'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End  (อ่าน 177242 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #720 เมื่อ24-02-2019 20:50:33 »

ตกลงเป็นห้วงเวลาของจี้สินะ  :z3:
ที่ให้โอกาสดิน กับเจ้า   o22 :really2: :serius2:
เกลียดจันทร์ โคตรเลวววววววววววววววววว  :z6: :fire: :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #721 เมื่อ24-02-2019 21:08:02 »

รักไม่ได้ทั้งๆที่รักหมดใจ มันชั่งทรมาน

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #722 เมื่อ24-02-2019 21:32:42 »

งงในงง เข้าไปอี๊กกก..
สรุปใครตาย ใครยังอยู่ ใครย้อนเวลา
เวลาเป็นของใคร
จี้ตอนก่อนหน้านี้กะจี้ที่คุยกับดิน คือคนเดวกันมัั้ย..
หืออออออ.... ไรท์รีบมาจ้าาาาาา..

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #723 เมื่อ24-02-2019 21:48:59 »

เพระาจี้รักเจ้ามาก จี้อยากให้เจ้ามีความสุข จี้ต้องเป็นคนที่แลกชีวิตทั้ง2คนกับตัวเองแน่ๆเลย

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #724 เมื่อ24-02-2019 22:11:14 »

มันหน่วงๆ  :ling2: :ling2:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #725 เมื่อ24-02-2019 22:29:27 »

 โคตรเกลียดจันทร์เลย

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #726 เมื่อ24-02-2019 22:38:01 »

นี่คือขั้นกว่าของ inception ช้ะ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #727 เมื่อ24-02-2019 23:24:58 »

หน่วงแบบไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #728 เมื่อ24-02-2019 23:27:01 »

เจ็บทุกคน เจ็บมากเจ็บน้อย
กลัวใจสามคนที่เหลือเหลือเกิน  :hao5:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #729 เมื่อ24-02-2019 23:54:45 »

จี้จะยอมแลกหรอ ถ้ายอมแลกเจ้าจะลืมจี้มั้ยอะ ลืมคนๆนึงที่รักเจ้ามากขนาดนั้นอะ
ไม่ลืมได้มั้ย ให้จี้ได้อยู่ในความทรงจำ แม้มันจะเป็นเสี้ยวเล็กๆของเจ้าอะ

เรารู้สึกว่าจี้เป็นคนรู้กฎเกณฑ์ของห้วงเวลามากที่สุด อาจจะเพราะจี้เลือกตายหลังคนอื่นเวลาของจี้เลยยาวนานกว่า ของเจ้า2ปีของจี้อาจจะมากกว่านั้น แล้วตอนนี้อาจเป็นห้วงเวลาของจี้แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
« ตอบ #729 เมื่อ: 24-02-2019 23:54:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #730 เมื่อ25-02-2019 00:14:19 »

ซับซ้อนจริงๆ. เศร้าด้วย,,,

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #731 เมื่อ25-02-2019 00:15:22 »

ที่อ่านมาคือทุกคนน่าจะถึงจุดรับรู้และตรึกตรองเรื่องได้ พอแต่ละคนปล่อยมือเรื่องก็จะกลับสู่จุดเดิม
อย่างจันทร์ ก็มีบทสำนึกได้และปล่อยมือจากดินแล้วในบทหนึ่งก่อนที่เวลาจะถอยหลังกลับ(จำกันได้เปล่า บทที่จันทร์รำพึงถึงดินคนที่น่ารักว่าหายไปไหน)  และมีบทที่ดินพูดกับหมอแพร์ว่าจันทร์ที่น่ารักเข้าใจง่ายหายไปเหลือแต่จันทร์ที่พูดยากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ดินจะกลับมาอยู่กับเจ้าและย้อนเวลากลับมาด้วยกัน (ในขณะที่เพื่อนๆอนาคตค่อยๆหายไป/แต่คนแรกที่หายจริงๆคือจันทร์ที่มีความน่ารักในสายตาของดิน...  จนกลับมาเป็นจันทร์ที่เกรี้ยวกราดและเกิดอุบัติเหตุในวันนั้นในบทนี้... เจ้าที่กลับมาเจอในบทนี้อาจจะเป็นเจ้าที่ย้อนอดีตและกลับมาครั้งแรก ส่วนเจ้าที่ขับรถตามมาอาจจะเป็นครั้งต่อๆมา..ลุงชันหายไปเพราะไปทำตามคำสั่งนายหญิง  คำสั่งอาจจะเป็นการมาขัดขวางด้วยการยิงใครสักคนเพื่อไม่ให้เจ้าเอาตัวไปแลกชีวิตกับดินที่ตายจากอุบัติเหตุ เพราะนายหญิงมีหน้าปกป้องเจ้าให้ใครสักคนที่ยิ่งใหญ่มาก....   แล้วการยิงก็เริ่มเกิด   คนที่ตายน่าจะมีสามคน ตายจากอุบัติเหตุคือดิน ตายจากการยิงสลับช่วงมิติสองคนคือจี้กับเจ้า...และดินในมิติครั้งสุดท้ายเป็นคนขอร้องจี้ให้ฆ่าตัวเองก่อนเจ้ามาถึงเพื่อยุติการเวียนว่ายในมิติให้เจ้า อาจจะเป็นจี้ยิงดินและมีคนมายิงจี้ต่อ....ดินฟื้นจากอุบัติเหตุ  เจ้าฟื้นจากการถูกยิง เหตุการณ์จะเดินหน้าไปสองปี แล้วย้อนกลับมาจุดเดิม99ครั้ง โดยจี้คนนี้รออยู่ที่เดิม และจี้คนที่คุยกับดินนี้เคยไปในห้วงเวลาของเจ้า เป็นคนที่เคยช่วยพาดินกลับเข้ากรงเจ้าในบทแรกๆ... ทำไมเหมือนอดีตย้อนไปไกลกว่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2019 00:27:18 โดย kanj1005 »

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #732 เมื่อ25-02-2019 02:00:26 »

  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #733 เมื่อ25-02-2019 02:51:36 »

จี้จะเสียสละใช่มั้ย ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นอยากให้จบแบบแฮปปี้

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #734 เมื่อ25-02-2019 13:30:02 »

เอาดีๆ คือแบบอ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครดีอ่ะ   :mew2:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #735 เมื่อ25-02-2019 17:30:11 »

โชคดีนะ พูดได้แค่นี้จริง ๆ

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #736 เมื่อ25-02-2019 18:51:29 »

 :m31: :m31:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #737 เมื่อ25-02-2019 20:06:38 »

เอาจริงๆนะตูเริ่มงงละ  :katai1: :ling1:
 :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #738 เมื่อ27-02-2019 06:54:22 »

อ่านไปอ่านมา จี้น่าจะเป็นคนกุมความลับสำคัญของเรื่องคนหนึ่ง

แต่เรื่องนี้ อ่านมาตั้งนานแต่ไม่เคยเดาถูกสักที  :mew5:

 :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #739 เมื่อ27-02-2019 09:25:15 »

คือตอนนี้อยู่โลกไหนอ้ะ :katai5:  อ่านไปอยากจะจิกหัวจันทร์ ทำชีวิตเค้ายุ่งขนาดนี้ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
« ตอบ #739 เมื่อ: 27-02-2019 09:25:15 »





ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 23 Our pain ​P.24 24/02/2019
«ตอบ #740 เมื่อ01-03-2019 19:27:07 »

อ้าวงง นี่คือห้วงเวลาของใครกันแน่ จันทร์กับจี้?

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 24 ปลายทาง





ธราตื่นแต่เช้าเพื่อจัดเตรียมของสำหรับงานวันเกิดของคนสำคัญ ในขณะที่เจ้าของงานนั้นยังคงหลับสนิท ใบหน้าคมคายของเจ้า จักรพรรดิซีดเซียว แต่ริมฝีปากบางกลับระบายยิ้มคล้ายกำลังฝันดี เห็นดังนั้นแล้วก็ไม่อยากปลุก ถ้ากำลังมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ในความฝันธราก็ไม่อยากเข้าไปขัดขวาง

ชายหนุ่มฮัมเพลงเบาๆ ในขณะที่ลงมือทำอาหารเช้าตามวิธีการที่ได้ดูจากอินเตอร์เน็ต ต่อให้จะเป็นเมนูง่ายๆ อย่างข้าวต้มหมูสับที่คนรักของเขาบ่นนักหนาว่าทำยากทำเย็น คนทำอาหารไม่เป็นอย่างเขาก็ต้องดูวิธีการทำอย่างละเอียด ซึ่งเมื่อศึกษาวิธีดูแล้วก็อดเห็นด้วยกับไอ้เจ้าไม่ได้เมื่อได้มาลงมือทำเอง เพราะไม่ใช่แค่ข้าวต้มที่จะแค่ใส่ข้าวใส่น้ำรอจนสุกแล้วยกลงจากเตาจัดเสิร์ฟ แต่กลับมีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่านั้นที่ผลักดันให้ข้าวต้มมีรสชาติอร่อย เขาจึงใช้เวลาร่วมชั่วโมงขลุกอยู่ในครัว

“ตื่นเช้าหรือยังไม่ได้นอนครับ” คนที่เพิ่งเดินออกจากห้องนอนตั้งคำถามพลางพาร่างผอมบางมานั่งบนเก้าอี้หน้าบาร์เล็กๆ ที่กั้นพื้นที่ของครัวกับส่วนโถงของห้อง

“ตื่นเช้า” ธราตอบสั้นเพราะกำลังง่วนกับการทำกระเทียมเจียวตามสูตรในอินเตอร์เน็ต แม้ในใจจะคิดว่าไม่จำเป็นแต่เจ้าของสูตรกลับเน้นย้ำว่าของมันต้องมี ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องมายืนหน้ามันอยู่หน้าเตาอย่างนี้

“กลัวอยู่เลยว่าตื่นมาแล้วจะเป็นยังไง เพราะเดาใจคุณไม่ถูก” ไอ้เจ้าพูดตามความรู้สึกในใจพลางมองแผ่นหลังกว้างของธรา “หรือนี่คือวันครบรอบสองปีของเรา”

“อย่าพูดเรื่องเครียดตอนเช้า” ธราเตือน เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหันไปมองคนพูด “ให้เป็นวันดีๆ สักวันเถอะ”

“แค่ตื่นมาเห็นคุณทำอาหารเช้าให้ ก็เป็นวันดีๆ แล้วครับ” ไอ้เจ้าแย้ง ขยับยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดต่อ “แต่เจ้าก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“แล้วถ้ามันกลับไปเป็นวันครบรอบสองปีล่ะ ถ้าผมพาไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เจ้าจะว่ายังไง”

ไอ้เจ้าหัวเราะเบาๆ แค่เพียงตาสบตาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย “เจ้าเชื่อว่าคุณไม่ทำหรอก”

“อาจจะทำไปแล้วก็ได้”

“ถ้าทำไปแล้วจริงๆ คุณไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมอย่างนี้” ไอ้เจ้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สุ้มเสียงที่ใช้ก็ไม่มีแววล้อเล่น “คุณไม่รู้หรอกว่าเราต้องใช้อะไรแลกกับเวลา ไม่รู้หรอกว่าต้องเสียอะไรไปบ้าง เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ตัวเองทรมานเลยครับ ให้วันนี้เป็นวันสุดท้าย แล้วมาทำวันสุดท้ายให้ดียิ่งกว่าวันที่ผ่านๆ มาดีกว่านะ”

ธราระบายลมหายใจ สีหน้าของเขาก็จริงจังเช่นกันเมื่อตั้งคำถาม “รู้ใช่มั้ยว่าไม่่ง่ายที่จะยอมรับ”

“อืม รู้สิ แต่มันดีกว่านะที่เราจะอ่านตอนจบของหนังสือเล่มโปรดสักที”

ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นและมีจุดจบของมัน ต่อให้ประวิงเวลาก็คงหลีกหนีไม่พ้น เพราะไม่ว่าอย่างไรบทสรุปก็ต้องมาถึงและคงดีกว่าที่จะยอมรับด้วยความเต็มใจ อ้าแขนต้อนรับแล้วโอบกอดเอาไว้ราวกับเพื่อนรู้ใจที่ไม่ได้เจอมานานแสนนาน

“ต่อให้ตอนจบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันน่ะเหรอ”

“ใช่”

“ต่อให้จะไม่ได้กลับไปอ่านอีกแล้ว ก็ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่มั้ย”

“อืม...ไม่เป็นไร”

ธราเงียบไปเพียงครู่ เขาจัดการปิดเตา ละมือจากงานที่ทำแล้วเดินไปหาไอ้เจ้า “ทุกครั้งที่เจ้าตัดสินใจ ผมก็มีแต่ต้องยอมรับ ไม่ว่าครั้งไหนที่เลือกจะปล่อยมือ ต่อให้ผมรั้งไว้แค่ไหนก็ยังยืนยันจะไปอยู่ดี”

“ขอโทษครับ” ไอ้เจ้าเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอโทษทุกๆ เรื่อง ทั้งในส่วนที่คุณจำไม่ได้และที่ทำให้คุณเสียใจในตอนนี้”

“อยากจะพูดเหมือนกันว่าไม่เป็นไร แต่ผมก็ไม่อยากโกหก” แววตาของธราไม่ปิดบังความรู้สึก เพราะเขาไม่เก่งเหมือนคนตรงหน้าที่ไม่ค่อยเผยความอ่อนแอให้เห็น “เอาเถอะ วันนี้มาฉลองวันเกิดล่วงหน้ากัน”

“จะดีเหรอ” ไอ้เจ้าถามอย่างไม่แน่ใจ “ไม่ต้องก็ได้นะ”

“ไม่ได้” ธรายืนกรานความคิด “คำอวยพรครั้งสุดท้ายน่ะไม่อยากได้ยินหรือไง”

รอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏบนดวงหน้า “เพราะรู้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายไงครับ เจ้าก็เลยไม่อยากได้ยิน”

“กลัวร้องไห้เหรอ” ธราถามพลางยิ้มล้อ “เนี่ย แล้วก็ทำฟอร์มเยอะว่าไม่เป็นไร”

“อย่าล้อกันซี่” คนฟอร์มเยอะหน้างอ มองค้อนธรา “เห็นหน้าตาดีอย่างนี้ก็อ่อนไหวเป็นนะ”

“อยากเถียง แต่หนังหน้าก็ดีเกิน” เขาทำหน้าหมั่นไส้พลางหยิกแก้มเจ้าคนหน้าตาดีไปหนึ่งที “แต่เอาอย่างนี้ละกัน ถ้าเจ้าร้อง ผมสัญญาเลยว่าจะไม่ล้อ จะให้ยืมอกกว้างๆ เช็ดน้ำตาแถมด้วยการให้กัดกล้ามแน่นๆ อีกหลายๆ ทีเลย”

“โปรโมชั่นดีอย่างนี้ชักอยากร้องไห้แล้ว”

ธราหัวเราะ บีบจมูกไอ้เจ้าเบาๆ “กินข้าวก่อนละกันค่อยร้อง”

“ก็ได้” พยักหน้าจำยอม “ขอชิมหน่อยเถอะว่ารสชาติเป็นยังไง”

“อร่อยกว่าที่เจ้าทำก็แล้วกัน”

“แน๊ นายคนนี้มันมั่นใจ มันเกทับ”

คราวนี้ธราหัวเราะเสียงดัง นึกอยากจะฟัดคนที่ชอบใช้เสียงสองแต่ก็ติดว่าถ้าเล่นเกินเหตุจะพลาดมื้อเช้ากันแน่ๆ เขาจึงตัดใจเดินกลับไปที่ครัวเพื่อจัดการตักข้าวต้มหมูสับมาเสิร์ฟ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ยกข้าวต้มหมูสับสองถ้วยไปที่โต๊ะกินข้าว ถ้วยหนึ่งวางลงตรงหน้าไอ้เจ้าที่เปลี่ยนที่นั่งจากเก้าอี้ทรงสูงหน้าบาร์มานั่งตรงหัวโต๊ะ ส่วนอีกถ้วยวางลงตำแหน่งที่ตัวเองจะนั่ง

“กลิ่นหอมจัง” ไอ้เจ้าเอ่ยชมพลางสูดดมไอร้อนที่ลอยขึ้นจากถ้วย “โอ้โห...มีกระเทียมเจียวด้วย เป็นทอปปิ้งที่โรยแล้วเพิ่มความน่ากินขึ้นอีกสิบเท่า รู้อย่างนี้ครั้งก่อนเจ้าทำก็ดี”

“ฝีมือมันต่างกั๊นนน” ธราได้ทียกหางตัวเอง เขาคลี่ยิ้มแล้วยักคิ้วให้ไอ้เจ้าด้วยความภูมิใจ “กระเทียมเจียวไม่ได้ทำง่ายๆ นะบอกไว้ก่อน”

“มันจะยากตรงไหน”

“เป็นงานละเอียด ยิ่งกว่ากรอฟันระยะนิดหนึ่งของอาจารย์แม่ก็แล้วกัน”

ไอ้เจ้าหัวเราะชอบใจ “ว่าแต่ไอ้ระยะนิดหนึ่งนี่มันเท่าไรนะคุณ”

“พระเจ้าเท่านั้นที่รู้”

“โอ...มันกลายเป็นความลึกลับของจักรวาลไปแล้ว”

ธราพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการข้าวต้มในถ้วย ขืนพูดคุยกันนานกว่านี้ ความอร่อยคงหายไปกับความร้อน เพราะมีคนเคยพูดเอาไว้ว่าข้าวต้มต้องกินตอนร้อนๆ แต่หากร้อนเกินไปก็จะทำให้หมดความอร่อยได้เช่นกัน อย่างเช่นไอ้เจ้าในตอนนี้ที่รีบกินจนลืมเป่าจึงโดนน้ำร้อนๆ ลวกปากลวกลิ้นอย่างน่าสงสาร

“อยากด่าโง่แต่ก็เกรงใจอายุ” ธราส่ายหน้าระอา จัดการส่งแก้วน้ำให้ไอ้เจ้าที่กำลังแลบลิ้นรับไปดื่ม “คราวนี้ถ้าสำลักน้ำอีกจะซ้ำนะ ระวังหน่อย”

“ก็มันอร่อยนี่” คนไม่ระวังเถียงแต่ไม่วายพูดเอาใจจนธราว่ากลับไม่ได้ หนำซ้ำยังกลั้นยิ้มไม่อยู่ “จะฉลองวันเกิดทั้งทีกลับโดนของร้อนลวกปากอย่างนี้ บอกตามตรงว่าแย่ ทีนี้จะกินเค้กยังไง”

“พูดมาขนาดนี้แล้วต้องมีเค้กให้สินะ”

ไอ้เจ้าพยักหน้า “เป็นไอเทมสำหรับงานวันเกิดเลยไม่ใช่เหรอคุณ หรือคุณจะให้เป่าดินน้อยฮึ”

เจ้าของดินน้อยถึงกับสำลัก ไออยู่หลายทีในขณะที่มือก็รับแก้วน้ำจากไอ้เจ้ามาดื่มแก้อาการ ก่อนจะถามตัวต้นเหตุว่า “ต้องทะลึ่งให้ได้อย่างน้อยวันละหนึ่งประโยคเหรอเจ้า ยังไงดี ให้ผูกริบบิ้นด้วยเลยมั้ย เป็นทั้งเทียนเป็นทั้งของขวัญให้”

“ได้ก็ดีนะดิน จัดมาอย่างนั้นเลย ขอเจ้าเถอะ” ไอ้เจ้ายิ้มเผล่ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ยังไงก็วันสุดท้ายแล้ว”

ธราระบายลมหายใจ เขาวางช้อนแล้วยกมือขึ้นเท้าคางมองไอ้เจ้าอย่างจริงจัง “ที่จริงวันนี้เราควรทะเลาะกันแล้วเกลียดกันไปเลยดีกว่ามั้ยเจ้า เพราะยิ่งมันดีมากเท่าไร ก็จะยิ่งเสียใจมากเท่านั้น ทั้งเสียใจทั้งเสียดายเพราะรู้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ไม่รู้สิ” ไอ้เจ้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางเลือกไหนถูกต้องหรือทางเลือกไหนที่เจ็บน้อยที่สุด

“กินข้าวต่อเถอะ” ธราตัดบท เขาไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของคนรักไปมากกว่านี้ “แล้วค่อยไปหาซื้อเค้กกัน ยังไงการฉลองวันเกิดก็ต้องมีเค้ก ส่วนของขวัญน่ะจะผูกริบบิ้นให้อย่างดี”

ไอ้เจ้าพยักหน้าพลางยิ้มแฉ่ง คงถูกอกถูกใจของขวัญที่ธราจะมอบให้จนลืมความเศร้าไปหมดสิ้น “จะไม่เสียดายอะไรเลยจริงๆ นอกจากจะไม่ได้กินอมยิ้มของคุณอีกนี่แหละ”

“ตัดเอาไปด้วยเลยมั้ยตัวดี” น้ำเสียงประชดประชันโต้กลับ “แทนที่จะเสียดายอย่างอื่น”

“ฮ่าๆ ๆ เขินเลย”

เป็นไปได้ก็อยากจะได้เห็นรอยยิ้ม อยากได้ยินเสียงหัวเราะ อยากพูดคุยกันอย่างนี้ไปทุกวัน ยิ่งตระหนักว่าความต้องการไม่มีวันเป็นจริงแล้ว ขอบตาของธราก็ยิ่งร้อนผ่าว เขารีบก้มหน้าลงเมื่อรู้ว่าน้ำตากำลังจะรินไหล

“นี่...ดิน” เสียงของไอ้เจ้าดังขึ้นพร้อมกับที่มือผอมของมันสัมผัสที่ไหล่กว้างของธราแล้วบีบเบาๆ “ของขวัญน่ะขอเป็นคำสัญญาแทนได้มั้ย”

“…”

“สัญญาได้หรือเปล่าว่าจะอยู่ต่อไป”

“…”

“นะ มาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”

“…”

“ขอนิ้วก้อยหน่อยครับน้องดิน”

ธราอยากปฏิเสธ เพราะรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรตัวเขาก็จะทำผิดสัญญา แต่เขาก็ยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของผู้ชายที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิอีกสักครั้ง

“เจ้าก็เหมือนกันนะ” ไม่ว่ายังไงก็ต้องอยู่ต่อไป

นิ้วก้อยทั้งสองเกี่ยวแนบกัน สัมผัสอบอุ่นที่ปลายนิ้วก็รับรู้ได้เป็นอย่างดี ทั้งที่ใครคนหนึ่งไม่ได้คิดจะทำตามสัญญา

“ไปซื้อเค้กกันเลยมั้ย” หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่นานโดยปล่อยให้นิ้วก้อยเกี่ยวกันอย่างไม่คิดจะผละห่าง ไอ้เจ้าก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น “ฉลองวันเกิดเจ้าแต่ให้ดินเลือกเค้กที่ชอบเลย”

“ครั้งนี้เจ้าเลือกได้มั้ย ผมอยากกินที่เจ้าชอบบ้าง เพราะวันเกิดทีไรก็ให้ผมเลือกทุกที”

“แต่ดินก็เลือกที่เจ้าชอบไม่ใช่เหรอ” ไอ้เจ้าแย้ง ยกยิ้มอย่างรู้ทัน “ตัวเองชอบช็อกโกแลตแต่ก็เลือกเค้กนมสด เพราะฉะนั้นครั้งนี้เลือกที่ดินอยากกินจริงๆ นะ ไม่เอาที่เจ้าชอบ”

“รู้ทัน”

“ต้องรู้ซี ไม่ได้โง่นะ”

“โอเค งั้นครั้งนี้จะเลือกวานิลลา”

“เดี๋ยวๆ”

ธราหัวเราะเมื่อเห็นไอ้เจ้าทำหน้าเหวอ “เอาวานิลลานั่นแหละ” สรุปความแล้วก็คลี่ยิ้ม “เพราะเวลาฉลองกับจี้ พวกเราก็กินวานิลลา เจ้าไม่ชอบช็อกโกแลต ผมไม่ชอบนมสด แต่เรากินวานิลลาได้ จี้ก็เลยซื้อเค้กวานิลลามาทุกครั้ง”

“อืม นั่นสินะ”

“ครั้งนี้มาฉลองกันสามคนเถอะ”

“ครับ”

ด้วยเหตุนั้นเค้กฉลองวันเกิดของไอ้เจ้าจึงเป็นเค้กวานิลลาที่ตกแต่งหน้าเค้กด้วยผลไม้หน้าตาน่ากิน สีสันก็สวยสดสมกับเป็นเค้กจากร้านเบเกอร์รี่ร้านดังที่ธราลงทุนขับรถไปไกลหลายกิโลเมตร มีไอ้เจ้าติดสอยห้อยตามไปด้วย ทำให้นอกจากได้เค้กฉลองวันเกิดแล้วก็ได้ขนมชนิดอื่นมากินรองท้องระหว่างต้องหิ้วท้องไปให้ถึงร้านอาหารเพื่อกินมื้อค่ำด้วย

“เผลอแป๊บเดียวก็มืดแล้ว” ไอ้เจ้าพูดขึ้นเมื่อมองออกไปด้านนอกร้านอาหาร “ทั้งๆ ที่ตอนออกมาซื้อเค้กยังสว่างอยู่เลย เวลามันเดินเร็วขึ้นหรือเปล่านะ”

ธราที่เพิ่งจัดการสั่งอาหารกับพนักงานเสร็จก็มองตามสายตาของไอ้เจ้าไปด้านนอกบ้าง “เวลามันก็เดินของมันเท่าเดิม คงมีแต่ความรู้สึกของเราที่อยากให้มันเดินช้าลงละมั้ง ถึงได้คิดไปเองว่ามันเร็วขึ้น”

“ก็จริง” ไอ้เจ้าพยักหน้าเห็นด้วยพลางระบายลมหายใจ “หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”

“กลัวเหรอ” ธราวางมือลงบนมือผอมของไอ้เจ้า รู้สึกได้ว่ามือที่เขากำลังกุมอยู่นั้นสั่นน้อยๆ

“อืม” ยอมรับอย่างไม่ปิดบัง “มีใครบ้างที่ไม่กลัว”

“อยู่ด้วยกันแล้วจะกลัวอะไร”

ไอ้เจ้ายิ้มออกมากับถ้อยคำปลอบโยนที่ได้ยิน “จังหวะนี้ก็ต้องเขินแล้วนะ”

“อือ เอาเลย อยากเห็นสักทีเหมือนกันว่าเวลาเขินจริงๆ จะเป็นยังไง”

“พอๆ ๆ เจ้าว่าเจ้าไม่ไหวกับสายตาของคุณ แย่เลย จะเสียตัวกลางร้านอาหารไม่ได้”

ธราถึงกับหลุดหัวเราะ ส่ายหน้าระอาใส่คนที่ชอบขัดมู้ด “กลบเกลื่อนไปได้ตลอด แต่เอาเถอะ กินข้าวแล้วรีบกลับดีกว่า”

“ดีๆ ๆ” ไอ้เจ้าเห็นด้วย ท่าทางกระตือรือร้นจนน่าหมั่นไส้ “อยากแกะของขวัญจะแย่ นึกภาพตัวเองกระตุกริบบิ้นแล้วเขินมาก มันต้องแบบ...”

“พอมั้ย” ธราปรามเสียงดุ “เดี๋ยวโดนกลางร้านจริงๆ”

“เจ้าหยอก แต่ถ้าโดนจริงก็ได้ มาเล้ยยย”

“ดีดเนอะ ล่าสุดที่ดีดอย่างนี้คือไปเมากาวห้องไอ้น้องเอ๋” ว่าแล้วก็อยากจะเขกกบาลสักที แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าดูดีนั่นแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป “ขอโทษ”

“ไม่เป็นไร แค่กำลังคิดว่าเอ๋จะเป็นยังไงบ้าง”

“ก็คงสบายดี” ธราทำได้เพียงแต่คาดเดา ในขณะที่ไอ้เจ้าก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา “เป็นเพื่อนที่ดีเลยใช่มั้ย”

“อือ” ขานรับในลำคอพร้อมกับที่น้ำตาหนึ่งหยดรินไหลลงมาอย่างไม่สามารถกลั้นไว้ได้ “น่าคิดถึงจริงๆ นะ”

“พอแล้ว” หัวใจของธราปวดหนึบ มันเต้นด้วยความปวดร้าวเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของคนตรงหน้า “ไม่ต้องคิดอะไรแล้วเจ้า”

“ไม่คิดแล้วๆ” ไอ้เจ้าพยายามฝืนยิ้มแต่ก็ทำได้แย่เต็มที “โอ๊ะ ข้าวมาพอดีเลย กินกันดีกว่า จะได้รีบกลับห้อง”

ธรารู้ดีทีเดียวว่าถ้อยคำที่ได้ยินนั้นเป็นเพียงคำโกหก แต่ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะมีวิธีไหนช่วยบรรเทา เพราะหลังจากนี้ไม่ว่าจะเลือกทางไหน คนที่เจ็บปวดก็ยังคงเป็นเจ้าชีวิตของเขาอยู่ดี

ผมจะทำยังไงดีนะเจ้า

ทำยังไงเจ้าถึงจะไม่ทรมานไปมากกว่านี้

ทำยังไงเจ้าถึงจะมีความสุขจริงๆ สักที

.

.

“อธิษฐานก่อนเป่านะ” ธราบอกพลางเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าพยักหน้าอย่างว่าง่าย ในขณะที่มือข้างหนึ่งของเขาถือเค้กวานิลลาไว้ ส่วนอีกข้างนั้นใช้กำบังลมที่จะพัดเปลียวเทียนให้ดับ เพราะดันเลือกระเบียงเป็นสถานที่เป่าเทียนวันเกิดจึงต้องระมัดระวังลมที่พัดผ่านมาเป็นอย่างมาก “ว่าแต่จะอธิษฐานอะไร”

“ยังคิดไม่ออก” ไอ้เจ้าตอบ คิ้วขมวดเล็กน้อยอย่างกำลังครุ่นคิด “ดินก็รู้ว่าเจ้าไม่เคยอธิษฐานเลยสักครั้งเพราะไม่มีความเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าอธิษฐานก็อาจจะเป็นจริงก็ได้”

การที่ได้มาอยู่ในที่แห่งนี้โดยผ่านเรื่องราวประหลาดมาทั้งหมด คงไม่มีคำว่า ‘ไม่เชื่อ’ อยู่ในหัวของไอ้เจ้าอีกต่อไปแล้ว แม้จะก้ำกึ่งอยู่หลายครั้งว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ความรู้สึกเจ็บ ความรู้สึกเศร้า หรือแม้แต่ความสุขที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ก็เป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้จริงๆ

“อือ งั้นเจ้าก็ขอให้ตัวเองมีความสุขสิ” ธราแนะ จ้องมองเปลียวเทียนที่คล้ายจะดับแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังทำท่าคิดหนัก “ไม่เห็นยากเลย ปกติแล้วคำอธิษฐานก็ต้องขอความปรารถนาในใจอยู่แล้วจริงมั้ย แล้วก็คงไม่มีใครไม่อยากให้ตัวเองมีความสุขหรอก”

“นั่นสินะ” ไอ้เจ้าคล้อยตาม ก่อนสองมือจะยกขึ้นประสานกันไว้ระดับอก แววตาจริงจังสบมองกับธราเมื่อเริ่มอธิษฐาน “งั้นเจ้าก็ขอให้น้องดินของเจ้ามีความสุขมากๆ มีชีวิตที่ดีต่อจากนี้ อย่ามีเรื่องที่ทุกข์ใจ ให้มีแต่คนดีๆ เข้ามาในชีวิต”

น้ำเสียงทุ้มเนิบนาบราวกับต้องการที่จะพูดเน้นย้ำให้ทั้งธราและใครสักคนที่มีสิทธิ์กำหนดโชคชะตาได้รับเอาคำอธิษฐานไป และเมื่อพูดจบ ลมหายใจอุ่นก็ทำให้เปลียวเทียนดับลง นำพาความมืดสลัวเข้ามารายล้อมรอบตัวคนทั้งสอง

“บอกให้ขอให้ตัวเอง” ธราว่าอย่างอ่อนใจพลางวางเค้กลงบนพื้นข้างกาย “มาขอให้ผมทำไมก็ไม่รู้”

“ก็ถ้าดินมีความสุข เจ้าก็มีความสุข” ไอ้เจ้าตอบ จัดการจุดเทียนหอมในถ้วยแก้ว นำพาแสงสว่างกลับมา “แล้วไหนล่ะคำอวยพรของเด็กดีของเจ้า”

“อืม…” ธราแสร้งทำท่าคิด ทั้งที่มีคำอวยพรในใจแล้ว “เอ...อวยพรอะไรดีนะ”

“ก็คือไม่ได้เตรียมไว้เหรอ” ไอ้เจ้าหน้ามุ่ย ยกกำปั้นขึ้นชกไปที่หัวไหล่แน่นไปด้วยมัดกล้ามเบาๆ “ถ้ารักกันจริงต้องร่างไว้สามหน้าเอสี่แล้วนา”

“คำอวยพรหรือเรียงความวะเจ้า”

“ไม่รู้ รู้แค่อยากได้ยาวๆ”

“ดินน้อยก็ยาว”

“อู้ววว จัดหนักจัดเต็มมาเลย”

ธราหัวเราะ เสียงทุ้มกังวาน เขายกมือขึ้นผลักศีรษะของคนปากเก่ง ก่อนจะเงียบเสียงลงแล้วทำหน้าจริงจัง “เหลืออีกห้านาทีก่อนจะเที่ยงคืน”

“อือ”

“ฟังนะเจ้า”

“ครับ”

“น้องดินของเจ้าคงหายไปตอนที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น ตัวผมในตอนนี้ก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าหวัง ผมอาจจะจำเรื่องของเจ้าไม่ได้ทั้งหมด อาจจะมีบางช่วงเวลา ทั้งที่สำคัญและไม่สำคัญที่ผมลืมไป แต่...” ธราหยุดพูด เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาช้าๆ ความปวดร้าวที่เพิ่มขึ้นทีละนิดตั้งแต่ที่เวลาของวันนี้เริ่มต้นขึ้นและกำลังจะเดินไปถึงวินาทีสุดท้าย ในตอนนี้กลับมากจนเขาไม่สามารถพูดด้วยน้ำเสียงปกติได้ คำอวยพรถูกกลืนหายไปในลำคอ แต่เวลาไม่คอยท่าแล้ว หากไม่ได้พูดตอนนี้ก็คงไม่ได้รับโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง “แต่ผมคนนี้รักเจ้านะ รักและอยากให้เจ้ามีความสุข อยากให้เจ้าอยู่กับผม อยากเป็นคนที่ทำให้เจ้ามีความสุขที่สุดในโลก แต่ผมไม่เก่งพอที่จะทำได้ ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็มีแต่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกันจริงๆ นั้นเคยเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ เพราะความรักที่เป็นไปไม่ได้แต่เรากลับพยายามที่จะฝืนมัน สุดท้ายก็ไม่เคยจบอย่างที่หวังเลยสักครั้ง”

“ดิน…”

“แต่ครั้งนี้น่ะ มันคงจะเป็นตอนจบที่ดีนะ” รอยยิ้มเศร้าสร้อยของธรากับแววตาที่ไอ้เจ้าเห็นนั้นทำให้นึกหวั่นในใจขึ้นมา “เจ้า ในนาทีสุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่าผมขอโทษ...ขอโทษนะครับที่ต้องผิดสัญญา ขอโทษนะครับที่ครั้งนี้ผมจะเป็นฝ่ายทิ้งเจ้าไปบ้าง ยกโทษให้ผมด้วยนะ”

มือของไอ้เจ้าจับที่แขนของธราแน่น แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามไม่ได้รับคำตอบ ไม่เหลือเวลาแม้แต่จะรอฟังเมื่อครบกำหนดเวลา มีแต่เพียงใบหน้าเศร้าสร้อยกับรอยยิ้มที่สะกดสายตาตั้งแต่แรกเห็นของธราเท่านั้นที่ฝังแน่นในความรู้สึก

ยกโทษให้คนที่รักคุณมากๆ คนนี้ด้วย

.

.

D. : จี้

D. : มึงรับปากแล้วนะ

Gee : อืม ไม่ต้องห่วง

D. : แต่ก่อนตายกูจะจำเจ้าได้ใช่มั้ย

Gee : มึงจะจำทุกอย่างได้ในตอนที่คนในเหตุมากันครบ

Gee : เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เวลาจะเริ่มเดินต่อ

D. : มันจะเปลี่ยนได้จริงๆ ใช่มั้ยวะ

Gee : เปลี่ยนได้

D. : ทำไมมึงถึงมั่นใจนักจี้

Gee : เพราะกูเปลี่ยนมันมาแล้ว

.

.


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
17 กรกฎาคม 06:30 AM

สภาพอากาศในเช้าตรู่ของวันนี้ไม่สู้ดีนัก พื้นถนนชื้นแฉะไปด้วยเม็ดฝนที่โปรยปรายตั้งแต่เมื่อคืนที่ตกลงมาอย่างหนักราวกับพายุลูกใหญ่พัดโหมกระหน่ำและเพิ่งซาลงตอนช่วงเวลาใกล้รุ่ง ทว่าก็ไม่ได้หยุดตกเสียทีเดียวเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังตกปรอยๆ สร้างความหนาวเย็นให้เจ้าของร่างหนาที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม

“อือ..อ” เสียงครางต่ำในลำคอดังแผ่วเบาเมื่อรับรู้ถึงความเย็นเฉียบจากโซ่ตรวนที่ข้อเท้า คิ้วเข้มขมวดมุ่นก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับให้สายตาคุ้นชินกับแสงสว่างที่เล็ดลอดผ่านกระจกบานใหญ่ที่ไม่ได้ถูกผ้าม่านปิดเอาไว้เหมือนเช่นปกติ

ธรามองออกไปด้านนอก เห็นท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน บดบังแสงดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น สีเทาขมุกขมัวที่ได้เห็นนั้นไม่ต่างจากหัวใจของเขาในตอนนี้ เขาละสายตาแล้วหันมองไปรอบห้องแล้วก็พบว่าใครอีกคนที่แสนเกลียดชังยังไม่ปรากฏตัว ทั้งที่ปกติคนคนนั้นจะมาปลุกเขาเสียด้วยซ้ำ

ครืด..ด

เสียงครูดของสายโซ่กับพื้นห้องดังขึ้นเมื่อธราขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เขาก้าวเดินไปที่ประตู อยากเช็กให้แน่ใจว่าในตอนนี้ได้มีโอกาสอยู่ตามลำพัง แต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา โอกาสที่คิดว่ามีหายวับไปกับตาเมื่อร่างผอมสูงของคนที่แสนเกลียดชังยืนอยู่ตรงหน้า

“อ้าว...” เสียงทุ้มของมันร้องขึ้น เผยรอยยิ้มเมื่อจ้องมองมาที่เขา “ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก”

ธราจนปัญญาที่จะแก้ต่างว่าเขาไม่ใช่ที่รักของคนอย่างมัน คนโรคจิตที่ลักพาตัวเขามากักขังไว้นานเกือบสองเดือนไม่มีทางที่จะเป็นคนรักของเขา เพราะคนรักกันคงไม่มีทางทำในสิ่งที่มันกำลังทำอย่างนี้ ทั้งกักขัง ทั้งบังคับ ช่วงชิงอิสรภาพและยัดเยียดความรักที่เขาไม่ต้องการมาให้

นี่น่ะหรือที่มันพร่ำบอกว่าคือความรักที่มีให้เขา ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ขอตายเสียยังดีกว่าที่จะได้รับความรักจากคนอย่างมัน

“หิวหรือยังครับ” เสียงเรียบยังคงเอ่ยถาม มันขยับตัวเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นลูบไล้แก้มของเขาอย่างถือวิสาสะ “ถ้าหิวแล้วผมจะได้ยกอาหารเช้ามาให้ ผมทำเองเลยน้า”

ธราไม่ตอบ เขาไม่พูดคุยกับมันมานานแล้ว อาจนานตั้งแต่เริ่มเข้าสัปดาห์ที่สามที่คิดว่าการพูดคุยกับคนอย่างมันคงไม่เป็นผล ไม่มีประโยชน์อีกทั้งยังเปลืองแรง ในเมื่อมันไม่เคยคิดจะฟัง

“คุยกันหน่อยสิครับ” มันอ้อนวอน เลื่อนนิ้วจากแก้มมาที่ริมฝีปากของเขา “หรือจะคุยกับผมแค่ตอนที่อยู่บนเตียงเท่านั้น เอ...หรือจะให้ผมจัดการกับคู่หมั้นของคุณดี เอายังไงดีครับธรา คุณเลือกได้นะว่าจะเป็นเด็กดีของผมหรือเป็นเด็กดื้อ”

ธราจ้องมองด้วยความชิงชัง เขาแทบอยากฆ่ามันให้ตายคามือ เกลียดจนไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกัน แต่เขากลับไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรเลย

“เด็กดื้อต้องถูกลงโทษน้า” มันยังคงลอยหน้าลอยตาพูด คราวนี้เลื่อนมือลงต่ำจนสัมผัสเข้าที่กลางกายของเขา “เอายังไงดีครับ จะตอบผมหรือจะครางก่อน”

“ไม่หิว!” เขาตะคอก “ไม่ต้องทำอะไรให้กูกิน ปล่อยกูตายจะเป็นพระคุณมาก”

“ได้ยังไงกัน” มันถามพลางยิ้มออกมา “ถ้าคุณตายแล้วผมจะอยู่ยังไง เราน่ะเป็นคนรักกันนะครับธรา”

ธราแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักมันมาก่อน เขาไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ ไม่คุ้นตาคนที่มีรูปร่างสูง ผอม ตัวบาง ไหล่แคบ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากแต่กลับมีแววตาเย็นชาเมื่อจ้องมองทุกสิ่ง

“เมื่อไหร่มึงจะหยุดพูดอย่างนี้สักที!”

“จนกว่าคุณจะจำผมได้”

“จะให้กูจำอะไร! ตอนนี้ที่กูจำได้คือกูเกลียดมึง!” เขาระเบิดอารมณ์เพราะข่มโทสะไว้ไม่ไหว ต่อให้เช้านี้จะมีฝนตกจนอากาศเย็นสบาย แต่ภายในใจของเขานั้นราวกับถูกสุมด้วยไฟ ยิ่งเห็นใบหน้ายียวนของคนตรงหน้าก็ยิ่งอยากจัดการให้แดดิ้น “กูเกลียดคนอย่างมึง เกลียดจนไม่อยากเรียกชื่อ เกลียดจนไม่อยากใช้อากาศหายใจด้วย”

“รู้แล้วน่า” มันพูด ชั่วครู่หนึ่งที่เขาคิดว่าตาฝาดเพราะเห็นความเจ็บปวดในแววตามัน แต่คนอย่างมันน่ะหรือจะรู้สึกรู้สาอะไร “จะพูดทำไมทุกวันครับ ผมจำได้ขึ้นใจแล้ว”

“คนอย่างมึงมีสมองจำด้วยหรือไง”

“เอ๊...จะมีวันไหนที่ไม่ด่าผมบ้างเนี่ย”

“วันที่มึงหายไปจากชีวิตกู วันที่มึงตาย วันนั้นแหละที่กูจะเลิกด่า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะอโหสิกรรมให้กับสิ่งที่มึงทำกับกู”

“เจ็บแล้ว โดนด่าจนร้องไห้ไม่ทัน”

มันทำเป็นเล่นทุกที ไม่ว่าจะสาดคำพูดที่รุนแรงแค่ไหนใส่ มันก็ตอบกลับด้วยสีหน้ายียวนทุกครั้ง

“ไอ้สัด...ปล่อย” ธราจ้องใบหน้าคมคายเขม็ง เพิ่งด่ามันไปไม่ทันขาดคำ มือของมันก็เล่นงานเขา แม้จะพยายามผลักออกแต่มันก็เกาะติด เขานึกเจ็บใจทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นึกเจ็บใจที่ต่อให้จะพ่นคำว่าเกลียดแต่ร่างกายกลับตอบสนองกับสัมผัสที่มันมอบให้ สุขสมทุกครั้งที่มันใช้ริมฝีปากปรนเปรอ

“ฤทธิ์ยาที่ใช้กับคุณเมื่อคืนยังไม่หมดเหรอ คุณถึงไม่ค่อยมีแรงเลย” มันยกยิ้มก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของเขา “ปกติต้องต่อยต้องเตะผมแล้ว อืม...ตัวคุณหอมจังเลยที่รัก ขอกินคุณก่อนไปมหาลัยนะ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีสมาธิเรียนแน่”

มันขออนุญาตไปอย่างนั้นเพราะแม้เขาจะปฏิเสธ มันก็ไม่เคยฟัง แต่ที่น่าโกรธคงเป็นตัวเขาเองที่ไม่เคยขัดขืนมันได้เลยสักครั้ง ทั้งที่เกลียดมันแต่กลับทำร้ายมันไม่ลง ทั้งที่ตะโกนใส่หน้ามันหลายครั้งว่าไม่เคยรู้จักกันแต่บางครั้งก็รู้สึกคุ้นเคย

“อ้อ...จริงสิครับ วันก่อนเพื่อนกับคู่หมั้นของคุณมาถามหาคุณกับผมอีกแล้ว” มันพูดในขณะที่กำลัง ‘กิน’ อย่างที่ต้องการ “พวกชอบสาระแนนี่เยอะจริงๆ นะ กิ๊กของคุณที่ชื่อจันทร์ก็มองผมตาขวางเชียว กลัวจนตัวสั่นเลยครับ เป็นอย่างนี้แล้วถ้าผมตอบโต้ไปบ้างคุณคงไม่ว่านะเพราะผมโดนคุกคามก่อน”

ธราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใครมาจากไหน แต่ก็พอรู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ตำรวจไม่กล้ายุ่งกับมัน แม้ใครต่อใครจะรู้ว่าเขาถูกมันพามาขังไว้แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเขาได้และเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครมาเดือดร้อนไปกับเขา เขาห่วงทุกคนที่เขารัก ห่วงพวกเพื่อนๆ และคนสำคัญที่จะติดร่างแหไปด้วย เพราะมันน่ะเป็นหมาบ้าที่พร้อมกัดทุกคนที่ยื่นมือเข้ามายุ่ง

“มึงสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำร้ายใคร” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน ข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุเพราะสัมผัสจากมือและริมฝีปากของมัน “อย่าผิดคำพูด อย่าทำให้กูเกลียดไปมากกว่านี้เลย”

“อืม...ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณเกลียดผมไปมากกว่านี้หรอก” มันส่งเสียงงึมงำในลำคอก่อนจะครอบริมฝีปากลงรับแกนกายร้อนของเขา ศีรษะได้รูปขยับโยกรูดรั้ง ดุนดันลิ้นเล่นอยู่นานแล้วดูดดึงจนเกิดเสียงในขณะที่เขาสูดริมฝีปากอย่างห้ามใจไม่ไหว สองมือยกขึ้นจับศีรษะของมันไว้แล้วกระแทกกายสวนเข้าหา ได้ยินเสียงอึกอักจากมันแต่เขาไม่ได้สนใจ เขาครางต่ำเพราะความอุ่นร้อนที่โอบรัด รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ปลดปล่อยในโพรงปากของมัน ในขณะที่ความรู้สึกผิดที่มีต่อคนสำคัญก็ตีคู่กันมา

ธรามีคู่หมั้น บิดาของเขาบอกว่าหมั้นเขากับหล่อนไว้ตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาก็ไม่ได้คัดค้านหรือเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะหล่อนก็น่ารักถูกใจเขา เขารู้สึกดีกับหล่อน อยู่กับหล่อนแล้วสบายใจ เขายกให้หล่อนเป็นคนสำคัญแม้ว่าจะควงหรือคุยเล่นกับคนอื่น เขายอมรับว่าไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพอสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หล่อนก็เข้าใจ หล่อนไม่ต่อว่า ไม่ทำตัวงี่เง่า แต่กลับน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย แม้ในพักหลังมานี้เขาจะเอนเอียงความสนใจไปให้กับผู้ชายตัวเล็กที่ชื่อจันทร์เจ้าที่เพิ่งได้พบได้ทำความรู้จักไม่นานก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ของเขากับจันทร์เจ้าไม่ได้พัฒนาไปไกลเมื่อเขาถูก ‘มัน’ กักขังเอาไว้

เขาถูกมันตามตื้อมานาน นานพอที่ความรู้สึกของเขาชัดเจนว่าไม่ได้มีความรู้สึกดีให้กับคนคนนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมันจะกล้าขังเขาไว้โดยไม่สนใจว่าจะเกิดผลกระทบอะไรต่อชีวิตของเขาบ้าง

“ผมไปเรียนก่อนนะ” มันบอกเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว “คุณต้องเป็นเด็กดีนะครับ อย่าสร้างปัญหาให้เพื่อนของผม ถ้าเขาบอกให้กินข้าว คุณก็ต้องกิน ไม่งอแง ไม่อย่างนั้นผมจะกลับมาลงโทษคุณ”

เพื่อนของมันที่ว่าก็คือผู้ชายร่างเล็กที่ชื่อจี้ แต่จี้คนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนกับมันก็ได้เพราะเขาเห็นแววตาที่จี้มองมัน เห็นความรักความเทิดทูนในแววตานั้น ในขณะเวลาที่มองเขากลับมีแต่ความเย็นชา

มันออกจากห้องไปแล้ว ปล่อยทิ้งธราไว้เพียงลำพัง แต่ถึงแม้จะปล่อยทิ้งไว้เขาก็ไม่ได้คิดหนีไปไหน เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ โซ่ที่ล่ามข้อเท้าของเขาแน่นหนาหรือต่อให้จะหนีไปได้ มันก็ตามเขาเจออยู่ดี เพราะมันต้องทำทุกทางเพื่อหาตัวเขาอยู่แล้ว เขาไม่อยากเสี่ยง ไม่อยากให้ใครต้องมาพลอยโดนลูกหลงไปด้วย

ธราถอนหายใจ เขาเหม่อมองออกไปด้านนอก คิดถึงอิสรภาพ กำลังคิดว่าได้ออกไปเที่ยวเล่นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อาจจะเป็นเย็นวันเสาร์ที่นัดกินข้าวกับพวกไอ้แพร์ หรือเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ออกไปคาเฟ่ห์แมวกับจันทร์เจ้า เขาจำไม่ได้แน่ชัดนัก แต่ที่แน่ชัดในตอนนี้คือความเศร้าสร้อยในใจที่อยู่ๆ ก็เอ่อล้นขึ้นมา เขาเหลือบมองนาฬิกาเพราะอยากรู้ว่าปล่อยให้ตัวเองนอนแกร่วอยู่นานแค่ไหน

เที่ยงตรง

เข็มยาวและเข็มสั้นชี้ตรงกัน ในขณะที่เข็มวินาทีก็ยังคงเดินไม่หยุด เขาละสายตาจากนาฬิกาแขวนผนังไปที่ประตูห้อง เพราะแน่ใจว่าอีกไม่กี่วินาทีคงถูกเปิดเข้ามา จี้ตรงเวลาเสมอ มักจะมาในเวลาเที่ยงตรงเพื่อเสิร์ฟข้าวเที่ยงให้กับเขา

“ไง” เป็นไปตามนั้น คนร่างเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร สีหน้าไม่ยินดียินร้าย แม้จะเอ่ยทักแต่ริมฝีปากไม่ขยับยิ้ม แววตาก็ไม่เป็นมิตร “หิวหรือยัง”

“ยัง” เขาตอบสั้น มองเมนูอาหารที่มีแต่ของโปรดของเขาบนถาดอาหารแล้วสบตากับจี้ “ไม่อยากกิน”

“กินหน่อย” จี้บอก วางถาดอาหารกลางวันลงแล้วเก็บถาดอาหารเช้าไปไว้บนโต๊ะมุมห้อง “ข้าวเช้าก็ไม่กิน ยังไงมื้อเที่ยงก็ต้องกิน วันนี้ท่านกลับช้า มาไม่ทันบังคับมึงกิน แต่กูไม่ช่วยมึงปิดเรื่องที่ไม่ยอมกินข้าวหรอกนะ”

“กูบอกว่ากูไม่กิน!” เขาตวาดกลับ หากบอกว่าเจ้า จักรพรรดิพูดไม่รู้ฟังแล้ว คนตัวเล็กตรงหน้าเขาก็คงไม่รู้ฟังยิ่งกว่า เพราะคนคนนี้ฟังแค่คำพูดของท่านเจ้าของตัวเองเท่านั้น

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย” จี้พูดเสียงเย็น “ต่อให้มึงประท้วงไม่กินข้าว ท่านก็ไม่ปล่อยมึงหรอก มีแต่จะลงโทษมึงที่ดื้อกับท่าน”

“ทั้งมึงทั้งเจ้านายของมึงนี่ไม่เคยรู้ผิดชอบชั่วดีหรือยังไงวะ” เสียงแข็งกร้าวโต้กลับ “ท่านของมึงไม่ใช่เจ้าชีวิตของใคร ไม่มีสิทธิ์มากักขังหรือบังคับคนอื่นแบบนี้ มึงก็ไม่ได้โง่ไม่ใช่เหรอวะ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงแยกแยะไม่ได้”

“กูแยกแยะได้” จี้บอกเสียงเรียบ สบตากับธราอย่างตรงไปตรงมา “แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องของท่าน กูก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ”

ธรากัดฟันกรอด “หมดคำพูดกับคนอย่างพวกมึง”

“ก็ดี” จี้ตัดบทอย่างเย็นชา “ไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็กินข้าวซะ”

“ไม่ต้องมาสั่ง” ธราบอกเสียงห้วนสั้น แต่ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้พร้อมอาวุธร้ายในมือ ปืนพกขนาดเล็กนั้นถูกหมุนควงไปมา เขาจับจ้อง แน่ใจว่าขนาดร่างกายที่แตกต่างนั้นเขาเอาชนะได้ไม่ยาก แต่ไม่ใช่กับคนที่พร้อมจะลั่นไกใส่เขาได้ทุกเมื่อ

“หรือมึงจะให้กูบังคับกรอกใส่ปาก”

ธรารู้ดีว่าไม่ใช่แค่คำขู่ จี้นั้นมีความบ้าไม่ต่างจากท่านของมัน เป็นคนพูดจริงทำจริงซึ่งเขาเคยเห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับจันทร์เจ้าเมื่อสองเดือนก่อนมาแล้ว จำไม่ได้ว่าจันทร์เจ้าดูหมิ่นท่านของมันว่าอย่างไร แต่ที่จำได้ดีคือสภาพสะบักสะบอมของจันทร์เจ้าในอีกวันต่อมา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงจำใจต้องกินข้าวตามที่สั่ง แต่ก็กินไปได้แค่ไม่กี่คำก็วางช้อนลงเพราะฝืนกินต่อไม่ไหว เขาไม่มีความอยากอาหารตั้งแต่ที่ถูกกักขัง รู้สึกราวกับตัวเองเป็นนักโทษประหารที่รอวันตาย ซึ่งผู้คุมนักโทษอย่างจี้ก็ไม่ได้บังคับให้เขากินไปมากกว่านั้น คงพอใจแล้วที่เห็นเขากินเข้าไปบ้าง

เมื่อเห็นว่าธราขยับออกห่างถาดอาหารแล้ว จี้ก็มาเก็บกลับไป ร่างเล็กเดินออกจากห้องและกลับเข้ามาในเวลาไม่ถึงสองนาที

นอกจากหน้าที่จัดการให้ธราได้กินข้าวตรงตามเวลาแล้ว จี้ก็มีหน้าที่นั่งเฝ้า ร่างเล็กมักจะนั่งอยู่มุมห้องพร้อมกับหนังสือเล่มเล็กในมือ สร้างความอึดอัดให้เขาอยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะชวนคุยแต่อีกฝ่ายก็ไม่โต้ตอบราวกับว่ามีเสียงไว้พูดแค่กับท่านเจ้าของมันเท่านั้น แต่วันนี้ต่างออกไป จี้เป็นคนชวนเขาคุยก่อน

“วันนี้วันเกิดของท่าน มึงช่วยทำตัวดีๆ หน่อยนะดิน”

ธราหัวเราะขึ้นมาทันที มองผู้คุมร่างเล็กที่ราวกับกำลังพูดมุขตลกให้เขาฟัง “ทำไมกูต้องทำตัวดีๆ กับคนที่กูเกลียดด้วยวะ” พูดจบก็หัวเราะพรืด “คือยังไงนะ กูต้องบอกว่าสุขสันต์วันเกิด ดีใจที่คนอย่างมันเกิดมาเหรอ เฮ้ย...มันจะไม่บังคับกันมากไปหน่อยหรือไง เพราะกูคิดจริงๆ นะว่าถ้าเกิดมาแล้วทำตัวระยำอย่างนี้ก็ไม่ต้องเกิดมาก็ได้มั้ง เก่งแค่เรื่องทำให้คนอื่นเกลียดแล้วยังมาหวังให้ทำดีด้วย เหอะ!”

“มึงไม่ได้เกลียดท่านหรอก” จี้แย้ง มองธราด้วยแววตาจริงจัง ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะแสดงกิริยาอย่างไร “มึงรักท่าน มึงอาจจะลืมไปแล้ว แต่เถียงกูสิว่ามึงไม่ได้รู้สึกดีเวลาที่อยู่กับท่าน ไม่งั้นมึงไม่ยอมถูกขังเกือบสองเดือนหรอกดิน ท่านล่ามแค่ข้อเท้า แต่ไม่ได้มัดมือมึงไว้ โทรศัพท์มือถือของมึงท่านก็ไม่ได้ยึดไป ห้องก็ไม่เคยล็อก มึงจะทำอะไรก็ได้ จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ได้ แต่ทำไมมึงไม่ทำ”

“กู…” ธราอึกอัก รู้สึกคล้ายน้ำท่วมปากเมื่อถูกคำพูดของจี้กระแทกโดนจุด “มันขู่จะทำร้ายคนที่กูรัก ต่อให้กูหนีมันไป ยังไงมันก็ตามเจอ แล้วกูจะหนีไปทำไมวะ ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์”

“มึงคิดว่าท่านเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ” จี้ย้อนถาม “มึงเห็นอะไรบ้างจากคนที่ตามตื้อมึงมาสองปี เคยเห็นสิ่งดีๆ ที่ท่านทำเพื่อมึงบ้างมั้ย หรือเพราะมึงเอาแต่มองไปที่อื่นจนไม่เห็นท่านเลย”

“แต่จากสิ่งที่มันทำกับกู ก็ไม่ใช่คนดีไง!” ธราโต้กลับ ไม่ชอบใจกับสายตาที่กล่าวโทษว่าเขาเป็นคนผิด “กูไม่รักแล้วกูผิดตรงไหน กูไม่เคยให้ความหวัง ไม่เคยทำอะไรให้มันรู้สึกว่ากูรักมันเลย ถ้ากูทำ กูจะไม่โทษที่มันเป็นแบบนี้ แต่กูไม่ได้ทำ กูบอกมันชัดแล้วว่ากูมีคู่หมั้น มีคนรัก แต่แทนที่ที่มันจะเข้าใจแล้วถอยออกไป มันกลับเลือกที่จะทำแบบนี้กับกู” เขาหยุดพักหายใจ อกกว้างสะท้อนขึ้นลงตามแรงโทสะที่มี “มึงคิดจริงๆ เหรอวะว่าทำแบบนี้แล้วกูจะรักได้ ยิ่งทำกูก็ยิ่งเกลียด ทำไมท่านของมึงไม่เคยเข้าใจแล้วยอมรับความจริง”

“กูก็ไม่ได้พูดว่าสิ่งที่ท่านทำตอนนี้มันถูก” จี้บอกเสียงเครียด ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวเล็กน้อยคล้ายกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดภายในใจ “แต่กูแค่อยากให้มึงเห็นใจท่านสักนิด แค่สักนิดก็ยังดี” ความเคร่งขรึมที่มีหายไปทีละน้อยเมื่อเสียงที่พูดเริ่มดังขึ้น “มึงไม่เอะใจอะไรเลยเหรอวะ ไม่รู้สึกคุ้นกับคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิบ้างหรือไง มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าคนที่ถูกมึงลืมทั้งที่เขาจดจำมึงได้ทุกอย่าง เขารู้สึกยังไง มึงเป็นบ้าอะไรวะดิน ทำไมถึงจำท่านไม่ได้ แต่กับคนเหี้ยๆ อย่างจันทร์เจ้า มึงกลับเข้าหามันทันที มึงเชื่อมันทุกอย่าง แต่มึงไม่เชื่อที่ท่านบอกมึงเลย!”

“กูจำไม่ได้แล้วกูผิดอะไรวะ” เสียงแข็งกร้าวโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ “คนที่ไม่ยอมรับว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วก็คือท่านของมึง มึงจะให้กูรับผิดชอบในเรื่องที่กูจำไม่ได้เหรอ มึงจะให้กูทิ้งคนที่กูรักไปคบกับคนที่บอกว่าเป็นคนรักของกูทั้งที่กูไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยหรือไง อดีตก็คืออดีตสิวะ เลือกจะติดอยู่ตรงนั้นไม่ก้าวไปไหนก็ไม่ต้องโทษคนอื่น”

“ท่านไม่ควรรักมึงเลยจริงๆ ไม่ควรให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับคนอย่างมึง” แววตาที่มองธราเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ถ้ารู้ว่ามึงจะมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้ท่านเจ็บปวดขนาดนี้ กูไม่ปล่อยให้มึงรอดมาจนถึงทุกวันนี้หรอกดิน”

ธรามองใบหน้าเล็กของจี้ด้วยความไม่เข้าใจ “กูถามจริงๆ ว่ากูผิดอะไร มึงตัดสินด้วยอะไรวะจี้ ด้วยความรู้สึกของมึงที่ไม่อยากให้ท่านของมึงเจ็บปวดหรือด้วยความจริง ถ้าเป็นอย่างหลังกูยอมก้มกราบท่านของมึงก็ได้ ยอมให้มึงฆ่ากูเลยก็ได้”

“ไม่ต้องบอกกูก็จะทำ” จี้บอกอย่างเย็นชา แววตาจริงจังในขณะที่ปลดเซฟปืนในมือ ธรามองตาม ไม่รู้สึกหวั่นใจ ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น คนที่ยกปืนขึ้นเล็งเขาไม่เหนี่ยวไกเสียที “คนอย่างมึงนะดิน ดื้ออย่างที่ท่านบอก”

“ทำไมมึงถึงรักมันวะจี้” จู่ๆ ธราก็อยากรู้ เขาอยากรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้แววตาที่จดจ้องเขานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“เพราะเป็นคนที่ควรถูกรัก” จี้ให้เหตุผลพลางก้าวเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาบนใบหน้าเล็กนั้นจับจ้องที่ใบหน้าของธรา ปากกระบอกปืนจ่อที่กลางหน้าผากของเขา เขาเผลอกลั้นหายใจ รู้แน่ว่าอีกไม่นานนิ้วเล็กนั้นคงลั่นไก แต่ผ่านไปชั่วอึดใจก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เมื่อลืมตามองก็เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของจี้ ก่อนปืนจะถูกลดลงแล้วถูกเก็บซ่อนไว้ตามเดิม “ยังไงกูก็ทำไม่ลง” ริมฝีปากเล็กพึมพำก่อนปืนจะถูกเก็บเข้าที่ซ่อน

“สงสารเหรอวะ” ธรายอมรับว่าโล่งอก หัวใจเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่งเพราะคิดว่าคงจะได้ไปทัวร์นรกซะแล้ว

“เปล่า” จี้ปฏิเสธพลางให้คำตอบขณะที่กำลังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “กูไม่อยากให้ท่านเสียใจ เพราะฉะนั้น” จี้หยุดพูดดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับลูกกุญแจ “ในเมื่อฆ่ามึงไม่ลง กูก็ต้องช่วยให้มึงหนี”

“เดี๋ยว” ธรามองคนที่กำลังก้มลงไปปลดพันธนาการให้เขาด้วยความไม่เข้าใจ “มึงจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอวะ ท่านของมึงคงไม่ชอบใจหรอก”

“ก็จริง แต่นายหญิงกำลังมา” จี้บอกเสียงเรียบ เร่งธราให้ลุกขึ้น “มึงจะนั่งแช่อยู่ทำไม ลุกขึ้นไอ้สัด”

“นายหญิงเป็นใครวะ” ธรายังคงตั้งคำถาม เขาไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไรต่อจากนี้ ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกกับการกระทำที่เปลี่ยนแปลงของผู้คุมอย่างจี้ คนที่ไม่แม้แต่จะคิดปล่อยเขา แต่ครั้งนี้กลับเป็นคนนำทางให้เขาออกจากที่กักขัง

“นายหญิงเป็นแม่ของท่านแล้วก็เคยเป็นแม่เลี้ยงของมึง” จี้ตอบเสียงเรียบ ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “จันทร์เจ้ากำลังจะพานายหญิงมาที่นี่ มันคงไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดี แล้วท่านก็ยังไม่รู้ว่านายหญิงกำลังมา ตอนนี้มึงต้องไปแล้ว เดี๋ยวจะมีคนมารับมึง”

“เดี๋ยว กูยังไม่เข้าใจอะไรเลย” ธรารั้งแขนของจี้ไว้ เครื่องหมายคำถามคงปรากฏบนทุกพื้นผิวของใบหน้า “กูจะแน่ใจได้ยังไงวะว่านี่ไม่ใช่แผนของมึง แบบ...มึงอาจจะสร้างสถานการณ์ให้กูหนี แล้วให้ท่านของมึงตามไปจัดการกับกูก็ได้ไง”

แววตาของจี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิด “มึงจะอยู่รอให้มีคนมาอุ้มไปฆ่าก็ตามใจมึงนะดิน คนของนายหญิงทำงานเรียบร้อย แม้แต่กระดูกของมึงก็คงไม่เหลือให้ตามสืบหาได้” น้ำเสียงของจี้จริงจังจนธราไม่อาจคิดว่าเป็นคำโกหก “ไอ้เด็กจันทร์นั่นสาระแนทุกที มันคงคาบข่าวไปบอกนายหญิงตั้งนานแล้วว่าท่านขังมึงไว้ที่นี่ พ่อชันกำลังไปรับนายหญิงที่สนามบินพร้อมไอ้เด็กจันทร์ เพราะฉะนั้นระหว่างนี้มึงต้องไปก่อน กูจะรีบบอกเรื่องนี้กับท่าน”

จี้ก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้ง สีหน้าเป็นกังวลจนธราไม่กล้าที่จะตั้งคำถามต่อ เขาเดินออกจากห้อง ตามหลังจี้ไปติดๆ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์

“ดิน!” เสียงของจันทร์เจ้าเป็นเสียงแรกที่ธราได้ยิน “จันทร์เป็นห่วงดินแทบแย่!”

จี้เหลือบมองธรา ก่อนรีบโค้งศีรษะให้กับเจ้าของร่างระหงส์ที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างจันทร์เจ้าและพ่อเลี้ยง มองเลยไปทางด้านหลังก็เห็นชายร่างใหญ่อีกสามคนติดตามมาด้วย

“น้องจี้” เสียงหวานที่แสนเย็นชาของนายหญิงเอ่ยขึ้น “แล้วนี่ก็คงเป็นน้องดินสินะคะ ไม่ได้เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้างครับลูก”

คราวนี้เป็นธราที่เหลือบมองจี้บ้าง ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามแต่ก็ยิ้มกลบเกลื่อนสีหน้าประหลาดใจให้กับคนตรงหน้า “เอ่อ...สบายดีครับ”

“สบายดีจริงๆ เหรอคะ” รอยยิ้มที่เห็นนั้นทำให้ธรารู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งเมื่อเสียงหวานเอ่ยประโยคต่อมา เขาก็ยิ่งแน่ใจว่ารอยยิ้มที่เห็นนั้นเป็นรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษ “พี่เจ้าคงเล่นสนุกเกินเหตุกับน้องดินอีกแล้วแน่ๆ เลย ว่าแต่จะไปที่ไหนกันเหรอคะ”

“นั่นสิครับ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นอีกคน “จันทร์คิดว่าพี่เจ้าขังดินเอาไว้ซะอีก! แต่ความจริงแล้วเป็นยังไงกันแน่ ที่ดินติดต่อไม่ได้มันเป็นเพราะอะไร...”

“ท่านไม่ได้...” จี้กำลังจะแก้ต่าง แต่เมื่อถูกดวงตาคู่สวยของนายหญิงจ้องมองก็เงียบเสียงลงไป

“ว่าไงคะน้องดิน กำลังจะไปไหน” เสียงหวานถามย้ำกับธรา

“กำลังจะกลับครับ” แม้จะไม่รู้และไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ธรากลับรู้ดีว่าในตอนนี้เขาไม่ควรตอบความจริง “แค่แวะมาเอาของเป็นเพื่อนจี้”

“งั้นเหรอคะ” คิ้วโก่งสวยเลิกขึ้นในขณะที่รอยยิ้มหวานยังคงประดับบนใบหน้าที่แสนเย็นชา “แต่หลังจากนี้คงไม่มีธุระที่ไหนใช่มั้ย งั้นไปนั่งคุยกันก่อน รอจนพี่เจ้ากลับมานะคะ ไม่ได้เจอกันนาน มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลยค่ะ”

“คือ…”

ธรายังไม่ทันได้ปฏิเสธ เสียง ติ๊ง! จากลิฟต์อีกตัวก็ดังก้องไปทั่วทางเดิน เขาหยุดชะงักพลางหันมองไปที่บานประตูที่กำลังเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ เกิดเสียงบางอย่างดังก้องในหัว เสียงพูด เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้และสารพัดถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงคุ้นหู อาจเป็นเพียงชั่วเวลาอึดใจเดียวเท่านั้นแต่กลับยาวนานในความรู้สึกของเขา เสียงนั้นก้องสะท้อนราวกับดังมาจากที่ไกลๆ และไม่นานก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขา ได้ยินเสียง ปัง! ที่ดังกึกก้องขึ้นหลังจากนั้น ก่อนภาพที่ใครบางคนล้มลงต่อหน้าจะชัดเจนในความทรงจำ เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกจากกลางอก เปลี่ยนเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่ให้อาบไล้ไปด้วยสีแดงอย่างน่ากลัว


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ดิน...น้องดิน

เขาได้ยินถ้อยคำ ได้เห็นรอยยิ้มแห่งความเศร้าสร้อย ได้เห็นน้ำตาของคนที่เขาเกลียดชัง แต่ไม่มีแม้แต่ความสะใจ หัวใจของเขาร่ำไห้ ปวดจนแทบทนไม่ไหว

น้องดิน...เจ้าขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้

ยิ้มหน่อยนะ อย่าร้องไห้เลย เพราะต่อจากนี้จะไม่เป็นไรแล้วนะ เจ้าไม่อยู่รบกวนแล้ว

ขอโทษที่เห็นแก่ตัว ขอโทษที่ทำเรื่องแย่ๆ ขอโทษที่ทำให้น้องดินต้องทรมานอีกครั้ง

ดีแล้วนะที่จำไม่ได้ ดีแล้วล่ะ

ขอโทษอีกครั้ง มีชีวิตที่ดีนะ มีความสุขให้มากๆ แล้วก็...

เสียงพูดขาดหายไปพร้อมกับร่างผอมบางในอ้อมแขนของเขากระตุกเบาๆ แววตาคมจ้องมองมาด้วยความอาวรณ์ ก่อนจะปิดสนิทลงตลอดกาล

“ดิน เวลาเริ่มเดินต่อแล้ว”

เสียงของจี้ราวกับน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่เพื่อปลุกธราให้หลุดจากภวังค์ความคิด ฉุดดึงให้รู้ว่าในขณะนี้ตัวเขากำลังอยู่ที่ไหนและกำลังเผชิญกับสิ่งใด

เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ความกระวนกระวายประดังประเดเข้ามาเมื่อมองไปที่ประตูลิฟต์ หัวใจเริ่มเต้นรัวจากที่เป็นจังหวะปกติก็เพิ่มความถี่จนในตอนนี้แทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอก เขาละสายตาเพียงครู่เพื่อหันมองไปที่จี้ ชั่วครู่หนึ่งที่รู้สึกว่าจดจำคนร่างเล็กคนนี้ได้ดี ชั่วครู่เท่านั้นที่ภาพความทรงจำเป็นร้อยเป็นพันภาพไหลทะลักเข้ามาในหัว

“จี้” ธราเค้นเสียง มือของเขาสั่นอย่างหนัก “เจ้ามาแล้ว” เสียงที่เปล่งออกมานั้นคล้ายกับไม่ใช่เสียงของเขา มันเหมือนดังอยู่ในหัวทั้งที่เขาไม่ได้ขยับริมฝีปากด้วยซ้ำ “เร็วเข้า...มึงรับปากแล้วจี้”

ธรารู้ ตอนนี้เขารู้แล้ว เขาจำได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ประตูลิฟต์เปิดออก เหตุที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เขากับจี้ไม่อาจยอมรับนั้นมากันครบแล้วและเมื่อครบถ้วนตามเงื่อนไข เวลาจะเริ่มเดินต่อไปยังจุดสิ้นสุดที่มันควรจะเป็น

“ทำไมเหตุถึงไม่เปลี่ยน” ธราเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ ทั้งที่คุยกันแล้วว่าไม่ว่าจะต้องรับบทลงโทษแบบไหนแต่ก็จะเปลี่ยนเหตุที่ชักนำให้เกิดความสูญเสียให้ได้ แต่มาจนบัดนี้ เหตุการณ์ก็ยังคงดำเนินไปตามเดิมอยู่ดี “ทำไมถึงยังเป็นเหมือนเดิม ทำไมวะ!”

“มันเปลี่ยน” จี้กล่าวอย่างสงบ ไม่เต้นไปตามอารมณ์ของธรา “เปลี่ยนตั้งแต่ตอนที่กูคิดพามึงหนีแล้วดิน”

เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น เรื่องราวในครั้งก่อนนั้นจี้เป็นเพียงผู้คุมขังที่ไร้หัวใจ ไม่เคยมีสักเสี้ยวความต้องการที่จะช่วยเหลือธรา แม้แต่ถูกคำสั่งให้กำจัดก็กระทำอย่างไม่ลังเล

ธราขมวดคิ้วมุ่น เหลือบมองคนร่างเล็กด้วยความข้องใจ “มึงหมายความว่ายังไง”

“กูต้องบอกมึงไว้ก่อนนะดินว่าต่อให้เส้นทางแตกต่างแต่ผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยน” น้ำเสียงของจี้ราบเรียบ คนที่ไม่แม้แต่จะขยับริมฝีปากล้วงมือเข้าไปในที่ซ่อนปืน “นั่นคือสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ มึงน่ะชอบให้กูทำเรื่องยากๆ ให้อยู่เรื่อย แต่มึงควรรู้ไว้ว่าในโลกนี้คนที่ตามใจและทำให้มึงได้ทุกอย่างมีแค่ท่าน”

“มึงจะทำอะไรจี้” ธราตั้งคำถามอีกหน แน่ใจแล้วว่ามีหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปจากเหตุการณ์เดิม และหนึ่งในนั้นก็คือตัวเขา ตัวเขาที่มีความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ควรลืม ตัวเขาที่จดจำเจ้า จักรพรรดิได้ขึ้นใจ ตัวเขาที่รู้ในเรื่องที่ควรรู้ ข้อความที่จี้เคยทิ้งเอาไว้ก่อนห้วงเวลานั้นจะหมดลงก็ยังคาใจ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับจี้ก็ยังคงเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ

“มึงตายไม่ได้หรอกดิน ถ้ามึงตายแล้วท่านจะอยู่ยังไง” คำตอบของจี้กลับกลายเป็นเพียงคำพูดที่ไม่ช่วยให้ธราเข้าใจมากขึ้น “คนรักน่ะควรจะอยู่เคียงข้าง ตำแหน่งตรงนั้นเป็นของมึงอย่างถูกต้องแล้ว ส่วนคนเป็นความสบายใจอย่างกูน่ะ...อยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น”

“จี้…” ต่อให้ไม่เข้าใจก็รู้ดีว่าแววตาที่เห็นนั้นคือแววตาของคนที่เตรียมใจมาพร้อมที่จะเสียสละ

“ไม่ต้องขอบใจกูหรอกนะ” ริมฝีปากเล็กยกยิ้ม รอยยิ้มของผู้ปกป้องนั้นปรากฏขึ้นเสมอเมื่อนึกถึงคนที่เป็นดั่งเจ้าชีวิตของตน “กูทำเพื่อท่าน ไม่ได้ทำเพื่อมึง ดูแลท่านด้วยเพราะหลังจากนี้กูคงไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านอีกแล้ว”

ชีวิตนี้ดีขึ้นก็เพราะท่าน

ชีวิตนี้มีความสุขก็เพราะท่าน

ชีวิตนี้มีค่าก็เพราะท่าน

เพราะแบบนั้นชีวิตนี้จึงเป็นของท่าน

.

.

ธราเข้าใจได้ทันทีถึงคำพูดของจี้เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก

แม้เส้นทางแตกต่างแต่ผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยน

เหตุการณ์เดิมฉายซ้ำ แม้จะแตกต่างจากเดิมไปบ้างแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน เจ้า จักรพรรดิยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ขาเรียวยาวยืนอย่างมั่นคงอยู่หน้าประตูลิฟต์ ใบหน้าคมคายหันมองมาที่ธราแล้วมองเลยผ่านไปยังกลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ในขณะที่จี้จับที่ข้อมือของเขาแล้วกระตุกเบาๆ

“ไปหาท่าน” จี้บอกเสียงเรียบ แต่จันทร์เจ้าเข้ามาขวางเอาไว้เมื่อเห็นท่าทีของธรา

“กลับกันเถอะครับดิน” จันทร์เจ้ายื่นมือมาจับมืออีกข้างของธราแต่จี้ไวกว่า มือเล็กนั้นปัดมือของจันทร์เจ้าออกโดยแรง

“อย่าสาระแน” จี้มองตาขวาง แต่จันทร์เจ้ามีสีหน้าเอาเรื่อง นอกจากจะไม่ยอมถอยห่างแล้วกลับขยับเข้าใกล้ “อย่าให้กูต้องเหลืออด”

“ทำไม! หมารับใช้อย่างมึงจะทำอะไร...” ถ้อยคำหลังจากนั้นถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นอาวุธอันตรายในมือของอริ จันทร์เจ้าถอยห่างในทันที รู้แน่แก่ใจว่าคนอย่างจี้คงลั่นไกอย่างไม่ลังเล

“น้องจี้!” เสียงเครียดขรึมของลุงชันดังขึ้นทันที “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยลูก มาคุยกันดีๆ ก่อน”

“พ่อคิดว่าจะคุยดีๆ ได้เหรอ ในเมื่อนายหญิงพาคนมาด้วยขนาดนี้” จี้ย้อนถาม ในขณะที่ก้าวถอยหลังไปยืนเคียงข้างเจ้านายเพียงหนึ่งเดียวของตัวเอง

“นั่นสิครับ แม่ตั้งใจจะทำอะไรถึงมาโดยไม่บอกผม” เสียงเรียบเย็นของเจ้า จักรพรรดิเอ่ยถามกับมารดา แววตาคมสบมองกับแววตาสวยอย่างไม่หลบเลี่ยง ก่อนจะกวาดสายตามองคนที่ติดตามมากับมารดาด้วย “คนที่ทำงานสกปรกให้แม่มาทำอะไรกันในที่ของผม ไหนจะตัวเสนียดที่แม่พามาด้วยอีก”

จันทร์เจ้ามีสีหน้าโกรธขึ้งเพราะรู้ดีว่าตัวเสนียดที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นหมายถึงใคร แต่ไม่กล้าปากดีโต้กลับเมื่ออาวุธที่แสนอันตรายในมือของจี้เล็งมาที่ตน

“ทำไมมองแม่แบบนั้นท่านเจ้า” เสียงหวานของมารดาแฝงไปด้วยความตัดพ้อ แววตาหวานเผยความเสียใจเมื่อบุตรชายมองมาด้วยความระแวดระวัง “แม่อุตส่าห์ทิ้งธุระสำคัญทุกอย่างเพื่อมาอยู่ด้วยในวันพิเศษ”

“แม่ไม่เคยสนใจวันเกิดของผมมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอครับ” คนเป็นลูกทำไมจะไม่รู้ว่ามารดากำลังคิดอย่างไร วันเกิดของเขาน่ะกลายเป็นวันธรรมดามาหลายปีนับตั้งแต่ที่มารดามี ‘ธุระสำคัญ’ แทบทุกวัน

“อืม...งั้นแม่ก็ไม่อ้อมค้อม” รู้ดีว่าหว่านล้อมได้ยากจึงเลือกที่จะเปิดเผยจุดประสงค์โดยไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ “อย่างที่ท่านเจ้าคิด...แม่มาเพื่อทวงสัญญา สัญญาที่ท่านเจ้าบอกจะกลับไปหาแม่แต่ก็เมินเฉยเหมือนไม่เคยได้ลั่นวาจาต่อกัน” ดวงตากลมสวยใต้คิ้งโก่งได้รูปจับจ้องมองไปที่ธราแทนที่จะเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน “แต่แม่ก็ยังใจดีปล่อยให้เที่ยวเล่นต่อ แม่ปล่อยให้ท่านเจ้าได้คิด ได้ตระหนักเองว่าอะไรคือสิ่งที่ควรหรือไม่ควรเพราะแม่เชื่อว่าท่านเจ้าของแม่โตมากพอจะคิดได้ แต่แม่รู้แล้วว่าแม่คิดผิด ท่านเจ้าไม่ได้โตขึ้นเลย ยังคงเล่นสนุกเกินเหตุโดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมา ถ้าน้องจันทร์ไม่บอกแม่ แม่ก็คงไม่รู้ว่าท่านเจ้าของแม่เสียสติได้มากถึงขนาดจับคนทั้งคนมากักขัง”

ธราอาจจะเป็นคนเดียวในที่นี้ที่มีสีหน้างงงวย เพราะในตอนนี้ต่อให้เขาจะมีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้า จักรพรรดิมากพอที่จะยื่นมือไปกุมมือที่กำลังสั่นเอาไว้ หรือแม้จะรับรู้ถึงความร้ายกาจของจันทร์เจ้า รับรู้ว่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยเลี้ยงดูเขามาไม่เห็นด้วยกับความรักของเขากับลูกชายของเธอ โดยที่ธราเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่ายังไงธราคนปัจจุบันคนนี้ก็ไม่ได้รู้เลยว่าเจ้า จักรพรรดิที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาเมื่อสองปีก่อนเพื่อจะได้ทำความรู้จักกับเขาอีกครั้งนั้นต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง เขาไม่รู้ว่ากว่าที่จะกลับมายืนเคียงข้างกันได้ต้องผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาด้วยความรู้สึกแบบไหน

“นั่นเพราะแม่ปล่อยมันมา ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะแม่ให้มันกลับมาทำลายความสุขของผม” ใบหน้าคมคายเครียดขรึม แววตาที่สบมองกับมารดานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มารดารู้ดีว่าตัวตนของจันทร์เจ้าเป็นความเกลียดชังเพียงอย่างเดียวที่เขามี แต่กลับยังปล่อยให้มันเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตของเขา “ทั้งที่เป็นการขอร้องครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องขอจากแม่ แต่แม่ก็ทำให้ผมไม่ได้”

“ไม่ใช่เพราะท่านเจ้าผิดสัญญากับแม่ก่อนหรือ ไม่ใช่เพราะตัวท่านเจ้าเองหรอกหรือที่กดดันให้แม่ต้องทำ” เสียงหวานโต้กลับ มองบุตรชายเพียงคนเดียวด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน “แม่จำเป็นต้องเตือนให้รู้ว่าระหว่างท่านเจ้ากับน้องดินมันเป็นไปไม่ได้”

“แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ” เสียงทุ้มของธราเอ่ยขัดขึ้น นั่นทำให้ใบหน้าสวยของคุณแม่ที่ครั้งหนึ่งเคยเลี้ยงดูเขามาด้วยความรักหันมอง “ทำไมผมกับเจ้าจะรักกันไม่ได้ในเมื่อเราไม่ใช่พี่น้องกัน”

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากที่ธราพูดจบ ได้ยินแม้แต่เสียงเม็ดฝนที่ตกอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา ธราจึงพูดต่อ “ถ้าคุณแม่คิดจะใช้ข้ออ้างนี้มาทำให้ผมกับเจ้าต้องแยกกันอีก ผมว่าผมคงจะทำให้ไม่ได้หรอกครับ”

“ดินพูดอะไรออกมา!” จันทร์เจ้าตวาดขัดขึ้นทันทีเมื่อได้สติ ดวงตาที่ผ่านการศัลยกรรมให้คล้ายกับท่านเจ้าของธรานั้นมองมาด้วยความขุ่นเคืองใจราวกับกำลังได้ฟังเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจที่สุดในโลก “ดินน่ะเป็นพี่น้องกับพี่เจ้า! เป็นพี่น้องคนละแม่ เรื่องนี้น่ะ...”

“ผมคิดว่าผมบอกจันทร์ก่อนที่รถจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนะว่าความจริงมันเป็นยังไง” ธราตัดบททันที

“นี่ดิน...” จันทร์เจ้าอ้าปากค้าง ทำหน้าคล้ายเห็นผี ไม่ต่างจากสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ธราในเวลานี้ “จำได้แล้วเหรอ”

ธราไม่ตอบคำถามของจันทร์เจ้า เขาบีบมือบางที่กุมอยู่เบาๆ แล้วพูดกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ผมว่าคุณแม่ก็คงรู้แก่ใจดีอยู่แล้วถึงความจริงในเรื่องนี้”

“จริงเหรอ” ท่านเจ้าของธราถามเสียงแปร่งคล้ายกับเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอหลังจากที่นิ่งงันด้วยความตกใจอยู่นาน “ที่พูดน่ะจริงใช่มั้ยดิน”

“จริงครับ” ธราตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่น “ลุงชันยืนยันได้”

ใบหน้าหล่อเหลาของธรามองไปยังลุงชันที่เป็นคนบอกเล่าความจริงให้เขาฟัง ไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายจะพูดสนับสนุนเขาหรือไม่ แต่ก็ลังเลได้ไม่นานเมื่อลุงชันไม่ทำให้ผิดหวัง

“ใช่ครับท่านเจ้า” ลุงชันยืนยันเสียงขรึม “ที่คุณชายพูดมาเป็นความจริงทั้งหมดครับ”

“แต่ลุงบอกว่า...”

“เจ้าไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ มีแค่ผมกับจันทร์เท่านั้น” ธราขัดเมื่อเห็นริมฝีปากบางกำลังจะเอ่ยแย้ง เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายยังคงก้ำกึ่งที่จะเชื่ออย่างสนิทใจในเมื่อความคิดที่เชื่อว่าเขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดนั้นฝังหัวมานานหลายปี “ลุงชันบอกผมในคืนก่อนที่ผมจะรถคว่ำว่าที่จริงแล้วความจริงมันเป็นยังไง”

ความจริงกับความเป็นไปไม่ได้นั้นธราคนก่อนรับรู้เป็นอย่างดีและเลือกที่จะยอมรับความเป็นไปไม่ได้ที่มีโดยไม่คิดจะฝืน แต่สำหรับธราคนนี้...ไม่ใช่ เพราะเขาในตอนนี้ต่อให้จะเป็นสายเลือดเดียวกันหรือมีอุปสรรคอื่นใดมาขวาง เขาก็ยังเลือกที่จะรักผู้ชายที่ชื่อ เจ้า จักรพรรดิอยู่ดี

“ปากมากไม่เข้าเรื่องจริงๆ ด้วยสินะ” เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากสวย ก่อนดวงตากลมโตจะปรายมองพ่อบ้านคนสำคัญของบุตรชายที่ไม่คาดคิดว่าจะทรยศ “หากเรื่องไหนที่บอกว่าเป็นความลับก็คือห้ามแพร่งพราย ฉันพลาดเองที่ไม่ได้จัดการปิดปากคุณก่อน ดูสิว่าก่อเรื่องใหญ่แค่ไหน” แค่ใบหน้างามพยักขึ้นลงเพียงนิด ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังก็จ่อปืนเข้าที่ท้ายทอยของพ่อบ้านคนสำคัญทันที

“หยุดนะ!” ท่านเจ้าร้องเสียงหลง เผลอบีบมือธราแน่นด้วยความรู้สึกกลัวที่ตีตื้นขึ้นมา “แม่ครับ! สั่งให้คนของแม่เก็บปืนเดี๋ยวนี้!”

“ลุงไม่เป็นไรหรอกครับท่านเจ้า ดีเสียอีกที่ได้พูดออกมา ดีแล้วล่ะครับ ท่านเจ้าของลุงจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ดีแล้วที่คุณชายจำท่านเจ้าได้เสียที” ลุงชันเผยรอยยิ้มอย่างไม่หวั่นเกรง แววตาคมเข้มของชายมีอายุมองไปที่ใบหน้างามของนายหญิง ความเย็นชาที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก็ไม่อาจปิดกั้นความอ่อนไหวภายในใจได้ “ไม่มีความลับอยู่บนโลกนี้หรอกครับนายหญิง ฐานะของท่านเจ้า สักวันก็จะถูกเปิดเผย ต่อให้ผมตายไป ความจริงก็ไม่ได้เปลี่ยน” น้ำเสียงของลุงชันเนิบนาบ ไม่อนาทรต่อปากกระบอกปืนที่กดแนบท้ายทอยเลยสักนิด “ท่านเจ้าน่ะรักคุณชาย ต่อให้จะใช่หรือไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ความรู้สึกของทั้งสองคนก็ไม่เป็นไปตามที่นายหญิงหวังหรอกครับ”

“ถ้าอย่างนั้น...น้องจี้” ใบหน้างามไร้รอยยิ้มเมื่อเอื้อนเอ่ย “ช่วยกำจัดต้นเหตุความผิดหวังของฉันให้หน่อยได้มั้ย”

ธราเห็นมือที่กำรอบด้ามปืนของจี้สั่น ซึ่งเขาเข้าใจดี เข้าใจดีทีเดียวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ หลังจากที่ประโยคต่อมาถูกเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานที่แสนอันตราย

“อย่างที่ฉันเคยบอกหนู...ว่าโลกนี้ทุกสิ่งล้วนแต่ได้มาโดยเกิดการแลกเปลี่ยน ไม่มีสิ่งไหนได้มาฟรี” เสียงเย็นของนายหญิงยังคงพูดต่อ บอกย้ำให้จี้หวนนึกถึงครั้งที่ถูกส่งตัวไปอยู่ในความดูแลของท่านเพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้ท่านเจ้าออกตามหาธรา “ชีวิตของพ่อที่เลี้ยงดูหนูมา กับคนที่หนูเกลียด...คงเลือกไม่ยากใช่ไหม”

“แม่บ้าไปแล้วหรือไง!” เจ้า จักรพรรดิตวาดเสียงดังลั่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปด้วยโทสะ “จี้ไม่ต้องไปฟัง ไม่ต้อง...”

“ฉันเอาจริงนะหนู คนอย่างฉันไม่เคยล้อเล่น”

รู้ดี จี้รู้ดีทีเดียวว่านายหญิงนั้นเป็นคนแบบไหน ท่านเด็ดขาดและเมื่อได้ลั่นวาจาก็จะไม่คืนคำ

“เดี๋ยว!” จันทร์เจ้าขัดขึ้นอย่างอดไม่ไหวหลังจากที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความหวาดหวั่น “หมายความว่ายังไง! ที่บอกให้กำจัดน่ะกำจัดใคร มีสิทธิ์อะไร อย่ามาทำร้ายดิน! พวกมึงมันแม่ลูกเฮงซวย!”

“ปิดปากเด็กนี่หน่อย” แค่เพียงคำสั่งสั้นๆ ชายร่างสูงใหญ่อีกคนก็ประชิดตัวจันทร์เจ้าแล้วยกมือขึ้นปิดปากเล็กเอาไว้ มืออีกข้างก็ล็อกตัวร่างเล็กบางไว้แน่น แม้จะดิ้นขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากพันธนาการ “ทีนี้ มาว่าเรื่องของเราต่อดีกว่าน้องจี้”

“จี้อย่าไปฟัง!” แววตาคมไม่เหลือซึ่งความเคารพ มารดาที่อ่อนโยนและแสนใจดีของเขาคงตายจากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่ได้ครอบครองอำนาจและเงินตรา “ถ้าแม่อยากกำจัดความผิดหวัง ก็ต้องกำจัดผม ไม่ใช่คนอื่น จี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งน้องดิน ทั้งลุงชัน ไม่มีใครเกี่ยวเลย ทุกอย่างมันเกิดจากความรู้สึกของผมเอง ผมผิดเองที่เป็นอย่างที่แม่คาดหวังไม่ได้ ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าผม”

มือของจี้สั่นเทามากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตบนใบหน้าเล็กจับจ้องดวงหน้าของท่านเจ้า ดวงหน้าของบุคคลอันเป็นที่รักที่กำลังเจ็บปวด คนที่มักจะเป็นผู้ปกป้องเสมอ คนที่มักจะบอกกับจี้ว่าจี้เป็นความสบายใจ จี้คือเรื่องราวดีๆ ในชีวิต จี้คนที่ไร้ค่าคนนี้ได้รับความรักจากท่านโดยที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้จากใคร ท่านให้ชีวิต ให้ครอบครัว ให้จี้ได้มีพ่อแม่ มีพี่น้อง เพราะแบบนั้นท่านถึงเป็นคนที่ควรถูกรักและเป็นคนทีี่ควรถูกปกป้อง

“พ่อ” เสียงสั่นเครือร้องเรียกพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูและให้ความรักมาตลอดหลายปี “พ่อจะโกรธน้องมั้ย”

ใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยริ้วรอยส่ายไปมา ดวงตาแดงก่ำมองลูกชายด้วยความสงสาร “พ่อเข้าใจน้อง”

“น้องไม่ได้ไม่รักพ่อ พ่อรู้ใช่มั้ย”

“ครับ พ่อรู้”

ธราเข้าใจแล้ว เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของคำพูดจี้ในตอนนี้ มือที่สั่นเทาของจี้หยุดสั่นราวกับพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปยังจุดสิ้นสุด ริมฝีปากเล็กเผยรอยยิ้มเมื่อหันมามองสบตากับธรา

ต้องมีคนที่ตายในวันนี้สองคน

เพราะผลลัพธ์มันจะไม่เปลี่ยน

มึงเข้าใจใช่มั้ยดิน

เพราะฉะนั้นดูแลท่านด้วยนะ

“นายหญิงครับ” จี้กล่าวอย่างสงบ แววตาแน่วแน่มองตรง “ผมน่ะเป็นคนของท่านเจ้า เพราะฉะนั้นผมไม่คิดที่จะทำตามคำสั่งของนายหญิงหรอกครับ อีกอย่างผมก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของคนอื่นว่าควรอยู่หรือตาย”

“เอาอย่างนั้นหรือ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเย็นชา ก่อนจะคลี่ยิ้มเย็น “ถ้าอย่างนั้น...”

แต่ฉับพลันปืนพกในมือของจี้ก็ถูกแย่งไป คนที่ไม่ทันระวังถึงกับร้องอุทานเมื่อเห็นว่าปืนที่ถูกแย่งไปนั้นอยู่ในมือของท่านเจ้า ปากกระบอกปืนจ่อแนบที่ขมับของตนเอง

“ท่าน! / เจ้า!” ธรากับจี้ร้องขึ้นพร้อมกัน แววตาของคนทั้งคู่หวาดหวั่น เรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ แม้จะแน่ใจแล้วว่าล่วงรู้เหตุการณ์ที่จะเกิด แต่เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่นี้กลับไม่เคยมีมาก่อน

“ถ้าจะมีใครต้องตาย คนนั้นก็ต้องเป็นผม” น้ำเสียงของท่านเจ้าราบเรียบ ไม่มีความหวั่นกลัว แววตาคมสบมองกับแววตาของมารดาผู้ให้กำเนิดที่สะท้อนความเจ็บปวด “ถ้าแม่คิดว่าสิ่งที่ผมเป็นมันผิด ความรักที่ผมมีให้กับใครคนหนึ่งมันผิด ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”

“วางปืนลงเดี๋ยวนี้ท่านเจ้า!” เสียงเฉียบขาดจากผู้เป็นมารดาดังขึ้น “รู้บ้างมั้ยว่าชีวิตของตัวเองมีค่ามากแค่ไหนแล้วมีความสำคัญต่อใครบ้าง!”

“ชีวิตของผมก็มีค่าเท่ากับชีวิตของคนอื่น ถ้าแม่มองว่าชีวิตของคนที่ผมรักไร้ค่า อย่างนั้นชีวิตของผมก็คงไม่ต่างกัน” เสียงเรียบโต้กลับ ไม่มีความวู่วามในแววตา มีแต่การไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง “ปล่อยลุงชันเถอะครับ แล้วก็ปล่อยคนอื่นๆ ไป ผมจะกลับไปกับแม่ก็ได้ แต่แม่ต้องรับปากว่าจะไม่ทำร้ายใคร”

“คำสัญญาจากท่านเจ้า แม่เชื่อได้แค่ไหน”

“ปล่อยลุงชันก่อนครับ”

ธราหันมองจี้ อยากขอความเห็นเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดี ต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างเมื่อเส้นทางที่จะเดินไปถึงจุดจบนี้ถูกเปลี่ยนเป็นเส้นทางใหม่ จี้ที่มองตอบกลับก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ แม้จะรู้ฉากจบแต่กลับไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน เวลาก็เคลื่อนผ่าน 17:17 น. มาหลายนาทีแล้ว เลยเวลาของจุดสิ้นสุดในครั้งก่อนจนยากที่จะคาดเดาถึงความเป็นไปได้หลังจากนี้ แต่ในขณะที่ต่างคนต่างเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่มีใครสังเกตเลยว่าจันทร์เจ้านั้นกำลังทำอะไร ร่างเล็กที่สงบเสงี่ยมแล้วแสร้งทำตัวเรียบร้อยนั้นถูกปล่อยตัวเมื่อไหร่ เพราะเมื่อรู้ก็สายเกินไปเสียแล้ว ปืนพกที่ฉวยโอกาสดึงออกจากที่เก็บข้างเอวของชายร่างสูงตอนที่ถูกล็อกตัวนั้นอยู่ในมือของจันทร์เจ้า รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นอย่างไม่น่ามอง แววตาชิงชังจ้องมองเป้าหมาย หลังจากนั้นเสียงปลดเซฟปืนก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว จี้สังเกตเห็นผ่านหางตา ในขณะที่ธราช้ากว่า เพราะเขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับภาพที่คนรักกำลังต่อรองยื้อชีวิตให้กับลุงชัน

“คนที่เป็นตัวปัญหาน่ะไม่ใช่ดิน คนที่ทำให้แม่ของมึงผิดหวังก็ไม่ใช่ดิน” เสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของจันทร์เจ้าดังทั่วบริเวณ ทนมองมานานแล้ว ทนมองพวกมันล้อเล่นกับชีวิตของคนอื่น “แต่เป็นมึงไอ้เจ้า เป็นมึงที่ลากทุกคนมาซวยกันหมด เป็นมึงที่ทำให้กูต้องพิการ มึงไม่เคยขอโทษกูเลยสักครั้ง หนำซ้ำยังขังกูไว้ กูไปไหนไม่ได้ เจอพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ เพราะมึงที่ชอบทำตัวเป็นพระเจ้า ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตของคนอื่น กูเกลียดมึงเหมือนที่แม่ของมึงเกลียดดิน ทั้งมึงทั้งแม่ของมึงน่ะสมควรตายตามกันไปซะ! ไปสูงส่งกันอยู่ในนรกเถอะไอ้พวกเวร!”

ปัง!

เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณเมื่อกระสุนปืนนัดแรกแหวกผ่านอากาศทะลุผ่านผิวเนื้อเข้าที่กลางอกของเจ้า จักรพรรดิ ธราสะดุ้งโหยง เขาอยู่ใกล้ที่สุด อยู่ใกล้ท่านเจ้าแค่ระยะที่มือเอื้อมถึงแต่กลับช่วยไว้ไม่ทัน ร่างผอมนั้นสิ้นฤทธิ์และล้มลงในอ้อมแขนของเขาราวกับเทวดาปีกหักที่ตกจากท้องฟ้าร่วงสู่พื้นดิน และท่ามกลางความตื่นตะลึงของคนที่เหลือ เสียง ปัง! ก็ดังขึ้นอีกหน มันดังขึ้นในอีกไม่ถึงนาทีจากเสียงครั้งแรกราวกับคนลงมือยิงต้องการที่จะแน่ใจว่าได้ปลิดชีวิตเป้าหมายได้สำเร็จ แต่กระสุนนัดนี้ไม่ถึงตัวของเจ้า จักรพรรดิหรือดิน ธราที่ใช้ร่างหนาของเขาปกป้องเอาไว้ เพราะกระสุนนัดที่สองนั้นผ่านทะลุอกซ้ายของผู้ปกป้อง

ผู้ปกป้องที่เป็นดั่งความสบายใจของท่านเจ้า

จี้ล้มลงตรงหน้าธรา ทั้งที่มุมปากยกยิ้มแต่บัดนี้ดวงตาปิดสนิทตลอดกาล ไม่เหลือเวลาแม้แต่จะพูดถ้อยคำบอกลาใดๆ ในขณะที่ธราได้แต่ตัวสั่นเทา หูอื้ออึงเพราะเสียงที่ดังขึ้นใกล้ๆ เสียงแห่งความตายนั้นดังขึ้นอีกสองครั้งพร้อมกับได้ยินเสียงของหนักๆ ตกกระทบพื้น เขาแน่ใจ แน่ใจทีเดียวว่าของนั้นคงเป็นร่างเล็กบางของจันทร์เจ้าที่ถูกคนของคุณแม่ท่านเจ้าจัดการ แต่เขาไม่ได้หันไปมอง เขาทำเพียงโอบกอดร่างที่หายใจรวยรินในอ้อมแขน มือสั่นๆ ของเขากำลังพยายามห้ามเลือดที่บาดแผล

“น้องจี้...น้องจี้ของพ่อ” ได้ยินเสียงของลุงชันร้องเรียกลูกชาย น้ำตาของคนเป็นพ่อรินไหล พลางกอดร่างลูกชายตัวเล็กแนบอก

ขอบตาของธราร้อนผ่าว ตอนนี้เขาไม่แน่ใจอะไรเลย จี้ก็ไม่อยู่ตอบคำถามของเขาแล้ว แล้วใครจะตอบคำถามนี้ได้ ใครจะบอกเขาได้ว่าผลลัพธ์นั้นเป็นอย่างไร บทสรุปจะเป็นแบบไหน เสียงร้องไห้ของลุงชันนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น กลับทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ท่านเจ้าของเขาก็ไม่เอ่ยคำใดราวกับแค่เปล่งเสียงก็ทำให้เหนื่อยจนหัวใจอาจหยุดเต้นไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง แต่มือผอมนั้นควานไปข้างๆ เขารู้...เขารู้ดีและลุงชันก็รู้ว่ามือนั้นกำลังต้องการสิ่งใด ลุงพาร่างของลูกชายเข้ามาใกล้ ส่งมือเล็กนั้นให้ท่านเจ้าจับไว้

“ขอโทษ” เป็นถ้อยคำเพียงคำเดียวที่เล็ดลอดให้ได้ยินก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบรดบนแก้มเนียน ธราได้แต่ใช้หลังมืออีกข้างที่ไม่ได้กดปากแผลเอาไว้เช็ดน้ำตาให้แต่เหมือนยิ่งเช็ดก็ยิ่งหยุดไม่ไหล มันยิ่งเพิ่มมากขึ้นราวกับสายฝนที่กำลังตกอย่างบ้าคลั่ง หอบเอาความเศร้ามาในเวลานี้

.

.

จี้...ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ขอให้มีความสุขนะ



.............TBC...............



ขอให้ทุกคนพบเจอกับความสุขนะคะ ติดตามตอนจบได้ในตอนหน้าค่าาา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนูจี้  :hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องจี้....  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งื้ออออออ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ขอให้มีความสุข ได้อยู่กับสิ่งที่คิดฝันนะจี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด