ตอนที่ 22 Their faultปัง!
เสียงสนั่นดังกึกก้องเมื่อกระสุนเคลื่อนที่ออกจากปลายปากกระบอกปืน แหวกผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงแล้วผ่านทะลุกลางอกของใครคนหนึ่ง สร้างบาดแผลสาหัสที่ทำให้เลือดสีแดงฉานไหลทะลัก ก่อนที่ร่างนั้นจะล้มลงหายใจรวยริน
ปัง!
และอีกเสียงก็ดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันส่งผลให้ร่างของใครอีกคนล้มลงราวกับใบไม้ที่ถึงกาลร่วงโรย
ธราจำความฝันนี้ได้ดีแม้ในยามตื่น เพราะเป็นฝันร้ายที่พักหลังมานี้เขามักจะต้องเผชิญอยู่เสมอ เป็นความฝันที่เขาไม่กล้าเล่าให้ใครฟังและเป็นความฝันที่นำพาความทรงจำที่ขาดหายไปกลับคืนมา หากแต่เป็นเพียงความทรงจำที่เขามีหลังจากเกิดอุบัติิเหตุเท่านั้น
ความทรงจำที่กลับคืนมาเริ่มขึ้นเมื่อตอนที่ธราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองของคณะทันตแพทยศาสตร์ เป็นตอนที่เจ้า จักรพรรดิ ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าในฐานะคนแปลกหน้าที่แสนคุ้นเคย ไม่แน่ใจระยะเวลาที่แน่ชัดนักว่าได้เจอเจ้า จักรพรรดิในวันเวลาใด อาจจะเป็นตอนต้นเทอมแรก หรืออาจจะเป็นตอนปลายเทอมสอง แต่ไม่ว่าจะวันใดก็ทำให้ธราเข้าใจได้ในทันทีว่ากล่องแพนโดร่าที่ไอ้เจ้ามีไม่ใช่ความทรงจำในอดีตที่เขาลืมเลือนไปหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แต่เป็นความทรงจำในช่วงระยะเวลาสองปีที่ได้เริ่มทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้งในฐานะนักศึกษาต่างคณะและต่างมหาวิทยาลัยที่ไม่มีทางจะโคจรมาเจอกันได้เลยต่างหาก
‘หลังจากที่คุณจำทุกอย่างได้ ผมจะกลายเป็นคนที่คุณเกลียดที่สุดในโลก’
นั่นน่ะเป็นคำพูดของไอ้เจ้าที่เคยพูดไว้ ธราเคยนึกสงสัยว่ามีความทรงจำใดที่จะทำให้เขาเกลียดคนที่ไม่เคยนึกเกลียดคนนี้ในเมื่อความรู้สึกของเขานั้นค้านกับคำพูดของมัน ต่อให้ในตอนที่มีความรู้สึกคลุมเครือ ไม่ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรต่อคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ แต่ความรู้สึกที่เขามีก็ไม่ได้เอนเอียงไปทางเกลียดเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นไอ้เจ้าก็ยังยืนกรานความคิด แววตาที่มองเขาในแต่ละครั้งก็เต็มไปด้วยความกลัวและเป็นกังวลจนสุดท้ายก็พยายามปิดกั้นไม่ให้เขาได้รู้เรื่องราวเพิ่มเติม แม้ปากพูดว่าจะเปิดเผยทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้ แต่ในท้ายที่สุดก็ทำครึ่งๆ กลางๆ แล้วปล่อยเวลาให้ล่วงผ่านไปโดยไม่ทำสิ่งใด
ห้วงเวลาของเจ้า จักรพรรดิน่ะ...คงเป็นแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้ง จึงทำให้ความปรารถนาที่มีไม่เคยสำเร็จแม้สักครั้งเดียว
เพราะขาดความกล้า
“พี่น่ะไม่เคยมีความกล้าเลย” ธราพูดกับบานประตูที่กั้นกลางระหว่างเขากับคนอีกคนที่ปิดขังตัวเองอยู่ในห้อง “ต่อให้ผมจะพยายามมากแค่ไหน พี่ก็ไม่เคยตอบรับเลยสักครั้ง เพราะพี่ไม่กล้าที่จะยอมรับ ไม่กล้าที่จะตกนรกไปพร้อมกับผมจริงๆ”
เขาได้ยินเสียงสะอื้น แน่ใจว่าเจ้าชีวิตของเขาคงนั่งพิงหลังกับประตูห้อง อยู่ห่างแค่เพียงความหนาของบานประตูแต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้ อยู่ห่างกันเพียงแค่นี้แต่กลับรู้สึกว่าไกลแสนไกล
“ผมจำได้แล้วนะ ผมจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแม้แววตาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “แต่พี่รู้มั้ยว่าต่อให้ผมจำได้ ผมก็ไม่เกลียดพี่”
เมื่อห้วงเวลาของเจ้า จักรพรรดิหมดลง ความทรงจำของธราก็ค่อยๆ กลับมา มันกลับมาในรูปแบบของความฝัน พาเขากลับไปยังวันเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างความฝันกับความเป็นจริง ราวกับทั้งสองเหตุการณ์ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ดำเนินไปพร้อมกัน
ดิน ธราในความฝันที่เห็นนั้นถูกโซ่ตรวนจองจำ เขาถูกกักขังที่ห้องแห่งนี้ นั่งคุดคู้อยู่บนเตียงอย่างไร้ทางหนีในห้องนอนที่ใครอีกคนกำลังขังตัวเองไว้ ข้อเท้าของเขาเป็นรอยสีช้ำจากการดิ้นรนเพื่อจะหลุดจากพันธนาการ พันธนาการที่เกิดขึ้นจากคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ คนที่มีนัยตาโศกอยู่เป็นนิตย์เมื่อมองมาที่เขาแต่บางครั้งก็จ้องด้วยความเย็นชา เขาถูกกักขังนานเท่าไรก็ไม่อาจบอกระยะเวลาได้ อาจจะหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์หรือนานนับเดือน ความทรงจำในจุดนี้ไม่แน่ชัดนัก แต่ที่จำได้อย่างชัดเจนก็มีเพียงแค่ธราในความฝันนั้นเอาแต่ตะโกนด่าทอ แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังคนที่ถือสิทธิ์ยึดครองอิสระภาพของเขา ถ้อยคำเจ็บแสบเหล่านั้นย้ำเตือนแต่คำว่าเกลียดให้ฝังลึกลงในใจของคนฟัง
“ตอนนั้นน่ะ...ผมขอโทษที่จำพี่ไม่ได้ ขอโทษที่บอกว่าเกลียด” เขาเอ่ยขอโทษ ความรู้สึกเสียใจท่วมท้นอยู่ในอก “พี่คงเจ็บมากใช่มั้ย มันเป็นความผิดของผมเอง”
“ไม่...ไม่เลย น้องดินเกลียดก็ถูกแล้ว เพราะพี่ทำเรื่องไม่ดี” เสียงสั่นเครือของอีกคนตอบกลับ “ไม่ต้องขอโทษ”
“ผมอยากขอโทษ ถ้ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พูด ก็ให้ผมได้พูดนะพี่” มีคำพูดมากมายที่ธราอยากบอก อยากพูดให้เจ้าชีวิตของเขาได้รับฟัง อยากบอกทุกสิ่งที่อยู่ในใจ “ผมขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บ ขอโทษที่ทำให้พี่ทรมาน ขอโทษที่ผมทำให้เรื่องเป็นแบบนี้”
“ช่างมันเถอะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกลับ พลางประตูห้องก็ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นร่างผอมสูงของเจ้า จักรพรรดิที่ตอนนี้ใบหน้าคมคายเลอะไปด้วยคราบน้ำตา “อย่าขอโทษพี่อีกเลยนะน้องดิน เรื่องแค่นี้เอง”
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ความผิดของดิน ธรา ที่ต่อให้จะใหญ่โตแค่ไหนก็เป็น ‘เรื่องแค่นี้’ สำหรับเจ้า จักรพรรดิ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถือสาเอาความ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะโกรธเป็นจริงเป็นจัง คนเป็นพี่คนนี้ใจอ่อนทุกทีเมื่อได้ยินคำขอโทษ
“เจ็บมากมั้ย” คนเป็นน้องถามแล้วลุกขึ้นไปสวมกอดพี่ชาย “ทรมานมากหรือเปล่า”
ธราอยากรู้ แม้จะไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดหรือช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดทรมานได้แต่เขาก็อยากรับฟัง เพราะช่วงระยะเวลาสองปีที่เป็นห้วงเวลาของเจ้า จักรพรรดินั้นเขาไม่ได้รับอนุญาตให้จดจำ ไม่ว่าจะหมุนวนสักกี่ครั้งก็ไม่หลงเหลือความทรงจำอยู่เลย ที่จำได้ในตอนนี้มีเพียงแค่เหตุการณ์ก่อนเกิดห้วงเวลาและเหตุการณ์ในห้วงเวลาสุดท้ายนี้เท่านั้น
“ชินแล้ว” น้ำเสียงเรียบให้คำตอบ “ในจำนวนเก้าสิบเก้าครั้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้แย่นักหรอก จะพูดยังไงดี มันคงเป็นบททดสอบก่อนที่จะมาถึงครั้งนี้ละมั้ง แต่คงเป็นทั้งบททดสอบและบทลงโทษที่พี่ทำให้น้องดินเสียใจ”
แววตาที่มองธราสะท้อนความรู้สึกผิดและคงเป็นความรู้สึกผิดที่มีให้กับธราคนที่มีความทรงจำก่อนเกิดอุบัติเหตุคนนั้น
“นี่คือครั้งที่หนึ่งร้อยใช่มั้ย” ธราถามต่อพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า
“อืม” รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้าคมคายและเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองปวดแปลบที่อกข้างซ้าย “ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่น้องดินเลือกพี่ เพราะในจำนวนเก้าสิบเก้าครั้งที่ผ่านมา น้องดินเลือกคนอื่น น้องหมั้นกับสาวสวยดาวเภสัชฯ คนนั้นและจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ”
ธราอดแปลกใจไม่ได้ “ผมรักเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่รู้” ตอบอย่างจนปัญญาจะคาดเดาความรู้สึกของธราในแต่ละครั้ง “ที่รู้แน่ชัดคือน้องดินเกลียดพี่ ต่อให้ไม่เลือกน้องบี น้องดินก็เลือกรักคนอื่นที่ไม่ใช่พี่อยู่ดี แค่ในจำนวนครั้งทั้งหมด ทางเลือกนี้เกิดขึ้นมากที่สุด”
“ขอโทษ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว “จำไม่ได้แต่ก็อยากขอโทษ”
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” น้ำเสียงสบายๆ ดังขึ้น ก่อนจะตั้งคำถาม “งั้นพี่ขอถามบ้างได้มั้ย”
“ถามอะไร” ธราถามกลับอย่างระแวดระวัง
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นครับน้องดิน” แววตาจริงจังนั้นจ้องมอง น้ำเสียงที่ใช้ก็ไม่ต่างจากแววตา “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา” คนพูดหยุดพูดไปเพียงครู่ก่อนจะพูดต่ออย่างเน้นย้ำคำ “ทั้งสามคน”
ธรากลืนน้ำลายลงคอ หลบเลี่ยงสายตาที่มองมา เขาไม่แน่ใจนักว่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ในเมื่อตัวเขาก็ไม่ได้มีความเข้าใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากเท่าไรนัก
“ไม่รู้” เขาบ่ายเบี่ยงพลางปัดไปให้อีกคน “ทำไมไม่ถามกับจี้”
“น้องดิน” คนตั้งคำถามยังคงกดดันด้วยการเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม
“ที่ผมรู้ก็แค่เรื่องที่เราอยู่ตรงนี้เพราะเรายังมีห่วง” เขาพูดขึ้นในที่สุดหลังจากที่เงียบอยู่นาน “ตัวผมเอาแต่นึกสงสัยว่าพี่เป็นใคร ทำไมถึงเอาตัวมาบังกระสุนให้ แผ่นหลังของพี่ก็คุ้น คุ้นจนผมเหมือนจะจำได้ ผมคิดว่าถ้าเกิดมีโอกาสอีกสักครั้ง ผมก็อยากจะจำพี่ให้ได้ แล้วถ้ามีความเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้พี่ต้องตายเลย ผมอยากมีเวลาทำความรู้จักกับพี่นานกว่านี้ อยากรู้ว่าทำไมคนที่ผมเกลียดถึงรักผม พี่...ผมเสียใจมากจริงๆ นะในตอนนั้น ผมไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย”
“เดี๋ยว...แล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” เสียงเครียดถามต่อ ทั้งที่แน่ใจว่าคนที่รักต้องปลอดภัย แต่แล้วทำไมคนที่เป็นเจ้าของห้วงเวลากลับไม่ได้มีแค่คนเดียว ห้วงเวลาที่เกิดขึ้นจากความปรารถนาสำหรับคนที่ความตายกำลังคืบคลานมาถึงควรจะมีแต่เจ้า จักรพรรดิเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ “น้องควรจะปลอดภัย”
ธราเผยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แทบหยุดลมหายใจของคนมอง เพราะเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยคำขอโทษและความรู้สึกผิด “แย่เนอะ พี่อุตส่าห์ปกป้อง แต่ผมก็ไม่รอดอยู่ดี”
ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ อกข้างซ้ายของเจ้า จักรพรรดิปวดแปลบแข่งกับรอยแผลเป็นกลางอกที่ปวดขึ้นมาฉับพลัน
“เวลาของพี่คือสองปีแต่เวลาของผมนานกว่านั้น” โทรศัพท์มือถือของธราถูกยื่นไปตรงหน้า “วันเวลาของผมหยุดอยู่ที่วันที่ 18 กรกฎาคม เวลาเที่ยงคืนตรง แต่เหตุของผมต่างจากพี่ เหตุชักนำของผมเกิดขึ้นในวันที่ 17 กรกฎาคม พี่รู้ใช่มั้ยว่าถ้าเราไม่เจอกับเหตุ ผลก็จะไม่เกิด เราเปลี่ยนเหตุที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าผมตายก่อนวันที่ 17 เราก็ยังจะได้อยู่ด้วยกันต่อ เวลาของผมจะเริ่มนับตั้งแต่คืนวันครบรอบสองปีของเรา”
“ธรา” น้ำเสียงเรียกนั้นเข้มจัด “มันหมายความว่ายังไง น้องทำอะไร” รอยยิ้มเศร้าของเขาทำให้คนถามเบิกตากว้างอย่างพรั่นพรึงด้วยความเข้าใจในเรื่องราวที่เกิด “นี่น้อง...”
“ผมขอโทษ มันเป็นความผิดของผมเอง”
“…”
“เพราะเราต่างที่มาและต่างเจตนา เงื่อนไขของเราก็เลยต่างกัน พี่ไม่ได้ตั้งใจมา” ธราหยุดพูด สบสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของคนที่เป็นทั้งพี่ชายและคนรัก “แต่ผมกับจี้ เราตั้งใจ ขอโทษที่ความตั้งใจของเรากักขังพี่เอาไว้ ทำให้พี่ต้องทรมานอยู่แบบนี้”
ถ้อยคำของธราทำให้คนฟังรู้สึกทรมานจนแทบอยากอาเจียน รอยแผลเป็นนั้นปวดแสบปวดร้อนจนยากที่จะสะกดกลั้นเอาไว้ได้ ขาเรียวแข็งแรงถึงกับทรุดฮวบลง ทว่าอ้อมแขนแกร่งของเขาก็ประคองไว้อย่างทันท่วงที เขาโอบร่างผอมไว้ กอดรัดไว้แน่นด้วยความหวงแหน
“แต่อย่างที่ผมบอกว่าเราเสียพี่ไปไม่ได้” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความจริงจัง แววตาก็มุ่งมั่นอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอน “มีชีวิตต่อไปได้มั้ย ต่อให้ต้องทรมานก็อดทนอีกได้หรือเปล่า ผมน่ะ...ต่อให้ต้องตายอีกกี่ครั้งเพื่อยื้อพี่ไว้ ผมก็ยอมนะ” คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหัวราวกับกำลังขับกล่อมให้คนฟังคล้อยตาม “พี่อย่าเพิ่งยอมแพ้เลย ที่ตรงนี้มีคำว่าตลอดไปอยู่จริงๆ นะพี่ อยู่ด้วยกันต่อเถอะนะ อยู่ในโลกที่เราเริ่มต้นกันใหม่ได้ทุกครั้ง จะสิบครั้งร้อยครั้งก็ได้ หมื่นๆ ครั้งเลยก็ได้”
คนในอ้อมแขนของธราส่ายหน้าพลางพยายามขืนตัวออกห่าง ทว่าอ้อมกอดของเขากลับรัดไว้แน่น
“ผมไม่ปล่อย...ผมจะไม่มีวันปล่อยพี่อีกแล้ว ผมบอกพี่แล้วไงว่าผมจะไม่ไปไหน”
“ปล่อย...ขอร้อง...น้องดิน เจ้าขอ...” น้ำเสียงขาดห้วงเต็มไปด้วยความทรมาน ก่อนร่างผอมจะสลบไปเพราะทนความเจ็บปวดที่รอยแผลไม่ไหว ในขณะที่ธรากระชับอ้อมแขนของตัวเองแล้วอุ้มร่างของคนรักเข้าไปในห้องนอน จากนั้นจึงวางลงบนเตียงนอนด้วยความระมัดระวัง ไม่ลืมที่จะกดจูบที่หน้าผากลาดเนียนหนึ่งครั้งแล้วผละออกห่าง
“จะมีสักกี่คนกันนะพี่ที่โชคดีเหมือนพวกเรา” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยกับคนที่ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาปิดสนิทและนอนแน่นิ่งอย่างน่าเป็นห่วง แต่ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอจึงทำให้คลายกังวลไปได้บ้าง “โชคดีที่ก่อนตายนั้นมีโอกาสได้เลือกว่าจะยอมรับหรือจะฝืนโชคชะตา โชคดีที่ได้กลับมาทำตามความปรารถนาในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ผมน่ะสวดภาวนามาตั้งแต่เด็ก อธิษฐานให้ได้อยู่ด้วยกันแม้ความตายก็ไม่อาจพราก ทั้งผมทั้งจี้ต่างก็อธิษฐานต่อทุกอย่างที่เราเชื่อ เพราะพวกเราทำได้เพียงเท่านั้น ทำได้เพียงแค่ขอพรเพื่อจะได้อยู่กับพี่ ภาวนาขอให้พี่รักพวกเราและไม่ทิ้งพวกเราไปเหมือนอย่างที่พ่อแม่แท้ๆ เคยทำ แล้วในที่สุดคำภาวนาก็เป็นจริง โลกนี้น่ะเป็นของพวกเรา ห้วงเวลาที่ไม่สิ้นสุดนี้ก็มีแต่เราที่เป็นคนกำหนด แล้วทำไมถึงคิดจะละทิ้งโชคดีนี้ไปเพื่อต้อนรับโชคร้ายที่กำลังจะมาเยือนล่ะครับ”
ทั้งที่โชคร้ายนั้นจะทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันต่อ แต่ทำไมกลับเอาแต่ร้องขอ...
.
.
D. : จี้ กูปล่อยไม่ได้จริงๆ
Gee : ท่านทรมานมาก มึงก็เห็น
D. : แล้วจะทำยังไง มึงก็รู้ว่าไม่มีทางอื่นแล้ว
Gee : รู้ กูก็ปล่อยไม่ได้ แต่ท่านไม่ไหวแล้ว กูมองท่านอยู่ตลอด ทุกครั้งที่เกิดการรีเซ็ต มันแย่มากขึ้นเรื่อยๆ
D. : จี้
Gee : อะไร
D. : ถ้าปล่อยเวลาไปจนถึงวันนั้น แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าเราเปลี่ยนเหตุ
Gee : ไม่ว่าจะเปลี่ยนยังไงผลลัพธ์ก็เท่าเดิม
Gee : คนที่ตายในวันนั้นมีสองคน
Gee : มันไม่คุ้มที่จะไปยุ่ง ทุกสิ่งต้องเป็นไปนะไอ้ดิน
D. : งั้นก็เปลี่ยนเป็นกูกับมึงแทน เพราะไม่ว่ายังไงกูก็ต้องตายอยู่ดี แค่ผลลัพธ์เท่าเดิมก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ย
Gee : บทลงโทษของการทำผิดกฎคือการที่มึงต้องติดอยู่กับความทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์
Gee : มึงจะกลายเป็นคนที่ถูกลืม จะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าที่ไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลก
D. : ก็ไม่เป็นไร
Gee : มึงน่ะดื้ออย่างที่ท่านบ่น
D. :
Gee : ดิน ถามอะไรหน่อย
D. : ว่ามา
Gee : ทำไมตอนนั้นมึงถึงเลือกไปกับจันทร์เจ้าวะ
D. : ตอนนั้น?
Gee : อืม ก่อนที่พวกมึงจะรถคว่ำ
D. : ทำไมถึงคิดว่ากูจำได้
Gee : ต่อให้จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้ แต่เหตุการณ์นั้นกูคิดว่ามึงจำได้ทันทีที่เห็นท่านเอาตัวบังกระสุนให้ เพราะสีหน้าของมึงในตอนนั้นกูยังจำได้ติดตา และถ้ามึงจำไม่ได้มึงก็คงไม่มาอยู่ตรงนี้
D. : อืม ที่จริง ต่อให้ความทรงจำที่กูมีจะไม่ปะติดปะต่อเป็นเรื่องเป็นราว แต่เหตุผลของกูก็ไม่ได้ซับซ้อนจนยากที่ตัวกูในตอนนี้จะเข้าใจ
.
.