●____ณ Touch____● (อัพ! แตะต้องครั้งที่ 37 | 50%) |▌18.เมษา.2020// Page 8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ●____ณ Touch____● (อัพ! แตะต้องครั้งที่ 37 | 50%) |▌18.เมษา.2020// Page 8  (อ่าน 30249 ครั้ง)

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17


เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁

● ณ Touch ●

เขาเป็นรุ่นพี่...ที่มีพลังพิเศษ
ส่วนผมเป็นรุ่นน้องผีๆ ที่ชอบไปจุ้นจ้านเจ๊าะแจ๊ะกับพลังของเขา คือว่างไง สนุกกกกก

_____________________________

คนนึงมีพลังพิเศษระดับเอกซ์เมน แต่พยายามปิดมันเป็นความลับ
อีกคนพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ไม่รู้จักระงับยิ่งกว่าผีเจาะปาก

แล้วความซวยก็ชักพาให้ทั้งคู่มาพบกัน
ทุกอย่างเลย...บู้ม
เละเทะไม่ต่างจากอ้วกหมา

_____________________________

กฎการอ่านนิยายเรื่องนี้
1. ยิ้มเยอะๆ
2. มีความสุขมากๆ
3. แล้วเรามา Touch กัน

หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้มีรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากได้บ้างนะคะ :D

_____________________________

แฮชแท็ก
#ณTouch
อ่านแล้วเป็นยังไงแนะนำกันได้ตลอดนะคะ
ไม่ต้องเกรงใจเลย :D


สารบัญเรื่องนี้
(จิ้มตรงนี้ได้เลยค่า)


_____________________________

นิยายที่เขียนจบแล้ว :D

_____________________________

ฝากเนื้อ ฝากตัว ฝากกาย ฝากใจ
ได้โปรดอ่อนโยนกับคนเขียนด้วยนะกั๊บ : ))

มาพูดคุยกันที่ Twitter ได้นะคะ XD
จิ้มๆ >> นางร้าย
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2020 20:16:19 โดย นางร้าย »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ●____ขอ Touch ที____●
«ตอบ #1 เมื่อ12-10-2018 22:46:43 »

 :pig2: :pig2: :pig2:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ●____ขอ Touch ที____●
«ตอบ #2 เมื่อ12-10-2018 22:52:53 »

เจิ้มค่า

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: ●____ขอ Touch ที____●
«ตอบ #3 เมื่อ13-10-2018 01:28:12 »

โอมมมมมม จงมา :call:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ●____ขอ Touch ที____●
«ตอบ #4 เมื่อ16-10-2018 14:28:56 »

ตามมาจากป้ายบอกทางบ้านพี่เรือค่าาาาาา เรื่องโน้นพลาดไม่ทันได้เกาะออนแอร์ ขอแก้ตัวที่เรื่องนี้นะคะ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ

คนนึงเงียบ คนนึงพูดไม่หยุด เขาจะคบกันแบบไหนน้อออ เรารอติดตามอยู่น้าา  o13

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ●____ขอ Touch ที____●
«ตอบ #5 เมื่อ17-10-2018 01:59:44 »

เจิมค่า :hao3:

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: ●____ณ Touch____● (สารบัญ)
«ตอบ #6 เมื่อ11-01-2019 22:04:46 »

สารบัญ
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2019 21:21:04 โดย นางร้าย »

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 1

จับบบบ...ตบถากปากไม่มีหูรูด
แหกตูดมองหน้าเข้าป่า
พาไปล้วงลับฉบับคุณชายพลาสเตอร์



“เฮ้ย ไรวะ!”

“ขอคุยด้วยหน่อย”

“เดี๋ยวๆ เป็นใครวะเนี่ย”

“...”

“จะทำอะไร จะพาไปไหน พวกขายตรงเหรอ”

“...”

“โอ๊ย แขน เจ็บนะเว้ย...ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย โจรปล้น...ปล่อย...บ้านเมืองมีขื่อมีคานนะเฮ้ย อย่ามาเผด็จการแถวนี้...ช่วยด้วย คุณ ช่วยที...”

โวยวายไปดิ

ร้องไปดิ

นอกจากไม่มีใครช่วยแล้ว แต่ละคนถอยห่างและมองด้วยสายตาแปลกๆ อีก

“ช่วยด้วยครับ ไอ้นี่จะลากผมไปปล้น”

“กูแค่จะคุยด้วยเฉยๆ”

“ช่วยด้วยยย…”

“เงียบ”

“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วยยย…!”

ผัวะ!

“หุบปาก”

โดนโบกกบาลไปที เล่นเอาผมหยุดกึกและนึกเสียใจ ถ้ารู้ว่าชีวิตจะเฮงซวยแบบนี้ไปเรียนคาราเต้หรือมวยไทยตั้งแต่อนุบาลเลยซะก็ดี แต่อย่าเพิ่งคิดย้อนไปไกลขนาดนั้น เอาแค่ย้อนไปสักหนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ก็พอ เรื่องของเรื่องคือ ท้องไส้เริ่มปวดหน่วงๆ ตั้งแต่ตอนนั่งเรียนแล้ว พอเลิกคลาสเลยแถมาที่ห้องน้ำก่อนเป็นอันดับแรก กะจะบรรเลงเพลงแจ๊สให้สบายใจ มีห้องว่างอยู่พอดี กำลังจะผลักประตูเข้าไปอินโทรทรัมเป็ดแล้วด้วย

แต่จู่ๆ ก็มีบุรุษลึกลับตรงเข้ามาถามชื่อแซ่ผม

พอบอกไปเท่านั้นอีกฝ่ายก็ลากตัวออกมาเลย และตอนนี้มือที่น่าจะก่อกรรมทำเข็ญมาอย่างโชกโชนก็กระชากคอเสื้อผมค้างไว้ ใบหน้ายื่นเข้ามาใกล้จนมองเห็นเส้นเลือดในตาได้ ไปโดนตัวไหนมาวะ ถ้าโกรธอีกนิดก็แปลงร่างเป็นพี่ยักษ์เขียวได้แล้วนะ

“อ้าปากทำเหี้ยไร”

“มึงสั่งให้กูหุบปาก แต่กูจะอ้า ทำไม ประเทศเสรีโว้ย! ได้เลือกตั้งแล้ว!”

“ล่อแม่งตรงนี้เลยดีมั้ย” เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าคุยกับผม

“นี่มหา’ลัยนะ ไม่ใช่ตะวันออกกลาง”

“ระวังปากหน่อย กูรุ่นพี่นะ ปีสี่”

“รุ่นพี่แล้วไง สัด! ไม่ใช่พ่อ”

ผัวะ!

โดนโบกกะโหลกไปอีกที

“ขอโทษครับพี่ มีเรื่องไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ ค่อยๆ เคลียร์กัน”

“กูก็จะเคลียร์กับมึงนี่แหละ มานี่”

แล้วผมก็ถูกฉุดกระชากลากตัวต่อ เส้นทางที่พาไปก็ดูซับซ้อน เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี้ยวขวาอีกที และเดินย้อนกลับมาเลี้ยวซ้าย ถ้าปักหมุดให้ Grab มาส่งก็อาจจะหลง แต่ดูจากโลเกชั่นแล้วน่าจะเป็นตึกคณะรัฐศาสตร์ แถวนี้ต้นไม้เยอะ คนก็น้อยซะด้วย

“พี่ เบาๆ...จะเอาเงินใช่มั้ย เดี๋ยวไปกดเอทีเอ็มให้ สองร้อยพอเปล่า...หรือเอาลูกอมไปกินก่อนมั้ย ผมมีอยู่ในกระเป๋าสองเม็ด จะได้ใจเย็นๆ”

“...”

“ผมรู้จักอธิการนะ บอกไว้ก่อน”

“...”

คนบ้าแน่ๆ

โวยวายก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว อ้างตำแหน่งก็แล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าผมจะรอดพ้นโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลย เอาไงดี สุดท้ายแล้วคงต้องล่อที่ไข่ รอจังหวะเหมาะแล้วซัดให้หนักๆ ไปเลย

แต่ก่อนถึงตอนนั้น ลองใช้อีกตัวช่วยก่อนดีกว่า

“คร่อก...ครึ่กๆๆ โอ๊ย...คร่อก”

“เป็นเชี่ยไร”

“องค์...องค์ลงแล้ว คร่อกๆ”

“องค์เชี่ยไร อย่างมึงนี่สัมภเวสียังไม่เข้าใกล้เลย”

ผมหันขวับมองตาขวาง ดัดเสียงเข้มเหมือนพ่อปู่ “...อยากลองดีกับกูใช่มั้ย”

ผัวะ!

“นี่ไง ลองดี”

หัวทิ่มไปดิ โบกเก่งจัง อิจฉาเพื่อนฝูงพี่ป้าน้าอาของแกจริงๆ ฝนตกรถติดอยู่ที่ไหนนี่ขอให้แกมาโบกแท็กซี่ให้ได้สบายเลย

“ครึ่กๆ”

“ยัง ยังไม่ออก เอาอีกทีมั้ย”

“ออกแล้วครับ” ดีเหมือนกัน ทำตาเหลือกจนเมื่อยไปหมดละ ผมเพิ่งตระหนักว่าเราหยุดเดินกันแล้ว และพอลืมตาให้เป็นปกติผมก็แปลกใจสุดๆ ที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินหรือห้องโทรมๆ ที่อัดแน่นไปด้วยซีดีหนังโป๊และรอยเลือดบนกำแพง

เรียนมาปีกว่าๆ ผมยังไม่เคยข้ามถิ่นมาแถวนี้เลย นี่หลังตึกคณะหรือป่าดงดิบ ต้นไม้ใหญ่ใบดกเกือบจะบังแสงแดดได้หมด ไม้ประดับก็ดูเหมือนป่าละเมาะเหมาะจะลากคนมาทำมิดีมิร้ายมากกว่า ตอนนี้ปลอดคนอยู่ด้วย

แต่ก็มีนั่งหัวโด่หน้าใสอยู่นี่คนนึง

ใสกระจ่างอย่างมีออร่า ใสจนอยากแดกกลูต้ารัวๆ ให้สิ้นใจแล้วไปเกิดใหม่เผื่อจะได้แบบนี้

“นั่งลง” มือที่น่าจะฆ่าคนมาไม่ต่ำกว่าสิบศพกดไหล่ผมลง

ผมยืน

เผียะ!

เปลี่ยนมาตบถากกบาลด้านหน้าบ้าง ดีมาก คนรุ่นใหม่ต้องแบบนี้ หัวคนมีหลายจุดที่น่าตบ จะล่อแต่ท้ายทอยไปทำไม ออกจากคอมฟอร์ดโซนซะบ้าง

“แม่งจะกวนตีนไปถึงไหน จะนั่งไม่นั่ง”

คราวนี้ผมยอมนั่งลง เพราะขี้เกียจทำเรื่องเคลมประกันค่ารักษาพยาบาล ครับ นั่งแล้ว ให้ผมก้มลงกราบตีนด้วยมั้ย ความคิดดังแจ้วๆ อยู่ในหัว แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะ...

อะไรหลายอย่างของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าดึงความสนใจผมไปหมด

ผิวขาว หน้าใส ทรงผมรากไทรเซ็ตเหมือนไม่ตั้งใจ จมูกคิ้วคางอะไรก็ดูดีไปหมด คนแบบนี้น่าจะยืนอยู่บนเวทีศิลปินเกาหลีมากกว่ามานั่งหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในป่าแบบนี้

แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ...นิ้วเรียวยาวนั่น 

ที่ปลายนิ้วทั้งสิบมีพลาสเตอร์ยาอย่างหนาพันรอบอยู่

“ช่วยหน่อย” คนที่ลักพาตัวผมมายังยืนหัวโด่อยู่เหมือนเดิม ถ้าไม่เป็นเพราะริดสีดวงกำเริบก็คงเพราะหงุดหงิดจนนั่งไม่ติด มีแค่ผมกับบุรุษหน้าใสที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่บนม้านั่งหินอ่อน ไม่สิ เรียกว่าเผชิญหน้าไม่ได้ เขาไม่สนใจเราเลย สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าหนังสือเล่มเล็กๆ ในมือ ดูจากหน้าปกน่าจะเป็นบทกวีหรือไม่ก็ปรัชญา ประเภทที่หยอดคำกำกวมไม่กี่คำลงไปและเหลือพื้นที่ว่างไว้เยอะๆ เหมือนจะเยาะเย้ยเราว่า งงอะดิ สมองมึงก็ว่างๆ เหมือนหน้ากระดาษนี่แหละ

“ได้ยินมั้ยวะ ช่วยกูหน่อย”

“ช่วยตัวเองมั้ย ไม่ไหวก็ไปห้องน้ำดิ” ผมสอดปาก

“กูไม่ได้คุยกับมึง”

“อ้อเหรอ” ผมใช้เสียงสองแบบกวนๆ แล้วหันไปใช้เสียงสามกับอีกคน “อันยอง~”

ดวงตาสีน้ำตาลที่ชวนให้นึกถึงสีของลูกอัลมอนด์ละจากหน้าหนังสือ เหลือบมองมาที่ผมเหมือนมองหินกรวดสักก้อน แล้วเหลือบต่อไปที่คนร้ายลักพาตัวเหมือนมองขี้หมาแห้ง

“Can you speak Thai?”

“ไม่” คำเดียวสั้นๆ หลุดจากปากเขา เสียงเหมือนดังออกมาจากลำโพงชั้นดี

“พูดได้นิดหน่อยเหรอ”

“เขาไม่ได้พูดกับมึงโว้ย” คนนี้ก็โวยวายไม่เลิกจริงๆ หัวร้อนจนไหม้ละมั้ง “ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอวะ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”

“อยากรู้อะไร ไม่ถามกันเองล่ะ” เขาพูดยาวขึ้น เปลี่ยนใจละ เสียงไม่ใช่แค่เหมือนดังออกจากลำโพงชั้นดี แต่เป็นลำโพงชั้นดีและโคตรแพง ฟังลื่นหูและดูมีสกุลรุนชาติสุดๆ เรียกว่าคุณชายเลยก็ยังได้

ที่สำคัญ ไม่ได้มาจากเกาหลี

“หน้าแม่งตอแหลแถมกวนตีนขนาดนี้ มึงคิดว่าจะได้คำตอบว่าไงวะ”

อีกฝ่ายยักไหล่ กลับไปอ่านหนังสือต่อ

“นิ้วเป็นไรอะ” เห็นแล้วผมอดเจ๋อไม่ได้

“...”

“เป็นโรคเรื้อนเหรอ”

คิ้วหนายกขึ้นเล็กน้อย ตาเหลือบมองปลายนิ้วตัวเองเหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามีพลาสเตอร์แปะอยู่ แต่ก็แค่นั้น เขาไม่พูดอะไร

“หรือหัดเล่นกีตาร์แล้วเจ็บ...ไม่ดิ ติดพลาสเตอร์ทั้งสิบนิ้วขนาดนี้”

“...”

“หรือติดเอาเท่”

“...”

“ที่บ้านทำโรงงานพลาสเตอร์แน่ๆ ใช่มะ”

“...”

“เห็นมั้ย กูบอกแล้ว แม่งกวนตีน” คุณพี่หัวโด่สอดปาก

เจ้าของนิ้วพลาสเตอร์เหลือบมองก้อนกรวดและขี้หมาแห้งอีกครั้ง “ลองถามดิ ผีเจาะปากขนาดนี้ มึงอาจจะรู้อะไรเยอะกว่าที่คิดก็ได้”

“ได้ แล้วมึงจะได้เห็นความตอของมัน”

“ถามจริงๆ นะ นิ้วเป็นไร...”

“มองหน้ากูนี่” พี่ขี้หมาแห้งจับหัวผมหันขวับไป ถ้าแรงกว่านี้อีกนิดก็คอหักละ “กูคุยกับมึงอยู่ หันมา”

“เอ๊ะ พี่หน้าคุ้นๆ นะ” ผมว่า จะว่าไปพี่ขี้หมาก็หน้าตาดีใช้ได้เลย แต่เมื่อเทียบกับคุณชายที่นั่งอ่านบทวีอยู่นี่ ใช้คำว่าขี้เหร่ก็อาจจะเบาไป “พี่เป็นพระเอกหนังโป๊ปะ เหมือนเคยดู”

“ไอ้ห่า”

“นึกออกแล้ว!” ผมทำตาโต “พี่ขวดใช่มั้ย ลูกตาขามที่บ้านอยู่ข้างวัด ตอนเด็กๆ พี่ชอบไปคุ้ยขยะกินแถวๆ หลังโรงเรียน”

“มึงนี่แม่ง”

“เอ๊ะ ไม่ดิ พี่ประกอบ ลูกลุงประเสริฐต่างหาก ตอนเด็กๆ เพื่อนชอบล้อว่าไม่สมประกอบอะ ใช่มะ เฮ้ย! พี่ ผมนึกว่าพี่ตายโหงไปแล้ว นี่พี่หน้าตาดีขึ้นมากนะเนี่ย”

เผียะ!

เขาผลักหัวผมออก และตามด้วยตบเช็ดเบาๆ

“ไอ้เวร กูชื่อเรนจิ”

“เรนจิ...เห็ดอะนะ”

“เห็ดเหี้ยไรอีก”

“เห็ดที่มากับชุดผักชาบูไง”

“นั่นออรินจิมั้ย”

“นั่นแหละ อะไรจิๆ ฟังยาก เรียกพี่เห็ดละกัน”

เอาแล้ว จะแปลงร่างเป็นยักษ์เขียวแล้วใช่มะ ถึงจุดแล้วววว...แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็แค่ถอนหายใจ และพูดแบบข่มอารมณ์สุดๆ “มึงดูนี่” เขาควักโทรศัพท์มือถือออกมาและยื่นมาตรงหน้าผม “นี่อะไร”

“ถ้าตอบว่ารถไฟ...ก็ไม่ถูกใช่ปะ”

“จะกวนตีนไปถึงไหน”

“โอเค ผมขอใช้ตัวช่วยถามเพื่อนครับ...พี่ๆ พี่พลาสเตอร์ ช่วยหน่อย ไอ้ที่เห็นอยู่นี่เรียกว่าอะไรครับ”

“กูให้มึงดูคลิปนี่!”

“อ้อ” ผมเลยดูคลิป แล้วก็ต้องเบิกตาขึ้น “โรคจิต ใครแอบถ่ายวะ...พี่เหรอ”

“เพื่อนส่งให้กู”

“เลวมาก”

“มึงดิเลว”

“ฮะ?”

“ก็เบิกเนตรถั่วๆ ของมึงดูให้จบสิวะ”

ใครว่าถั่วล่ะ ผมเบิกเนตรดวงงามของตัวเองดูให้ชัดๆ และเห็นตัวเองเดินตามหลังผู้หญิงคนหนึ่งหายเข้าไปในตัวตึกซึ่งเป็นคอนโดหรู “ดูจบแล้ว แล้วไงอะ”

“มึงแหกรูจมูกฟังให้ชัดๆ นะ คนนี้กูจองโว้ย คุยกันได้สองอาทิตย์แล้ว”

ผมจับรูจมูกถ่างค้างไว้ “ใช้จมูกฟังได้ด้วยเหรอ พูดอีกทีซิ”

พี่เห็ดหายใจฮึดฮัด เขามองหน้าเพื่อนพร้อมกับแบมือทั้งสองข้างใส่ผม เป็นภาษาร่างกายที่เหมือนกับจะพรีเซนส์กองอ้วกหมาและบอกโดยไม่ใช้คำพูดว่า มึงดูความเหี้ยของมัน

คุณชายละสายตาจากหนังสือมาดูความเหี้ยของผม และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ผมว่ามุมปากเขาแอบยิ้มนะ “มึงก็ถามเข้าเรื่องสักทีดิ”

“ได้! เข้าเรื่องเลย” พี่เห็ดจับหัวผมหันไปหาเขาอีก “มึงกับแคลเป็นอะไรกัน”

“แคลไหน”

“แคลคณะบริหารปีสาม”

“พี่แคลเซียมอะนะ”

“แคลให้มึงเรียกงี้เหรอวะ”

“ไม่อะ ผมเรียกเอง”

“มึงเป็นใครวะถึงขึ้นคอนโดแคลได้ อย่าบอกว่าเป็นแฟน เท่าที่กูรู้แคลยังไม่ได้คบใคร”

ผมยักไหล่ “ก็คนสำคัญอะ ขึ้นได้”

“ขึ้นไปทำไร”

“ก็ไปทำโน่นทำนี่ เยอะแยะ”

พี่เห็ดหลับตาสูดหายใจ หน้าเบ้นิดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือเตรียมรับมือกับความเจ็บปวด “มึงนอนกับแคลแล้วใช่มั้ย”

“ตอนรับน้องนี่นอนหัวซุกกันเลย นั่งด้วยกันก็บ่อย กินด้วยกัน เดินด้วยกัน...”

“กูจะถามใหม่ชัดๆ มึงได้กับแคลยัง”

“ก็มีได้บ้างเสียบ้าง นี่ผมยังติดข้าวพี่แกอยู่มื้อนึง...เอ๊ะ หมายถึงได้เสียเป็นเมียผัวน่ะเหรอ อันนั้นไม่เคยอะ”

“ตอแหล”

“แต่เสื้อนงเสื้อในแกผมเห็นหมดนะ เดาคัพได้เลย แต่ไม่ใช่สเป๊ก”

“แม่ง! กูไม่ไหวแล้วเว้ย”

ใจผมหล่นวูบไปถึงตาตุ่มทันทีที่ถูกกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น สงสัยจะล้ำเส้นมากไป หมัดเขวี้ยงควายเงื้อเต็มเหยียดแล้ว จะยกสองมือไหว้ปะหลกๆ แสดงความอ่อนน้อมก็คงไม่ทัน

ฟึ่บ!

แต่เดชะบุญ มือเรียวยาวที่เต็มไปด้วยพลาสเตอร์คว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ได้ทัน “ใจเย็นๆ” เขาใช้มืออีกข้างตบไหล่เพื่อนเหมือนปลอบหมาให้สงบ แล้วหันมองหน้าผม “ก็ได้ มาฟังความจริงกัน”

พี่เห็ดยอมลดกำปั้นลง ขณะที่มือกำลังจะยกพนมของผมค้างเติ่งอยู่ระหว่างอก ผมเลยยกมันขึ้นเป็นท่าไหว้ท่วมหัวเป็นการขอบคุณฟ้าดินไป

“นับเลขในใจยัง”

“เออ นับอยู่ แต่มันกวนตีนไง ดูหน้าแม่งดิ”

“อืม นับไปเรื่อยๆ” มือพลาสเตอร์ตบไหล่เพื่อนอีก จากนั้นก็ย้ายมาตบไหล่ผมบ้าง หรือเรียกว่าเคาะจะเหมาะกว่า “นั่งลง”

ผมเลยนั่งลง พูดเสียงนุ่มขนาดนี้ถ้าไม่นั่งก็ดูจะเป็นคนไร้การศึกษาเกินไป ตัวเขาเองก็นั่งด้วย เหลือแค่พี่เห็ดคนเดียวที่ยังยืนเป็นคนริดสีดวงแตกอยู่เหมือนเดิม ผมอยากจะพูดจะถามต่อ แต่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของคุณชายดึงความสนใจผมไปจนหมดอีกแล้ว

เขาลอกพลาสเตอร์ที่พันรอบนิ้วชี้ข้างขวาออกช้าๆ

“ไม่มีแผล” ผมว่า “ว่าแล้ว ที่บ้านต้องทำโรงงานผลิตพลาสเตอร์”

“ขอมือหน่อย” เขาพูดไปอีกเรื่อง

ผมหดมือแนบไว้กับตัว “ถ้าให้ผมก็พิการดิ ขอกันง่ายๆ งี้ได้ไง มีคนละสองข้างแล้ว...จะทำไรอะ คนแปลกหน้ามาจับมือกันงี้ไม่ได้นะ มันผิดผี...”

หมับ!

เขาเอื้อมมาจับมือซ้ายของผมวางลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน และกุมไว้เบาๆ นิ้วชี้ที่ลอกพลาสเตอร์ออกแล้วซุกอยู่ตรงอุ้งมือผม

สปาร์คเลย

สัมผัสนี้มีหวิว

“ปวดขี้” แล้วสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวผมมาตลอดก็โพล่งผ่านปากออกมาเอง “แล้วรู้ปะ ตอนเลิกคลาสลงลิฟต์มาคนโคตรเยอะ อาจารย์ก็อยู่ด้วย เลยตดแม่งเลย...”

อะไรวะ! กูพูดอะไรออกไป!

แล้วก็ยังไม่หยุดอีก

“...แล้วเมื่อเช้านี้ก็กินแค่แอปเปิลลูกเดียว ทั้งหิวทั้งปวดขี้ ชีวิตโคตรบันเทิง...ข้าวร้านเจ๊น้อยบูดประจำ ที่โรงอาหารคณะบริหารอะ อย่าไปกิน...เอไอเอสออกโปรใหม่แล้วนะ...”

“เงียบ!” พี่เห็ดตะโกนขัดขึ้น

“พรุ่งนี้วันพระ”

“เงียบดิ๊!”

“ปูอัดไม่ได้ทำจากเนื้อปูนะ รู้ยัง”

“หุบปาก!”

“พยากรณ์อากาศวันนี้บอกว่า อากาศแจ่มใส มีเมฆบางส่วน...”

“สัด! หยุดพูด! เฮ้ย ปล่อยมือแม่งก่อนดิ๊”

คุณชายปล่อยมือ เล่นเอาแขนข้างนั้นของผมชาวาบคล้ายกับตอนเป็นเหน็บแล้วมีคนมาแกล้งเอานิ้วจิ้ม หัวใจเต้นรัว ในหัวสับสน ไม่ต่างจากเด็กสาววัยแรกรุ่นเพิ่งถูกผู้ชายหลอกจับมือ

เผียะ!

“สติ” พี่เห็ดตบถากที่สมองส่วนหน้าผมเบาๆ หรือว่าที่งงๆ อยู่นี่เพราะโดนตบเยอะเกินไปวะ “มึงฟัง แล้วตอบแค่ที่กูจะถามก็พอ เข้าใจมั้ย”

“อะ...โอเค”

“เดี๋ยวกูถามให้เอง” คุณชายว่า แล้ว...จับมือผมอีกครั้งอย่างนุ่มนวล

รอบนี้หวิวกว่าเดิมอีก

“ชื่ออะไร” 

“นะฑี” ปากผมตอบทันทีเหมือนไม่ได้ผ่านสมองก่อน “ไม่ใช่นทีที่แปลว่าแม่น้ำนะ แม่จะให้ชื่อนี้ แต่หลวงพ่อแถวบ้านบอก ท.ทหารเป็นกาลกิณี ก็เลยเปลี่ยนเป็น น.หนู สระอะ แล้วก็ ฑ.นางมณโฑ สระอี เท่ใช่ปะ ชื่อนี้ยังไม่มีใครซ้ำเลยนะ”

“เรียนคณะอะไร”

“บริหาร สาขาการจัดการ”

“มึงรู้จักอธิการบดีจริงรึเปล่า” พี่เห็ดยื่นหน้าเข้ามาพูดขัด

“ใครไม่รู้จักบ้าง ตอนปฐมนิเทศแกก็ออกมาแนะนำตัว”

“กูว่าละ แม่งลักไก่...”

คุณชายยกมือเป็นเชิงปรามให้เพื่อนเงียบ แล้วถามต่อ

“ปีไหน”

“เอาปี พ.ศ. หรือ ค.ศ.”

“หมายถึง เรียนอยู่ปีไหนแล้ว”

“ปีสอง เห็นหน้างี้อย่าคิดว่าอายุสิบหกสิบเจ็ดนะเฮ้ย ดีนะที่กรรมพันธุ์ดี หน้าเลยเนียนเป็นตูดเด็กแบบนี้ ไม่งั้นตีนกาแม่งเต็มหน้าแล้ว วิชาปีสองโหดชิบหาย...”

เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ ทำไมห้ามปากตัวเองไม่ได้ มันเหมือนกับ...ท้องเสียแล้วขมิบหูรูดไม่อยู่ ยิ่งตอนถูกถามอาการยิ่งหนักจนข้าศึกไหลพร็อดแพร็ดออกมาเอง

“ปกติเป็นคนพูดจาแบบนี้รึเปล่า”

“ปกติก็งี้อะ”

“กับทุกคนเลย?”

“ใช่”

“กูอยากรู้จริงๆ มึงเอาชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ไงวะ” พี่เห็ดสอดปาก

“ก็กินข้าวให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แล้วก็อย่าไปกวนตีนใคร”

“เนี่ย มึงกวนตีนกูอยู่”

“พี่ก็กวนตีนผมครับ คือ...นี่ ทะ...ทำอะไรผม ทำไม...”

“หายใจเข้าลึกๆ ช่วยได้” คุณชายบอก

ผมหายใจเข้าลึก แต่มันไม่ช่วยอะไร ยังคงรู้สึกแปลกๆ ปั่นป่วนมวนท้องอยู่เหมือนเดิม วิธีเดียวที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นคือ พูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมา “รู้ปะ ทีแรกนึกว่าพี่เห็ดจะลากผมมาปล้นนะ”

“กูเนี่ยนะจะปล้นมึง กูไม่กระทืบมึงให้ขี้แตกก็ดีแค่ไหนแล้ว...เฮ้ย ถามเข้าเรื่องสักทีดิวะ”

คุณชายยกมือเป็นเชิงให้พี่เห็ดหยุดพูด ขณะที่สายตายังมองหน้าผมอยู่ “ดีขึ้นมั้ย”

“ไม่ดี จะอ้วก”

“เวียนหัวเหรอ”

“นิดๆ แต่ปวดขี้มากกว่า”

นิ้วเรียวยาวบีบมือผมแน่นขึ้น ขยับเปลี่ยนตำแหน่งนิ้วชี้เล็กน้อย “แบบนี้ล่ะ เป็นไง”

“ดีขึ้นมั้ง”

มุมปากเขากระตุกนิดๆ ก่อนจะพูดต่อ “ต่อนะ เป็นอะไรกับแคล”

“พี่รหัส น้องรหัส” ผมก็ไม่แน่ใจว่ารู้สึกดีขึ้นมั้ย ตอนนี้รู้สึกตัวลอยชอบกล และมือข้างที่เขาจับอยู่ก็อ่อนแรงอย่างกับเป็นอัมพาต ไม่มีแรงจะดึงกลับ แต่ตรงกันข้ามการที่เขาจับไว้ช่วยให้รู้สึกมั่นคงขึ้น

มั่นคง แต่ก็อันตราย

“เป็นมากกว่านั้นมั้ย”

“เป็น”

“ยังไง”

“เป็นลูกหนี้แกอะดิ ติดเลี้ยงข้าวแกอยู่”

“กูถามเอง” พี่เห็ดยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม “มึงขึ้นคอนโดแคลไปทำอะไร”

“ก็ขึ้นไปทำโน่นทำนี่”

“อะไรบ้าง”

“ติว นอนเล่น กินขนม ขี้ เยี่ยว ล่าสุดก็ขึ้นไปเอาชีทติว”

“มึงชอบแคลรึเปล่า”

“ชอบดิ เจ๊แกกันเองดี”

“กูหมายถึงชอบแบบชู้สาว”

“ไม่ใช่สเป๊ก”

“มึงได้เสียกับแคลรึยัง”

“ก็ได้บ้าง เสียบ้าง แต่เสียมากกว่า เจ๊แคลเซียมนี่เซียนป๊อกเด้งเลยนะ ไม่รู้เหรอ”

“แม่ง ได้เสียเป็นเมียผัวแบบที่มึงว่าอะ”

“ไม่เคย สายรหัสจะกินกันเองทำไม มันผิดผี”

“มึงบอก เสื้อนงเสื้อในเห็นหมดแล้ว”

“ก็เห็นจริงอะ แกลืมไว้ในห้องน้ำ”

“สรุปมึงเป็นแค่น้องรหัส ไม่ได้มีสัมพันธ์แบบชู้สาวกับแคลใช่มั้ย”

“ถูกต้อง”

“เออ ก็แค่นี้ กูนึกว่าแฟน”

“เจ๊แกไม่มีแฟนหรอก มีแต่ผู้ชายในสต๊อกอะ เป็นสิบเลยมั้ง”

“ว่าไงนะ” พี่เห็ดรวบคอเสื้อผมอีก

“จะจีบเจ๊แคลเหรอ นี่ไม่รู้เลยใช่ปะว่าคู่แข่งเยอะ ไหนก้มหัวดิ๊มีเขารึเปล่า”

“มีคนจีบแคลเยอะเหรอ...แม่งมีใครบ้างวะ กูจะไปล่อมัน”

“เท่าที่รู้ก็มีพี่เจมส์วิศวะ คนนี้คุยกันเป็นปีละมั้ง อีกคนที่กำลังมาแรงสุดๆ ก็เดือนคณะเศรษฐศาสตร์”

“แม่ง”

“หัวร้อนไปก็เท่านั้น ตัดใจเหอะ อย่างพี่อะปลายแถว”

“กูเนี่ยนะปลายแถว” พี่เห็ดทำหน้าเบ้ “บอกดิ๊ กูไม่ดีตรงไหน”

“ทุกตรง” ผมบอก “หน้าก็เหี้ย นิสัยก็เถื่อน ไม่ใช่สเป๊กเจ๊แกหรอก”

“สัด”

“เหี้ย” ด่ามาก็ด่ากลับ ไม่โกง

“มึง ปล่อยมือมันได้แล้ว กูไม่อยากฟังแม่งละ”

“กูปล่อยนานแล้ว” คุณชายพูดเสียงเนิบๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อน ไม่รู้ว่าเขากลับไปอ่านหนังสือต่อตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วชี้ก็มีพลาสเตอร์พันไว้ตามเดิมเรียบร้อย

ผมกะพริบตาปริบๆ แล้วดึงมือที่เป็นอิสระของตัวเองมานวดเบาๆ

“อ้าว มึงปล่อยตั้งแต่ตอนไหนวะ แล้วไอ้ที่มันพูดมาทั้งหมดนี่จริงแค่ไหน” พี่เห็ดโวยวาย แต่คุณชายไม่หือไม่อืออะไร เขากลับไปอยู่ในโลกส่วนตัวแล้ว และเราก็กลายเป็นก้อนกรวดกับขี้หมาแห้งอีกครั้ง คงเพราะอย่างนั้นพี่เห็ดเลยหันมาเล่นงานผมแทน “งั้นมึงตอบ ปล่อยตอนไหน”

“...”

คุณชายปล่อยมือช่วงก่อนที่ผมจะด่าว่าพี่เห็ดหน้าเหี้ยนั่นแหละ รู้ได้ทันที เพราะมันจะมีอาการชาวาบนิดๆ เหมือนถูกจิ้มตอนเป็นเหน็บ และตอนนี้ก็ยังมึนๆ อยู่จนพูดอะไรไม่ออก

“แล้วที่พูดมาจริงหรือเปล่า” ถึงกับจับตัวผมเขย่าแล้ว “จริงมั้ยวะ ตอบ!”

“จริง” ผมตอบหลังจากรวบรวมสติได้ แล้วก็ตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า ตั้งแต่ถูกจับมือสิ่งที่ผ่านปากออกไปนั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น “ใช่...จริงทั้งหมดเลย จะโกหกทำไมล่ะ”

“เหี้ย”

“สัด” ด่ามาก็ด่ากลับอีกที

พี่เห็ดสบถพร้อมกับถอยหลังไปก้าวนึง หันมองผมกับคุณชายสลับไปมา สายตาที่มองคุณชายดูผิดหวังและมีความนับถืออยู่ในที อาจจะเหมือนสายตาของเด็กชายมองพ่อ หลังจากพ่อบอกว่าดวงจันทร์เป็นแค่หินก้อนใหญ่และไม่ได้มีกระต่ายอยู่บนนั้น แต่สายตาที่มองผมนั้น ดูไม่ต่างจากมองกองขยะเปียกสักเท่าไหร่

ผมเลยยิ้มให้แก และยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแนบขมับ กระดิกนิ้วชี้ดุ๊กดิ๊กทำเป็นเขาแบบน่ารักๆ

“แม่งเอ๊ย” พี่เห็ดสบถอีก

“พ่องเอ๊ย” ผมก็เอาบ้าง จะน้อยหน้าได้ไงล่ะ

“ไปให้พ้นหน้ากูเลยไป”

“ทีงี้ทำเป็นไล่นะ ไปก็ได้ ว่าแต่ห้องน้ำคณะรัฐศาสตร์อยู่ตรงไหนอะ พวกพี่เข้าห้องน้ำตรงไหนกัน”

“รัฐศาสตร์อยู่โน่น ไปดิ”

“อ้าว ตึกนี้ไม่ใช่รัฐศาสตร์เหรอ”

“มึงเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้วแหกตูดดูให้ชัดๆ ป้ายเขียนว่าไง”

“ไม่ไปละ ขี้เกียจ”

“เออ! งั้นกูไปเอง” ว่าแล้วพี่เห็ดก็เดินจ้ำๆ ออกไปเลย

“ไปไหนอะ ที่ชอบๆ เหรอ” ผมพูดตามหลัง

“เสือก”

พี่เห็ดไปแล้ว เหลือแค่เราสองคน

คุณชายพลาสเตอร์อ่านหนังสืออยู่เหมือนตอนแรกที่ผมถูกลากตัวมา ผมตะแคงศีรษะพยายามอ่านชื่อหนังสือบนหน้าปก แต่เขาลดมันลงจนเกือบแนบกับโต๊ะหินอ่อน

“เมื่อกี้ทำอะไรผมอะ” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

“...” เงียบ

“ยาป้ายเหรอ”

“...” นิ่ง

“แต่ยาป้ายไม่มีจริงนี่ ใช่มะ หรือว่ามี”

“...”

หนักกว่าขยะเปียกอีก นี่กูเป็นอากาศธาตุไปแล้วเหรอ

“พี่ชื่อไร”

“...”

“หยิ่งใช่ปะ ด้ายยย เดี๋ยวได้คุยยาวแน่ ไปปล่อยภาระทางลำไส้แป๊บ”

“ณทัช”

“ฮะ?”

“ณทัช” เขาพูดซ้ำ พร้อมกับกระดกปลายหนังสือเข้าหาตัว “ณ.เณร ท.ทหาร ไม้หันกาศ ช.ช้าง”

นี่เขาเพิ่งแนะนำตัวเองเหรอ

ผมรอฟังต่อแต่เขาไม่พูดอะไรอีก มีแค่ ณทัช คำเดียวแค่นี้เลย ราวกับว่าคำนี้เป็นผลของการตกผลึกของปรัชญาทั้งมวลและไม่ต้องมีคำอธิบายขยายความอะไรอีก

ขนลุกเลยอะ

ไม่ใช่เพราะชื่อเขาหรอก แต่ปวดขี้นี่แหละ

“เดี๋ยวมา” ผมให้เขาแค่คำเดียวเหมือนกัน แล้วก้าวฉับๆ อ้อมมาด้านหน้าตึก

ถึงจะรีบแค่ไหน แต่ก็อดที่จะแหกตูดใส่ป้ายหน้าคณะและอ่านออกมาดังๆ ไม่ได้ “คณะจิตวิทยา” จากนั้นก็ออกแสวงหาห้องสุขาต่อไป เพื่อให้ตูดได้ทำหน้าที่ที่แท้จริงของมัน


 

___________________________

สวัสดีค่าทุกคน
ขอฝากนิยายเรื่อง #ขอTouchที ไว้ด้วยนะคะ

หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้มีความสุขและยิ้มได้นะคะ
2019 นี้ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยนะคับผมมม

อ่านแล้วเป็นยังไงคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ *กอด*

ขอบคุณมากเลยค่า
เยิฟฟฟฟ :D

นางร้าย
11.01.2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2019 21:53:20 โดย นางร้าย »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ YNS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ติดตามเลยคับผม! ชอบคนกวน** แบบนี้มาก ยิ่งสไตล์เด็กผีกับรุ่นพี่ซึนๆ(เดาไว้ก่อนว่าใช่)
 :impress2: :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 2
จับบบ...นมสวยซวยเสน่ห์
โดนเทตลอด
เหลือรอดแค่สามหน่อ

 

วันนี้ผมมาถึงมหา’ลัยเช้าเป็นพิเศษ มาถึงก็เดินลับๆ ล่อๆ ไปแถวโรงอาหารคณะ จังหวะนั้นก็เห็นสาวผมสั้นเอวคอดนมตู้มๆ เข้าพอดี เดินเดี่ยวมาแต่ไกลอย่างกับลูกแกะหลงฝูงแบบนี้ ยังไงก็ต้องเข้าไปแทะโลมสักหน่อย

ผมแอบเดินเข้าไปประกบจากทางด้านหลังและทักทายเธอเบาๆ

“นมสวย”

เจ้าตัวสะบัดหน้ามามองตาขวาง “สัด”

ไม่ใช่ลูกแกะละ หมาป่าชัดๆ

“พูดเพราะจัง ขอเบอร์ได้ปะ”

“สามเก้า”

“ไซส์นมเหรอ”

“ไซส์ตีน”

“งั้นขอไลน์”

“มีแต่ลายตีนเอามั้ย”

“เอาๆ ถอดรองเท้าดิ จะได้ถ่ายรูป เอาไว้ดูก่อนนอน”

“ไม่ต้องถ่ายหรอก ยื่นหน้ามาเดี๋ยวประทับให้เลย”

“ปากหวาน ขอเฟซก็ได้ถ้างั้น ชอบไลฟ์เต้นสดทางเฟซปะ นมงี้ขายครีมได้นะ รับรองรวย”

“ว่างๆ ซื้อน้ำยาล้างส้วมมาบ้วนปากบ้างนะ”

“ความคิดดี นี่เพิ่งแดกขี้มา มันเลยจะเหม็นๆ หน่อย”

“โรคจิตเอ๊ย”

“ขอบคุณ” ผมฉีกยิ้ม และอดที่จะมองหน้าอกหน้าใจของเธอไม่ได้ “เดินกระแทกเท้าแบบนี้นมก็เด้งดิ เห็นมะ คนมองจนตาจะเป็นต้อแล้ว”

“เสือก”

“ฮ่าๆ” การปล่อยมุกก็เหมือนได้ดีท็อกซ์ของเสียออกจากสมองนั่นแหละ หยอดวันละยี่สิบหรือสามสิบมุกจะได้โล่งๆ ตอนนี้เริ่มสบายหัวขึ้นมาหน่อยละ “เฮ้ย แล้วมือเป็นไรวะ ติดพลาสเตอร์ทำไม”

ช่วงนี้เทรนด์พลาสเตอร์กำลังมาเหรอ

“ต่อยคนมา”

“รุนแรง”

“ต่อยคนที่แซวเนื้องอกกูแบบมึงนี่แหละ”

นั่นไง ถ้าเป็นคนอื่นผมคงปากแตกไปละ

“เป็นไร เมนส์มา?”

“เหี้ย”

ชัดเจน

“เฮ้ย เดี๋ยวนี้เขามีผ้าอนามัยแบบเย็นแล้วไม่ใช่เหรอ ไปหามาใช้ดิ จะได้อารมณ์เย็นๆ”

“เลิกพูดสักทีได้ป้ะ รำคาญ”

“โอเคครับน้องเปิ้ล กูจะหุบตูดสองนาทีนะ เพื่อเห็นแก่วันสังเวยเลือดของมึง”

“เออ”

ทุกวันนี้ผมยังงงว่าอะไรหล่อหลอมให้คุณเธอเป็นแบบนี้ ถ้าจะให้นิยามง่ายๆ ก็คือ ทอมเถื่อน แต่หน้าตาดีระดับพริตตี้ แถมยังมีฮอร์โมนเพศหญิงอยู่เต็มเปี่ยมจนนมล้นทะลักโดยไม่ต้องศัลยกรรม นมที่สาวๆ ครึ่งมหา’ลัยใฝ่ฝันถึง แต่เจ้าตัวกลับเรียกมันว่าเนื้องอก

ชื่อเสียเรียงนามก็น่าหยิกน่าหยอก ‘โอเปิ้ล’ ซึ่งมีไม่กี่คนที่กล้าหาญพอจะเรียกน้องเปิ้ล แต่สำหรับคนส่วนใหญ่เธอยืนยันให้เรียกไอ้โอ และด้วยระเบียบมหา’ลัยที่ไม่อนุญาตให้นักศึกษาหญิงสวมกางเกง โอเปิ้ลเลยแต่งตัวไม่สุดสักทาง คือ เปลือยหน้าสด ตัดผมสั้น เสื้อตัวโคร่ง กระโปรงบานยาวโดยสวมบ็อกเซอร์ซ้อนไว้ข้างใน ตบท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบมอมๆ แต่ขนาดนั้นก็ยังมีผู้ชายวิ่งตามมาขายขนมจีบอยู่ไม่ขาด และก็มีผู้หญิงที่มันตามจีบวิ่งหน้าเหวอหนีอยู่เป็นประจำด้วยค่าเฉลี่ยพอๆ กัน

เราเดินเข้ามาในโรงอาหารคณะแล้ว ครบสองนาที ผมเลยแถเข้าไปหาหนุ่มคนนึงที่นั่งอยู่ตามลำพังและเผยอตูดเอ่ยคำทักทายทันที “อ้าว คุณเจษฏา สวัสดีครับโผม” ผมยกมือไหว้ ก้มต่ำจนหัวแทบชนเข่า

“เอ่อ...หวัดดีครับๆ” ไอ้นี่ก็เสือกรับไหว้เฉย รับไหว้แบบจริงใจด้วยนะ “โอเปิ้ล หวัดดี นี่มาพร้อมกันเลย เชิญนั่งเลยครับ”

“กูบอกกี่ครั้งละ อย่าพูดครับกับเพื่อน ฟังแล้วขี้หูมันเคลื่อน” ผมบอก

“อ่อ โอเคๆ เชิญนั่ง”

เรานั่งลง โดยที่เปิ้ลเผลอทิ้งตูดอย่างแรงแบบไม่เกรงใจว่าเมนส์จะทะลัก เล่นเอาโต๊ะข้างๆ หันมองกันเป็นแถบ

“เมื่อกี้รู้ใช่ปะ ที่กูไหว้คือมุก”

“เหรอ”

“กูว่าละ ไม่รู้”

“งั้น...ที่เรารับไหว้ถือว่าเป็นมุกได้มั้ย”

“อ่อเหรออออ ไหนการบ้าน” ผมประชด เจ้าตัวทำท่าจะล้วงหนังสือในกระเป๋า ผมเลยขยายความให้ชัด “การบ้านที่ให้พูดคำหยาบวันละคำอะ”

“อ่า...”

“ด่าไอ้เปิ้ลดิ๊ พูดคำว่าสัดให้ได้อารมณ์ที่สุด”

“เปิ้ล เรา...” อย่างกับบอกให้มันไปฆ่าคนงั้นแหละ “...ขอด่านะ สัด”

“ว่างๆ ไปตามวัดนะ แล้วก็ไปขอออดิชั่นสวดมนต์กับมัคทายก ใช้เสียงแบบนี้แหละ รับรอง ผ่าน” เปิ้ลบอกพร้อมกับตบไหล่ปลอบเบาๆ

“เปิ้ลไม่โกรธใช่มั้ย”

น่ะ เอากับมันสิ

“กูจะโกรธเพราะเรียกเปิ้ลนี่แหละ”

“ขอโทษที แต่นะฑีเรียกว่าเปิ้ลตลอด ทำไมไม่โกรธอะ”

“กูไม่โกรธขี้มูกแห้ง”

แรงสาดดด

เจษฎาขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตา “โห คิดได้ไง แล้วแบบนี้นะฑีโกรธมั้ย”

“กูก็ไม่โกรธเศษปุ๋ยคอก”

“อือหือ ทำไมคิดกันได้”

“เมื่อไหร่มึงจะตามมุกเพื่อนทันวะ” ผมถอนหายใจแรงๆ

เจษฎาเกาหน้าผาก “ขี้มูกแห้ง ปุ๋ยคอก โอเค...งั้นเรียกเราด้วยชื่อแย่ๆ สักอย่างสิ จะได้ดูเป็นพวกเดียวกัน เอาเป็น…แก้วมังกรดีมั้ย”

“แก้วมังกรเนี่ยนะ”

“รสชาติมันแย่นะ เราไม่ชอบกิน”

“เออ ไอ้แก้วมังกรดิบ ไอ้แก้วมังกรสามโลยี่สิบ ฟังแล้วเจ็บไปถึงไส้ติ่งเลยมั้ยล่ะมึง”

เฮ้อ...

นี่แหละเจษฎา ถ้าให้นิยามตัวตนสั้นๆ ก็คือ เด็กเนิร์ดโคตรคุณธรรม เต็มร้อยเรื่องวิชาการ แต่วิชามารคะแนนติดลบ และแน่นอนว่าภาพลักษณ์คือ หน้าตี๋ สวมแว่น แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้า พร้อมจะขึ้นรับโล่รางวัลนักศึกษาแต่งกายดีเด่นได้ตลอดเวลา

“เอาเป็นว่ากูพูดเพราะๆ กับมึงดีกว่า เจษฎาครับ เลกเชอร์ที่ฝากจดเป็นไงมั่งครับ”

“เราซีรอกซ์ไว้ให้แล้วครับ นี่ไง” เจษฎาโยนกระดาษปึกย่อมๆ มาให้ผม

“โคตรเยอะ นี่เลกเชอร์หรือประวัติศาสตร์อยุธยาวะ”

“รวมของเก่าที่ฝากเราไว้ด้วย”

“อ่านเป็นเดือนมั้งเนี่ย”

“ถ้าตั้งใจสองชั่วโมงก็จบ แต่อ่านจบอย่างเดียวไม่ได้นะ นายต้องทบทวนทำความเข้าใจด้วย ไม่งั้น...”

“พอๆ กูจะเอาไปปั่นกินละ” ผมตัดบท และมองน้องเปิ้ลที่ยังนั่งทำหน้าเป็นปลาตีนเกยตื้นไม่พูดไม่จา สงสัยต้องหาเรื่องแหย่มันเล่นสักหน่อย “เฮ้ย เจษฎา กูมีคำถาม”

“ไม่เข้าใจตรงไหน”

“มึงคิดว่านมไอ้เปิ้ลของจริงหรือปลอม”

“...”

“ไอ้พวกผู้ชายนี่เป็นอะไรกับเนื้องอกกูมากปะ” นั่นไง สะกิดถูกจุด

ผมหันไปคุยกับเจ้าตัว “มึงแน่ใจนะว่า ก่อนเข้ามหา’ลัยไม่ได้บินไปเกาหลี”

“อยากรู้นักมึงก็จับดู”

“เอางั้นเลย”

“กะอีแค่ก้อนไขมัน”

“แล้วกูจะแยกออกได้ไงว่าจริงหรือปลอม”

“ของจริงแม่งก็เด้งแบบนี้” ไม่พูดเปล่า เขย่านมตัวเองต่อหน้าประชาชนเฉ้ย เจษฎาถึงกับหน้าเหวอและรีบหันไปทางอื่น ส่วนเปิ้ลแอ่นอกขึ้นท้าทายต่อ “เอาดิ”

ผมยื่นนิ้วชี้ออกไปอย่างลังเลทำท่าจะจิ้ม แต่แล้วก็ดึงกลับ “ไม่ดีกว่า เดี๋ยวติดเชื้อมือกูเป็นเนื้องอก”

“สัด อะ เจษงั้นมึงจับ” โอเปิ้ลคว้าข้อมือเจษฎาหมับดึงมาที่หน้าอกตัวเอง

“เฮ้ยๆ เราไม่...ไม่เอา”

“จับ!”

“มันอนาจารนะ ผิดกฎหมาย ไม่เอาครับ เปิ้ล หยุด” ไอ้เจษกำมือไว้แน่น ฝืนไว้เต็มที่พร้อมกับหันมองทางอื่น หัวหูงี้แดงเป็นปื้นไปหมด

“เรียกกูว่าไงนะ”

“โอเปิ้ล...โอก็ได้ เรียกโอๆๆๆ แต่เราไม่โอเค”

“มึงรังเกียจไขมันกูเหรอเจษ กางมือออก”

“คืนนี้นอนไม่หลับแน่เจษฎา” ผมช่วยสุมไฟให้

“ไม่...เราไม่โอ๊! ปล่อยๆ”

“เออ แบบนี้ทั้งชาติมึงก็หาเมียไม่ได้หรอกเจษ” ไอ้เปิ้ลยอมปล่อยมือ

แล้วเราก็หัวเราะครืนกันทั้งโต๊ะ โดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง

“เราไปซื้อข้าวดีกว่า” เจษฎาลุกออกไปพลางลูบหน้าลูบตาตัวเองเหมือนเรียกสติ เรารอจนมันกลับมานั่งเฝ้าของ ผมกับเปิ้ลเลยไปซื้อบ้าง จากนั้นเราก็นั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เหมือนครอบครัวขาดๆ เกินๆ ที่ผมยังหาคำนิยามเหมาะๆ ไม่ได้

“เฮ้ย เคยคิดมั้ยว่าทำไมกลุ่มเรามีกันอยู่แค่นี้วะ” ผมเปิดประเด็นระหว่างกินข้าว

“ไม่มีคนคบ” เปิ้ลบอก

“นั่นดิ ทำไม”

“เพราะปากมึงงี้ไง”

ผมชูสองมือเป็นเชิงยอมรับ “แล้วคนปากดีๆ อย่างน้องเปิ้ลเนี่ย ผู้ชายมารุมเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ลากเข้ากลุ่มเราบ้าง”

“ก็มันจีบกู”

“งั้นผู้หญิงล่ะ”

“ไอ้พวกนั้นก็กลัวกูจีบ บางคนพยายามจับกูแต่งหน้าอีก บายดีกว่า”

“เพื่อนเจษฎาล่ะ ชวนมากินข้าวด้วยกันบ้างดิเฮ้ย”

“เอ่อ...เราไม่ค่อยมีเพื่อน”

“ก็วันๆ หมกตัวอยู่แต่ห้องสมุดไง” เปิ้ลว่า

ผมมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา “คำถามสำคัญเลยนะ แล้วเรามาคบกันได้ไงวะ”

โอเปิ้ลมองหน้าผมเหมือนเป็นไอ้ปัญญาอ่อน แล้วย้ำอีก “เพราะไม่มีคนคบไง”

ผมฉีกยิ้ม อันที่จริงก็รู้คำตอบอย่างที่เปิ้ลบอกอยู่แล้วแหละ แค่ชวนคุยเพื่อจะหาคำนิยามกลุ่มเราให้ได้เท่านั้น แต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน พลาสเตอร์ที่แปะอยู่บนข้อนิ้วของโอเปิ้ลทำให้ผมอดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานไม่ได้

“เฮ้ย มีอีกเรื่อง มีใครรู้จักคนหล่อๆ คณะจิตวิทยามะ”

ทั้งสองเงยขึ้นจากจานข้าว ทำหน้าทำตาเป็นหมาขี้สงสัย

“ชื่อเรนจิ”

“...”

“...”

“กับอีกคนชื่อ...” อะไรบางอย่างทำให้ผมยั้งปากไว้ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่ผมจะหยุดพูดกลางประโยคได้แบบนี้ แต่นั่นแหละ อย่าเพิ่งเอ่ยชื่อเขาให้พวกนี้รู้ดีกว่า

“คณะจิตวิทยาเรารู้จัก” เจษฎาว่า “แต่ไม่รู้จักใครที่เรียน”

“ขอบคุณครับเจษ”

“ทำไม ไปยุ่งกับเด็กคณะจิตทำไม แล้วก็ต้องคนหล่อๆ ด้วย?” เปิ้ลถาม

“มันจีบพี่รหัสกูอะ แล้วก็มามีเรื่องกับกูนิดหน่อย”

“มีเรื่อง” เปิ้ลตาโต “ยังไง”

“มันตบหัวกู”

“อ่าว งี้ก็สวยดิ ไปลุยเลยป้ะล่ะ”

“ลุยเหี้ยไร มึงเป็นวันเดอร์วูแมนเหรอ ดูตัวเองซะก่อน แค่แบกนมเดินเฉยๆ ยังจะหัวทิ่มเลย แขนก็ลีบอย่างกับไม้เสียบผี”

“กูมีผู้ชายในสต๊อก กล่อมให้ไปดักตีหัวมันได้”

“แบบนั้นไม่ดีนะครับเปิ้ล” เจษฎาออกความเห็น “ผิดกฎหมายข้อหาทำร้ายร่างกาย แล้วเราก็ถือว่าเป็นตัวการผู้ใช้ รับโทษเท่าๆ กับคนลงมือ และถ้าผู้ถูกกระทำเกิดตายขึ้นมา เราก็จะ...”

ผมตีแขนเจษฎาเบาๆ เพื่อสกัดข้อมูลวิชาการที่กำลังพรั่งพรูเป็นสาย แล้วหันมาพูดกับเปิ้ลต่อ “ไว้ก่อน กูแค่ถามเฉยๆ เผื่อจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง”

“ไว้กูถามๆ ให้ แล้วถ้าพร้อมลุยวันไหนก็บอก”

“ทุกคน รีบกินเหอะ จะเข้าเรียนแล้ว” เจษเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ยังเป็นเรื่องวิชาการนั่นแหละ

“อีกตั้งยี่สิบนาทีนะครับเจษ”

“รีบไปนั่งไง จะได้ทำสมาธิแล้วก็ทบทวนเนื้อหา”

“กูละยอมใจมึงจริงๆ”

“เมื่อกี้บอกว่ามีอีกคนใช่ปะ” เปิ้ลพูดกับผม “ชื่ออะไร”

ผมพูดพลางเกาจมูก “ไม่เป็นไร ไอ้คนนี้กูจัดการเอง ว่าจะไปดักตีหัวมันเร็วๆ นี้แหละ”





___________________________

สวัสดีค่าทุกคน กลับมาแล้วค่า T__T
พอดีช่วงที่ผ่านมาหายไปเพราะป่วยหนักต่อเนื่องมาหลายเดือนเลยค่ะ
จนอาการเพิ่งกลับมาดีขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เองค่ะ ฮื่อ ;-;

ตอนนี้คิดว่าน่าจะกลับมาอัพแบบต่อเนื่องได้แล้วค่า ตัวต้นฉบับก็ใกล้จบแล้วด้วยค่ะ เฮ้ XD
ถ้าอ่านแล้วเป็นยังไงแชร์ความคิดเห็นให้ฟังได้ตลอดเลยนะคะ :D

ฝากแฮชแท็ก #ณTouch ไว้ด้วยนะคะ (เปลี่ยนจาก #ขอTouchที มาเป็น #ณTouch แทนแล้วค่า > <)
ขอบคุณมากเลยนะคะ คิดถึงการอัพนิยายให้อ่านกันมากๆ เลย
รักมั่กกก :D

นางร้าย
10.04.19





ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
นะฑี กวนตรีนจริงจริง

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 3
จับบบ...พุดตะพัด เฮ้ย!
เปิดเผยรูปนม
ดมยากันยุง
มุ่งแฉความลับ

 

พักเที่ยง เวลานี้ที่รอคอย

ลำพังวิชาปีสองก็โหดแสบไส้พออยู่แล้ว ไหนจะปริศนาที่ยังค้างคาในตับอ่อนอีก ผมเลยไม่เป็นอันเรียนเลย ตลอดช่วงเช้าได้แต่นั่งคันง่ามตีนยิบๆ อยากจะก้าวออกจากห้องเรียนไวๆ จนถึงเวลาพักเที่ยงนั่นแหละผมเลยพุ่งตัวทันทีอย่างกับจะกางปีกบินทันที

เจษฎากับโอเปิ้ลตกลงกันไปตั้งหลักที่โรงอาหาร ส่วนผมขอชิ่งไปอีกทางโดยยกปัญหาลำไส้ใหญ่มาอ้าง

“ไปกินขี้ในห้องน้ำเหรอ” เปิ้ลถาม

“เออ ลองกินตั้งแต่เมื่อวานแล้วติดใจ ถุย!”

“นายไหวรึเปล่า เรามียานะ” เจษฎาถามบ้าง

“นี่มึงมาเรียนหรือเข้าค่ายวะ”

“ท้องเสียหรือท้องผูก”

“มึงมีทั้งสองอย่างเลยเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ถ้าท้องผูกไม่ต้องใช้ยาหรอก กินข้าวร้านเจ๊น้อยเดี๋ยวก็ขี้” เปิ้ลออกความเห็น

“พวกมึงกินเผื่อกูด้วยละกัน ไปละ แล้วก็ไม่ต้องรอนะ กินไปเลย”

ผมรีบเดินจากมาโดยไม่เหลือเยื่อใยหรือจังหวะให้โต้แย้งใดๆ

พอคล้อยหลังพวกมันก็แวะซื้อแซนด์วิชกับน้ำส้มคั้นที่ซุ้มขายอาหาร จากนั้นก็เตร่ไปแถวคณะจิตวิทยาพลางเคี้ยวแซนด์วิชไปด้วย เมื่อวานหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ ผมย้อนกลับมาที่ป่าดงดิบหลังตึกอีกครั้ง แต่คุณชายขายพลาสเตอร์ไม่อยู่ซะแล้ว

หวังว่าวันนี้จะเจอตัวนะ

ว่าแต่คณะจิตวิทยาไปทางไหนใกล้สุดวะ

อ้อ เลี้ยวซ้าย...

ขวา

แล้วก็ขวาอีกที

ห่า มาโผล่ตึกอธิการ

สงสัยว่างๆ ต้องเดินลาดตระเวนให้ทั่วมหา’ลัยละ ตอนนี้ไปตั้งต้นใหม่จากเสาธงเลยละกัน ใช้เวลาอยู่ประมาณห้านาทีกว่าจะพาตัวเองกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องจนได้

แซนด์วิชวาร์ปไปอยู่ในกระเพาะเรียบร้อย ผมยกขวดน้ำส้มคั้นกระดกแดกตามจนหมด ปาขวดทิ้งลงถังขยะแถวนั้น

จากนั้นก็ลุย

ลุยกับยุงดิ ชิบหาย นี่มันมอสกีโตโอซอรัสเหรอ ตัวอย่างควาย รู้ละว่าทำไมไม่ค่อยมีคนมานั่งแถวนี้ เพราะมันเป็นแหล่งส้องสุมกองกำลังโคตรยุงลายนี่เอง

แต่ก็มีนั่งอยู่นี่คนนึง

ผมแถเข้าไปนั่งตรงข้ามทันที

“พี่ณวัฒน์...เอ๊ะ ไม่ใช่”

“...”

“พี่พุดตะพัด...แฮ่!”

“...”

“พี่พัดตะพิด...แฮ่!”

“...”

“พี่นงณภัส...เฮ้ย! นั่นชื่อผู้หญิง”

“...”

“พี่มาวัด...ผ่าม! จะมาไหว้พระเหรอ”

“...”

“พี่ณทัช...เฮ้ย!”

“...”

ผมพยักหน้าและวนนิ้วเป็นการกระตุ้นเขา

“อะไร” อีกฝ่ายถามเรียบๆ

“พี่ต้องพูดดิว่า ถูกแล้ว! ไรว้า ไม่รับมุกเลย”

“เลอะเทอะ”

ผมฉีกยิ้ม ยิงคำถามง่ายๆ เพื่อหักเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางสายมิตรภาพ “เรียกทัชเฉยๆ ได้มั้ย”

   “ตามใจ”

“ต้องงี้ดิ เรียกเต็มๆ มันยาวไป ขี้เกียจพูดเยอะ...แล้วทำไรอะ”

“อยู่กับตัวเอง”

อยู่กับตัวเองในที่นี้คืออ่านหนังสือ เล่มเดียวกับเมื่อวานเลย ปกซีดๆ หม่นๆ และมีคำว่า ‘รวมไฮกุ’ แปะอยู่ ทุกอย่างแทบจะเหมือนเมื่อวาน ทั้งพลาสเตอร์ที่พันรอบปลายนิ้วทุกนิ้ว เนกไทคลายปม กางเกงสีดำเข้ารูป กับสีหน้าเรียบนิ่งมาดคุณชาย ต่างแค่ว่าข้างตัวเขามีหนังสือวิชาการของคณะจิตวิทยากองอยู่สามเล่ม และไม่มีพี่เห็ดออรินจิเข้ามาเกี่ยวข้อง

ราวกับว่านี่คือเหตุการณ์ในโลกคู่ขนาน ที่พี่เห็ดเป็นฝ่ายปวดขี้ซะเองและกำลังบรรเลงเพลงร็อกอยู่ในส้วม

อ้อ แล้วก็มีแซนด์วิชกับน้ำองุ่นวางอยู่ข้างกองหนังสือด้วย นี่คงจะเป็นมื้อกลางวันที่เขายังไม่ลงมือกินแน่ๆ

“ช้าอะ หนังสือเล่มแค่นี้ทำไมอ่านไม่จบสักที” ผมแซะไปเบาๆ

“หนังสือบางเล่มต้องค่อยๆ อ่าน”

“ผมค่อยๆ อ่านทุกเล่มอยู่แล้ว หนังสือเรียนงี้ สองเดือนละ อ่านได้สองหน้า”

เขาพับหนังสือลงพร้อมกับเงยขึ้นมองหน้าผม “เมื่อกี้กูคงพูดไม่ชัด ฟังนะ กูอยากอยู่กับตัวเอง” แล้วก็กางหนังสือออกอ่านต่อ

“จะอยู่กับตัวเองทำไม ผมอยู่นี่แล้ว”

“...” เหลือบมองนิดนึง

“ผมเหงา”

“...” เหลือบมองอีกหน่อย

“คอนโดที่บอกจะซื้อให้ ลืมแล้วใช่มั้ย”

“...” คราวนี้หันมาเต็มๆ เหมือนทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก

ไงล่ะ เจอมุกเด็กเสี่ยเข้าไปถึงกับไปไม่เป็น

“ค่าผ่อนรถด้วยนะป๋า ค้างมางวดนึงแล้ว”

“เงียบๆ ได้มั้ย”

ผมยกมือยอมแพ้ “โอเค้ เงียบ” ตะแคงศีรษะเพื่อจะจ้องหน้าเขา ระหว่างนี้ก็แลบลิ้นยิงฟันไปด้วย เขาเบี่ยงตัวไปอีกทางผมก็ตามไปทำหน้าทุเรศๆ ใส่อีก

เอาดิ อยู่กับตัวเองไปเล้ย

ผมก็อยู่กับตัวเองเหมือนกัน นี่หน้าไก่ หน้าแมว แล้วก็หน้าลิง ยาวไป ยาวปายยย...

“ทำไร” เห็นมะ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว

“อยู่กับตัวเอง”

“ไปเล่นตรงโน้นไป” นิ้วพลาสเตอร์ชี้เข้าไปในป่าดงดิบ น่าจะเลยป่าดงดิบไปไกลเป็นกิโลมากกว่า

“ไม่ จะเล่นตรงนี้”

คุณชายถอนหายใจพร้อมกับพับปิดหนังสือ “มึงมีอะไรก็รีบว่ามา”

ผมยืดตัวตรง ถอนหายใจหนักหน่วงกว่าเขาหลายเท่า “โอเค เข้าเรื่องนะ ผมมาทวงความจริงและความยุติธรรม...เมื่อวานพี่ทำผมหวิว”

“ฮะ?”

“พี่จับมือผม”

“แล้วไง”

“แล้วก็หวิวไง ใจมันสั่นๆ แล้ว...แล้วผมก็พูดพรวดๆ หยุดไม่ได้”

อะไรบางอย่างฉายวาบบนใบหน้าเขา อาจเป็นอาการขำ หรือไม่ก็เหนื่อยหน่าย “มึงก็พูดจาเลอะเทอะอยู่แล้ว”

“มันไม่เหมือนกัน พอพี่จับผมห้ามตัวเองไม่ได้”

“...” เขากลับไปอ่านหนังสืออีกแล้ว

“ยาป้ายใช่ปะ สรุป”

“...”

“หรือว่าเล่นกล...โอ๊ย!” เผียะ! “ตายซะ มอสกีโตซอรัสใช่มั้ยมึง แม่ง กูนึกว่าค้างคาว”

ผมดีดซากยุงทิ้ง ตามด้วยปาดหย่อมเลือดบนแขนมาเช็ดกับโต๊ะหินอ่อน คนตรงข้ามผมจับตามองเงียบๆ ก่อนจะหยิบขวดยาฉีดกันยุงจากกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะโดยไม่พูดไม่จา

“มีของดีก็ไม่บอกซะตั้งแต่แรก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับพี่” ผมประชด

“กูเป็นห่วงยุง”

   “ทำไม จะพูดว่าไม่อยากให้มันกินเลือดชั่วๆ งี้เหรอ”

   “มึงพูดเองนะ”

“สัด”

“ด่ากู?”

“เปล่าๆ ด่ายุงครับพี่ พี่นี่ใจบุญจริงๆ เห็นคุณค่าของชีวิตสัตว์เล็กสัตว์น้อยด้วย สาธุ” ผมยกขวดยากันยุงขึ้นประนมท่วมหัว แล้วระดมฉีดแบบจัดหนักไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา “แค่กๆๆ...เข้าปาก แค่ก...ถุย!”

ชิบ ไม่คิดว่าสเปรย์จะกระจายตัวดีขนาดนี้

“ถ้าจะฉีดขนาดนี้ เปิดฝาเทกรอกปากไปเลยก็ได้มั้ง” พี่ทัชใช้หนังสือโบกไปมา

“วาจาช่างเราะร้าย”

คงจะทนเห็นท่าถุยน้ำลายแห้งๆ ของผมไม่ไหว เขาเลยหยิบขวดน้ำองุ่นที่ยังดูใหม่เอี่ยมมาตั้งตรงหน้าผม

“ได้เหรอ”

“ยังจะถามอีก”

“งั้นไม่เกรงใจละนะ”

“มึงก็ไม่เกรงใจกูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

งั้นก็จัดไป ยกซดแบบปากโดนขวดด้วย “โอเค ต่อ ผมรู้ละ พี่เป็นเอ็กซ์เมนใช่ปะ”

“...”

“มีพลังจิตอ่านใจอะไรงี้”

“...”

“พี่บังคับเหล็กได้ด้วยรึเปล่า เหมือนแม็กนีโตอะ หรือแปลงร่างได้”

“มึงคงดูหนังมากไป”

“ถ้างั้น...เล่นคุณไสยแน่ๆ แบบ พวกวิชาสาลิกาลิ้นทองขั้นแอดวานซ์บังคับให้คนพูดเป็นน้ำไหลไฟดับอะไรแบบนั้น ใช่มะ...แล้วก็ต้องเกี่ยวกับพลาสเตอร์พวกนี้ด้วย ติดไว้เพื่อเป็นเคล็ดป้องกันของย้อนเข้าตัวเหรอ” ผมลองยื่นไปแตะนิ้วเขา

“อย่ายุ่งกับมือกู” พี่ทัชกระตุกมือหนีทันที

“นั่นไง ชัดเจน สรุปว่าเมื่อวานพี่ทำอะไรผม และทำได้ยังไง บอกมาเดี๋ยวนี้เลย”

“กูไม่มีอะไรจะบอกทั้งนั้น”

“ผมเป็นเหยื่อนะ เป็นผู้ถูกกระทำย่ำยี มีสิทธิ์ที่จะรู้สิ่งที่ตัวเองโดน

เขาส่ายหัว และถอนหายใจอีก

“ถ้าพี่ไม่บอก ผมจะแฉพี่ให้ทั่วเลย”

“ว่า?”

“ว่าพี่เป็นพวกโรคจิต แบบ...ชอบขโมยตะเกียบโรงอาหารกลับบ้าน”

“อย่าบอกว่ามึงเคยทำ?”

“เคยทำก็แย่ละ งั้นแฉตรงๆ เลย ผมจะบอกว่าพี่มีพลังจิตทำให้คนพูดน้ำไหลไฟดับได้เหมือนขี้แตก นี่ผมพูดจริงนะ พี่ถูกจับไปเป็นหนูทดลองในห้องขังจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีกแน่”

“เวอร์ไป”

“พูดจริง”

“ไม่มีใครเชื่อมึงหรอก”

“อย่างน้อยต้องมีคนมารุมถามนั่นถามนี่ชัวร์ แล้วพี่ก็จะไม่มีความสุขอีกเลยไปตลอดชีวิต ไม่เชื่อก็ลองดู”

“มึงนี่มันพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ กูไปละ” ว่าแล้วเขาก็รวบกองหนังสือลุกออกไปเลย

“เอ้า เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน แล้วไม่เอายากันยุงเหรอ”

“มึงเก็บไว้เถอะ”

“เฮ้ย! ไอ้ทัช ไปไหนวะ” พี่เห็ดออรินจินั่นเอง ไม่รู้โผล่มาจากไหน ผมเลยลังเลระหว่างจะตามไปกดดันพี่ทัชหรืออยู่กวนตีนคนมาใหม่ดี ขณะที่พี่ทัชแค่ชูมือเร็วๆ ข้างศีรษะเป็นเชิงรับรู้ แต่ไม่หันกลับมา และสองเท้ายังเดินไม่หยุด

สุดท้ายผมเลยกระโดดเข้าขวางทางพี่เห็ดและเอามือยันหน้าอกแกไว้ “ไปไหนพี่”

พี่เห็ดทำหน้าเหมือนผมเพิ่งวาร์ปมาจากดาวอังคาร “มึงมาทำเหี้ยไรแถวนี้วะ”

“ก็โตแล้ว จะไปไหนก็ได้” ผมก้าวถอยหลังยาวๆ ให้พ้นระยะอันตราย เผื่อแกจะเหวี่ยงหมัดหรือล็อกคอผมไปตบอีก

“กวนตีน มึงจะเอาใช่ปะ”

“ใจเย็นดิ พี่เห็ด”

“กูไม่ได้ชื่อเห็ด”

“น่า ใจเย็นๆ คุยกันก่อน นั่งๆๆ ทำหน้าเป็นตูดไปได้ เอ๊ะ หรือว่าหน้าพี่ก็เหมือนตูดตลอดอยู่แล้ว”

“ไอ้เวร”

“ได้คุยกับเจ๊แคลยัง” ชื่อแคลนี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มือที่ทำท่าเงื้อจะตบนี่ถึงกับหยุดกึก ผมเลยรีบหยอดต่อไปอีก “น่ะ หน้าตึงงี้แสดงว่าไม่โอเค ให้ผมช่วยปะล่ะ”

“ช่วยไร”

ผมนั่งลง วางมาดสบายๆ “จีบเจ๊แคลไง ผมช่วยได้”

พี่เห็ดนั่งตามโดยไม่รู้ตัว “มึงเนี่ยนะ ช่วยยังไง”

“เอ้า นี่ใคร น้องรหัสนะครับ วงในสุดๆ แล้ว”

“...” เงียบไปเลยดิคราวนี้ ยังไงก็ต้องสนใจอยู่แล้ว ไอเดียบรรเจิดขนาดนี้

“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

“อะไร”

“พี่เล่าเรื่องพี่ทัชมาให้หมด ว่าเมื่อวานเขาทำอะไรผม ทำไมจับมือผมแล้วผมมีอาการแปลกๆ แบบนั้น”

“...” หน้าเครียดเลยแฮะ แสดงว่านี่เป็นเรื่องซีเรียสสุดๆ

“ว่าไงพี่”

“มึงไม่ถามไอ้ทัชเองล่ะ”

“กำลังคุยกันอยู่เลยเมื่อกี้ แต่พี่ก็โผล่มาพอดีไง สงสัยเขาเหม็นหน้าพี่อะเลยเดินหนีไปเลย ฉะนั้นพี่ต้องรับผิดชอบ ตอบคำถามนี้แทน”

หน้าเครียดกว่าเดิมอีก เหมือนกับว่าสมองกำลังทำงานอย่างหนัก สุดท้ายแกก็บอกว่า...

“ไม่”

“โห่ ไรว้า”

“แคลกูจีบเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างมึงช่วย”

“แน่ใจเหรอ ตอนนี้เดือนคณะเศรษฐศาสตร์คะแนนนำโด่งเลยนะ”

“แม่ง”

“จริงๆ ผมจะถามพี่ทัชเองก็ได้ ตามตื๊อหนักๆ หน่อยเดี๋ยวแกก็บอก แค่ต้องใช้เวลาหน่อย”

“ตามสบาย กูไปละ”

“เดี๋ยวดิ เจ๊แคลชอบกินอะไรรู้ปะ”

“ไรวะ” พี่เห็ดนั่งลงอีก

“เห็ดออรินจิ”

“แม่ง กวนตีนซ้ำซาก”

“ไม่ๆๆ อันนี้พูดจริง เวลากินชาบูกันนะ แกโกยเห็ดนี่ลงไปเต็มหม้อเลย แต่ถ้าเป็นอาหารเป็นจานๆ ก็นี่เลย ปูผัดผงกะหรี่ ถ้าไปกินข้าวด้วยกันแล้วพี่สั่งเมนูนี้นะ รับรอง คะแนนมาเต็ม”

“จริงดิ แล้วอะไรอีก”

“ถ้าของหวานก็ต้องทับทิมกรอบ”

“อืม”

“นี่แค่บางส่วนนะ ถ้าพี่เล่าเรื่องพี่ทัช อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเจ๊แคลอีก ถามได้”

“...”

   “นะฑีเอ๊ยยย...เอ๊ย! แคลชอบดอกไม้อะไรรู้มั้ย...รู้!”

   “...”

   “นะฑีเอ๊ยยย...เอ๊ย! แคลชอบของขวัญสไตล์ไหนรู้มั้ย...รู้!”

   “ผีลูกกรอกสิงมึงเหรอ แม่งดัดเสียงซะเหมือน”

   ผมฉีกยิ้ม “หรือจะให้น้องรหัสช่วยพูดเชียร์ก็ยังได้น้า”

ดอกนี้เล่นเอาพี่เห็ดถึงกับเม้มปาก เหงื่อตรงไรผมเริ่มมานิดๆ เส้นเลือดแถวขมับนูนขึ้นหน่อยๆ

“หรือจะใส่ไฟคู่แข่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“แม่ง ไอ้ทัชฆ่ากูแน่” พี่เห็ดก้มหน้าถูขมับแรงๆ นี่แหละไคลแม็กซ์แล้ว พูดต่อสักทีดิวะพี่ กูลุ้นเยี่ยวเหนียวแล้ว “กูตัดสินใจละ”

“ดีมากพี่ ต้องงี้ดิถึงจะเรียกว่าคนมีสมอง...”

“กูไม่บอกเหี้ยไรมึงดีกว่า”

หักมุมสัด!

“...” เหวอเลยกู ไอ้พี่เห็ด ทำงี้ได้ไงวะ

“กูไปละ”

หมับ!

“พี่” ผมคว้าแขนอีกฝ่ายไว้โดยอัตโนมัติ พอแกหันมาด้วยหน้าดุๆ ผมก็รู้ทันทีว่าแกตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไปแล้ว

“ไรอีก”

ถ้างั้นต้องเล่นทีเด็ดสุดๆ ไปเลย ผมฝืนคลี่ยิ้ม แล้วทิ้งไพ่ตายใบสุดท้าย “อยากดูรูปนมเจ๊แคลปะล่ะ ผมมี”
   
ผัวะ!


_________________________________

มาแล้วค่า :D
หวังว่าตอนนี้จะทำให้มีรอยยิ้มได้บ้างนะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่เข้ามาอ่าน ดีใจมากจริงๆ ค่ะ
คิดเห็นยังไงแชร์มาบอกได้ตลอดเลยนะคะ
หรือไปคุยกันที่แท็ก #ณTouch ก็ได้ค่า
ทางนี้ได้อ่านทุกคอมเมนต์เลยนะคะ ตื้นตันมากๆ เลย T___T

ขอให้วันพรุ่งนี้มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นนะคะ


นางร้าย
14.06.2019






ออฟไลน์ MayuYume

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่คนแต่งกลับมาต่อแล้ว เย้  :mew1:
จิ้มไว้ก่อยน๊าาา  :z13:

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นะฑีวอนตายซะละ :hao7: พี่ทัชก็เอือมเลย ฮ่าๆๆ ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องนะฑีทำไมมุกเยอะจังคะ น้องมุกรื่นไหลไปเรื่อยๆเลยค่ะ กลุ่มเพื่อนน้องแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเลย

จริงๆรู้สึกว่าณทัชก็ยังโดนน้องกวนจนพูดมากกว่าปกติ

สนุกมากค่ะ ในชีวิตจริงเจอคนกวนๆอย่างนะฑีคงทนไม่ไหว แต่ในนิยายนะฑีฮามากจริงๆค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ mony

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหย ลืมไปเลยว่าตั้งเตือนเรื่องนี้ไว้ด้วย
ดีใจที่มีตอนใหม่ค่ะ อ่านแล้วสนุกไหลลื่นดี
สงสารพี่ ๆ น้องกวนได้ใจมาก
แต่เอาแต่พอดีเนอะ เวลาคนเรามีเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครมารู้ แล้วโดนเซ้าซี้ มันน่ารำคาญสุด ๆ

แอบเชียร์ ไม่ให้พี่เห็ด ขายเพื่อนเพราะจะจีบหญิง

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องใหม่นะคะ แล้วก็ได้แต่อุทาน นะฑี!! ปากไม่น่ารอดมาจนโตมาได้เลยยย เจ้าเด็กปากดี กวนตรีนนน แต่ความเพ้อเจ้อ พร่ำไปเรื่อยก็ทำให้ ณทัช พูดเยอะขึ้นได้ รำคาญจนต้องหนี 555555

พี่เห็ดยอมขายเพื่อน เพื่อผู้หญิงแน่ๆ ดูออก  :hao3:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
แวะมาติดตามเรื่องใหม่ค่าาาาาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
น้อนนนน 5555555 โง้ยยยย เอ็นดู

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 4

จับบบ...ความจริงวันนี้
พี่ขอร้องน้องจะโดด
โอดครวญภาษามือ
สื่อสารไม่เป็นคำ
นี่รำทำไม

 

สองวันแล้วที่คุณชายณทัชไม่มานั่งแถวป่าดงดิบ ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเที่ยง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว แบบนี้เข้าตำราแหวกหญ้าให้งูตื่นชัดๆ

มีคนนึงที่พอจะช่วยได้

ผมหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าแอพไลน์ แล้วส่งคำคูลๆ ไป

NaTee(n): พี่เชื้อรา

รูปโปรไฟล์ไลน์เข้ากับหนังหน้าเจ้าตัวแฮะ เป็นรูปสปอยเลอร์ท้ายรถเก๋งสีดำ ดูร็อกๆ ร้ายๆ เหมือนสมาชิกแก๊งอันธพาลอะไรแบบนี้

★R3NJI: เหี้ยอะไรของมึง

NaTee(n): เห็ดก็เกิดจากเชื้อราไง

★R3NJI: คันตีนว่ะ

NaTee(n): เป็นน้ำกัดเท้าเหรอ

★R3NJI: อยากเตะปากมึงอะ

NaTee(n): ใครอยู่ใกล้ๆ ขอเตะเขาไปก่อนนะ ไว้เจอผมแล้วจะเอาปากไปบรรเทาอาการคันให้

★R3NJI: มึงได้เจอกูแน่

NaTee(n): ครับ อยากเจอๆ

★R3NJI: สัส

NaTee(n): แต่ตอนนี้อยากเจอเพื่อนพี่มากกว่า

NaTee(n): รู้ปะว่าเขาอยู่ไหน

★R3NJI: ส้นตีนไม่ได้ติดกัน

NaTee(n): น่าพี่ บอกหน่อยๆๆ

★R3NJI: กูไม่รู้

NaTee(n): เขาไม่อยู่ที่ป่าดงดิบอะ

★R3NJI: ป่าดงดิบเหี้ยไรอีก

NaTee(n): ก็หลังตึกคณะพี่ไง

NaTee(n): ยุงเยอะขนาดนั้นจะให้เรียกไร ป่าชายเลนเหรอ

★R3NJI: แคลชอบกินน้ำไร

NaTee(n): คงไม่ใช่น้ำคลองแสนแสบหรอกมั้ง

NaTee(n): ทำไมอะ

★R3NJI: แคลอยู่โรงอาหารคณะมึง

★R3NJI: บอกมาเร็วๆ ก่อนเค้าจะสั่งน้ำ

NaTee(n): อ๋อ เก็ตละ อยากแสดงความป๋าเลี้ยงน้ำสาวไรงี้

NaTee(n): น้ำไรน้า

★R3NJI: อย่ากวนตีน

★R3NJI: บอกมา กูจะลุยละ

NaTee(n): คำถามนี้มูลค่า 100 บาท

★R3NJI: เออ

★R3NJI: เร็วๆ

NaTee(n): บอกก่อนว่าพี่ทัชอยู่ไหน

★R3NJI: ไอ้ทัชมันอยู่ไม่กี่ที่หรอก

★R3NJI: ไม่หลังคณะก็หอสมุด

NaTee(n): ขอบคุณพี่ ไปละ

★R3NJI: เหี้ยนที บอกมา!

NaTee(n): ผมชื่อ นะฑี

NaTee(n): มีสระอะ แล้วก็สะกดด้วย ฑ ไม่ใช่ ท

★R3NJI: นะตีนห่าอะไรก็ช่าง เร็วๆ

NaTee(n): ก็ได้ ถือว่าเห็นแก่ก้อนเชื้อราดำๆ ละกัน

NaTee(n): พี่จัดเมนูนี้เลย โกโก้เย็นหวานน้อย

★R3NJI: ชัวร์เหรอวะ

★R3NJI: ผู้หญิงจะชอบเหรอ

NaTee(n): ผมลงบัญชีไว้แล้วนะ 100 บาท

NaTee(n): ไปละ


ผมตัดบทแค่นั้น แล้วเดินทางออกจากป่าดงดิบมุ่งหน้าไปยังหอสมุดของมหา’ลัย

นึกย้อนไปถึงตอนได้ไลน์พี่เห็ด จนตอนนี้ผมยังงงว่าตัวเองรอดมาแบบครบสามสิบสองได้ไง

“อยากดูรูปนมเจ๊แคลปะล่ะ ผมมี”

ผัวะ!

หัวทิ่มไปดิ ดีนะ ที่พี่แกนิยมความรุนแรงด้วยการตบกะโหลก ผมเลยโดนล่อท้ายทอยพอแค่รู้สึกชาๆ ถ้าแกชอบเตะต่อย ผมอาจจะเบ้าตาปูดหรือม้ามแตกไปแล้ว 

“มึงมีรูปนมแคลได้ไง!”

“ผมเซฟไว้แบล็กเมลแกอะ”

“แม่งเอ๊ย!”

“เดี๋ยวๆ” ผมขยับหลบไปด้านข้างและอาศัยโต๊ะม้าหินอ่อนเป็นเครื่องกั้นตีนที่จะลอยตามมา ต้องขยับหลอกล่อพลางล้วงโทรศัพท์ออกมากดไปด้วย “ใจเย็นก่อนพี่ นี่ดูๆๆๆ”

“มานี่ กูจะอัดมึงให้เละ”

“นี่ นมเจ๊แคล ดูฟรีเลยก็ได้”

โชคดีที่ผมเซฟรูปไว้ในอัลบั้มที่กดหาง่าย พอกดเลือกรูปได้ก็ยื่นมือถือออกไปเหมือนยันต์กันผี รูปที่ว่าคือ รูปเจ๊แคลตอนอายุสามขวบสวมบิกินี่ยืนอยู่ข้างสระน้ำเป่าลม เจ๊แกโพสต์รูปนี้ทางเฟซบุ๊กตอนวันเด็กปีที่แล้ว โพสต์แป๊บนึงแล้วลบ แต่ผมเซฟทันเผื่อไว้แบล็กเมลเรียกค่าไถ่เป็นหมูกระทะอะไรแบบนี้ พี่เห็ดชะงักไปสองสามวินาทีแล้วถอนหายใจ

“เนี่ยนะรูปนมของมึง”

“รูปนมของเจ๊แคลต่างหาก เต็มตาเลยมั้ยล่ะ อยากได้อะดิ แต่ผมไม่ขายพี่รหัสตัวเองขนาดส่งรูปโป๊ของแกให้คนอย่างพี่หรอก”

“นี่คือยังไม่ขายเหรอวะ” พี่เห็ดหัวเราะ “แต่กูอะไม่ขายไอ้ทัชแน่ๆ วันนั้นกูไม่น่าหัวร้อน คิดอะไรสั้นๆ ลากมึงมาเจอไอ้ทัชเลย”

“ไม่น่าหัวร้อนอะเห็นด้วย แต่ลากมาเจอพี่ทัชเนี่ย ทำดีแล้ว”

“ดีห่าไร มึงไม่ต้องมาถามอะไรเรื่องไอ้ทัชมันอีกนะ”

ผมทิ้งไพ่ตายไปแล้ว ก็เลยไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากพยายามผูกมิตรกับแกไว้ “โอเค้ ไม่ถามก็ไม่ถาม งั้นเรื่องเจ๊แคลพี่ก็อย่า…”

“มึงต้องช่วยกู”

“ทำไมต้องช่วย” เห็นทำสีหน้าครุ่นคิด ผมเลยหยอดต่อเป็นไกด์ไลน์ให้ “จะใช้เงินซื้อผมว่างั้น”

“เท่าไหร่”

เข้าทาง แต่ต้องแกล้งทำหน้าเซ็งๆ หน่อย “ไลน์พี่อะไร”

ขอชาบูเจ๊แคลเซียม นอกจากผมไม่ดั้งหักหรือตาแตกแล้ว ยังได้คอนเน็กชั่นเผื่อเอาไว้หาเรื่องรีดไถในอนาคตเพิ่มด้วย


ตัดภาพมาปัจจุบัน

ผมมาถึงหอสมุดกลางของมหา’ลัย ซึ่งเปรียบเสมือนวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเนิร์ดแล้ว และก็เดินผ่านประตูเข้าไปเลยโดยไม่ยอมเสียเวลาล่ำเวลา อู๊ว เย็น~ ข้อดีอย่างเดียวของที่นี่คือเปิดแอร์เย็นโคตรๆ จนรู้สึกได้ว่าจั๊กแร้แทบจะแห้งในทันใด ตั้งแต่เปิดเทอมมา ผมเคยเข้ามาเดินแกร่วเล่นสองสามครั้งได้มั้ง ก็เข้ามาตากจั๊กแร้นั่นแหละ จำได้ว่าครั้งนึงเกือบถูกป้าบรรณารักษ์ลากคอไปตบด้วย

โคตรไม่เข้าใจ ทำไมทุกคนนั่งกันเงียบๆ ได้นานขนาดนั้น

ตึกนี้สูงเจ็ดชั้น มีลิฟต์บริการเสร็จสรรพ แต่ผมคงต้องเดินบริหารปอดสำรวจไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าคุณชายทัชนั่งอยู่ในหลืบไหน

ชั้นแรกเป็นส่วนของนวนิยายและหนังสืออ่านนอกเวลา ส่วนชั้นอื่นๆ เต็มไปด้วยสิ่งที่ดูใหม่กว่าคัมภีร์ใบลานนิดหน่อย โต๊ะเก้าอี้สำหรับให้นั่งอ่านหนังสือถูกยึดครองเกือบหมด ส่วนมากเป็นคนจากชนเผ่านิติศาสตร์ สังเกตได้จากประมวลกฎหมายที่เหมือนถือมาข่มกันว่าของใครจะดูยับเยินมากกว่ากัน

ตื๊อดึ่ง!

อุ๊ย ไลน์เข้า

ไม่ได้ปิดเสียงมือถือด้วย พออยู่ในที่เงียบๆ แล้วเสียงดังลั่นเลยแฮะ

ชนเผ่าเนิร์ดต่างเงยขึ้นมาทำหน้าเหมือนท้องผูก ผมโปรยยิ้มสดใสไปรอบตัวแล้วควักมือถือขึ้นมากดปิดเสียง ชูขึ้นโชว์รอบตัวเพื่อสื่อให้คนรอบข้างเห็นชัดๆ ว่า โทษที นี่ๆ ทุกคนดู จะปิดเสียงจริงๆ ละนะ...ปึ๊บ ปิดละ

จากนั้นค่อยกดเข้าไปดูข้อความใหม่ในไลน์



★R3NJI: สัส

★R3NJI: แคลไม่กินโกโก้

★R3NJI: เค้าชอบน้ำแดงโซดาเว้ย

★R3NJI: มึงนี่วอนตีนแล้ว!!!



ซวย

เจ๊แคลนี่ก็ไม่ช่วยกันเล้ย แกล้งๆ กินไปหน่อยก็ไม่ได้ เอาไว้แก้ตัวกับพี่เห็ดทีหลังละกัน

เฮ้อ…

ผมผายลมทิ้งทางจมูก ค่อยๆ ลาดตระเวณจากชั้นเจ็ดย้อนกลับลงมา

ณทัช ณทัช ณ...นั่น

พิกัดชั้นห้า สิบนาฬิกา เดินแผ่ออร่ามาจากห้องน้ำก่อนจะเลี้ยวไปนั่งหลบมุมที่โต๊ะด้านในของห้อง มีเก้าอี้ว่างอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย ทั้งที่หน้าตาโคตรดี ทำไมเขาถึงหามุมสงบๆ นั่งได้โดยไม่มีใครมาขายขนมจีบได้วะ

เดี๋ยว! นั่นๆ เพศตรงข้ามนางนึงเดินมั่นหน้าเข้าไปแล้ว แขนขายาวระดับน้องๆ ยีราฟเลย สีหน้าดูดี๊ด๊ามาก หนังสือที่หยิบติดมือมาเล่มเดียวก็ดูเฟคสุดๆ เด็กป.2 ยังดูออกเลยว่าตั้งใจมาอ่อย

ไม่ได้การละ

“ขอโทษนะคะ ตรงนี้มีใคร…”

“มีครับ ผมนี่ไง” ผมพุ่งเข้าไปเอาตูดประทับนั่งได้อย่างเฉียดฉิว ไงล่ะ เจอแชมป์เก้าอี้ดนตรีตั้งแต่สมัยอนุบาลเข้าไป หน้าเหวอไปเลย

เสียงพูดระดับปกติของผมทำให้หนอนหนังสือละแวกนี้ต่างผงกหัวขึ้นมาดู ผมฉีกยิ้มทั่วๆ แล้วหันมายิ้มหวานให้น้องยีราฟ เจ้าตัวยังหน้าเหวอไม่หาย คอยาวเหมือนกระสือจะถอดหัว ท่าทางอึกอักเหมือนจะโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็ยอมล่าถอยไป

พอผมหันกลับมา ก็ต้องเจอเข้ากับสายตาคมกริบที่สื่อสารอย่างชัดเจนว่า มึงมาทำบ้าอะไรที่นี่

มีโอกาสได้ใช้ภาษามือสักที แบบเดียวกับที่คุณจะได้เห็นในทีวีตรงมุมจอตอนคนใหญ่คนโตในรัฐบาลแถลงอะไรสักอย่างนั่นแหละ

ผมใช้ภาษามือตอบไปว่า

ก็พี่ไม่อยู่ที่ป่าดงดิบอะ

รู้ปะ ครอบครัวยุงลายคิดถึงพี่จะแย่ละ

นี่มันฝากตุ่มน่ารักๆ มาให้พี่ดูด้วยนะ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ นี่ด้วย

นี่ผมจะเป็นไข้เลือดออกเปล่าวะ

แล้วนี่กินข้าวยัง หรือว่ากินแซนด์วิชโง่ๆ แบบวันนั้นอีก

หิวว่ะ ไปหาไรกินกันมั้ย

อะ งง ทำหน้างง…


ไม่งงก็แปลก

เพราะนี่เป็นภาษามือที่ผมคิดเอง

ไม่ใช่แค่เหมือนงงๆ เขายังทำหน้าดุด้วย หรือว่าเขากินรังแตนเป็นข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ผมยังไม่รู้จะทำยังไงต่อ เลยฉีกยิ้มกว้างๆ เป็นการลดอุณหภูมิความสัมพันธ์ไว้ก่อน

พี่ทัชส่ายหน้านิดนึง นิดเดียวจริงๆ จนแทบสังเกตไม่ได้ ก่อนจะกลับไปก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ สิ่งที่เขาอ่านอยู่เป็นชีทเล่มบางๆ ในขณะที่ด้านข้างมีตำราเล่มโตวางอยู่ มีหนังสือรวมไฮกุเล่มนั้นวางอยู่ด้านบนสุดด้วย

ผมจับตามองเขาเงียบๆ แต่พอเห็นนิ้วพันพลาสเตอร์ของเขาจับปากกาไฮไลต์ลากปาดไปบนหน้ากระดาษ นิ้วผมก็เริ่มอยู่ไม่สุข ค่อยๆ ทำเป็นปูไต่เข้าไปหาเขา

พี่ทัชกระตุกนิ้วหนี ทำอย่างกับมือผมเป็นตะขาบหรือกิ้งกือ

“แต่ละวันพันนานมั้ยอะ กว่าจะครบสิบนิ้ว” ผมถามออกเสียง

พี่ทัชยื่นหน้าเข้ามาพูดเสียงกระซิบ “มึงจะพูดทำไม”

“ก็ภาษามือพี่ไม่เข้าใจอะ งั้นดูอีกที…”

“เลิกรำได้แล้ว คนมอง”

“น่ะ เห็นมะ ภาษามือผมเหมือนเซิ้งหมอลำใช่ปะ”

“เบาๆ”

“เบาแค่นี้พอมั้ย” ผมลดเสียงลงนิดนึง

“หยุดพูดเลย”

“อะไรนะ ไม่ได้ยิน”

“กูบอกให้หยุดพูด”

“ผมถามว่า แต่ละวันพันพลาสเตอร์นานมั้ย”

“นะฑี”

“พันวันละกี่ครั้ง แล้วตอนเข้าห้องน้ำทำไงอะ ถ้ามันเปียกทำไง”

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังขัดจังหวะ เราสองคนเงยหน้าและเห็นสายตานับสิบคู่จ้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ พี่ทัชค้อมหัวนิดๆ เป็นเชิงขอโทษ ส่วนผมยิ้มเล็กน้อย พยายามฝืนไม่ยกมือโบกไปรอบๆ เพราะจังหวะนี้น่าจะมีคนเริ่มคิดว่าผมกวนตีนละ

พี่ทัชแตะปากตัวเอง ทำมือไขว้กันเป็นตัว X เป็นภาษามือที่แปลความได้ง่ายๆ ว่า หุบปาก! ไม่สิ ดูจากสีหน้าแววตาแบบผู้ดีน่าจะสื่อว่า เลิกพูด ซึ่งเป็นคำที่เบากว่า

แต่ผมก็พูดต่อ “ผมรู้ความจริงหมดละ พี่เห็ดบอกผม...อุ๊บ”

ปากกาไฮไลต์สีเขียวแตะปากผม พร้อมกับสายตาดุๆ มองในระยะประชิด อันนี้น่าจะแปลว่า ถ้ายังไม่หยุดพูด กูจะไปเผาบ้านมึงซะ หรือไม่ก็อาจจะแค่ บอกให้หยุด

หยุดก็ได้

ให้ตายเถอะ ช่างเป็นคนที่อ่านสีหน้าท่าทางได้ยากจริงๆ

นึกว่าจะกลับไปก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ เขากลับรวบกองหนังสือและลุกออกไปเลย ดีมาก ผมรีบสะบัดตูดตามไปโดยไม่ต้องคิด ด้วยความหวังดี ไอ้เราก็รีบบริการกดเรียกลิฟต์ให้ แต่คุณชายเดินลงบันไดเฉ้ย

“ทำไมไม่ลงลิฟต์อะ” ผมตามไปเดินประกบข้าง

“มีขาเดิน”

“เอ้า มีขาน่ะใช่ แต่ก็มีลิฟต์ไง สบายกว่า”

“งั้นก็หัดลำบากซะบ้าง”

“งั้นเอาขาชี้ฟ้า ใช้มือเดินลงมะ”

“...”

“หรือเดินถอยหลังแบบนี้…”

พรืด!

ตีนลื่นแบบนี้ก็หงายหลังสิครับ โชคดีที่คนข้างๆ ดึงแขนเสื้อผมทัน ทำให้พลิกตัวมาคว้าราวบันไดทรงตัวไว้ได้ ซีนนี้คือละครหลังข่าวโคตรๆ

“โห มือไวนะเนี่ย”

“...”

“มือไวแบบนี้ชอบชิงสุกก่อนห่ามปะ”

“...”

“ผมเป็นหนี้ชีวิตพี่แล้วใช่มะ ต่อไปนี้จะจิกหัวใช้ยังไงก็ได้ ผมต้องยอมทุกอย่าง”

“...”

เจ้าตัวไม่พูดอะไร แค่ถอนหายใจนิดๆ 

เราลงมาถึงชั้นล่างจนเดินออกประตู อากาศร้อนพุ่งมาปะทะหน้าราวกับเดินออกมาเจอนรก นี่จะเข้าฤดูหนาวแล้วนะ แต่แดดเมืองไทยเหมือนมันอยากให้เราก้มลงคุกเข่าร้องขอชีวิต หรือไม่ก็อ้อนวอนขอน้ำแข็งสักคันรถ หรือที่ง่ายกว่านั้นคือกลับเข้าไปในหอสมุดดีกว่า แต่พี่ทัชเดินอ้อมไปด้านข้างตัวตึกแล้ว ตรงนั้นมีซุ้มขายกาแฟสดกับเบเกอรี่อยู่

“ขอแซนด์วิชอันนี้ครับ แล้วก็น้ำองุ่นขวดนึง” พี่ทัชสั่งเสียงนุ่ม พนักงานสาวยิ้มแฉ่งและเหล่ตามองนิ้วพลาสเตอร์ที่ชี้อยู่หน้าตู้เบเกอรี่ เป็นใครก็ต้องมองแหละ

“น้ำองุ่นมีแบบเพียวๆ กับผสมเยลลี่ เอาเป็นอันไหนดีคะ”

“เยลลี่ครับ”

“ได้ค่ะ รวมเป็น…”

“เอาเป็นแซนด์วิชอันนี้สองเลย” ผมพูดแทรก “ว่าแต่มันคือไส้อะไร”

“แฮมไซส์ใหญ่ค่ะ”

“โอเค ไซส์ใหญ่ๆ เนี่ยของชอบ แต่ไม่เอาน้ำม่วงๆ นั่นนะ เอาเป็นโกโก้เย็นหวานน้อยดีกว่า พี่คนนี้จ่ายนะ”

พี่ทัชที่กำลังจะหยิบเงินจากกระเป๋าหยุดชะงัก ผมแค่จะแกล้งแหย่เขาเล่นเฉยๆ แต่ผิดคาด ป๋าว่ะ เขาเปลี่ยนใจหยิบแบงก์ส่งให้เพิ่มไปอีก

“เลี้ยงจริงดิ”

“ถ้ามันทำให้มึงหยุดพูดได้”

“เงินแค่นี้ซื้อผมไม่ได้หรอก แต่ก็ขอบคุณ”

“อืม อย่างน้อยมึงก็พูดคำนั้นเป็น”

จึ้ก~ เจ็บนะเนี่ย

“ขอบคุณ ขอโทษ ขอตังค์ พูดเป็นหมดอะ แม่สอนมาดี”

“ดีใจกับคุณแม่ด้วย”

โดนไปอีกดอก นี่เรียกว่าการด่าอย่างผู้ดีใช่มั้ย ทำไมวาจาช่างร้ายกาจยิ่งนัก

ขณะผมตั้งสติอยู่พนักงานก็ยื่นของที่สั่งมาให้ พี่ทัชรับส่วนของตัวเองเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างตึก ส่วนของผมยังไม่ได้ เพราะโกโก้เย็นต้องผ่านกรรมวิธีที่ซับซ้อนกว่าน้ำองุ่นที่ใส่ขวดแช่เย็นไว้อยู่แล้ว ทำไมช้า ต้องคั่วเม็ดโกโก้เองหรือว่าอะไร

“เร็วหน่อยครับ”

“คะ?”

“เร็วๆ ครับ ไม่ต้องปิดฝาก็ได้ โอ๊ย จะลงแดงแล้ว”

“ค่ะๆ ได้แล้ว นี่ค่ะ”

ผมคว้าเอาเสบียงตัวเองเดินตามไป ถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็มีสาวน้อยสาวใหญ่มานั่งขายขนมจีบอีกแหละ แต่โชคดีที่เราได้นั่งกันสองคนเหมือนเดิม

“ไม่มีเรียนรึไง ถึงได้มาตามวุ่นวายอยู่นี่”

“มี แต่โดดได้”

“ไปเรียนซะ”

“อยากโดดอะ”

“เมื่อกี้บอกเป็นหนี้ชีวิตกู จะสั่งอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ งั้นกูขอสั่งให้มึงไปเรียน”

“อ่า…” ผมดูดโกโก้อึกใหญ่เพื่อให้สมองแล่น “ขอเป็นหนี้ชีวิตต่ออีกหน่อยละกัน ต้องตามล่าหาความจริงกับพี่ก่อน”

“อะไร”

“เอ๊ะ หรือไม่ต้องตามล่าแล้ว พี่เห็ดบอกผมหมดแล้ว”

ลองลักไก่ดูก่อน และดูจากการที่เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ นั่นก็ถือว่าน่าจะคลำมาถูกทางแล้ว

“เรนจิไม่บอกอะไรมึงหรอก”

“บอกดิ คุยกันเยอะด้วย”

“ว่า?”

จะลักไก่หรือปล่อยไก่ก็คือช็อตต่อจากนี้แหละ

แต่เวลาสี่วันมานี้ผมได้ทบทวนไปประมาณแปดแสนรอบเห็นจะได้ ทั้งนั่งคิด นอนคิด คลานเข่าคิด แล้วสมองอันปราดเปรื่องของผมก็สรุปแบบโน้มเอียงไปในทางว่า พี่ณทัชคนนี้มีวิธีทำให้คนพูดความจริงได้แบบชัวร์ๆ ทีแรกผมคิดว่าแค่ทำให้พูดมาก พูดไม่หยุดเหมือนขี้แตก แต่ดูจากการที่พี่เห็ดลากตัวผมมาให้พี่ทัชช่วย นี่มันคือการรีดเค้นเอาความจริงชัดๆ

ต้องเป็นการเค้นเอาความจริงด้วยวิธีประหลาดๆ ที่มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้

“ว่า...พี่มีพลังแบบเอ็กซ์เมนทำให้คนพูดความจริงได้” ผมพูดเสียงเบา

“...”

สีหน้าเขายังคงเรียบเฉย อ่านได้ยาก จากนั้นก็ส่ายหัวนิดๆ ราวกับผิดหวังกับข้อสรุปของผม “กูเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่ามึงดูหนังมากไป” เขากัดแซนด์วิชคำเล็กๆ

“วิธีการก็คือ ต้องแตะตัวคนนั้น”

“อ้อ”

“คนที่ถูกแตะก็จะพูดแต่ความจริง”

“อือฮึ”

ไม่ใช่เหรอ นี่กูปล่อยไก่ไปหมดเล้าหรือยัง แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปให้สุดเลยละกัน

“ผมแฉพี่ได้นะ”

“ตามสบาย”

“หรือผมจะไม่แฉก็ได้ ถ้าพี่ทำให้ผมดูอีกที ผมจะเก็บเป็นความลับ โอเคปะ”

“ไปเรียนได้แล้วไป”

“งั้นเอางี้เลยละกัน”

หมับ!

ผมคว้ามือเขาและกุมไว้แน่น พยายามปรับมุมการจับให้ใกล้เคียงกับที่ถูกจับวันนั้น พี่ทัชไม่ได้ชักมือกลับอย่างที่คิด เขาแค่เหลือบมองด้วยสายตาดุๆ

หวิวเลย...ไม่ใช่หวิวแบบวันนั้น แต่ก็หวิวนิดๆ

“ความจริงวันนี้” ผมพูดเต็มเสียง “หน้าพี่แม่งโคตรเหี้ยเลย”

“...”

“ผมยังโกหกได้ แสดงว่ายังไม่โดนจุด…” ผมมองมือตัวเองที่กุมมือเขาอยู่ เออใช่ ลืมไป “แน่จริงก็แกะพลาสเตอร์ที่นิ้วออกเหมือนตอนนั้นดิ”

“อย่ายุ่งกับนิ้วกู” คราวนี้เขากระตุกมือกลับ

“นั่งไง ต้องใช้ปลายนิ้วแตะใช่มะ” ใช่เลย จุดสัมผัสสำคัญอยู่ที่นิ้วตรงที่เขาพันพลาสเตอร์ไว้นั่นแหละ “แล้วทำได้เฉพาะนิ้วมือเหรอ นิ้วตีนทำได้ด้วยมั้ย”

“...”

“ข้อศอกหรือตาตุ่มไรงี้ ทำได้เปล่า”

“...”

“แล้วช้างน้อยของพี่ล่ะ”

“ลามปาม”

ความตื่นเต้นทำให้ผมพูดรัวเร็ว สมองตื่นตัวเต็มที่จนมองเห็นภาพในหัวเป็นฉากๆ

“เฮ้ย สุดยอดอะ นี่พี่รู้ตัวปะว่าพลังนี้เปลี่ยนโลกได้เลยนะ อย่างถ้าเราอยากได้เกรดสวยๆ ก็แค่หาจังหวะเหมาะ ย่องไปแตะตัวอาจารย์แล้วก็ถามเลย ‘จารย์ เทอมนี้ออกข้อสอบอะไร’ แค่นี้ก็เรียบร้อย”

“นี่คือใช้สมองคิดแล้ว?”

“ก็ใช่ไง แล้วลองนึกดูนะ ถ้าอยากได้เงินจะทำไง ก็เดินไปดักรอตามตู้เอทีเอ็ม พอมีคนมากดเงินก็ไปแย่งบัตรมาและล็อกตัวถามรหัสเลย โอ๊ย เศรษฐีข้ามคืน”

“...”

“ก็แค่ให้ลองคิดดู ไม่ได้จะให้ทำจริงๆ ซะหน่อย” ผมมองหน้าเขาที่ตอนนี้ไม่ดูดุเท่าไหร่แล้ว ออกจะดูผ่อนคลายด้วย “รู้ละ พี่ถือคติแบบสไปเดอร์แมนใช่ปะ พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง ว่าแต่ผมดูหนังเยอะ ตัวเองก็เหมือนกันรึเปล่า”

“ทำยังไงกูถึงจะได้อยู่คนเดียว”

“ขอไลน์หน่อยดิ”

“นี่ฟังกูพูดอยู่รึเปล่า”

“หรือเบอร์โทรก็ได้”

“จะไปเรียนยัง”

“ไลน์ชื่ออะไร” ผมควักมือถือออกมาเตรียมพิมพ์

เขาหยุดนิ่งและเป็นฝ่ายมองหน้าผมบ้าง

“ชื่อไลน์ว่า…” ผมกระตุ้น

“ถ้าให้แล้วจะไป?”

“จะรีบไปเลย เร็วๆ ดิ เดี๋ยวเปลี่ยนใจโดดเรียนนะ”

“เอามือถือมึงมา”

ผมส่งมือถือให้เขาเหมือนขี้ข้าส่งของให้เจ้าขุนมูลนาย เขารับมันไป จากนั้นก็กดพิมพ์ด้วยปลายนิ้ว เรียกว่าปลายนิ้วสุดๆ จะตรงกว่า เพราะบริเวณที่เป็นลายนิ้วมือนั้นมีพลาสเตอร์พันอยู่ ท่าทางไม่คล่องเหมือนไม่ใช่คนชอบขลุกอยู่กับหน้าจอมือถือ ซึ่งดูจากหนังสืออ่านฆ่าเวลาของเขาแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่

พอเขาพิมพ์เสร็จผมก็รับมือถือกลับมาดู ผมค่อนข้างผิดหวังนะ เขาใช้ชื่อไลน์ตรงตัวเลย

NATOUCH

รูปโปรไฟล์ก็เป็นสีหม่นๆ เรียบๆ ซึ่งน่าจะถ่ายจากปกหนังสือนอกเวลาที่เขาอ่านอยู่นี่แหละ

“ไปได้ยัง”

“ก่อนจากกันวันนี้ ขอถามคำถามสุดท้าย ทำไมพี่ไม่ใช้ชื่อไลน์ให้มันเฟี้ยวกว่านี้หน่อยล่ะ อย่างณทัชเอ็กซ์เมน หรือไม่ก็สไปดี้ทัชอะไรงี้...เปลี่ยนใจละ ผมโดดดีกว่า”

“นะฑี” เขาพูดเสียงเข้ม เล่นเอาผมตื่นเต้น

“ครับ” ผมโน้มตัวเข้าไปพูดเสียงเบา “พี่ยังมีพลังอะไรอีกเหรอ บอกผมได้ รับรองผมเก็บเป็นความลับแน่นอน”

พี่ทัชโน้มตัวมาตบเบ่าผมเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงนุ่มที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจากปากเขา “กูขอร้องล่ะ ไปเรียน”







________________________

ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้กันนะคะ :D
ดีใจมากๆ เลยค่ะ
ได้อ่านทุกคอมเมนต์เลยนะคะ T__T อ่านซ้ำๆ วนๆ
สามารถไปพูดคุยกันในแท็ก #ณTouch ที่ทวิตเตอร์ได้นะคะ

แชร์ความคิดเห็นให้ฟังกันได้ตลอดเลยนะคะะะะ <3
ขอบคุณมากๆ เลยค่า T^T/// *อยากกอดไว้*


นางร้าย
20.05.2019


ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
นะฑีคือกวนได้ใจมากๆ น้องดูไหลลื่นพูดไปเรื่อยไม่ติดขัดจริงๆ


ออฟไลน์ mony

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามอยู่นะคะ น้องยังพูดได้ไหลลื่นและกวนตีนราวผีเจาะปากเหมือนเดิม

ทั้งขำทั้งสงสารพี่ทัชมาก ณ จุดนี้
...ขออยู่คนเดียวได้ไหม ขอร้อง...

พี่เห็ดก็สู้ ๆ นะคะ แต่แนะนำว่า หาคนช่วยคนอื่นเหอะ
รู้สึกว่าพี่ก็ช่างซื่อ หัวร้อน อย่างนี้โดนจีบเอาเองนี่คงไม่รู้ตัวเลย

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ๊ยยยยยยย เด่วนะ 555555555555555555 ทั้งขำทั้งสงสาร ณทัข เจอเด็กผีเจาะปากมาวอแว ชีวิตหาความสงบไม่ได้แล้ว 555555555555555555555 เพราะพี่เห็ดคนเดียว พาไอ้ตัวดีมาป่วนเนี่ยย

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นะฑีแกกวนทีนมากว่ะ ตอนพี่เขาโน้มตัวมาพูดเพราะๆใจคือนึกว่าพี่แกจะกางมือแล้วตบเกรียนสักที :hao7: รอพี่เรนจิมาเล่นงานให้ล่ะกัน ขอบคุณมากนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 5
จับบบ...หมอนเน่าเฝ้าดอกทอง
น้าลองทุกท่าแค่แบงก์ห้าร้อยสอยผมไม่ได้หรอก



“หมอนเน่า มานี่...จะแดกไม่แดก เร็วเข้า เมี้ยวๆๆ”

มันฟังซะที่ไหน แถมยังมองหน้าแบบหยิ่งๆ อีก มาดผู้ดีมีตระกูลมาก แต่การเลียตีนแล้วเอาไปลูบหน้าต่อนี่คือคิดดีแล้วใช่มะ

“ไอ้แมวหัวเน่า นี่อาหารเปียกโคตรไฮโซนะเว้ย หรือมึงจะกินขยะเปียก...บอกให้มากิน อะ ดมดู”

ฟ่อ~

อิแมวผี แค่จับขาเอง มึงจะฆ่ากูเหรอ

“คุยกับมันดีๆ ดิ มานี่แม่เอง” แม่ฉวยชามอาหารเปียกชูขึ้นเหนือหัวเหมือนท่าถวายของให้เทพเจ้า “หมอนนิ่ม ลงมานี่มา นี่ อร่อยน้า...ไม่ชอบเหรอ มาเร้วๆๆ”

หมอนนิ่มคือชื่อที่แม่เสนอในญัตติการประชุมของเรา ส่วนผมเสนอชื่อหมอนเน่า เราตัดสินกันด้วยวิธีการโหวต เนื่องจากเรามีกันอยู่แค่สองคนเสียงเลยเสมอกัน แต่แม่ก็ชนะไปด้วยความที่แม่เป็นแม่ แม่บอกว่าโดยหลักการแล้วแม่เป็นทั้งพ่อและแม่เลยมีสองเสียง ห้ามคัดค้าน ห้ามเถียง เอาเป็นว่าแม่ชนะ

โคตรประชาธิปไตยเลย

แต่ผมก็ยังแอบเรียกมันว่าไอ้หมอนเน่าอยู่ดี

ไอ้หมอนเน่าเป็นแมวเพศเมียลายสลิด ตัวสีเทา ตาสีเหลือง แถมปลายหางคดหน่อยๆ ด้วย พูดให้ชัดคือเป็นแมวเกรดต่ำหน้าตาบ้านๆ นั่นแหละ เมื่อสองปีก่อนมันหลงทางมาจากไหนไม่รู้ ขนเกรอะกรัง แววตาโหยหาความรักความเมตตา ผมกับแม่เลยชุบเลี้ยงมันไว้ ให้ข้าวให้น้ำ อาบน้ำแต่งขน แถมยังพาไปหาหมอตามนัด แววตาที่เคยร้องขอความเมตตาเริ่มมีความหยิ่งผยองเจือปน ไม่ทันไรมันก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นราชินีและปกครองข้าทาสบริวารอย่างเราด้วยความโหดร้าย

ดูอย่างตอนนี้เป็นต้น ทำไมต้องยกอาหารถวายมันขนาดนี้ ก็มันดันขึ้นไปนอนเอกเขนกอยู่บนหลังตู้โชว์ไม่ยอมลงมาสักที ซึ่งดูจากสถิติความชั่วของมันแล้วก็มีแววว่ามันจะแอบปัดแจกันดอกไม้บนนั้นลงมาตกแตกแน่ๆ

“ผมว่าฟาดมันเลยดีกว่า จะได้หลาบจำ เอามะ”

“อย่า แม่ว่าเอาแจกันลงมาก่อนเถอะ ช่วงนี้มันคงอยากนอนตรงนี้แหละ เห็นขึ้นไปหลายที”

“แต่ตั้งตรงนี้มันสวยแล้วนะ แล้วข้างล่างนี่ก็จะไม่มีที่วางแล้ว”

“ก็หาที่วางสักที่ละกัน ตามใจมันหน่อย”

“ผมกับแมวรักใครมากกว่ากัน”

“แมว”

“โหย ทำไมอะ นี่ลูกนะ”

“เพราะมันไม่เคยเถียงแม่ไง”

“เนี่ยนะไม่เถียง ดูตามัน”

“มันก็ไม่ได้เถียงนะ แค่ไม่ค่อยทำตามที่บอกเฉยๆ แต่ใครบางคนนี่เถียงเก่งจริง”

“คร้าบ เอาแจกันลงมาเดี๋ยวนี้ครับแม่” ผมเขย่งเอื้อมไปหยิบแจกัน ไอ้หมอนเน่าขู่ฟ่อและตะปบเบาๆ มาทีนึง แต่ก็ทำเอาผมเกือบทำแจกันร่วง “ไอ้แมวผีเอ๊ย”

“นะฑี บอกให้พูดกับมันดีๆ...หมอนนิ่ม อย่าทำพี่เค้าลูก”

“เมี้ยว~”

จ้ะ ร้องเสียงอ้อน หน้าตาตอแหลมาก

แล้วจู่ๆ มันก็กระโดดจากหลังตู้มาที่ชั้นวางระดับกลาง โดดต่อมาที่เก้าอี้ สุดท้ายก็ลงมากินอาหารในชามที่แม่วางให้

กวนตีน

แมวนรกเลิกสร้างปัญหาแล้ว แต่ยังไงผมก็ต้องหาที่วางแจกันใหม่อยู่ดี

นี่คือร้านดอกไม้ที่แม่ผมกับน้าลูกเกดน้องสาวในไส้ของแม่เข้าหุ้นกันเปิดเมื่อปีก่อน ดำเนินกิจการอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ย่านคนรวย โดยใช้ชื่อร้านสุดเก๋ว่า Golden Flower ซึ่งผมอยากจะเขียนคำเตือนไว้บนนามบัตรเหมือนกันว่า ถ้าจะฝากเพื่อนสั่งดอกไม้ร้านนี้อย่าแปลชื่อร้านเป็นภาษาไทย เดี๋ยวเพื่อนจะตบเอา

เมื่อก่อนแม่เปิดร้านอาหารตามสั่ง เงินดีแต่เหนื่อยเกินไป เลยเปลี่ยนแนวดีกว่า ถึงร้านดอกไม้จะไม่ค่อยหวือหวามาก แต่เมื่อคำนวณรายได้กับเงินเก็บแล้วก็เพียงพอที่จะส่งลูกชายหัวแก้วหัวกรวดคนเดียวเรียนปริญญา และเลี้ยงแมวที่ทำตัวไฮโซเกินกำพืดตามสายพันธุ์ตัวเองได้สบาย นี่คือคำพูดของแม่นะ แต่ผมก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก ร้านดอกไม้มันดูเหมาะกับธุรกิจฟอกเงินของคนรวยมากกว่า

ผมเลยตกลงใจเรียนสาขาการจัดการ เพื่อจะได้นำความรู้มาช่วยแม่บริหารร้าน แถมยังต่อยอดทำธุรกิจอื่นๆ ในอนาคตได้อีก

เรื่องง่ายๆ ที่ผมต้องจัดการตอนนี้ก็คือหาที่เหมาะๆ วางแจกันดอกไม้ให้ได้

มุนนี้ละกัน วางแล้วดูสูงโปร่งเด่นเป็นสง่าเลย

“เอาไปวางข้างถังขยะทำไม เดี๋ยวก็เผลอเตะล้มอีก” แม่บอก “เอามาวางหน้าร้านตรงนี้มา จะได้โชว์ลูกค้าด้วย อันนี้แม่จัดเป็นชั่วโมงเลยนะ”

“แม่ไม่เข้าใจศิลปะอะ แต่ก็ตามใจ...แล้วช่อที่กำลังจัดนี่ล่ะ ผมช่วยมะ”

“ไม่ต้องๆ ของลูกค้าประจำ จะเสร็จแล้ว”

“อ้อ ของร้านนิตยาบลาๆ อะไรสักอย่างนั่นใช่ปะ ที่สั่งประจำ”

“ร้านนัชชา” แม่แก้ให้

“เออ ใช่ ลืมทุกที ร้านนี้เป็นอะไรกับดอกไม้มากปะ สั่งได้สั่งดี”

“เป็นร้านอาหาร น่าจะใช้ตกแต่งมั้ง เขาสั่งประจำก็ดีแล้ว”

“ผมไปส่งให้เอามะ เบื่ออยู่ร้าน”

“ไม่ต้องหรอก มันไกล เมสเซนเจอร์ที่ไปส่งให้ประจำก็จะได้มีงานทำ นี่คงใกล้จะมารับแล้วละ”

“สบายจริงโว้ย ไม่มีไรทำ งั้นนั่งกินนอนกินละนะ”

ปกติแล้วแม่จะอยู่เฝ้าร้านกับไอ้หมอนเน่า น้าลูกเกดจะเข้ามาตอนไหนแล้วแต่อารมณ์ ส่วนผมก็ได้ช่วยนิดหน่อยในวันที่ไม่มีเรียนอย่างวันนี้นี่แหละ

“เป็นไงมั่งแม่ลูกคู่นี้”

คิดถึงปุ๊บก็โผล่หน้ามาเลย ท่าทางจะอายุยืน วันนี้อยู่ครบหน้าเลยแฮะ

“โย่ว น้องสาว” ผมชูมือเพื่อตีไฮไฟว์ น้าเกดทำท่าจะตีมือด้วยแต่เปลี่ยนเป็นขยี้หัวผมแทน “โหย น้า ผมเสียทรง”

“ยังไงก็หล่อน่า เป็นไงมั่งเรา”

“ก็ดี กินอิ่ม นอนหลับ ตดดังเหมือนเดิม”

“ไหนขอฟัง”

“วันนี้ยังไม่ถึงรอบการแสดงอะ เอาไว้ช่วงบ่ายๆ นะ รอให้ท้องอืดก่อน แล้วนี่น้าไปทำไรมา ไม่เจอกันอาทิตย์นึง นมโตขึ้นเป็นกอง อัพไซส์มาเหรอ”

“ยังไซส์เดิม เพิ่มเติมคือผอมลงและดันทรงนิดหน่อย”

“ฟังดูชีวิตดีอะ”

“ก็พอใช้ได้ ยังกินอิ่ม นอนหลับ ตดดี มีเมนส์ตามกำหนด”

“เยี่ยม”

“เฮ้อ...นึกว่าจะเป็นแค่น้องคนเดียว มีลูกก็ดันมาเป็นเหมือนกันอีก” แม่บ่นลอยๆ ขณะที่มือจัดดอกไม้ไปด้วย “ว่างๆ ก็ไปเช็กสมองกันบ้างนะ สงสัยจะเป็นโรคทางพันธุกรรม”

ผมกับน้าลูกเกดยิ้มให้กัน ผมชูมือค้างไว้อีกครั้ง และคราวนี้น้าเกดยกมือมาฟาดด้วยดังป๊าบ

“คุยกับแม่ไปนะ ผมไปขี้ละ”

ผมปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล ไม่ได้จะจัดการธุระหนักอะไร แค่เป็นคำพูดติดปาก อันที่จริงผมแค่จะมาฉี่และส่องกระจกเช็กหนังหน้าตัวเองนิดหน่อย

พอกลับออกมา น้าเกดกับแม่ก็ยังยืนคุยกันอยู่ที่หน้าร้าน ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอก แต่เกิดมาหูดีเลยได้ยินชัดแจ๋ว

“...ถ้ารู้งี้ไม่เอามันทำพันธุ์ซะตั้งแต่แรกก็ดี”

“ใจเย็นๆ ลองมีลูกมั้ย เผื่ออะไรๆ อาจจะดีขึ้น”

“ลองทุกท่าละ ไม่ติด แต่ไม่เกี่ยวหรอก คนมันจะชั่ว”

รู้ละ เรื่องอะไร “ผู้ชายรวยๆ ชอบทำตัวเฮงซวยแบบนี้แหละน้า” ผมเสนอหน้าเขาไปร่วมด้วย “นอกใจใช่มะ”

พี่สาวกับน้องสาวยืนอึ้งไปชั่วอึดใจ

แล้วคนเป็นน้องก็กระตุกยิ้มมุมปาก “คิดว่างั้นแหละ”

“ฮุบสมบัติดิ แล้วก็ฟ้องหย่า”

“ไอเดียดี แค่ยังหาหลักฐานไม่ได้ แต่อย่าเข้าใจผิด ผัวน้าไม่ได้รวยอะไรขนาดนั้นหรอก”

“ให้ผมยกพวกไปดักกระทืบไข่ให้มั้ย”

“ฮ่าๆ ก็น่าจะดีนะ”

“นะฑี อย่าเลอะเทอะ ไปที่อื่นก่อนไป ผู้ใหญ่จะคุยกัน” แม่ดุนหลังผมออกไป

“ไม่อะ ผมจะทำงาน”

แม่กำลังจะพูดต่อ แต่น้าเกดควักแบงค์ห้าร้อยออกมาซะก่อน “ไปกินกาแฟเล่นมั้ย เดี๋ยวน้าตามไปเมาด้วย”

“คิดว่าเงินซื้อคนอย่างนะฑีได้เหรอน้า โด่ คนมีอุดมการณ์นะครับ”

แล้วแบงค์ห้าร้อยก็ถูกเก็บไป แบงค์พันกลับชูขึ้นมาแทน

“ขอบคุณคร้าบ” ผมฉกเงินมาถือไว้แล้วก้มกราบงามๆ “ถ้าน้าลง ส.ส. แล้วทำแบบนี้นะ ผมจะเอาไม้บรรทัดเข้าคูหาไปทาบกากบาทให้เต็มช่องเลย ไปละ” ผมรีบชิ่ง ครึ้มอกครึ้มใจจนแทบจะเต้นลีลาศเข้าไปในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ กิเลสมาละ มากันใหญ่เลย ความรุนแรงระดับนี้ต้องสั่งโกโก้ปั่นเท่านั้นถึงจะเอาอยู่     

ระหว่างรอก็ควักมือถือออกมาเช็กความเคลื่อนไหวซะหน่อย

ดูแชตไลน์กับคุณชายพลาสเตอร์เป็นอันดับแรกเลย ตอนเช้าผมทักทายไปเซ็ตใหญ่ประมาณสิบข้อความทั้งตัวอักษรทั้งสติกเกอร์ ดูซิ พี่แกจะตอบว่าไง

เชี่ย ไอ้พี่ทัช ทำไมทำงี้วะ




_________________________

ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามอ่านกันนะคะ T^T ดีใจมากๆ เลยค่ะ
#ณTouch

นางร้าย 30.05.19

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แตะต้องครั้งที่ 6

จับบบ...วันว่างอ้างอาบน้ำให้หมา
ข้าฝากลูกแมวด้วยช่วยใส่ไฟชาวบ้าน



NATOUCH: …


นี่หรือคือคำตอบ

ทักไปเป็นสิบ ตอบมาแค่หยิบเม็ดเกลือ จะอินดี้ไปไหน ปล่อยละ คุยกับคนอื่นดีกว่า

แล้วดูพี่เห็ด รายนี้รัวข้อความมาเป็นล้าน แถมเป็นคำด่าล้วนๆ จ้า ถ้าไม่ตอบแกสักหน่อยเจอกันคราวหน้าผมคงต้องได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่


NaTee(n): เพ่ ใจเยนนน

NaTee(n): ไม่มีอะไรดีๆ ในชีวิตทำเลยเหรอ ถึงได้มีเวลามาพิมพ์อะไรเยอะขนาดนี้

★R3NJI: เอ้า ยังอยู่เหรอวะ กูนึกว่าตายห่าคาตีนหมาแถวบ้านไปแล้ว

NaTee(n): อะเฮื้อออ~

NaTee(n): ฝากลูกแมวข้าด้วย

★R3NJI: ฝากดิ กูจะเอาลูกแมวมึงไปถ่วงน้ำ

NaTee(n): โหดแท้

NaTee(n): เจ๊แคลไม่ชอบโกโก้ใช่มะ

NaTee(n): แกเพิ่งมาเปลี่ยนแนวทีหลังอะดิ เมื่อก่อนเห็นกินบ่อยจะตาย

★R3NJI: แคลบอกไม่กินมาแต่ไหนแต่ไรแล้วโว้ย



เอ่า เวร

เรื่องของเรื่องคือ ผมจำไม่ได้หรอกว่าเจ๊แคลแกชอบกินน้ำอะไร ใครจะไปสนใจจำวะ ตอนนั้นก็เลยบอกพี่เห็ดไปว่าโกโก้เพราะเป็นเมนูเดียวที่ผุดขึ้นในหัว แต่ตอนนี้ก็นึกออกแล้ว เจ๊แกชอบน้ำแดงโซดานั่นแหละ

โกโก้ปั่นมาเสิร์ฟจังหวะนี้พอดี เลยจัดไปสองสามอึกใหญ่ๆ เพื่อหัวจะได้แล่น



NaTee(n): มันเป็นแผนผมเอง

NaTee(n): ทำให้พี่เข้าไปคุยกับเจ๊แกอย่างเป็นธรรมชาติไง

★R3NJI: แผนเชี่ยไร

★R3NJI: กูหน้าแตก

NaTee(n): แต่ก็ได้ผลใช่มั้ยล่ะ

NaTee(n): ได้เข้าหาอย่างเนียนๆ แล้วสุดท้ายพี่ก็รู้ว่าเจ๊แกชอบกินน้ำอะไรด้วยตัวเอง

NaTee(n): คิดดูดิ ถ้าพี่เข้าไปแบบรู้ใจทันทีเลยจะเป็นไง

NaTee(n): เจ๊แกคงระแวงมากกว่า

NaTee(n): มีแต่ผู้ชายเจ้าชู้เดาใจเก่ง หรือไม่ก็พวกโรคจิตที่ลากคนใกล้ตัวเจ๊ไปทรมานเท่านั้นแหละที่จะรู้ข้อมูลวงในแบบนั้น

★R3NJI: ไม่ต้องมาหลอกด่ากู

NaTee(n): ไม่ได้หลอกนะ ด่าตรงๆ

★R3NJI: เจอตัวอีกทีขอให้ปากดีแบบนี้นะ

NaTee(n): แต่ก็เอาเถอะ

NaTee(n): ผมไม่ได้รู้สึกทรมานขนาดนั้น วันนั้นอะ

NaTee(n): แค่ลากไปตบหัวไม่กี่ที สนุกดี

★R3NJI: เดี๋ยวได้สนุกอีกแน่

NaTee(n): ใจเยนนน

★R3NJI: บ้านมึงอยู่ไหน

★R3NJI: กูจะไปเยี่ยม

NaTee(n): ก็อยู่บนดินเหมือนบ้านคนทั่วไปอะ

NaTee(n): เดี๋ยวผมโยนไก่ดิบไว้หน้าบ้านละกัน พี่จะได้ตามกลิ่นมาถูก

★R3NJI: อยากย้ายบ้านไปอยู่ในหลุมมั้ย



ยกรางวัลคนหัวร้อนแห่งปีให้เลยพี่คนนี้

เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า



NaTee(n): เอาน่า

NaTee(n): ผมเป็นน้องรหัสแฟนในอนาคตของพี่นะ

NaTee(n): ต้องอ่อนโยนกับผม เคปะ

★R3NJI: เออ กูจะลดให้เหลือสักยี่สิบแผลละกัน

NaTee(n): ขอบคุณค้าบ

NaTee(n): เอ้อ พูดถึงพี่ทัช ผมรู้แล้วนะ

★R3NJI: กูพูดถึงไอ้ทัชตอนไหนวะ

NaTee(n): ก็ผมพูดถึงอยู่นี่ไง

NaTee(n): ผมรู้หมดแล้ว เขาเป็นคนบอกเอง

★R3NJI: ว่า

NaTee(n): ว่าเขามีวิธีทำให้คนพูดความจริง

★R3NJI: ไอ้ทัชเนี่ยนะ จะบอกมึงง่ายๆ 



โป๊ะเชะ

แสดงว่าชัวร์แหละ ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแค่ไหนก็ตาม



NaTee(n): ช่าย ก็เขาบอกอะ

NaTee(n): ถ้าเอานิ้วแตะตัวใคร คนนั้นจะพูดความจริง



ผมพิมพ์ย้ำไป แต่พี่เห็ดไม่ตอบอะไรกลับมาอีก

ทำไมเงียบวะ

อ๊ะ ตอบแล้ว



★R3NJI: กูคุยกับไอ้ทัชแล้ว

★R3NJI: กูไม่ได้บอกอะไรมึง แต่มึงพูดกับไอ้ทัชกว่ากูบอก

★R3NJI: ไอ้ทัชก็ไม่ได้บอกอะไร แต่มึงมาตอแหลกับกูว่ามันบอก

★R3NJI: เหี้ยจริงๆ



อ่า…

เขาเพื่อนกันนี่นะ ต้องคุยไลน์กันอยู่แล้ว



NaTee(n): ไม่บอกก็เหมือนบอกอะ

NaTee(n): บอกด้วยวิธีอ้อมๆ ไง

NaTee(n): แล้วผมก็เข้าใจถูกใช่มั้ยล่ะ

★R3NJI: กูจะไม่พูดอะไรเรื่องนี้

NaTee(n): ครับๆ

NaTee(n): เอาเป็นว่าเรื่องเจ๊แคลผมเชียร์เต็มที่

★R3NJI: คนอย่างมึงแม่งเชื่อไรไม่ได้หรอก

NaTee(n): พูดจริงๆ

★R3NJI: ถุ้ยยยย

NaTee(n): ถ้าไม่เชื่อก็ให้พี่ทัชมาแตะตัวผมอีกดิ

NaTee(n): หรือไม่ก็มีอีกวิธีนึง พี่เปย์มาหนักๆ

NaTee(n): โดยเฉพาะวิธีหลังนี่ รับรอง เปิดเผยทุกความจริงแน่นอน

★R3NJI: ได้

★R3NJI: ถ้าเจอตัวกูจะเอาเหรียญยัดปากมึง

★R3NJI: เอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าให้ด้วย

NaTee(n): ขอบคุณค้าบ

NaTee(n): เดี๋ยวผมไปคุยกับเจ๊แคลก่อนนะพี่

NaTee(n): คนสำคัญอะ ก็งี้แหละ คุยกันบ่อย

NaTee(n): บาย~



ไม่ได้พูดเล่น ผมจะคุยกับเจ๊แคลเซียมจริงๆ

ไม่ได้เจอกันหลายวันละ ต้องอัปเดตข้อมูลสำคัญๆ ไว้บ้างซะแล้ว



NaTee(n): เจ๊

NaTee(n): หิว

❤ C A L ❤: ปลวกที่บ้านหมดแล้วเหรอ

NaTee(n): ฟาดเรียบละ

NaTee(n): แมงกุดจี่ก็ไม่เหลือ

❤ C A L ❤: แมงกุดจี่คือไร

NaTee(n): ก็ตัวที่อยู่ในกองขี้ควายไง

❤ C A L ❤: 555 แถวบ้านเลี้ยงควายซะด้วย

NaTee(n): เออ เบื่อของกินแถวนี้ อยากกินบุ๊ฟเฟ่ต์อะ

NaTee(n): ไปกินกัน

❤ C A L ❤: เอาดิ ไว้ว่างแล้วเดี๋ยวนัด

NaTee(n): เจ๊เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าฮอต

❤ C A L ❤: หืม?

NaTee(n): มีหนุ่มจิตวิทยามาตามจีบไม่ใช่เหรอ

❤ C A L ❤: นี่ไปรู้มาจากไหน

NaTee(n): มีพรายกระซิบ

NaTee(n): ฟ้าดินรู้ นะฑีรู้

❤ C A L ❤: 5555

❤ C A L ❤: ทันข่าวจริงๆ

NaTee(n): แล้วเป็นไงมั่งอะ คนนี้

❤ C A L ❤: ก็ หล่อดีนะ แต่ดูขี้อาย



นั่นไง

พี่เห็ด กับผู้ชายด้วยกันนี่โวยวายเป็นหมาบ้า

พออยู่ต่อหน้าสาวเป็นได้แค่ลูกแมว



NaTee(n): หล่อเหรอ ผมว่าเจ๊ก็ระวังๆ หน่อยดีกว่านะ

❤ C A L ❤: ทำไมอะ

NaTee(n): อืม…

NaTee(n): ไม่รู้ดิ

NaTee(n): ผมว่าหน้าตาแกไม่น่าไว้ใจอะ ดูโรคจิตๆ ไงไม่รู้

❤ C A L ❤: ก็พูดไป

NaTee(n): คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจเจ๊

❤ C A L ❤: เคๆ เดี๋ยวจะดูดีๆ

NaTee(n): ว่างวันไหนแล้วรีบนัดเลยนะ

NaTee(n): หิวบุ๊ฟเฟ่ต์

❤ C A L ❤: ได้เลย



ไม่ใช่อะไรหรอก วางยาพี่เห็ดซะหน่อย ง่ายไปเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น จะได้มีเรื่องที่แกต้องมาก้มกราบสักการะผม แล้วก็มีช่องให้เข้าถึงตัวพี่ทัชได้ง่ายขึ้นด้วย อย่างหลังนี่สำคัญสุดเลย

ระหว่างนี้ในห้องแชตรวม ไม่ส(า)มประกอบ ที่ประกอบด้วยผม เจษฎา และโอเปิ้ล ก็มีข้อความเด้งรัวๆ ผมกดเข้าไปเลื่อนดูผ่านๆ ดูเหมือนโอเปิ้ลจะพยายามยั่วให้เจษฎาพูดคำหยาบ ขณะที่เจษฎาพยายามจะชวนคุยเรื่องมนุษย์ต่างดาว

เอาไว้ค่อยมาร่วมวงยาวๆ ละกัน



NaTee(n): แมงสาบคือเอเลี่ยนนะ รู้ยัง



ตอนนี้จัดไปแค่นี้พอ กลับไปดูห้องแชตกับพี่ทัชก่อน ข้อความล่าสุดก็ยังเป็นเม็ดเกลือสามจุดเหมือนเดิม

ตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่นะ

อาจจะกำลังนั่งจิบชาชิลล์ๆ อยู่ในสวน อ่านหนังสือรวมไฮกุอะไรนั่น หรืออาจจะกำลังกินมื้อกลางวันที่เริ่มเร็วหน่อย เพราะคุณชายอย่างเขาคงกินอย่างพิถีพิถันค่อยเป็นค่อยไป อาจจะกินคลีนด้วยซ้ำ หรือไม่ก็อาจจะเพิ่งตื่นงัวเงียและกำลังแกะพลาสเตอร์ออกจากนิ้ว

ผมนึกเห็นภาพเขาทำกิจกรรมพวกนั้นได้ชัดเจน แต่มันก็อาจจะไม่เป็นจริงสักอย่าง

ใครจะไปรู้

หน้าตาอ่านใจยากขนาดนั้น

ผมมองหน้าจออยู่อึดใจ แล้วตัดสินใจพิมพ์ส่งสติกเกอร์สุดฮอตไปหยั่งเชิงดู



NaTee(n): {สวัสดีวันจันทร์}



เงียบ

ลองโปรยเม็ดเกลือลงไปบ้าง



NaTee(n): ………..

NaTee(n): …..



สงัด วิเวก วังเวง

นี่มันป่าช้าชัดๆ



NaTee(n): ไม่ตอบขอให้ท้องผูกสามวันเจ็ดวัน

NaTee(n): ไม่ตอบก็อย่าตอบ

NaTee(n): ชิ



ตื๊อดึ่ง!

ผมกดปิดหน้าจอไปแล้ว เสียงเตือนล่าสุดนึกว่ามาจากห้อง ไม่ส(า)มประกอบ แต่พอเหลือบมองก็ต้องกดเข้าไปดูใหม่ให้ชัดๆ



NATOUCH: วันนี้วันอาทิตย์



ผมมองข้อความนี้อยู่สามวินาทีเต็ม แล้วค่อยพิมพ์กลับไป



NaTee(n): งั้นเอาใหม่

NaTee(n): {สวัสดีวันอาทิตย์}

NaTee(n): ทำไรอยู่อะ ทักไปไม่ตอบ

NaTee(n): ขี้เหรอ

NATOUCH: อาบน้ำให้หมา

NaTee(n): เลี้ยงหมาด้วย

NaTee(n): พันธุ์ไรอะ

NaTee(n): ชื่อไร

NaTee(n): ผมเลี้ยงแมวนะ ชื่อหมอนเน่า

NaTee(n): อะ เงียบ

NATOUCH: มีไร มือกูไม่ว่าง

NaTee(n): ทำไมเลี้ยงหมาอะ

NaTee(n): ชอบไรในตัวมัน

NATOUCH: หมามันซื่อสัตว์ ไม่โกหกเหมือนคน



แสบซี้ดไปถึงไส้

นี่พี่แกกำลังด่าเรื่องที่ผมพูดกับพี่เห็ดอย่างพูดกับแกอีกอย่างใช่มั้ย



NaTee(n): ผมไม่เคยโกหกอะไรที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

NATOUCH: ก็ดี

NATOUCH: บอกทำไม

NaTee(n): แต่ความจริงที่ผมรู้ตอนนี้ ทำให้พี่เดือดร้อนได้แน่

NaTee(n): ผมแฉพี่ได้ตลอดเวลานะ

NaTee(n): อย่ากดดันผม

NATOUCH: ตอนไหน

NaTee(n): ตอนไหนก็ช่าง อย่าทำให้ผมไม่พอใจ

NaTee(n): ผมถือไพ่เหนือกว่า

NATOUCH: อ่อ

NaTee(n): เก็ต?

NATOUCH: อือ

NaTee(n): ดี

NaTee(n): งั้นพรุ่งนี้จะไปสวัสดีวันจันทร์ต่อหน้านะ

NATOUCH: อือ

NaTee(n): พาไปหาข้าวกินด้วย เบื่อแซนด์วิช

NATOUCH: อือ

NaTee(n): ทำไมตอบสั้น

NATOUCH: ขี้เกียจ

NaTee(n): แล้วทำไมตามใจ

NATOUCH: กูคงไม่มีทางเลือกมั้ง

NaTee(n): ดีมาก

NaTee(n): พี่ไม่มีทางเลือกหรอก

NaTee(n): อย่าลืมว่าผมกุมความลับพี่อยู่



“ไง เมายัง นี่สั่งไรมากิน” น้าลูกเกดเดินสวยๆ เข้ามาในร้าน ผมฉีกยิ้มกว้างให้ก่อนจะก้มลงพิมพ์ตัดบท



NaTee(n): แค่นี้แหละ

NaTee(n): {สวัสดีวันพุธ}





_____________________

วันนี้อัพให้ 2 ตอนค่า เพราะรู้สึกว่าตอนก่อนหน้าสั้นไปนิดนึง ^ ^
ทางนี้ได้อ่านทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ ทั้งจากเด็กดีและในแฮชแท็ก #ณTouch
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ หวังว่าจะมีรอยยิ้มกันเยอะๆ นะคะ :D

นางร้าย 30.05.19



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด