LOVE IS ? เติมรักที่หายไป ตอนที่ 12 {MARK} 10/10/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOVE IS ? เติมรักที่หายไป ตอนที่ 12 {MARK} 10/10/18  (อ่าน 4408 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sailomcc.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
10

หลังจากที่กลับมาจากการทำกิจกรรม พวกเราแยกย้ายกันกลับมาอาบน้ำเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะตะลุยถนนคนเดิน ซึ่งเป็นกิจกรรมไม่บังคับครับ เพราะว่าทางทริปประกาศว่า จะมีคนดูแลอยู่ทั้งสองจุดและมีอาหารสำหรับคนที่อยู่ที่โรงแรม เช่นเดียวกันกับกลุ่มศิลปิน โบววี่เลือกที่จะอยู่ที่โรงแรมเพราะต้องอยู่กับเจ๊ผู้จัดการ แต่จริงๆแล้วเธอขี้เกียจและคนที่ไปถนนคนเดินก็ต้องเป็นได้คนที่เดินถอดเสื้อเดินไปเดินมาอยู่ในห้องกับกางเกงขาสั้นสีขาวที่สั้นมากอย่างไม่รู้จักอาย


   “ พี่ว่าเบียร์อยู่ห้องเหอะ ขาน่ะไหวหรือเปล่า” เขาชี้มาที่แผลตรงหัวเข่าของผมที่ล้มเมื่อตอนกลางวัน มันคงไปกระแทกหินซึ่งตอนกลางวันผมใส่ขานาวเลยไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ พอเห็นแผลเท่านั้นแหละก็แสบขึ้นมาทันที และส่วนคนที่ทำแผลให้แทนที่จะเป็นพยาบาลกลับเป็นไอ้พี่มือหนักที่เดินสบายใจอยู่เสียนี่สิ


   “ ก็ผมอยากไปนี่ ผมมาที่นี่เพื่อดูแลพี่” ผมอยากไปมาก สตอมมีมันรอผมอยู่แน่ๆ


   “ พี่โอเค เบียร์ไม่ต้องไปหรอก สังขารไม่ไหวแล้วเนี่ย เดินมาอักเสบ ติดเชื้อทำไง เดี๋ยวได้ตัดขาหรอก”


   “ เกินไปละ แค่แผลถลอกเองพี่ ผมเองก็เป็นผู้ชาย ผู้ชายก็ต้องมีบาดแผลบ้างดิ”


   “ ไม่ได้ ถ้าเบียร์มีแผลก็แสดงว่าพี่ดูแลเบียร์ไม่ดี” พี่ธีทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงที่ผมนอนอยู่


   “ ตลกละ ลุกไปเลย ไปใส่เสื้อด้วย” ผมยกผ้าขึ้นมาคลุมตัวคลุมหน้าไว้ ผมไม่ชอบการจู่จอมของไอ้พี่ธีนี่เลย ผมหัวใจเต้นเร็วแปลกๆ หน้าของผมดันแดงอีกต่างหาก พี่จะมีผลต่อร่างกายผมมากไปแล้วนะ


   “ เขินเหรอ”


   “ เขินก็ผ้าแล้ว น่าเกลียด เดินถอดเสื้อไปมาไม่อายบ้างหรือไงฮะ” ผมตะโกนผ่านผ้าห่มที่ห่อตัวออกไป


   “ อายทำไมก็ผู้ชายด้วยกัน” พี่มันพูดจบก็กระโดดมานอนกอดผมอยู่ข้างๆ มันจะมากไปแล้วนะ


   “ อ่อย อ๋ม เอี๋ยวอี้  อ้ะ” ผ้าห่มมันอุดปากผมเต็มๆเลยครับแล้วไอ้คนที่อยู่ข้างนอกมันก็ยังหัวเราะสนุก ชอบใจ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผม ได้เลย “ โอ้ย”


   “ เบียร์” พี่ธีผละออกจากผมไปอย่างรวดเร็วผมดีดตัวออกตามไปอย่างรวดเร็ว พี่ธีมองมาทางผมอย่างไม่สามารถคาดเดาได้สายตานั้นมันดูเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่ค่อยๆยิ้มออกมาเหมือนจะตะครุบเหยื่อ ให้ตายสิ ผมมายืนชิดกำแพงตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย “
แสบมากนะ”


   “ พี่ชาย”


   “ ไม่ต้องมาทำอ้อนเลยมันจะไม่มีครั้งที่สอง” พี่ธีเดินมาชิดผม มือขาวทั้งสองข้างดันเข้ากับกำแพง แผงอกเปลือยเปล่าของพี่แกแทบจะนาบลงมาชิดที่ตัวของผม “ แผนสูงนักเหรอฮะ” เสียงแหบซ่านเบาๆกระซิบที่ข้างหู มันเหมือนมีแค่ลมซึ่งมันทำให้ขนของผมลุกไปทั่วทั้งตา “ เขินพี่เหรอ หน้าแดองอีกแล้ว”


   “ เออ เขิน พอได้แล้ว ผมไม่เล่นแล้ว”


   “ ใครว่าพี่เล่นล่ะ” พี่ธีทำท่าโน้มตัวลงมาหาผมโชคดีที่เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเสียก่อน ผมใช้จังหวะเผลวิ่งไปหยิบโทรศัพท์


   “พี่มาร์ค” ผมอุทานออกมาเบาๆ พี่ธีวิ่งมาหาผมอย่างรวดเร็ว แล้วดึงตัวของผมข้าไปดูดจนคอผมเป็นรอยแดงอย่างเห็นได้ชัด


   “ รับสิ” พี่แกยิ้มอย่างมีชัยชนะก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงตัวเอง “ รับสิ เขาอุตส่าวีดีโอคอลมา”


   “ สวัสดีครับ” ผมกดรับพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดไว้ที่ต้นคอ


   “ เบียร์ ทำไมเงียบไปเลยล่ะ” เสียงของพี่มาร์คส่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกินใจ “ แล้วคอเป็นไร”


   “ ไม่มี ไม่เป็นไร” ผมตะโกนออกไปอย่างลืมตัวพร้อมกับโบกมือไปมา เสียงไอ้คนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างหลังหัวเราะดังเยาะเย้ยมา


   “ คอไปโดนอะไรมาเหรอครับ” พี่มาร์คชี้ไปที่รอยแดงที่คอของผม


   “ อ๋อ ยุงกัดน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” ผมยิ้มตอบไป “ พี่นั่นแหละดูแลพี่เจมส์เป็นไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า”


   “ ไม่เหนื่อยหรอก แต่ถ้ามีเบียร์อยู่ก็คงจะดี” พี่แกทำแก้มพองๆแล้วกระพริบตาสองสามทีเหมือนเด็กอ้อนขอนม แล้วพี่แกก็หัวเราะออกมา “ แบบนี้น่ารักไหม”


   “ เบียร์ สุให้มาตาม ไปเตรียมตัวไปถนนคนเดิน” เสียงพี่ธีตะโกนมาจากกด้านหลัง


   “ นี่เบียร์นอนกับธีเหรอ”


   “ เออ แค่นี้นะพี่ พวกผมยุ่ง” พี่ธีเดินถอดเสื้อมาแย่งมือถือไปจากมือของผมก่อนจะกดวางสายไป “ ไปนอนพักก่อนไป ถ้าสุตามแล้วจะปลุก”


   “ อ้าวแล้มเมื่อกี้” ผมทำท่าเถียงแต่ไอ้สายตาแบบนี้มันกลับมาอีกแล้ว สายตาที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายและหัวใจของผม


   “ พี่ไม่ชอบให้เราไปอยู่ใกล้ๆคนอื่น พี่หวง”


   “ แล้วเราเป็นอะไรกันล่ะถึงได้มาบอกว่าหวงกัน” ผมกลั้นใจถามไป พี่ธีชะงักไปครู่นึง ก่อนจะขยับตัวผมเดินเข้าไปหา


   “ รอยที่คอก็น่าจะบอกแล้วนะ พี่เป็นเจ้าของเบียร์”


   “ ขี้ตู่ รอยนี่มันก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นแหละ”


   “ ไม่หรอก” พี่ธีโน้มตัวลงมาที่ริมฝีปากของผม สัมผัสนุ่มๆทำให้ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรง ลิ้นอ่อนละมุนกระตุ้นให้ริมฝีปากของผมเปิดรับสัมผัสที่เพิ่มขึ้น กลิ่นมินท์ที่พี่ธีชอบอมอวลไปทั่วทั้งปากของผม เสียงลมหายใจของเราสองคนเริ่มเป็นจังหวะเดียวกัน ก่อนที่พี่ธีจะยกมือมาประคองใบหน้าของผม ขึ้นมาสบตากับตัวเอง แล้วลดใบหน้าของเขามาที่ต้นคอของผมแล้วดูดย้ำที่รอยเดิม จนผมรู้สึกเจ็บ “ แล้วนี่ล่ะ ชั่ววูบหรือเปล่า พี่เข้าถาม”


   “ อือ”


   “ เป็นแฟนกับพี่นะ”


   “ คะ คือว่า”


   “ ทำไมล่ะ ในเมื่อเราก็รักกัน “


   “ ผมขอเวลาจัดการทุกอย่างก่อนได้หรือเปล่าครับ” ใจของผมตอนนั้นมันเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ถึงผมอยากจะเป็นแฟนกบพี่ธีใจจะขาด แต่ผมต้องจบกับเรื่องบ้าๆที่ผมเคยทำร้ายพี่ธีก่อน และมันน่าจะจบวันนี้แหละ


   “ เรื่องอะไรเหรอ” พี่ธีถามอย่างสงสัยก่อนที่จะนอนลงข้างๆผม


   “ วันหนึ่งพี่จะรู้เอง และถึงวันนั้นพี่จะยังอยากได้คำตอบผมหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้” ผมพูดอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ ผมคือคนที่คอยทำร้ายเขามาโดยตลอด


   “ อยากได้สิ เบียร์พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง พี่งงไปหมดแล้ว” พี่ธีกระชับตัวผมเข้าไปในอ้อมกอด   “ ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบ “ แต่พี่กอดผมแบบตอนนี้นานๆได้ไหมครับ” ผมบอกไปตรงๆเพราะผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้ สัมผัสแบบนี้จะมีอีกหรือเปล่า หากว่ามันไม่มีมันก็คงมาจากตัวของผมเอง


ผมไม่รู้ว่าผมกับพี่ธีกอดกันอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่รู้แค่เพียงว่ามันผ่านไปเร็วมาก ถึงแม้ว่าแสงด้านนอกมันจะลดหายไปมากแล้วก็ตาม ตอนี้ผมมายืนอยู่ด้านข้างรถแดง ซึ่งเป็นรถประจำทางของที่เชียงใหม่เป็นสัญลักษณ์และผู้ชำนาญทาง ส่วนที่คอผม พี่ธีเอาผ้าพันคอของพี่แกพันมาให้อย่างดี


   “ นี่แกหนาวขนาดนี้เลยเหรอ” สุที่เดินมาจากข้างหลังถามขึ้น


   “ อืม สงสัยจะเป็นงั้น”


   “ หน้าแดงด้วย แกไม่ต้องไปดีหรือเปล่า แกอาจจะแผลอักเสบ”


   “ แกไปสนใจลูกทัวร์แกเหอะ” ผมดันตัวสุออกไปให้พ้นจากตัวเองไม่อย่างนั้นมันได้ถามซักไซ้จนผมหลุดคงามจริงไปแน่ๆว่าผมกำลังปิดรอยอะไรอยู่


   “ เออ” มันทำท่าจะเดินออกไปต่ผมนึกบางอย่างออกเลยดึงมือมันไว้แล้วเดินไปที่ด้านหลังรถ


   “ แกช่วยกันพี่ธีให้ฉันทีดิ”


   “ ทำไมวะ”


   “ ฉันจะไปหาสตอมมี่” ผมชูรูปในโทรศัพท์ที่สตอมมี่เพิ่งส่งให้ผมก่อนที่จะมารวมตัวกันให้สุดู “ มันให้ฉันไปคนเดียว”


   “ แต่” สุท้วงใบหน้ามันเต็มไปด้วยความรนลานและตื่นกลัว


   “ แกไม่ต้องห่วงถนนคนเดินคนเยอะจะตาย มันไม่ทำอะไรหรอก แค่ไปเจอก็น่าจะจบแล้ว”


รถที่ผมนั่งไปถนนคนเดินเป็นรถที่มีทีมงานบางส่วนนั่งมาด้วย และเป็นไปตามที่ทุกคนในทีมคาดไว้ นั่นคือรถติดครับ ตลอดเส้นทางที่จะเดินทางไปถนนคนเดินท่าแพนั้นเต็มไปด้วยรถ ทั้งรถประจำทาง รถส่วนตัวหรือแม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์ พี่ธีเองก็นั่งหลับเอาหัวอิงผมมาได้สักพัก ผมได้แต่มองใบหน้าลิงนั้นเพื่อเป็นกำลังใจในการไปหาสตอมมี


   สตอมมี : แผลเป็นไงบ้างล่ะไม่น่าหาเรื่องให้เจ็บตัวเลยนะ


   สตอมมี : คุณได้รับรูปภาพจากสตอมมี


ในรูปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผม แสดงเป็นด้านหลังของผมตอนที่ผมล้มลงไปอยู่กับพื้น ตอนนั้นพี่ธีกำลังเดินไปทำกิจกรรมต่อกับแฟนคลับ


   สตอมมี่ : ไอ้หน้าตัวเมียนั่นมันยังไม่สนใจแกเลย แกยังจะปกป้องมันอีกเหรอ แอดมินคนที่เคยเกลียดธีมันหายไปไหนแล้วฮะ หรือว่าเพจนี้มันเป็นแค่เพจสร้างกระแสให้ไอ้ไวรัสจั๋นนั่นด้วยฮะ


   แอนตี้ไวรัสธี : ฉันแค่หยุดแล้ว แกก็ควรจะหยุดเรื่องนี้ได้แล้วนะ พอสักทีเถอะ


   สตอมมี่ : วันนี้ก็มาเจอฉันสิฉันจะส่งสถานที่นัดหมายไปให้ ถ้าไม่มาตามที่ฉันกำหนด ไวรัสจั๋นแกเหลือแต่ชื่อแน่ มาคนเดียวล่ะ


   แอนตี้ไวรัสธี : แล้วเจอกันที่ไหนล่ะ


ผมนั่งรอข้อความมันมานานแล้วครับ มันยังไม่ยอมนัดสถานที่มาเสียที ใจของผมเต้นแรงขึ้นเมื่อมีคนบนรถบอกว่าให้พี่ธีเตรียมตัวเพราะเราใกล้จะถึงถนนคนเดินแล้ว เรามาเริ่มเดินกันที่หน้าวัดพระสิงห์ โดยที่ขากลับรถจะไปจอดรับที่ประตูเมืองท่าแพ ทันทีที่ลงรถพี่ธีก็สวมหมวกมาที่หัวของผม มันเป็นหมวกแก็ปที่พี่แกใส่อยู่


   “ ใส่ไว้ น้ำค้างมันลงเดี๋ยวไม่สบาย” พี่แกจับมือผมแล้วเดินไปข้างหน้า ผมเลือกที่จะดึงมือออกเพราะถ้าตัวติดกับพี่ธีตลอดแบบนี้ผมคงไม่ได้ไปหาสตอมมี่แน่ “ มีอะไรหรือเปล่า”


   “ มันน่าเกลียดครับ เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดีเอา” ผมแก้ตัวไป “ เดี๋ยวผมขอไปเดินกับสุนะครับ”


   “ เดี๋ยว”


   “ มะ…มีไรคับ”


   “ ขาไหวเหรอ” พี่แกก้มลงไปดูแผล “ พี่ว่า”


   “ ผมไหวครับ พี่ไปทำงานเถอะ ถ้าทำแบบนี้ผมจะคิดว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงนะ” ผมตีหน้าเครียดใส่พี่ธียิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจ “ ผมโตแล้วนะ”


   “ รู้ว่าโตแล้ว” พี่แกถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “ มีอะไรโทรหาพี่ทันทีเลยนะ”


   “ ครับ”


หลังจากแยกตัวออกมาจากพี่ธีผมก็ได้แต่รอข้อความจากไอ้สตอมมี่จนไม่เป็นสุข ผู้คนมากมายหลายตาที่เดินซื้อของ เสียงดนตรีทางเหนือดังคลอ ถ้าใครได้มาเที่ยวก็คงต้องหลงรัก เสียงพ่อค้าแม่ค้าดังเซงแซ่ กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างเดินยิ้มแย้มกับบรรยากาศที่แสนอบอุ่นนี้ ตลอดเส้นทางของผมมีอาหารและของประดับตกแต่งและของฝากที่ทำมือหรือแฮนด์เมดมากมาย แต่มันไม่ได้ดึงดูดสายตาของผมเลยแม้แต่น้อยเพราะผมกำลังพยายามหาคนคนหนึ่งอยู่


ไม่นานเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง เสียงโทรศัพท์ของผมก็ส่งสัญญาณเตือนมาจากคนที่ผมรออยู่ เขาส่งรูปถ่ายมาให้มันเป็นรูปที่มีเป้ายิงปืน ซึ่งอยู่ในวัด ผมพยายามเดินไปตามทางและถามคนไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่สถานที่ที่มันนัดหมายผมไว้และผมก็ไม่ลืมที่จะส่งจุดหมายนี้ให้สุด้วยเพราะหากว่าผมหายไปหรือเป็นอะไรไปสุจะได้มาตามหาถูก ตรงมุมสุดด้านในของวัดนั้นมีใครบางคนสวมฮู้ดสีดำยืนอยู่ ผมเดินตรงเข้าไปหาแต่ทว่ามีมือของบางคนมาฉุดผมเอาไว้เสียก่อน ผมหันกลับไป ใบหน้าของพี่ธีเต็มไปด้วยเหงื่อ และ คิ้วของเขาชนกัน ดูแล้วพี่แกคงอารมณ์เสียพอสมควร ใจของผมร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่จะให้ทำไงได้ผมต้องไปตามหาไอ้สตอมมีให้เจอก่อน


ผมเลือกที่จะสะบัดมือของพี่ธีออกแล้ววิ่งตามสตอมมี่ที่วิ่งออกไปจากบริเวณนั้น มือถือของผมสั่นอีกครั้งพร้อมกับข้อความที่ได้รับใหม่


   สตอมมี่ : ฉันเตือนแกแล้ว แกผิดสัญญา แกเตรียมตัวได้เลย เบียร์



{PART’S THEEMA}



ผมมีความรู้สึกว่าเบียร์แปลกไป เขาดูใจจดใจจ่ออยู่กับโทรศัพท์แล้วทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา ผมเลยลองโทรกลับไปถามพี่บีว่าทางนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แล้วคำตอบที่ได้มาคือ ผมบ้าไปหรือเปล่า เพราะพี่แกสั่งงานเบียร์ให้มาที่นี่อย่างเดียว แล้วใครกันคือคู่สนทนาของเบียร์ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือกันแน่


จนกระทั่งตอนที่ผมกับน้องลงมารวมกันที่รถตู้ ซึ่งจู่ๆไอ้ตัวเล็กของผมมันก็ห่างออกไปจากผม ผมห่วงว่าจะไปไข้ขึ้นหรือล้มตรงไหนหรือเปล่า เลยเดินหาดู


   “ แกช่วยกันพี่ธีให้ฉันทีดิ”  เสียงของเบียร์ๆดังมาจากด้านหลังของรถแดง ซึ่งคนที่ยืนคุยอยู่คือเพื่อนสนิทของเขาเองนั่นแหละ


   “ ทำไมวะ” เออนั่นดิ เป็นคำถามที่ผมอยากถามอยู่พอดี สุได้ถามแทนผมเป็นที่เรียบร้อยเล้ว


   “ ฉันจะไปหาสตอมมี่” สตอมมี่ไหนวะ ไอ้นี่เป็นใคร มันคือใครแฟน กิ้ก พี่ชายของเบียร์เหรอ ผมกำหมัดแน่น พยายามไม่พุ่งออกไปตอนนี้เพราะถ้าผมบุ่มบ่ามเข้าไปจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย “ มันให้ฉันไปคนเดียว” ทำไมคนรักหรือคนสนิทต้องเรียกว่ามันเลยล่ะ


   “ แต่” สุท้วงใบหน้าเต็มไปด้วยความรนลานและตื่นกลัวผมว่าเรื่องราวครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องราวดีๆแน่


   “ แกไม่ต้องห่วงถนนคนเดินคนเยอะจะตาย มันไม่ทำอะไรหรอก แค่ไปเจอก็น่าจะจบแล้ว”


   “ น้องธีครับ ขึ้นรถครับ” เสียงพี่ทีมงานดังมาจากด้านหลัง ผมหยิบหมวกสีดำในกระเป๋าขึ้นมาสวมให้ตัวเองหลังจากถอดสีแดงใบเดิมออก


ระหว่างที่นั่งรถไปถนนคนเดินผมพยายามนอนซบ อิงซบเปลี่ยนท่าทุกๆนาทีเห็นจะได้เพื่อที่จะมองโทรศัพท์ของเบียร์ชัด แต่มันมองไม่เห็น ผมชักเกลียดไอ้ฟิล์มกันคนอื่นมองเห็นที่ติดโทรศัพท์อยู่แล้วล่ะครับ


พอลงไปจากรถ ผมก็ต้องทำงาน แล้วน้องมันก็ทำท่าทางตื่นๆอย่างเห็นได้ชัดผมเลยตัดสินใจเดินไปดึงมือน้องมันมาจับไว้พร้อมกับใส่หมวกสีแดงให้อย่างน้อยถ้าคลาดกันก็น่าจะเป็นจุดสังเกตได้ง่าย


“ ใส่ไว้ น้ำค้างมันลงเดี๋ยวไม่สบาย” น้องมันสะบัดมือของผมออกครับ ท่าทางน้องมันแสดงชัดมากว่าอยากออกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน “ มีอะไรหรือเปล่า”


   “ มันน่าเกลียดครับ เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดีเอา” หึหึ แก้ตัวไม่เนียนเลยนะตัวเล็ก “ เดี๋ยวผมขอไปเดินกับสุนะครับ”


   “ เดี๋ยว” ผมเรียกไว้ แต่ก็ไม่อยากให้น้องมันสงสัยหรือหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่เสียงผมทำให้ตัวของน้องมันเกร็งอย่างเห็นได้ชัด


   “ มะ…มีไรคับ”


   “ ขาไหวเหรอ” ผมก้มลงไปดูแผล “ พี่ว่า”


   “ ผมไหวครับ พี่ไปทำงานเถอะ ถ้าทำแบบนี้ผมจะคิดว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงนะ” น้องมันทำหน้าจริงจังจนผมถึงกับปรับอารมณ์ไม่ทัน ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าน้องมันจะโกรธ “ ผมโตแล้วนะ”


   “ รู้ว่าโตแล้ว” ผมถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “ มีอะไรโทรหาพี่ทันทีเลยนะ”


   “ ครับ”


ผมแยกกับเบียร์มาได้สักพัก ก็มาเจอกับสุที่ทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก และผมรู้ดีว่าสุเป็นคนโกหกไม่เก่งผมหวังว่าจะหลอกถามได้ง่ายๆนะเพราะว่าเบียร์ที่บอกจะอยู่กับสุก็ไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว ผมเองก็ร้อนใจแต่ต้องแสดงละครหน่อยแล้ว


   “ สุ” ผมพยายามกดเสียงต่ำให้ดูน่าเกรงขาม


   “ ค่ะ คะ” เธอตัวนิ่งไม่ต่างจากเบียร์เมื่อครู่เลย “ พี่ธีมีอะไรหรือเปล่าคะ”


   “ เบียร์ไปไหน”


   “ บะ เบียร์ อ๋อ มันไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวก็มาแล้วค่ะ” เธอทำตัวร่าเริงพร้อมกับชี้มือไปมา ปากของเธอยิ้มกว้างแต่ตาของเธอไม่ยอมสบตากับผม


   “ สุ”


   “ คะ”


   “ สตอมมี่เป็นใคร” ผมถามไปตรงๆ หน้าของสุถอดสีทันที


   “ พี่ธี ระ รู้ได้ไงคะ”


   “ สุ สตอมมี่คือใคร แล้วทำไมเบียร์ต้องไปหา สุรู้หรือเปล่าว่าเบียร์ไม่สบายอาจจะไปเป็นลมเอาได้นะ” ผมขู่ออกไป “ สุบอกพี่มาเถอะพี่รู้เรื่องมาบ้างแล้วแต่พี่อย่างรู้เพิ่มจากสุ”


   “ พี่ธี คือ”


   “ สุ บอกพี่มา เดี๋ยว นี้”


   “ สตอมมี่คือคนที่จะทำร้ายพี่ค่ะ มันเป็นคนในเพจที่เบียร์สร้างไว้ค่ะ เนี่ยค่ะ” สุส่งโทรศัพท์ให้ผม ตัวของผมชาไปหมด เบียร์คือเจ้าของเพจที่โจมตีผมมาโดยตลอด เขาทำร้ายผมมาตลอด เพจแอนตี้ไวรัสธี คือฝีมือเบียร์


   “ แอนตี้ไวรัสธี”


   “ เชี่ย” สุดึงมือถือของตัวเองกลับไป “ คะ คือว่า”


   “ เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคุยกัน แล้วมีเรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่แจ้งความ ทำไมปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียว”


   “ ก็เบียร์บอกว่า ไม่อยากให้พี่เป็นอันตรายนี่ มันเลยเลือกไปคนเดียวเรื่องมันจะได้จบ”


   “ เอาโทรศัพท์มานี่ แล้วเช็คลูกทัวร์ให้ทีว่าใครหายไป คนนั้นแหละคนที่น่าสงสัย”


ผมมองสุอย่างหงุดหงิดก่อนจะวิ่งแยกแออกไปจากบริเวณนั้นแล้วดูโทรศัพท์ที่เบียร์ส่งสถานที่มา ยิ่งใกล้ถึงเบียร์มากเท่าไหร่ ผมควรรู้สึกอะไรก่อนดี โกรธ เสียใจ หรือเกลียดในการกระทำลับหลังที่เบียร์แทงข้างหลังผมแบบนี้ ผมไม่ชอบการแทงข้างหลังแบบ
นี้เป็นที่สุด โดยเฉพาะจากคนที่ผมรักและไว้ใจ





มาต่อกันแล้วน้าาาาาเปนไงกันบ้างมาเม้นเมาท์มอยกันหน่อยเด้ออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เลยไม่รู้เลยว่าสตอมมี่คือใคร นังพี่ธีจะตามมาทำไมฟ่ะ หงุดหงิด ๆ  :katai1:

ออฟไลน์ Sailomcc.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
11


สะบัดมือจากพี่ธีก่อนจะวิ่งตาสตอมมี่ไปอย่างไม่คิดชีวิตใครจะรู้ว่าคนที่จับมือผมเมื่อครู่จะวิ่งตามมาได้ทัน ตอนนี้เราอยู่ที่ซอยด้นข้างถนนคนเดิน มีรถขับผ่านบ้างแต่น้อยมาก มันทำให้เราเหมือนหลุดมาอีกโลกที่คึกคักเมื่อครู่เลยครับ ผมหยุดยืนนิ่งเพราะตรงหน้ามีกลุ่มคนกำลังยืนดักอยู่สามสี่คน ทุกคนดูจากภายนอกก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีและดูแล้วไม่ใช่มาดีแน่ๆเพราะพวกมันเดินตรงมาทางผม ผมถอยหลังโดยอัตโนมัติจนไปชนแผงอกแน่นของอีกคนที่อยู่ข้างหลัง สายตาว่างเปล่ามองมาที่ผมโดยไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกใดๆได้


   “ คือ”


   “ สนใจข้างหน้าก่อนเราได้เคลียกันแน่” พี่เขาดันผมไปอยู่ด้านหลัง แต่พี่แกคงไม่รู้หรือเปล่าว่านอกนากไอ้สี่คนข้างหน้าแล้วยังมีอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วย


   “ เราวิ่งกลับเข้าซอยไปดีหรือเปล่า ถ้าวิ่งกลับเข้าไป ก็ถึงถนนคนเดินแล้วนะ” ผมเสนอแต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะไอ้คนที่อยู่ภายใต้เสื้อฮู้ดสีดำกำลังเดินออกมาจากซอยนั้น เสียงหัวเราะของมันดังออกมาอย่างน่าขนลุก


   “ ไม่ต้องซ่อนตัวหรอก เต” พี่ธีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ แค่ฉันเห็นหลังนายกูรู้แล้ว เด็กเสเพลที่ชอบเดินตามเจมส์ กับสตอมมี่ ชื่อหมาที่เคยซื้อให้เจมส์ ทำไมฉันไม่เอะใจตั้งแต่แรกนะ”


   “ นี่มันเรื่องอะไรกัน”


   “ หุบปาก” เสียงแข็งกร้าวตะโกนมาจากใต้ฮู้ดที่คลุมหน้าเอาไว้ “ จัดการมัน เอาให้มันเจ็บและจำ”


สิ้นคำสั่งของเสียงนั้นทุกคนก็วิ่งเข้ามาหาพวกผม พี่ธีใช้ความแข็งแรงที่เป็นนักกีฬาเก่าจัดการกับพวกมันจนล้มไปทีละคนสอง จนกระทั่งไอ้คนที่มันยืนอยู่ด้านหลังมันวิ่งพุ่งมาพร้อมกับบางอย่างในมือ มันคือมีดพกขนาดเล็ก แต่ดูจากการที่มันสะท้อนกับแสงไฟนั้นมันคมมาทีเดียว


   “ ระวัง” ผมกระโดดผลักพี่ธีให้หลบให้พ้นจากรัศมีมีดนั้น เราทั้งสองคนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น


   “ เก่งมากเหรอมึง” ผมหลับตาปี๋เพราะคิดว่ายังไงมันโดนผมแน่ๆเพราะผมนอนทับพี่ธีอยู่แต่ทว่า มันกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บใดๆ แต่มันมีน้ำบางอย่างไหลหยดลงมาที่ใบหน้าของผม มันทำให้ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งใบหน้าที่แข็งกร้าวอยู่ชิดกับใบหน้าผม ดวงตาที่ดูเจ็บปวดจ้องมาหาผมอย่างไม่ลดละ


   “ ทำอะไรกันน่ะ” เสียงคนที่วิ่งออกมาจากซอยตะโกนขึ้น พร้อมกับเสียงนกหวีด ใช่ครับ ตำรวจมาตอนจบเสมอ พวกที่มาดักผมกับพี่ธีเมื่อครู่วิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง “ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ นี่คุณธีหรือเปล่าครับ”


   “ ครับผมธีครับ ผมไม่เป็นไรครับ นิดหน่อยครับ” พี่ธีลุกขึ้นมาจากพื้น


   “ แล้วพวกคุณไปรู้จักกับพวกนั้นได้ยังไงครับ พวกนั้นมันเป็นเด็กติดยาที่พวกเรากำลังตามตัวอยู่น่ะครับ ถ้าจะเอาความเดี๋ยวไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนได้นะครับ” คุณตำรวจยิ้มให้อย่างเป็นมิตร


   “ ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เอาความอะไรครับ เพราะเขาคงไม่ได้ตั้งใจทำพวกผมหรอก คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด”  พี่ธีตอบด้วยน้ำ
เสียงนิ่งเรียบพร้อมกับยกมือขึ้นมากกุมแผลที่ไหล่ของตัวเองไว้


   “ ไม่ได้ตั้งใจอะไรล่ะ มันกะจะฆ่าพวกเราด้วยซ้ำ” ผมโพล่งออกไปด้วยความโมโห


   “ อะไรนะครับ” คุณตำรวจมองผมกับพี่ธีกลับไปมา “ ตกลงมันยังไงกันครับ”


   “ ผู้จัดการส่วนตัวผมเขาตกใจน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณตำรวจ” พี่ธีพูดจบก็ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในถนนคนเดินราวกับว่าทุกอย่างปกติ


พี่แกแวะซื้อเสื้อพื้นเมืองมาคลุมไหล่เอาไว้แล้วเดินไปสมทบกับบรรดาแฟนคลับที่กำลังชะเง้อรอชายหนุ่มในฝันของพวกเขากลับไปหา ผมเองก็เดินหน้าหงอยๆกลับไปรวมตัวกับคนอื่น สุที่ยืนอยู่ตรงหัวแถวเดินมาหาผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับพลิกและหมุนตัวผมไปมา


   “ แกไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่าฉันห่วงแกแทบแย่” ดวงตาของเธอมันมีน้ำตาเอ่อเหมือนจะร้องไห้


   “ ไม่เป็นไร” ผมฝืนยิ้มออกไปให้เพื่อนสบายใจที่สุดก่อนจะดึงเพื่อนมากอด “ พี่ธีโดนมีดที่ไหล่ แล้วเขาก็รู้ความจริงเองเพจแล้ว” ผมกระซิบบอก  “ แต่”


   “ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” สุตบที่ไหล่ผมเบาๆ “ ฉันขอโทษเรื่องที่เป็นสาเหตุด้วยนะ”


   “ ไม่เป็นไร”


   “ เอาล่ะค่ะ วันนี้เดี๋ยวทางเราต้องพาพี่ธีกลับไปก่อนนะคะ เพราะเรามีเซอไพรส์ใหญ่ในวันพรุ่งนี้ หวังว่าทุกคนจะอิ่มเอมกับบรรยากาศ ถ้าใครอยากกลับแล้วสามารถกลับพร้อมเราได้แต่หากใครยังไม่จุใจเรามีทีมงานอยู่ต่อเพื่อดูแลทุกคนที่นี่นะคะ” สุส่งเสียงเจื้อยแจ้ว มีบางคนกลับพร้อมกับพวกเราและมีบางส่วนอยู่ที่นี่ต่อ


ผมกับพี่ธีถูกนั่งแยกมากับรถตู้ที่ทีมงานเอามาดักรอไว้เพื่อที่จะแยกพวกเราออกมาจากแฟนคลับสักครู่ บนรถตู้มีผม พี่ธีและคนขับรถเท่านั้น พี่ธีนั่งอยู่เบาะหลังสุดไม่พูดอะไรตั้งแต่ขึ้นมาอยู่บนรถ


   “ พะ พี่”


   “ ช่วยเงียบเสียงหน่อย” พี่ธีพูดขัดผมทั้งๆที่ผมยังพูดไม่จบ


   “ พี่ต้องแวะไปทำแผลนะครับ” ผมตัดสินใจพยายามพูดเสียงเชิงขอร้องกลับไป


   “ ไม่จำเป็นแผลนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย” พี่เขาพูดพร้อมกับยกผ้าขึ้นมาคลุม ที่หน้าแล้วเงียบเสียงไปซึ่งมันเงียบแบบนี้มาอย่างนี้จนกระทั่งเราถึงที่พักแล้วเข้าไปอยู่ในห้อง


ผมรู้สึกว่ามันอึอัดมาก มากพอที่ผมจะไม่อยากอยู่ห้องนี้หรือพร้อมเคลียทุกอย่างกับพี่ธีให้ผมจบที่นี่เวลานี้ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย


   “ พี่มีอะไรพูดตรงๆมาเลยดีกว่าอย่าเงียบแบบนี้ดิ”


   “ หึ”


   “ หึ อะไร พูดมาสิ”


   “ จริงๆเบียร์ไม่ควรมาโมโหใส่พี่นะ”


   “ ผมไม่ได้โมโห ผมอึดอัด พี่อยากจะด่า อยากจะต่อย อยากจะโกรธ อยากจะทำอะไรกับผมก็พูดมาเลย ใช่ผมเป็นเจ้าของเพจแอนตี้พี่เอง ผมนี่แหละเป็นคนทำร้ายพี่มาตลอด ผมนี่แหละเป็นคนที่เอาคนที่เกลียดพี่มาไว้ด้วยกันเพื่อโจมตีพี่ พอใจหรือยัง จะต่อยจะโกรธจะด่าอะไรก็พูดมาดิวะ อย่าเงียบแบบนี้ แล้วก็ทำแผลด้วย”


   “ ก็แค่นี้” พี่แกส่งยิ้มมาให้


   “ ก็แค่นี้อะไร”


   “ คิดว่าพี่จะโกรธใช่ไหม” ผมพยักหน้าตอบ “ ใช่พี่รู้ตอนแรกพี่โกรธมาก” คิดว่าพี่จะด่าใช่ไหม ใช่อยากด่ามาก แต่โกรธไปแล้วได้อะไร ด่าไปแล้วได้อะไร เรื่องมันเกิดไปแล้ว อีกอย่าง ถ้าพี่จะโกรธ พี่ก็โกรธแค่เบียร์ทำอะไรไม่คิดนี่แหละ” พี่แกยกมือขึ้นมาสองข้างขึ้นมา “ มานี่สิ” ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับดวงตาที่ร้อนผ่าว “ เราผ่านเรื่องราวที่โกรธกันมานานพอแล้ว พี่จะไม่ยอมเสียเวลากับเรื่องแบบนี้หรอก” พูดจบพี่เขาก็ดึงผมเข้าไปกอด “ แต่พี่โกรธมากที่เบียร์เอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น”


   “ แต่ถ้าผมไม่ไป พี่ก็จะเป็นอันตราย”


   “ ตะหนูของพี่ห่วงพี่เหรอครับ”


   “ ห่วงสิ ห่วงมากด้วย ฮึก ฮือ” ผมร้องไห้ออกมาทันทีอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งพี่ธีกอดผมเท่าไหร่ พี่ธีไม่โกรธผมเท่าไหร่มันยิ่งทำให้ผมร้องไห้ไม่หยุด


   “ โอ้ย” พี่ธีร้องออกมาคงเป็นเพราะมือของผมไปโดนแผลของพี่แกเข้า


   “ ไปหาหมอเถอะ” ผมทำหน้าขอร้องแต่ดูแล้วก็ไม่เป็นผล


   “ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ มันส่งผลหลายอย่าง” พี่แกทำหน้าตาจริงจังจนน่ากลัว “ แผลแค่นี้เองอย่าคิดมาก แค่เบียร์ทำให้ก็หายดีแล้ว”


   “ เวอร์”


ก็อกๆๆๆ


เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้เราสองคนหยุดการสนทนาลง ผมเดินไปส่องทางตาแมว เพื่อนของผมยืนใบหน้าเจื่อนอยู่หน้าห้อง ผมรีบเปิดประตูรับสุในทันที


   “ พี่ธีคะ เบียร์ไม่ผิดนะคะ หรือถ้าผิดหนูก็ผิดด้วยเพราะหนูก็รู้เห็นเรื่องนี้ด้วย”


   “ เดี๋ยวๆๆใจเย็นๆน้องสุ” พี่ธียกมือห้าม “ เราเคลียกันแล้วล่ะ ขอบบคุณสุมากที่จะมาช่วยเคลียนะ”


   “ เหรอ ก็หนูโทรเข้ามือถือเบียร์ตั้งหลายครั้ง แต่มันไม่รับสาย” สุหันหน้ามาคาดโทษที่ผม


   “ แกโทรมาตอนไหน ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเลย”


   “ เดี๋ยวนะ สุยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู” พร้อมกับใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “ ฉันถูกเตะออกจากกลุ่มแอนตี้ไวรัสธีว่ะ” สุส่งโทรศัพท์มา
ทางผมและคนที่เอาสุออกจากกลุ่มคือผมเอง


   “ พี่จะจัดการเรื่องนี้เอง” พี่ธีพูดหลังจากเอาโทรศัพท์จากมือผมไปดู


ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ผมเดินเข้าห้องน้ำปล่อยให้น้ำที่เย็นเฉียบไหลผ่านร่างกายเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา วันนี้ผมผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน แต่ก็มีอย่างนึงแหละนะที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจและโล่งใจ คือผมไม่ต้องปิดบังเรื่องเพจบ้าๆนั่นอีกแล้ว แต่สิ่งที่ผมกังวนมากที่สุดตอนนี้คือสตอมมี่ มันจะหยุดเรื่องนี้หรือยัง


ผมเดินออกจากห้องน้ำมามองคนที่กำลังนั่งทำแผลอย่างทุลักทุเล อยู่บนเตียง แต่ไม่เข้าใจจริงๆว่าแค่โดนตรงแขนนี่มันจำเป็นต้องถอดเสื้อออกขนาดนี้เลยเหรอ


   “ ผมบอกว่าให้ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเดี๋ยวผมทำแผลให้ แล้วนี่จะมาทำเองทำไมล่ะ มองเห็นหรือไง” ผมบ่นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆพร้อมกับเช็ดผมที่เพิ่งสะไปเมื่อกี้


   “ ก็เบียร์มือหนัก พี่ไม่เอาด้วยหรอกไม่ไว้ใจ”


   “ รู้ได้ไงว่ามือหนัก”


   “ รู้สิไม่ใช่แค่มือนะ ตัวหนักด้วย” พี่แกหัวเราะออกมา


   “ งั้นตามใจ ไปอาบน้ำ ทำแผลเอง ปิดไฟ ด้วยนะ ผมจะนอนแล้ว” พูดจบผมก็เดินไปที่เตียงแล้วนั่งเช็ดผมโดยแอบชำเลืองมองพี่ชายจอมดื้ออย่างเป็นระยะ ผมไม่ชอบความขาวแบบนี้เลย “ มาทำไม” ผมพูดขึ้นหลังจากที่พี่ธีมานั่งข้างๆ


   “ ทำแผลให้หน่อย”


   “ อะไรกัน เป็นไบโพล่าเหรอ เมื่อกี้นี้ยังอยากจะทำเองอยู่เลย”


   “ ก็ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วอ่า”


   “ ไม่ต้องมายิ้มเลย”


ผมเอื้อมมือไปหยิบน้ำเกลือมาเช็ดแผลอย่างเบามือ พี่ธีนั่งซีดซาดหลับตาปี๋ตั้งตั้งแต่ผมยื่นสำลีจะไปวางที่แผลแล้ว เหมือนเด็กจริงๆ


   “ นี่เช็ดมาก่อนแล้ว ยังสกปรกอยู่เลย น่าจะปล่อยให้ติดเชื้อตาย”


   “ ถ้าตายจะมีคนเสียใจ”


   “ แฟนคลับพี่หรือโบวี่ล่ะ”


   “ ก็” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม “ โอ้ยยย” เขาร้องลั่นเมื่อผมกดลงไปที่แผล “ เล่นแรงไปแล้วนะ”


   “ ผมตกใจน่ะ” ผมยิ้มไปให้ก่อนจะเปลี่ยนสำลีไปชุบแอลกอฮลมาเช็ดเพื่อฆ่าเชื้อ พี่ธีเห็นถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน


   “ ไม่เช็ดแอลกอฮอล์ไม่ได้เหรอ”


   “ ไม่ได้ ไม่รู้ว่ามีดมันเชือดหมามาบ้างหรือเปล่า”


   “ แต่”


   “ อยู่นิ่งๆเลยไม่อย่างนั้นจะเอาแอลกอฮอล์เนี่ยแหละราดลงไปเลย”


   “ ใจร้าย”


   “ ไม่เคยบอกว่าใจดี” ผมยื่นมือไปที่แผลของคนตรงหน้า “ อยู่เฉยๆอย่าขยับสิ”


   “ อ่า โอ้ย ซี้ด”


   “ พี่ธี ร้องอะไรแบบนี้เล่า ถ้าข้างนอกได้ยินเขาจะคิดยังไง”


   “ คิดยังไง คิดอะไร พี่แค่เจ็บแผล แล้วเบียร์คิดอะไร คิดอะไรเหรอค้าบบบบ”


   “ เสร็จแล้วไปเลย กลับเตียงไปได้แล้ว ถ้าไม่อาบน้ำก็ปิดไฟเถอะวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้ว” ผมพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนโดยหันหน้าเข้าหากำแพงแล้วปล่อยให้แสงไฟในห้องค่อยๆมืดลงไป


ผมไม่รู้ว่ามันนานเท่าไหร่แล้ว ผมรู้แค่ว่าเสียงของพี่ธีเงียบไปแล้วสงสัยหลับไปแล้ว แต่อยู่ๆก็เหมือนมีบางอย่างกำลังเดินอยู่ในห้อง ผมกำผ้าห่มแน่นเมื่อเสียงนั้นใกล้เข้ามาขึ้นทุกที หรือว่าผีเจ้าของห้อง ผมนอนทับที่เขาหรือเปล่านะ เสียงนั้นหยุดลง ข้างเตียงของผมยุบตัวลงผมหลับตาปี๋  มือหนาของเขาสอดเข้ามาในผ้าห่มผม กลิ่นน้ำหอมจางๆลอยเข้ามาเตะจมูกผม ไม่ใช่ผีที่ไหนแล้วล่ะ


   “ ทำไมไม่ไปนอนที่เตียงตัวเอง” ผมพลิกตัวหันกลับไปถามอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่อยู่ท่ามกลางความมืดยิ้มรับผมอย่างรวดเร็ว


   “ แล้วทำไมยังไม่หลับ คิดอะไรอยู่เด็กน้อย”


   “ เปล่า”


   “ คิดมากเรื่องอะไรบอกพี่ได้นะ เราเป็นแฟนกันนะ”


   “ เดี๋ยวนะ ผมยังไม่ได้ตกลงเลย”


   “ แล้วจะตกลงยังอ่า”


   “ พี่ไม่โกรธผมจริงๆเหรอ” ผมถามพี่ธีทำหน้านิ่ว


   “ ถ้าถามอีกจะโกรธจริงๆแล้วนะ” พี่แกกระชับตัวผมเข้าไปกอด ไอ้พี่บ้านี่ก็ถอดถอดเสื้ออีก แผงอกอุ่นนั่นทำให้ผมสบายใจ
ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและมันทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนยกภูเขาออกจาก
อก มันเป็นความรู้สึกที่ผมถวิลหามันมานานแสนนาน ผมกำลังได้พี่ชายคนเดิมของผมกลับคืนมาอีกครั้งแล้ว พี่ชายที่พร้อมจะปกป้องผม “ ร้องไห้ทำไม”


   “ ผมรักพี่นะ”


   “ แล้วร้องไห้ทำไมล่ะ”


   “ กะ ก็ ฮึก ฮือ”


   “ ขอบคุณครับ รู้แล้วครับ” มือหน้าที่กอดอยู่เปลี่ยนมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาแทน “ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตาบวมนะ”


   “ เรื่องของสตอมมี่”


   “ พี่บอกแล้วว่าพี่จะเป็นคนที่จัดการเรื่องนี้เอง ไม่ต้องห่วงนะ แล้วไม่ต้องเรียกสตอมมี่แล้ว คนคนนั้นชื่อยูคยม เป็นน้องชาย
ของเจมส์ เรื่องนี้มันจะจบ”


   “ แต่”


   “ นอนเถอะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เราต้องไปทำอะไรอีกเยอะนะ”


   “ พี่ก็กลับที่ไปดิ”


   “ เรื่องไรล่ะ ขอกอดอย่างนี้นะ”


   “ อืม ผมนอนดิ้นนะ”


   “ นี่ก็ไม่ใช่การกอดครั้งแรกของพี่สักหน่อย”


   “ อืมนอนได้แล้ว”


   “ เบียร์เองเถอะนอนได้แล้ว”


   “ แล้วจะนอนได้ยังไง มีคนจ้องแบบนี้”


   “ ก็พลิกตัวไปนอนดีๆสิจะได้มองไม่เห็นว่าใครจ้องอยู่” พี่ธียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จนทำให้ผมต้องถอยไปจนสุดติดกำแพง “ จะหนีไปไหน”


   “ พี่น่ะจะทำอะไร”


   “ ก็แค่อยากนอนด้วย เราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ นอนกอดกันอย่างนี้อีกนานแค่ไหน” พี่ธียิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ‘


   “ ต้องให้พูดอะไรอีกล่ะ นอนอยู่ด้วยขนาดนี้แล้ว”


   “ พูดมาดิ”


ผมไม่รู้ว่าอะไรมันทำให้ผมเลือกที่จะทำมากกว่าพูด ผมโน้มตัวลงไปทาบริมฝีปาก พี่ธีผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มร่าแล้วดึงผมกลับ
ลงไปหาอีกครั้ง แล้วพี่ธีกลับประกบริมฝีปากนุ่มลงมา ในตอนนั้นร่างกายทุกอย่างมันตอบสนองไปหมดแล้วทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่ควรจะเป็น บาดแผลตามร่างกายถูกรักษาขึ้นมาได้โดยบัดดล มันไม่เจ็บแสบแม้หยาดเหงื่อที่ไหลออกมาจากบทเพลงอันร้อนแรงบนเตียงนั้น ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้ ผมจะรักพี่ธีได้มากกว่านี้หรือเปล่า เพราะวันนี้ผมได้มอบทุกอย่างไปให้พี่เขาอีกครั้งแล้ว ร่องรอยบนตัวของผมมันสะท้อนทุกอย่างออกมาได้ดี เสียงกระหืดกระหอบของเราประสานเป็นหนึ่งเดียว สัมผัสของอบอุ่นของพี่ธีมอบเข้ามาในร่างกายของผมเป็นอย่างดี ลมหายใจที่อยู่ที่กกหูเป็นเหมือนเสียงดนตรีชั้นดีที่กำลังบรรเลงเพลงรักอันแสนโรแมนติก สายตาของเราสองคนประสานกันในความมืด แม้มันไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ดวงตาที่อ่อนโยนนั้นกลับส่งความรู้สึกมาให้ผมได้เป็นอย่างดี


หลังบทเพลงรักที่แสนเร่าร้อนจบลง ผมไม่สามารถที่จะขยับได้มากเท่าไหร่ ร่องรอยของพี่ธีตามตัวทั้งที่เป็นรอยฝังสีแดงตามตัวและหลักฐานความรักนั้นพี่เขาก็จัดการอุ้มพาผมไปล้างออกแล้วกลับมาที่บนเตียง ไออุ่นจากร่างกายพี่ธีทำหน้าที่แทนผ้าห่มตลอดทั้งคืน มันอาจเป็นความสุขมากที่สุดของผม แม้ว่าหลังจากนี้จะเจอกับอะไร ผมก็พูดได้เต็มปากเลยว่า ผมรักพี่ธี และมันจะเป็นอย่างนี้ในวันต่อๆไป






มาต่อกันเลยนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โทรศัพท์เบียร์หายหรอ  :hao4:

ออฟไลน์ Sailomcc.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
12

{THEEMA}

   “ ฝากจัดการคนของนายด้วย ฉันไม่อยากเอาเรื่องแต่ถ้ายังมายุ่งเรื่องของฉันฉันก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน” ผมพยายามกดอารมณ์ไม่ให้ใส่ไปกับคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเจมส์ แต่เห็นอย่างนี้เจมส์มันก็มีวิธีจัดการในแบบของมันแหละครับ


   “ ครับพี่ ผมขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับ” เจมส์พูดด้วยเสียงอ่อนใจก่อนจะวางสายไป


ผมยืนที่ระเบียงสักครู่ จริงๆแล้วเชียงใหม่ยามค่ำคืนก็ไม่ได้ต่างไปจากกรุงเทพมากมายเท่าไหร่ ยังคงมีรถวิ่ง แสงไฟที่เป็นจุดเล็กระยิบระยับในเมืองแสดงให้เห็นว่ามีบางกลุ่มที่ยังไม่หลับใหล ผมสูดอากาศเข้าไปจนเต็มปอด ปล่อยให้ลมเย็นๆตีหน้าสักพักก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง คนที่น่าจะเพลียจากสิ่งที่ผมมอบให้ยังคงหลับตาพริ้ม รอยแดงที่ต้นคอที่ผมเผลอทำไปเมื่อครู่มันค่อยๆชัดขึ้น


ผมทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วกอดเบียร์เอาไว้ ถึงแม้ว่ามันจะทรมานที่ต้องอดกลั้นในสิ่งที่ร่างกายผมตอบสนอง แต่มันก็มีความสุข ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีไอ้คนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมมันขยับตัวนี่แหละ ริมฝีปากอมชมพูหน้าอยู่ใกล้หน้าของผมแค่คืน ดวงตารีเล็กค่อยขยับลืมขึ้นมา


   “ อรุณสวัสดิ์ครับ”


   “ ตื่นนานแล้วเหรอ” เจ้าตัวเล็กมันถามผมครับ ผมยิ้มแล้วพยักหน้าตอบกลับไป “ เชี่ย”


   “ มีอะไร” ผมตกใจกับคำทักทายของเด็กน้อยของผม


   “ พี่ไม่เมื่อยแย่เหรอ ผมนอนทับแขนพี่แบบนี้”


   “ นึกว่าเรื่องอะไร” น้องมันไม่ได้ด่าผมครับ “ ไม่รู้สิ มันไม่รู้สึกแล้ว มานวดให้เลย” ผมเอาจมูกของผมไปเขี่ยจมูกของคนตรงหน้า “ นะๆนวดให้หน่อย ดูสิแขนข้างนึงก็โดนมีดอีกข้างก็ใช้งานไม่ได้”


   “ ขอโทษ” เบียร์รีบลุกจากเตียง “ โอ้ย”


   “ เป็นอะไร” ผมตกใจสิครับจู่ๆน้องมันก็ร้องออกมาเสียงหลงมา


   “ ตรงนั้นผม มันเจ็บมากเลยครับ” หน้าของเบียร์ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ผมเปิดผ้าห่มที่ห่อพวกเราอยู่ออกอย่างรวดเร็ว ผ้าปูที่นอนสีขาวตรงที่เบียร์นอน เป็นรอยสีแดงดวงใหญ่ปรากฏ ผมทำน้องเลือดครับ


   “ เชี่ย” ผมร้องดังกว่าก่อนจะลองแตะที่หน้าผากเบาๆ “ เบียร์ดูมีไข้นะเนี่ย”


   “ ผมแค่เจ็บๆน่ะครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ” น้องมันเถียงพร้อมกับพยายามขยับตัวลุกนั่ง แต่มันก็ร้องออกมาอยู่ดี


   “ หยุดดื้อได้แล้ว” ผมอุ้มตัวเล็กของผมไปที่ห้องน้ำคราวนี้แหละครับเลือดกลับไหลออกมามากกว่าเดิมและมีบางส่วนที่เป็นส่วนของผมที่คั่งค้างอยู่ด้านในออกมาด้วย “ วันนี้เบียร์ไม่ต้องไปกับพี่หรอกนอนพักอยู่ห้องนี่แหละ ยิ่งวันนี้เป็นแอดเวนเจอร์ ทั้งเอทีวี ทั้งเดินป่า ไม่ไหวหรอก”


   “ แต่”


   “ อย่าดื้อ” ผมทำหน้าขึงขังใส่ น้องมันดูสงบลงในทันที “ พี่เป็นห่วงนะรู้หรือเปล่า เดี๋ยวพี่จะให้ทีมงานอยู่เป็นเพื่อนที่นี่ ส่วนข้าวพี่จะลงไปสั่งให้แล้วนอนพักผ่อนกินยาซะ”


   “ คะ ครับ”


ผมจัดการอาบน้ำให้เบียร์ก่อนจะอุ้มไปใส่เสื้อผ้าแล้วไปนอนที่เตียงของผมที่อยู่ริมหน้าต่าง เพราะที่นอนนั้นคงนอนไม่ได้แล้ว ผมเองก็รู้สึกผิดที่มีความสุขจนลืมว่าเป็นครั้งแรกของน้อง


   “ เดี๋ยวเอาโทรศัพท์เครื่องนี้ของพี่ไว้แล้วกัน มีอะไรโทรหาพี่หรือสุก็ได้” ผมวางโทรศัพท์เครื่องสำรองที่ไว้ติดต่องานเวลา
ด่วนตอนพีบีไม่ว่าง “ จำเบอร์สุได้ใช่หรือเปล่า”


   “ จำได้ครับ พี่รีบไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”


   “ ครับ”


ผมตอบกลับก่อนที่จะเดินกลับไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวให้เสร็จเร็วที่สุด เพราะผมเกือบจะสายแล้ว เมื่อผมเดินออกมา สุก็กำลังนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของเบียร์ เธอหันมามองผมด้วยใบหน้าที่แดงฉาน


   “ คือ” ผมเองก็เขินๆเหมือนกัน


   “ ทีมงานให้ขึ้นมาตามค่ะ” สุเป็นคนทำให้บรรยากาศในห้องไม่เงียบและไม่อึดอัด “ เดี๋ยวสุจะให้คนของเราดูแลเบียร์คนนึงค่ะ พร้อมรถหนึ่งคันเผื่อมีปัญหาอะไร”


   “ โอเค ดีเลย” ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินตรงไปหาคนที่นอนอยู่ “ พี่ไปก่อนนะ มีอะไรโทรหาเลยนะ”


   “ ครับ”


   “ อ้อนเก่ง” สุพูดลอยๆขึ้นมาทำเอาเบียร์ของผมหน้าแดงขึ้นมาทันที “ สุว่าสุลงไปรอข้างล่างก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็ลุกออกไปแล้วปิดห้องอย่างรวดเร็ว


   “ ไปได้แล้ว” เบียร์ดึงผ้าขึ้นมาปิดหน้า


   “ อะไรนะ ได้พี่แล้วไล่พี่เหรอ”


   “ ไอ้พี่บ้า ไปเลยคนอื่นรอแล้ว” เสียงอู้อี้ดังมาจากใต้ผ้าห่ม


   “ยังไปไม่ได้”


   “ ทำไมล่ะ”


   “ เปิดผ้ามาก่อนสิ”


ผ้าห่มสีข้าวค่อยๆล่นลงให้ผมเห็นดวงตาและใบหน้าสีขาวที่กำลังแดงด้วยความเขินอาย จนกระทั่งริมฝีปากคล้ายเยลลี่สีแดงปรากฏขึ้นมา ผมประทับริมฝีปากลงไปที่นี่นอนอยู่จนเด็กน้อยของผมตาโตมาด้วยความตกใจก่อนที่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่มันควรเป็น


   “ ไอ้บ้า”


   “ ครับ ยอมเป็นคนบ้าถ้าได้กินเยลลี่” ผมเอามือเล่นที่ปากของน้อง “ ไปแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะอดใจไม่ไหวเสียก่อน”

 ผมพูดจบก็พยายามเดินออกจากห้องให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าถ้าอยู่นานมันจะไม่ใช่แค่จูบ ผมรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นโรคแล้วล่ะครับ
โรคเบียร์ซินโทรม ผมชักขาดเบียร์ไม่ได้แล้ว แต่ทำยังไงได้เพราะเราต้องไปทำงานนี่เนอะ


วันนี้เป็นอะไรที่ควรสนุกสนาน เพราะเราจะไปที่แม่ริมกัน พอเบียร์ไม่มาผมเลยจำเป็นต้องจำแผนงานทั้งหมดเอง เราจะไปที่ปางช้างก่อนที่จะขึ้นไปลุยกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นรถเอทีวี การเดินป่าผ่านเส้นสลิง หรือการล่องแพต่างๆซึ่งน่าสนุกครับ และโชคดีที่ผมไม่เอาน้องมาทรมานด้วย


พอเราแวะกันที่ปางช้าง เมื่อลูกทัวร์ของผมลงไปกันหมดเราก็ไปถ่ายรูปคู่ด้วย ในกิจกรรมนี้ จะมีการถ่ายรูปกับโพลารอยด์ครู่กับผมและโบวี่พร้อมกับแจกลายเซ็น


   “ วันนี้อากาศดีนะคะว่าไหม” โบวี่ที่กำลังยืนเซ็นลายเซ็นถามขึ้น


   “ ครับ” ผมตอบสั้นๆก่อนจะเซ็นลายเซ็นแล้วส่งยิ้มให้แฟนคลับของผมตรงหน้า


   “ ผู้จัดการเราไม่มาทั้งคู่เลยนะคะ เจ๊แตงกวาแกอยากไปสปาชิลๆ แล้วเด็กของพี่ล่ะคะไปไหน”


   “ ไม่สบายน่ะ” ผมตอบก่อนจะเดินเลี่ยงไปโทรหาเบียร์เสียหน่อย แต่ปลายสายกลับเงียบเสียงไม่ยอมรับจนใจของผมร้อนไป

หมด “ ทำไมไม่รับนะ”


ไม่นานหลังจากที่ผมพยายามโทรไปหาพยายามสิบรอบเห็นจะได้เสียงใสๆก็กรอกตอบกลับมา “ ครับ”


   “ ทำไมเพิ่งรับโทรศัพท์”


   “ พี่ธีครับ ผมเพิ่งออกจากห้องน้ำมา”


   “ โล่งใจหน่อย พี่นึกว่า”


   “ พี่ธีครับ ผมโตแล้วนะ อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กสิ”


   “ โอเคครับ ยังไงก็นอนแล้วก็กินยานะครับ”


ผมตัดสายทิ้ง ก่อนจะเดินไปรวมกับคนอื่นที่กำลังเดินไปถ่ายรูปช้างและให้อาหารช้าง เราจะต้องไปดูโชว์ต่อครับ แล้วเราก็ต้องไปเตรียมขี่เอทีวีตะลุยด่านต่างๆในสถานีต่อไป


และเมื่อเสร็จกิจกรรมของทางปางช้างเราก็มาหยุดกันที่สนามเอทีวีครับ ที่นี่ไม่เหมือนใคร เพราะมีพื้นที่กว้าง และเข้าใกล้ธรรมชาติมากที่สุด รอบๆมีลวดหนามกั้นระหว่างเส้นทางทำกิจกรรมและส่วนของป่าเอาไว้ ทางทีมงานบอกว่า ในแถบนี้ยังมีป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่ละห้ามออกนอกเส้นทางเพราะอาจหลงได้ ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เพราะกิจกรรมวันนี้หนักมาก ผมต้องไปรับบรีฟงานกับทางทีมงานว่าจะต้องไปรอที่เส้นชัย เพื่อรอคนที่จะทำกิจกรรมสำเร็จไปหาเพื่อให้ผมเป็นคนมอบภารกิจสุดท้าย ฟังเหมือนสบายใช่ไหมครับ แต่ไม่สบายเลยครับ เพราะผมต้องไปยืนอยู่กับโบวี่


   “ พี่ธีคะ” สุเดินมาเทียบที่ข้างรถของผมที่กำลังไปยังจุดนัดพบ


   “ มีอะไรหรือเปล่าสุ”


   “ เบียร์กำลังมาที่นี่ค่ะ ทีมงานของหนูโทรมาบอกว่าเขากำลังขับรถออกมา แล้วยังบอกอีกว่าเบียร์ดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ดูเหมือนรีบ
มากๆ สุเลยจะถามว่าพี่เร่งเบียร์มาที่นี่หรือเปล่าคะ”


   “ เปล่า” ผมตอบก่อนจะกดโทรศัพท์โทรกลับไปหาเจมส์อีกครั้ง


   “ ครับ” ปลายสายตอบกลับมา


   “ ฉันขอเบอร์น้องชายแกหน่อย”


   “ ผมไม่ได้ยินเลยพี่เสียงเพลงดังมากเลยครับ”


   “ ฉัน ขอ เบอร์ ไอ้ เตเดี๋ยวนี้” ผมกัดฟันด้วยความโกรธไม่มีใครอีกแล้วนอกจากมัน เรื่องนี้มึงจะไม่จบใช่ไหม ผมตัดสายจากเจมส์แล้วโทรกลับไปยังไอ้ตัวที่ผมคิดว่าเรื่องนี้เกิดจากมัน


   “ เป็นเกียรติจังเลย ที่มีซุป’ตาโทรมาหา” มันตอบมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ


   “ แกจะยังไม่จบใช่ไหม”


   “ แกนั่นแหละที่ไม่จบ แกเอาพี่ชายฉันมาเกี่ยวทำไม”


   “ แกคิดจะทำอะไรฮะ แกหยุดได้แล้วนะเว้ย” ผมตะโกนออกไปทำเอาคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันมาทางผมเป็นสายตาเดียว ผมพยายามลดเสียงและระดับอารมณ์ให้ได้มากที่สุดแล้วพูดกลับไป “ ถ้าเบียร์เป็นอะไรแกตายแน่”


   “ จะหยุดได้ยังไงครับ ผมเพิ่งเริ่ม” มันพูดจบก็ตัดสายไป ผมกำหมัดแน่นและพยายามกดอารมณ์ให้มากที่สุด ผมเดินออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ ติดต่อเบียร์ไม่ได้ ผมควรทำไงดีเนี่ย


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เบียร์จะไปไหนกันนะ ผู้ใดลวงให้ออกมานะ  :katai1:

ออฟไลน์ Sailomcc.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
{BEER}

พี่ธีปิดประตูไปไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังตามมาทันที เป็นอาหารเบาๆท้องอย่างโจ๊กที่มีไข่ลวกแยกมาสองฟอง ผมยิ้มให้กับพนักงานก่อนที่จะปิดประตูห้องลง ผมจัดการอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหยเพราะเมื่อคืนใช้แรงงานไปค่อนข้างเยอะ แต่ทำไงได้ล่ะ หลงรักเขาไปแล้ว


ผมนั่งนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืน อ้อมกอด ลมหายใจและสัมผัสแรกนั้นมันทำให้ริมฝีปากของผมมันยิ้มไม่ยอมหยุด ความสุขทั้งหมดที่มีตอนนี้ มันเหมือนแก้วเครื่องดื่นรสอร่อยที่ถูกเติมจนเต็มและกินต่อได้เรื่อยๆ ผมเดินจากโต๊ะไปห้องน้ำด้วยอาการเจ็บด้านล่างเล็กน้อย


เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงดังขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่ผมยังทำธุระไม่เสร็จจะให้ออกไปได้ยังไงล่ะ ผมปล่อยให้มันดังอยู่หลายรอบจึงวิ่งมารับ


   “ พี่ธีถึงแล้วแน่เลย” ผมเอื้อมมือไปสายที่กำลังเข้าอยู่ “ ครับ”


   “ ทำไมเพิ่งรับโทรศัพท์” ปลายสายส่งเสียงแข็งกลับมา


   “ พี่ธีครับ ผมเพิ่งออกจากห้องน้ำมา”


   “ โล่งใจหน่อย พี่นึกว่า” ผมได้แต่ถอนหายใจพี่แกคงคิดว่าผมอายุสองขวบดูดขวดนมอยู่หรือเปล่าเนี่ย


   “ พี่ธีครับ ผมโตแล้วนะ อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กสิ”


   “ โอเคครับ ยังไงก็นอนแล้วก็กินยานะครับ” เสียงนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เสร็จผมแน่ไวรัสจั๋น


พี่ธีวางสายไปสงสัยด้วยฤทธิ์ยามันเลยทำให้ผมง่วงทั้งๆที่เพิ่งตื่นไป ผมหลับตาหลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าผ่านไปเท่าไหร่แต่รู้แค่ว่าเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงมันดังไม่ยอมหยุดเสียที


   “ ครับ”


   “ ไอ้ธีมันคงห่วงแกมากสินะที่ไม่ให้แกออกไปด้วย” เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมา


   “ แกเป็นใคร หรือว่า”


   “ ถ้าแกไม่อยากให้ธีเดือดร้อน มาหาฉันเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้น ชีวิตคนรักแกพัง”


   “ ไอ้สตอ ไม่ใช่สิ แกจะทำอะไรพี่ธีไอ้เต”


   “ หึ” มันหัวเราะผ่านโทรศัพท์มา “ แกไม่มีสิทธิ์มาถามฉันนะ ถ้าฉันรอแกนานพี่ชายแก ดับแน่” เสียงของมันตัดขาดหายไป ผมเดินไปมาอย่างใช้ความคิด เพราะถ้าโทรไปบอกพี่ธีพี่แกคงร้อนใจจนเสียการเสียงาน อีกอย่างถ้าพี่ธีมาเรื่องคงไปกันใหญ่แน่ ผมหยิบกระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายมันจะเจ็บ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันน่าจะรุนแรงกว่า ผมวิ่งไปเคาะห้องพี่ที่อยู่เป็นเพื่อนและขอให้พี่เขาขับรถออกไป


เราผ่านโค้งแล้วโค้งเล่าจนกระทั่งมาหยุดที่ปลายทางที่นัดหมาย นั่นคือ บริเวณจุดล่องแก่ง


   “ รอตรงนี้นะครับ”


   “ เอ่อรอก่อนนะครับ” พี่แกพูอย่างตะกุกตะกัก


   “ มีอะไรหรือเปล่าครับ”


   “ คือผมโทรบอกสุไปแล้วว่าเรากำลังมาที่นี่ครับ”


ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบกลับทีมงานคนนั้นโรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นมาทันที หน้าจอโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าเบอร์ของคนที่โทรเข้า
เป็นเบอร์ของผู้ไม่หวังดีเข้ามา


   “ ว่าไง”


   “ ทำไมเสียงห้วนแบบนั้นล่ะครับ มาถึงแล้วทำไมยังไม่เข้ามาอีกล่ะ ที่นี่ไม่มีใครหรอกฉันสั่งปิดไปหมดแล้ว” มันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ เร็วๆหน่อยนะ คนของผมที่กำลังรอคำสั่งอยู่พร้อมที่จะลุยในทันที”


   “ พี่รอตรงนี้นะ” ผมบอกคนขับรถหลังจากกดตัดสายไป ก่อนที่จะวิ่งห่างออกจากจุดจอดรถเต็มที และทันทีที่ไปถึงจุดนัดหมาย ก็มีป้ายเตือนว่า


   อันตราย น้ำไหลแรงงดกิจกรรมทางน้ำ


รอบตัวของผมได้ยินเพียงเสียงน้ำที่ไหลกระทบกับก้อนหินและฝั่ง ไร้ผู้คนอย่างที่คนที่นัดมันมาบอก และพวกมันก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ผมตัดสินใจที่จะวิ่งกลับไปที่รถซึ่งจอดรออยู่เพราะการยืนอยู่ที่นี่คงไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก


   “ จะไปไหนล่ะครับ” เสียงของใครบางคนเดินออกมาจากแพด้านล่าง ประมาณสี่ห้าคน ซึ่งเป็นคนที่ผมเคยเจอที่ถนนคนเดิน

วันนั้น “ มึงทำพวกกูไว้แสบมากเลยนะ”


   “ ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ ถ้าเข้ามาร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย” ผมขู่ออกไป


   “ จริงเหรอวะ คนที่มึงมาด้วยป่านนี้มันนอนเล่นอยู่ในรถสบายไปแล้ว”


พวกมันเดินตรงมาหาผมแต่ละคนมีรอยช้ำบนใบหน้าเหมือนกับว่าเพิ่งถูกซ้อมมาจากใครบางคน ซึ่งตอนนี้พวกมันโยนความผิดมาให้ผมแล้วผมควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย ในหัวของผมพยายามคิดหาทางหนีทีไล่แต่มันแทบไม่มีเลย ผมลองทำท่าจะวิ่งกลับไปที่รถพวกมันก็วิ่งมาดัก มันไม่มีทางหนีแล้ว ผมติดกับมันเสียแล้วล่ะ


   “ พวกพี่ปล่อยผมไปเถอะ มันจ้างพี่มาเท่าไหร่ผมให้สองเท่าเลย”


   “ เหรอวะ” คนที่รู้สึกว่าจะเป็นหัวโจกตรงหน้าหัวเราะออกมาเหมือนคำพูดของผมเป็นเรื่องตลก “ ก็ดี มันจ้างพวกกูมาคนละห้าพัน ห้าคนสองหมื่นห้า พร้อมกับตัวมึง ซึ่งกูคิดว่าตอนแรกจะจัดการคนละรอบ แต่ถ้ามึงบอกว่าให้สองเท่าก็คนละสองรอบ ไหวไหมล่ะครับ” พูดจบเสียงหัวเราะพวกมันก็หัวเราะพร้อมกับเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ “ กูขอก่อน” ไอ้ตัวที่น่าจะเป็นหัวหน้าเดินเขามาหา


   “ อย่าเข้ามานะเว้ย” ผมตะโกนออกไป


   “ ถ้าเข้าแล้วจะทำไม แล้วจะทำไม จะทำไม”  พวกมันเดินเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าสะอิดสะเอียน


   “ ตัวหอมดีว่ะ” ผมถอยจนไปชนกันไอ้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนที่มันจะรวบเข้ามาที่เอวผม เหงื่อที่ท่วมตัวมันสัมผัสที่แขนของผมจนน่าสะอิดสะเอียน มันรัดเอวของผมแน่นขึ้นจะไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ สัมผัสสากๆที่คอของผมทำให้ผมต้องหลับตาเพราะไม่อยากรับรู้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว เสียงหัวเราะที่น่ากลัวดังก้องอยู่ในหัวผม และใกล้เข้ามาทุกที ตัวของผมถูกยกลอยมาอยู่ที่ไหนสักที่ แต่เสียงน้ำไหลมันดังชัดเจนกว่าเมื่อครู่ พวกมันจับผมให้นอนนิ่งอยู่ในแนวราบ ในหัวของผมตอนนี้คือต้องเก็บแรงให้มากที่สุด ผมเปิดตาขึ้นมาก็พบว่าที่ตัวผมอยู่นั้นเป็นแพที่เขานั่งพักริมน้ำ เสียงน้ำที่ไหลแรงทำให้กลบเสียงที่พวกมันคุยกับ ไอ้คนที่กดแขนของผมอยู่โน้มตัวลงมาบดขยี้ที่ปากของผมจนเจ็บไปหมด น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมมองไปที่น้ำไหลเชี่ยวด้านข้างนั้นแล้วมองกลับมามองในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ผมขอตายดีกว่ามายอมให้มันทำอะไรแบบนี้


   “ อร้าก” เสียงนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ผมกัดปากมันอย่างสุดแรง ก่อนที่ผมจะพลิกตัวเองลงไปในน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวนั้น รสชาติของน้ำเข้าไปในปากของผมหลายอึก แล้วภาพทุกอย่างก็ค่อยๆพลันหายไป
ลาก่อนครับ แม่ สุ พี่ธี


{THEEMA}



ผมยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศการแข่งขันที่กำลังสนุกสนานเข้มข้น เสียงของกองเชียร์และคนรอบข้างมันดังจนผมรำคาญ ผมอยากออกไปจากบริเวณนี้เหลือเกิน ผมไม่อยากที่จะอยู่ตรงนี้แล้ว ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเบียร์แน่ๆ ถึงแม้สุจะยืนยันกับผมแล้วว่าจะกลับจนกระทั่งทุกอย่างที่ผมคิดมันกำลังคืบคลานเข้ามา


   “ เกิดเรื่องแล้วค่ะ” สุดึงผมออกมาจากบริเวณลานกิจกรรมจนกระทั่งมาหยุดตรงบริเวณจุดสตาฟของบริษัทที่กำลังทำรุมทำแผลให้พนักงานคนหนึ่งที่หัวแตก “ นี่คือคนที่มากับเบียร์ค่ะ ตอนนี้เบียร์หายตัวไปค่ะ”


   “ เกิดอะไรขึ้น พี่จะไปตามหาเบียร์ “


   “ ผมมากับคุณเบียร์ครับ แล้วเขาให้ผมรอที่รถจู่ๆมีคนมาทุบกระจกรถ พอผมได้สติมีผู้ชายคนนึงบอกให้ผมรีบมาที่นี่ครับ”


   “ ผู้ชาย ใครกัน” สุถามแล้วหันหน้ามาทางผม


   “ ผมจำได้ว่าเขาเคยแสดงละครกับคุณธีครับ”
ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น หน้าจอของมันแสดงรายชื่อเป็นคนสนิทของผม เจมส์ ผมกดรับสายอย่างรวดเร็ว


   “ ฮัลโหล”


   “ พี่ไม่ต้องห่วงนะครับตอนนี้เราเจอตัวของเบียร์แล้วกำลังพาไปโรงพยาบาลครับ”


   “ ฉันจะไปหา”


   “ ถ้าพี่มางานพังพ่อพี่ต้องไม่พอใจแน่ๆ ทางนี้ให้ผมจัดการเองนะครับ ถือว่าเรื่องทุกอย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้เป็นการไถ่ความผิดที่น้องผมทำความเดือดร้อน”


   “ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่ง” ผมยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไปสายต้นทางก็ตัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าตัวผมจะอยู่ที่นี่ ใจของผมกลับใจจดใจจ่ออยู่กับคนที่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ผมพยายามฝืยยิ้มให้ได้มากที่สุดเพราะคนที่มาเที่ยวกับผมในวันนี้เขาเสียเงินมาเพื่อหาความสุข


และสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึงเมื่อสุที่เรียกรวมทุกคนให้ขึ้นรถกลับไปยังที่พัก ผมจึงค่อยๆแยกตัวออกมาหาทีมงานอีกกลุ่มที่กำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้อยู่


   “ มีอะไรหรือเปล่าครับคุณธี” พนักงานที่กำลังเก็บเชือกใส่ลังถามผม


   “ ผมขอยืมรถของทีมงานหน่อยได้ไหมครับ”


   “ อ่อ คุณสุสั่งไว้แล้วครับนี่ครับกุญแจ”


ผมรับกุญแจมาก่อนจะตรงไปยังรถกระบะสีดำที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ ผมขับมันออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว โชคดีของผมที่ตอนนี้รถไม่ติดมากเท่าไหร่แต่มันก็ยังเร็วไม่ทันใจของผมอยู่ดี พอเขตป่าไม้เปลี่ยนเป็นตึกราบ้านช่องและสิ่งก่อสร้าง ผมทำการติดต่อไปยังเจมส์อีกครั้งไม่นานปลายสายก็รับ


   “ ส่งโลเคชั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”


ผมตัดสายไป ไม่นานข้อความก็เข้ามาในโทรศัพท์ของผมส่งมาพร้อมสถานที่ที่เบียร์อยู่รวมทั้งหมายเลขห้อง ผมหยิบเสื้อคลุมของพนักงงานที่วางไว้ในรถขึ้นมาสวมพร้อมกับผ้าปิดปากในกระเป๋าตัวเองก่อนจะลงจากรถเพื่อตรงเข้าไปโรงพยาบาล


ผู้คนมากมายเดินชุลมุนไปทั่วบริเวณ ส่วนหนึ่งเป็นนักข่าวซึ่งเขาต้องรู้แน่ๆว่าผมจะมาที่นี่แต่โชคดีที่ว่าทางโรงพยาบาลไม่ให้เข้ามาในตัวโรงพยาบาล ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะวิ่งเนียนไปกับรถที่กำลังเข็นย้ายผู้ป่วยเข้าไปในลิฟท์ซึ่งตรงนั้นมีนักข่าวกำลังนั่งสอด
ส่องไปมาอยู่


เมื่อเข้ามาในลิฟท์ได้ผมกดไปชั้นที่ผมต้องการไม่นานลิฟท์ก็เปิดออก เจมส์มันยืนรอผมอยู่ที่หน้าลิฟท์ด้วยใบหน้าที่สำนึกผิดมันไม่กล้าที่จะสบตาผมเลยด้วยซ้ำ


   “ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นไม่ใช่ความผิดของแกสักหน่อย” ผมตบบ่ามันไปสองสามที “ ไปดูอาการเบียร์ก่อนเถอะ”
ทันทีที่ผมเดินไปถึงภาพตรงหน้าคือคนรักของผมนอนอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือเจาะอยู่ที่บริเวณมือซ้าย อีกมือนึงของเบียมีคนกำลังจับมันไว้แน่น พี่มาร์คกำลังจับมือแล้วมองไปยังคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ที่หัวของน้องมันผ้าก็อซสีขาวพันอยู่ ใบหน้ามีรอยแผลฟกช้ำที่มุมปากและใบหน้า สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือยืนกัดฟันแน่นผมอย่างปล่อยหมัดนี้ใส่หน้าไอ้คนที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้


   “ พี่ธี พี่ธี” เสียงของคนที่อยู่บนเตียงร้องขึ้นมาแล้วเงียบหายไป เนื้อตัวของเขาสั่นกลัว


   “ พี่มาร์คครับเราออกไปรอข้างนอกดีกว่านะครับ” เจมส์ที่ยืนอยู่ตรงประตูเดินเข้ามาดึงคนที่นั่งอยู่ข้างๆเบียร์ออกไป


   “ เดี๋ยว” ไอ้พี่มาร์คมันดึงแขนของเจมส์เอาไว้ “ ถ้านายทำให้เบียร์เสียใจอีกล่ะก็ผมนี่แหละจะเป็นคนมาเอาเบียร์กลับมาเป็นของผม” ใบหน้าสีขาวนั้นแดงดวงตาของพี่เขาจริงจังมาก


   “ ครับ เรื่องวันนี้ผมขอบคุณนะครับ” ผมโค้งตัวให้พี่เข้าอย่างจริงใจเพราะหากว่าวันนี้ไม่มีพี่มาร์คกับเจมส์ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของผมจะเป็นอย่างไรบ้าง “ ผมจะไม่วีวันทำให้เบียร์เสียใจอีกแน่ๆครับ”


ผมมองตามคนที่เดินออกจากประตูไปจนมันปิดลง ผมทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวที่มาร์คนั่งไปเมื่อครู่นี้ ผมสัมผัสที่มือของน้องอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะเจ็บหรือตื่นขึ้นมา


   “ เจ็บไหมครับ” ผมถามออกไป โดยไม่หวังให้คนที่นอนหลับอยู่ตอบหรอกครับแต่อยากทำอะไรได้มากกว่านี้เท่านั้นเองเพราะผมไม่มีโอกาสได้ปกป้องน้องด้วยซ้ำ





กลับมาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาา หายไปนานมาก555 กว่าจะเคลียงานต่างๆเสร็จ ทำงานแล้วหาเวลาเขียนยากจังไม่เหมือนตอนเรียนเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอที ทนไม่ไหวแล้ว  :z6:

ออฟไลน์ Sailomcc.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
{PART’S MARK}

“ ฝากจัดการคนของนายด้วย ฉันไม่อยากเอาเรื่องแต่ถ้ายังมายุ่งเรื่องของฉันฉันก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน” ผมที่กำลังเอื้อมแขนถือโทรศัพท์ให้กับเจมส์ซึ่งวุ่นๆอยู่กับการท่องบทตรงเบาะหลังทำให้ผมถึงกับชะงักเพราะเสียงปลายสายดูโมโหมากเลยทีเดียว


   “ มีอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าเครียดจัง” ผมถามไปเพราะตั้งแต่ทำงานกับเขามาเขาแทบไม่เคยโมโหใครหรือทำหน้าเครียดอย่างในตอนนี้เลย


   “ พี่ช่วยโทรออกไปเบอร์ของเตให้หน่อย อยู่ในเครื่องน่ะครับ” เขาพูดพร้อมกับวางบทลง
ผมชักสายโทรศัพท์ที่เสียบเชื่อมอยู่กับรถออกแล้วกดเบอร์ที่เขาสั่งก่อนจะยื่นกลับไปใหคนที่นั่งอยู่ด้ายหลัง เขาดูร้อนใจมาก


   “ สวัสดีครับ”


เสียงนั้นดังออกลำโพงออกมาเหมือนเสียงของโทรศัพท์ของเจมส์จะดังไปหน่อยทำให้ผมได้ยินไปด้วย และเหมือนเขาจะรู้จึงลดระดับเสียงลง


   “ นายทำอะไรของนายฮะ ถ้าเกิดเป็นเรื่องใหญ่จะทำไง หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมไม่รู้ว่าปลายสายตอบอะไรมาแต่คนที่อยู่กับผมตอนนี้ดูหัวเสียไม่น้อยเลย “ เบียร์กับพี่ธีไปเกี่ยวอะไรด้วยฮะ ฮัลโหล ฮัลโหล” เขาปาโทรศัพท์ลงข้างตัวเองก่อนจะหลับตาลงเหมือนเขาพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองลง


   “ มีอะไรหรือเปล่า”


   “ พรุ่งนี้เรามีงานอะไรบ้าง”


   “ มีงานเปิดตัวสินค้าช่วงเช้าอันนี้สำคัญมากเพราะนายเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วก็งานบ่ายมีเดินแบบ”


   “ หาจองตั๋วบินไปเชียงใหม่ให้ผมหน่อยครับ เอาที่เร็วที่สุดได้ยิ่งดี”


   “ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”


   “ คือ…” เขาเริ่มอึกอักเมื่อผมถามซึ่งดูรู้เลยว่าเขากำลังคิดเรื่องโกหกอยู่แน่ๆ เพราะหลังจากที่ผมทำงานกับเขามาได้ช่วง
หนึ่งนิสัยของเจมส์ที่น่ารักของเจมส์อย่างหนึ่งก็คือเป็นคนตรงๆแต่รักษาความรู้สึกคนอื่น เขาจะเลี่ยงการโกหก


   “ เรื่องของเบียร์ที่ไปเชียงใหม่กับธีร์หรือเปล่า มีปัญหาอะไร”


   “ ปะ..เปล่าครับ”


   “ พูดตะกุกตะกัก”


   “ เปล่าครับ”


   “ หลบตา”


   “ หลบอะไรเล่าพี่”


   “ บอกมา เกิดอะไรขึ้น”


หลังจากนั้นเจมส์ก็เล่าทุกอย่างมาอย่างเสียไม่ได้เพราะผมต้อนเขาเสียจนมุม ไอ้น้องชายของเจมส์กำลังสร้างปัญหาที่เชียงใหม่และผมหวังว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเบียร์หรือเปล่านะ


ทันทีที่เหยียบลงบนจังหวัดเชียงใหม่โทรศัพท์ของเจมส์ก็ดังขึ้น เขาดูหัวเสียมากซึ่งผมไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อนหน้าของเขาแดงไปจนถึงใบหูมือกำหมัดแน่น


   “ ฉันบอกให้นายหยุดทำไมไม่หยุดฮะ” เขาตะวาดใส่โทรศัพท์ก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าไปยังรถที่เช่าไว้ แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะ
ไม่รู้ว่าใครแจ้งแฟนคลับของเขาให้มารอรับที่สนามบิน เกือบสิบห้านาทีกว่าที่เราจะฝ่าอกมาได้


เจมส์เป็นคนขับรถออกมาจากสนามบิน ผมเองก็ไม่รู้ที่หมายที่จะไปเหมือนกันว่าคือที่ไหน แต่รอบตัวของผมมันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนผมไม่กล้าที่จะถามเขาด้วยซ้ำเพราะเขาเงียบมาตลอดทางจากพื้นที่เขตเมืองค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นต้นไม้และรีสอร์ท เขาเบรกลง
อย่างกะทันหันเมื่อมีรถคันสีขาวจอดขวางทางเอาไว้ มือที่อยู่บนพวงมาลัยบีบแตรอย่างไม่มีทีท่าที่จะหยุด เขาขบฟันจนกรามขึ้นชัด


   “ ใจเย็นๆก่อนรถเขาอาจจะเสียก็ได้” ผมบอกแต่ดูเหมือนเจมส์จะไม่ฟังผมเลยเขาเดินตรงไปที่รถคันตรงหน้าพร้อมกับทุบกระจกฝั่งด้านคนขับ “ ใจเย็นๆก่อน” ผมที่เพิ่งวิ่งตามไปคว้าแขนของคนใจร้อนที่กำลังคุมสติตัวเองไม่อยู่


บานกระจกรถที่จอดค่อยๆลดลงคนที่นั่งสวมแว่นดำจ้องมองกลับมายังพวกเราอย่างนิ่งๆที่มุมปากของเขายกยิ้มอย่างไร้ความรู้สึก


   “ มาไวกว่าที่ผมคิดนะครับ”


   “ นายกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” เจมส์ตะคอก


   “ ผมทำอะไรครับ”


   “ เต บอกมาเดี๋ยวนี้ว่านายเอาเบียร์ไปไว้ที่ไหน” ผมชะงักไปครู่หนึ่งเพราะมีเบียร์อยู่ในบทสนทนานั้นด้วย


   “ นี่มันอะไรกัน” ผมถามเจมส์


   “ ไอ้นี่ใคร” เขาชี้มาทางผม พร้อมกับจ้องราวกับว่าผมไปยิงญาติฝ่ายไหนของเขาตาย “ มึงเป็นใครวะ”


   “ อย่าหยาบคายกับผู้จัดการของพี่” คำพูดนิ่งๆทำให้คนเสียมารยาทสงบลงได้ “ ตอนนี้จะบอกมาได้หรือยังว่าพาเบียร์ไปไว้ที่ไหน”

   “ มันสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเป็นเพราะมันกันแน่ ถามใจพี่เองสิว่าจริงๆแล้วพี่ก็อยากให้มันออกห่างจากคนที่พี่รักใช่หรือเปล่าล่ะ หยุดทำตัวเป็นคนดีได้แล้วมันเคยมองเห็นหัวพี่บ้างหรือเปล่า”


   “ หุบปาก” เจมส์กระชากเสื้อของคนที่นั่งอยู่ในรถ “ พาฉันไปหาเบียร์เดี๋ยวนี้”


   “ ขี้แพ้”


   “ ฉันจะไม่พูดซ้ำ นำไปเดี๋ยวนี้”


สิ้นเสียงคำสั่งของคนที่กำลังเดือดดาลรถที่จอดนิ่งอยู่ก็ขับนำไปอย่างเสียไม่ได้ เจมส์เองก็กลับมาที่รถแล้วเหยียบคันเร่งตามไปติดๆผมเองก็ร้อนใจไม่ต่างกับคนขับเท่าไหร่เพราะคนที่มีชื่อในการสนทนาครั้งนี้ด้วยคือเบียร์


เมื่อเราไปถึงมีคนสามสี่คนวิ่งสวนออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก พวกมันวิ่งโดยไม่คิดจะแวะทักทายผู้มาเยือนด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนไอ้คนที่เดินนำเรามามือมันจะไวกว่า เขาคว้าไว้ที่ข้อมือของหนึ่งในพวกมัน


   “ เกิดอะไรขึ้นวะ”


   “ ไอ้บ้านั่นมันกระโดดลงน้ำไปแล้วครับ”


   “ ว่าไงนะ” เขาคงหน้าตาตื่นไม่แพ้ผมเพราะผมเดาว่าคนที่พวกนั้นกำลังพูดถึงต้องเป็นเบียร์แน่ๆ “ ก็บอกแล้วว่ห้ามทำอะไรไงเล่า”


   “ มึงจะอยู่รอพ่อมึงมารับหรือไงวะ” ไอ้คนที่วิ่งนำไปมันหันมากระชากเพื่อนมันกลับไป


   “ หยุดนะเว้ย” เจมส์มันร้องห้าม


   “ ฉันจะไปดูเบียร์” ผมวิ่งตรงไปที่จุดซึ่งพวกมันวิ่งมา ตรงหน้าเป็นน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว สีของน้ำขุ่นไปด้วยสีของดินแดง “ เบียร์ เบียร์ได้ยินพี่หรือเปล่า”


ผมถอดรองเท้าและกำลังที่จะถอดกางเดงยีนส์ออกเพราะว่ามันคงหนักแน่ๆเวลาลงน้ำ แต่ไม่ทันที่จะได้ลงไปมือหนาของคนที่เพิ่งมาถึงจับเอาไว้เสียก่อน


   “ เดี๋ยวก็หายไปอีกคนนึงหรอก เบียร์น่าจะโดนน้ำพัดไปแล้ว เดี๋ยวนี้เราต้องคนช่วยก่อน ตอนขับรถผ่านมาตรงนั้นมีหมู่บ้านอยู่น่าจะไปขอความช่วยเหลือได้”


   “พี่เจมส์ผม”


   “ ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดอะไรตอนนี้ ถ้าเบียร์เป็นอะไรนายตายแน่”


ผมรีบใส่รองเท้าและกางเกงก่อนจะรีบวิ่งตามเจมส์ที่กำลังเดินอย่างหัวเสียไปที่รถ เราขับย้อนกลับมาตรงหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นเท่าไรนัก


บ้านตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านกึ่งร้านค้าและมีแพที่ยื่นลงไปในน้ำตอนเมื่อรถของเราไปจอด ก็มีคนวิ่งหน้าตื่นสวนออกมาพร้อมกับมีอีกคนที่โดนแบกขึ้นมาจากด้านหลัง


   “ พ่อหนุ่มวันนี้ร้านปิดนะ พวกเราจะรีบไปโรพยาบาล” คนที่เดินมาถึงเราคนแรกเอ่ยด้วยใบหน้าที่ตื่นตรกหนก เนื้อตัวเปียกไปหมดเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ


   “ เบียร์” พออีกสองคนที่อุ้มหัวอุ้มท้ายร่างที่กำลังนอนสลบผ่านหน้าไป ผมจำได้ทันที ใบหน้าของเบียร์ซีดเซียว ปากสั่นที่หัวทีเลือดไหลออกมา


   “ พ่อหนุ่มรู้จักกันเหรอ”


          “ อย่าเสียเวลาคุยเลยครับไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ” เจมส์พูดขัดขึ้น ก่อนที่จะพาเบียร์ขึ้นรถไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็พุ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ผมและเจมส์เป็นคนเดินเรื่อง และเมื่ออาการของเบียร์ดีขึ้นหลังจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วเราจึงทำการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง


         “ ขอบคุณคุณลุงมาเลยนะครับ” เจมส์เดินเข้าไปยกมือไหว้ผมก็ยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้
         

         “ ไปทำอีท่าไหนถึงได้หล่นน้ำกันล่ะ หรือว่าลงเล่นน้ำกัน ป้ายเขาก็มีเตือนไม่ใช่หรือ”


         “ อุบัติเหตุครับ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
   

          “ นี่” เงินจำนวนหนึ่งยื่นผ่านตรงกลางระหว่างการสนทนาเราออกไป “ จะได้ไม่ต้องขอบคุณกันนาน”
ไอ้นี่มันเสียมารยาทตัวพ่อเลยจริงๆ เบียร์เกือบตายก็เพระมันมันยังมาทำกริยาแบบนี้อีก ผมนี่อยากซัดมันสักที


ผลั้ก! ผมยังไม่ทันที่จะคิดจบ หมัดของเจมส์ก็ซัดเข้าไปที่ใบหน้าของน้องชายอย่างจัง เจมส์หน้าแดงไปด้วยความโกรธแต่ไม่มีสีหน้าใดๆออกมาเลย เขาแววตาว่างเปล่า


   “ ขอโทษลุงเขาเดี๋ยวนี้ เรื่องมันเกิดจากแกยังไม่สำนึกอีก”


   “ นี่พี่ต่อ…”


   “ เดี๋ยวนี้” เสียงเรียบๆนั้นทำเอาผมขนลุกแต่จริงๆผมอยากซ้ำอีกซักทีนึงถ้าไม่เกรงใจเจมส์


   “ ขอโทษ” เขายกมือไหว้ลวกๆก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น


   “ ผมขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับมันไม่ค่อยมีมารยาท ยังไงผมขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมไปก่อนนะครับ”


เราเดินแยกออกมาที่ด้านนอกโรงพยาบาลเราพาเบียร์มาพักที่โรงพยาบาลในเมือง เจมส์นั่งนิ่งมาตลอดทางและหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นน้องชายของเขาอีกเลย เขาดูเหมือนพยายามตั้งสติให้สงบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาใครสักคน


   “ ฮัลโหล พี่ไม่ต้องห่วงนะครับตอนนี้เราเจอตัวของเบียร์แล้วกำลังพาไปโรงพยาบาลครับ” หึโทรแจ้งพี่ชายเขาสินะ  “ ถ้าพี่มางานพังพ่อพี่ต้องไม่พอใจแน่ๆ ทางนี้ให้ผมจัดการเองนะครับ ถือว่าเรื่องทุกอย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้เป็นการไถ่ความผิดที่น้องผมทำความเดือดร้อน”


   “ ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นก็ได้” ผมยิ้มให้ “ นายไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย”


   “ ผิดสิครับ ผิดเต็มๆด้วย” เขาฝืนยิ้มออกมาให้กับผม “ เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้พี่ธีก่อนดีกว่า เราจะไปโรงพยาบาลนี่ใช่ไหมครับ”


   “ อืม”


เมื่อขับรถมาถึงผมมีเวลาอยู่ที่โรงพยาบาลกับเบียร์ตามลำพังอยู่สักพักเพราะเจมส์ขอออกไปทำธุระด้านนอก ผมนั่งจ้องใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียงและทำได้แค่กุมมือเอาไว้ เสียงละเมอของเบียร์ในแต่ละครั้งมันเหมือนมีของคมๆกรีดลงหน้าอกของผม มันไม่มีชื่อผมในนั้นเลย มีเพียงคนที่ผมอิจฉาที่สุดอย่างธี แต่ตอนนี้ผมขอทำหน้าที่ตัวสำรองให้เบียร์ได้กุมมือยามนอนหลับก็คงพอแล้วสำหรับคนอย่างผม ผมอย่างแข่ง อยากสู้กับธีแต่มันคงไม่มีทางเลยเพราะใจของเบียร์ตอนนี้ไม่มีผมเลยด้วยซ้ำ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับเจมส์และธีที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงคนที่นอนอยู่บนเตียง


               “ พี่ธี พี่ธี” เสียงของคนที่อยู่บนเตียงร้องขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณเตือนให้ผมลุกออกจากความฝัน


   “ พี่มาร์คครับเราออกไปรอข้างนอกดีกว่านะครับ” เจมส์ที่ยืนอยู่ตรงประตูเดินเข้ามาดึงมือของผมให้เดินตามออกไป


   “ เดี๋ยว” ผมดึงแขนนั้นกลับ “ ถ้านายทำให้เบียร์เสียใจอีกล่ะก็ผมนี่แหละจะเป็นคนมาเอาเบียร์กลับมาเป็นของผม” ผมจ้องไปอย่างจริงจังและโกรธมากที่ธีได้เบียร์ไปครองแต่ต้องยอมรับว่าเบียร์ไม่เลือกผม


   “ ครับ เรื่องวันนี้ผมขอบคุณนะครับ” ผมงงๆกับท่าทางอ่อนน้อมที่ไม่เคยมีมาก่อนของคนตรงหน้า“ ผมจะไม่มีวันทำให้เบียร์เสียใจอีกแน่ๆครับ”


ผมเดินตามเจมส์ออกไปจากห้องอย่างว่าง่าย ประตู่ที่เปิดกว้างค่อยๆปิดลอง มือที่ผมเคยกุมเมื่อครู่ถูกครอบครองโดยเจ้าของที่แท้จริงแล้ว













มาค่ะ เรื่องนี้พิมจบแล้ว ไม่หายเเล้วน้าาาาาาาาาาาาาาา เคลียงานแล้ว ฝากอีกเรื่องนึงด้วยนะ ขายของในนี้ผิดหรือเปล่าน้าาาาาาาาาา

ใครที่ชอบอ่านนิยายวายสืบสวนชวนจิ้น ไปเรื่องนี้เลย   https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67797.0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เบียร์ หายไวๆ เด้อ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Sailomcc.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เบียร์ หายไวๆ เด้อ  :กอด1:


เตรียมน้ำร้อนเลยค่ะ มาม่ามาเเล้ววววววววววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด