองให้กลับไปเรียบขรึมเช่นหลายวันที่ผ่านมา แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่สงสารลูกยิ่งลูกมึนตึงใส่หัวใจคนเป็นพ่อเหมือนถูกเหยียบ

 

แต่เขาจะทำยังไงได้

 

นี่น่ะยอดดวงใจของเขาทั้งคน

 

                “ที่พ่อทำไปทั้งหมดก็ขอให้รู้ไว้นะเจี๊ยบว่าพ่อรักหนู”ลูกเจี๊ยบน้อยเม้มปากกลั้นน้ำตาที่พาลจะไหล รู้สึกตัวเองเป็นลูกที่แย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

เจี๊ยบรู้ว่าพ่อรักเจี๊ยบ แต่เจี๊ยบก็โตพอจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้วนะจ๊ะพ่อจ๋า

 

เจี๊ยบก็รักพ่อ รักแม่ รักน้อง รักโรงเรียน รักปลา รักซากุระ

 

และที่สำคัญ

 

เจี๊ยบก็รักอาลอมากเช่นกัน

 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะฝ่าฝืนความรักความหวังดีของพ่อในวันพรุ่งนี้

 

เจี๊ยบจะไม่เสียใจ

 

ไม่เสียใจเลยซักนิด...





 

 

                ลูกเจี๊ยบพยายามเก็บอาการมาตลอดตั้งแต่เย็น พอถึงตอนเช้าก็ออกมาช่วยแม่ทำกับข้าวกับปลาเหมือนเช่นทุกวัน จิ๊บมองลูกที่ใจลอยอยู่บ่อยครั้งแล้วก็ให้หนักใจเพราะคิดว่าลูกยังคงเศร้ากับเรื่องที่ถูกกีดกันไม่ให้พบกับพระลออีก แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาตามใจกันได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นจากตัวเอง แทนที่จะได้ร่ำเรียนสูงๆสุดท้ายก็จบแค่มัธยมต้น

 

                “เจี๊ยบ ถ้าไม่สบายก็ไม่ต้องช่วยแม่หรอก ไปเตรียมตัวเถอะกินข้าวเสร็จพ่อเขาจะได้ไปส่งเลย”หล่อนฉวยทัพพีที่ลูกถือมาไว้ในมือก่อนจะช้อนฟองในต้มจืดออก

 

                “น้องไม่ได้เป็นไรจ้าแม่ แค่คิดอะไรเพลินนิดหน่อย”

 

                “คิดถึงลอเหรอ”ลูกเจี๊ยบน้อยชะงักเมื่อแม่เอ่ยปากถามออกมา ใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก

 

                “อยู่กับแม่คุยได้”จิ๊บหันมาลูบแก้มของลูกเบาๆ

 

                “คิดถึงจ้า”

 

                “พ่อกับแม่รักเจี๊ยบนะ ที่พ่อทำไปก็เพราะรักมากหวงมาก หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะห่วงอนาคตลูกที่สุด วันนี้ที่พ่อเขาตีน้อง เขาก็รู้สึกผิด แต่จะให้ย้อนเวลากลับไปพ่อก็ตีน้องอยู่ดีเพราะพ่อเขาอยากให้น้องรู้ว่าสิ่งที่น้องกับลอทำลงไปเหมือนมีดที่กรีดใจพ่อแม่ ความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่เกินเลยกันไปมันก็ไม่ถูกไม่ควร ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่พูดน้องจะปิดพ่อแม่อีกถึงเมื่อไหร่?”จิ๊บไม่ได้ใช้น้ำเสียงจริงจังกับลูก หล่อนเพียงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่ทุกคำตรงเข้าไปถึงแก่นในหัวใจลูก ลูกเจี๊ยบมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

                “อันที่จริง...”เด็กน้อยเม้มปากคล้ายกำลังใช้ความคิดกับสิ่งที่ตัวเองจะพูด

 

                “อันที่จริงอาลออยากจะบอกพ่อกับแม่ว่าเราคบกัน แต่เป็นน้องเองที่ห้ามไว้”

 

                “เขาบังคับน้องหรือเปล่า...”ลูกเจี๊ยบน้อยส่ายหน้า ศตายุรู้ว่าแม่หมายถึงเรื่องไหน

 

                “หนูเป็นคนให้อาลอเองจ้า  หลายครั้งที่มันเกือบจะเกินเลยอาลอห้ามตัวเองไว้เสมอ อาลอบอกว่าน้องยังเด็ก อาลอสอนแต่สิ่งดีๆให้น้องทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนเรื่องที่พ่องานยุ่งจนไม่มีเวลาให้เรา  แม่จ๋า ที่ผ่านมาแม่ก็เห็นว่าอาลอเขาดีกับเราแค่ไหน  เป็นหนูเองที่เสนอตัวให้อาลอเพราะหนูหึงป้าแอน อาลอปฏิเสธหนูแล้วแต่หนูยืนยันที่อยากจะเป็นของอาลอเอง หนูรักอาลอและหนูจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป”

 

                “น้องยังเด็กแต่ลอน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว...”

 

                เรื่องความรักกับอารมณ์แบบนี้มันแยกเด็กแยกผู้ใหญ่ด้วยเหรอจ๊ะแม่ หนูอยากให้พ่อกับแม่ให้โอกาสอาลอ...”

 

                “เรื่องนั้นเจี๊ยบอย่ามาพูดให้อาลอเลย  เจี๊ยบรู้มั้ยตอนพ่อกับแม่เกินเลยกัน พ่อของเจี๊ยบเดินเข้ามาขอขมาตากับยายด้วยตัวเอง พิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะสามารถดูแลปกป้องแม่และลูกที่อยู่ในท้องได้ และเขาก็ทำได้ดีเสมอมา แล้วอาลอล่ะตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะเดี๋ยวพ่อกลับจากนาก็กินข้าวแล้วไปทำรายงานกับเพื่อนได้เลยแม่ใส่เงินไว้ให้น้องในกระเป๋าแล้วถ้าไม่พอน้องก็กดเอานะลูก”จิ๊บหันไปให้ความสำคัญกับต้มจืดในหม้อต่อ

 

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแดนดินก็ขับรถมาส่งลูกที่หน้าห้าง เขาต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องงบหมู่บ้านที่ อบต.ชายหนุ่มดึงมือลูกไว้ก่อนสำทับ

 

                “พ่อจะมารับตอนห้าโมงเย็นนะ อย่าเถลไถล”

 

                “ครับ”ศตายุรับคำก่อนจะยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ แดนดินมองลูกที่เดินจากไปอย่างปวดใจ

 

ไร้เสียงจ๊ะจ๋ามานานกี่วันแล้วหนอ

 

ความสัมพันธ์พ่อลูกจะต้องมึนตึงแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาก็เหมือนพ่อแม่มือใหม่ทั่วๆไปที่เรียนรู้การเป็นพ่อแม่จากการเจริญเติบโตของลูกน้อย

 

ตอนนี้ลูกเจี๊ยบกำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ  เขาไม่อยากให้ลูกออกนอกกรอบที่กำหนดไว้

 

แต่มันก็ยากเหลือเกิน การมีลูกน่ะง่ายแต่การเลี้ยงเขาให้โตมาอย่างมีคุณภาพนั้นยากยิ่งนัก

 

เพราะขนาดเขาเลี้ยงดูลูกอบรมสั่งสอนอย่างดีเด็กที่เคยเชื่อฟังมาตลอดอย่างเจี๊ยบยังทำเรื่องออกนอกลู่นอกทางได้นั่นแปลว่าเขาล้มเหลว

 

เขาแค่อยากให้ลูกก้าวเดินไปอย่างช้าๆและมั่นคงมีการศึกษาที่ดี

 

ไม่ใช่ว่าวัยรุ่นทุกคนที่หลงมัวเมาในเรื่องเพศจะได้ดีทุกคน

 

ลูกกำลังต่อต้านสิ่งที่เขาทำแดนดินรู้ดี แต่ทั้งหมดที่ทำลงไปนั้นล้วนแล้วแต่เพื่อลูก เพื่อลูกน้อยของเขาทั้งนั้น

 

 

                วุ่นชะเง้อมองเพื่อนตัวสูงที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คน ร่างบางกวักมือเรียกให้ศตายุที่กวาดตามองหาเห็น เด็กหนุ่มก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดที่หน้าร้านไก่ทอด

 

                “วุ้นกินข้าวมาหรือยัง?”วุ้นไม่ได้ตอบแต่กลับดึงมือเจี๊ยบให้ตามตนเข้าไปในโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากเดินลัดเลาะไม่นานสายตาของลูกเจี๊ยบก็สะดุดกับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงโซนขายโทรศัพท์ ดวงตากลมกระพริบไล่หยาดน้ำตาเร็ว วุ้นปล่อยให้ศตายุเดินเข้าไปหาลลิตภัทรด้วยตัวเอง

 

ชายหนุ่มหันมาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนยืนมองอยู่ข้างหลัง

 

หัวใจที่คล้ายว่าเต้นช้าลงเกือบสิบวันที่ผ่านมาพลันเต้นรัว ลลิตภัทรหันกลับไปมองด้านหลังก็พบว่าเจ้าตัวน้อยยืนจ้องเขาอยู่ไม่ได้วางตา

 

ต่างคนต่างจ้องกันโดยไม่มีคำพูดใดใด

 

เพราะมีคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากเขาเราสองคนอยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้เลยซักนิด ลลิตภัทรดึงมือหลานมากุมไว้ก่อนจะจูงเดินกลับมาหาวุ้น

 

                “วุ้นกลับบ้านไปก่อนนะครับเดี๋ยวสี่โมงอาจะเอาเจี๊ยบมาส่งที่นี่”ลลิตภัทรหยิบกระเป๋าเงินออกมาดึงธนบัตรออกมาจำนวนหนึ่งโดยไม่ได้สนใจจำนวนแล้วยื่นให้วุ้น วิชยุตม์มองเงินจำนวนนั้นก่อนจะดันกลับไป

 

                “ไม่ต้องให้อะไรผมหรอกครับผมแค่อยากให้อาลอกับเจี๊ยบเจอกัน”

 

                “รับไว้เถอะ อาอยากให้ ผู้ใหญ่ให้ไม่ควรปฏิเสธรู้มั้ย กระเป๋าเป้ของวุ้นเก่าจนสายจะขาดแล้วเอาไปซื้อใบใหม่นะ วันก่อนที่อาไปส่งที่บ้านน้องๆของวุ้นอยากได้หนังสือนิทานกับของเล่นไม่ใช่เหรอ ถือว่าเป็นของขวัญจากอาก็แล้วกัน”วิชยุตม์มองหน้าคู่รักต่างวัยแล้วได้แต่ถอนหายใจ ลูกเจี๊ยบเพื่อนรักทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อแถมมือของทั้งสองที่จับกันแน่นนั้นถ้าขืนเขามัวแต่ปฏิเสธคนทั้งคู่ก็คงต้องเสียเวลาอยุ่ตรงนี้ไม่ได้ไปพูดคุยกันเสียที วิชยุตม์จึงยกมือไหว้ขอบคุณ ลลิตภัทรกล่าวลาเด็กหนุ่มก่อนจะจูงลูกเจี๊ยบออกไปขึ้นรถที่จอดไว้หลังห้าง  ลูกเจี๊ยบน้อยนั่งนิ่ง ส่วนเขาเองก็อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพูดคุยดังนั้นเขาจึงไม่ได้ชวนหลานคุยทำเพียงขับรถไปตามตรอกซอกซอยเรื่อยๆ

 

ถนนหนทางที่คุ้นตาทำให้ลูกเจี๊ยบรู้ว่าอาลอจะพาตนไปที่ไหน

 

                “บ้านในเมืองของลลิตภัทรกับพี่ๆที่ลูกเจี๊ยบเคยมาแล้วถูกใช้เป็นสถานที่เพื่อพูดคุย ลลิตภัทรเดินไปปิดประตูรั้วด้วยตนเองหลังจากเอารถเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้ว ลูกเจี๊ยบเดินตามลลิตภัทรเข้ามาในบ้าน ทันทีที่ประตูปิดกำปั้นเล็กก็ทุบลงบนอกคนเป็นอาทันที

 

                “ปไหนมา!! อาลอหายไปไหนมา!!ฮืออออออ”ลลิตภัทรกัดฟันยอมให้หลานทุบจนพอใจ ก่อนจะรวบร่างบอบบางในไว้ในอ้อมกอด

 

ตัวของลูกเจี๊ยบสั่นเหมือนลูกนกที่เปียกฝน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นก็น่าสงสาร

 

 

                “หนูกลัวแทบแย่ กลัวว่าอาลอจะทิ้งหนู”ร่างบางตัดพ้ออู้อี้กับแผงอกที่ลลิตภัทรกอดตนไว้ สูดกลิ่นหอมจางๆจากกายอาลออย่างโหยหา ลำแขนยกขึ้นมาโอบกอดเอวสอบไว้อย่างแสนรัก

 

                “อาจะทิ้งหัวใจของอาไปได้ยังไงล่ะคะ”

 

                “แต่อาหายไปอาลอไม่มาหาหนู หนูรออาลอทุกวัน ฮึก...พ่อไม่ให้เจี๊ยบออกนอกบ้านเลย โทรศัพท์ก็โดนยึด ศาลาริมน้ำก็ถูกปิด หนูไม่รู้ว่าอาลอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง หนูห่วงไปหมด หนูกลัวด้วยแล้วหนูก็รอให้อาลอไปหาหนูที่บ้านแต่อาลอก็ไม่มา”ศตายุปล่อยโฮหลังพูดจบจนลลิตภัทรต้องลูบหลังปลอบ

 

เขาไม่ว่าหลานที่หลานเอ่ยตัดพ้อ ชายหนุ่มลูบผมนุ่มแผ่วเบา

 

                “อาอยากไปหาหนูใจจะขาด อยากรู้ว่าหนูเป็นยังไง แต่อากลัวว่าถ้าไปตอนนั้นพ่อกำลังโกรธด้วยนิสัยของเขาแล้วเขาไม่ยอมให้เราพบกันแน่ พาลจะโกรธหนักกว่าเดิม อาเลยไปกรุงเทพไปเคลียร์กับอาแอน ตอนนี้เขาจะไม่กลับมายุ่งกับเราแล้วนะลูกเจี๊ยบดีใจมั้ย?”

 

                “หนูเกลียดอาแอน “เด็กน้อยคุดหน้ากับอกแกร่ง

 

เด็กไม่ดี ลูกเจี๊ยบรู้ว่าตอนนี้ตนเองเป็นเด็กไม่ดี แต่เขาเกลียดอริตาที่มาทำให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด ลลิตภัทรหัวเราะให้กับคำพูดอู้อี้นั้นก่อนจะขยับตัวดันร่างบางของหลานให้ห่างตัวเพื่อสำรวจเจ้าตัวน้อย

 

                “ซูบไปนะคะ กินข้าวบ้างมั้ย?”ลูบแก้มเจ้าตัวน้อยแผ่วเบาราวกับกลัวว่าลูกเจี๊ยบที่แสนเปราะบางจะแตกสลาย ศตายุเอียงแก้มรับสัมผัสอุ่นจากผ่ามือของลลิตภัทร

 

                “หนูกินไม่ลงเป็นห่วงอาลอ”

 

                “วันนี้กลับบ้านไปหนูต้องกินข้าวเยอะๆรู้มั้ยคะ อย่าปล่อยให้ตัวเองอด”

 

                “อาลอก็ซูบลงเหมือนกันนี่จ๊ะ อาลอก็ต้องกินข้าวให้เยอะๆเหมือนกันนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบลูบแก้มของอาลอที่ตอบลงไปอย่างเห็นได้ชัดน้ำตาเม็ดใสกลิ้งหล่นจากตา ลลิตภัทรยิ้มให้กับหลานก่อนจะโน้มตัวไปกดจูบริมฝีปากนุ่มที่เคยเคล้าคลอไม่ขาด

 

รสจูบหวานจับใจไร้อารมณ์ที่แสดงถึงราคะ หากแต่เป็นจูบที่แสดงความคิดถึงและโหยหา

 

                “หนูรออานะคะ พรุ่งนี้อาจะไปหาที่บ้าน อาจะไปจัดการเรื่องของเราให้จบเสียที”

 

                แต่พ่อ...”ลูกเจี๊ยบพูดถึงพ่อด้วยความหวั่นใจ ลลิตภัทรใช้ปลายนิ้วคลึงริมฝีปากนุ่มนั้นไว้ ดวงตาคมฉายความมั่นใจไว้เต็มเปี่ยม

 

                “หนูไม่ต้องห่วงนะคะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาเอง เชื่อแค่อานะคะ”

 

                “จ้า  หนูจะเชื่อแค่อาลอ แค่อาลอคนเดียว”



................................


ตอนหน้าบุกถ้ำเสือกันค่ะ
สู้เขานะผู้ใหญ่ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือเว้ย ถ้าได้รอบนี้ก็คบแบบเปิดเผยได้แล้ว แต่ต้องอดทนมากนะผู้ใหญ่ ถึงแดนดินจะพูดไม่ดีใส่ก็ต้องอดทนเพราะนั่นคือพ่อตาของตัวเองละนะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk


ออฟไลน์ Gardenia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1


   ลลิตภัทรปั่นจักรยานมาบ้านของลูกเจี๊ยบในตอนเย็น ชายหนุ่มเดินขึ้นบ้านของแดนดินด้วยท่าทางสบายๆแต่เจ้าของบ้านกลับทำหน้าหงิกอย่างกับม้าหมากรุก

   “มาทำไมอีก มึงคิดว่าการที่กูยอมให้มึงคบกับลูกกูแล้วจะเข้านอกออกในยังไงก็ได้งั้นเหรอไอ้ลอ”

   “แม่ให้มาพาเจี๊ยบไปกินข้าวที่บ้าน”

   “บ้านกูข้าวมีกินทำไมต้องให้ลูกกูไปกินข้าวที่บ้านมึงด้วย”กำนันแดนดินยังรวนไม่เลิกจิ๊บได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจ

   “เจี๊ยบอาลอมารับแล้วลูก”หล่อนไม่สนใจผู้เป็นสามีร้องเรียกลูกชายที่ยังอยู่ในห้อง เสียงตึงๆน่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยวิ่งมาเปิดประตูทำให้แดนดินยิ่งเหม็นขี้หน้าว่าที่ลูกเขย แถมเมียรักก็ไม่เข้าข้างกันซักนิด ทำไมใครๆก็เข้าข้างไอ้หน้าขาวนี่หมดนะไม่เข้าใจ

   “น้องจะไม่อยู่กินข้าวกับพ่อจริงๆเหรอ?”ในเมื่อเมียไม่เข้าข้างก็หันไปออดอ้อนลูกทันทีลูกเจี๊ยบมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

   “ให้หลานไปกับผมเถอะพี่ แม่แกบ่นคิดถึง แกบอกแกเลี้ยงของแกมาตั้งแต่เล็กปกติต้องข้ามไปหากันประจำนี่แกก็ชะเง้อคอยมองทุกวัน”แดนดินทำท่าฟึดฟัดอย่างน่าถีบให้ตกใต้ถุนเรือน

   “ห้ามกลับเกินสองทุ่มพ่อจะนั่งรอน้องตรงนี้ ถ้าเกินคราวหลังจะไม่ให้ไปอีก”

   “คุยกับแม่เสร็จผมจะพามาส่งไม่ต้องห่วงนะพี่”

   “กูห่วงก็เพราะลูกกูไปกับมึงนี่แหละไอ้สันขวาน”แดนดินตอกกลับทันทีแต่นั่นกลับทำให้ลลิตภัทรหัวเราะก๊ากขึ้นมาทันที ชายหนุ่มพาหลานซ้อนจักรยานปั่นกลับมาที่บ้าน ลูกเจี๊ยบยืนเก้ๆกังๆไม่กล้าเข้าไปหาย่าโฉมในครัวเหมือนเช่นทุกครั้ง

   “ทำไมไม่เข้าไปล่ะคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ลูกเจี๊ยบละล้าละลังอึกอักอย่าน่าสงสาร

   คือหนู...หนู...”

   “หนูไม่กล้าเข้าไปหาย่าเค้าเหรอคะ?”ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับ

   “หนูกลัว”

   “ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ย่ายังรักหนูเหมือนเดิม นี่บ่นอาทุกวันที่ทำให้หนูไม่ได้ข้ามมาหา ไปเถอะค่ะไปช่วยย่าเขาทำกับข้าวป่านนี้ใกล้เสร็จแล้วมั้ง เป็นสะใภ้บ้านนี้ต้องทำกับข้าวเก่งรู้มั้ยคะ”

   “มาสะเพิ้งสะใภ้อะไรกันล่ะจ๊ะ ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันซักหน่อย”

   “แล้วอยากย้ายมาอยู่กับอามั้ยล่ะคะ?”

   “พ่อได้ตีตาย ค่อยๆคบกันไปก่อนเถอะจ้ารอหนูเรียนจบดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ตามแผนเดิมของเราดีกว่านะจ๊ะ”

   “อาก็ไม่ได้จะเร่งรัดอะไรหนูหรอกค่ะก็ลองถามดูแต่ถ้าได้ก็ดี ไปเถอะค่ะเข้าไปข้างในกันป่านนี้แม่บ่นแล้วว่าอาทำไมมาช้า”ลลิตภัทรดันหลานให้เดินเข้าไปในครัว ทันทีที่ลูกเจี๊ยบปรากฏตัวย่าโฉมก็ทักเสียงดังลั่นพลางโผหาเจ้าตัวน้อยด้วยความคิดถึง

   “ลูกเจี๊ยบของย่า ย่าคิดถึงจริงๆ”

ลูกเจี๊ยบกำลังประหม่า ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป ลลิตภัทรเองก็รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวน้อยไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม ชายหนุ่มเพียรตักอาหารใส่จานให้หลานเจ้าตัวน้อยก็เอาแต่สงบปากสงบคำ

   “หนู...”เอ่ยเรียกหลานเบาๆ เจ้าแก้มกลมหันมามองพลางเม้มปาก

   “มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหนูทำตัวปกติเถอะค่ะ”

   “เป็นอะไรลูก กลัวย่าไปแล้วหรือไง?”ย่าโฉมเองก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใจดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

มีเพียงลูกเจี๊ยบที่กังวลอยู่คนเดียว ด้วยสถานะที่ถูกเปิดเผยลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าสมาชิกในครอบครัวของลลิตภัทรจะยังให้การต้อนรับตนเหมือนเดิมมั้ย พระรามกับพระลักษณ์เงยหน้ามองหลานด้วยดวงตานิ่งๆนั่นยิ่งทำให้ลูกเจี๊ยบประหม่า

   “พี่มองหลานจนหลานมันกลัวแล้ว”พระลอกระแอมบอกพี่ๆที่นั่งจ้องหน้าหลานตาไม่กระพริบ

   “เจี๊ยบ”พระลักษณ์เอ่ยเรียกหลานด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   “จ...จ๋าลุงลักษณ์”

   “หนีไปตอนนี้ยังทันนะ ไปมีอนาคตดีๆกับคนดีๆเถอะ”พระลักษณ์บอกหลานด้วยน้ำเสียงจริงจังจนพระรามที่นั่งฟังอยู่หัวเราะพรืดในขณะที่ลลิตภัทรอ้าปากด่าพี่ชายทันที

   “พี่ลักษณ์พี่พูดแบบนี้ได้ไงวะถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่จะถีบให้ตกเรือนเลยมายุให้ผัวเมียเขาตีกัน”พระรามกับพระลักษณ์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีเมื่อน้องคนเล็กออกฤทธิ์

   “ขี้ตู่ว่ะคนเรามาเรียกหลานว่าเมียแต่งก็ยังไม่ได้แต่งเนอะเจี๊ยบเนอะ”ท้ายประโยคหันไปพยักเพยิดกับเจ้าตัวน้อยจนลูกเจี๊ยบที่หน้าแดงไปยั้นลำคอยิ่งอายม้วนต้วน บรรยากาศในวงข้าวดีขึ้นทันตา ลูกเจี๊ยบหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อลลิตภัทรเอ่ยแซวไม่ยอมหยุด ย่าโฉมกับปู่ชลิตก็พลอยขำไปกับพวกเด็กๆ

   “เข้ามาหาย่าสิเจี๊ยบเอ้ย ลอด้วยมาหาพ่อกับแม่””ย่าโฉมเรียกลูกเจี๊ยบให้เข้ามาหาตน ลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบค่อยๆคลานเข้าหาผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งเก้าอี้อยู่ตรงชานบ้าน ปู่ชลิตหยิบฝ้ายผูกข้อมือขึ้นมาก่อนจะผูกให้กับลูกเจี๊ยบ

   “อยู่เย็นเป็นสุขอายุมั่นขวัญยืนนะลูกนะ ปู่ดีใจที่อย่างน้อยคู่ของไอ้ลอก็เป็นเด็กดีอย่างเจี๊ยบเลี้ยงกันมาเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”เจี๊ยบกราบลงบนตักของปู่ชลิตใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มให้กับผู้อาวุโสของบ้านจนปู่ชลิตอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ย่าโฉมผูกข้อมือให้หลานเป็นคนต่อไป

   “ยังเล็กนัก คบกันรักกันก็ใช้เหตุผลให้มากๆ ลอต้องเข้าใจหลานถ้าหลานงอแงดูแลกันและกันให้ดีๆ เจี๊ยบเองก็อย่าเจ้าแง่แสนงอนอายุต่างกันมากยิ่งต้องถนอมน้ำใจกันรู้มั้ยลูก รอให้หนูโตย่าจะเปลี่ยนจากฝ้ายผูกแขนเป็นสร้อยข้อมือให้นะ”

   ไม่ต้องหรอกจ้าย่า แค่ปู่ย่ากับลุงๆยอมรับหนู หนูก็ดีใจแล้วจ้า”เจ้าตัวน้อยตอบกลับด้วยความจริงใจ

ลูกเจี๊ยบไม่ได้ต้องการทองหยองของมีค่าเพราะลูกเจี๊ยบได้ของมีค่าที่สุดของครอบครัวนี้มาแล้วคือลลิตภัทรและความรักที่ทุกคนมีให้

   “สะใภ้บ้านนี้ได้กันทุกคน”ย่าโฉมว่าพลางทำตาระยิบระยับใส่อย่างหยอกล้อเรียกเลือดฝาดให้มาประดับดวงหน้าของลูกเจี๊ยบอีกหน ลูกเจี๊ยบกอดย่าโฉมพลางหอมแก้มเหี่ยวย่นที่คุ้นเคยอย่างแสนรัก

   “จะสองทุ่มแล้วเดี๋ยวผมพาหลานกลับบ้านก่อนนะครับ"ลลิตภัทรขยับตัวลุกขึ้นเห็นเจ้าตัวน้อยทำตาแดงๆคล้ายกำลังกลั้นน้ำตาก็ให้นึกเอ็นดู เพิ่งทุ่มครึ่งอันที่จริงให้นั่งเล่นที่บ้านเขาก่อนก็ได้แต่ลลิตภัทรอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับหลานก่อนไปส่งบ้านจึงดึงหลานออกมาก่อน

   “เดินกลับกันนะคะ”เขาบอกหลานเสียงแผ่ว ลมเย็นพัดเอากลิ่นต้นข้าวมาให้ได้ดมจนชื่นใจ สองคนเดินเคียงกันอย่างเชื่องช้าตามทางเดินอาศัยเพียงแสงจันทร์จากข้างขึ้นส่องสว่างนำทาง

   “เจี๊ยบคะ”ลลิตภัทรดึงมือหลานเมื่อเดินผ่านโค้งบ้านจนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวเข้าบ้านหลาน

   “จ๋า...”เจ้าตัวน้อยรับคำเสียงแผ่วเมื่อถูกดึงเข้าไปหาอ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคย

   “ดีใจมั้ยคะ?”เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยพยักหน้ากับไหล่ของอาลอ จะเรียกว่ากอดจมอกก็ไม่ได้เพราะเจ้าน้องน้อยนั้นเตี้ยกว่าเขาไม่ถึงสิบเซ็น

   “ดีใจจ้า”

   “ต่อไปนี้อาดูแลหนูได้เต็มที่แล้วนะคะ”

   “หนูโตแล้วดูแลตัวเองได้ โตไปเรียนจบหนูก็ดูแลพ่อแม่น้องๆปู่กับย่าโฉมรวมทั้งอาลอได้ด้วยเหมือนกัน”เจ้าตัวดีพูดอย่างอวดๆจนลลิตภัทรหัวเราะเบาๆในลำคำ

   “เอาเป็นว่าเราจะดูแลซึ่งกันและกันใช่มั้ยคะ แล้วหลังจากนี้บอกใครต่อใครได้ยังว่าเราเป็นแฟนกัน”

   “เราจำเป็นต้องป่าวประกาศบอกคนอื่นด้วยเหรอจ๊ะ?”เจ้าลูกเจี๊ยบยืดตัวเต็มความสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย

   “คนอื่นจะได้รู้ไงว่าเรารักกัน”

   สำหรับหนูเรารักกันเงียบๆก็ได้นี่จ๊ะ รู้กันเฉพาะแค่คนในครอบครัวไม่ดีกว่าเหรอ?”

   “หนูอายเหรอคะที่จะบอกใครว่าเรารักกัน”ลลิตภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ขรึมลง ลูกเจี๊ยบคว้ามือของคนเป็นอามากุมไว้ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงที่หลังมืออาลอเบาๆอย่างง้องอน

   “หนูไม่ได้อายหรอกจ้า เพียงแต่ว่าหนูไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเราเป็นอะไรกัน ปล่อยให้การกระทำและความสัมพันธ์เป็นตัวพูดให้ชาวบ้านรู้ด้วยตัวเองดีกว่าจ้า อาลอกับพ่อยังต้องทำงานให้หมู่บ้านหนูไม่เห็นประโยชน์ของการที่เอาเรื่องส่วนตัวของเราไปให้คนพูดกันเลยซักนิด แค่เรารู้ว่าเรารักกันที่บ้านของเราเห็นชอบก็พอแล้ว”

   “หนูไม่กลัวชาวบ้านเอาลูกสาวมาเสนอให้เป็นเมียอาลอหรอกเหรอจ๊ะ วันก่อนก็มีมาคนหนึ่งเอาส้มโอมาให้ลูกเบ้อเริ่มเลย”

   “ส้มโอหรือนมจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบแกล้งพูดถามไปเร็วๆ

   “นมจ้า...ว๊าย!!! ส้มโอสิจ๊ะลลิตภัทรรีบแก้คำพูดของตัวเองเมื่อเจ้าตัวน้อยหยิกหมับเข้าที่หน้าท้องจนสะดุ้ง

   “มีหนูแล้วห้ามไปมองนมคนอื่นนะจ๊ะไม่งั้นหนูเอาตาย”

   “อยากให้เอาจะแย่แล้วจ้า”

   “อาลอพูดอะไรนะจ๊ะหนูฟังไม่ถนัด”

   “อาพูดว่าไม่กล้าหรอกจ้าอาชอบนมตุ่ยๆไม่ต้องตู้มมากอันที่จริงคือชอบแค่นมของหนู”

   “ทำเป็นปากดีไปอีกไม่กี่ปีอาจจะเบื่อหนู”

   “อีกร้อยปีก็ไม่มีทางเบื่อค่ะ อาเป็นคนรักเดียวใจเดียว”

   “ให้มันจริงนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพอน้องโตตัวใหญ่ล่ำบึ้กแบบพ่อกำนันก็จะทิ้งหนู”

   “อาไม่มีวันยอมให้หนูร่างควายเท่าพ่อหนูหรอกจ้า”

   “อาลอจ๊ะร่างควายที่พูดถึงนั่นก็พ่อน้องนะ”

   “อาหมายถึงรูปร่างบึกบึนสมชายชาตรีน่ะค่ะ แต่ถึงหนูจะรูปร่างเหมือนกอลิล่าขอแค่เป้นหนูยังไงอาก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ เจี๊ยบเชื่อมั่นในตัวอานะคะ อะไรที่อาพูดออกไปแล้วอาจะไม่มีวันคืนคำ” ลลิตภัทรดึงหลานเข้ามากอดอีกรอบโยกตัวเจ้าตัวน้อยไปมาเหมือนกำลังเล่นกับเด็ก

   “รวมถึงคอนโดที่บอกจะให้น้องด้วยใช่มั้ยจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบกระซิบถามกลั้วหัวเราะ

   “แน่นอนจ้าอาพร้อมโอนให้หนูทุกเมื่ออยากต่อเติมอะไรเพิ่มบอกอาได้เลยนะคะ"

   “อยากได้อ่างที่มันใหญ่ๆจ้า”เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยหัวเราะคิกก่อนจะดันตัวเองหนีจากกรงเล็บเสื้อโคร่งของลลิตภัทร

   “ร้ายนักนะเรารู้ว่าอาทำอะไรไม่ได้ก็มาพูดแบบนี้ ฉุดเข้าเถียงนาข้างทางดีมั้ย”แกล้งพูดขณะวิ่งตามไปรวบเอวเล็กของหลานไว้ได้ทันพลางกดจมูกฝังลงแก้มนุ่มสูดกลิ่นหอมจากแป้งเด็กที่ลูกเจี๊ยบใช้จนเต็มปอด

   “อารักหนูนะคะ รักมากๆ”

   “ฮื่อ...หนูรู้แล้ว อาลอบอกรักหนูทั้งวันแล้วอ่ะ”

   “อาบอกแล้วหนูล่ะคะบอกอาหรือยัง?”

   “หนูก็บอกไปบ่อยแล้วนี่นา”

   “อยากฟังอีกรอบได้มั้ยคะ”

   “......”เจ้าตัวน้อยเม้มปากแน่นเมื่ออ้อมแขนรัดร่างตัวเองแน่นขึ้น

   “......?.....”ลลิตภัทรใช้ความเงียบในการกดดันลูกเจี๊ยบที่ถ้ามีแสงไฟตอนนี้ก็คงเห็นแก้มใสแดงปลั่งเป็นลูกพีชแน่ๆ

   “ฮื่อ....รักจ้า น้องรักอาลอมากๆ”พูดจบก็ก้มหน้างุดแต่ลลิตภัทรกลับยิ้มกว้าง ต้นขาวในนาไหววูบยามลมเย็นพัดมาอีกครา แสงจันทร์สาดแสงนวลผ่องยวนตายิ่งอาบไว้ให้ผิวของเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยในอ้อมแขนสวยยวนตา ลลิตภัทรดึงให้หลานหันหน้าเข้ามาหาก่อนจะประกบริมฝีปากแตะผะแผ่วกับปากหลาน ลูกเจี๊ยบกลั้นยิ้มจนแก้มป่องก่อนจะหลับตาลงรับรอยจูบที่ประกบลงมาแนบสนิทถ่ายทอดความรักซึ่งกันและกันโดยมีต้นข้าวและแสงจันทร์เป็นพยาน

ลลิตภัทรอยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้เขาไม่ได้ลงเอยกับจิ๊บและอยากขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งลูกเจี๊ยบลงมาเกิดเพื่อมาครองคู่กับเขา

ในวรรณคดีพระเพื่อนพระแพงปล่อยไก่ฟ้าจำแลงเพื่อมาหลอกล่อให้พระลอตามไปเพื่อพบสองนางดรุณี แต่ในชีวิตจริงแดนดินกลับทำให้เขาพบเจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่แสนไร้เดียงสาและน่ารัก

เขาสัญญาว่าเขาจะฟูมฟักเจ้าเจี๊ยบน้อยให้กลายเป็นไก่ฟ้าแสนงามให้เป็นที่รักของใครหลายๆคนที่เกี่ยวข้องในชีวิต ดูแลด้วยความรักของเขาตลอดไปตราบลมหายใจจะสิ้น...



จบบริบูรณ์



..............................

จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเม้นท์นะคะ

ฝากเรื่องอื่นๆให้ติดตามด้วยนะ

บ๊ายบาย
จบแล้ววววเนื้อเรื่องน่ารักมาก เราชอบการบรรยายมากเลย อ่านแล้วอยากกลับบ้านนอกแต่บ้านนอกไม่มีผู้ใหญ่หล่อรวยสายเปย์แบบพระลอด้วยสิ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อ่านเพลินเลย

Sent from my SM-A710F using Tapatalk


ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อยากเจอลูกเจี๊ยบตอนโต..คงโดนอาลอจับกินทุกวันแน่ ๆ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ควรเปลี่ยนชืือเรื่องเป็น โคตรคนคุกค่ะ 55555555555

อยากอ่านตอนเจ้าเจี๊ยบโตแล้วจัง
อยากเห็นความชราภาพของอาลอ
55555555555

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สนุกมากครับ ชื่นชมผู้แต่งครับ เก่งมาก

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แค่บทแรกก็รู้สึกถึงความสนุกแล้ว


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอโหหหหหหห แค่นี้ก็แซ่บกรุบๆ แล้วค่ะคุณ -.,-


Sent from my iPhone using Tapatalk

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เจ้าจอมน่าจะโดนตีมากกว่าเจี๊ยบอีก 55555 ขี้ฟ้องจริงๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พระลอร้ายกาจมากกกกกกก แอบลามกนิดๆ อ่ะ 55555


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ่านจบแล้วววว  o13

อาลอทำใจบางมากเลยอ่ะ มิน่าถึงชื่อพระลอ แถวล่อลวงเด็กเก่งอีกตั้งหาก  :hao7: :hao7:

น้องเจี๊ยบที่ตัวไม่เปี๊ยกก็ดูตะมุตะมิมากเลยลูก อะไรจะใสซื่อขนาดนั้นนนน ตามอาลอคนหื่นไม่ทันเลย  :-[ :-[

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องโดนแทะโลมใหญ่แล้ววว อาลอร้ายกาจจจจ เขาได้จูบกันแล้วจ้ะแม่จ๋าาาาา


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
แม้ว่าจะรู้สึกว่าบาปมากๆทุกตอนแต่ก็สู้มาได้จนจบโดยไม่โดนจับก่อน เด็กเจี๊ยบน่ารักน่าบีบ พูดจาเจื้อยแจ้งมากค่ะ เพราะแบบนี้อาลอถึงชอบเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง  :hao7:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๒๘


               









                   ลลิตภัทรเพิ่งรู้ว่าชีวิตที่ไม่มีลูกเจี๊ยบมาวนเวียนมันช่างเงียบเหงาและน่าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มใช้ชีวิตช่วงที่ลูกเจี๊ยบไปเที่ยวกับครอบครัวด้วยการลุยงานในหมู่บ้าน  ได้เวลายื่นเสียภาษีที่ดินแล้วพวกเขาและกลุ่มผู้ช่วยก็วิ่งวุ่นกับการไปวัดที่ดินให้ตรงกับโฉนด ชายหนุ่มวิ่งวุ่นบ้านนู้นทีบ้านนี้ทีตากแดดจนหัวแดงก็ไม่มีทีท่าว่าจะแล้วเสร็จภายในวันสองวัน ทั้งยังต้องเซ็นชื่อให้กับชาวบ้านที่มายื่นเรื่องเสียภาษีที่ดินมือเป็นระวิง

 

ถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านลลิตภัทรก็คิดว่าตัวเองเป็นไอดอลชื่อดังเช่นไลควานลินเป็นต้น กว่าจะหมดวันชายหนุ่มก็ลากร่างเหี่ยวๆกลับบ้าน ไม่มีกำลังใจเอาเสียเลยเพราะเจ้าตัวน้อยก็แทบจะไม่ได้ติดต่อมา

 

ไอ้หน้าหมาแดนดินมันพาลูกเมียไปเที่ยวทะเลที่ไหนของมันวะ กระบี่หรือเกาะตะรุเตาทำไมหายจ้อยไปกันหมด ปกติก่อนนอนถ้าไม่โทรคุยกันก็ยังไลน์หากันได้ แต่นี่อะไร ลูกเจี๊ยบทำเหมือนโลกนี้ไม่มีสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าโทรศัพท์ นี่ก็วันที่ 2 เข้าไปแล้วโทรหาก็ไม่รับสายไลน์ไปก็ไม่เปิดอ่าน ใจร้ายที่สุด

 

หรือลูกเจี๊ยบจะเป็นดังคำโบราณที่ว่า สามวันจากนารีเป็นอื่น นี่ยังไม่ทันจะสามวันเลยเพิ่งจะสองวัน หรือเป็นเพราะเจ้าเจี๊ยบไม่ใช่นารีหากแต่เป็นบุรุษความรักของเราจึงจืดจางไวนัก

 

ฮรึก...คิดแล้วเศร้า ก้อนสะอื้นที่กลั้นไว้ก็พลันไหลออกมา

 

เธอจะทิ้งฉันแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นก็ห้ามไม่ได้

 

ลลิตภัทรดึงหมอนข้างเข้ามากอดพลางร้องไห้กระซี้กระซิกเพียงคนเดียวภายในห้องนอนเย็นเฉียบของตัวเอง

 

 

                “เป็นอะไรน่ะเจี๊ยบดูลุกลี้ลุกลนจังลูก”จิ๊บเอ่ยถามลูกชายที่นั่งถอนหายใจไม่ได้สนุกไปกับอาหารตรงหน้าที่ลงทุนแบกเตามานั่งย่างกันที่ชายหาดเลยซักนิด

 

                “หนูหงุดหงิดตัวเองน่ะจ้าแม่ ลืมอะไรไม่ลืมดันลืมเอาโทรศัพท์มาด้วย”

                “เจี๊ยบจะโทรหาใครล่ะลูกเอาของพ่อเค้าไปโทรก่อนก็ได้”จิ๊บออกปากหากแต่ลูกเจี๊ยบยู่ปาก จะไม่อะไรเล๊ย ทุกครั้งที่ลูกเจี๊ยบยืมโทรศัพท์พ่อกำนันมาใช้แดนดินจะยืนฟังอยู่ข้างๆด้วยราวกับกลัวว่าเขาจะเชิดเอาโทรศัพท์หนีไป ขืนเอามาโทรหาอาลอมีหวังอาลอโดนพ่อกำนันจ๋าเอาลูกซองแฝดไปยิงกรอกปากยั้นบ้านแน่ๆ

 

                “ไม่เอาดีกว่าจ้า เดี๋ยวกลับบ้านค่อยโทรหนูแค่จะโทรหาวุ้น”

 

                “อย่างงั้นก็ได้ลูกแต่ถ้าจะใช้ก็บอกนะเดี๋ยวแม่ขอพ่อให้”

 

                “จ้าแม่”เจี๊ยบน้อยรับคำแม่แกนๆ ใจตอนนี้ไม่สนุกกับอาหารและท้องทะเลเสียเลยไม่เหมือนกับตอนที่ไปกับอาลอซักนิด ตอนนั้นแค่เดินคุยกันไปจนสุดหาดก็ยังสนุก นั่งมองเจ้าขากับเจ้าจอมแย่งกุ้งตัวใหญ่กันดูแม่ที่ปรนนิบัติพ่อไม่ได้ขาดตกบกพร่องใจเด็กน้อยก็ยิ่งห่อเหี่ยวไปอีก อีกตั้งสองวันกว่าจะได้กลับบ้าน สงสัยน้ำหนักเจี๊ยบคงลดแน่ๆเลยจ้าอาลอจ๋าเพราะเจี๊ยบกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความคิดถึงอาลอ

 

                “มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ทำหน้าเหมือนราหูอมจันทร์”พระลักษณ์เอ่ยทักเมื่อน้องชายทำหน้าเป็นม้าหมากรุกมาได้ 2-3 วันแล้ว ลลิตภัทรแทบจะไม่คุยเล่นกับใครเหมือนเช่นทุกวันเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ข้าวเช้ากับเย็นก็เหมือนกินไปงั้นๆให้จบมื้อไปจนแม่เอ่ยบ่นอย่างหนักใจ

 

                “ลอมันทำเหมือนตอนที่อกหักจากแม่จิ๊บอีกแล้ว”

 

                “กูถามจริงๆ มึงไปชอบลูกบ้านไหนอยู่หรือเปล่า?”พระลักษณ์เหล่ตามองน้องชาย ลลิตภัทรทำสายตาล่อกแล่กชั่วครู่ก่อนจะทำเสียงดังกลบเกลื่อน

 

                “ชอบเชิบะไรล่ะ โว๊ะพี่นี่ก็เดาไปเรื่อง อย่าเอานิสัยทนายมาใช้กับผมเลย ทำงานเถอะ งานเยอะชิบหายทั้งงานหลวงงานราษฎร์”ว่าพลางก็เอาบัญชีโรงสีมาดูแต่ตัวเลขทั้งหลายไม่เข้าหัวเลยซักนิด

 

วันที่ 5 ที่ศตายุไม่ติดต่อกลับมา จากความคิดถึงเปลี่ยนเป็นความเป็นห่วง จากความเป็นห่วงกลายเป็นความไม่พอใจ จนกระทั่งวันนี้วันที่ 5 ที่เจี๊ยบไม่ติดต่อกลับมาความไม่พอใจเปลี่ยนเป็นความน้อยใจ

 

ไปเที่ยวมันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอสนุกจนกระทั่งไม่ติดต่อกลับมาเลยซักครั้ง

 

ไหนบอกว่าได้อาแล้วจะไม่ทิ้งไม่ขว้างไงคะ นี่อะไรทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้

 

เด็กอะไรใจร้ายใจดำเหลือเกิน ลูกเจี๊ยบไม่เคยรู้เลยซักนิดว่าตอนนี้เขาเป็นยังไง เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านชายหนุ่มออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เช้าตากแดดตากลมอย่างวันนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยต้นม้ใหญ่หักโค่นแถวข้างวัดเขาและลูกบ้านผู้ชายไปช่วยกันตัดเสียเป็นนาน

 

ยามกินก็กินไม่ลงทุกสิ่งอย่างล้วนฝืดคอ ยามนอนก็ได้แต่นอนน้ำตาไหลตกหมอน ลลิตภัทรถูกพิษรักเล่นงานจนเสียศูนย์ไม่คิดเลยซักนิดว่าเด็กที่พร่ำพูดคำหวานจะใจร้ายได้ถึงเพียงนี้

 

ได้  ไม่โทรก็ไม่โทร

 

ไม่ตอบไลน์ก็ไม่ต้องตอบ

 

ลลิตภัทรหยิบมือถือมาบล็อกเบอร์ของลูกเจี๊ยบแถมบล็อกไลน์ด้วยเสร็จสรรพโทรศัพท์เครื่องหรูถูกเขวี้ยงไปไว้ตรงหัวเตียงอย่างไม่ใยดี

 

จะเขวี้ยงทิ้งอีก 10 เครื่องก็ได้เพราะว่ารวยมาก

 

ฮึ่ย!!!

 

 

                รถยนต์ของแดนดินแล่นเข้าสู่ปากทางเข้าบ้านลูกเจี๊ยบอยากจะขอลงมันหน้าปากทางนั่นแหละ เด็กน้อยนั่งแทบไม่ติดเบาะ ยิ่งรถแล่นเข้าใกล้บ้านเท่าไหร่ใจก็เต้นแรงมากเท่านั้น ป่านนี้อาลอจะเป็นยังไงนะ ป่านนี้จะเป็นห่วงเจี๊ยบหรือจะงอนตุ๊บป่องไปแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งขี้งอนขี้น้อยใจอยู่ด้วย ทันทีที่รถจอดสนิทลูกเจี๊ยบก็รีบเปิดประตูรถหิ้วกระเป๋าข้าวของราวกับนักกล้ามเพื่อจะให้มันเสร็จไวๆจากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้าห้องแล้วล็อกทันที เด็กน้อยรีบเดินไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง

 

                “บ้าจริง แบตหมด”ศตายุจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อโทรศัพท์เปิดไม่ติด เด็กน้อยค้นกระเป๋าอย่างร้อนรนหาสายชาร์จที่พกไปทะเลมาเสียบทันที ศตายุหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

 

                “เจี๊ยบลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”จิ๊บที่เห็นท่าทางรีบร้อนของลูกมาเคาะประตูเรียก ลูกเจี๊ยบรีบปรับน้ำเสียงก่อนจะตะโกนตอบออกไปเพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง

 

                “ไม่ได้เป็นไรจ้าแม่หนูปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำเฉยๆจ้า”เด็กน้อยยกมือไหว้เป็นการขอโทษขอโพยแม่ที่พูดปด ลูกเจี๊ยบถอนหายใจเฮือกใหญ่ในเมื่อตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ก็ขออาบน้ำให้สดชื่นก่อนก็แล้วกัน ลูกเจี๊ยบใช้เวลาอาบน้ำประมาณ 15 นาทีก็เสร็จ สีหน้าอิดโรยจากการเดินทางฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด กลับมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูก็ชาร์จได้หลายเปอร์เซ็นต์จึงเปิดเครื่องแล้วรีบต่อสายถึงลลิตภัทร หากแต่ว่า

 

                “อ่าว...”เด็กน้อยกดโทรซ้ำก็ยังไม่สามารถติดต่อได้จึงเข้าไลน์แล้วพิมพ์ข้อความหา

 

                “ไม่อ่าน?”เกิดคำถามขึ้นมาในใจ ปกติลลิตภัทรตอบเร็วจะตาย นี่นั่งรอมาซักพักพยายามส่งทักไปเรื่อยๆก็ไม่มีการอ่านเลย

 

อาลอเป็นอะไรหรือเปล่า? ความรู้สึกห่วงใยตีรื้นขึ้นมาท่วมท้นหัวใจดวงน้อย ก่อนที่จะกดโทรไลน์หาลลิตภัทรเสียงแม่จิ๊บก็ร้องเรียกจากด้านนอก เมื่อออกมาก็เจอแค่แม่กับเจ้าขานั่งอยู่กับกองของฝากเพียงสองคน

 

                “อ้าว แล้วพ่อกับเจ้าจอมล่ะจ๊ะ?”

 

                “เอาของฝากไปให้ปู่กับย่าน่ะดึกๆคงกลับ เจี๊ยบช่วยเอาของฝากไปให้บ้านนู้นทีลูกแม่จัดใส่ถุงไว้ให้แล้ว”ไม่ต้องรอให้แม่สั่งซ้ำเจ้าเจี๊ยบรีบรวมถุงของฝากมาไว้ในมือทันทีก่อนจะวิ่งลงจากบ้านก็ไม่วายหันมาบอกแม่

 

                “น้องอาจกลับช้าหน่อยนะจ๊ะ อยากอยู่คุยกับ อ...เอ่อ ย่าโฉมนานๆ คิดถึง”

 

                “อย่าดึกเกินนะลูกรบกวนเค้า”ลูกเจี๊ยบรับคำแม่โดยง่ายก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปที่ศาลาริมน้ำ เรือลำเก่าวันนี้โคฟเวอร์สปีดโบ๊ทเมื่อคนพายจ้วงราวกับกำลังแข่งเรือยาวประเพณี ลูกเจี๊ยบปรับลมหายใจของตัวเองให้สม่ำเสมอก่อนจะเดินไปหาย่าโฉมที่นั่งอยู่บนบ้าน เพราะตอนนี้ทุ่มกว่าแล้วสำรับเพิ่งถูกเก็บสมาชิกในบ้านต่างแยกย้ายกลับบ้านไปแล้วเหลือปู่ชลิตกับย่าโฉมนั่งรับลมอยู่เพียงสองคน ทีวีกลางบ้านถูกปิดแปลว่าออีกไม่นานทั้งสองคนก็จะกลับเข้าห้องไปเอนหลังตามแบบฉบับคนแก่ตามชนบทที่เข้านอนไว

 

และไร้เงาของอาลอ...เด็กน้อยกวาดตามองหาคนที่สุดแสนจะคิดถึงแต่ก็ไม่เจอ เดินไปนั่งลงหน้าผู้ใหญ่ทั้งคู่ยกมือไหว้สวัสดีตามปกติที่เคยทำ ย่าโฉมยิ้มรับอย่างดีใจ

 

                “กลับมาแล้วเหรอลูก ไปเสียหลายวัน แล้วนี่หอบอะไรมาเยอะแยะ”

 

                “เพิ่งกลับถึงบ้านเมื่อซักพักนี่เองจ้า แม่จิ๊บให้หนูเอาของฝากมาให้ย่าโฉมจ้า”ศตายุเลื่อนถุงของฝากให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ดวงตากลมล่อกแล่กจ้องไปที่ประตูห้องของลลิตภัทรอย่างร้อนใจ

 

อยากไปหาใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ต้องรักษามารยาทเมื่อย่าโฉมซักถามถึงสถานที่ๆไปเที่ยว คนแก่ทั้งสองตื่นเต้นที่แดนดินพาลูกเมียขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวถึงกระบี่ เจี๊ยบเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเพราะรู้ว่าปู่ลิตกับย่าโฉมไม่เคยไป

 

                “เอาไว้พ่อเอารูปที่ถ่ายไปล้างเดี๋ยวหนูเอามาให้ปู่กับย่าดูนะจ๊ะ ว่าแต่ อาลออยู่มั้ยจ๊ะ หนูไม่เห็นอาลอเลย”

 

                “อ่อ ลอไม่สบายน่ะลูกข้าวปลาไม่อยากกินนอนซมอยู่ในห้อง ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นลักษณ์จะพาไปหาหมอล่ะ รายนั้นดื้อเหลือเกินจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมนิดาเลยจัดยาให้”

 

                “ไม่สบายมากเลยเหรอจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ใจตอนนี้ลอยไปหาอาลอในห้องแล้ว อยากจะไปเห้นกับตาว่าเจ็บหนักป่วยไข้ถึงเพียงไหนแต่ก็ไปไม่ได้

 

                “ก็หนักอยู่ไปตากแดดตากลมทุกวันกลับมาข้าวปลาก็ไม่กิน ใครไปวุ่นวายมากๆก็หงุดหงิดใส่ ย่าก็ไม่รู้จะทำยังไงพ่อลอเขาหัวแข็งเหลือเกิน”ย่าโฉมบ่นอย่างอ่อนใจ ใครๆต่างก็รู้ดีว่าลลิตภัทรน่ะภายใต้ท่าทางสุภาพนั้นจริงๆเป็นคนดื้อรั้นเพียงใด อะไรที่ชายหนุ่มบอกว่าไม่เอา ไม่ยอม ไม่ทำใครก็ไม่สามารถไปบังคับได้ ยิ่งถ้าไปเซ้าซี้ชายหนุ่มก็จะดึงตึงใส่ทันที เช่นวันนี้ที่พระลักษณ์เอาข้าวต้มเข้าไปให้ลลิตภัทรก็ไม่ยอมกินบอกอยากนอนจนพี่ชายได้แต่วางถาดข้าวที่ย่าโฉมจัดเตรียมไว้ให้ทิ้งไว้บนโต๊ะ

 

                “มันโตแล้วแม่ ชีวิตมันๆยังไม่ห่วงก็ปล่อยมันนอนตายในห้องไป รำคาญลูกตา”พระลักษณ์เอ่ยด่าหน้าห้องให้คนป่วยได้ยินแล้วไม่สนใจน้องชายจอมเอาแต่ใจอีก

 

อายุก็ตั้ง 32 แล้ว แต่งอแงราวเด็ก 17-18 เขาล่ะเชื่อเลย

 

                “งั้นหนูขอเข้าไปดูอาลอหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”

 

                “ไปสิแต่ย่าไม่รู้นะว่าลอหลับไปหรือยัง”

 

                “ถ้าหลับหนูจะไม่กวนนานหรอกจ้า”เด็กน้อยรีบบอกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เข้าไปหาอาลอ

 

                “งั้นก็ถ้าจะกลับแล้วฝากเจี๊ยบปิดไฟกลางบ้านให้ย่าด้วยนะเดี๋ยวปู่กับย่าจะเข้านอนแล้ววันนี้ร้อนเหลือเกิน”

 

                “ได้จ้าเดี๋ยวหนูปิดให้นะจ๊ะ”เด็กน้อยรีบรับปากอย่างว่าง่าย สองสามีภรรยาจึงได้แยกกลับเข้าห้องนอนไป ศตายุรีบเดินไปที่ห้องของลลิตภัทรทันที เด็กน้อยเคาะประตูเบาๆหากแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจึงลองบิดลูกบิดประตู เป้นเพราะย่าแมบอกกับลลิตภัทรไว้ว่าไม่ให้ล็อกเพราะเผื่อลลิตภัทรไข้ขึ้นกลางดึกจะได้เข้ามาดูได้ทัน เด็กน้อยค่อยๆเบียดตัวเข้ามาในห้อง ถาดข้าวต้มยังวางอยู่บนโต๊ะหน้าคอมพ์ส่วนตัวคนป่วยหลับสนิทอยู่บนเตียงสีหน้าแดงเพราะพิษไข้ ศตายุเดินด้วยปลายเท้าเพื่อที่ไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนป่วย นั่งลงตรงขอบเตียงแล้วยื่นมือไปแตะแก้มของอาลออย่างแสนคิดถึง

 

ตัวอาลอร้อนเหลือเกิน ไอร้อนผ่าวจากผิวกายของลลิตภัทรถ่ายทอดเข้าสู่ฝ่ามือของศตายุ เด็กน้อยลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับมาพร้อมกะละมังน้ำเปิดตู้แล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบแล้วบิดจนหมาด เด็กน้อยปลดกระดุมเสื้อของอาลอแล้วใช้ผ้าซับตามผิวกายแกร่งที่เคยสัมผัสจนถ้วนทั่ว ลลิตภัทรปรือตามองคนที่กำลังเช็ดตัวให้ตนเอง กระพริบตาหลายครั้งเมื่อภาพที่เห็นพร่ามัวจนมองไม่ชัด

 

                “ใคร?”เสียงแหบแห้งเอ่ยถามพลางกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ศตายุหันไปเทน้ำจากกระบอกที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วประคองลลิตภัทรให้นั่งอยู่ในอ้อมกอดตนเองจ่อแก้วน้ำให้คนป่วยได้ดื่มได้ง่ายขึ้น

 

                “น้องเองจ้าอาลอจ๋า”เด็กน้อยตอบกลับคำถามนั้น ร่างของคนที่อยู่ในอ้อมกอดชะงักลลิตภัทรหันไปมองหน้าคนที่ประคองตนอีกครั้ง วูบหนึ่งหัวใจตีตื้นด้วยความดีใจแต่พอนึกได้ว่าตอนนี้ตนโกรธที่อีกคนทิ้งให้รอไม่ติดต่อมาซักนิดก็ขืนตัวออกแล้วเลื่อนตัวลงนอนหันหลังให้ศตายุทันที



เข้าสู่โหมดแง่งอนอย่างเต็มรูปแบบ











 

 

            พุทโธ่เอ๋ย....งอนอะไรกันล่ะเนี่ย อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วมาทำงอนตุ๊บป่องราวรุ่นราวคราวเดียวกับแก้วเจ้าจอมไปได้ ลูกเจี๊ยบน้อยได้แต่ถอนหายใจเบาๆเพราะขืนถอนหายใจแรงอาลอคงได้งอนหนักกว่าเดิมเป็นแน่แท้

 

อะไรกันนั่งรถกลับมาเหนื่อยๆก็อยากจะได้พูดได้คุยกันให้พอชื่นอกชื่นใจก่อนนอนให้สมกับที่คิดถึงมาหลายวัน

 

แต่ดูอาลอสิจ๊ะ ทำแง่งอนสะบัดสะบิ้งเสียจนน่าตี นี่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยเจี๊ยบจะฟาดให้ซักป้าบข้อหาสะดีดสะดิ้งเกินงาม ลูกเจี๊ยบน้อยลองใช้ปลายนิ้วสะกิดแขนคนเป็นอาที่โผล่ออกมานอกผ้าห่ม แต่ลลิตภัทรทำราวโดนของร้อนสะบัดออกแล้วตวัดผ้าห่มคลุมปิดไหล่ไม่หือไม่อือไม่ไหวติงใดใดทั้งสิ้นศตายุแอบเบะปากใส่เบาๆ

 

หัวก็ไม่ล้านซักหน่อยแต่ทำไมขี้งอนอย่างนี้

 

ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งหายไปเสียหน่อย

 

            “อาลอจ๋า...จะไม่หันมาคุยกันจริงๆเหรอจ๊ะ”ส่งเสียงถามเบาๆอย่างหยั่งเชิง ร่างร้อนผ่าวที่นอนราวกับไม่ได้ยินก็ยังคงนอนเฉย ศตายุตัดสินใจเอนตัวลงนอนซ้อนด้านหลังคนเป็นอาสวมกอดไว้หลวมๆแกล้งยื่นหน้าไปมองคนป่วยที่พอเห็นเขายื่นหน้าไปก็ทำหลับตานิ่งราวกับหลับสนิท

 

ขี้งอนไม่พอยังมารยาสาไถอีกด้วยเหรอจ๊ะ เห็นอยู่นะว่าหลุดยิ้ม แบบนี้ก็ง้อไม่ยากเย็นนักหรอก

 

            “อย่างอนหนูเลย หนูไม่ได้ตั้งใจจะขาดการติดต่ออาลอเลยซักนิดนะจ๊ะ”

 

เช๊อะ...พูดมาได้ว่าไม่ตั้งใจ ไม่ต้องมาเสียงอ่อนเสียงหวานหรอก ไม่ใจอ่อนง่ายๆเด็ดขาด

 

ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน

ไม่รักไม่ต้องมาหวงไม่ต้องมาห่วงใยฉัน

ไม่รักไม่ต้องมาทำอะไรอะไรทั้งนั้น

เพราะใจฉันยังอ่อนแอ

 

ลลิตภัทรเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเมื่อศตายุเบียดร่างกายเข้ามาแนบแผ่นหลังของเขามากขึ้น เด็กน้อยกดจูบที่ท้ายทอยของคนขี้งอนเกิดเสียงจุ๊บจนคนถูกจูบถึงกับใจแกว่ง

 

ฉันนั้นพยายามจะตัด

แต่เธอก็พยายามจะติด

คิดบ้างไหมว่ามันผิด

ที่เธอยังมีเยื่อใย

             

เนื้อร้องเพลงของนักร้องสาวดูโอ้คู่ดังลอยแว่วมาในหัวของลลิตภัทรตลอด

 

            “อาลอจ๋า”

 

จุ๊บ

 

            “อาลอ..”

 

จุ๊บ

 

            “หนูมาง้อแล้วไงจ๊ะ”

 

จุ๊บ

 

            “หันมาคุยกันน๊า ไม่คิดถึงหนูเหรอ”

 

จุ๊บ

 

            “หนูคิดถึงอาลอจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”เด็กน้อยกดจูบซ้ำๆลงบนต้นคอด้านหลังของคนแก่แสนจะขี้งอน

 

            “หนูไม่ได้จะเมินเฉยหรือไม่รับโทรศัพท์อานะจ๊ะ แต่หนูลืมเอาโทรศัพท์ไป หนูเจ็บใจตัวเองจะแย่แล้วที่ลืมของสำคัญไปได้”

 

            “จริงเหรอ?”น้ำเสียงแหบแห้งของคนป่วยเอ่ยถามเสียงแผ่ว ใจอ่อนยวบยิ่งกว่าขี้ผึ้ง ศตายุดีใจนักที่อาลอยอมพูดเด็กน้อยดึงร่างคนรักให้หันมาหาตน ลลิตภัทรที่หน้าตาซีดเซียวไม่ได้หลบลี้หนีหน้าหันไปอีกทางอีกแล้ว ดวงตาที่เคยคมคายนั้นบัดนี้พร่างพราวด้วยหยาดน้ำจนศตายุใจหายวูบ

 

อาลอไม่เคยอ่อนแอให้เขาเห็นเลยซักนิด มาตอนนี้ผู้ชายตัวโตสูงราวยักษ์ปักหลั่นกลับมานอนร้องไห้น้ำตาหยดแหมะให้เห็น ใจของคนเด็กกว่าก็เหมือนถูกบีบ เด็กน้อยเช็ดน้ำตาให้ลลิตภัทรแผ่วเบา

 

            “จริงสิจ๊ะ กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปก็อีกจังหวัดแล้ว จะวกกลับมาเอาก็คงไม่ได้ แต่หนูคิดถึงอาลอทุกวันเลยนะจ๊ะ ไปเที่ยวไม่สนุกเลย กินอะไรก็ไม่อร่อย นอนก็ไม่หลับเพราะคิดถึงอาลอมากๆ”

 

เด็กน้อยกดจูบลงบนริมฝีปากสีซีดนั้นกดนิ่งเนิ่นนานแล้วผละออก

 

            “พอรู้ว่าอาลอป่วยใจหนูแทบจะหล่นรีบมาหาด้วยความเป็นห่วงแต่ดูสิ แทนที่จะได้กอดได้จูบกันให้สมกับที่คิดถึงอาลอก็มาทำบึ้งตึงใส่หนู หนูเสียใจนะจ๊ะ อยากจะงอนกลับแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้เพราะคราวนี้หนูเป็นฝ่ายผิด”

 

โธ่...ไอ้ลอ  ไอ้โง่ หลานลืมเอาโทรศัพท์ไปมึงก็ฟูมฟายเสียเหมือนกับว่าหลานหนีตามชู้ มึงนี่มันตีตนก่อนไข้แล้วไงแง่งอนใส่หลานจนเสียเวลาที่จะได้พูดคุยกัน

 

โตเป็นควายแต่ช่างโง่เขลานัก

 

ชายหนุ่มกร่นด่าตัวเองในใจด้วยความรู้สึกผิด

 

            “ไม่ค่ะ หนูไม่ผิดเลย อางี่เง่าเอง อานึกว่าหนูไปเจอคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ทะเลเจอคนที่คุยเรื่องที่ชอบเหมือนกันสนุกจนลืมอา ไม่ใช่แค่หนูหรอกค่ะที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ อาก็เป็นเหมือนกัน เพราะไม่อยากฟุ้งซ่านอาเลยออกไปทำงานจนป่วย อาร้องไห้คิดถึงหนูทุกคืนเลยรู้มั้ยคะ”

 

โถ...อาลอผู้น่าสงสาร นี่ในใจของอาลอคงกลัวจะโดนหนูทิ้งมากๆเลยใช่มั้ยจ๊ะ

 

น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ใครมันจะไปทิ้งลง ศตายุลูบผมคนแก่กว่าเบาๆอย่างปลอบโยน ลลิตภัทรซุกใบหน้ากับอกบางที่แสนคิดถึงลูกเจี๊ยบสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่อกเสื้อของตน

 

            “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะจ๊ะ หนูก็กลับมาแล้วไง หิวข้าวมั้ยจ๊ะ ย่าโฉมบอกว่าอาลอไม่ยอมกินข้าว ดูสิกับข้าวน่ากิ๊นน่ากิน”

 

            “ไม่มีแรง...”คนป่วยว่าอย่างอ้อนๆซ้ำยังไม่เลิกที่จะซุกไซร้นมคนเด็กกว่า

 

            “เดี๋ยวหนูป้อนเอามั้ยจ๊ะ?”

 

            “ไม่อยากกินข้าว”

 

            “อ่าว...ถ้าไม่อยากกินข้าวอาลอจะกินอะไรจ๊ะเดี๋ยวหนูทำให้”

 

            “อยากกินนม...”ไม่พูดเปล่าคนป่วยก็ดูดดึงเม็ดบัวเม็ดเล็กที่แต้มอยู่บนอกซ้ายของหลานผ่านเนื้อผ้าจนลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง

 

มันใช่เวลามาหื่นซะที่ไหนกันเล่าตาแก่นี่

 

            “อื้อ..”แม้อยากจะร้องห้ามแต่พอเปิดปากเสียงที่ออกก็กลายเป็นเสียงครางเล็กๆความวูบไหวทำให้กอดรัดหัวอาลอให้แนบกับอกตนเองมากขึ้น ปล่อยให้คนป่วยดูดเม้มจนอกเสื้อชุ่มน้ำลายจนพอใจลลิตภัทรก็กัดเบาๆแล้วดึงจากนั้นจึงยอมปล่อย

 

เขาป่วย ไม่มีแรงทำมากกว่านี้หรอก เด็กน้อยหอบแฮ่ก แก้มแดงปากแดงไปหมด พอร่างกายเป็นอิสระก็ทุบลงไปบนต้นแขนของคนป่วยเบาๆเสียทีหนึ่ง

 

            “หื่น”

 

            “กินนมร่างกายแข็งแรงไงคะ อาจะได้หายป่วยไวๆ”

 

            “อยากหายป่วยไวๆอาลอต้องกินข้าวนะจ๊ะ มาจ้าลุกขึ้นนั่งนะเดี๋ยวหนูป้อนเองจ้า”เด็กน้อยกุลีกุจอประคองร่างซูบๆของอาลอให้นั่งพิงหัวเตียงเอาหมอนหนุนมารองที่หลังให้

 

            “ข้าวไม่ร้อนแล้ว อุ่นมั้ยจ๊ะเดี๋ยวหนูลงไปอุ่นให้”เด็กน้อยทำหน้ายู่เมื่ออาหารในถาดเย็นชืดจากอากาศเย็นฉ่ำในห้องแอร์

 

            “ไม่ต้องค่ะอากินได้ อาอยากอยู่กับหนูมากกว่า”ลลิตภัทรส่ายหน้า ตอนนี้แม้แต่ข้าวเขาก็ไม่รู้สึกหิวเลยซักนิด อยากอยู่อยากนั่งฟังเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยๆพูดจ้อให้ฟังเสียมากกว่า ศตายุประคองถาดข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ข้าวข้าวต้มเปล่าถูกยกมาถือ กับข้าวมียำข่เค็ม กับหมูหยอง รวมทั้งผักกาดดองใส่ถ้วยเล็กๆไว้ให้ดูน่ากิน

 

            “หนูเพิ่งรู้ว่าอาลอกินหมูหยองกับข้าวต้มด้วย”เด็กน้อยตักหมูหยองวางลงบนข้าวต้มแล้วตักข้าวใส่ช้อนจ่อมาที่ปากของอาหนุ่ม ลลิตภัทรยอมอ้าปากรับข้าวอย่างว่านอนสอนง่ายต่างจากตอนที่พระลักษณ์มาคะยั้นคะยอให้กินราวหน้ามือกับหลังตีน

 

นี่ถ้าพี่ชายคนรองมาเห็นคงด่าเปิดเปิงกับความสองมาตรฐานนี้ ลูกเจี๊ยบป้อนเขาสลับกับข้าวไปมาพร้อมกับเอ่ยเล่าว่าไปไหนมาบ้างตามที่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ในประโยคมักจะแทรกคำว่าไม่สนุกเลยเพราะมัวแต่พะวงเรื่องโทรศัพท์

 

            “หนูคิดไว้แล้วว่าอาลอต้องงอนแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าอาลอจะป่วย อาลอต้องหายไวๆนะจ๊ะ อย่าป่วยเพราะหนูอีกเลย”

 

            “อาเป็นไข้ใจต้องให้หนูมาคอยดูแลถึงจะหายไวๆ”

 

            “นี่ป่วยอยู่นะจ๊ะอย่ามาปากหวานเลย อ้าปาก กินข้าวเยอะๆจะได้กินยาก่อนกลับหนูจะเช็ดตัวให้อีกรอบอาลอจะได้นอนสบายๆ”ลลิตภัทรได้ยินท้ายประโยคก็ให้ใจหายชายหนุ่มจับมือที่ยื่นช้อนมาจ่อปากตัวเองไว้เกลี่ยเบาๆพอให้รู้สึกใจหวิว

 

            “ไม่อยากให้กลับเลย...”น้ำเสียงเว้าวอนเอ่ยอ้อน ลูกเจี๊ยบใจกระตุกวูบ อยากจะใจอ่อนอยู่หรอกแต่หากไม่กลับบ้านมีหวังพ่อได้ข้างฟากมาตามถึงนี่แน่ๆ

 

            “อย่างอแงสิจ๊ะ อาก็รู้ว่าถึงหนูอยากจะอยู่ด้วยก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวหนูก็ต้องกลับแล้วเพราะแม่สั่งไว้ว่าห้ามกลับดึก อาลอรีบกินข้าวนะจ๊ะ ไว้พรุ่งนี้พอพ่อออกจากบ้านหนูจะรีบมาหาเลยนะจ๊ะ”

 

            “สัญญานะ?”คนป่วยร้องขอคำสัญญา

 

            “สัญญาจ้า”ศตายุส่งยิ้มหวานให้กับลลิตภัทรที่เหมือนลดวัยไปมากโข เมื่อได้รับคำยืนยันชายหนุ่มก็กดจูบลงบนหลังมือนิ่มนั้นแล้วก็ยอมกินข้าวกินยาจนหมดเสร็จ นั่งให้ลูกเจี๊ยบเช็ดตัวทาแป้งจนหอมฟุ้ง ศตายุโน้มตัวลงจูบปากที่เริ่มมีสีขึ้นนิดหน่อยเบาๆ จุ๊บๆกันอีกพักจึงได้ลากลับ ไม่ลืมที่จะปิดไฟตามที่ย่าโฉมสั่งไว้

 

ภายในห้องที่ไฟปิดเหลือเพียงไฟสลัวบนหัวเตียงคนป่วยคว้าหมอนข้างที่ใช้ซับน้ำตาเสียหลายวันมากอดอย่างมีความสุข ริมฝีปากจุ๊บๆกับหมอนราวกับนั่นคือลูกเจี๊ยบที่เพิ่งจะลากลับไป

 

คืนนี้คงนอนหลับฝันดีไม่ต้องตื่นมานั่งหงุดหงิดกลางดึกอีกต่อไปแล้ว  ไม่นานเปลือกตาสีอ่อนก็ค่อยๆปิดลงด้วยฤทธิ์ยา

 

มุมปากสวยยกยิ้มราวกับว่ากำลังฝันดี

 

อยากให้ลูกเจี๊ยบโตไวๆจังถ้าเปลี่ยนจากหมอนเป็นตัวนิ่มๆคงจะกอดอุ่นกว่านี้เยอะเลย

 


 



............................





น้อวววววววววววววววว



งอนว่ะ............





เราเชื่อว่าต้องมีคนเป็นแบบเจี๊ยบอย่างน้อย 10 คน คือเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด เราเตรียมทุกอย่างจ้า สายชาร์จเอย หูฟังเอย พาวเวอร์แบงค์เอย แต่พอรถออกหรือไปถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว อ่าวโทรศัพท์กูล่ะ




ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆค่ะ
อาลอหื่นมากกก น้องเจี๊ยบก็น่ารักมากๆเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ pwmd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อหห เพิ่งอ่านไปสามตอน กร๊าวใจมากเวลาอาใช้คะ ขากะน้อง แงงงงงงง

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :L2: น้องเจี๊ยบน่ารัก สนุกมากจ้าและก็รักเจ้าจอมตัวแสบด้วย  ป่วนและแสบขนาดนี้จะมีเรื่องราวเป็นของตัวเองมั้ยน๊า  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ออฟไลน์ RiyaKwon

  • Riya Kwon*Kwon Riya
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไอ...คุก คุก คุก
555555

ออฟไลน์ RiyaKwon

  • Riya Kwon*Kwon Riya
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ใจเย็นๆนะ พระลอนะ ลูกเจี๊ยบยังเด็กอยู่ 555555

ออฟไลน์ RiyaKwon

  • Riya Kwon*Kwon Riya
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน หรือ ไว้รอกินข้าวแดงในคุกคะคุณ 5555555

ออฟไลน์ m_ilk_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai1: ไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งได้อ่านเนี่ยยย
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบภายใน 2 วัน
งานการไม่ทำ ห้าๆๆ
เดินเรื่องมีอุปสรรคหลายอย่างให้ได้พิสูจน์การเติบโตของตัวละคร
มีมุกตลกแทรกเป็นระยะ มันกลมกล่อมมาก
อ่านแบบไม่อยากให้จบเลย
 :mew1:
และถ้าถามตอนนี้จะช้าไปรึเปล่าก็ไม่รู้
คืออยากได้รวมเล่มต้องหาซื้อจากได้
ไรเตอร์ยังพอมีให้สต๊อกให้ได้เป็นเจ้าของอยู่มั้ยอ่ะคะ?
กระซิกๆๆ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
อยากอ่านภาคต่อตอนเจี๊ยบโตขึ้นจัง

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด