,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, ตอนที่พิเศษ :เรื่องหลอนๆ ... [P.13][UP!!] [11/11/62]  (อ่าน 74664 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


,, เพราะนายคือของฉัน [II] ,,


สวัสดีค่า เนื่องจากวันนี้เป็นวันดี เลยอยากจะขอเปิดเรื่องใหม่

แต่ก็ไม่ได้ใหม่ซะทีเดียว เพราะเป็นภาคต่อของนิยายเรื่องแรกของเราที่ผ่านมาค่ะ

นั่นคือนิยายเรื่อง "Just you and I เพราะนายคือของฉัน" ที่เพิ่งตีพิมพ์ไป

ยังไงแล้ว ขอฝากพี่โชกับน้องกลอยประเกรียนภาค2 ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ


ปล. ภาค1 ยังสามารถอ่านได้อยู่นะคะ ตามลิ้งค์ผลงานที่ผ่านมาได้เลย

ขอบคุณมากๆ ค่า




ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

Just you and I เพราะนายคือของฉัน [จบแล้ว] (โช x กลอย)
No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ [จบแล้ว] (ฟลอยด์ x ต้อม)
คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก [จบแล้ว] (พี่ใหญ่ x น้องอัด)
พี่ครับ...ไอเลิฟยู [จบแล้ว] (เม่น x ม่าน)
Hello Daring คนนั้น ที่รักของผม [จบแล้ว] (ป๋ากร x ปูน)
รักนี้ แค่นาย [จบแล้ว] (ไฮท์ x ขมิ้น)


**หมายเหตุ : ตัวละคร สถานที่ และเหตุการณ์ทุกอย่าง เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งหมด**
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2019 16:05:27 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

บทนำ


       เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาช่วงก่อนหน้านี้ มันทำให้ผม นายกลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์ รู้สึกโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคิด การใช้ชีวิต การเรียน รวมไปถึงความรัก ช่วงเวลาปีกว่าๆ ผมต้องผ่านความยุ่งยาก ความลำบาก และความคิดขัดแย้งในใจตัวเองมาอย่างหนัก กับความรักในรูปแบบที่ผมไม่เคยคิดไว้ หรือวางแผนล่วงหน้ามาก่อน แต่พอก้าวข้ามมาเจอความสุข ผมก็เลยอยากรักษา อยากเก็บความรักนั้นไว้ให้ดี

        ดังนั้น ต่อจากไปนี้ ผมจะทำให้ทุกวันของผม มีแต่เรื่องดีๆ และจะเป็นคนดีที่น่ารักกับทุกคน

   ยกเว้น คนที่ร้ายกับผมก่อน....

       “มัวแต่จิ้มโทรศัพท์ รายงานก็ไม่เสร็จสักที” เสียงนิ่งๆ โหดๆ มาพร้อมแรงควายๆ ผลักหัวผมซะกระเด็น ตอนรักใหม่ๆ แทบจะอุ้ม มาตอนนี้ทำอย่างกับผมเป็นตุ๊กตา ถ้าไม่รักมีนัดเคลียร์หลังเซเว่นปิดแน่นอน

        ผมหรี่ตามองหน้าผู้ชายตาดุที่ยืนเท้าเอวจ้องหน้าผม ผู้ชายที่กระทืบคนนับสิบด้วยสองมือเปล่า ผู้ชายที่หิ้วผมออกจากกองขยะ ไม่สิ หิ้วจากข้างถังขยะเข้าไปในผับ ผู้ชายที่เอาจูบแรกของผมไป ผู้ชายที่จีบผมด้วยการรุกอย่างหนักถึงขั้นมานั่งรอหลังเลิกเรียน ผู้ชายที่ยอมดมตดผมเวลาผมยัดข้าวมื้อหนักๆ ผู้ชายที่ขี้หึง แม้กระทั่งตัวเงินตัวทองในมหาวิทยาลัย ผู้ชายที่พร้อมจ่ายหากผมอยากได้สิ่งไหน แต่ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ก็จะไม่ได้แตะเงินเขาสักบาท ผู้ชายที่หวงกับข้าวทุกจาน ทุกมื้อ แม้จะเหลือข้ามวันเขาก็กินอย่างมีความสุข ผู้ชายที่สามารถขอกอดได้ตลอดเวลาหากมีเรื่องไม่สบายใจ ผู้ชายที่บอกว่ารักผม โดยในประโยคไม่มีคำว่ารัก และผู้ชายคนนั้น....คือคนที่ผมเรียกเขาว่า


   ปีศาจ เอ๊ย คุณความรัก!!!


   “ไม่ได้จิ้มเล่นๆ สักหน่อย คุยกับไอ้สักเรื่องรายงานอยู่ ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย” ตอบโต้ไปแบบเบาๆ พร้อมส่งสายตาอาฆาต แต่คิดว่าคนที่ดุผมเมื่อกี้จะกลัวเหรอครับ ไม่เลย นู้น เดินตัวปลิวไปเปิดตู้เย็น หยิบเอาจานมะม่วงที่ผมปอกออกมากินหน้าตาเฉย “เหลือให้ด้วย” ตะโกนบอกพี่โช

   “ทำให้เสร็จ ถึงจะให้กินนะน้องกลอย” ดูคำที่ย้อนกลับมาสิครับ มันใช้ได้ที่ไหนวะ แถมลอยหน้าลอยตาอีก
 
   “แต่มะม่วงจานนั้นกลอยเป็นคนปอกนะ มีดเกือบเข้ามือด้วย” ชูนิ้วชี้ให้ดู มีรอยเล็กๆ เป็นเครื่องยืนยัน พี่โชเดินถือจานมะม่วงมาใกล้ ก่อนยื่นหน้ามาดู “เห็นป่ะ ไม่ได้โกหก”

   “ให้คำหนึ่ง” พูดพร้อมยื่นมะม่วงมาจ่อที่ปากผม

   “แต่กลอยปอก” ตอบเสร็จก็อ้าปากงับมะม่วงเขียวเสวยแสนอร่อย

   “กลอยปอก แต่พี่ซื้อ” ยอกย้อนตลอดปีศาจคนนี้

   “พี่ซื้อ แต่กลอยสั่ง” และผมจะไม่มีทางยอมเหมือนกัน

   “ถ้าสั่งแล้วพี่ไม่ซื้อ น้องกลอยคิดว่า ตัวเองจะได้กินไหมครับ”

   “พี่โชอะ แกล้งเถียงแพ้หน่อยก็ไม่ได้ โคตรใจร้ายเลย”

   สุดท้ายก็สู้ไม่ได้ เพราะอำนาจเงินที่ซื้อมะม่วงแท้ๆ เชียว แล้วก็นะ หลังๆ มานี้ ผมเถียงสู้พี่โชไม่เคยจะได้ โต้ตอบกันทีไร ไอ้กลอยแพ้ทุกที สมแล้วที่ได้รับฉายาปีศาจแห่งปี แต่คอยดูเถอะ ผมจะไปลับฝีปากมาสู้ ไปขุดหมามาสะสมให้เยอะๆ พี่โชจะได้สู้ไม่ได้

   “ขออีกคำ” อ้าปากรอ แต่กลับถูกส่ายหน้าตอบกลับ

   “ทำให้เสร็จก่อนนะครับน้องกลอย...ประเกรียน” พี่โชกำลังตีรวนกวนบาทาผมเข้าให้แล้ว แต่ก็ตอบโต้อะไรมากไม่ได้ เลยได้แต่มองจานมะม่วงที่ถูกยกลอยไปลอยมาล่อ “อยากกินก็รีบทำ ไม่งั้นพี่กินหมดนะเออ”

   “ก็เร่งทำอยู่เนี่ย...แต่ขอคำหนึ่ง อ้า” ตามองพี่โช มือพิมพ์แป้นคอม ปากก็อ้ารอมะม่วง ไม่รู้ว่าประโยคที่พิมพ์จะถูกหรือผิดเพราะไม่ได้มอง พี่โชคงทนไม่ไหวเลยเอามาให้กัดคำใหญ่ “ปีศาจสองพันสิบเก้า”

   “ทำงานไปๆ อย่าบ่น”

   “เออ รู้แล้ว ย้ำจริง” ตีหน้ามุ่ยบอก ก่อนจะเงยหน้าไปมองคนกินมะม่วงอย่างสบายอารมณ์อีกรอบ “พี่โชมานั่งตรงนี้หน่อย แอร์เย็น มือแข็ง” ทำเป็นฉีกยิ้มให้ปีศาจตายใจ จนพี่โชเดินมานั่งข้างๆ ผมก็แอบใช้ทีเผลอหยิบมะม่วงในจานออกมา แต่....
 
   “ไม่เนียน ไปเรียนอนุบาลมาใหม่นะน้อง จานนี้ของพี่ครับ”

   “ปีศาจโหดร้าย ใจร้าย จานนั้นกลอยปอกนะเว้ย”

   “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ”

   หนอย ใครนะ ใครกันที่เคยชมพี่โชว่าใจดี สปอร์ต อยากกอดทั้งคืน ผมอยากจะบอกให้คนเหล่านั้นฟังว่า...พวกคุณกำลังถูกหลอก สิ่งที่เห็นเป็นเพียง ดา เอ็นโดฟิน ผมหมายถึง ภาพลวงตา (รู้ว่ามุกแป้ก แต่ก็อดเล่นไม่ได้) พี่โชคนนี้ กำลังอัพเลเวลสูง ความร้ายมาที่หนึ่ง ความกวนวิ่งตีคู่ขึ้นมา ถ้าไม่อยากปวดหัวตาย อย่าได้เข้ามาใกล้ ไอ้กลอยขอเตือน

   “เซเว่นปิดไหมล่ะ สักรอบไหม” ท้าครับท้า
 
   “ไปไหมล่ะ สาขาซอยถัดไปเพิ่งสร้างเสร็จยังไม่เปิด สักรอบไหม คนจริงไหมล่ะ”

   เฮ้ย มีงี้ด้วยเหรอวะ

   “คนจริงอะไร จะทำรายงาน วู้ พี่โชอย่ามากวนได้ป่ะ ไม่มีสมาธิ”

   ผมไม่ใช่คนไม่จริงนะครับ แต่งานจะต้องส่งแล้ว ต้องทำครับ ต้องทำ

   “ไอ้กลอยเอ้ย” ถูกปีศาจผลักหัวอีกแล้ว แต่เราจะไม่ตอบโต้ ไม่งั้นอาจถูกลากไปหลังเซเว่นปิด ฉายาตีนโหดของพี่โชไม่ได้มาเพราะจับฉลาก ดังนั้น ควรเอาตัวรอดก่อน

   ว่าแต่ เซเว่นสาขานั่นเมื่อไหร่จะเปิด จะได้ท้าปีศาจได้

   “บอกว่าไม่มีสมาธิไงเล่า ไปไกลๆ เลยไป๊ มานั่งกวนอยู่ได้”

   แอบมองพี่โชด้วยหางตา เห็นส่ายหัวรัวๆ พลางสบถว่าผมให้มานั่งแท้ๆ มันก็จริงของพี่เขา แต่ตอนนี้ผมต้องทำอารมณ์ฉุนเฉียวไง ไม่อยากมีถูกนวดหน้าด้วยฝ่าเท้า พี่โชลุกกลับห้องทำงานตัวเอง โดยวางจานมะม่วงไว้ที่โต๊ะ ตอนแรกผมก็อยากจะเรียก แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ


   มะม่วงจานนี้เป็นของไอ้กลอยแล้วครับ


   ว่าแล้วก็รีบยัดๆ เคี้ยวๆ จนเต็มแก้ม ก่อนประตูห้องทำงานพี่โชจะเปิดออก ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกรีบกลืนแม้ยังเคี้ยวไม่ละเอียด

   “พี่จะบอกว่า มะม่วงเอาไว้กินเลย พี่ไม่กินแล้ว...แล้วทำไม” พูดไม่ทันจบ พี่โชก็หัวเราะจนทรุดลงไปกองที่พื้น มือกุมท้องตัวเองดิ้นไปดิ้นมาเมื่อเห็นผมอ้าปากปล่อยให้มะม่วงร่วงลงมาเต็มพื้น



   ก็ทำไมไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้วะ ไอ้คุณปีศาจความรัก แม่งเอ๊ย!!!! 


...TBC

ขอฝากภาคที่สอง ของกลอยประเกรียนด้วยนะคะ
แก๊งความฮายังอยู่ครบ
และหากผิดพลาดประการไหน ต้องขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยค่า
จะพยายามพัฒนาให้มากกว่านี้ค่าาา

รักกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 19:38:53 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ติดตามจ้า คิดถึงความเกรียนของเดอะแก๊งทั้งหลาย

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ว้าว ว้าว ว้าว  :mc4: :mc4: :mc4: กลอยก็ยังเป็นกลอย

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :jul3: :jul3:

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขำน้องกลอย..ยยยยย  :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :mew1: คิดถึงน้องกลอย...  :mew1: ภาคนี้ขอ sweet moments ของทั้งคู่เยอะๆยาวๆ ฮาๆ นะค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เริ่มมาก็ฮาเลย ทำเป็นจะนัดจัดพี่โชหลังเซเว่นปิดเจอตอกกลับไปนี่รีบทำรายงานไม่ทันเลยนะ สมฉายากลอยประเกรียนจริงๆ :laugh:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
คิดถึงน้องกลอย พี่โชและเพื่อนๆๆมาก   :กอด1: :L1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,เพราะนายคือของฉัน[II],, บทนำ [09/11/61]
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-11-2018 07:13:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยยย ดีต่อใจ มารอเลยค่ะ

5555 กลอยไม่เคยทิ้งความเกรียน ความงอแง ความอ้อนนี้
พี่โชมีเกราะเยอะขึ้น แพ้ทางแต่ไม่ระทวยเหมือนทุกที

แล้วดูแกล้งน้องทำไม

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน : 1




         สวัสดีเช้าวันที่แสนสดใส ถ้าผมรู้ว่า ปีสี่วิชาเรียนจะน้อยละก็ จะขอเข้าเรียนก่อนละค่อยกลับไปเรียนปีหนึ่ง และเช้านี้ ผมพาสุดที่รักมาอวดโฉม ซึ่งกว่าจะได้จับกุญแจ ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะผมถูกพี่โชส่งไปเรียนขับรถที่โรงเรียนในเครือญาติอะไรสักอย่างของแฟนพี่ชีส ไอ้เราก็คิดว่าจะง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา ที่ไหนได้ ครูคนสอนกลายเป็นพี่โชเฉย กะขอครูคนสอนที่เป็นผู้หญิงสวยๆ ซะหน่อย เซ็งเลยไอ้กลอย

   “โหว นี่มึงเอารถออกมาใช้ได้แล้วเหรอวะ” ไอ้ทูทำตาโต หลังจากลงจากรถมันมา “จอดตรงเส้นด้วย เก่งแล้วนี่หว่า”

   “กว่ากูจะได้ขนาดนี้ พี่โชแม่งด่าจนกูแทบร้องไห้ไอ้ห่า” ไม่ว่าจะจอดชิดเส้น จอดในช่องจอด การเบรก การเลี้ยว ทุกอย่างถูกสอนแบบย้ำๆ เน้นหนักทุกอย่าง ชนิดที่ว่า ผมขยาดการเรียนขับไปหลายอาทิตย์เลยทีเดียว

   “ก็พี่เขาห่วงมึง” ไอ้ทูขำพลางยื่นมือมาตบบ่า “ถ้าคราวนั้นมึงไม่เสยถังขยะ พี่เขาก็คงไม่โหดกับมึงขนาดนี้”

   “เพราะพวกมึงชวนกูไปกินเหล้า พวกมึงผิด” โยนขี้ไปให้พ้นตัวเลยโดนฝ่ามือเน้นๆ ที่กลางหัว ตอนแรกก็จะซัดคืน แต่เพราะมีรุ่นน้องผู้หญิงกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหา ทำเอาผมกับไอ้ทูวางหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว “มีอะไรหรือเปล่าครับ” สุภาพไว้ก่อน อย่างน้อยก็ต้องให้ดูดีสมกับเป็นพี่ปีสี่

   “คือ พวกหนูถูกใช้ให้มาขอเบอร์กับชื่อของรุ่นพี่ค่ะ” สาวหน้าหมวยเป็นตัวแทนของกลุ่ม ผมกับไอ้ทูมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “หนูเป็นรุ่นน้องคณะศิลปกรรม...”

   “อ๋อ” ร้องขึ้นมาเมื่อเริ่มเข้าใจ คงเพราะผมไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องช่วงก่อนเปิดเทอมอย่างปีก่อนๆ หน้าที่ส่วนใหญ่ ก็อยู่ที่ปีสามกับปีสี่บางกลุ่ม ที่มีหน้าที่ดูแลและควบคุม พวกปลาซิวปลาสร้อยแบบผม ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับเขาหรอก “แล้วรู้ได้ยังไง ว่าพวกพี่เรียนคณะนี้”

   “ก็พี่จอดรถหน้าตึกคณะ”

   “เออว่ะ”

   อยากตบปากตัวเองที่โชว์โง่ออกมา ทันทีที่ถูกรุ่นน้องตอบ ก็ได้ยินเสียงขำเล็ดลอดให้ได้ยิน แต่ที่ชัดสุดก็ไอ้คนข้างๆ ผมนี่แหละ

   “พอดีพวกพี่มีเรียน ไว้ค่อยมาขอหลังเลิกก็แล้วกันนะ แถวๆ ใต้ตึกนี่แหละ” ไอ้ทูพยายามหุบยิ้มแล้วบอก ก่อนมันจะลากผมขึ้นตึกไปด้วย “ไอ้กลอยเอ๊ย มึงนี่นะ”

   “ก็กูลืม” คนลืมความผิดลดครึ่งหนึ่งนะเออ “มึงทำให้เช้าวันสดใสของกูต้องหมองหม่น”

   เข้าห้องเรียนมา บรรยากาศในห้องก็ไม่ค่อยต่างจากปีก่อนๆ สักเท่าไหร่ เพื่อนร่วมรุ่นอาจมีหล่นหายตามทางไปบ้างตั้งแต่ปีหนึ่ง ดังนั้น พวกที่เหลือก็จะรักกันมากกว่าปกติ...

   “ไอ้สัด นี่ขนมกู”

   “กูซื้อไอ้ห่า”

   เอ่อ...ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ได้ไหม

   “พวกมึงจะทะเลาะกันเรื่องขนม ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่หรือไงวะไอ้สัก ไอ้เค” ไอ้ทูส่ายหน้าเอือมก่อนวางกระเป๋าจองเก้าอี้นั่ง ส่วนผมก็ลงไปนั่งเรียบร้อย “ไปดูเขารับน้องมา เป็นไงบ้างวะ”

   “ก็ดีนะเว้ย ปีนี้เด็กเยอะดี แถมน่ารักก็มีด้วย” ไอ้เคว่าตาเป็นประกายอย่างน่าหมั่นไส้

   “สมองมึงคงมีแต่เรื่องต่ำตมสินะ” ผมแขวะเข้าให้ ก่อนจะถูกขนมปาเข้าใส่หัว ดีที่คว้าทันก่อนตก เลยเอาเข้าปากซะเลยจะได้ไม่ทำให้ห้องสกปรก

   “แล้วจะทำไม ก็กูโสด ไม่ได้มีผัวแบบมึงไอ้ห่ากลอย” ถูกตอกกลับมาเอาซะขนมติดคอ “ว่าแต่ ปีนี้มึงไม่คิดจะเป็นพี่เนียนอีกปีเหรอวะ เป็นครบสี่ปี จะได้เป็นที่จดจำ”

   “ถ้าไอ้กลอยเป็นอีก เดี๋ยวแม่งก็ถูกจับได้ เป็นสามปี โดนจับได้สามปี ไม่มีใครทำได้ มึงควรภูมิใจนะเว๊ย” ไอ้สักว่าไปขำไป ไม่สนหน้าตูมๆ ของผมเลย

   “ก็นั่นแหละ มันจะได้เป็นที่จดจำของคณะ” ว่าแล้วพวกมันก็หัวเราะกันจนงอหงาย รวมทั้งไอ้ทูด้วย
 
   กัดฟันกรอดๆ จ้องหน้าไอ้พวกว่าร้ายผม อยากกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมันมาก แต่ติดที่พวกมันมีสามคน นับขารวมกันก็หกขา ส่วนผมมีแค่สอง ขาดทุนไปตั้งสี่ ไม่คุ้มๆ

   “ว่าแต่ พวกอีเข็มมันสุมหัวดูอะไรกันวะ” พอเถียงไม่ได้ ผมก็เปลี่ยนประเด็น ไอ้สักเบ้ปากทำหน้าเอือมสุด “ทำไมวะ หรือดูหนังโป๊”

   “ดูผู้ชาย” ไอ้เคตอบแทน

   “ผู้ชาย? ที่ไหนวะ” ขนาดไอ้ทูยังสงสัย หรือมันจะสนใจก็ไม่รู้

   “ในบอร์ดกระทู้ห่าอะไรไม่รู้ เห็นว่าตามล่าหาเด็กปีหนึ่งสุดหล่อในมหาลัย” ผมพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อน แต่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจต่อ ก็ผู้ชายจะไปมีอะไรน่าดูกันล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงน่ารักจะไม่ว่า

   เสียงวี๊ดว๊ายจากกลุ่มสาวๆ หายไปเมื่ออาจารย์เดินเข้าห้อง ตอนแรกก็แปลกใจทำไมพวกผู้ชายในห้องถึงจับจองหน้าห้อง เพราะอาจารย์ประจำวิชาสวยนี่เอง แถมอารมณ์ดี ยิ้มแย้มอยู่ตลอด มิน่าละ ไอ้พวกที่ชอบโดดคาบแรกถึงแหกขี้ตามานั่งหน้าสลอนตั้งแต่เช้า ส่วนคาบแรกๆ ก็ไม่มีอะไร นอกจากแนะนำรายวิชาที่จะเรียนทั้งเทอม กับคะแนนที่จะให้ตลอดการเรียน สิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน คือต้องทำเปเปอร์ปึกใหญ่เกี่ยวกับวิชา ซึ่งผมโคตรไม่ชอบ

   อย่างที่บอก คาบแรกของการเปิดเรียนมักจะใช้เวลาไม่นาน ทำให้ตอนนี้พวกผมมาเสนอหน้าอยู่ใต้ตึก ท่ามกลางบรรดาเด็กปีอื่นๆ ที่เดินผ่านก็พากันยกมือไหว้ราวกับเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกลัวตัวเองแล้วเหมือนกัน

   “ปีนี้เราก็จะจบแล้วใช่ไหมวะ” ไอ้ต๋องที่มาไม่ทันวิชาแรกนั่งกินลูกชิ้นปิ้งอย่างสบายอารมณ์ โชคดีของมันที่อาจารย์ไม่เช็คชื่อ “แม่งโคตรไว”

   “แน่ใจว่ามึงจะจบไอ้ต๋อง” โทษฐานปากดี ไอ้เคเกือบถูกไม้จิ้มลูกชิ้นทิ่มหน้า

   “กูต้องจบอยู่แล้ว หากมีพวกมึงคอยช่วย ไอ้กลอย เปเปอร์มึงกูอยู่กลุ่มด้วยนะ” นั่นไง อุตส่าห์เงียบ มิวายยังมายุ่งกับผมอีก “นะมึง”

   “มึงคิดว่ากูจะทำไวเหรอ” บอกอย่างเซ็งๆ

   “ถึงไม่ไว แต่ก็เสร็จ” ประโยคโคตรกำกวม “กูจะช่วยให้มันเสร็จไวเอง”

   “กูเสร็จไวไม่ไวก็เรื่องของกู แล้วมึงจะขำทำไมไอ้สัก” ถามเพราะได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมา แต่ดูจากแววตาและมุมปากที่ยกยิ้มของมัน ต้องกำลังคิดเรื่องหื่นๆ กับประโยคสนทนาอยู่แน่

   คุยกันอยู่ไม่นาน โต๊ะของผมก็ถูกเด็กปีหนึ่งรุมขอชื่อ ขอเบอร์ แต่แน่นอนว่าไม่ได้ให้กันง่ายๆ คนสั่งก็ดูสนุกกับการแกล้งน้อง โดยสั่งให้ไปซื้อขนมบ้าง ไปยืนตะโกนแนะนำตัวหน้าตึกบ้าง เจอเด็กหน้าตาน่ารักหน่อยก็ให้ไปยืนบอกรัก แล้วก็มานั่งยิ้มกริ่มชอบใจ สงสัยจะบ้า

   “วันศุกร์นี้มึงจะไปยังไง” ท่ามกลางการแกล้งรุ่นน้องของพวกไอ้สัก ผมถูกสะกิดถามจากไอ้ทู “รถทัวร์หรือเครื่องบิน?”

   “พี่โชจองตั๋วเครื่องบินให้กูแล้ว” ผมบอกเรียบๆ นี่ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทำให้วันเปิดภาคเรียนของผมไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไหร่ ต้องแบ่งสมองอันน้อยนิดไปคิดเรื่องนี้ จนต่อมความสุขหดหาย “กูโคตรไม่อยากไป” ตอนนี้หน้าผมคงบูดมากกว่านมค้างปีเสียอีก

   “ก็พี่มึงไม่ว่างไป หรือมึงจะให้แม่มึงไปล่ะ” ส่ายหน้าทันทีที่ไอ้ทูถาม ใครจะอยากให้แม่ไปอยู่ท่ามกลางคนไม่ชอบหน้าแบบนั้น ไม่เอาหรอก “ก็นั่นแหละ มึงไปดีที่สุด”

   “เออ งั้นมั้ง”



   เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ๆ ก็มีสายตรงจากต่างจังหวัดมาหาแม่ผม ซึ่งคนโทรมาคือย่าแท้ๆ ของผม เป็นคนที่เคยเกลียดแม่และพรากพ่อของผมไปในอดีต สาเหตุที่ท่านโทรมาหา เพราะอยากให้แม่ ผมแล้วก็พี่กิ่งไปงานทำบุญคล้ายวันเกิดของท่าน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเรา ไม่มีใครรู้สึกดี หลังจากได้ยินคำชวนนี้เลยสักคน

        คงเพราะการเจอกันแบบบังเอิญ ตอนไปไหว้พระเก้าวัดที่เชียงใหม่พร้อมครอบครัวพี่โชคราวนั่น ผมไม่รู้ว่าแม่ให้เบอร์ย่าไปหรือเปล่า ท่านถึงโทรมาหาแบบนี้ แต่ถ้าไม่ให้ จะโทรมาถูกได้ยังไงล่ะ การเจอกันคราวนั้น สีหน้าและแววตาของย่าที่มองผม แสดงออกอย่างชัดเจนว่าท่านเสียใจและรู้สึกผิดจริงๆ แต่คนรอบตัวของย่า แสดงออกมาตรงๆ ว่าไม่ชอบพวกเราเอามากๆ แล้วแบบนี้จะให้ผมญาติดีด้วยเหรอ ฝันว่านกออกลูกเป็นควายยังจะง่ายเสียกว่าอีก อีกอย่างผมก็คงจะไม่คิดมากขนาดนี้ หากแม่ไม่ตอบรับคำชวนนั้นไป และคนที่ต้องไปจะมีใคร นอกจากคนไม่มีเรียนแบบผม? ซึ่งแน่นอนถ้าผมไป ผมจะไม่พาแม่ไปด้วย เพราะไม่อยากให้แม่ต้องทนสายตาของญาติฝั่งพ่อ ดังนั้น ผมขอรับสิ่งเหล่านั้นไว้เอง

       ไอ้กลอยจะยืนหนึ่งเท่านั้น!!! ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมรอดพ้นจากความเกลียดชังด้วยนะครับ


   “พี่คะ” ระหว่างที่กำลังคิดย้อนถึงเรื่องวันนั้น เสียงใสก็ดังเสียงสติ เด็กแว่นปากแดงฉีกยิ้มโชว์ฟันเหล็ก ในมือเธอถือสมุดเขียนชื่ออยู่ “ช่วยเซ็นชื่อให้หนูหน่อยได้ไหมคะ เพื่อนพี่เซ็นหมดแล้ว” ตามที่น้องเขาบอก หน้ากระดาษมีชื่อของพวกที่นั่งกับผมทุกคน “นะคะ”

   “น้องชื่ออะไรนะ” มัวแต่ย้อนเรื่องดราม่าของตัวเองจนไม่ได้ฟังการแนะนำตัว แต่แล้วก็เหมือนถูกปีนเกลียว เมื่อเด็กแว่นตรงหน้า ชูแผ่นป้ายชื่อที่ห้อยคอมาให้ดูแทนคำตอบ ทำเอาคิ้วผมกระตุกยิกๆ “พอดีพี่โง่ อ่านชื่อน้องไม่ออกว่ะ ขอโทษด้วยนะ พี่เซ็นให้ไม่ได้”

   “พี่คะ หนูขอโทษ หนูชื่อ....”

   “กูไปซื้อขนมก่อน” ปกติแล้วผมเป็นคนอารมณ์ดีนะ แต่บางทีหน้าตาดีอารมณ์ไม่ได้ดีด้วยไง ยิ่งมีเรื่องกวนใจแบบนี้อีก เจอคนกวนตีนเข้าไปเลยขออยู่ให้ห่างก่อน ไม่อยากกลายร่างเป็นตัวร้ายอย่างในละคร

   ที่จริงกับพี่โชผมก็เหวี่ยงใส่บ่อยๆ ช่วงนี้อารมณ์ผมค่อนข้างแปรปรวนง่าย ขึ้นๆ ลงๆ อย่างกับเครื่องเล่นไวกิ้ง กรี๊ดได้กรี๊ดไปแล้ว แต่อารมณ์ความโกรธก็ค่อยๆ ลดลงเมื่อได้ของหวานๆ เข้าสู่ร่างกาย มิน่าล่ะ พี่โชถึงซื้อไอศกรีมมาตุนไว้เต็มตู้เย็น เห็นผมโมโหทีไรเอาไอศกรีมมาเปิดล่อทุกที ปีศาจนี่ร้ายไม่เบาเลยนะครับ ระหว่างเดินดูดนมเย็นแก้วโตกลับคณะ อยู่ๆ ก็เจอกองทัพเด็กปีหนึ่งต่างคณะยืนขวางเป็นกำแพงสูง หน้าตาแต่ละคนยิ้มเหมือนเจอเหยื่ออันโอชะ


   พวกมันจะกระทืบผมหรือเปล่าวะ

   “มะ มีอะไร” ถามเสียงตะกุกตะกัก เผลอบีบแก้วชาเย็นจนกระฉอกออกมา คือมันกลัวจริงๆ นะครับ แม้ผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็หัวเดียว สองตีน หนึ่งมือ (อีกหนึ่งมือถือแก้วชาเย็น) ต่างจากตรงหน้าที่มีตีนห้าคู่ สิบข้าง มืออีกสิบ ถีบมาทีคงตายอย่างเดียวไม่มีอุทธรณ์ด้วย “ถ้าไม่มีอะไรก็...”

   “มีครับ!” ห้าคนที่ยืนขวางตอบพร้อมกันเอาผมสะดุ้งโหยงจนเกือบวิ่งหนีแต่ขาไม่ยอมขยับ

   “คือพี่ ไม่ได้อยู่คณะสถาปัตย์ของน้องนะ” รีบออกตัวแรงเมื่อเห็นป้ายห้อยคอบ่งบอกชื่อคณะและชื่อแต่ละคน “โอเคนะ”

   “ไม่โอเคครับ!” ทำไมต้องพูดพร้อมกันแบบนี้อีกแล้ววะ ผมย่นคิ้วตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคืองใส่เด็กพวกนี้ ก่อนคนหน้าสุดจะชี้นิ้วไปด้านซ้ายที่มีนักศึกษาชายสองคนยืนอยู่ คงจะเป็นรุ่นพี่มันแน่ และสองคนนั้นก็ยิ้มมาให้ผม “พวกพี่เขาให้ผมมาขอเบอร์กับชื่อของพี่ครับ ไม่งั้นเขาไม่เซ็นชื่อให้”

   แทบอยากถวายขาสองข้างเข้ายอดอกไอ้สองคนนั้น แต่ก็กลัวโดนรุมกระทืบแทน เลยได้แต่ด่าในใจ

   “พี่ชื่ออะไรครับ!” เสียงดังตะโกนถามชื่อ

   กินโทรโข่งเป็นอาหารว่างหรือเปล่าเนี่ย

   “บอกพวกผมหน่อยนะครับ!”

   นี่ก็แทะไมโคโฟนเล่นแน่ๆ

   “พี่...”

   “โอเคๆ ไม่ต้องตะโกน พี่สงสารเส้นเสียงพวกน้อง” รีบยกมือห้ามก่อนเอามาขยี้รูหูตัวเอง “พี่ชื่อกลอย อยู่ศิลปกรรม ปีสี่ จบนะ แยกย้าย” พอจะเดินหนีก็ยังถูกเดินมาขวาง “อะไรอีก”

   “เบอร์โทรล่ะครับ”

   “ไม่ให้โว๊ย! อยากได้ไปเปิดกูเกิลเอาเอง”

   “ถ้ากูเกิลไม่รู้ แล้วพวกผมจะทำยังไงครับ!”

   “เรื่องของพวกมึงโว๊ย!”

   รีบเดินหนีทันที แม้ขาจะไม่ยาวมากแต่ก็สาวไวอยู่ ไม่นานก็กลับมาถึงโต๊ะ เพื่อนผมยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่สีหน้าพวกมันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

   “เป็นอะไรกันวะ” หันรีหันขวางมองหน้าเพื่อนขณะหย่อนก้นนั่ง

   “ก็น้องแว่นเมื่อกี้ร้องไห้ไม่หยุดเลยไอ้ห่า ตั้งแต่มึงไปอะ” ไอ้ต๋องว่า นิ้วก็ชี้ไปด้านหลังที่อยู่ไกลๆ “มึงก็ไปอารมณ์เสียใส่น้องมัน”

   “กูผิดเหรอ?”

   “ที่จริงมึงก็ไม่ได้ผิด น้องมันกวนตีนมึงก่อน” อย่างน้อยไอ้สักก็เข้าข้างผม

   “รีบเข้าข้างกะจะอยู่กลุ่มงานไอ้กลอยล่ะสิ ฉลาดนักนะมึงไอ้สัก” ไอ้ทูพูดอย่างรู้ทัน ทำเอาผมแทบสำลักชาเย็นที่เพิ่งดูดไป

   โธ่เอ๊ย ไอ้เราก็นึกว่าจะมีคนเข้าใจ

   “กูต้องไปขอโทษน้องเขาไหมวะ” เริ่มรู้สึกผิด ปกติแล้ว ผมเป็นรุ่นพี่ที่ดี ไม่ขึ้นเสียงกับรุ่นน้อง (ถ้าไม่จำเป็น) คิดว่างั้นนะ “หรือพวกมึงว่าไง”

   “อยู่เฉยๆ นี่แหละ ก็น้องมันปีนเกลียวมึงก่อน พวกกูก็เห็น” ไอ้ทูตบบ่าผมเบาๆ ในขณะที่ผมกำลังจะลุก เลยทิ้งตัวนั่งลงตามเดิม “เรื่องแค่นี้ยังร้องไห้เป็นเผาเต่า พอเข้าห้องเชียร์จะไหวเหรอวะแบบนี้”

   “ไอ้ทูๆ” ระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดตามที่ไอ้ทูว่า ไอ้เคก็สะกิดเรียกเจ้าของชื่อยิกๆ

   “อะไรของมึง”

   “เผาเต่านี่ ผิดพรบ เกี่ยวกับสัตว์ แบบนี้เราต้องไปแจ้งตำรวจไหมวะ”

   เงียบครับ ไม่มีใครตบมุกแป้กๆ ของไอ้เค จนเจ้าตัวต้องฟุบหน้าแกล้งหลับแทน อยากจะขำนะ แต่ไม่รู้ต้องขำตรงไหนของประโยค เอาเป็นว่า มุกนี้ไม่ผ่าน ตึ๊ด ตึ๊ด

   นั่งอยู่ใต้ตึกอีกไม่นาน พวกเราก็ยกกลุ่มไปหาอะไรกินโรงอาหารคณะ ไม่อยากไปโรงอาหารกลางเพราะคนเยอะ ยิ่งเปิดเทอมใหม่ๆ แบบนี้ด้วยแล้ว อย่างกับแจกข้าวฟรี แถมที่นั่งก็น้อยอีก โรงอาหารคณะดีที่สุด แม้เด็กปีหนึ่งจะเยอะ กับข้าวก็รสชาติธรรมดาๆ ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเบียดกับคณะอื่น

   ช่วงที่กำลังรอข้าวมันไก่เจ้าร้านประจำ กระเป๋ากางเกงก็สั่น ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู หน้าจอโชว์รูปคนโทรเข้า นี่พี่โชแอบเอามือถือผมไปเปลี่ยนรูปตั้งแต่ตอนไหน ปกติแล้ว ถ้าพี่โชโทรเข้ามา จะเป็นรูปติ่งหูที่ผมแอบถ่าย แต่นี่มาซะเต็มหน้าจนแทบล้นขอบ เลือกเอารูปตัวเองหล่อด้วยนะ

   “ฮัลโหลพี่โช” มือข้างหนึ่งกดรับ อีกข้างยื่นไปรับจานข้าวที่สั่งพลางเดินกลับไปที่โต๊ะ “มีอะไรกับกลอยเหรอ”

   (คือพี่...) คำขึ้นต้นกับน้ำเสียงแผ่วๆ เริ่มทำให้ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง (คือพี่ติดงานด่วนศุกร์นี้ พี่คงไปกับกลอยไม่ได้) จานข้าวในมือร่วงลงบนโต๊ะ ดีที่ไม่สูงมาก ทำให้ข้าวยังเรียงตัวสวย ไก่ก็ยังอยู่ครบทุกชิ้น มีแค่ผักชีหนึ่งใบที่ปลิวหายไป

        “หมายความว่า พี่โชจะให้กลอยไปคนเดียวเหรอ” บอกตรงๆ ตอนนี้รู้สึกจุกมาก คล้ายกับอยากจะร้องไห้ออกมาดื้อๆ “พี่จะทิ้งกลอยเหรอ”

   (พี่ไม่ได้ทิ้ง แต่มันเป็นงานด่วนของพ่อ พี่ปฏิเสธไม่ได้ แต่พี่จะรีบทำงานให้เสร็จไวๆ แล้วรีบขับรถตามไปหากลอยที่เชียงใหม่) แม้จะบอกแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีมากสักเท่าไหร่ (กลอยได้ยินพี่ไหม)

   “ได้ยิน งั้นพี่โชไม่ต้องไปก็ได้ กลอยไปคนเดียวได้ สบาย” พยายามทำเสียงให้ร่าเริงแม้จะขึ้นจมูกไปสักหน่อย ตอนนี้พวกไอ้ทูเริ่มทำหน้าตาเหลอหลาที่เห็นผมสูดขี้มูก ทำตาแดง “กลอยกินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวโดนไอ้ต๋องแย่งไก่” ว่าแล้วก็กดวางสาย ผมเงยหน้ากระพริบตาถี่ๆ ให้น้ำที่เอ่อคลอมากลับลงไปที่เดิม

   “มึง...โอเคไหมวะ” ไอ้เครีบยื่นกระดาษทิชชู่มาให้ผม พลางขยิบตาให้คนอื่นๆ พูดบ้าง

   “กูไม่ชินกับไอ้กลอยเวอร์ชั่นขี้แยเลยว่ะ มึงช่วยกลับมาเกรียนแตกเหมือนเดิมได้ไหม กูกลัว” ผมมองไอ้สักตาขวาง แต่ก็อย่างที่มันพูด ผมอยากกลับไปเกรียนนะ แต่ตอนนี้สภาพจิตใจไม่โอเคเลย


   อยากร้องไห้จนน้ำท่วมมหาลัย

   “เอาน่ามึง ไปแค่สามวันสองคืน แถมที่ไปก็ไม่ใช่ป่าช้าสักหน่อย มึงจะกลัวทำไมวะ” ไอ้ทูพยายามลูบหัว ลูบหลังผมเพื่อปลอบ “ถ้าเขาทำอะไรมึงละก็ จดไว้แล้วมาบอกพวกกู เดี๋ยวพวกกูไปลุยให้”

   “ไปลุยยังไงวะ ตั้งเชียงใหม่” เพราะความปากไวของไอ้ต๋อง เลยถูกฝ่ามือเน้นๆ เข้าหัวไปสองรอบติด แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา

   “เออดี กูจะจดตั้งแต่วันแรกที่เหยียบบ้านนั้นเลย” บอกไปแบบนั้น แต่ก็ยังหนักใจอยู่ดี จากที่คิดหนักอยู่แล้ว ต้องมาคูณร้อยอีก “เครียด! ปวดหัว! แดกข้าว!”

   นี่ถ้าพวกผมไม่ได้อยู่ปีสี่ละก็ อาจถูกซ่อมจากรุ่นพี่แน่ๆ เพราะตอนนี้คนทั้งโรงอาหารต่างก็เหลือบมองกลุ่มผมเป็นระยะๆ คงจะสงสัยปนความอยากเสือกเต็มแก่ แต่ก็ทำได้เพียงแค่มอง






   คาบบ่ายกำลังจะมาถึง ซึ่งก็คงไม่ต่างจากช่วงเช้าสักเท่าไหร่ ผมเดินกอดคอไอ้ทูไปที่ตึกคณะเรียน ก่อนสะดุดตากับท้ายรถที่คุ้นเคยที่จอดอยู่ด้านหน้า คนในรถคงเห็นผมผ่านกระจกมองหลังเลยรีบเปิดประตูออกมา พี่โชอยู่ในชุดทำงาน เพียงแค่ไม่ได้สวมสูท ขายาวๆ สาวมาไม่กี่ก้าวก็ถึงที่พวกผมยืนอยู่

   “สวัสดีครับ พี่ครับ”

        พวกที่ยืนอยู่กับผม ต่างก็ยกมือไหว้ แล้วพากันเดินหนีขึ้นตึก ทิ้งให้ผมยืนหลบสายตาดุที่จ้องมา

   “พี่โทรหาทำไมไม่รับ” เสียงเข้มเข้ากับใบหน้า “เคยบอกแล้ว ว่าจะโกรธ จะงอนก็ต้องรับ”

   “ก็กลอยกินข้าวอยู่” แถครับ ที่จริงไม่อยากรับเอง

   “โกหก กลอยก็รู้ว่า ตัวเองโกหกไม่เก่ง” พี่โชใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมหลายจึ๊ก ก่อนจะปรายตาคล้ายออกคำสั่งให้ขึ้นรถโดยไม่ต้องเอื้อนเอื่อย ซึ่งผมก็ยอมเดินอ้อมรถไปอีกฝั่งแต่โดยดี และพอขึ้นมานั่ง ปิดประตูดังปัง ก็ถูกดึงเข้าไปกอด “พี่รู้ว่ากลอยโกรธ”

   “ไม่ได้โกรธสักหน่อย”

   “ไม่โกรธ แต่น้อยใจใช่ไหม” คราวนี้ผมไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะถ้าพูด น้ำตาที่คลอหน่วยตาต้องไหลแน่ “พี่ก็เสียใจที่ไปพร้อมกลอยไม่ได้ ทั้งที่บอกพ่อไว้แล้ว แต่มันเป็นงานด่วนซึ่งพ่อของพี่ไปไม่ได้” พี่โชพยายามอธิบาย ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอยู่ที่บ่า “แต่พี่สัญญาว่าจะรีบตามไปทันทีที่งานเสร็จ ดึกแค่ไหนก็จะไป”

   “กลอยรู้ ว่าพี่ไม่ทิ้งกลอย” จนได้ น้ำตาไหลลงเปื้อนเสื้อเชิ้ตของพี่โชจนชุ่มเป็นวงกว้าง “แต่กลอยไปเองได้ แค่วันสองวัน กลอยอยู่ได้”

   “กลอยอยู่ได้ แต่พี่อยู่ไม่ได้” ตัวผมถูกดึงให้มาประชันหน้า ไม่รู้หน้าตาผมบู้บี้แค่ไหน แต่ที่รู้ๆ คือ รอยยิ้มของพี่โชที่ส่งมาให้ โคตรเท่เลย “รอพี่อยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง แล้วพี่จะไปรับ”

   “ต้องมารับจริงๆ นะ”

   “เออ ไอ้เด็กขี้แยเอ๊ย” ถูกขยี้ผมที่เซ็ทมาจนฟูฟ่อง
 
   “ปีศาจ”

   กว่าผมจะหยุดร้องไห้จนใบหน้ากลับมาหล่อเหมือนเดิมก็เกือบถึงเวลาเรียน ไอ้ทูเดินมาส่องกระจกทึบเหมือนพวกถ้ำมอง พอพี่โชเลื่อนกระจกลงก็ผงะจนถอยหลัง ผมหัวเราะงอหงายพลางลงจากรถ พี่โชพยายามกลั้นยิ้มก่อนขับรถออกไป เห็นว่าต้องเคลียร์เอกสารของลูกค้า

   “นึกว่าเล่นจ้ำจี้กันในรถซะแล้ว” ผมใช้ฝ่ามือพิฆาตเป็นคำตอบแทน จนไอ้ทูตีหน้ายู่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ “ตกลงกันได้แล้วใช่ป่ะ”

   “เออ พี่โชจะไปรับกูทีหลัง”

   “ไปกลับเองก็ได้ มึงไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย ตอแหลสัด”

   “ก็ใช่ แต่พี่โชเขารักกู เขาเต็มใจไปรับกู” ยืดสุด อวดสุดจนคนที่เดินคู่ แซงหนีขึ้นตึก

   โธ่ ไอ้ทู ไอ้ขี้อิจฉา

   จังหวะที่ขาผมกำลังจะก้าวถึงบันไดขั้นบนสุด อยู่ๆ เด็กแว่นก็โผล่มาจนผมแทบหงายหลัง เด็กสาวปีหนึ่งค่อยยกมือไหว้ขอโทษผมช้าๆ ใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ที่แก้ม

   “หนูขอโทษพี่กลอยด้วยนะคะ ที่หนูทำกิริยาไม่ดี” แค่เกริ่นมา น้ำตาเด็กแว่นก็พร้อมจะร่วง “ขอโทษจริงๆ นะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ...”

   “ไม่เป็นไร พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ พอดีพี่อารมณ์ไม่ดีเหมือนหน้าตาน่ะ ก็เลยขึ้นเสียงใส่” พยายามพูดติดตลก ซึ่งก็เหมือนได้ผลครึ่งหนึ่ง แม้รุ่นน้องปีหนึ่งตรงหน้าจะขำ แต่น้ำตาก็ยังไหล “ร้องไห้ทำไมเนี่ย เดี๋ยวคนแถวนี้ก็หาว่าพี่แกล้งหรอก”

   “หนูเสียใจ”

   “พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ต้องเสียใจนะ หยุดร้องไห้ด้วย ดูดิ่ หน้าแดง ปากบวม ไม่สวยแล้ว”

   “พี่ตลกอะ” แล้วเด็กนั่นก็ขำออกมาลั่นตึก ทั้งที่น้ำตาก็ยังทะลัก ไม่รู้รหัสอะไร ที่แน่ๆ พวกสายรหัสคงต้องเตรียมยาแก้ปวดเป็นกระปุก “หนูชื่อน้ำนะคะ เป็นหลานรหัสของพี่กลอย ฝากตัวด้วยนะคะ”

   นั่นไง งานเข้าไอ้กลอยทุกปีกับสายรหัส หรือจะเป็นปีชงวะ สงสัยต้องไปแก้ชงที่ร้านหลังมอ เอาใจช่วยให้ผมขอปีศาจเพื่อไปแก้ชงได้ด้วยเถอะครับ...ไอ้กลอยเครียด!



...TBC

*หมายเหตุ ช่วงที่เจอคุณย่าอยู่ในตอนพิเศษที่อยู่ในเล่ม ภาคแรกนะคะ ไม่สามารถนำมาลงในเว็บได้ ต้องขออภัยจริงๆ ค่า หากอ่านแล้วงงหรือสงสัยต้องไหน รบกวนด้วยนะคะ จะนำไปปรับปรุงให้ดีกว่านี้ค่ะ

ขอฝากพี่โชกับกลอยประเกรียนตอนแรกด้วยนะคะะะะ ขอบคุณค่า (ก้มกราบ)

ออฟไลน์ npsp2555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กลอยมาแล้ว :mew1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
โถ ๆ กลอยปะเกรียนเราขี้แงซะแล้ว  :กอด1: ว่าแต่ภาคนี้คงไม่มีเรื่องราวที่กลอยเจอกับขมิ้นสินะ เพราะตอนนี้นกลอยปี3นี่หน่า  o18 
  ป.ล. คาดหวังว่าไม่มีดราม่านะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คนอะไรเอาภาพติ่งหูแฟนขึ้นหน้าจอ ถ้าไม่ใช่กลอยประเกรียนคิดไม่ได้นะเนี้ย :laugh:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
กลอยควรเตรียมพาราไว้สัก 10 กระปุกนะ แค่เริ่มความน่าปวดหัวก็จู่โจมไม่ยั้งแล้วนิ 55555

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
งื้ออยากให้กลอยเป็น​พี่เนียน อดเลย

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao3: คิดถึงน้องกลอยมากกกก ตอนนี้เป็นพี่กลอย(หรือเปล่า?) ปีสี่ซะแล้วววว  :hao3: ภาคนี้ ขอน่ารักหวานๆกวนๆอีกนะค่ะ  :hao3:  no drama please  :mew2:  :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

เพราะนายคือของฉัน [II] : 2





        ทำไมเวลามันผ่านไปไวแบบนี้ล่ะเนี่ย ผมยืนหน้าบูดอยู่ในสนามบิน แม่กับพี่กิ่งพยายามลูบหัว ลูบหลังผมเพื่อปลอบ ส่วนพี่โชไม่ได้มาส่ง เพราะต้องไปทำงานแทนพ่อตัวเอง อันนั้นผมก็เข้าใจ แต่เล่นหายเงียบไม่มีแม้แต่ข้อความสักอัน ไอ้กลอยของอนได้ไหม ในฐานะคนน้อยใจก็ได้

   “ไปดีมาดีนะลูก” แม่อวยพรพลางลูบแก้มผมเบาๆ “อย่าไปก่อเรื่องที่นั่นด้วยนะ”

   “กลอยไม่ได้นิสัยแบบนั้นสักหน่อย” รีบกอดประจบแม่ทันที ยังจำสีหน้ากระอักกระอ่วนของแม่ได้ตอนคุณย่าโทรมา “กลอยจะซื้อแคบหมูมาฝากนะ”

   ผมกอดแม่ แต่สายตาจ้องมองพี่สาวตัวเองอยู่ตลอด พี่กิ่งไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่พวกเราถูกติดต่อมาหา แต่เพราะแม่ไม่อยากให้เกิดปัญหา อีกอย่าง ย่าก็ไม่ได้ร้ายแบบแต่ก่อน ผมว่าคงมีเรื่องจะคุยมากกว่าชวนไปงานวันเกิดเฉยๆ อย่างแน่นอน

   “ฝากแม่ด้วยนะพี่กิ่ง”

   “พูดเป็นลางไอ้นี่” ถูกจิ้มหน้าผากไปที “ปกติฉันก็ดูแลแม่มาตลอด”

   “เดี๋ยวซื้อกาละแมมาฝาก”

   “ติดฟันจะตาย...เอาสองโหล”

   “ฝากลมได้ลมนะครับ”

   ก่อนที่ผมจะถูกพี่สาวเตะ แม่ก็รีบห้ามซะก่อน แม้เราจะเถียงกันแบบนี้แต่สายตาของพี่กิ่งที่มองผมดูห่วงใย ผมโบกมือลาแล้วเดินเข้ามาด้านใน รู้สึกใจสั่นแปลกๆ ก็เคยอยู่หรอก ไปเที่ยวคนเดียว แต่ครั้งนี้ปลายทางที่ไป มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว และไม่ใช่ที่ๆ ผมอยากจะไป แทบอยากร้องเพลงพี่โป่ง ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธา ไม่มีท้อ...ไอ้กลอยสู้โว๊ย!!


   ใช้เวลานั่งเครื่องบินชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงจุดหมาย ตอนนี้ผมยืนเอ๋อมองซ้าย มองขวาอยู่ตรงหน้าประตูทางออก แม่บอกว่า ย่าจะให้คนมารับ แล้วไหนล่ะ คนที่จะมารับ ถ้าให้ผมนั่งรถไปเองคงอธิบายทางไม่ถูก ถึงแม้จะฝึกพูดภาษาคำเมืองมาแล้ว รับรองต้องได้นั่งรถแดงยี่สิบบาทแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็อธิบายทางไปบ้านย่าไม่ถูกอยู่ดี 

   “น้องกลอยใช่ไหม” ระหว่างยืนหันรีหันขวาง เสียงทักมาจากด้านข้าง ผมหันไปมองเจอผู้ชายตัวสูง ผิวขาวซีดๆ ยิ้มแป้นแล้นมาให้ “ใช่น้องกลอยที่มาจากกรุงเทพหรือเปล่าครับ?” ถามย้ำอีกรอบพลางยื่นรูปมาให้ดู ซึ่งมันก็คือรูปผมนั่นแหละ

   “ใช่ก็ได้ครับ” ตอบแบบมึนๆ พลางเงยหน้ามองคนตรงหน้า “มารับผมเหรอ” กำลังคิดว่าคนตรงหน้าเป็นใครในครอบครัวของพ่อ หรือจะเป็นญาติ เป็นหลานคนใดในบ้าน แต่ก็ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ อยู่แค่ไม่กี่วันก็กลับแล้ว

   “ครับ” รอยยิ้มแสนพิมพ์ใจทำเอาผมต้องหลุดยิ้มตาม “ตัวจริงดูดีกว่าในรูปอีกนะ”

         ยิ้มแห้งๆ รับคำชมนั้น แน่ล่ะ รูปนั้นถ่ายวันงานเลี้ยงวันเกิดตอนผมอายุสิบแปด ที่ยิ้มไม่เต็มที่นั่นก็เพระปวดขี้แต่พี่กิ่งบังคับให้ถ่ายก่อนไปห้องน้ำ แทบไม่ต้องเดาว่าใครเป็นคนส่งรูปนี้มาให้ คงไม่ใช่แม่อย่างแน่นอน พี่กิ่งทำกันได้ลงคอ ผมเดินหน้ามุ่ยนึกค่อนขอดพี่สาวในใจตามหลังคนมารับไปที่ลานจอดรถ วัดด้วยสายตาแล้วน่าจะตัวสูงพอๆ กับพี่โช แต่รูปร่างผอมกว่า และพอได้เข้ามานั่งบนรถ คนขับก็หันมาจ้องหน้าทันที

   “มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ?” ถามด้วยความสงสัย อยู่ๆ ก็หันมาจ้องหน้าเขม็งอย่างกับมีเรื่องจะถาม 

   “เปล่า” คนมองปฏิเสธก่อนจะออกรถ ผมเหลือบมองหน้าคนข้างๆ เป็นระยะ หน้าตาก็อยู่ในขั้นกึ่งกลาง จะว่าหล่อระดับปีศาจก็ยังไม่ใช่ แต่ไม่หล่อก็ไม่ใช่ “จ้องขนาดนี้ อยากสิงผมล่ะสิ”

   “ถ้าหล่อกว่านี้ก็อยากจะสิงอยู่หรอก” กวนมากวนกลับไม่โกง ผมเลิกสนใจคนแล้วหันไปมองธรรมชาตินอกรถ ภาพการจราจรหนาแน่นช่วงออกจากสนามบินค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นทุ่งนา แอบเสียดายบางส่วนที่ถูกนำไปสร้างเป็นบ้านจัดสรร แต่ก็นะ สมัยนี้ธุรกิจบ้านมันขายง่าย ยิ่งเมืองที่มีความสวยงามแบบนี้ คนก็อยากจะมาอยู่ ไม่ก็ซื้อไว้สำหรับมาพักผ่อน ไม่นานความเร็วของรถก็ค่อยๆ ลดลง จนรถกระบะสี่ประตูเลี้ยวเข้าจอดในบริเวณบ้านไม้ทรงไทย “หลังนี้เหรอ” ถามขณะมองไปรอบๆ

   “ครับ”

   เปิดประตูลงไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้โชยมาเข้าจมูก ผมละสายตาจากสวนข้างบ้านไปมองบ้านไม้หลังใหญ่ตรงหน้า บ้านรวยแบบนี้นี่เองถึงดูถูกแม่ของผมตอนนั้น คนที่ไปรับผมกวักมือเรียกยิกๆ อยู่ตรงทางเข้าประตูบ้าน พอผมเดินเข้าไปใกล้ ก็เจอหลานรักของบ้านที่เคยหาเรื่องผมตอนนั้น ผู้หญิงที่น่าจะอายุไม่ห่างจากผมเท่าไหร่ กับเด็กผู้ชายตัวเท่าไหล่ของผม ทั้งคู่ยืนกอดอกตัวเองมองหน้าผมอย่างหาเรื่อง สายตาที่จ้องมาดูไม่เป็นมิตรอย่างเคย ยิ่งเพิ่มเติมความไม่พอใจเพราะนี่คือถิ่นของเขา

   จ้องแบบนี้ จะกัดผมไหมวะ

   “ทำไมมองหน้าพี่เขาแบบนี้ล่ะ” คนพาผมมาขัดขึ้น “พี่เราสองคนไม่ใช่เหรอ”

   “ไม่นับญาติ” เสียงแข็งของผู้หญิงคนนั้นทำเอาผมตวัดสายตามอง

   “นั่นสิ คนแปลกหน้าชัดๆ” เด็กผู้ชายเสริม แต่แล้วสองคนนั่นก็ถูกเขกหัวจากคนที่พาผมมา ทำเอาผมแอบตกใจเล็กๆ ที่กล้าทำการอุกอาจแบบนั้น “ทำไมพี่โอ๊ตต้องเข้าข้างคนอื่นด้วย อุ่นจะฟ้องคุณย่า”

   “พี่โอ๊ตเห็นคนอื่นดีกว่าน้องตัวเองเหรอ!” เสียงแหลมเล็กแหวจนแสบแก้วหู

   “ไปกันใหญ่แล้ว พี่ไม่ได้เหก็นใครดีกว่าใครทั้งนั้นแหละ” คนชื่อโอ๊ตว่า แต่ดูเหมือนเด็กสองคนจะยังไม่พอใจ กระทืบเท้าไปมาราวกับเด็กโดนขัดใจ

   “อ้อนเป็นน้องพี่โอ๊ตนะ!”

   “เสียงดังเอะอะอะไรกัน อ่าว มาแล้วทำไมไม่เข้ามาในบ้านล่ะ”

   ระหว่างที่ผมยืนดูคนน้องโวยวายคนพี่ เสียงนุ่มก็แทรกดังขัดขึ้น ทำเอาทุกคนเงียบลง ก่อนผู้หญิงสูงวัยหน้าตาดูน่าเกรงขามจะเดินย่างกรายออกมา คุณย่าสวมชุดลำลองดูสบาย ใบหน้าติดรอยยิ้มส่งมาให้ผมทันทีที่เห็นหน้า

   “คุณย่าขา พี่โอ๊ตตีอ้อนค่ะ”

   “อุ่นด้วย”

   แขนสองข้างของคุณย่ากำลังถูกยึดจากหลานรักทั้งสอง ใบหน้าหงิกงอทำท่าทางออเซาะอย่างน่าหมั่นไส้จนผมต้องกรอกตามองบนใส่ หาเรื่องคนอื่นก่อนแท้ๆ 

   “เราสองคนไปแกล้งพี่เขาก่อนใช่ไหม” แต่ดูเหมือนแผนการฟ้องจะไม่เป็นผล เมื่อคุณย่ารู้ทัน “คิดซะว่า บ้านนี้ก็เป็นบ้านของกลอยก็แล้วกันนะ”

   “คุณย่าทำไมพูดแบบนั้นละคะ นี่บ้านของอ้อนนะคะ จะให้คนอื่นคิดว่าเป็นบ้านตัวเองได้ยังไง” เสียงเล็กแหวดัง ก่อนแขนจะถูกหยิกจนคนโวยวายนิ่วหน้า “อ้อนเจ็บนะ”

   “คนอื่นที่เราว่า เป็นพี่ชายเรานะ” ย่าดุเสียงแข็ง

   “พี่ชายของอ้อนมีแค่พี่โอ๊ต คนอื่นไม่ใช่!” หน้าเล็กสะบัดเชิดขึ้น ก่อนปรายตามามองผมนิดๆ “ก็แค่เชื้อของพ่อตัวสองตัว”

   ได้ยินแบบนั้น กระเป๋าในมือผมแทบร่วง ไม่ได้เสียใจหรอกนะครับ แต่อยากพุ่งไปต่อยมากกว่า ปากคอเราะร้าย ไม่สมกับที่เป็นลูกคนรวยเลย แทบอยากมอบประโยคหนึ่งให้

        ...พูดออกมาได้ เฮงซวย!! 

   “อ้อน ทำไมเป็นคนปากร้ายแบบนั้น ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้” คราวนี้เป็นเสียงทุ้มดุแทน ใบหน้าขึงขังดูน่ากลัวจนผมแอบผวาเล็กๆ “ไม่งั้นพี่จะโกรธนะ”

   “แค่ไอ้นี่มา คุณย่ากับพี่โอ๊ตก็เข้าข้างแล้ว อ้อนเสียใจ น้อยใจ อ้อนไม่ชอบ!!” เสียงเล็กแหลมกรีดร้องจนผมรีบยกมืออุดหูแทบไม่ทัน เสียงกรี๊ดๆ ดังจนคนในบ้านวิ่งออกมาดู “อ้อนเกลียดมัน!!”

   “อ้อน!”

   ผมยืนทำตาปริบๆ หลังจากเรื่องสงบลง คนชื่ออ้อนวิ่งเข้าไปด้านในโดยมีน้องชายวิ่งตาม คุณย่ารีบปรับสีหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม

   “ขอโทษแทนน้องด้วยนะ ย่าเลี้ยงไม่ดีเอง”

   “ไม่เป็นไรครับ พอจะทำใจมาไว้แล้ว”

   ผมมองไปตามทางว่างๆ ที่เด็กคนนั้นวิ่ง แบบนี้เรียกพ่อแม่รังแกฉันหรือเปล่านะ 

   “โอ๊ตพาน้องไปที่ห้องไป เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยลงมาทานข้าว” คุณย่าหันไปบอกคนที่พาผมมา ก่อนป้าผู้หญิงวัยกลางคนจะเดินออกมา พลางประคองย่ากลับเข้าไปด้านใน


   เป็นการต้อนรับที่แสนคึกคักเสียจริงๆ ยิ่งกว่าเอาแตรวงมารับซะอีก


   “พี่ขอโทษแทนอ้อนกับอุ่นอีกทีนะครับ ทั้งคู่ถูกเลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยเอาแต่ใจแบบนี้” เสียงทุ้มบอกขณะเดินนำผมขึ้นบันไดไปชั้นบน “กลอยต้องนอนห้องเดียวกับพี่นะ นอนได้ใช่ไหม”

   “ผมนอนห้องไหนก็ได้ครับ” ที่ไม่ใช่ห้องเด็กสองคนนั่น “ว่าแต่ พี่ เอ่อ...”

   “เรียกพี่ว่าพี่โอ๊ตก็ได้ เพราะอายุพี่เยอะกว่ากลอยแน่นอน เรียนจบมาหลายปีแล้ว” ยิ้มแห้งๆ เมื่อโดนเดาความคิดถูก ก็แค่สงสัยว่าคนตรงหน้าอายุเท่าไหร่เอง “ว่าแต่ กลอยเรียนมหาลัยปีอะไรแล้วล่ะ”

   “ปีสี่ครับ” ปากก็ตอบ ตาก็มองห้องที่ถูกพาเข้ามา ผมยืนอยู่บนพื้นไม้สีทองขัดเงาวับ ฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าจะเป็นตู้ เตียง โต๊ะเก้าอี้ในห้องล้วนเป็นไม้ทั้งหมด ดูๆ แล้วคงไม่ใช่ไม้ไก่กาแน่นอน ว่าแล้วก็อดลูบโต๊ะหนังสือห้องพี่โอ๊ตไม่ได้ มันไม่ใช่โต๊ะเดี่ยวแบบที่มีขายตามร้านตามห้าง หากมองผ่านๆ คงคิดว่าเป็นตู้ธรรมดา แต่พอดึงที่จับออกมาก็จะกลายเป็นโต๊ะหนังสือ “ไม้นี่เป็นไม้อะไรเหรอครับ”

   “ไม้สักน่ะ”

   “ทองไหม”

   “ทองม้วนเหรอ”

   “หมายถึงไม้สักทองไหม ไม่ใช่ทองม้วน” ผมว่า พี่โอ๊ตหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีที่ตีรวนผมได้ กวนตีนใช่ย่อยนะครับเนี่ย จะว่าไป ก็อยากกินทองม้วนเหมือนกันนะ ใช่ ผมกำลังหิว.. “พี่ให้ผมนอนตรงไหนเหรอ” เพราะห้องนี้มีเตียงห้าฟุตวางอยู่กลางห้องแค่นั้น ไม่มีฟูกหรือผ้าปูอะไรเลย

   “ก็บนเตียงกับพี่นี่ไง หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ไอ้ที่มีปัญหาสำหรับผมก็คงไม่มี แต่ถ้าคนที่จะตามมารู้ ปัญหานี้คงจะใหญ่มากน่าดู “ผ้าปูพี่เพิ่งเปลี่ยน รับรองไม่เหม็นแน่นอน”

   “อ่าครับ ผมนอนได้ หอพักผมสภาพเละก็นอนมาแล้ว” ตอบไปส่งๆ ถึงห้องนี้จะเป็นไม้ แต่มุมห้องก็มีแอร์ติดอยู่ “เอ่อ...”

   “มีอะไรจะถามพี่อีกหรือเปล่า”

   “พี่ก็เป็นลูกพ่อผมเหรอ” ที่ถามก็เพราะดูจากอายุคงพอๆ พี่กิ่ง ถ้าเป็นแบบนั้นพ่อผมก็ต้องมีแม่ผม พร้อมกับเมียอีกคน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพ่ออยู่กับแม่ ย่าพาพ่อมาหลังจากแม่คลอดผม ระหว่างที่รอคำตอบ คนที่จัดของในห้องก็หันมายิ้มบางๆ ส่งให้

   “ไม่ใช่หรอก พี่เป็นลูกติดแม่มาน่ะ” ใบหน้าซีดติดยิ้มให้ผมโดยไม่มีท่าทีน้อยใจหรือเศร้าใจใดๆ ยามพูดถึงเรื่องนี้ แน่ล่ะ ดูย่าก็รักไม่ได้รังเกียจอะไรนี่นา จะมาทุกข์ใจได้ยังไง “เดี๋ยวพี่ต้องลงไปช่วยงานข้างล่าง น้องกลอยก็พักผ่อนในนี้ไปก่อน เดี๋ยวถึงเวลาพี่จะขึ้นมาเรียก”

   “ครับ” ใจจริงก็อยากลงไปด้วยนะ แต่กลัวไปเจอเด็กสองคนนั่น หากไปเจออีกแล้วดดนพูดแย่ๆ ใส่ ผมก็กลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะห้ามปากหมาๆ เถียงกลับไม่ได้ ดังนั้นอยู่ในห้องแบบนี้น่าจะดีที่สุด

   ผมจัดของส่วนตัวที่ต้องใช้สำหรับคืนนี้ โดยไม่ได้ดึงเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เพราะที่ตกลงไว้กับพี่โช คือผมจะค้างแค่คืนนี้คืนเดียว ถ้าพี่โชมาถึง เราจะเข้าไปนอนโรงแรมในตัวเมืองแทน ระหว่างจัดนั่น จัดนี่ ประตูห้องก็เปิดออก ผมมองหน้าเจ้าของห้องที่ยกยิ้มมาให้

   “วันนี้มีบุฟเฟ่ต์ทะเลนะ” คนพูดเดินไปหยิบของ ก่อนจะออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งเหวอ ไม่รู้ว่าจะให้ลงไปตอนไหน แต่ไม่กี่นาทีประตูก็เปิดออกอีกรอบ “ลงไปด้วยกันไหม เผื่อกลอยจะเบื่อที่ต้องอยู่ในห้องเฉยๆ”

   “แล้วสองคนนั่น...” พูดไม่เต็มปาก เพราะยังไงซะ เด็กสองคนนั่นก็น้องแท้ๆ ของพี่โอ๊ต

   “ถ้าหมายถึงอ้อนกับอุ่น เขาไม่ออกห้องมาหรอก ว่าไง สนใจลงไปกับพี่ไหม” คำเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มหวานทำให้ผมพยักหน้าแทบจะทันที

   สนามหญ้ากว้างข้างตัวบ้านตั้งเตาปิ้งของทะเลไว้ บนเตามีทั้งกุ้ง ปู ปลา เหมือนเหมามาทั้งทะเลก็ว่าได้ ยิ่งกว่าไปกินชิดชายหาดซะอีก ผมเดินเลียบๆ เคียงๆ พี่โอ๊ตไปที่เตา มือหยิบคีมพลางช่วยกลับกุ้งบนตะแกรงจนคนข้างๆ หันมายิ้มให้ 

   “นี่เหรอคะลูกพี่ชัยกับเมียเก่า” มือที่กำลังจะพลิกกุ้งหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำถาม “หน้าตาไม่ค่อยเหมือนพี่ชัยเลยนะคะ”

   “ก็เหมือนแม่เขานั่นแหละ” คุณย่าที่นั่งอยู่ไม่ไกลตอบ “แม่เขาสวย”

   คราวนี้ผมเหลือบตามองย่าทันที หมายถึงย่าชมผมสวยเหมือนแม่ใช่ไหม

   “ก็เพราะสวย พี่ชัยถึงทิ้งคุณป้าไปอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอคะ” คนพูดจีบปากจีบคอ ไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่ถูกเอ่ยถึง จะหน้าบึ้งสักแค่ไหน “ชื่ออะไรเหรอเรา”

   “กลอยครับ”

   “ไม่เคยได้ยินคนชื่อแบบนี้มาก่อน”

   “ก็ผมเพิ่งแนะนำไปเมื่อกี้”

   หลังจากผมพูดจบก็พาเงียบกันหมด เป็นย่าที่หัวเราะออกมาก่อนคนแรก ตามด้วยอีกหลายคน ยกเว้นผมที่กำลังงงอยู่ว่า พวกเขาหัวเราะอะไร ส่วนคนถามผมทำหน้าตึงยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม พี่โอ๊ตกระซิบว่าเป็นลูกของน้องสาวย่า ชอบพูดค่อนแคะคนอื่นเป็นประจำ เลยไม่ค่อยมีใครถือสา

   ทำไมผมรู้สึกดีใจที่แม่ไม่ได้มาด้วย เพราะถ้าแม่ต้องมา ก็ต้องเจอประโยคพวกนี้ กับสายตาดูถูกของบรรดาญาติของพ่อ ดีใจที่ผมคิดถูก ที่ยืนหนึ่งมาคนเดียว   






   ท้องฟ้าทั้งผืนเริ่มมืดสนิท แต่สนามนี้มีไฟสปอร์ตไลท์ติดไว้ เลยทำให้พื้นที่สว่างไปทั้งผืน และตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด ผมที่ปิ้งกุ้ง ปิ้งปลาก็ได้กินบ้างเมื่อถูกพี่โอ๊ตป้อน จะไม่กินก็ไม่ได้ เมื่อถูกจ่อปากแบบประชิดพร้อมกับสายตากดดันให้กิน

   “โอ๊ต ไปเรียกอ้อนกับอุ่นออกมาได้แล้วไป” ย่าบอกคนที่ง่วนอยู่กับการแกะกุ้งยัดปากแกล้งผม พี่โอ๊ตหัวเราะที่แก้มผมเต็มไปด้วยของที่พี่แกยัด นี่ถ้าอ้าปากกุ้งร่วงแน่นอน เลยได้แต่ถลึงตาใส่แทน “ดูไปแกล้งน้องอีก” ผมหันไปมองย่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย จากเดิมที่คิดเรื่องการรับมือความร้ายเอาไว้ตามที่พี่กิ่งสอน พอมาเจอจริงๆ กลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิด ย่าส่งยิ้มมาให้ คงรู้สึกว่าผมมองอยู่ละมั้ง พอเห็นแบบนั้น ผมก็ยิ้มตอบแล้วก้มหน้าปิ้งกุ้งที่เหลือต่อ

   ผมต้องทำยังไงต่อละทีนี้

   ไม่นานเด็กสองคนก็เดินหน้างอตามหลังพี่โอ๊ตออกมา สายตาตวัดมองผมก่อนเพื่อน ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจมาก พอมื้อเย็นเริ่ม ก็ตัวใครตัวมัน มือใครยาวก็หยิบ ก็จองกันตามสะดวก ซึ่งจานของผมก็เต็มไปด้วยกุ้ง แน่นอนว่าส่วนหนึ่งผมหยิบ อีกส่วนเป็นของคนข้างๆ ที่แกะแล้ววางมาให้

   “พี่ไม่ต้องแกะให้ผมก็ได้ ผมแกะเองได้” กระซิบบอกไปแบบนั้น แต่ก็หยิบกุ้งที่พี่โอ๊ตแกะเปลือกออกให้เข้าปาก “กินกุ้งจนหน้าจะเป็นกุ้งแล้ว”
 
   “ก็พี่เห็นกลอยหยิบแต่กุ้ง ก็เลยคิดว่าชอบ กินเยอะเหมือนกันนะเรา” พูดไป ขำไป ทำเอาผมแทบอยากคายกุ้งออกมาคืน

   “ด่าว่าอ้วนเลยเถอะแบบนี้” ว่าจบพี่โอ๊ตก็ขำหนักกว่าเดิม คนรอบโต๊ะพากันมองด้วยความสงสัย

   กองทะเลเผายังวางอยู่บนจานอีกเยอะ แต่คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมองหน้ากันแทน บ้างก็เขี่ยเศษกุ้ง เศษก้าง จะมีแค่ผมนี่แหละ ที่ยังงับขาปูอยู่

   “กินเยอะขนาดนี้ เอาไปไว้ไหนหมด” พี่โอ๊ตถาม พลางกวาดสายตามองตัวผม “อ่อ ตรงพุง” ไม่ว่าเปล่า ยังยื่นมือมาจับอีก ผมก็รีบแขม่วพุงหนีทันที

   “มือเปื้อน” บอกไปงั้น แต่ที่จริงไม่ชอบให้คนแปลกหน้าจับมากกว่า

   “โทษที ลืมตัว”

   ย่ามองผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะขอตัวขึ้นห้อง ส่วนคนที่เกลียดหน้าผม อย่างสองพี่น้องก็สะบัดหน้า สะบัดตูดตามหลังย่าไป ส่วนญาติคนอื่นๆ ก็ขอตัวกลับบ้านที่อยู่ถัดกัน ทั้งโต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับพี่โอ๊ต

   “อิ่มแล้ว” พูดจบก็เรอเป็นเครื่องยืนยันอย่างลืมตัว “ขอโทษครับ” 

   “ไม่เป็นไร พี่เข้าใจว่ากลอยอิ่มจริงๆ” พูดเสร็จก็ขำออกมา

   “แต่มันยังเหลือ...”

   “เดี๋ยวพี่เอาเข้าตู้เย็น พรุ่งนี้ค่อยเอาออกมาอุ่นใหม่”

   พยักหน้าเป็นคำตอบ พลางอยู่ช่วยพี่โอ๊ตกับแม่บ้านเก็บข้าวของที่เหลือ ไม่อยากจะบอก ว่าตอนนี้อยากตดมากถึงมากที่สุด แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้จนรู้สึกปวดท้องไปหมด ถ้าอยู่กับพี่โชผมคงสะดวกใจกว่านี้เยอะ

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”

   “กลอยขึ้นห้องก่อนได้ไหม ปวดท้อง”

   สุดทนจริงๆ ผมก็รีบบอก พี่โอ๊ตเลิกคิ้วก่อนพยักหน้า ผมเลยรีบวิ่งขึ้นห้อง ของที่กินไปเริ่มออกฤทธิ์เดช สงสัยน้ำจิ้มซีฟู้ดนั่นแน่ๆ อร่อยแต่ฤทธิ์รุนแรง ปลดปล่อยของเสียเสร็จผมก็อาบน้ำต่อมันซะเลย พอออกมาก็เจอเจ้าของห้องกำลังนั่งเล่นแลปท็อปอยู่ที่โต๊ะหนังสือ

   “เข้าห้องน้ำโคตรนาน” เจ้าของห้องบ่น ผมได้แต่โค้งศีรษะขอโทษ พี่โอ๊ตหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็เดินมาทิ้งตัวนั่งบนเตียง พลางเช็ดผมที่เปียก

   เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังจากกระเป๋าเป้เรียกความสนใจ พอเดินไปหยิบออกมาดู ก็เจอรูปติ่งหูของคนโทรมาแสดงอยู่ (แอบเปลี่ยนกลับคืน หลังจากพี่โชเปลี่ยนเป็นรูปหน้าตัวเอง) นิ้วกดรับ ยังไม่ทันได้อ้าปากทักทาย ก็ถูกเสียงตวาดแทรกมาซะก่อนจนต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู

   (หายหัวไปไหนมา! กูโทรหาเป็นร้อยสาย!)

   “ผมไปกินข้าวมาแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง” พี่โชขึ้นเสียงแบบนี้ ผมไม่ควรงี่เง่าใส่ครับ ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดผมเองที่ไม่เอาติดตัวลงไปด้วย แอบได้ยินเสียงหอบของพี่โช คงเพราะโมโหจริงๆ “พี่โชเลิกงานแล้วเหรอ” พยายามทำให้อีกฝั่งอารมณ์ดีขึ้น

   (เออสิ) มีสะบัดเสียงใส่ด้วย

   “แล้วทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง”

   (ยัง กำลังเก็บเสื้อผ้า) แม้จะตอบแบบห้วนๆ แต่ก็อ่อนลงมานิดหนึ่ง (กลอยกินหรือยัง)

   “อืม พี่โชนั่นแหละ ทำไมยังไม่กินอีก กี่โมงแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนเลย” พยายามทำน้ำเสียงให้สดชื่น ได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจออกมา น่าจะควบคุมความโมโหของตัวเองได้แล้ว

       (พี่เก็บของอยู่ เดี๋ยวค่อยแวะกินระหว่างทาง) พอได้ยินเช่นนั้น ผมก็หันไปมองนาฬิกาบนผนัง (แล้วกลอยเป็นไงบ้าง มีใครพูดหรือทำอะไรให้หรือเปล่า)

   “ตอนนี้มันดึกแล้วนะ ถ้าพี่มาตอนนี้เดี๋ยวได้หลับพอดี เมื่อเช้าก็ตื่นเช้านี่นา” เลือกที่จะไม่ตอบ เพราะรู้สึกห่วงมากกว่า “พรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้”

   (พี่ไหว)

   “กลอยรู้ว่าพี่โชไหว แต่มันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี นะๆ กลอยอยู่ได้” ผมมองไปรอบๆ ห้องพลางตอบ ได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสายกลับมาอีกรอบ

   (กลอยอยู่ได้ แต่พี่อยู่ไม่ได้ ห้องมันกว้างขนาดนี้ พี่จะอยู่ได้ยังไง) อยากเห็นหน้าตอนพูดแบบนี้เลย ต้องน่ารักมาแน่ๆ โหมดง้องแง้งของพี่โชเนี่ย (พี่ต้องกอดกลอยถึงจะหลับ กลอยก็รู้)

   “อย่ามาเว่อร์ ตุ๊กตาหมีก็อยู่ กอดมันไปก่อน มีกลิ่นกลอยเหมือนกัน” พูดไปยิ้มไป ถ้ามีหญ้าละก็ ถูกดึงหมดสนามแล้ว

   (มีกลิ่นแต่ม่อุ่น ไม่นุ่ม ไม่หอมเหมือนกอดเมียจริงๆ) ตอนนี้ปวดแก้มไปหมดเพราะยิ้ม ไม่ว่าจะคบกันนานเท่าไหร่ พี่โชก็ยังทำให้ผมเขินอยู่ตลอด

   “ก็นอนกอดไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมากอดกลอย”

   (เออ จะกอดให้จมอกเลย)

   คำพูดคำจาสมฉายาปีศาจจอมหื่น

   “น้องกลอยลืมนาฬิกาข้อมือในห้องน้ำนะ”

   ระหว่างคุยกับพี่โช พี่โอ๊ตก็ตะโกนเสียงดังออกมาจากห้องน้ำ ผมตกใจตาเหลือก อุตส่าห์ดีใจที่พี่โชโทรมาตอนอยู่คนเดียว
 
   (เสียงใคร) เอาแล้วไง ปีศาจเริ่มกลืนพี่โชคนน่ารักอีกแล้ว ตอนนี้น้ำเสียงเย็นยิ่งกว่าน้ำแช่ฟิตเสียอีก (ไอ้กลอย)

   “พี่เขาเป็นหลานย่า” พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
 
   (หลานย่า? แสดงว่าไม่ใช่ลูกพ่อมึง?) เป็นคำถามจริง แต่คงไม่ต้องการคำตอบ ผมลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ (แล้วเวลานี้ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน) นั่นสิ ผมจะหาคำตอบสวยๆ แบบไหนดี (เปิดกล้อง เดี๋ยวนี้) กำลังจะอ้าปากแถ พี่โชดันสั่งให้เปิดกล้องเฉย ตอนนี้พี่แกก็เปิดกล้องรอไว้แล้วด้วย

   “พี่โช” ผมยิ้มโบกมือให้คนปลายสาย “ทำไมยังไม่ไปกินข้าว”

   (ถ่ายรอบๆ ที่มึงอยู่ดิ๊) ไม่สนคำถามผมเลย อยากจะร้องไห้ (มึงนอนกับมันเหรอ) 

   “พอดีห้องมันไม่มี” สุดท้ายก็ต้องบอกไป สายตาพี่โชโคตรดุ ขนาดผ่านกล้องมานะครับ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจอตรงๆ จะถูกฆ่าด้วยรังสีแบบนั้นกี่รอบ “แต่ก็แค่คืนนี้ พรุ่งนี้ก็ไปนอนกับพี่โชไง”

   (แล้วมึงนอนตรงไหน อย่าบอกว่าบนเตียง) พี่โชก็ยังคงไม่สนคำพูดของผม (กูไม่อนุญาต!)

   “พี่โช” เสียงอ่อนเลยผม

   (ออกไปนอนโรงแรมเดี๋ยวกูจองให้) น้ำเสียงและสรรพนามของพี่โชไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะครับ ตอนนี้พี่โชกำลังจริงจัง (เดี๋ยวโทรเรียกรถไปรับ)

   “ได้ไง พรุ่งนี้กลอยต้องอยู่ทำบุญวันเกิดย่านะ”

   (พรุ่งนี้ค่อยมา)

   “พี่โชไม่ไว้ใจกลอยเหรอ”

   (กูไว้ใจมึงเสมอ แต่คนอื่นไม่)

   “พี่คิดว่ากลอยง่ายหรือเปล่า”

   (ไม่)

   “งั้นกลอยจะนอนนี่แหละ” พี่โชกำลังจะอ้าปากพูด แต่ผมชิงตัดบทไปก่อน “เชื่อใจกันก็พอ โอเค?” รู้สึกลุ้นเหมือนกันหลังพูดจบ พี่โชเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพยักหน้าตกลง “พี่ไปหาข้าวกินก่อน พรุ่งนี้ค่อยออก กลอยจะรอ”

   (เออ ก็ได้ แต่ขอสั่งห้าม! ห้ามนอนใกล้ ห้ามให้มันแตะตัว เข้าใจไหม)

   “เข้าใจแล้ว รีบๆ ไปหาอะไรกินเลย”

   (อย่าให้รู้) มีการหรี่ตาชี้นิ้วใส่หน้าด้วย

        จังหวะที่พี่โชจะพูดต่อ พอดีกับพี่โอ๊ตเดินออกจากห้องน้ำออกมาพอดี ผมเลยรีบกดตัดสาย รู้ว่าอาจจะโดนด่าแต่ก็ต้องทำ ขืนให้พี่โชเห็นพี่โอ๊ตพันแค่ผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ มีหวังระเบิดลงอย่างแน่นอน เผลอๆ ขึ้นเครื่องบินมาหาแทบจะทันที
 
   “คุยโทรศัพท์เหรอ” พี่โอ๊ตเช็ดผมที่เปียก พลางเดินโชว์รูปร่างไปมา เราสนิทกันขนาดนี้เหรอวะ “ได้สระผมค่อยดีหน่อย เมื่อกี้เหม็นควันมาก”

   “ผมนอนก่อนนะ” ตัดบททุกอย่างพลางล้มตัวนอนบนเตียง ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเจ้าของห้อง จะว่าไปเตียงนี่ก็นุ่มพอใช้ได้ แม้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไม่หอมติดจมูกแบบห้องพี่โชก็เถอะ “พรุ่งนี้พี่เรียกผมด้วยนะ เผื่อไม่ตื่น”

   “ได้สิ นอนเถอะเดี๋ยวพี่ปลุกพรุ่งนี้”

   “ขอบคุณครับ ฝันดี”

   “ครับ ฝันดี”

   คราแรกกลัวว่าจะนอนไม่หลับเพราะเปลี่ยนที่นอน แต่พอหัวถึงหมอนไม่นานสติผมก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา คงเพราะท้องตึง หนังตาเลยหย่อน...ราตรีสวัสดิ์เชียงใหม่


...TBC

ตอนที่ 2 มาแล้วค่าา ดราม่าไหม ก็ไม่นะ แต่กลอยอาจจะเกรียนน้อยลง เพราะอยู่ต่างถิ่นเพียงลำพัง เดี๋ยวคนจะไม่กล้าเข้าใกล้เอา 55555

แล้วพบกันตอนหน้าค่าาาา

ขอบคุณค่าาา (ไหว้ย่อ)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ว้าว ว้าว ว้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1: มาเจอก่อนอัพด้วยแหละ
พี่โชเกรี้ยวกราดมาก  o18 o18 o18 กลอยจะเป็นยังใงต่อไปละเนี่ย  :z1: :z1: :z1:
ปอลิง มาถี่ ๆ นะคะ  :call: :call: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2018 21:36:32 โดย O-RA DUNGPRANG »

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ถึงจะนิดๆ..แต่ก็เกรียน..555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอาใจช่วยน้องกลอย...ยยยยย  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
เพราะนายคือของฉัน [II] : 3





        “น้องกลอยตื่นได้แล้ว!” เสียงตะโกนดังเอาซะผมสะดุ้งขึ้นมานั่ง แต่ก็ต้องล้มตัวลงไปนอนใหม่เพราะหัวหมุน “ตื่นได้แล้ว” ระหว่างรอปรับตัว พี่โอ๊ตก็ย้ำอีกรอบ คราวนี้ผมหันไปมองนาฬิกาบนผนัง

   “เพิ่งตีห้าเองนะ” บอกอย่างงัวเงีย มือก็ขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความง่วง

   “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตรกับย่านะ” เจ้าของห้องดึงผ้าห่มที่ผมถีบไว้ปลายเท้ามาพับซะเรียบร้อย “เร็วๆ เดี๋ยวสาย”

   “ครับๆ” ขานรับอย่างช่วยไม่ได้ ผมค่อยๆ คลานลงเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว ใช้เวลาไม่นานก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อม “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”

   “รออยู่ข้างล่างกันหมดแล้ว” พี่โอ๊ตที่นั่งรอผมขำ ตอนเห็นผมเดินหัวเปียกออกมา “ถ้าจะไปสภาพนี้ พี่แนะนำให้เป่าผมให้แห้งก่อน”

   “แต่เดี๋ยวจะไม่ทัน” ส่ายหน้ารัวๆ พลางตอบ คนนั่งรอพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางลุกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วโยนผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้

   “งั้นก็เช็ดผมอีกหน่อย ดูสิ น้ำหยดเต็มพื้นเลย” ก้มมองก็เห็นน้ำหยดที่พื้นตามที่ได้ยิน ผมรีบขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆ เพื่อลดเวลาในการทำให้ผมแห้ง พอน้ำไม่หยดก็เดินไปตากผ้าขนหนูในห้องน้ำ

   “เสร็จแล้ว”

   “ยิ่งกว่าเครื่องปั่นแห้งอีก” พูดจบก็ขำ “ลงไปกันเถอะ” 

   ผมเดินตามหลังพี่โอ๊ตลงไปชั้นล่าง เจอย่ากับน้องต่างแม่ นั่งง่วงตาปรืออยู่หน้าบ้าน พอเด็กสองคนนั้นเห็นผมเดินเข้าไปหา ก็พารีบขยับหนีไปกองกันอยู่อีกฝั่ง ทำอย่างกับผมอยากจะอยู่ใกล้นักนี่ ย่ากวักมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ ส่วนพี่โอ๊ตไปนั่งอยู่ด้านหลัง ตรงหน้าหน้าประตูรั้วบ้านตอนนี้มีโต๊ะยาวตั้งอยู่ บนโต๊ะมีกับข้าวที่ไว้สำหรับตักบาตรวันเกิดของย่า ช่วงที่นั่งรอผมก็หาวน้ำตาเล็ดไปหลายรอบติด

   “ง่วงขนาดนั้นหรือเรา” คำถามมาจากย่า ท่านขำเมื่อเห็นผมพยักหน้าตอบ

   “นิดนึงครับ” ตอบโดยที่ดวงตายังไม่พร้อมเปิดกว้าง มันเหมือนมีตุ้มลูกเหล็กห้อยที่ขนตา แต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะของย่าให้ดังขึ้น

   “เป็นคนกรุงตื่นสายสินะ” นี่ย่าด่าผมหรือเปล่าวะ

   “ก็แล้วแต่เวลาไปเรียนครับ” ตอบความจริงไป “แต่ถ้าอยู่บ้านกับแม่ก็จะตื่นเช้ามาช่วยแม่จัดของที่ร้าน”

   “ร้านเราขายดีไหม”

   “ดีสิครับ คงเพราะทำเลของร้านด้วย คนผ่านเยอะ แล้วก็ แม่ผมทำกับข้าวอร่อยที่สุดในย่าน”

   “ขนาดนั้นเชียว”

   ย่าคงอยากให้ผมตื่นตัวเลยชวนคุย ซึ่งมันก็ได้ผลพอประมาณ เพราะผมเริ่มตื่นเต็มตา จากนั้นพวกเราก็คุยกันได้ไม่กี่ประโยค เพราะป้าแม่บ้านเดินมาบอกว่าพระมาแล้ว ผมลุกขึ้นยืน พลางมองพี่โอ๊ต ที่รีบวิ่งเข้ามาพยุงย่าให้ลุกจากเก้าอี้ ท่านมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มบางๆ คงรู้ว่าผมอยากเข้าไปช่วยเหมือนกัน แต่ความห่างเหินมันทำให้ผมหยุดยื่นมือไป

   หลังจากตักบาตรตอนเช้าเสร็จ ผมก็ช่วยป้าแม่บ้านกับคนอื่นๆ เก็บของ แอบเห็นเด็กที่ชื่ออุ่นมองหน้าผมบ่อยๆ หรือกลัวผมจะขโมยทัพพี? ขอโทษทีที่ผมไม่นิยมกินของแปลก แม้จะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าก็เถอะ เก็บของเรียบร้อยทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร มื้อเช้าเป็นข้าวต้มเปล่ากับหมูหยอง ย่าบอกเมื่อคืนเรากินมื้อหนักไป มื้อเช้าเลยต้องเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่งั้นท้องจะผูก ซึ่งแน่นอนว่าท้องผูกไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย เพราะมื้อหนักนั่น ออกจากตัวผมไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

   “ลุงอ้อบอกสายๆ จะมารับคุณย่านะคะ” เสียงแหลมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ น้องสาวต่างแม่ของผมตีหน้านิ่ง คงเพราะเกลียดผมจริงๆ นั่นแหละ “แต่ไม่รู้รถจะพอนั่งหรือเปล่า มีคนไม่ได้เชิญด้วย”

   คงไม่ใช่ผมหรอก ก็ย่าโทรไปชวนผมเอง

   “ถ้าไม่พอ ก็ให้โอ๊ตขับตามไป” ย่าหันมามองพี่โอ๊ตที่ยิ้มรับ และทันทีเสียงฮึดฮัดก็ดังแทรก “ว่าแต่ คืนนี้เราจะทำอะไรกินกันดีล่ะ กลอยอยากกินอะไร ขันโตกไหม ชอบอาหารเหนือหรือเปล่า?”

   “เอ่อ” พอถูกถาม อาการใบ้ก็แทบกินเสียง จะตอบยังไงเพื่อไม่ให้คนชวนเสียน้ำใจดี “พอดีวันนี้พี่โชจะมารับผมแล้ว” แต่ผมเป็นพวกชอบพูดความจริงเสียด้วย เลยบอกไป ย่ากดคิ้วลงนิดๆ ส่วนพี่โอ๊ตก็หันมามอง “พี่โชจะมารับผมเข้าไปนอนในเมือง”

   “ทำไมเป็นงั้นล่ะ” พี่โอ๊ตถามออกมา ผมเลยหันมายิ้มให้ “หรือกลอยไม่พอใจอะไรพี่หรือเปล่า”

   “ไม่ใช่ๆ” ยกมือโบกเป็นพัลวัน ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้ย่า “ผมชอบที่นี่นะ ชอบมากกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ”

   “อ่าว แล้วทำไม...”

   “ไม่เป็นไร ไว้มาคราวหน้า หาที่พักไม่ได้ก็มาพักบ้านย่า ไม่ต้องเปลืองเงินไปพักโรงแรมหรอก” ย่ายิ้มบางๆ ส่งมาให้ผม ด้วยความที่ย่าเคยเจอและรู้สถานะของผมกับพี่โชจากคราวนั้น เลยไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงให้มากความ “แล้วพี่เขามาถึงกี่โมงล่ะ”
 
   นั่นสิ จะว่าไปผมก็ไม่ได้หยิบโทรศัพท์ลงมาด้วย ป่านนี้กระหน่ำโทรเหมือนเมื่อคืนอีกแน่ พอคิดแบบนี้แล้วผมก็ขอตัวขึ้นไปด้านบน โทรศัพท์วางคว่ำหน้าที่โต๊ะหัวเตียง หยิบมากดดูก็ไร้ข้อความและมิสคอล

   “แปลก” พึมพำกับตัวเอง ผมลองกดโทรออก รอสายไม่นานพี่โชก็กดรับ “พี่โชออกมาหรือยัง”

   (อืม อยู่ครึ่งทางแล้ว) ได้ยินคำตอบทำเอาโทรศัพท์แทบร่วง

   “ครึ่งทาง? พี่โชออกมาตั้งแต่กี่โมงเนี่ย” หันไปมองนาฬิกาแทบจะทันที

   (ประมาณตีสองไม่ก็ตีสามนี่แหละ พักสายตาแป๊บเดียวพี่ก็ออกมาเลย กลัวถึงช้า ว่าแต่ เราทำอะไรอยู่) ได้ยินเสียงดูดน้ำที่คงจะเหลือแต่น้ำแข็ง พาลทำให้มุมปากยกยิ้ม (กาแฟเย็นนี่รสชาติแปลกๆ)

   “แปลกเพราะเหลือแต่น้ำแข็งล่ะสิ ทำไมพี่โชไม่สั่งแบบร้อนล่ะ”

   (ก็กินแบบร้อนไปตั้งสองแก้ว ก็เลยเปลี่ยนบ้าง)

   “กินแบบนั้นคืนนี้จะหลับไหมเล่า ทำไมพี่ไม่กินน้ำอย่างอื่นบ้าง” ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ปกติพี่โชกินแค่สองแก้วยังนอนพลิกไปพลิกมาเลย นี่ฟาดไปสามแก้วแล้ว “แล้วกินข้าวหรือยัง”

   (พี่แวะซื้อขนมปังกินรองท้องมาแล้วๆ ถ้าคืนนี้นอนไม่หลับ เราก็...)

   “คิดถึง” รีบพูดขัดประโยคล่อแหลม ได้ยินเสียงขำเบาๆ จากปลายสาย “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย ไม่ได้กอดพี่โช”
 
   (ทำมาเป็นพูดดี พี่กอดทีไรถีบพี่ออกตลอด นอนดิ้นเกิน)

   “ใส่ร้ายอีกละ ถ้าพี่ง่วงก็รีบจอดพักเลยนะ ห้ามฝืนขับมา กลอยเป็นห่วง” ผมอยากจะคุยต่อ หากพี่โอ๊ตไม่มายืนกอดอกพิงกรอบประตูมองมา “แล้วเจอกัน”
 
   (ครับ) ได้ยินเสียงจูบโทรศัพท์ทำเอาผมยิ้มกว้าง (พี่โคตรคิดถึงกลอยเลย)

   เพราะปีศาจมุ้งมิ้งแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ผมรักมากได้ยังไง ผมวางสายพร้อมรอยยิ้ม ที่จริงเมื่อคืนผมก็หลับสบายอยู่นะในช่วงแรก แต่พอตื่นไปเข้าห้องน้ำ กลับมานอนอีกทีก็นอนไม่หลับ ปกติถ้าผมขยับพลิกตัว พี่โชจะดึงผมเข้าไปกอดเสมอ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวคนกอดจะทำให้ผมจมดิ่งสู่นิทราอีกรอบ แต่เมื่อคืนไม่มี

   “พี่โชที่ว่านี่ ใช่พี่สาวของกลอยไหม ไหนบอกไม่มาไง” คำถามจากคนที่เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อเชิ๊ตลายสก็อตออกมาสวมทับเสื้อยืดสีขาว “หรือเปลี่ยนใจอยากมาเที่ยว?”

   “พี่สาวผมชื่อพี่กิ่ง” บอกเรียบๆ พลางลอบมองหน้าคนที่พับแขนเสื้อ “ส่วนพี่โชเป็นแฟนผมเอง”

   “เพิ่งรู้ ว่ากลอยชอบผู้หญิงแก่กว่า” พี่โอ๊ตว่าพลางขำออกมาเบาๆ ก่อนจะเงียบลงเมื่อเห็นผมส่ายหน้า

   “พี่โชที่ว่า ไม่ใช่ผู้หญิง” คราวนี้คนจ้องหน้าผมย่นคิ้วอย่างสงสัย ผมเลยฉีกยิ้มกว้างก่อนบอกออกไป “พี่โชเป็นผู้ชาย”
 
   “ผู้ชาย? แฟน? กลอยคบผู้ชายเหรอ” ดูท่าคนได้ยินจะตกใจไม่น้อย พี่โอ๊ตเบิกตาโตตกใจ ก่อนจะค่อยๆ สงบลงพลางยกมือจับคางแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง “แต่ก็...กลอยหน้าตาน่ารักแบบนี้ ไม่แปลกที่จะมีผู้ชายมาชอบ”

   “ผมหล่อเหอะ” ขอเถียงหน่อย แต่พี่โอ๊ตกลับหัวเราะออกมาเฉย

   “หล่อก็หล่อ เตรียมตัวได้แล้ว ย่าจะไปแล้ว”

   “ครับๆ”

   ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋า พลางเงยหน้ามองนาฬิกาเพื่อคำนวณเวลาที่พี่โชจะมาถึง คาดว่าจะถึงบ้านย่าผมประมาณเที่ยงๆ แน่ ไม่รู้ว่าเวลานั้นผมจะกลับมาถึงบ้านหรือยัง เดินลงจากชั้นบนมาหน้าบ้านไม่เห็นรถตู้ที่บอกจะมารับ แต่เห็นแค่พี่โอ๊ตยืนพิงรถกระบะทำเท่อยู่

   “ป่ะ”

   “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”

   “ไปกันแล้วเมื่อกี้” ทันทีที่พี่โอ๊ตพูดจบ ผมก็ทำหน้าสลด “กลอยไม่ได้ลงมาช้าหรอก แต่ย่าบอกให้เอารถไปอีกคัน เผื่ออึดอัด แล้วก็นะ เผื่อแฟนกลอยมาถึง เราจะได้ออกมาก่อนถ้างานยังไม่เสร็จ”

   “ครับ”

   ผมเดินขึ้นรถด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนมาที่นี่ พี่กิ่งเตือนผมเกือบร้อยรอบว่าให้ผมดูแลตัวเองให้ดี เพราะบ้านของพ่อไม่ชอบแม่ ดังนั้น เขาอาจทำไม่ดีกับเรา หรือทำร้ายความรู้สึก หากกลับไปแล้ว ผมคงต้องไปบอกพี่กิ่งให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่

   เวลาผ่านมานานแล้ว ความรู้สึกของคนก็เปลี่ยนไปด้วย

   พี่โอ๊ตขับรถความเร็วปานกลาง เหมือนอยากให้ผมชมวิวข้างทาง แต่ดูเหมือนผมจะง่วงมากกว่าอยากดูวิวนะ จนแล้วจนรอดก็ผล็อยหลับไปจริงๆ มารู้สึกตัวก็ตอนถูกเขย่าแขน สะลึมสะลือตื่นพลางลงจากรถ เหมือนหัวตื้อๆ ตาลายๆ ผมเดินลอยๆ ตามหลังพี่โอ๊ตไปที่ศาลา
 
   ทันทีที่เหยียบเข้าไปก็เจอกับสายตาคนแปลกหน้าหลายคู่จ้องมอง ดีที่พี่โอ๊ตตัวหนาพอที่ผมจะอาศัยหลบได้ คนเดินนำหน้าดูเหมือนจะรู้ก็คอยขยับตัวบังผมอยู่ตลอด จนนั่งลงที่พื้นปูนเย็นเหยียบ

   “นี่หรือคะคุณป้า ลูกของพี่ชัยน่ะ” คำถามคล้ายกับเมื่อวาน แต่ดังมาจากอีกคน ความคล้ายคลึงของหน้าตา ให้ผมเดา คงจะเกี่ยวดองอะไรกับคนเมื่อวานแน่ “หน้าตาผิวพันธ์อย่างกับไม่ใช่ผู้ชายแท้อย่างงั้นแหละ” พูดจบเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น ผมรีบเม้มปากกำมือไว้ที่ตัก ข่มความโมโหตัวเองเอาไว้ ไม่อยากปล่อยหมาในวัด เดี๋ยวบาป

   “ก็ใช่น่ะสิคะคุณอา อ้อนเจอครั้งแรกตอนนั้น เห็นมีผู้ชายเดินจับมือถือแขนด้วย ขนลุก” เหล่ตามองน้องต่างแม่ ก่อนปรายตามองคนอื่นที่พากันขำ “แถมเป็นในวัดด้วยนะคะ ไม่กลัวบาปเอาเสียเลย”

   “บาปน่ะ ไม่ว่าจะเป็นในวัดหรือข้างนอก มันก็มีอยู่ทั้งนั้นนั่นแหละ” ความอดกลั้นผมกำลังจะหมดจนอ้าปากจะพูด แต่ย่าพูดขัดออกมาก่อน “อย่างที่โบราณเขาว่า นรกอยู่ในใจ ลมที่ออกจากปากก็เป็นดั่งเชื้อไฟ ยิ่งพูดมาก ไฟนรกในใจก็มาก”

   เงียบครับ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ตอบกลับ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ไม่กล้าพูดต่อความยาวอีก แม้ประโยคของย่าไม่ได้ด่าออกมาตรงๆ แต่ก็จี้ได้ตรงจุด ไม่นานพระก็เดินเข้ามาในศาลา ย่าประเคนของขึ้นถวายก่อนทุกคนจะรับพร ผมตั้งใจก้มหน้ารับพร เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำบุญ โดนน้ำมนต์ทีขนลุกทั้งตัว

   หลังจากรับพรจากพระเสร็จ ทุกคนก็เตรียมตัวไปเลี้ยงข้าวเด็กยากไร้ที่วัดอุปการะ ก๋วยเตี๋ยวกลิ่นหอมยั่วน้ำย่อยให้กระเพาะผมให้ร้องโครกคราก มีไอศกรีมแบบตักเอง โดยมีทั้งแบบใส่ในขนมปังหรือถ้วยเล็กๆ ทำไมมันดูน่ากินแบบนี้ล่ะ เด็กที่นี่ไม่ได้ดูมอมแมม แต่ละคนแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ผมนั่งมองเด็กงับขนมปังด้วยความรู้สึก...หิว

   “อ่ะ” อยู่ๆ ก็มีขนมปังสอดไส้ไอศกรีมยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้น เห็นพี่โอ๊ตมองแบบขำๆ

   “ให้ผมทำไม” ถามด้วยความใสซื่อ แต่แอบลอบกลืนน้ำลายลงคอไปแล้ว

   “ก็เห็นมอง คิดว่าอยากกิน หรือไม่เอา?”

   “เอาก็ได้ เดี๋ยวพี่จะเสียน้ำใจ”

   รีบยื่นมือออกไปรับ พร้อมกับเสียงหัวเราะของพี่โอ๊ต ไงล่ะไอ้เด็กน้อย ฉันก็มีเหมือนกันนะเฟ้ย ผมยักคิ้วให้เด็กที่มากินยั่ว พอเห็นว่าผมก็มี เด็กนั่นก็เริ่มขยับมาใกล้เหมือนอยากท้ากินกับผม อยากจะบอกว่า...ท้าคนผิดแล้วไอ้น้อง

   ตอนนี้ไม่ได้สนเลยว่าใครจะแจกข้าว แจกน้ำ แจกขนม เพราะผมมัวแต่กินไอศกรีมแข่งกับเด็กตัวเล็กประมาณเอว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องแข่ง กินหมดต่างก็แยกย้าย แล้วผมทำไปเพื่ออะไรวะเนี่ย

   “กลอยหิวไหม” ผมส่ายหน้าเมื่อย่าถามขณะที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างผม “ถ้าหิวก็บอกพี่โอ๊ต ให้พี่เขาทำให้”

   “ขอบคุณครับ” ยิ้มส่งให้ย่า ผมรู้ว่าการที่เราจะสนิทกับใครสักคน มันต้องใช้เวลา ซึ่งนั่นก็รวมทั้งผมกับย่าด้วย แม้ไม่ได้อึดอัดเท่าที่คิด แต่ก็ไม่ได้สนิทใจกันขนาดที่จะคุยจ้อ “เด็กเยอะดีนะครับที่นี่”

   “เป็นเด็กบนเขาน่ะ เจ้าอาวาสรับอุปการะส่งให้เรียนหนังสือ” ย่าตอบก่อนสายตาจะทอดมองไปตรงหน้า “เมื่อก่อน ย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว” อยู่ๆ ย่าก็เริ่มต้นประโยคขึ้นมา ทำให้ผมหันไปสนใจ “ย่ามีลูกชายเพียงคนเดียว เลยหวังพึ่งให้สืบทอดดูแลทุกอย่างของครอบครัว ย่าเจ้ากี้เจ้าการ วางทางเดินให้ลูกชาย ตั้งแต่เด็ก พ่อของกลอยก็เป็นเด็กดี เชื่อฟังโดยที่ไม่เคยทำให้ย่าผิดหวังเลยสักครั้ง”

   ผมจ้องมองใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามเวลา แอบเห็นนัยน์ตาคู่นั้นมีน้ำใสๆ เอ่อคลอขึ้นมาเวลาเล่าเรื่องอดีต ย่าคงเจ็บปวดไม่น้อยกับเรื่องเก่าๆ

   “พ่อของกลอยต้องไปทำงานที่กรุงเทพ แล้วเกิดผูกใจสมัครรักใคร่กับผู้หญิงที่นั่น แม้หลายครั้งที่ย่าไปหา พ่อเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาแนะนำ แต่ย่าก็ไม่คิดจะมอง เพราะย่ามีคนที่หาไว้ให้แล้ว”

   “ผู้หญิงที่พ่อพามา...แม่ผมเหรอครับ” ไม่อยากขัด แต่ก็ต้องถามออกมา ย่าพยักหน้าลงช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม

   “ตอนนั้นแม่ของกลอยสวยมาก แต่เป็นย่าเองที่มีอคติ ไม่สนใจว่าพ่อเขาจะรักแม่กลอยมากแค่ไหน ถึงแม้ย่าไม่ยอมรับแต่พ่อของกลอยก็ยังไม่ฟัง แอบแต่งงานกันเงียบๆ โดยที่ย่าไม่รู้เรื่อง จนมีพี่ของกลอย ย่าถึงได้ไปโวยวายเอาเรื่อง ไปยื่นคำขาดให้พ่อเขากลับมา ตอนนั้นพ่อของกลอยก็ยังดื้อรั้นไม่ยอม จนย่าต้องไปเอาเรื่องที่ต้นสังกัดที่พ่อเขาทำงานอยู่ จนพ่อเขาถึงถูกย้ายกลับมาเชียงใหม่ ซึ่งย่าไม่รู้เลยว่าตอนนั้น แม่เขากำลังท้องกลอยอยู่”

   รู้สึกจุกจนตีตื้นขึ้นมาที่อก ผมเม้มริมฝีปากตั้งใจฟังเรื่องราวในอดีต รู้สึกสงสารแม่ขึ้นมาจับใจ แต่จะให้โมโหย่าก็ไม่ได้ ผมเข้าใจว่าย่าหวังไว้กับพ่อเยอะมาก เพราะท่านมีลูกชายเพียงคนเดียว ไม่แปลก ที่จะไม่ชอบแม่ของผม

   “พ่อเขาก็ไปๆ มาๆ จนย่าทนไม่ได้ เลยไปหาแม่ของกลอยที่กรุงเทพ ไปออกคำสั่งให้เลิกยุ่ง ก่อนย่าจะจับพ่อเราแต่งงานใหม่ พ่อของกลอยไม่ได้มีความสุขในชีวิตคู่ที่ย่าเลือกให้เลย ย่าแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มของลูกชายย่าอีก สุดท้าย พ่อของกลอยก็เริ่มป่วย หมอบอกว่าคนไข้ไม่มีใจจะรักษา อาการเลยค่อยๆ ทรุดลงเรื่อยๆ ย่าทุกข์ใจไม่รู้จะทำยังไง ช่วงที่อาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล พ่อของกลอยละเมออยู่ตลอด ย่าหาทางติดต่อแม่ของกลอยไม่ได้เลย ทั้งที่อยู่หรือเบอร์โทรก็ไม่มี”

   “พ่อผม ป่วยเป็นอะไรเหรอครับ” พยายามกลั้นเสียงสะอื้นตัวเองจนแสบจมูกไปหมด รู้สึกอยากต่อยตัวเองที่เผลอโกรธและเกลียดพ่อไป

   “หมอบอกอาจจะป่วยเพราะตรอมใจน่ะ แม้จะมีอุ่นกับอ้อนพ่อคอยเอาใจก็ตาม ใต้หมอนของพ่อกลอย มีรูปครอบครัวที่เขารักและปรารถนาจะอยู่ด้วยกัน เป็นรูปที่ทำให้ย่าโทษตัวเองมาถึงทุกวันนี้”

   “รูปพ่อแม่ พี่กิ่งแล้วก็ผมเหรอครับ?”

   “น่าจะถ่ายก่อนที่ย่าจะไปหาแม่ของกลอย ในรูปทุกคนยังยิ้ม ยังดูมีความสุข” ย่ายื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆ สายตาฝ้าฟางตามกาลเวลามองผมอย่างอ่อนโยน “ย่ารู้สึกผิดทุกครั้งที่มองรูปพ่อของกลอย ย่าพยายามให้คนออกตามหาแม่ของกลอย แต่ก็ไม่เจอ”

   “แม่พาผมกับพี่กิ่งย้ายที่อยู่บ่อย เพราะเราไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า แล้วแม่ไม่อยากใช้เงินของตากับยาย แต่สุดท้ายก็ต้องใช้เพื่อซื้อตึกแถว เพราะแม่อยากเปิดร้านขายอาหารที่เป็นหลักแหล่ง แม่ไม่อยากให้ผมกับพี่กิ่งย้ายโรงเรียนบ่อย” ผมบอกย่าตามความเป็นจริง “พวกเราลำบากกันมาก กว่าจะมาถึงวันนี้ ผมก็...”

   “ย่ารู้ ว่ากลอยกับพี่สาวเกลียดย่ามาก ย่าฝากขอโทษพี่สาวเราด้วยนะ” ย่าพูดจบก็รีบยกมือเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงมา “ย่าขอโทษจริงๆ”
 
   ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็ดังขึ้น พอหยิบออกมาดูปลายสายโชว์รูปติ่งหูขาวๆ ของเจ้าของเบอร์ ย่าเห็นแล้วยิ้มออกมาบางๆ

   “ไปรับโทรศัพท์เถอะ พี่เขาอาจใกล้ถึงแล้วก็ได้”

   “ครับ” แยกตัวออกมาพอประมาณถึงกดรับ พี่โชบอกผ่านตรงนั้น ตรงนี้ผมก็ได้แต่ทำหน้างง “แป๊บนะพี่โช” ผมเดินไปสะกิดพี่โอ๊ตคนที่น่าจะรู้ทางดีที่สุด พลางยื่นโทรศัพท์ไปให้ คนรับไปก็ทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมคุย ผมยืนมองพี่โอ๊ตกับพี่โชคุยกัน ไม่นานก็วางสาย “ว่าไง”

   “เขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แต่พี่บอกทางแล้ว เดี๋ยวคงถึง” พี่โอ๊ตบอกพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม

   “ขอบคุณครับ”

   “เสียงหล่อนะ ดูท่าหน้าตาจะหล่อ”

   “ก็ไม่เท่าไหร่”

    v
         v

     (มีต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
.
.
        ตอบไปแบบนั้นทำเอาพี่โอ๊ตหัวเราะ ผมเดินเลี่ยงๆ ไปยืนรอหน้าประตูวัด ชะเง้อชะแง้มอง จนเห็นรถคันใหญ่สีขาวขับตรงเข้ามาหา ป้ายทะเบียนคุ้นตาทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาพลางโบกมือโบกไม้

   “ถามทางหน่อยครับ” ทันทีที่รถมาจอดเทียบ กระจกด้านคนขับก็เลื่อนลงพร้อมกับคนขับเอ่ยทัก แต่นั่นทำเอาผมหน้าตึง

   “ขับเลยไปทางนู้นเลยครับ” พูดพลางชี้ไปทางอื่น พี่โชหัวเราะร่วนก่อนจะขับผ่านผมเข้าไปด้านใน โดยที่ผมเดินตาม รถฟอร์จูนเนอร์เข้าจอดข้างรถกระบะของพี่โอ๊ต คนขับเปิดประตูรถลงมายืนพลางบิดตัวซ้ายขวาไล่อาการเมื่อยขบ ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบด้วย “พักบ้างไหมเนี่ย”

   “ไม่เลย กลัวถึงช้า” พี่โชตอบผม แต่สายตามองหาอะไรสักอย่าง “คนที่คุยกับพี่คือใคร ใช่คนที่กลอยนอนกับเขาไหม”

   “อืม ชื่อพี่โอ๊ต” พี่โชพยักหน้าเบาๆ ก่อนผมจะพาเดินเข้าไปหาย่ากับคนอื่นๆ ที่นั่งคุยกันที่ใต้เต็นท์ พอทุกคนเห็นผมพาคนอื่นมาด้วย ต่างก็หยุดคุยแล้วหันมาสนใจ “ย่าครับ”

   “อ่าว มาถึงแล้วเหรอ” ย่าเงยหน้าขึ้นมามองหลังจากผมเรียก พร้อมกับพี่โชที่ยกมือไหว้ ก่อนจะไหว้รอบทิศโดยที่ผมไม่ได้แนะนำอะไร เพราะผมก็ไม่รู้จัก “ทานอะไรมาหรือยังล่ะ ก๋วยเตี๋ยวก็ยังมีนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว” ตอบแบบหล่อๆ แต่ผมรู้ว่าขี้โม้ แอบเห็นน้องต่างแม่อย่างอ้อนมองพี่โชตาค้าง คงจำหน้าได้ละมั้งครับที่วัดตอนปีใหม่น่ะ “เอ่อใช่” อยู่ๆ พี่โชก็เดินกลับไปที่รถ แล้วกลับมาพร้อมกระเช้าผลไม้อันใหญ่ “สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้คุณย่าสุขภาพแข็งแรง”

   “ขอบใจนะ” พี่โอ๊ตรีบเข้าไปช่วยถือ และเป็นครั้งแรกที่สายตาของพี่โชปะทะกับอีกคน

   ทำไมรู้สึกมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกจากสายตาของพี่โชวะ

   “ใครเหรอคะคุณป้า” คำถามที่ใครหลายคนอยากรู้ ถูกถามขึ้น เห็นลูกสาวของป้าแกส่งสายตาเชื่อมมาให้คนข้างตัวผมด้วย “ลูกของพี่ชัยอีกคนหรือเปล่า แต่หน้าตาหล่อมากเลยนะคะเนี่ย อย่างกับดาราในทีวีเลย”

   “ไม่ใช่หรอก เขาเป็น...”

   “คู่ขา”

   เสียงขัดแบบลอยๆ ดังออกจากปากน้องต่างแม่ของผม ทำเอาทุกสายตาหันไปมอง

   “คู่ขาอะไรน่ะอ้อน อาไม่เห็นเข้าใจ”

   “ก็คู่เกย์ไงคะ ชายกับชาย อี๋”

   หน้าตึงเลยผม ต่างจากพี่โชที่ยังยิ้มให้กับทุกคนโดยไม่สนสายตาใคร มืออุ่นที่คุ้นเคยยื่นมาจับมือผมไว้ 

   “ครับ ผมเป็นแฟนกับกลอย” คำบอกเล่าที่ทำให้ผมหันไปมองคนพูด “ผมไม่ได้สนว่าคนที่ผมรัก จะเป็นชายหรือหญิง แค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แค่นี้ก็พอ” พี่โชตอบแบบพระเอกสุดๆ ผมแทบอยากปรบมือให้รัวๆ

   “นั่นสิ จะมีเมียหรือมีผัว มันก็เรื่องส่วนตัวของเขา” เสียงดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างย่า พี่โอ๊ตเงยหน้าขึ้นมา ก่อนสะดุ้งเมื่อถูกทุกคนจ้อง “ผมคิดออกเสียงไปเหรอ”

   คราวนี้ย่ากับผมหลุดขำออกมาเลย ซึ่งทุกคนต่างก็เข้าใจความหมายประโยคของพี่โอ๊ต ยกเว้นเด็กอย่างอุ่นที่ยังมองหน้าคนโน้นคนนี้อย่างไม่รู้ความ

   ทุกคนเริ่มแยกย้ายไปเก็บของกลับบ้าน ส่วนผมก็ต้องไปเก็บของเพื่อไปพักในเมืองกับพี่โช ซึ่งตอนนี้คนขับรถมาไกล คงอยากนอนเหยียดยาวพักหลัง เห็นยืดๆ งอๆ หลังอยู่หลายรอบก็สงสาร

   “เดี๋ยวกลอย” ย่ารั้งผมไว้ พี่โชเลยลุกออกไปรอที่รถก่อน “ย่ามีของจะให้เราน่ะ”

   “ให้ผมเหรอครับ” ถามอย่างสงสัย พลางมองพี่โอ๊ตกับคนอื่นๆ ทยอยเก็บของขึ้นรถ “อะไรเหรอครับ”

   มองย่าที่เปิดกระเป๋าสะพายส่วนตัว มือล้วงเข้าไปหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะดึงของที่หาออกมา เป็นสมุดบัญชีเล่มเล็กสองเล่ม

   “นี่จ้ะ”

   “สมุดบัญชี? ให้ผมเหรอครับ?” มองของในมือย่า ที่ยื่นมาให้ “ให้ผมทำไมเหรอครับ”

   “เป็นของพ่อเราน่ะ เขาฝากไว้ให้ ชื่อสองบัญชีก็เป็นของกลอยกับพี่สาวเรา” มองหน้าย่าสลับกับสมุดบัญชี สุดท้ายก็ยื่นมือไปหยิบมาเปิดดู “ที่จริงพ่อเราจะส่งไปให้ แต่ย่ารู้เลยเก็บไว้เอง” ผมมองสมุดบัญชีที่มีชื่อตัวเองอยู่ด้านหน้า “พ่อเราโอนเข้าทุกเดือนมาตลอด เพราะคิดว่าแม่เราต้องใช้ดูแลลูก”

   ผมเม้มปากมองยอดเงินแต่ละหน้า วันที่แรกที่เงินเข้าตอนนั้น ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กเลยด้วยซ้ำ จนหน้าสุดท้ายที่อัพเดต เงินเป็นล้านเลยนะครับ

   “พ่อให้ผมกับพี่กิ่งเหรอครับ”

   “ที่จริงมีสามเล่มน่ะ เป็นชื่อของแม่เรา ตอนนั้นย่าโมโหเลยเผาสมุดทิ้ง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ย่าให้คนที่รู้จักเขาทำเรื่องให้ พร้อมโอนเงินเข้าบัญชีของพี่สาวเราแทน” ย่าพูดจบ ผมก็รีบเปิดสมุดบัญชีอีกอัน เป็นชื่อพี่กิ่งจริงๆ ด้วย และเงินหน้าสุดท้าย เป็นเลขแปดหลักเลยนะครับ “ย่าขอโทษนะ ที่ทำให้ครอบครัวของกลอยต้องลำบาก”

   “มันนานมากจนผม พี่กิ่งแล้วก็แม่ลืมไปหมดแล้วครับ ย่าไม่ต้องห่วง” ไม่รู้จะปลอบหรือพูดยังไงกับสิ่งที่กำลังเกิด ถามว่าโมโหไหม ก็คงมีนิดๆ เพราะถ้ามีเงินนี้ แม่คงไม่ต้องลำบากอย่างที่ผ่านมา แต่ก็นั่นแหละ มันผ่านมาแล้ว จะโกรธหรือโมโหไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

   “ตอนนี้ย่ากำลังรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำ อ้อนกับอุ่นถูกเลี้ยงมาแบบผิดๆ จากแม่ของเขาแล้วก็ย่า กลอยอย่าไปถือโทษโกรธน้องเลยนะ”

   “ครับ ผมไม่ถือ จะถือไปทำไม มันหนักจะตาย” พยายามพูดติดตลกจนย่ามีรอยยิ้ม ผมยกมือไปวางบนมือของย่า “ขอบคุณครับ”

   สายสัมพันธ์ของสายเลือด คล้ายกับเส้นด้าย ที่แม้จะบางเบาแต่ก็รู้สึก ความเจ็บปวดต้องใช้เวลาในการเยียวยา ถึงจะจางจงแต่ก็ยังฝังลึกอยู่ในจิตใจ คงแล้วแต่ว่าใครที่จะนำความเจ็บปวดขึ้นมาทำร้ายตัวเองก็เท่านั้น แต่หากไม่อยากเจ็บปวด ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง

   นี่ผมพูดอะไรลึกซึ้งขนาดนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย ขนลุก


   หลังจากเก็บของขึ้นรถเสร็จ ผมเดินไปส่งย่าที่รถ ส่วนตัวเองก็เดินกลับมาหาพี่โชที่ผล็อยหลับหลังพวงมาลัย คงจะเพลียหนักแหงๆ

   “พี่โช” แตะที่แขนเบาๆ คนหลับสะดุ้งทำตาปรือ “เดี๋ยวกลอยขับให้”

   “ไม่เป็นไร พี่ไหว” เสียงขึ้นจมูกสุดๆ
 
   “กลอยขับเก่งแล้วพี่ก็รู้ ไม่จูบเสาหรือเสยถังขยะอีกแน่นอน” ตบอกตัวเองเบาๆ คนง่วงถึงกับขำออกมา “เร็วๆ เดี๋ยวหลงกับคนอื่นนะ” เพราะรถคันที่ย่านั่งขับวนออกวัดไปแล้ว เหลือแค่รถพี่โอ๊ตที่ยังจอดรอ

   “ครับๆ”

   พี่โชลงจากรถเพื่อให้ผมขึ้นประจำที่คนขับแทน จากที่บอกว่าจะคุยด้วย ตอนนี้กลับกรนเบาๆ คลอมาตลอดทาง ผมขับตามรถพี่โอ๊ตไปเรื่อยๆ การจราจรของเมืองเชียงใหม่ก็หนาแน่นพอๆ กับเมืองหลวง แต่ที่ดีบ้านของย่าออกนอกตัวเมือง รถเลยน้อยลง
 
   เมื่อรถจอดนิ่งสนิทในรั้วบ้าน พี่โชก็ค่อยๆ ขยับลุก ดูท่าคืนนี้คงมีการนวดยาคลายกล้ามเนื้อแน่ ผมเดินนำพี่โชเข้าไปในตัวบ้าน จะปลีกตัวไปเอากระเป๋า แต่คนที่ควรรอด้านล่างกลับขึ้นมาด้วย ยังดีที่เจ้าของห้องไม่ว่าอะไร หลายครั้งผมเห็นพี่โชมองพี่โอ๊ตตาขวางๆ แต่ก็ไม่ได้พูดหรือทำกิริยาที่ไม่ดีออกมา ต่างจากอีกคนที่ยืนยิ้มอย่างเดียว

   “ขอบคุณพี่โอ๊ตที่แบ่งเตียงให้ผมนอน” พูดท่ามกลางเสียงกระแอมหนักๆ “ไว้คราวหน้าค่อยเจอกันใหม่”

   “ถ้าพี่มีโอกาสลงไปเที่ยว จะแวะหานะ”

   “เดี๋ยวจะพาเที่ยวเลย”

   “พี่ว่ารีบลงไปเถอะ เดี๋ยวจะมีคนคออักเสบ”

   ผมหัวเราะออกเสียงเมื่อพี่โอ๊ตแหย่คนกระแอมจนคอจะพัง พี่โชยกยิ้มมุมปากให้ตามมารยาท ก่อนเดินนำออกห้อง ส่วนผมยกมือไหว้ลาพี่โอ๊ต ถึงแม้จะรู้จักแค่สองวัน แต่พี่โอ๊ตก็เป็นพี่ที่นิสัยดีมากคนหนึ่ง พอลงมาชั้นล่างก็เจอกับย่าที่รออยู่ ในมือย่าถือเชือกสายสิญจน์สีขาวรอไว้

   “มานั่งนี่สิ ทั้งคู่เลย” ผมมองหน้าพี่โชนิดๆ พลางเดินนำไปนั่ง “ยื่นข้อมือมา เดี๋ยวย่าจะผูกให้”

   สายสิญจน์สีขาวค่อยๆ หมุนรอบแขนของผม พร้อมคำอวยพรที่เป็นมงคล ผมมองหน้าของย่าด้วยความรู้สึกดีใจปนตื้นตัน อยากให้พี่กิ่งมาอยู่ตรงนี้ด้วยจัง แม่ด้วย อยากให้ทั้งหมดมาอยู่ด้วยกัน รับรู้ความรู้สึกด้วยความสุขแบบผมในตอนนี้

   “กลอยไปก่อนนะครับย่า”

   “โชคดีนะ ว่างๆ ก็มาเที่ยวหาย่าบ้าง พาพี่สาวกับแม่เรามาด้วย”

   “ครับ”

   โบกมือลาย่าส่งท้าย ก่อนบ้านไม้หลังสวยจะค่อยๆ หายไปจากสายตา ผมขยับตัวมานั่งตรงๆ มองทางข้างหน้า พยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำที่เอ่อขึ้นมา

   “ไว้เราค่อยมาอีก วันหยุดหน้าอยู่ยาวๆ เลยก็ได้” เสียงทุ้มดังคล้ายปลอบ ฝ่ามืออุ่นๆ กำลังลูบศีรษะผมเบาๆ ก่อนไล้มาตรงแก้มเพื่อเช็ดคราบน้ำตา “ขี้แยว่ะ”

   “ใครร้องไห้ ไม่มี” ขยับหน้าหนีพลางเช็ดน้ำตาบนแก้มอย่างลวกๆ “แพ้ฝุ่นต่างหาก รถคันนี้พี่โชเอาไปล้างแอร์บ้างปะ? ฝุ่นเยอะ”

   “แถไปให้สุดนะคนเรา” พี่โชขำออกมา โดยไม่สนว่าผมจะตวัดสายตามองอย่างเคืองขุ่นแค่ไหน “อยากร้องก็ร้อง ไม่ต้องเก็บไว้ เดี๋ยวพี่เช็ดน้ำตาให้”

   “เป็นแบงค์ วงแคลชเหรอ”

   “อะไรคือแบงค์ วงแคลช นักร้องเหรอ”

   เมื่อพี่โชไม่เข้าใจ ผมเลยร้องเพลงขอเช็ดน้ำตา ของวงแคลชออกมาซะเลย จากเศร้าๆ อยู่ ตอนนี้เริ่มยิ้มออก แต่ไม่รู้ว่าพี่โชจะยิ้มออกไหมนะ เพราะต้องทนฟังเสียงเพี้ยนๆ ของผม


   แต่มันก็ดีกว่าเสียงของพี่แทมเถอะ ไม่อยากจะเปรียบเทียบ


...TBC


ขอฝากพี่โชกับกลอยด้วยนะคะะะ

พบกันตอนหน้าค่าาา (ถอนสายบัว ไหว้ย่อ)

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
กลอยเก่งอยู่แล้ว​ เรื่องราวที่ผ่านมาก็ประสบการณ์ชีวิตละกัน​ คิดบวกสบายใจ​

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด