อนธการ ตอนที่ 10
“ก่อนอื่นนะคะผู้ป่วยควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อที่จะเข้ารับการบำบัด การใช้ Methadone ในการรักษาจะต้องใช้เวลานะคะในกรณีที่น้องยังเป็นเยาวชนต้องมีผู้ปกครองรับรอง”เสียงเจ้าหน้าที่ของสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดอธิบายขั้นตอนต่างๆไปเรื่อยๆ อริญชย์ฟังบ้างไม่ฟังบ้างต่างกับวินท์และผู้เป็นแม่ที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มมีท่าทีหลุกหลิกอยู่ตลอดเวลา
อธิบายอะไรนานนักหนาวะไม่เห็นรู้เรื่อง
ความคิดในใจยิ่งทำให้หงุดหงิด ริญชย์ขาดยามาร่วมสองชั่วโมงแล้ว ฝ่ามือชื้นเหงื่อบวกกับการสูดน้ำมูกถี่ๆทำให้วินท์เริ่มสังเกตได้ มือเรียวเอื้อมมาจับมือหนาที่เริ่มจะสั่นกระชับเบาๆใต้โต๊ะ ริญชย์มองไปยังคนที่นั่งขนาบข้างก็พบรอยยิ้มที่สวยที่สุด ภาสวินท์กำลังยิ้มให้เขา เพียงเท่านี้ก็เหมือนมีสายน้ำเย็นไหลเข้ามาในหัวใจให้ชุ่มชื่นขึ้น พยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองช้าๆอย่างมีสติ
อดทน...เพื่อแม่และเพื่อวินท์
ในที่สุดการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็จบลง ริญชย์เลือกที่จะหักดิบด้วยตัวเองก่อนที่จะเข้ารับการบำบัดด้วย Methadone หากเขาทำสำเร็จเขาจะเลิกยาได้เร็วขึ้น ริญชย์รีบวิ่งลงจากแท็กซี่นำไปก่อนในขณะที่วินท์กับแม่ช่วยกันแบกของลงจากรถ คนเป็นแม่กับวินท์มองหน้ากันด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ในระหว่างนี้วินท์จำเป็นต้องยอมให้ริญชย์ใช้ยาไปก่อนแต่นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไปอริญชย์จะเริ่มอดยาอย่างจริงจัง วินท์และแม่ของริญชย์รู้ดีว่ามันยากและริญชย์จะทรมานมากขนาดไหน แน่นอนทั้งสองคนเคยลิ้มรสหมัดของอริญชย์มาแล้วทั้งคู่ ยามลูกชายสงบจากยาอริญชย์ร้องไห้ราวว่าจะขาดใจเมื่อเห็นรอยช้ำบนตัวแม่กับวินท์แต่ทั้งสองคนทำเพียงพูดว่าไม่เป็นไรและกอดปลอบเขาที่ร้องไห้จนตัวโยนเพราะความรู้สึกผิดแล่นริ้วกันกินหัวใจของเขาจนแทบจะกร่อน แม่ลางานเพื่อมาอยู่ดูแลเขาโดยเฉพาะ ริญชย์รู้สึกผิดที่ทำให้แม่ต้องมาทุกข์ใจ วินท์จะอยู่กับเขาช่วงหลังเลิกเรียนพิเศษและจะกลับบ้านวันเว้นวันแต่ตอนเช้าก่อนไปเรียนคนตัวเล็กจะรีบนั่งรถมาหาเขาก่อนมากินข้าวเช้าด้วยกันชวนพูดคุยตลอด
“มึงจะเทพวกกูแล้วเหรอวะไอ้ริญชย์”เป็นจินที่เอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าเอาเรื่องเมื่ออริญชย์ไปบอกว่าเขาตัดสินใจที่จะเลิกยา เพื่อนๆต่างโน้มน้าวให้เขายังใช้มันต่อ
“ไหนว่าพวกเราเป็นตายกันไงวะถึงไหนถึงกันแล้วทำไมมึงถึงคิดจะเลิกล่ะ อ้นเป็นอีกคนที่ตัดพ้อต่อว่าเขาในเรื่องนี้ ต่างจากแมนที่นั่งรับฟังด้วยท่าทางนิ่งๆไม่ถามหรือวิจารณ์อะไรเลย ชายหนุ่มเอาแต่นั่งมองออกนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าที่เดาใจไม่ออก
“กูสงสารแม่กูว่ะ กูถลำลึกไกลเกินไปแล้ว”
“สงสารแม่หรือสงสารไอ้วินท์กันแน่วะ กูเห็นมึงติดมันแจได้กันแล้วหรือไง?”น้ำเสียงติดจะดูถูกที่พูดถึงวินท์ทำให้อริญชย์หน้าตึงขึ้นทันที
เขาไม่ชอบให้ใครพูดถึงภาสวินท์ลับหลังด้วยคำพูดแบบนี้
“จินมึงพูดให้มันดีๆหน่อย นั่นก็เพื่อนมึงป่าว”อริญชย์เอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงติดห้วน
“แต่กูก็ไม่เคยเห็นมันเป็นเพื่อนแต่แรกแล้วป่าววะมีแต่มึงอ่ะยัดเยียดให้พวกกูเป็นเพื่อนมันอยู่ได้”จินไม่ยอมแพ้สวนกลับทันทีเช่นกัน
“จินมึงก็แรงไป”เป็นแมนที่เอ่ยขัดก่อนที่เด็กสองคนมันจะตีกัน
“คราวนี้มึงคิดว่าจะเลิกได้จริงๆเหรอไอ้ริญชย์ อย่าลืมคราวที่แล้วที่มึงลองหักดิบไม่ถึงสองวันมึงก็วิ่งโร่มาขอยากูแล้ว”แมนหันไปถามอริญชย์ด้วยสีหน้าจริงจัง
“จริง”
“ยอมรับแล้วสินะว่ามึงชอบมันจริงๆ”จินทำเสียงขึ้นจมูก
“กูไม่ได้ชอบวินท์...”อริญชย์ตวัดตามองหน้าจินที่ส่งยิ้มเหยียดให้
“แต่กูรักวินท์ต่างหาก”
ภาสวินท์มองโซ่เส้นยาวในมือที่ริญชย์ส่งให่พร้อมกับสีหน้าลำบากใจ
“จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอริญชย์?”คำถามเดิมๆที่ถูกพูดซ้ำๆนับสิบรอบถูกเปล่งออกมาด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
“เอาแบบนี้แหล่ะ”ริญชย์ตอบเสียงเรียบก่อนจะลูบผมวินท์เบาๆ
“ไม่ต้องห่วงกูนะกูไม่เป็นไรจริงๆ ถ้ามึงไม่ล่ามกูไว้ตัวมึงนั่นแหล่ะจะเป็นอันตราย”อริญชย์เห็นดวงตาของวินท์วูบไหว จึงยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บมุมปากวินท์เบาๆอยากหยอกเย้า
“อย่าใจอ่อนสิ กูก็อยากเลิกยาเพื่อมึงจริงๆนะ กูอยากเดินข้างมึงแล้วมึงไม่ต้องอายใคร อยากจับมือมึงแล้วใครๆก็มองว่ากูเหมาะกับมึง คู่ควรกับมึง ไม่ใช่เดินไปไหนด้วยกันแล้วมีแต่คนซุบซิบนินทาอย่างทุกวันนี้”วินท์รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาพองฟูจนคับแน่นในช่องอก คำพูดสั้นๆแม้ไม่ได้หวานหูแต่กลับเรียกรอยยิ้มได้ไม่ยาก
“ถ้าริญชย์คิดว่าแบบนี้คือทางออกที่ดีก็ตกลงตามนั้น แต่ริญชย์ฟังเรานะ เราไม่เคยอายใครที่ต้องเดินคู่กับริญชย์ เราดีใจที่ริญชย์ยอมกลับมาเดินข้างๆเราแบบตอนนี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำเพื่อลบคำดูถูกจากใคร แต่ขอให้ริญชย์ทำเพื่ออยู่กับเรานานๆแค่นั้นที่เราต้องการ ยื่นขามาสิ” ริญชย์ยื่นขาของตัวเองไปตรงหน้าวินท์ เด็กหนุ่มคุกเข่าลงก่อนจะคล้องโซ่รอบข้อเท้าของคนตัวสูง แม่กุญแจถูกสอดใส่และล็อคจนเกิดเสียงดังกริ๊ก วินท์เอาปลายโซ่อีกด้านล็อกกับลูกกรงตรงหน้าต่าง
“ถ้ากูอาละวาด มึงออกไปอยู่ห่างๆกูนะ”ลูบแก้มนิ่มอย่างเบามือ วินท์ยิ้มและพยักหน้ารับก่อนสวมกอดริญชย์ไว้เด็กหนุ่มสองคนนั่งกอดกันเงียบๆท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เริ่มลับขอบฟ้า ในใจเต้นตุบปวดหน่วงปล่อยให้ความเงียบเคลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้า
“วินท์...”เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดริญชย์ก็ส่งเสียงเรียกวินท์น้ำเสียงที่เริ่มห้วนและร่างกายที่เริ่มสั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันกำลังจะเริ่มขึ้น วินท์กระชับอ้อมกอดกับเอวสอบนั้น
“อย่าไล่ จะกอดไว้อย่างนี้ล่ะเดี๋ยวริญชย์หนาวแล้วใครจะกอด”
“แต่...”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวเราไปเอง จะอยู่อย่างนี้ล่ะ อยู่ข้างๆแบบนี้ ริญชย์อดทนนะ เราต้องผ่านมันไปให้ได้”ฝ่ามือบางลูบหลังคนที่กำลังสั่นอย่างให้กำลังใจกระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวก่อนภาพตรงหน้าจะค่อยๆพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาที่เข้ามาเติมเต็ม ริญชย์เริ่มผลักเขาออกบ่อยขึ้น ในความมืดเสียงร้องฮือๆดังเป็นระยะ
“แม่งเอ้ย...ปล่อยกู”ฝ่ามือซูบแต่กลับมีแรงผลักเขาอย่างน่าประหลาดทำให้วินท์กระเด็นออกมา ริญชย์เริ่มเดินงุ่นง่านสลับกับทึ้งผมตัวเองเป็นระยะ เสียงหายใจหอบถี่ริมฝีปากคล้ำสั่นสลับกับพ่นคำหยาบก่อนจะทรุดตัวล้มลงนอนงอตัวกับพื้น ร่างสูงกระตุกเป็นระยะก่อนที่นิ้วมือจะเริ่มงอหงิกส่งเสียงร้องโอดโอยจนวินท์ต้องรีบเข้ามากอดปลอบ
“โอยยยยย....ปล่อย...ปล่อยกู กูหนาว...ฮือ...”ร่างสูงสั่นเทิ้มราวกับกำลังเดินอยู่ท่ามกลางหุบเขาน้ำแข็ง
“หนาวเหรอ เดี๋ยววินท์กอดริญชย์ไว้นะ”วินท์รวบร่างสั่นเทานั้นมาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มนวมมาห่มให้ริญชย์ที่ใช้มืองอหงิกของตัวเองกอดอกไว้กระชับอ้อมกอดให้คนตัวสูงรู้สึกอุ่นขึ้น แต่เพียงไม่นานร่างสูงก็ดีดตัวออกก่อนจะร้องว่าร้อนๆ
อริญชย์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายเมื่อแรกอาการปวดท้องจู่โจมคล้ายกับมีคีมเหล็กมาบิดลำไส้ของเขา ความพะอืดพะอมเล่นงานจนน้ำลายของเขาไหลออกมาราวกับก๊อกน้ำที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ก่อนความหนาวเย็นจนปวดกระดูกจะตามมาเล่นงานซ้ำ มันหนาวจนเขาสั่นเทิ้มไปทั้งร่างคล้ายกับว่าเขาตกลงไปในทะเลสาบที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เพียงชั่วครู่ความร้อนก็เข้ามาแทนที่ราวกับว่าเขาตกลงไปยังปล่องภูเขาไฟที่มีลาวาเหลวข้นกำลังกัดกินผิวเนื้อของเขาอยู่ด้านใน
ทรมาน เจ็บปวดเจ็บปานจะขาดใจตาย
เหมือนกำลังตกนรกทั้งๆที่ยังมีลมหายใจ เหงื่อไหลราวกับว่าเขาวิ่งมาจากที่อันไกลแสนไกล คอแห้งผากราวกับกลืนทรายร้อนๆเข้าไป
ปล่อย...ใครก็ได้ปล่อยเขาออกไปจากไอ้โซ่บ้าๆนี่ที เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งก่อนจะพยายามดึงโซ่จากข้อเท้าออก โลหะเย็นเฉียบถูกดึงรั้งจนกินเนื้อข้อเท้า วินท์รีบถลามาจับมือริญชย์ไว้ห้ามปรามไม่ให้เขาทำแบบนั้นแต่กลับถูกผลักกระเด็นไปจนเอวไปปะทะกับโต๊ะหนังสือเต็มแรง ร่างบางกุมเอวตัวเองไว้ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น
น่ากลัว...วินท์กลัวเหลือเกินว่าที่สุดแล้วจะเป็นเขาเองที่ใจอ่อนปล่อยอริญชย์ไป อ ริญชย์ยังคงส่งเสียงร้องอย่างทรมานจนในที่สุดร่างสูงก็โก่งคออาเจียนออกมาจนเต็มพื้น วินท์รีบถลาเข้าไปลูบหลังของคนที่ตนเองรักโดยไม่นึกรังเกียจความสกปรกเลยซักนิด ความทุรนทุรายที่อริญชย์มีทำให้หัวใจของวินท์เปวดชาไปหมด ริญชย์ยังคงส่งเสียงร้องสองขาดีดดิ้นสลับกันอย่างควบคุมไม่ได้ในที่สุดเมื่อความเจ็บปวดทรมานถึงขีดสุดเด็กหนุ่มชักเกร็งสุดตัวแล้วสลบไป
วินท์มองภาพคนตรงหน้าด้วยหัวใจปวดร้าว ความพยายามอดกลั้นที่สร้างมาก็พังทลาย เสียงสะอื้นค่อยๆหลุดออกมาจากริมฝีปากที่สั่นระริกก่อนจะกลายเป็นเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจแทน หยาดน้ำตาร่วงรินคล้ายเม็ดฝนจากพายุที่โหมกระหน่ำ
ภาสวินท์ผู้น่าสงสารสวมกอดร่างที่นิ่งสงบบนพื้นอย่างหวงแหน...
อยากจะเป็นคนที่เจ็บแทนเสียเหลือเกิน
สงสารใจจะขาด แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยอะไรริญชย์ไม่ได้เลยซักนิด ใช้มือลูบคราบน้ำตาและเศษอาเจียนของริญชย์ออกอย่างอ่อนโยนแผ่วเบา กดจูบลงบนริมฝีปากซีดสนิทนั้นอย่างแสนรักกอดร่างของริญชย์ไว้แนบอกตบลงเบาๆที่ต้นแขนแกรนนั้นโยกตัวไปมาราวกับจะกล่อมให้ริญชย์เข้าสู่นิทราแสนหวาน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ...ฮึก... ไม่เป็นไรแล้ว ริญชย์นอนซะนะซอนจะอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆริญชย์เอง”
“แม่ครับถ้าริญชย์ตื่นมาให้เค้ากินข้าวด้วยนะครับผมซื้อเป็ดพะโล้ของโปรดของเค้ามาให้แล้ว ต้องบังคับให้กินเยอะๆนะครับอย่าใจอ่อน ร่างกายจะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไป แล้วก็ถ้าเขาไม่ไหวจริงๆในตู้เย็นผมแช่ขนมไว้ให้ให้เขากินเล่นไปริญชย์ชอบกินของหวานๆน่าจะลดอาการอยากยาได้ วันนี้ผมไม่ได้ค้างถ้าเขาเริ่มมีอาการให้แม่เอาโซ่คล้องเค้าไว้นะครับอย่าใจอ่อนถ้าครบ 7 วันหักดิบได้ทางศูนย์จะให้รับเมทาโดรนต่อได้เลย”วินท์เดินก้าวฉับๆเข้ามาในโรงเรียนปากอิ่มเอ่ยคำบอกกล่าวกับมารดาของริญชย์อย่างเป็นระบบ วันนี้วินท์ต้องกลับบ้านแม่ของริญชย์จึงมาอยู่เป็นเพื่อนแทน แม้จะเป็นกังวลแค่ไหนหลังจากเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ริญชย์เสร็จแบกร่างสูงให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วเก็บกวาดทำความสะอาดห้องก็เกือบเช้ามืดวินท์จึงเดินออกไปตลาดเช้าแล้วซื้อเป็ดพะโล้ตัวโตมาให้ริญชย์
เขาจำได้ขึ้นใจถึงของโปรดเพื่อนตัวสูงที่ตอนนี้สถานะเปลี่ยนเป็นคนที่ตัวเองรัก อริญชย์ชอบกินเป็ดพะโล้ตั้งแต่เด็กแล้วแม้แต่โตมาก็ยังชอบกินถ้ามีเมนูนี้ในมื้ออาหารเขาจะกินข้าวได้เยอะ เคยแม้กระทั่งเนื้อเป็ดหมดแล้วเจ้าตัวยังเอาข้าวเปล่าลงไปคลุกกับน้ำพะโล้ รอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงดวงตาหยีๆยามริญชย์ยิ้มกว้าง
อยากให้รอยยิ้มนั้นกลับมาเร็วๆจังเลย
“นี่เหม่ออะไรอยู่จะเดินชนเสาอยู่แล้ววินท์”เบญจ์ดึงคอเสื้อวินท์ทันก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะเดินชนเสาของอาคารเรียน ดีดหน้าผากมนเสียงดังป๊อก วินท์ยกมือกุมหัวพลางลูบป้อยๆ
“พี่เบนเจ็บนะ!!”ส่งเสียงดังพลางค้อนวงใหญ่ให้กับคนที่ยืนหัวเราะจนตาเป็นขีด
“ก็ดีดหัวเรียกสติไง ว่าแต่ตกลงเหม่อเรื่องอะไรเนี่ยเห็นเดินยิ้มกับลมกับแล้งตั้งแต่วางโทรศัพท์”สองคนพากันเดินคู่กันมายังโรงอาหาร
“คิดอะไรนิดหน่อยแล้วมันตลกอ่ะครับเลยขำ”
ยามเช้าโรงอาหารขนาดใหญ่ของโรงเรียนคับคั่งไปด้วยเด็กนักเรียนทุกชั้นปี เบนเอ่ยตอบรับคำทักทายของรุ่นน้องทุกคนด้วยสีหน้าแต้มรอยยิ้ม การเป็นประธานนักเรียนของเขาทำให้ทุกวันจะมีเด็กๆมาทักทายไม่ได้ขาด
“แหม เดินข้างท่านประธานแล้วรู้สึกตัวเล็กลีบแปลกๆ”แกล้งแซวเมื่อจับจองที่นั่งได้แล้ว
“นี่ถ้ายังคบกับพี่ก็ชินไปนานแล้ว”
“พูดมากไปซื้อข้าวไป”เอ่ยไล่เมื่อเบนรื้อฟื้นเรื่องเก่า เมื่อร่างสูงเดินไปหาซื้ออาหารเช้าแล้ววินท์ก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดไลน์ พิมพ์ข้อความหาอริญชย์แม้จะรู้ว่าป่านนี้เจ้าตัวคงยังไม่ตื่น เสร็จแล้วก็เก็บเข้ากระเป๋าตามเดิม หยิบหนังสือเรียนที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านรอ อาทิตย์หน้าเขาจะสอบกลางภาคแล้ว เวลาว่างจากดูแลริญชย์หรือเวลาที่อริญชย์ไม่อยากยาวินท์จะไม่ปล่อยเวลาให้ว่างเลย เด็กหนุ่มต้องการที่จะทำคะแนนให้ดีที่สุดการเรียนแพทย์ไม่ใช่ทำเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อแม่แต่เพราะวินท์เองรักและชอบในอาชีพนี้ อาจจะเป็นเพราะตอนเขาเด็กๆวินท์เคยไม่สบายหนักแล้วเมื่อแอดมิทคุณหมอเจ้าของไข้กลับใจดีและดูแลเด็กน้อยวินท์ดีมากๆ นั่นจึงเป็นความประทับใจ
ถ้าโตไปได้เป็นหมอ เขาก็จะเป็นคุณหมอที่ใจดีกับคนไข้ให้เหมือนคุณลุงหมอคนนั้นเช่นกัน
“วินท์กินข้าวก่อน”เบนวางจานข้าวลงตรงหน้าอดีตคนรักก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามวินท์เลื่อนหนังสือไปไว้ข้างๆก่อนจะเริ่มกินข้าวพร้อมเบน
นึกขอบคุณรุ่นพี่ในใจทุกครั้งที่ได้คุยกัน แม้จะเลิกรากันไปแต่เบนยังคงปฏิบัติกับเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
เคยดีอย่างไรก็ยังคงดีอย่างนั้น ภาสวินท์รู้ว่าตัวเองนั้นแสนจะโชคดี เด็กหนุ่มภาวนาขอให้เบนเจอกับคนดีๆและรักเบนมากๆในซักวันหนึ่ง
“มองอะไร มองอย่างนี้นึกเสียดายพี่อยู่รึไง”
“ฮื่อ...เสียดายจริงๆแหละ “รับคำอย่างว่าง่าย
“นี่...คนบอกเลิกน่ะไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้หรอกนะพี่จะบอกให้ เสียดายตอนนี้แม้แต่ขาอ่อนก็ไม่ได้เห็นแล้วล่ะไอ้น้องเอ๋ย”เบนว่าเสร็จก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อวินท์เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้
“ผมไม่ได้เสียดายแบบนั้นซักกะหน่อยพี่นี่หลงตัวเองชะมัด”หยิบก้อนน้ำแข็งก้อนเล็กๆปาใส่คนตัวสูง
“อ่าว ก็บอกเสียดายๆก็นึกว่าหมายถึงแบบนั้น”
“ผมเสียดายที่ทำไมไม่มีคนดีๆมาจีบพี่ซักที รูปหล่อบ้านรวยอนาคตดีแบบพี่อ่ะไม่น่าจะอยู่ว่างแบบนี้ได้เลย”
“ยังไม่อยากมีใครน่ะ เลิกคุยเรื่องพี่เถอะมาคุยเรื่องของเราเหอะตกลงตอนนี้อริญชย์เป็นยังไงบ้าง”พอคำถามถูกตั้งมาหน้าวินท์ก็สลดลงเหมือนลูกโป่งทีอัดแก๊สจนเต็มที่แล้วดันทำหลุดมือจนมันลอยไปไกลแล้วตกลงพื้นดินเมื่อแก๊สหมด
“แย่น่ะ”
“ทำหน้าแบบนี้แปลว่าแย่มาก”
“เมื่อคืนริญชย์ให้ผมล่ามโซ่เขาไว้ ภาพที่เขาทุรนทุรายยังติดตาผมอยู่เลยพี่ น่าสงสารมากๆเลย”พูดจบวินท์ก็ยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเมื่อภาพที่ริญชย์ชักเกร็งผุดเข้ามาในความทรงจำ
เมื่อคืนตอนเห็นริญชย์เป็นแบบนั้นวินท์สงสารใจจะขาด ในใจของเด็กหนุ่มมีแต่ความหวั่นกลัว
กลัวว่าอริญชย์จะตาย
กลัวไปสารพัด
กว่าจะผ่านช่วงหักดิบสภาพของริญชย์จะเป็นอย่างไร
“แต่ก็ผ่านมาได้วันหนึ่งแล้วนี่นา พี่เชื่อว่าถ้ามีกำลังใจจากวินท์ยังไงริญชย์ก็น่าจะดีขึ้น นายเก่งอยู่แล้ว สู้ๆสิ”
“แม่...”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากผ้าพันคอที่กำลังถักแล้วรีบเดินไปหาลูกชายที่นอนกุมหัวอยู่บนเตียงทันที
“ว่าไงลูก...ปวดหัวเหรอ”ริญชย์พยักหน้ารับก่อนจะออกแรงลุกขึ้นนั่งตามที่แม่ประคอง ความปวดร้าวตามร่างกายบ่งบอกว่าเมื่อคืนเขาต่อสู้กับยานรกอย่างหนักหนาสาหัสถึงเพียงไหน
แค่วันเดียวเขายังเกือบตายกว่าจะครบ 7 วัน เขาอาจจะได้ตายจริงๆก็ได้
“วินท์ไปไหนล่ะแม่ ไปเรียนแล้วเหรอ”เอ่ยปากถามหาคนที่มักจะนั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย
“อืม ไปแล้ว แต่เมื่อเช้าวินท์เดินไปซื้อเป็ดพะโล้ไว้ให้ริญชย์ด้วยนะ สั่งไว้ว่าให้ลูกกินเยอะๆ ริญชย์ไปอาบน้ำไปลูกแม่หุงข้าวไว้แล้วเสร็จจะได้มากินข้าว”หล่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้ลูกชาย ริญชย์รับมาถือไว้แต่ยังไม่ขยับไปไหน
“วันนี้วินท์จะไม่มาใช่มั้ยแม่”เอ่ยถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เป็นไปตามข้อตกลงที่ลุงแจซอกบอกว่าจะให้วินท์มาค้างกับริญชย์ได้แค่วันเว้นวันเท่านั้น
ยังไงซะวินท์ก็เพิ่งจะ 16 ยังเด็กเกินไปที่จะมาจัดการกับเรื่องนี้อย่างเต็มตัว ปัญหามันใหญ่จนคนเป็นพ่อแม่ห่วงลูกชาย
ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มีให้เห็นทุกวันว่าการขาดยาเสพติดทำให้ผู้เสพคลั่งจนฆ่าคนตายมาแล้ว
และถ้าริญชย์อยากมากๆจะมีอะไรมารับประกันว่าริญชย์จะไม่พลั้งมือทำกับวินท์เข้าซักวัน
อย่างน้อยในเมื่อห้ามไม่ได้ฮานาก็ขอตั้งกฎให้ลูกชายซักนิดก็ยังดี
“แม่...”ริญชย์เอ่ยเรียกแม่ที่เริ่มตั้งโต๊ะกินข้าว หญิงวัยกลางคนหยุดการจัดสำรับแล้วหันมามองลูกชายที่นั่งหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียง
“อะไรลูก? จะเอาอะไรหรือเปล่าหรือลุกไม่ขึ้น ให้แม่เช็ดตัวให้มั้ย?”ริญชย์รีบโบกมือปฏิเสธ
“ป่าวแม่ อาบเองไหว ริญชย์แค่จะถามแม่ว่า...”อยู่ๆคนหน้าซีดก็พลันหน้าแดงขึ้นซะอย่างนั้น
“ว่าอะไรลูก?”
“แม่ว่าวินท์น่ารักมั้ย?”
“ก็น่ารักดีนี่ลูกนิสัยดีแถมห่วงริญชย์มาก หายากนะลูกเพื่อนแบบนี้เมื่อคืนวินท์ก็นั่งเฝ้าริญชย์ทั้งคืน ตอนแม่มาวินท์เพิ่งเก็บห้องเสร็จตานี่โหลเชียว”หล่อนพูดอย่างชื่นชมเด็กข้างบ้าน แต่น้อยจนเติบใหญ่เพื่อนของริญชย์ก็มีวินท์นี่แหละที่เข้าท่าที่สุดไม่พากันไปเกเรที่ไหนซ้ำยังจะคอยช่วยฉุดลูกชายของหล่อนให้ตั้งใจเรียนอีกต่างหาก
“ถ้าน่ารักแล้วริญชย์ขอรักกับวินท์ได้มั้ยแม่?” คนเป็นแม่ชะงักกับคำถามนั้น ใจของหล่อนหล่นวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้าก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“ริญชย์กับวินท์ก็รักกันอยู่แล้วนี่ลูก เพื่อนสนิททั้งคน”
“แม่ก็รู้ว่าริญชย์ไม่ได้หมายความถึงความรักแบบเพื่อน”เด็กหนุ่มเอ่ยแย้งเมื่อแม่พยายามเบี่ยงประเด็น
“ริญชย์ไม่ได้บอกเพื่อขออนุญาตแม่หรอกนะริญชย์บอกให้แม่รู้ไว้ว่าริญชย์กับวินท์รักกัน แม่อย่าขวางเราเลยนะ แม่ก็เห็นว่าที่ผ่านมาวินท์ดีกับริญชย์แค่ไหน”
“ริญชย์แน่ใจจริงๆเหรอว่าความรู้สึกระหว่างริญชย์กับวินท์มันคือความรักไม่ใช่ความรู้สึกชั่ววูบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ลูกสองคนอาจจะยังเด็กจนสับสนในความรู้สึกก็ได้”
“แม่....อย่าดูถูกความรักของเด็กนักเลย ริญชย์กับวินท์จริงจังกันจริงๆนะแม่ ริญชย์อยากบอกให้แม่รู้ไว้เพราะริญชย์รักแม่ ริญชย์อยากให้แม่อวยพรให้ความรักของริญชย์กับวินท์ แม่จะอายคนอื่นมั้ยถ้าแม่มีลูกที่รักผู้ชายด้วยกันแม่อายหรือเปล่า?”ผู่เป็นแม่ส่งยิ้มให้ลูกชายแม้ในใจอยากจะร้องไห้ แต่ถ้านั่นคือความสุขของริญชย์หล่อนก็ยินดี
แม้ความรักของเด็กสองคนจะกลายเป็นเรื่องต้องห้ามของสังคมก็ตามที
แล้วยังไงล่ะ ในยามที่ลูกของหล่อนเศร้าเสียใจคนภายนอกเหล่านั้นไม่ได้มาเช็ดน้ำตาให้ลูกชายของหล่อนเหมือนที่ภาสวินท์ทำ
ในยามที่ลูกชายของหล่อนเกเรอาละวาดคนที่คอยฉุดดึงริญชย์ไว้ไม่ใช่คนเหล่านั้นแต่เป็นวินท์
ในยามที่ลูกชายของหล่อนหลงผิดเดินเข้าสู่ห้วงเหวคนที่ยื่นมือเข้าช่วยไม่ใช่คนเหล่านั้นหากแต่เป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าลูกชายของหล่อนเพียงแค่สี่เดือนอย่างภาสวินท์
แล้วมีเหตุผลอะไรที่หล่อนจะกีดกันไม่ให้ลูกชายรักกับวินท์ล่ะ สังคมตัดสินชีวิตของเธอและลูกมานานเกือบ 17 ปีแล้ว ตัดสินอย่างอยุติธรรมเสมอมาแล้วทำไมหล่อนต้องแคร์คนพวกนั้นด้วยล่ะ
นางเดินไปหาลูกชายโน้มตัวลงกอดลูกไว้หลวมๆลูบกลุ่มผมยาวกระเซอะกระเซิงนั้นอย่างแผ่วเบา
“ช่างหัวสังคมมันเถอะลูก ทำตามที่ใจลูกต้องการเถอะ ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย”
“ขอบคุณนะแม่...ขอบคุณที่เข้าใจริญชย์ ริญชย์รักแม่นะ”
“แม่ก็รักริญชย์ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขแม่จะไม่ห้ามริญชย์เลยขอแค่ลูกมีความสุขแม่ยอมทุกอย่าง”
“แม่ปล่อย!!! ปล่อยผม!!!” เสียงโซ่กระทบพื้นดังลั่นเมื่อริญชย์เริ่มอาละวาดหนัก ข้าวของใกล้มือถูกปัดทิ้งด้วยพละกำลังอันมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กหนุ่มทั้งร้องไห้ทั้งอ้อนวอนจนกระทั่งข่มขู่ให้แม่ปล่อยตัวเองออกจากโซ่ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนยื่นโซ่ให้แม่เองแท้ๆ
“กูบอกให้ปล่อยไงวะ โอ้ยยยยยยยยย”เด็กหนุ่มลงไปนอนดิ้นแถมชักจนนิ้วมือนิ้วเท้าจิกเกร็งไปหมด คนเป็นแม่หวีดร้องอย่างสงสารลูกนางรีบเข้ามาสวมกอดลูกชายไว้ร้องไห้โฮปานใจจะขาดใจ
“ริญชย์ลูก ริญชย์ เจ็บตรงไหนปวดตรงไหนๆบอกแม่สิลูก ฮือ...”หล่อนพยายามคลำตามตัวที่ลูกชายร้องบอกว่าปวด พยายามนวดเฟ้นหวังว่าจะให้อาการของริญชย์ดีขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มมีท่าทางทรมานหนักกว่าเดิม อาการหนาวสั่นสลับกับร้อนจนแทบทนไม่ไหวเล่นงานหนักหนากว่าเมื่อวาน
“แม่ริญชย์ปวด...แม่ปล่อยริญชย์ทีแม่ครับ นะแม่นะ แม่ปล่อยริญชย์ที โอ้ยยยยย...ริญชย์จะตายอยู่แล้วนะครับแม่ ฮือ...ปวดไปหมดทั้งตัวเลย”ริญชย์ขดตัวต่อสู้กับความเจ็บปวด
“ได้ลูกได้ๆ รอก่อนนะ โธ่..ลูกรัก ใจแม่จะขาดแล้วลูกเอ๊ย” ใจคนเป็นแม่แทบแตกสลายเมื่อลูกชายร่ำร้องทุรนทุรายในที่สุดหล่อนก็ล้วงเอาลูกกุญแจมาไขให้ลูก ริญชย์รีบโยนโซ่ออกห่างตัวราวกับมันเป็นของร้อน
“แม่...แม่ริญชย์ขอเงินหน่อยแม่ ริญชย์ขอเงินหน่อย เอาเงินมาให้ริญชย์นะๆ”ชายหนุ่มเกาะแขนแม่เขย่าอย่างแรงผู้เป็นแม่รีบล้วงหากระเป๋าเงินก่อนที่ลูกชายจะอาละวาดไปมากกว่านี้ธนบัตรหลายใบถูกยัดใส่มือลูกชายทั้งน้ำตา
“เอาไปลูก เอาไปแล้วอย่าอาละวาดนะลูกนะ อ่ะนี่แม่ให้”
ริญชย์ไปแล้ว...
เป็นอีกครั้งที่นางปล่อยให้ลูกเดินทางกลับไปหายานรกนั่น
หล่อนทนเห็นลูกเจ็บปวดทรมานแบบนั้นไม่ไหวจริงๆ…ได้แต่ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแล้วกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
ร่างสูงเดินซมซานมาหาอ้นที่คอนโด มือเรียวกดกริ่งรัวแรงพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองอ้วกออกมา ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก จินเบะปากเมื่อเห็นสภาพของริญชย์
“ไงคนเก่ง ไหนบอกจะเลิกแล้วกลับมาทำไมล่ะ?”คำถามถากถางถูกพ่นออกไปโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง อริญชย์ใช้มือผลักอกจินให้พ้นทางก่อนจะเดินไปหาอ้นและแมน
“ขอยาให้กู”เอ่ยเสียงแหบแบมือไปข้างหน้าสั่นงันงก
“ไอ้ริญชย์เอ๊ย กูล่ะสงสารมึงจริงๆเลยว่ะเพื่อน”อ้นตบลงบนบ่าริญชย์หนักๆสองทีก่อนจะหันไปหาแมน
“มึงว่าไงวะแมนให้ไม่ให้”แมนปรายตามองริญชย์แล้วให้รู้สึกสมเพชคนตรงหน้า หมดคราบริญชย์จอมอวดเก่งเมื่ออาทิตย์ก่อนไปเสียสนิท
“ไม่ให้”คำตอบเรียบๆถูกเปล่งออกมา
“แมนมึงให้ยากูเถอะนะกูขอร้อง”ริญชย์ถลาเข้าไปเกาะแขนแมนร่ำร้องอ้อนวอนเมื่อร่างกายเริ่มกระตุก อาการเสี้ยนยาทำให้เขาทรมานแทบสิ้นใจ
“กูมีเงินนะกูซื้อมึงก็ได้ นี่ไงมึงเอาไปเลยกูยกให้มึงหมดเลย ขอยาให้กูเถอะนะๆ”ริญชย์ยัดเงินใส่มือแมนที่ยืนนิ่งไม่ตอบสนอง ธนบัตรหลายใบหล่นลงแทบเท้า แมนเดินเหยียบไปอย่างไม่สนใจ
“ถ้ามึงอยากได้ยามึงทำอะไรให้กูอย่างหนึ่งสิไอ้ริญชย์”
“มึงบอกมาว่ามึงจะให้กูทำอะไรกูทำได้ทั้งนั้น ขอยาให้กูก่อน”
“กูจะให้ยามึงก็ได้ แต่พรุ่งนี้มึงต้องเอายาไปส่งแทนไอ้อ้น มึงทำได้มั้ย?”ปรายตามองคนที่ตอนนี้แทบครองสติไม่อยู่แล้ว อริญชย์ชะงักไปเพียงอึดใจก่อนจะตอบรับ
“ได้ พรุ่งนี้กุจะไปส่งยาแทนไอ้อ้น”
“มันต้องอย่างนี้สิเพื่อนรัก”แมนโยนขวดเล็กให้ริญชย์ ชายหนุ่มรีบตะครุบก่อนจะหันไปรับเข็มจากอ้น ใช้มือฉีกซองหุ้มก่อนจะเดินไปทรุดนั่งตรงมุมประจำของตน รัดแขนก่อนแทงเข็มแหลงลงบนท้องแขน น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลออกมาอย่างช้าๆ
ขอโทษนะวินท์
ขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้
ขอโทษจริงๆ
...............................................
เอาแม่ไปเผาได้ป่ะ พังหมดที่วินท์ทำมา
วินท์น่าสงสารจังเลยยังต้องเจอสภาพริญชย์แบบนี้ไปทุกวันแล้วใจดวงน้อยๆจะทนได้ไหวมั้ยนะ
ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆว่าที่คุณหมอของเราได้คนรักเป็นคนไข้คนแรกเลยนะ ในชีวิตจริงจะหาคนที่รักเราด้วยใจจริงแบบนี้ได้ไหมนะ
คนดีๆแบบนี้ยังมีหลงเหลืออยู่มั้ย แน่นอนว่ามี อาจจะอยู่ที่ใดซักแห่งบนโลกเพียงแต่แรงดึงดูดเหวี่ยงเขาไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่เรา แต่ถ้าหากคุณได้คนๆนี้ไปเป็นคู่ชีวิตโปรดรักษาและทะนุถนอมหัวใจเขาไว้ให้ดีเพราะไม่รู้ว่าขั่วขีวิตนี้หากคุณเสียเขาไปแล้วคนใหม่ที่เข้ามาจะดีได้เท่ากับเขาหรือเปล่า