43 [PART 2/2]
พี่อู๋ไม่ได้รุกเร้าให้ผมกลัว เขาเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผมเครียดน้อยลง เราจูบกันอยู่ครู่หนึ่งพี่อู๋ก็ค่อยๆ ถอดเสื้อของผมออก เขาดันตัวผมให้นอนราบบนที่นอนและเริ่มต้นจูบกันใหม่ พออะไรๆ เริ่มปะทุขึ้นมา มือของผมก็อยู่ไม่นิ่ง ค่อยปัดป่ายไปตามเสื้อของเขาจนพี่อู๋ต้องถอดออกในที่สุด ระหว่างที่ริมฝีปากของเราติดกัน สองมือก็วุ่นวายกับการปลดกางเกงของฝ่ายตรงข้ามจนเปลือยเปล่า เมื่อผมเริ่มเคลิ้มไปกับจูบนุ่มนวลที่พี่อู๋บรรจงป้อน เขาก็ผละตัวออก มองหน้าผมอีกนิดหน่อยก่อนจะค่อยๆ จูบไล่ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่คางจนถึงท้องน้อย
ตอนที่ผมปรายตามองว่าริมฝีปากของพี่อู๋จะหยุดลงตรงไหนเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเงยหน้ามองผมจากข้างล่างพอดี พี่อู๋แลบลิ้นเลียก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้และใช้ริมฝีปากครอบครองส่วนหนึ่งของก้องเกียรติ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในโพรงปากมันอุ่นและนุ่มขนาดนี้ สัมผัสรอบด้านที่กำลังโอบอุ้มส่วนกลางของผมเอาไว้ทำสติแทบแตกกระเจิง ผมเริ่มส่งเสียงในลำคอเมื่อพี่อู๋ใช้ลิ้นโลมเลียไปทั่ว เขาห่อริมฝีปากและดูดมินิก้องราวกับเป็นไอศกรีมแสนอร่อย พี่อู๋ทำเอาผมเกือบเสร็จในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที พอผมเริ่มกระตุกเล็กน้อยเขาก็ผละตัวออกและคลานขึ้นมาคร่อมผม เขาบอกว่าไม่อยากให้เสร็จตอนนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะเหนื่อยจนหมดแรงและไม่มีโอกาสได้ทำอะไรๆ ต่อ
ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าพี่อู๋ปรนเปรอผมยังไงบ้าง ผมรู้แค่ว่าหูอื้อมากและแทบไม่ได้ลืมตาเลยเพราะรู้สึกดีเกินไป ผมปล่อยให้พี่อู๋ทำตามใจทุกอย่าง เขาอยากจูบตรงไหนก็จูบ อยากใช้ลิ้นหยอกหน้าอกของผมก็ตามสบาย ผมไม่ห้ามหรือบอกเขาว่าอย่า อย่าแตะตรงนั้น อย่าจับตรงนี้ สิ่งที่หลุดจากริมฝีปากของผมมีแต่คำชื่นชมและร้องขอ เมื่อผมแข็งตัวและตื่นตัวเต็มที่ พี่อู๋ก็นำหมอนมาซ้อนกันสองใบ เขาบอกให้ผมนอนคว่ำลงก่อนจะเอื้อมตัวหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อขึ้นมา
ผมนอนคว่ำไปพร้อมกับเอี้ยวตัวมองหน้าเขา มองสีหน้าของผู้ชายที่ผมรักกำลังง่วนอยู่กับการแกะพลาสติกออกจากขวดก่อนจะส่งยิ้มให้กัน พี่อู๋บอกว่ามันจะตึงๆ หน่อย แต่ผมจะรู้สึกดี เขาสัญญาว่าผมจะรู้สึกดีโดยไม่ต้องใช้มือรูดตรงนั้นเลย พอรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะโดนเสียบ หัวใจของผมก็เต้นตึกตัก ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเลือดในร่างกายสามารถเดือดได้เหมือนน้ำเปล่า ผมทั้งกังวลและกลัวว่ามันจะเจ็บมากไหมเพราะขนาดของพี่อู๋ก็ – มันน่ากลัวมากนะเมื่อจินตนาการว่าจะมีอะไรสอดเข้ามาในตัวของผม ด้วยขนาดนั้น ด้วยความยาวนั้น มันต้องเจ็บมากแน่ๆ เลือดจะออกไหมนะ ก้นของผมจะฉีกไหม ถ้าฉีกจะเจ็บแค่ไหน ผมมัวแต่คิดกังวลจนไม่ได้สนใจว่าพี่อู๋ถึงขั้นตอนไหน ระหว่างที่กำลังคิดจนเริ่มอ่อนตัว จู่ๆ อะไรบางอย่างก็สอดเข้ามา
ไม่ – มันไม่เจ็บเลย เพราะพี่อู๋แค่สอดนิ้วชี้ที่ชุ่มเจลหล่อลื่นเข้ามาหนึ่งนิ้ว เขาถามผมว่าเจ็บไหม เมื่อผมส่ายหน้าบอกว่าไม่เจ็บครับ เขาก็ค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ ความรู้สึกแรกของการถูกสอดใส่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด มันไม่เจ็บตึงแต่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเมื่อสัมผัสได้ว่านิ้วนั้นเริ่มกวาดวนในตัว ผมซุกหน้าลงบนหมอนและพยายามผ่อนคลายตามที่พี่อู๋ว่า พอเห็นผมยังดูเกร็งๆ ไม่สบายใจ เขาก็เปิดเพลงผ่านลำโพงบลูทูธเพื่อให้บรรยากาศตึงเครียดน้อยลงกว่านี้
เพลงที่พี่อู๋เปิดเป็นเพลงฝรั่ง ทำนองเชื่องช้าและนุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนนิ้วของเขาที่อยู่ในตัวของนายก้องเกียรติ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องเพลงนี้ แต่พอฟังออกคร่าวๆ ว่า You’ re my my my my –
“อื้อ!!”
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ จำนวนนิ้วก็เพิ่มขึ้นกะทันหัน พอเอี้ยวตัวกลับไปมองพี่อู๋ก็เห็นสีหน้าผ่อนคลายของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับก้นของก้องเกียรติ เมื่อเราสบตากัน เขาก็ส่งยิ้มหวานและโน้มตัวมาป้อนจูบให้ พี่อู๋ถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่าเจ็บไหม
“มะ – ไม่เจ็บครับ”
ผมละล่ำละลักตอบเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ปั่นป่วนในท้องน้อย มันคือความเสียวที่วิ่งปราดมาจากไหนไม่รู้ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้แตะต้องมินิก้องเลย ผมหลับตาพริ้มเมื่อพี่อู๋ใช้ปลายนิ้วนวดวนเบาๆ จากที่เคยกังวลจนเริ่มอ่อนตัวก็ค่อยๆ กลับมาแข็งอีกครั้ง ผมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ครางกระเส่าในลำคอเพราะพี่อู๋ขยี้ปุ่มบางอย่างในตัวผมหนักหน่วงเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะแตกได้ตลอดเวลาแค่เพราะนิ้วของเขาสอดเข้ามานวดเบาๆ ด้านหลัง
“พี่อู๋ – ผมเหมือนจะเสร็จเลย”
ผมบอกเขาทั้งๆ ที่ยังหลับตาพริ้ม รู้สึกเพลิดเพลินในสัมผัสนั้นจนปั่นป่วนไปทั่วร่าง เมื่อเห็นนายก้องเกียรติเริ่มปรับตัวได้ พี่อู๋ก็สอดนิ้วเข้ามามากขึ้น มันเริ่มแน่นและตึงตรงปากทางจนต้องโก่งสะโพกเพื่อให้เขาทำได้สะดวกขึ้นหน่อย ผมร้องครางบอกพี่อู๋ว่าเสียว เสียวจังเลยครับอยู่สองสามครั้งก่อนที่ความต้องการปลดปล่อยจะพุ่งทะยานสูงขึ้น ผมครางดังขึ้นเมื่อพี่อู๋เริ่มชักเข้าชักออกเป็นจังหวะ เสียงเจลหล่อลื่นดังเฉอะแฉะทำให้ผมนึกถึงฉากในหนังโป๊ที่เคยดูบ่อยๆ ผมเริ่มจินตนาการว่าตัวเองกำลังถูกเติมเต็มจากข้างหลัง แม้ว่ามันจะเป็นแค่นิ้วสามนิ้ว แต่ก็สร้างความสุขให้ผมจนถึงฝั่งฝันได้ ผมตัวกระตุกสองสามครั้งและแตกเลอะใส่หมอนที่รองอยู่ด้านล่าง ทั้งๆ ที่ผมเสร็จแล้วแต่พี่อู๋ยังไม่หยุด เขายังคงตะบี้ตะบันขยี้ปุ่มนั้นในตัวของก้องเกียรติจนต้องเปล่งเสียงร้องออกมา
ผมเริ่มร้องหนักขึ้น ครางหนักขึ้นจนเกือบเรียกได้ว่าเป็นการอ้อนวอนขอชีวิต ผมบอกพี่อู๋ว่าพอแล้ว พอได้แล้ว! พี่อู๋ถึงจะยอมหยุด เขาพลิกตัวผมให้นอนหงายและก้มหน้าลงมาจูบอีกครั้ง เราจูบกันทั้งที่ส่วนกลางของก้องเกียรติยังสั่นระริกและปล่อยของเหลวของมาเป็นระลอก พี่อู๋ก้มมองด้วยความชอบใจ เขามองจนกระทั่งตรงนั้นอ่อนตัวลงจึงเงยหน้ากลับมาสบตากัน
“เจ็บไหม?”
“ตอนแรกไม่เจ็บครับ” ผมจูบพี่อู๋เบาๆ “แต่พอเพิ่มเป็นสามนิ้วมันก็ตึงๆ นิดนึง”
“แต่ทนไหวใช่ไหม?”
“ไหวครับ”
“ของพี่มันก็พอๆ กับเมื่อกี๊แหละ แค่ยาวกว่านิดหน่อย ถ้าทนไม่ไหวรีบบอกพี่นะ”
“ถ้าผมเจ็บ – พี่จะหยุดใช่ไหม?”
ผมถามด้วยความกังวล เมื่อพี่อู๋ส่งยิ้มและให้สัญญาว่าเขาจะหยุดทันทีที่นายก้องเกียรติร้องขอ ผมจึงสบายใจและขอบคุณเขา ในห้องนอนใหญ่ที่เคยใช้สำหรับพักผ่อน ร่างชุ่มเหงื่อของเราสองคนกำลังสัมผัสกันและกันอย่างนุ่มนวล พี่อู๋จูบและเร่งเร้าให้นายก้องเกียรติกลับมาแข็งตัวเป็นครั้งที่สอง เมื่อผมเริ่มพร้อมเขาก็พลิกตัวให้นอนคว่ำอีกครั้ง พี่อู๋เริ่มต้นสอดนิ้วเข้ามาทีละนิ้วใหม่ มันเป็นไปอย่างเนิบนาบใจเย็นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ก้องเกียรติมากที่สุด ผมเองก็เคลิ้มจนหลับตาพริ้ม พึงพอใจในรสสัมผัสและการนวดวนของพี่อู๋อยู่ไม่น้อย พอเริ่มคุ้นชินจนลืมไปว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร พี่อู๋ก็ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามา
ผมร้องโอ๊ยทันทีเพราะปากทางตึงไปหมด แค่ส่วนหัวของเขาผมก็เริ่มตึงจนเจ็บแทบทนไม่ได้ พี่อู๋รีบโน้มตัวทาบลงมาเพื่อลูบหัวผมเบาๆ เขาสอนให้ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ จะได้ไม่เกร็งมาก แต่มันเจ็บเกินไป มันเจ็บจนไม่รู้สึกดีเลย พี่อู๋จึงยอมถอนตัวออกโดยไม่ขอให้ผมกัดฟันยอมอดทนเพื่อให้มันเข้าไปมิดลำ สิ่งที่เขาทำคือกอดผมและบอกว่าพอก่อนก็ได้
“เจ็บมากไหม?”
เขาถาม ผมจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบเพราะไม่อยากให้พี่อู๋เสียกำลังใจ ผมโกหกเขาว่าไม่มากเท่าไหร่ทั้งๆ ที่มันเจ็บเหมือนมีอะไรฉีกขาด ผมบอกพี่อู๋ว่าขอพักหนึ่งนาที ขอผมทำใจอีกซักหนึ่งนาทีแล้วเราค่อยเริ่มต้นกันใหม่ พี่อู๋ยังคงบอกผมว่าไม่เป็นไร ถ้ามันเจ็บจนทนไม่ไหวค่อยลองใหม่วันหลังก็ได้ แต่ผมคิดว่าต้องเป็นวันนี้ เขาบิ้วอารมณ์ผมจนอยากโดนใส่แล้ว จะรออีกสัปดาห์ทำไม ทำมันวันนี้แหละ ทำตอนที่ผมกำลังต้องการนี่แหละ ผมบอกถึงความตั้งใจแรงกล้านี้ เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้ามาจูบก้องเกียรติ
“งั้นลองใหม่เนอะ พี่จะทำช้าๆ ก็แล้วกัน”
พี่อู๋บอกอย่างนั้นและเริ่มต้นกันใหม่ กว่าจะบิ้วให้ผมต้องการได้ที่ กว่าทางข้างหลังจะพร้อมจนสอดใส่ก็ใช้เวลาพอสมควร ผมว่าคนที่ต้องอดทนที่สุดครั้งนี้ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นพี่อู๋ต่างหาก ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วเขายังไม่เสร็จเลยซักครั้ง มันทั้งตึงเครียดและบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด ดูก็รู้ว่าคงเจ็บมากแต่พี่อู๋กลับทุ่มเททุกอย่างให้ก้องเกียรติแทน เขาทั้งนวด ทั้งช่วยทำให้ผมคุ้นชิน ทั้งบิ้วอารมณ์ให้ผมอยากสุดๆ เพื่อที่จะสอดใส่ แต่ไม่ว่าจะทำขนาดไหนมันก็ยังเจ็บอยู่ดี ผมร้องขอให้เขาหยุดอยู่ประมาณสี่ห้าครั้ง พอครั้งที่หกผมเห็นสีหน้าพี่อู๋เริ่มไม่ดีเพราะเจ็บที่ไม่ได้ระบายออก ผมจึงยอมอดทน กัดฟันแน่นเมื่อพี่อู๋ค่อยๆ ดันเข้ามาจนมิดด้าม ไม่ต้องพูดถึงเสียงร้องของผมเลยว่าหวีดหวิวขนาดไหน ผมเจ็บที่มันเข้ามาอยู่ในตัว ทั้งเจ็บทั้งจุกเหมือนโดนกระทุ้งจนตัวงอ แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกดีเมื่อเห็นพี่อู๋ขมวดคิ้วแน่น เขาสูดปากพยายามสงบสติอารมณ์และชมผมว่าก้นแน่นจัง
มันความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้เลยเมื่อส่วนหนึ่งของพี่อู๋เข้ามาอยู่ในตัวผม เขาแช่มันไว้ครู่ใหญ่ ปล่อยให้ก้องเกียรติค่อยๆ ทำความคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมจนเจ็บน้อยลงจึงเริ่มขยับ การเสียดสีจากผนังด้านในให้ความรู้สึกต่างกับนิ้วมาก ของพี่อู๋มันแน่นและเติมเต็มได้มากกว่า ความยาวก็มากกว่าจนสามารถทำให้ผมสะดุ้งเมื่อกดเข้ามามิดได้ พออะไรๆ เริ่มดีขึ้น พี่อู๋ก็บีบเจลหล่อลื่นเพิ่มเพื่อไม่ให้มันฝืดเกินไป เขาใช้สองมือยึดสะโพกของก้องเกียรติและค่อยๆ ขยับตัวเข้าออกช้าๆ จากนั้นเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเมื่อเราปรับตัวเข้าหากันได้
“เจ็บไหมก้อง?” พี่อู๋ถาม
“ไม่ – อ่ะ ไม่เจ็บครับ”
ผมตอบพร้อมกับพยายามกัดปากไว้แน่น มันคือความสุขสมผสมความเจ็บปวดที่พอรับได้ แต่ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งของพี่อู๋ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม ปกติผมเคยใช้แค่มือช่วยตัวเอง มาคราวนี้พี่อู๋เป็นฝ่ายทำให้เสียวแทบขาดใจด้วยการซอยเข้าออกเป็นจังหวะเนิบนาบ ผมเลียริมฝีปากเพราะรู้สึกว่ามันแห้งเกินไป ดวงตาหลับพริ้ม รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับส่วนหนึ่งของพี่อู๋ที่ยังคงขยับเป็นจังหวะ
พอถึงจุดหนึ่งของอารมณ์ ความเสียวก็ค่อยๆ ไต่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พี่อู๋เริ่มซอยถี่ขึ้นจนหน้าขาของเขากระทบก้นของผมส่งเสียงดังพั่บ! พั่บ! ในห้องนอนที่มีแค่เสียงเพลงจากลำโพงบลูทูธเริ่มมีเสียงร้องครางกระเส่าของเราทั้งคู่ ผมรู้สึกดีที่ไม่ได้เป็นคนเดียวที่เสียว แต่ตัวผมเองก็ทำให้พี่อู๋กำลังมีความสุขมากๆ เหมือนกัน ผมเอี้ยวตัวเพื่อมองหน้าเขา ยิ่งเห็นพี่อู๋หลับตา ดำดิ่งไปกับการเสพสมร่างกายของผมก็ยิ่งเร้าอารมณ์ ผมร้องครางในลำคอเมื่อรู้สึกเสียดตรงส่วนปลาย ผมกำลังจะเสร็จอีกแล้ว เสร็จโดยไม่ต้องใช้มือ เสร็จเพราะไอ้นั่นของเขากระทุ้งเข้าออกอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอดครั้งที่สอง ท้องน้อยของผมก็เริ่มปั่นป่วนและเสียวไปทั้งลำมากขึ้นเรื่อยๆ ผมร้องอ๊า! เมื่อพี่อู๋เผลอกดเข้ามาลึกเกินไป แต่ความลึกของมันก็ทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังร่วงหล่นจากหน้าผา ความเสียวที่เกิดขึ้นเพราะพี่อู๋ทำให้ผมต้องร้องขอให้เขารักษาความเร็วนี้เอาไว้
“จะแตกแล้ว --” ผมสูดปาก สองมือจิกหมอนแน่นเพราะเริ่มเกร็งจนควบคุมไม่ได้ “โอ๊ย พี่อู๋ ผมจะแตกแล้ว จะแตกแล้ว!”
ราวกับเข้าใจในสิ่งที่ก้องเกียรติต้องการจะสื่อ พี่อู๋ขยับตัวเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ บดเบียดสะโพกด้วยความเร็วและแรงจนเสียดสีจุดเสียวที่อยู่ภายใน กดย้ำซ้ำๆ จนผมทนแทบไม่ได้ ต้องกรีดร้องออกมาดังๆ จนกระทั่งถึงฝั่งฝัน ผมปล่อยออกมาเลอะหมอนเป็นหนที่สองแต่ถึงอย่างนั้นช่องทางข้างหลังก็ยังคงถูกกระตุ้นเรื่อยๆ ผมตัวกระตุกเกร็งหลายหนเพราะร่างกายบีบเค้นเอาหยาดหยดสุดท้ายออกมา หลังจากนั้นไม่นานพี่อู๋ก็เสร็จตาม เขาครางในคอเสียงต่ำด้วยใบหน้ายู่ยี่ก่อนจะอัดสะโพกใส่ผมย้ำๆ สองสามครั้ง
ผมคิดว่าเขาแตกใน ปรากฏว่าไม่มีของเหลวอะไรคั่งค้างเพราะพี่อู๋ใช้ถุงยางอนามัย หลังถอนตัวออก พี่อู๋ก็ล้มตัวนอนทับผม เรานอนหอบด้วยกันทั้งคู่อย่างหมดสภาพ ผมเสร็จถึงสองครั้งก็เลยหมดแรง ส่วนพี่อู๋เสร็จหนักไปหน่อยถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ พอเริ่มหายใจได้เต็มปอด เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมและขอบคุณที่อดทนจนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผมส่งยิ้มเหนื่อยๆ ให้พี่อู๋และมองตาเขา เชื่อไหมว่าในนั้นมีแต่ใบหน้าของผมและความรักแสดงออกชัดเจนจนแทบปิดไม่มิด ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมให้มีอะไรกับพี่อู๋ ทุกอย่างที่ผ่านมามันมีความหมายมากๆ และผมก็รักเขามาก พี่รู้ตัวบ้างไหม
“พี่เจ็บป๋องแป๋งไหม?”
“เจ็บ” เขาไม่ปิดบัง “ไม่เคยต้องกลั้นนานขนาดนี้เลย”
“ผมขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม?” เขาเลิกคิ้วถาม “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ก้องเจ็บกว่าพี่ตั้งเยอะ ตอนนี้ยังเจ็บอยู่ไหม?”
“นิดหน่อยครับ”
“อย่าเพิ่งพลิกตัวนอนหงายก็แล้วกัน” พี่อู๋จ้องตาผมและลูบหัวเบาๆ “เดี๋ยวพี่สั่งข้าวให้กิน อยากกินอะไรล่ะ มื้อนี้เต็มที่เลย”
“ผมอยากกินเอ็มเค”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบโทรศัพท์ก่อนนะ”
พี่อู๋จุ๊บหน้าผากผมหนึ่งทีก่อนจะหายไปหยิบโทรศัพท์และกลับมานั่งข้างเตียง ผมยังคงนอนคว่ำตามคำแนะนำของเขาก็เลยไม่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น เรานั่งเลือกเมนูผ่านทางแอพพลิเคชั่นสั่งอาหาร พี่อู๋สั่งเป็ดย่าง บะหมี่หยก หมูสไลด์และลูกชิ้นมาอีกสองสามอย่าง พอกดสั่งเขาก็แนะนำให้ผมคว่ำหน้ากลิ้งลงจากเตียง อย่านั่ง เพราะมันเจ็บ
ตอนแรกผมไม่เชื่อ ผมคิดว่าพี่อู๋เว่อร์เพราะมันจะเจ็บได้ยังไง อิศรินทร์จูเนียร์ไม่ได้เสียบคาไว้เสียหน่อย แต่พอก้นสัมผัสที่นอนเท่านั้นแหละ ผมหน้ามืดเพราะมันเจ็บกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมากๆ มันไม่ได้เจ็บสะโพกแบบเข็ดเมื่อย แต่มันคือความเจ็บที่เกิดจากแผล เป็นความเจ็บเหมือนตอนท้องผูกมากๆ จนฉีก ผมรู้ว่าคำบรรยายมันอาจฟังดูแย่ แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันเจ็บจนลงน้ำหนักไม่ได้ ผมหน้าซีดจนพี่อู๋ต้องรีบหิ้วปีกให้ลุกขึ้นยืน
“พี่บอกแล้วว่ามันเจ็บ”
“เลือดออกเยอะไหมครับ?”
ผมกระวนกระวาย เจ็บขนาดนี้ก้นต้องฉีกเป็นริดสีดวงแน่ๆ แต่พี่อู๋ก็หมุนตัวให้กลับไปดูที่นอน ไม่มีอะไรเลอะเปรอะเปื้อนเลยเพราะเขาใส่ถุงยางอยู่ ที่เลอะน่ะหมอนที่ใช้รองตัวผม เลอะน้ำของผมคนเดียวเองด้วย นอกนั้นก็สะอาดดี ไม่มีคราบเลือดหรือร่องรอยสยองขวัญเลย
“พี่ไม่ทำก้องเลือดออกหรอก พี่รักก้องจะตาย”
“ให้มันจริงเหอะ ถ้าพี่ฟันแล้วทิ้ง ผมให้พ่อเอามีดฟันหัวพี่แน่”
ผมย่นหน้าล้อเลียนเขาก่อนจะพากันประคับประคองเข้าห้องน้ำ ผมแทบไม่ต้องทำอะไรซักอย่างเพราะพี่อู๋จัดการให้หมด เขาเปิดฝักบัวอาบน้ำให้ผม ล้างก้นให้ ฟอกสบู่ให้โดยที่ผมไม่ต้องกระดิกตัวซักนิด อาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แถมยังพาไปส่งถึงเตียง ช่วยจัดท่าให้นอนสบายๆ ไม่เจ็บก้นอีก เมื่อนายก้องเกียรติหย่อนตัวลงพักผ่อนเรียบร้อย พี่อู๋ก็ลงไปเอาข้าวที่สั่งไว้ เย็นวันนั้นผมต้องยืนกินเพราะนั่งไม่ได้ นั่งแล้วมันเจ็บจี๊ดเหมือนขยี้แผลเลย
พอกินเสร็จ ผมก็กระย่องกระแย่งไปแปรงฟัน ส่วนพี่อู๋เก็บกวาดจานและเช็ดโต๊ะจนเรียบร้อย ผมค่อยๆ ล้มตัวนอนตะแคงบนเตียง จนถึงตอนนี้ความเจ็บยังคงอยู่ และมันเจ็บทุกครั้งที่มีอะไรสะเทือนไปถึงแผลด้านหลัง ลำพังนอนเฉยๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่รู้สึกด้วยซ้ำ แต่อย่าเผลอพลิกตัวนอนหงายเชียวนะ ผมได้แหกปากร้องลั่นห้องแน่เพราะแผลยังสดอยู่
พี่อู๋เดินเข้ามาในห้องนอนเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาถอดปลอกหมอนเปื้อนน้ำของก้องเกียรติลงตะกร้าและเก็บถุงยางกับเจลหล่อลื่นเข้าลิ้นชัก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาใช้เจลเยอะมากจนหมดไปหนึ่งขวด พี่อู๋บอกว่าก้นของผู้ชายไม่มีน้ำหล่อลื่น ถ้าใช้น้อยจะฝืดและเสียดสีจนได้แผล เขาก็เลยใช้เยอะๆ เพราะไม่อยากให้ผมเจ็บตัว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่อู๋ทำให้ผมมันดีมากจนไม่รู้สึกแย่เลย ผมไม่เสียดาย ไม่รู้สึกว่าคุณค่าของตัวเองน้อยลงที่มอบตัวให้พี่อู๋ไปเรียบร้อยเพราะเขาดูแลผมดีมาก เขารู้ตัวว่าทำผมเจ็บ และเขาก็ดูแลทะนุถนอมผมอย่างดีราวกับเป็นไข่ในหิน สิ่งที่พี่อู๋มอบให้ในวันนี้ทำให้ผมรักเขามากกว่าเดิมหลายเท่า ผมรักเขามากจนอยากนอนกอดเขาแน่นๆ เพื่อตอบแทนความรักมากมายที่เขามอบให้คนอย่างก้องเกียรติ
“ครั้งต่อไปที่เรามีอะไรกัน – พี่จะดูแลผมดีเหมือนครั้งนี้ไหม?”
ผมถามพี่อู๋ที่กำลังเอนหลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มหวาน ก่อนจะบอกว่า
“อยากได้คำตอบแบบเรียลๆ หรือทุ่งลาเวนเดอร์?”
“ทุ่งลาเวนเดอร์ครับ”
“พี่จะถนอมก้องแบบนี้ตลอดไป”
“ถ้าแบบเรียลล่ะ?” ผมถามใหม่
“ต่างคนต่างแยกกันไปจัดการตัวเอง คงไม่เหมือนครั้งนี้หรอก”
“พี่สัญญาได้ไหมว่าพี่จะไม่เปลี่ยนไป? พี่จะดูแลผมอย่างนี้ทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน?”
ผมขอร้องพี่อู๋เพราะไม่อยากให้เรื่องราวดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นครั้งเดียว คุณอิศรินทร์หัวเราะก่อนจะบอกว่าได้ แน่นอนว่าได้ เขาดูแลก้องเกียรติได้อยู่แล้ว แต่คนที่เปลี่ยนไปน่ะเป็นผมต่างหาก อีกหน่อยผมจะคุ้นชินจนไม่ต้องการให้ใครประคองตลอดเวลา ผมจะสตรองขึ้นถึงขนาดสวนล้างด้วยตัวเอง อาบน้ำเอง และไม่ยอมให้เขาโอ๋เหมือนเป็นคนป่วยหนักแบบนี้แน่นอน
“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะสตรองขึ้น? เพราะคุณหมูพีเป็นแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่ อีกหน่อยมันจะเปลี่ยนไป เราทั้งคู่ไม่มีใครเหมือนเดิมหรอก” คำตอบของพี่อู๋ทำเอาผมน้ำตาตกใน “แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่รักก้องน้อยลงนะ เรายังรักกันเหมือนเดิม แค่บางทีก้องอาจจะอยากใช้เวลาจัดการด้วยตัวเอง อีกหน่อยก้องอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากพี่น้อยลงเพราะมีเซ็กส์มันเหนื่อย มันไม่อยากยุ่งกับใครนอกจากล้างเนื้อล้างตัวให้สบายตัว ก้องนึกออกใช่ไหม?”
ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่อยากให้วันที่เราเหินห่างแบบนั้นมาถึงเลย ผมจึงบอกพี่อู๋ว่าตราบใดที่ผมอยากให้เขามีส่วนร่วม พี่ช่วยดูแลผมอย่างวันนี้ได้ไหม พี่อู๋รีบบอกว่าได้สิและจูบผม เดี๋ยวเราก็รู้กันว่าคำพูดของเขาเป็นคำมั่นสัญญาที่คงอยู่ชั่วนิรันด์หรือแค่ลมปากของคนอยากเอาเท่านั้น
☁
ผมตื่นนอนประมาณแปดโมงเช้าเพราะพี่อู๋ปลุก เป็นการตื่นนอนที่ไม่สบายตัวเท่าไหร่เพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ ผมลืมตามองพี่อู๋ที่ยืนข้างเตียงเพื่อดูว่าเขาปลุกผมทำไม พี่อู๋บอกว่าพ่อโทรมาเมื่อกี๊ให้ก้องเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าเลย อีกประมาณชั่วโมงพ่อจะขับรถมารับ
“ทำไมต้องมารับ? ก็พี่อู๋บอกว่าจะไปส่งผมไม่ใช่เหรอ?”
ผมงอแง คุณอิศรินทร์จึงบอกว่าพ่อแวะมาทำธุระที่นี่ ผมถามเขาว่าธุระบ้าอะไรแปดโมงเช้า พี่อ่ะตกหลุมพรางของพ่อแล้ว นี่มันข้ออ้างหาเรื่องมารับผมกลับบ้านชัดๆ เขาคงรอให้พี่อู๋ไปส่งไม่ไหวเพราะรู้ว่าเราต้องหาข้ออ้างกลับดึกแน่ๆ
“ลุกขึ้นเร็วเข้า เดี๋ยวพี่เก็บกระเป๋าให้”
พี่อู๋ดึงแก้มผมก่อนจะเดินไปหน้าตู้เสื้อผ้า ส่วนนายก้องเกียรติงอแงไม่ยอมตื่นเพราะรู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆ ผมเจ็บคอและหายใจไม่ค่อยออกนิดหน่อย ผมอยากจะนอนต่ออีกซักพักเพื่อให้อาการดีขึ้น แต่พอพี่อู๋ลุกมาจับแขนเขาจึงเอ่ยปากทักว่าผมตัวร้อน
“ติดหวัดทรายแน่ๆ เลยอ่ะ” ผมพูดเสียงขึ้นจมูก “เดี๋ยวกลับไปพักที่บ้านก็หาย”
แต่พี่อู๋ดูไม่ค่อยสบายใจ เขาเอาแต่ใช้มืออังหน้าผากผมอยู่นั่นแหละ ซักพักก็บ่นงุบงิบว่าพ่อก้องเอาตายแน่ คราวนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยยากกว่าเดิมแน่ๆ ผมบอกพี่อู๋ว่าเขาคิดมากเกินไป ผมติดหวัดเพื่อน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่เลย พี่จะเครียดทำไมเนี่ย แต่พี่อู๋ก็ยังไม่เลิกกังวลอยู่นั่นแหละ สุดท้ายผมจึงกินยาลดไข้ไปหนึ่งเม็ดเพื่อให้เขาสบายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปกินโจ๊กที่โต๊ะกินข้าว กินไปไม่ถึงครึ่งชามพ่อก็โทรมาตามพอดี
“ครับ ก้องกินข้าวอยู่ครับ เดี๋ยวผมพาลงไปส่ง”
พี่อู๋รับสายแทนผมก่อนจะเร่งให้กินข้าวเร็วๆ ผมเซ็งนิดหน่อยที่เวลาสองต่อสองของเราถูกตัดจนเหลือน้อยลงไม่ครบสองวัน หลังกินเสร็จผมก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันส่วนพี่อู๋วางชามทิ้งไว้ในอ่าง เขาหยิบเป้ของผมมาสะพายไหล่ก่อนจะสวมกอดผม จูบผม และถามว่าเจ็บไหม
“ไม่เจ็บแล้วครับ” ผมยิ้ม “แต่เจ็บคอ”
“เสียงเริ่มแหบแล้ว บอกพ่อให้พาไปหาหมอด้วยนะ”
เขายีหัวผมและบอกว่าเจอกันอาทิตย์หน้า เราเดินจับมือกันจนถึงชั้นหนึ่งของคอนโดจนกระทั่งบานประตูลิฟต์เปิด เราเห็นเบนซ์ของพ่อติดเครื่องรออยู่แล้ว พี่อู๋ยกมือไหว้สวัสดีพ่อตามมารยาทและเก็บกระเป๋าให้ผม เขาฟ้องพ่อด้วยว่าผมไม่ค่อยสบาย เจ็บคอนิดหน่อย ถ้าพอมีเวลาช่วยพาไปให้หมอตรวจทีนะครับ
“บ๊ายบายครับ”
ผมโบกมือลาเขา พี่อู๋ยิ้มกว้างและโบกมือตอบ ผมมองเขาผ่านทางกระจกข้างจนสุดสายตาก่อนจะหันไปคุยกับพ่อ พ่อดูไม่สบายใจที่เสียงผมแหบเหมือนเป็ด เขาบอกว่าก่อนกลับบ้านจะแวะหาหมอที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน
“พ่อไม่ไปธุระแล้วเหรอ?”
ผมแกล้งถาม พ่อยังดึงหน้าไม่แสดงออกว่าตกใจที่ถูกจับไต๋ได้ เขาพูดเรียบๆ ว่าทำเสร็จแล้ว ผมจึงถามต่อว่าทำอะไรที่ไหน มีเรื่องอะไรถึงต้องเข้ากรุงเทพตั้งแต่เจ็ดแปดโมง พอโดนต้อนเรื่อยๆ พ่อก็เริ่มแสดงท่าทีรำคาญ เขาบอกว่าไม่ต้องรู้หรอกว่ามาทำอะไร ผมจึงมั่นใจว่าพ่อโกหก เขาแค่หาเรื่องมารับผมกลับบ้านเร็วขึ้น ธุรงธุระอะไรคงไม่มีจริงหรอก
นาฬิกาบอกเวลาว่าสิบโมงสามสิบสี่นาที พ่อเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้านเพื่อให้ผมพบหมอ ซึ่งผลตรวจก็ออกมาเป็นไข้หวัดจริงๆ อย่างที่คิดไว้ ระหว่างรอคิวจ่ายเงินค่าหมอ พ่อก็หลอกถามผมว่าอยู่กับพี่อู๋สองคนทำอะไรบ้าง ซึ่งผมก็ตอบตามความจริงครึ่งนึง ไม่จริงครึ่งนึง เพราะถ้าบอกพ่อว่าเมื่อวานผมมีอะไรกับพี่อู๋ พ่อคงหัวใจวายตาย หรือไม่ก็ถือปืนไปยิงหัวพี่อู๋แน่ๆ
“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียกพ่อ ทำไมไม่เรียกป๊าเสียที?”
จู่ๆ พ่อที่ไม่รู้นึกอะไรถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมจึงบอกพ่อว่าเพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเชื้อสายจีน ผมไม่ชินกับสรรพนามที่พ่อกับครอบครัวใช้ ผมถามพ่อว่าอยากได้ยินคำว่าป๊ามากเลยเหรอ เขาเงียบพักหนึ่งก่อนจะบอกว่าตอนเล็กๆ ผมเคยเรียกพ่อว่าปะป๊า
“ตอนนั้นผมยังเด็ก ผมจะพูดได้ไง?”
“ขวบกว่าก็พูดได้แล้ว”
พ่อตอบพลางเสมองบัตรคิวในมือ เราเงียบใส่กันครู่ใหญ่เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมยอมรับก็ได้ว่าที่ไม่เรียกพ่อว่าป๊าเพราะอยากแก้เผ็ดแทนแม่ด้วยการทำให้พวกเขาช้ำใจ แต่พอเวลาผ่านไป มันก็มีบ้างที่เผลอคิดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ผมเริ่มชินกับการกลับบ้านไปเจอทุกคน เริ่มคุ้นเคยกับอาหารฝีมืออาแตง เริ่มตระหนักได้ว่าตัวเองมีพ่อและน้องสาวอีกสี่คน มีแม่เลี้ยง มีย่า มีหมาหนึ่งตัวในบ้านหลังนั้น ผมไม่ได้ใจอ่อนยอมยกโทษให้พ่อกับย่าที่บีบแม่จนต้องหนีออกจากบ้าน เพราะมีบ้างบางครั้งที่ชั่ววูบหนึ่ง เป็นชั่ววูบแสนสั้นราวกับลมพัดผ่าน – มีบ้างที่ผมคิดถึงแม่ และผมยังทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและให้อภัยอย่างสนิทใจไม่ได้
“มันก็แค่คำเรียก พ่อไม่ต้องคิดมากหรอก”
ผมบอกพ่อแค่นั้นและหวังว่าพ่อจะเข้าใจ เรานั่งเงียบใส่กันจนกระทั่งถึงคิวจ่ายเงิน หลังจากรอรับยาอีกประมาณห้านาที พ่อก็เดินนำผมกลับไปที่รถและไม่คุยเรื่องนี้อีก มันเงียบหายไปราวกับพ่อไม่เคยท้วงติงขอให้ผมเรียกเขาว่าป๊า ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าก้องเกียรติจะเรียกเขาว่าอะไร ผู้ชายที่ชื่อสมปราชญ์ก็ยังดูแลผมอย่างดีเหมือนเดิม
TBC
_______________________
#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้
สวัสดีวันจันทร์เช่นเคยค่ะ :3
หลังจากรอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ -- 55555555555555555555555555
เตรียมตัวนับถอยหลังได้แล้วนะคะพี่จ๋า เหลืออีกสองตอนน้องก้องก็จะบ๊ายบายทุกคนแล้วค่า
สัปดาห์หน้าน่าจะมีรายละเอียดรูปเล่มอย่างเป็นทางการนะคะ หลังเนื้อหาตอนหลักเสร็จสมบูรณ์เราจะถามสำนักพิมพ์และอัปเดตให้ทราบอีกครั้ง อดใจรออีกนิดเดียวของแท้ ไม่ติงนัง ไม่ลวงหลอก น้องก้องรูปเล่มมาแน่คับผม! ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจเช่นเคยนะคับ ;-;