เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 133553 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พาร์ทนี้เข้าใจหัวอกพ่อเลยนะ พ่อสอนดีด้วย
อาแตงเป็นตัวกลางที่ดีมาก
ส่วนพี่อู๋และน้องก้องนั้น...ร้อนยังกับไฟเออร์

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
No man perfect!
อย่ามากล่าวหาพี่อู๋นะคุณพ่อ

ลิ้นกับฟัน มีกระทบกระทั่งกันบ้าง
มันก็เรื่องธรรมดาป่ะ

พี่อูู๋รักน้องก้อง
พอมั้ย จบนะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านตอนนี้จบ พูดเลย “ แงงงงง อาม่าาา หนูขอโทษ” เข้าใจเลยว่าทั้งบ้านเป็นห่วงก้อง รักก้อง :hao5:
และกอริลลาก้องนั้นแซ่บมากกกกกกก พริกขี้หนูทั้งสวนจ้าาาา แค่ดมน้ำหอมของเสี่ยเท่านั้น เลยเถิดเลยจ้าาาาา :laugh:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
หวังว่า  ทุกเรื่องจะผ่านไปได้ดีกับทุกฝ่าย

ออฟไลน์ newyork_jaja2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อู๋ น่ารักนะ..ตามชื่อเรื่ิองเลย...ว่าไม่ใช่วันนี้ .. รอวันต่อไปจ้า :m20:


ออฟไลน์ ง่วงนอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รู้สึกว่าคำอธิบายพี่อู๋ฟังไม่ขึ้น ทะเลาะกันครั้งแรกหลังคบกันก็ไล่ยังกับหมูหมาไม่ยอมฟังเหตุผลทั้งที่รู้ว่าน้องไม่มีที่ไปและยังไม่คุ้นกับพ่อ โดนโซเชียลรุมสาป แถมยังเสี่ยงว่าโรคซึมเศร้าจะกลับมาเนี่ยนะ ทั้งที่กับหมูพีอีพี่อู๋มันยอมตลอด ทำไมทำกับน้องลงวะ ตอนแรกนึกว่าวางแผนกับพ่อไว้แต่คงไม่ใช่สินะ สนับสนุนให้พ่อกันพี่อู๋ออกไปจนกว่าจะดัดนิสัยทำอะไรไม่คิดให้ได้ก่อนค่อยมาเจอกัน ไม่งั้นทะเลาะกันรอบหน้าก็ไม่รู้พี่มันจะทำอะไรกับก้องอีก

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่อู๋เป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอ ตั้งแต่ตอนที่กลับไปคบกับหมูพีแล้ว นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปแบบไม่เหลียวหลัง ถ้าฉันเป็นพ่อก้องก็คงเครียดแหละ ไม่ไว้มันเลยไอ้ผู้ชายคนนี้ 5555555 ในสายตาพ่อแม่ลูกก็เป็นเด็กน้อยเสมออยู่แล้ว

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
อ่านเรื่องนี้หมดน้ำตาไปเป็นลิตรละ ร้องกันยาวๆเลย
แต่หยุดอ่านไม่ได้ รอต่อไปค่า

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
43 [PART 1/2]





พ่อไม่ได้ตั้งกฎคุมพฤติกรรมของผมเป็นพิเศษ พ่ออนุญาตให้พี่อู๋มาหาเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ แต่ไม่อนุญาตให้ค้างที่บ้านเพราะบรรดาน้องสาวของผมโตแล้ว พวกแกไม่สะดวกใจจะให้ผู้ชายแปลกหน้ามาแชร์พื้นที่ส่วนตัวซึ่งผมเข้าใจดี ผมไม่ข้อร้องให้พ่อผ่อนผันกฎข้อนี้เพราะอยากเคารพความเป็นส่วนตัวของน้องๆ เหมือนกัน



มันค่อนข้างลำบากจริงๆ ที่เราไม่สามารถกินอยู่ด้วยกันสองต่อสองเหมือนเมื่อก่อน ผมต้องกลับบ้านทุกวันศุกร์ และวันอาทิตย์พ่อจะเป็นคนไปส่งที่หอ ถ้าพี่อู๋คิดถึงก้องเกียรติก็ต้องขับรถมาถึงสมุทรสาครเองเพราะพ่อไม่ยอมให้ผมไปค้างลาดพร้าว ผมถามพ่อว่าทำไมไม่ปล่อยๆ ให้ผมใช้เวลาอยู่กับเขาบ้าง พ่อบอกว่าผมยังเด็กเกินไปสำหรับการกินอยู่กับแฟน



พ่อ – อยากให้ผมเป็นผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกันเขากลับปฏิบัติต่อผมราวกับเป็นลูกสาวที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้บุบสลายตามค่านิยมอย่างไทยๆ ผมกับพี่อู๋เคยคุยเรื่องนี้ผ่านทางโทรศัพท์เพราะรู้สึกว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่าทำตามความต้องการของพ่อเถอะ จะได้ไม่มีปัญหาเคืองใจกันบ่อยๆ ผมจึงต้องกลับบ้านทุกสุดสัปดาห์ ส่วนพี่อู๋จะขับรถมาหาวันเสาร์ตอนเช้า จากนั้นเราจะไปเที่ยวไหนก็ไป พ่อไม่ห้าม แต่พี่อู๋ต้องมาส่งก่อนสองทุ่ม ผมไม่ค่อยโอเคกับข้อแม้นี้เท่าไหร่ ผมอยากให้พ่ออนุญาตให้ผมกลับไปค้างลาดพร้าวบ้าง ซึ่งดูจากรูปการณ์แล้วตอนนี้ยังไม่เหมาะ อาจจะรอให้เราคบกันนานเกินหนึ่งปี หรือทำให้พ่อสบายใจมากกว่านี้ซักหน่อย ผมคงจะหยิบยกคำขอนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง



พี่อู๋กับผม เราคบกันในสายตาของพ่อจนเปิดเทอมสอง ช่วงก่อนหยุดยาววันสงกรานต์ผมลองเกริ่นๆ ขออนุญาตไปเที่ยวกับพี่อู๋ต่างจังหวัดบ้างแต่แน่นอนว่าพ่อไม่อนุญาต แอปเปิ้ลน้องสาวคนรองบอกว่าทำใจเถอะ ไม่ว่าลูกคนไหนขอไปเที่ยวช่วงเทศกาล พ่อก็ไม่ให้ไปหรอก แม้แต่ชมพู่ที่โตจนจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วพ่อก็ไม่ให้ไปเพราะพ่อจริงจังกับการนั่งรถโดยสารมาก พ่อกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเพราะช่วงเทศกาลคนกินเหล้ากันเยอะ ต่อให้เราขับรถระวังแค่ไหนก็อาจจะโดนไอ้ขี้เมาขับสวนเลนมาประสานงาได้อยู่ดี



นั่นคือเหตุผลที่บ้านของพ่อไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลๆ เลย พวกเขาไม่เคยไปค้างคืนที่รีสอร์ตริมทะเล ไปเคยขับรถขึ้นภาคเหนือไปดูทะเลหมอกเหมือนผมกับพี่อู๋ ไม่มีประสบการณ์เดินทางไกลเกินห้าชั่วโมงนอกจากรถติดแถวพระรามสอง ผมถามแอปเปิ้ลว่าเป็นไปได้ด้วยเหรอที่คนเป็นพ่อไม่อยากพาลูกพาครอบครัวไปไหน เธอยักไหล่และบอกว่าครอบครัวเราไงเฮีย



“ไม่อิจฉาเพื่อนที่ได้ไปเที่ยวบ้างเหรอ?”

“ตอนเล็กๆ ก็อิจฉา แต่โตมาเปิ้ลก็ชินอ่ะ ที่บ้านไม่มีใครชอบเที่ยวเลยเพราะออกจากบ้านแต่ละทีก็ต้องพาอาม่าไปด้วย เฮียก็รู้ว่าอาม่าพร็อพเยอะจะตาย ไหนจะรถเข็น ไหนจะแพมเพิร์ส” เธอพูดเบาเสียงลงเมื่อพาดพิงย่า “เปิ้ลไม่ได้ปากหมานะ อาจจะต้องรออาม่าไม่อยู่นั่นแหละเราถึงจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง”

“เคยขอพ่อหรือยังล่ะ? ลองขออีกครั้งสิ ไม่แน่พ่ออาจจะใจอ่อนยอมพาไปเที่ยวก็ได้”

“โอ๊ย เรื่องขอเนี่ยเฮียก้องไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้นาวมันลูกช่างขออยู่แล้ว มันขอแทนพวกเราแล้วเฮียแต่อาป๊าไม่อยากไป ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับแปะโป้งหรือเปล่า”

“แปะโป้งอะไร?” ผมขมวดคิ้วงง

“แปะโป้งไงเฮีย แปะโป้งพ่อของเฮียภพอ่ะ”



แอปเปิ้ลทำหน้าขัดใจ เอ้า – ใครมันจะไปรู้วะว่าแปะคือคำสรรพนามเรียกลุง โป้งคือชื่อคน เรียกรวมๆ ว่าแปะโป้งคนก็คิดถึงอย่างอื่นสิ



“อ๋อ ที่โดนรถชนตายเหรอ?”

“ใช่ อาป๊าคงหลอนมั้งเลยไม่กล้าไป” แอปเปิ้ลบ่น “เฮียไม่ต้องมาหลอกถามเปิ้ลเลยนะ จะชวนพวกเราออกนอกบ้านแล้วไปนัดเจอพี่ผู้ชายข้างนอกล่ะสิ”

“บ้าเหรอ ยังไม่ได้คิดอะไรเลย” ผมยกมือจะเขกหัวยายตัวดี “ก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมไม่ไปเที่ยวสงกรานต์กัน”

“ไปทำไมอ่ะเฮีย? คนก็เยอะ รถก็ติด อีกอย่างนะ ช่วงเทศกาลทีไรห้างแถวนี้โล่งเหมือนห้างร้างเลย ไม่ดีเหรอเราจะได้เดินสบายๆ ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร”

“ดีกับเปิ้ลกับมะนาวอ่ะดิ เฮียไม่ได้ชอบเดินห้างเสียหน่อย”

“แหม ไม่ชอบเดินห้าง แต่วันเสาร์ทีไร ไอ้นาวโม้ตลอดว่าได้ไปเที่ยวห้างกับพี่ผู้ชาย”

“เขาชื่ออู๋ เรียกพี่อู๋ก็ได้ เรียกพี่ผู้ชายตามมะนาวกันหมดบ้าน ไม่มีใครเรียกชื่อเขาเลยซักคน” ผมอมยิ้มหัวเราะให้กับน้องสาวตัวดี “แล้วนี่พ่อไปไหน?”

“ไปโรงงาน มะนาวกับส้มจีนก็ไปด้วย”

“ชมพู่ล่ะ?”

“ไปเดินสยามกับเพื่อน” แอปเปิ้ลบอก “แล้ววันเสาร์นี้พี่ผู้ชาย --”

“พี่อู๋”

“นั่นแหละ พี่อู๋เขาจะมารับเฮียไปข้างนอกอีกไหม?”

“คงมามั้ง ทำไม?” ผมเถียงคอถามน้องสาวคนรองด้วยความสงสัย เธอยักไหล่ไม่ว่าอะไร ก็แค่ถามเฉยๆ เผื่อจะมีซักเสาร์ที่ผมไม่ออกนอกบ้านบ้าง “ถ้าเฮียกับแฟนอยู่บ้านพวกเธอก็อึดอัดไม่ใช่เหรอ?”

“ก็จริง” แอปเปิ้ลยอมรับตามตรง “แล้วจะหนีบไอ้นาวไปอีกไหมอาทิตย์นี้?”

“ถ้ามะนาวขอตามไปด้วยก็คงต้องยอม”

“ถามจริง เฮียไม่รำคาญมันบ้างเหรอ? พูดก็มาก เรียกร้องก็เยอะ ที่หม่าม้าไม่อยากเดินห้างเพราะรำคาญมันเนี่ยแหละ ไปทีไรต้องได้ของติดมือกลับบ้านทุกที”

“เอาน่า น้องยังเล็ก”



ผมบอกแอปเปิ้ลพลางคิดถึงยายตัวจี๊ดของบ้านที่ไปวิ่งเล่นที่โรงงานของพ่อ จริงๆ วันนี้ผมก็ต้องไปโรงงานด้วย แต่ไม่อยากทำให้เฮียภพอึดอัดจึงบอกพ่อว่าขออ่านหนังสือสอบ พอเป็นเรื่องเรียนพ่อมักจะไม่ว่าอะไร ราวกับเป็นการ์ดโกงความตายที่ใช้เมื่อไหร่ก็ได้เพราะการเรียนคือเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวนี้ ผมคุยกับแอปเปิ้ลอีกสองสามคำก่อนจะขอตัวขึ้นห้องโดยบอกน้องว่าอ่านหนังสือสอบ จริงๆ ผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรหรอก ก็แค่อยากขึ้นไปคุยกับพี่อู๋ในที่ส่วนตัวเท่านั้น ผมเปิดแอพพลิเคชั่นแชทและพิมพ์ข้อความหาเขา ถามเขาว่าวันเสาร์นี้พี่จะมาไหม เมื่อเขาบอกว่ามา ผมก็อมยิ้มดีใจ



การได้เจอพี่อู๋สัปดาห์ละครั้งมันไม่พอหรอก ไม่มีอะไรพอเลยสำหรับเราที่เคยตัวติดกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมเคยนำเรื่องนี้ไปคุยกับพ่อตรงๆ และจบลงที่เราทะเลาะกันบ้านแทบแตกทุกที สุดท้ายพ่อก็ต้องขอให้พี่อู๋มาช่วยพูดซึ่งผมก็ทะเลาะกับเขาอีกว่าจะเข้าข้างพ่อทำไม เราเคยอยู่ด้วยกันในลาดพร้าวตั้งกี่ปี พ่อเพิ่งเจอผมได้แป๊ปเดียว ทำไมเขาถึงมีสิทธิ์เด็ดขาดในการห้ามไม่ให้ผมไปไหนมาไหนในเมื่อก่อนหน้านี้ผมยังมีอิสระที่จะทำตามใจตัวเองอยู่เลย



“เอาน่า – ทนๆ ไปก่อน อีกซักเดือนสองเดือนเราค่อยคุยกับพ่อใหม่”



พี่อู๋มักจะพูดแบบนี้ตลอด เขาเองก็คิดถึงผมนะ แต่ให้เถียงกับพ่อเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน พี่อู๋บอกว่าพ่อเป็นคนหัวแข็ง คุยให้ตายก็ไม่เปิดใจหรอกเพราะตั้งแต่รู้ว่าผมเป็นแฟนกับพี่อู๋ เลือดรักลูกห่วงลูกก็เพิ่มขึ้นสามร้อยเปอร์เซ็น ผมจึงร้องไห้ถามพี่อู๋ว่าเราต้องอยู่กันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ต่อให้เข้าใจแล้วว่าผมต้องมีครอบครัว แต่มันจำเป็นเหรอที่พ่อจะกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผมเจอเขาแค่สัปดาห์ละครั้ง พี่อู๋ยังคงพูดเหมือนเดิมว่าอดทนไปก่อนจนกระทั่งผมขึ้นปีสอง พี่อู๋จึงมาคุยกับพ่อที่บ้าน ขอเจรจาต่อรองให้ผมได้มีอิสรภาพบ้าง



แน่นอนว่าพ่อไม่ยอม พ่อมักจะอ้างว่าที่นี่คือบ้านของก้องเกียรติ ถ้าไม่กลับมานอนบ้านจะให้ไปค้างที่ไหน พอพี่อู๋บอกว่ากลับไปอยู่ลาดพร้าวกับเขา พ่อก็จะรื้อเรื่องเก่าๆ มาว่าพี่อู๋อีกเป็นชุด มันวนลูปแบบนี้ไปไม่จบไม่สิ้น ซักพักผมก็จะเริ่มหงุดหงิดอารมณ์เสียที่พ่อไม่เข้าใจ ผมจะว่าเขาที่พยายามทำตัวเป็นเจ้าของชีวิตนายก้องเกียรติทั้งๆ ที่ไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยซ้ำ แล้วเราก็จะเถียงกันอีกยกใหญ่จนอาแตงต้องเข้ามาห้าม อาช่วยคุยกับพ่อจนได้ข้อตกลงที่เราสามคนรับได้ นั่นคือผมจะได้กลับไปค้างที่ลาดพร้าวเดือนละสองครั้ง ส่วนปิดเทอมก็เหมือนกัน ถ้าผมเลือกอยู่กับพี่อู๋วันจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์อาทิตย์ต้องกลับมานอนบ้าน ผมตกลงรับข้อเสนอนี้ทันทีเพราะคิดว่าหลังจากนี้คงไม่มีดีลอะไรดีๆ โผล่มาอีกแล้ว ดังนั้นสัปดาห์แรกของการเริ่มต้นชีวิตปีสอง ในที่สุดผมก็ได้กลับบ้านของตัวเองเสียที



คอนโดของพี่อู๋ยังคงจัดวางเหมือนเดิม พวกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่วางอยู่ตำแหน่งเดิมเพียงแค่รกนิดหน่อย เมื่อผมไม่อยู่ก็ไม่มีคนคอยดูแลจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ ในตะกร้าผ้ามีเสื้อผ้าใส่แล้วอัดแน่นจนล้นมากองบนพื้น หนังสือก็วางกระจัดกระจายตามมุมต่างๆ บางเล่มยังไม่ได้แกะซีลพลาสติกออกเลยด้วยซ้ำ ผมกวาดสายตามองห้องก็ได้แต่ถอนหายใจ การกลับบ้านครั้งแรกในรอบหลายเดือนทำไมไม่น่าประทับใจอย่างที่คิด ผมนึกว่าจะเกิดอาการซาบซึ้งน้ำตาไหลจนต้องเดินลูบๆ คลำๆ เฟอร์นิเจอร์ด้วยความคิดถึงเหมือนในละคร ที่ไหนได้ แค่เห็นสภาพห้องก็แทบกัดลิ้นตาย อยากกลับไปนอนบ้านเพื่อทำใจซักระยะ เพราะห้องของพี่อู๋สกปรกและรกมากเหมือนครั้งแรกที่พาผมมาอยู่ด้วย



“ค่อยเก็บพรุ่งนี้ก็ได้ พี่เหนื่อยแล้ว ว่าจะนอนก่อน”



พี่อู๋ตอบเพลียๆ ผมจึงไม่ว่าอะไรนอกจากบอกให้เขาไปนอนและขอจัดการห้องซักหน่อย คืนแรกของการกลับบ้าน ผมจัดการเก็บหนังสือที่วางอยู่แทบทุกมุมของห้องเข้าชั้น ตอนนี้ชั้นอีเกียที่ประกอบเองเริ่มโก่งผิดรูปเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว พี่อู๋มีหนังสือมากเกินไป มากจนไม่มีที่ว่างพอสำหรับหนังสือใหม่พวกนี้อีกแล้ว ผมจึงต้องวางซ้อนหนังสือบนโต๊ะกาแฟหน้าทีวีก่อน จากนั้นก็เริ่มเก็บถุงพลาสติกที่ปลิวกระจายตามห้อง พอเก็บเสร็จแล้วกวาดสายตาดูอีกทีก็ได้แต่ท้อใจ ไม่ไหวหรอก เก็บให้ตายก็ไม่สะอาดหรอก ผมจึงยกธงขาวยอมแพ้ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านอนข้างพี่อู๋ที่กรนดังเหมือนหมี



แน่นอนว่าผมคาดหวังว่าจะคิดถึงกลิ่นหอมของผ้าปูที่นอน คิดถึงสัมผัสนุ่มๆ หมอนใบเดิมที่เคยหนุน ผ้าห่มที่เคยห่ม ทว่ากลิ่นตุๆ จากเครื่องนอนทำให้ผมหลับไม่ลง ซักพักก็ระลึกได้ว่าเครื่องนอนที่ใช้อยู่ตอนนี้คือชุดเดิมที่เคยใช้ช่วงก่อนเกิดเรื่อง พอยกนิ้วขึ้นนับว่ามันถูกใช้งานมากี่เดือนแล้ว ผมแทบตาเหลือกเพราะพี่อู๋ไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลย เขานอนไปได้ยังไงวะ ทั้งๆ ที่กลิ่นเริ่มเหม็นตุๆ และมีเศษทรายบนเตียง คุณอิศรินทร์ของผมกลับนอนหลับสบายใจเฉย ไม่เดือดร้อนกับความสกปรกระยะเผาขนเลย ผมได้แต่กัดฟันมองหน้าพ่อตัวดีที่หลับสนิทใต้ผ้านวม ผมอยากจะเขย่าๆ คอเขาด้วยความโมโห แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ข่มตาหลับพักเอาแรง พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาเคลียร์ห้องต่อ











สัปดาห์แรกที่ได้กลับมาอยู่ลาดพร้าว ผมคาดหวังว่าจะมีช่วงเวลาดีๆ กับพี่อู๋ หวังว่าจะได้จูบกันบนโซฟา ได้ร่วมรักกันบนเตียงตามประสาคนรักที่กำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน แต่พอเห็นสภาพห้องแล้ว แผนการทุกอย่างก็ต้องพับเก็บไว้ก่อน ผมต้องทำความสะอาดห้องยกใหญ่เพราะไม่สามารถทนอยู่ในห้องที่ผ้าปูที่นอนเริ่มมีกลิ่นได้



ก่อนเริ่มลงมือ ผมบอกพี่อู๋ว่าเขาต้องช่วยผม เราต้องช่วยกันทำความสะอาดเพราะสภาพห้องมันเกินทน ดังนั้นสิ่งแรกที่ผมมอบหมายให้เขาทำคือการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผมขอให้พี่อู๋ช่วยยกหมอนไปตากแดดและเปิดหน้าต่างระบายอากาศบ้างเพราะห้องอับจนรับไม่ได้ แทนที่เราจะพักผ่อนในวันเสาร์ กลับกลายเป็นว่าต้องช่วยกันเคลียร์ห้องจนถึงเที่ยง พี่อู๋สั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่นและหายไปเกือบยี่สิบนาทีก่อนจะกลับมาพร้อมถุงเซเว่นสองถุงใหญ่



“ผมก็ว่าทำไมไปนานจัง ที่แท้ไปซื้อขนมนี่เอง”



ผมบ่นพลางเหลือบมองแฟนหนุ่มวางอาหารลงบนโต๊ะ เขาเดินยิ้มมุมปากเข้ามาหาผมแล้วแตะสะโพก ก่อนจะกระซิบข้างหูว่า



“คืนนี้เตรียมตัวนะ พี่จะสอนให้”



พี่อู๋พูดแค่นั้นและยิ้มกว้างจนผมอาย เขาเอาของไปเก็บในห้องก่อนจะเดินย้อนมาตีก้นผมอีกรอบทำเอานายก้องเกียรติเขินหน้าแดง ถ้าเปรียบชีวิตจริงเป็นอะนิเมชั่น ผมคงเหมือนกาต้มน้ำร้อนสีแดงที่เดือดจัดจนได้ยินเสียงไอน้ำดังปี๊ดๆ ไอ้พี่อู๋ ไอ้บ้า ไอ้คนลามก เพราะคำพูดของเขาเลย เขาทำให้ผมเสียอาการจนทำงานบ้านต่อไม่ถูก ได้แต่ยืนเงอะงะว่าจะทำอะไรต่อไปดี หลังเช็ดเปียโนเสร็จผมต้องทำอะไร เพราะสมองมันเอาแต่จินตนาการว่าโดนแน่ คืนนี้โดนแน่จนกังวลไปหมด ผมรีบตบหน้าเรียกสติ บอกตัวเองว่าใจเย็น อย่าแรด อย่าเพิ่งแรดตอนนี้เข้าใจไหมก่อนจะไปซักผ้าต่อ ระหว่างที่กำลังสะบัดผ้าตากบนราว พี่อู๋ก็ถือเครื่องดื่มอะไรซักอย่างมาให้ เขาบอกว่าเป็นยาระบาย ดื่มให้ถ่ายท้องก่อนจะได้ไม่เหนื่อยมาก



ผมควรทำตัวยังไงดี ตอนที่รับแก้วมาดื่มและพี่อู๋มองมา ผมควรทำยังไงกับสายตาวิบวับเป็นประกายของเขาดี พอกินหมดพี่อู๋ก็เก็บไปล้างให้เรียบร้อย เขาดูอารมณ์ดีผิดปกติจนผมเริ่มหมั่นไส้ ใช่สิ คืนนี้ผมจะเป็นของเขาแล้ว ทำไมมันถึงไม่เป็นสถานการณ์ที่อารมณ์พาไปแล้วได้ร่วมรักกันแบบโรแมนติค ทำไมมันต้องเตรียมตัววุ่นวายขนาดนี้ด้วย ราวกับผมเป็นเจ้าสาวในคืนส่งตัวเข้าหอ ทั้งกังวลทั้งตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไรซักอย่าง



บ่ายวันนั้นหลังกินข้าวไปได้สามชั่วโมง ผมก็เริ่มปวดท้องนิดๆ และเริ่มถ่าย ผมถามพี่อู๋ว่าถ่ายหมดก็พอใช่ไหม เขาบอกว่าไม่ ผมยังต้องเจอก๊อกสองก๊อกสามของการทำความสะอาดอีก ขั้นตอนที่ยุ่งยากทำให้ผมค่อนข้างเป็นกังวล ท้องก็ปวด แถมยังต้องคิดมากอีกว่าถ้าโดนสวนล้างมันจะเป็นยังไง แต่พี่อู๋พยายามปลอบให้ทำใจให้สบาย มันก็แค่ถ่ายท้องออกมาเฉยๆ เหมือนการดีท็อกซ์ที่เคยฮิตช่วงนึงไง ไม่ต้องเครียดหรอก การเตรียมตัวไม่เจ็บ ที่เจ็บน่ะ –



“ไม่ต้องพูดครับ ผมรู้แล้ว”



ผมยกมือห้ามพี่อู๋และแยกย้ายไปช่วยกันทำงานบ้านต่อ นาฬิกาบอกเวลาว่าห้าโมงสิบเจ็ดนาที บ้านของเรากลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนวันสุดท้ายที่ผมออกจากห้องไม่มีผิด เหลือแค่จัดหนังสือใหม่ที่พี่อู๋เพิ่งซื้อเข้าชั้นแต่มันก็ไม่ค่อยมีที่แล้ว ผมจึงต้องให้พี่อู๋เลือกว่าจะไม่หยิบเล่มไหนมาอ่านอีกเพราะจะได้เคลียร์พื้นที่ให้หนังสือใหม่เข้าชั้นบ้าง คุณอิศรินทร์ยืนเลือกอยู่นานก่อนจะคัดเอาพวกหนังสือปรัชญาอ่านยากลงใส่ลัง จากนั้นก็แทนที่ด้วยนิยายสืบสวนสอบสวนแทน ผมอ่านชื่อบนหน้าปกที่เขียนว่ามีอะไรในสวนหลังบ้าน ก่อนจะถามพี่อู๋ว่าสนใจแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติพี่ชอบอ่านอะไรยากๆ ผมไม่เคยเห็นพี่อ่านแนวนี้เลย



“แก่แล้วใครจะอยากอ่านปรัชญา” เขาหัวเราะนิดหน่อย “ที่ซื้อใหม่หลายเล่มก็เพราะก้องนั่นแหละ”

“ผมเหรอ?”

“ใช่” พี่อู๋ย่อตัวลงช่วยจัดหนังสือ “คิดถึงก้องมากเกินไปเลยต้องหาอะไรอ่าน”



ผมเบ้ปาก ไม่รู้ว่าคำหยอดหวานๆ คือส่วนหนึ่งของพิธีกรรมก่อนร่วมรักของเขาหรือเปล่า หลังช่วยกันจัดของเสร็จพี่อู๋ก็พาผมเข้าห้องน้ำ เขาสอนให้ผมสวนล้างทำความสะอาดตามที่เคยสัญญาไว้ แต่ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ผมเกลียดมากจนไม่อยากให้ใครอยู่ข้างๆ ผมอายที่ต้องให้พี่อู๋ช่วยสวนให้แต่เขากลับบอกว่าไม่เป็นไรเพราะนี่คือเรื่องธรรมชาติ คือสิ่งที่เขาควรมีส่วนร่วมเพราะเวลามีเซ็กส์กัน พี่อู๋ลำบากน้อยกว่าผมเยอะ เมื่อเช็กจนแน่ใจแล้วว่าคงไม่มีอะไรเลอะเทอะหลุดออกมา พี่อู๋ก็จูงมือผมเดินเข้าไปในห้อง



มันคือการจูงมือที่อ้อยอิ่งเชื่องช้าและยั่วเย้าอย่างมีนัยยะ ผมตื่นเต้นจนรู้สึกราวกับมีไฟฟ้าแล่นทั่วร่างเพียงแค่ปลายนิ้วเราสัมผัส เมื่อเดินเข้ามาถึงข้างใน พี่อู๋ก็ค่อยๆ ปิดประตู เขาเปิดแอร์และหมุนตัวมาหานายก้องเกียรติโดยไม่พูดอะไร ชั่วขณะนั้นเรามองตาด้วยความรู้สึกมากมายที่บรรยายไม่ถูก ผมทั้งกังวลทั้งกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ส่วนพี่อู๋ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาหา และเราก็จูบกัน


ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
43 [PART 2/2]


พี่อู๋ไม่ได้รุกเร้าให้ผมกลัว เขาเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผมเครียดน้อยลง เราจูบกันอยู่ครู่หนึ่งพี่อู๋ก็ค่อยๆ ถอดเสื้อของผมออก เขาดันตัวผมให้นอนราบบนที่นอนและเริ่มต้นจูบกันใหม่ พออะไรๆ เริ่มปะทุขึ้นมา มือของผมก็อยู่ไม่นิ่ง ค่อยปัดป่ายไปตามเสื้อของเขาจนพี่อู๋ต้องถอดออกในที่สุด ระหว่างที่ริมฝีปากของเราติดกัน สองมือก็วุ่นวายกับการปลดกางเกงของฝ่ายตรงข้ามจนเปลือยเปล่า เมื่อผมเริ่มเคลิ้มไปกับจูบนุ่มนวลที่พี่อู๋บรรจงป้อน เขาก็ผละตัวออก มองหน้าผมอีกนิดหน่อยก่อนจะค่อยๆ จูบไล่ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่คางจนถึงท้องน้อย



ตอนที่ผมปรายตามองว่าริมฝีปากของพี่อู๋จะหยุดลงตรงไหนเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเงยหน้ามองผมจากข้างล่างพอดี พี่อู๋แลบลิ้นเลียก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้และใช้ริมฝีปากครอบครองส่วนหนึ่งของก้องเกียรติ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในโพรงปากมันอุ่นและนุ่มขนาดนี้ สัมผัสรอบด้านที่กำลังโอบอุ้มส่วนกลางของผมเอาไว้ทำสติแทบแตกกระเจิง ผมเริ่มส่งเสียงในลำคอเมื่อพี่อู๋ใช้ลิ้นโลมเลียไปทั่ว เขาห่อริมฝีปากและดูดมินิก้องราวกับเป็นไอศกรีมแสนอร่อย พี่อู๋ทำเอาผมเกือบเสร็จในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที พอผมเริ่มกระตุกเล็กน้อยเขาก็ผละตัวออกและคลานขึ้นมาคร่อมผม เขาบอกว่าไม่อยากให้เสร็จตอนนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะเหนื่อยจนหมดแรงและไม่มีโอกาสได้ทำอะไรๆ ต่อ



ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าพี่อู๋ปรนเปรอผมยังไงบ้าง ผมรู้แค่ว่าหูอื้อมากและแทบไม่ได้ลืมตาเลยเพราะรู้สึกดีเกินไป ผมปล่อยให้พี่อู๋ทำตามใจทุกอย่าง เขาอยากจูบตรงไหนก็จูบ อยากใช้ลิ้นหยอกหน้าอกของผมก็ตามสบาย ผมไม่ห้ามหรือบอกเขาว่าอย่า อย่าแตะตรงนั้น อย่าจับตรงนี้ สิ่งที่หลุดจากริมฝีปากของผมมีแต่คำชื่นชมและร้องขอ เมื่อผมแข็งตัวและตื่นตัวเต็มที่ พี่อู๋ก็นำหมอนมาซ้อนกันสองใบ เขาบอกให้ผมนอนคว่ำลงก่อนจะเอื้อมตัวหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อขึ้นมา



ผมนอนคว่ำไปพร้อมกับเอี้ยวตัวมองหน้าเขา มองสีหน้าของผู้ชายที่ผมรักกำลังง่วนอยู่กับการแกะพลาสติกออกจากขวดก่อนจะส่งยิ้มให้กัน พี่อู๋บอกว่ามันจะตึงๆ หน่อย แต่ผมจะรู้สึกดี เขาสัญญาว่าผมจะรู้สึกดีโดยไม่ต้องใช้มือรูดตรงนั้นเลย พอรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะโดนเสียบ หัวใจของผมก็เต้นตึกตัก ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเลือดในร่างกายสามารถเดือดได้เหมือนน้ำเปล่า ผมทั้งกังวลและกลัวว่ามันจะเจ็บมากไหมเพราะขนาดของพี่อู๋ก็ – มันน่ากลัวมากนะเมื่อจินตนาการว่าจะมีอะไรสอดเข้ามาในตัวของผม ด้วยขนาดนั้น ด้วยความยาวนั้น มันต้องเจ็บมากแน่ๆ เลือดจะออกไหมนะ ก้นของผมจะฉีกไหม ถ้าฉีกจะเจ็บแค่ไหน ผมมัวแต่คิดกังวลจนไม่ได้สนใจว่าพี่อู๋ถึงขั้นตอนไหน ระหว่างที่กำลังคิดจนเริ่มอ่อนตัว จู่ๆ อะไรบางอย่างก็สอดเข้ามา



ไม่ – มันไม่เจ็บเลย เพราะพี่อู๋แค่สอดนิ้วชี้ที่ชุ่มเจลหล่อลื่นเข้ามาหนึ่งนิ้ว เขาถามผมว่าเจ็บไหม เมื่อผมส่ายหน้าบอกว่าไม่เจ็บครับ เขาก็ค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ ความรู้สึกแรกของการถูกสอดใส่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด มันไม่เจ็บตึงแต่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเมื่อสัมผัสได้ว่านิ้วนั้นเริ่มกวาดวนในตัว ผมซุกหน้าลงบนหมอนและพยายามผ่อนคลายตามที่พี่อู๋ว่า พอเห็นผมยังดูเกร็งๆ ไม่สบายใจ เขาก็เปิดเพลงผ่านลำโพงบลูทูธเพื่อให้บรรยากาศตึงเครียดน้อยลงกว่านี้



เพลงที่พี่อู๋เปิดเป็นเพลงฝรั่ง ทำนองเชื่องช้าและนุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนนิ้วของเขาที่อยู่ในตัวของนายก้องเกียรติ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องเพลงนี้ แต่พอฟังออกคร่าวๆ ว่า You’ re my my my my –



“อื้อ!!”



ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ จำนวนนิ้วก็เพิ่มขึ้นกะทันหัน พอเอี้ยวตัวกลับไปมองพี่อู๋ก็เห็นสีหน้าผ่อนคลายของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับก้นของก้องเกียรติ เมื่อเราสบตากัน เขาก็ส่งยิ้มหวานและโน้มตัวมาป้อนจูบให้ พี่อู๋ถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่าเจ็บไหม



“มะ – ไม่เจ็บครับ”



ผมละล่ำละลักตอบเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ปั่นป่วนในท้องน้อย มันคือความเสียวที่วิ่งปราดมาจากไหนไม่รู้ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้แตะต้องมินิก้องเลย ผมหลับตาพริ้มเมื่อพี่อู๋ใช้ปลายนิ้วนวดวนเบาๆ จากที่เคยกังวลจนเริ่มอ่อนตัวก็ค่อยๆ กลับมาแข็งอีกครั้ง ผมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ครางกระเส่าในลำคอเพราะพี่อู๋ขยี้ปุ่มบางอย่างในตัวผมหนักหน่วงเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะแตกได้ตลอดเวลาแค่เพราะนิ้วของเขาสอดเข้ามานวดเบาๆ ด้านหลัง



“พี่อู๋ – ผมเหมือนจะเสร็จเลย”



ผมบอกเขาทั้งๆ ที่ยังหลับตาพริ้ม รู้สึกเพลิดเพลินในสัมผัสนั้นจนปั่นป่วนไปทั่วร่าง เมื่อเห็นนายก้องเกียรติเริ่มปรับตัวได้ พี่อู๋ก็สอดนิ้วเข้ามามากขึ้น มันเริ่มแน่นและตึงตรงปากทางจนต้องโก่งสะโพกเพื่อให้เขาทำได้สะดวกขึ้นหน่อย ผมร้องครางบอกพี่อู๋ว่าเสียว เสียวจังเลยครับอยู่สองสามครั้งก่อนที่ความต้องการปลดปล่อยจะพุ่งทะยานสูงขึ้น ผมครางดังขึ้นเมื่อพี่อู๋เริ่มชักเข้าชักออกเป็นจังหวะ เสียงเจลหล่อลื่นดังเฉอะแฉะทำให้ผมนึกถึงฉากในหนังโป๊ที่เคยดูบ่อยๆ ผมเริ่มจินตนาการว่าตัวเองกำลังถูกเติมเต็มจากข้างหลัง แม้ว่ามันจะเป็นแค่นิ้วสามนิ้ว แต่ก็สร้างความสุขให้ผมจนถึงฝั่งฝันได้ ผมตัวกระตุกสองสามครั้งและแตกเลอะใส่หมอนที่รองอยู่ด้านล่าง ทั้งๆ ที่ผมเสร็จแล้วแต่พี่อู๋ยังไม่หยุด เขายังคงตะบี้ตะบันขยี้ปุ่มนั้นในตัวของก้องเกียรติจนต้องเปล่งเสียงร้องออกมา



ผมเริ่มร้องหนักขึ้น ครางหนักขึ้นจนเกือบเรียกได้ว่าเป็นการอ้อนวอนขอชีวิต ผมบอกพี่อู๋ว่าพอแล้ว พอได้แล้ว! พี่อู๋ถึงจะยอมหยุด เขาพลิกตัวผมให้นอนหงายและก้มหน้าลงมาจูบอีกครั้ง เราจูบกันทั้งที่ส่วนกลางของก้องเกียรติยังสั่นระริกและปล่อยของเหลวของมาเป็นระลอก พี่อู๋ก้มมองด้วยความชอบใจ เขามองจนกระทั่งตรงนั้นอ่อนตัวลงจึงเงยหน้ากลับมาสบตากัน



“เจ็บไหม?”

“ตอนแรกไม่เจ็บครับ” ผมจูบพี่อู๋เบาๆ “แต่พอเพิ่มเป็นสามนิ้วมันก็ตึงๆ นิดนึง”

“แต่ทนไหวใช่ไหม?”

“ไหวครับ”

“ของพี่มันก็พอๆ กับเมื่อกี๊แหละ แค่ยาวกว่านิดหน่อย ถ้าทนไม่ไหวรีบบอกพี่นะ”

“ถ้าผมเจ็บ – พี่จะหยุดใช่ไหม?”



ผมถามด้วยความกังวล เมื่อพี่อู๋ส่งยิ้มและให้สัญญาว่าเขาจะหยุดทันทีที่นายก้องเกียรติร้องขอ ผมจึงสบายใจและขอบคุณเขา ในห้องนอนใหญ่ที่เคยใช้สำหรับพักผ่อน ร่างชุ่มเหงื่อของเราสองคนกำลังสัมผัสกันและกันอย่างนุ่มนวล พี่อู๋จูบและเร่งเร้าให้นายก้องเกียรติกลับมาแข็งตัวเป็นครั้งที่สอง เมื่อผมเริ่มพร้อมเขาก็พลิกตัวให้นอนคว่ำอีกครั้ง พี่อู๋เริ่มต้นสอดนิ้วเข้ามาทีละนิ้วใหม่ มันเป็นไปอย่างเนิบนาบใจเย็นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ก้องเกียรติมากที่สุด ผมเองก็เคลิ้มจนหลับตาพริ้ม พึงพอใจในรสสัมผัสและการนวดวนของพี่อู๋อยู่ไม่น้อย พอเริ่มคุ้นชินจนลืมไปว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร พี่อู๋ก็ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามา



ผมร้องโอ๊ยทันทีเพราะปากทางตึงไปหมด แค่ส่วนหัวของเขาผมก็เริ่มตึงจนเจ็บแทบทนไม่ได้ พี่อู๋รีบโน้มตัวทาบลงมาเพื่อลูบหัวผมเบาๆ เขาสอนให้ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ จะได้ไม่เกร็งมาก แต่มันเจ็บเกินไป มันเจ็บจนไม่รู้สึกดีเลย พี่อู๋จึงยอมถอนตัวออกโดยไม่ขอให้ผมกัดฟันยอมอดทนเพื่อให้มันเข้าไปมิดลำ สิ่งที่เขาทำคือกอดผมและบอกว่าพอก่อนก็ได้



“เจ็บมากไหม?”



เขาถาม ผมจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบเพราะไม่อยากให้พี่อู๋เสียกำลังใจ ผมโกหกเขาว่าไม่มากเท่าไหร่ทั้งๆ ที่มันเจ็บเหมือนมีอะไรฉีกขาด ผมบอกพี่อู๋ว่าขอพักหนึ่งนาที ขอผมทำใจอีกซักหนึ่งนาทีแล้วเราค่อยเริ่มต้นกันใหม่ พี่อู๋ยังคงบอกผมว่าไม่เป็นไร ถ้ามันเจ็บจนทนไม่ไหวค่อยลองใหม่วันหลังก็ได้ แต่ผมคิดว่าต้องเป็นวันนี้ เขาบิ้วอารมณ์ผมจนอยากโดนใส่แล้ว จะรออีกสัปดาห์ทำไม ทำมันวันนี้แหละ ทำตอนที่ผมกำลังต้องการนี่แหละ ผมบอกถึงความตั้งใจแรงกล้านี้ เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้ามาจูบก้องเกียรติ



“งั้นลองใหม่เนอะ พี่จะทำช้าๆ ก็แล้วกัน”

พี่อู๋บอกอย่างนั้นและเริ่มต้นกันใหม่ กว่าจะบิ้วให้ผมต้องการได้ที่ กว่าทางข้างหลังจะพร้อมจนสอดใส่ก็ใช้เวลาพอสมควร ผมว่าคนที่ต้องอดทนที่สุดครั้งนี้ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นพี่อู๋ต่างหาก ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วเขายังไม่เสร็จเลยซักครั้ง มันทั้งตึงเครียดและบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด ดูก็รู้ว่าคงเจ็บมากแต่พี่อู๋กลับทุ่มเททุกอย่างให้ก้องเกียรติแทน เขาทั้งนวด ทั้งช่วยทำให้ผมคุ้นชิน ทั้งบิ้วอารมณ์ให้ผมอยากสุดๆ เพื่อที่จะสอดใส่ แต่ไม่ว่าจะทำขนาดไหนมันก็ยังเจ็บอยู่ดี ผมร้องขอให้เขาหยุดอยู่ประมาณสี่ห้าครั้ง พอครั้งที่หกผมเห็นสีหน้าพี่อู๋เริ่มไม่ดีเพราะเจ็บที่ไม่ได้ระบายออก ผมจึงยอมอดทน กัดฟันแน่นเมื่อพี่อู๋ค่อยๆ ดันเข้ามาจนมิดด้าม ไม่ต้องพูดถึงเสียงร้องของผมเลยว่าหวีดหวิวขนาดไหน ผมเจ็บที่มันเข้ามาอยู่ในตัว ทั้งเจ็บทั้งจุกเหมือนโดนกระทุ้งจนตัวงอ แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกดีเมื่อเห็นพี่อู๋ขมวดคิ้วแน่น เขาสูดปากพยายามสงบสติอารมณ์และชมผมว่าก้นแน่นจัง



มันความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้เลยเมื่อส่วนหนึ่งของพี่อู๋เข้ามาอยู่ในตัวผม เขาแช่มันไว้ครู่ใหญ่ ปล่อยให้ก้องเกียรติค่อยๆ ทำความคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมจนเจ็บน้อยลงจึงเริ่มขยับ การเสียดสีจากผนังด้านในให้ความรู้สึกต่างกับนิ้วมาก ของพี่อู๋มันแน่นและเติมเต็มได้มากกว่า ความยาวก็มากกว่าจนสามารถทำให้ผมสะดุ้งเมื่อกดเข้ามามิดได้ พออะไรๆ เริ่มดีขึ้น พี่อู๋ก็บีบเจลหล่อลื่นเพิ่มเพื่อไม่ให้มันฝืดเกินไป เขาใช้สองมือยึดสะโพกของก้องเกียรติและค่อยๆ ขยับตัวเข้าออกช้าๆ จากนั้นเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเมื่อเราปรับตัวเข้าหากันได้



“เจ็บไหมก้อง?” พี่อู๋ถาม

“ไม่ – อ่ะ ไม่เจ็บครับ”



ผมตอบพร้อมกับพยายามกัดปากไว้แน่น มันคือความสุขสมผสมความเจ็บปวดที่พอรับได้ แต่ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งของพี่อู๋ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม ปกติผมเคยใช้แค่มือช่วยตัวเอง มาคราวนี้พี่อู๋เป็นฝ่ายทำให้เสียวแทบขาดใจด้วยการซอยเข้าออกเป็นจังหวะเนิบนาบ ผมเลียริมฝีปากเพราะรู้สึกว่ามันแห้งเกินไป ดวงตาหลับพริ้ม รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับส่วนหนึ่งของพี่อู๋ที่ยังคงขยับเป็นจังหวะ



พอถึงจุดหนึ่งของอารมณ์ ความเสียวก็ค่อยๆ ไต่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พี่อู๋เริ่มซอยถี่ขึ้นจนหน้าขาของเขากระทบก้นของผมส่งเสียงดังพั่บ! พั่บ! ในห้องนอนที่มีแค่เสียงเพลงจากลำโพงบลูทูธเริ่มมีเสียงร้องครางกระเส่าของเราทั้งคู่ ผมรู้สึกดีที่ไม่ได้เป็นคนเดียวที่เสียว แต่ตัวผมเองก็ทำให้พี่อู๋กำลังมีความสุขมากๆ เหมือนกัน ผมเอี้ยวตัวเพื่อมองหน้าเขา ยิ่งเห็นพี่อู๋หลับตา ดำดิ่งไปกับการเสพสมร่างกายของผมก็ยิ่งเร้าอารมณ์ ผมร้องครางในลำคอเมื่อรู้สึกเสียดตรงส่วนปลาย ผมกำลังจะเสร็จอีกแล้ว เสร็จโดยไม่ต้องใช้มือ เสร็จเพราะไอ้นั่นของเขากระทุ้งเข้าออกอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอดครั้งที่สอง ท้องน้อยของผมก็เริ่มปั่นป่วนและเสียวไปทั้งลำมากขึ้นเรื่อยๆ ผมร้องอ๊า! เมื่อพี่อู๋เผลอกดเข้ามาลึกเกินไป แต่ความลึกของมันก็ทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังร่วงหล่นจากหน้าผา ความเสียวที่เกิดขึ้นเพราะพี่อู๋ทำให้ผมต้องร้องขอให้เขารักษาความเร็วนี้เอาไว้



“จะแตกแล้ว --” ผมสูดปาก สองมือจิกหมอนแน่นเพราะเริ่มเกร็งจนควบคุมไม่ได้ “โอ๊ย พี่อู๋ ผมจะแตกแล้ว จะแตกแล้ว!”



ราวกับเข้าใจในสิ่งที่ก้องเกียรติต้องการจะสื่อ พี่อู๋ขยับตัวเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ บดเบียดสะโพกด้วยความเร็วและแรงจนเสียดสีจุดเสียวที่อยู่ภายใน กดย้ำซ้ำๆ จนผมทนแทบไม่ได้ ต้องกรีดร้องออกมาดังๆ จนกระทั่งถึงฝั่งฝัน ผมปล่อยออกมาเลอะหมอนเป็นหนที่สองแต่ถึงอย่างนั้นช่องทางข้างหลังก็ยังคงถูกกระตุ้นเรื่อยๆ ผมตัวกระตุกเกร็งหลายหนเพราะร่างกายบีบเค้นเอาหยาดหยดสุดท้ายออกมา หลังจากนั้นไม่นานพี่อู๋ก็เสร็จตาม เขาครางในคอเสียงต่ำด้วยใบหน้ายู่ยี่ก่อนจะอัดสะโพกใส่ผมย้ำๆ สองสามครั้ง



ผมคิดว่าเขาแตกใน ปรากฏว่าไม่มีของเหลวอะไรคั่งค้างเพราะพี่อู๋ใช้ถุงยางอนามัย หลังถอนตัวออก พี่อู๋ก็ล้มตัวนอนทับผม เรานอนหอบด้วยกันทั้งคู่อย่างหมดสภาพ ผมเสร็จถึงสองครั้งก็เลยหมดแรง ส่วนพี่อู๋เสร็จหนักไปหน่อยถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ พอเริ่มหายใจได้เต็มปอด เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมและขอบคุณที่อดทนจนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผมส่งยิ้มเหนื่อยๆ ให้พี่อู๋และมองตาเขา เชื่อไหมว่าในนั้นมีแต่ใบหน้าของผมและความรักแสดงออกชัดเจนจนแทบปิดไม่มิด ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมให้มีอะไรกับพี่อู๋ ทุกอย่างที่ผ่านมามันมีความหมายมากๆ และผมก็รักเขามาก พี่รู้ตัวบ้างไหม



“พี่เจ็บป๋องแป๋งไหม?”

“เจ็บ” เขาไม่ปิดบัง “ไม่เคยต้องกลั้นนานขนาดนี้เลย”

“ผมขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไม?” เขาเลิกคิ้วถาม “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ก้องเจ็บกว่าพี่ตั้งเยอะ ตอนนี้ยังเจ็บอยู่ไหม?”

“นิดหน่อยครับ”

“อย่าเพิ่งพลิกตัวนอนหงายก็แล้วกัน” พี่อู๋จ้องตาผมและลูบหัวเบาๆ “เดี๋ยวพี่สั่งข้าวให้กิน อยากกินอะไรล่ะ มื้อนี้เต็มที่เลย”

“ผมอยากกินเอ็มเค”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบโทรศัพท์ก่อนนะ”



พี่อู๋จุ๊บหน้าผากผมหนึ่งทีก่อนจะหายไปหยิบโทรศัพท์และกลับมานั่งข้างเตียง ผมยังคงนอนคว่ำตามคำแนะนำของเขาก็เลยไม่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น เรานั่งเลือกเมนูผ่านทางแอพพลิเคชั่นสั่งอาหาร พี่อู๋สั่งเป็ดย่าง บะหมี่หยก หมูสไลด์และลูกชิ้นมาอีกสองสามอย่าง พอกดสั่งเขาก็แนะนำให้ผมคว่ำหน้ากลิ้งลงจากเตียง อย่านั่ง เพราะมันเจ็บ



ตอนแรกผมไม่เชื่อ ผมคิดว่าพี่อู๋เว่อร์เพราะมันจะเจ็บได้ยังไง อิศรินทร์จูเนียร์ไม่ได้เสียบคาไว้เสียหน่อย แต่พอก้นสัมผัสที่นอนเท่านั้นแหละ ผมหน้ามืดเพราะมันเจ็บกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมากๆ มันไม่ได้เจ็บสะโพกแบบเข็ดเมื่อย แต่มันคือความเจ็บที่เกิดจากแผล เป็นความเจ็บเหมือนตอนท้องผูกมากๆ จนฉีก ผมรู้ว่าคำบรรยายมันอาจฟังดูแย่ แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันเจ็บจนลงน้ำหนักไม่ได้ ผมหน้าซีดจนพี่อู๋ต้องรีบหิ้วปีกให้ลุกขึ้นยืน



“พี่บอกแล้วว่ามันเจ็บ”

“เลือดออกเยอะไหมครับ?”



ผมกระวนกระวาย เจ็บขนาดนี้ก้นต้องฉีกเป็นริดสีดวงแน่ๆ แต่พี่อู๋ก็หมุนตัวให้กลับไปดูที่นอน ไม่มีอะไรเลอะเปรอะเปื้อนเลยเพราะเขาใส่ถุงยางอยู่ ที่เลอะน่ะหมอนที่ใช้รองตัวผม เลอะน้ำของผมคนเดียวเองด้วย นอกนั้นก็สะอาดดี ไม่มีคราบเลือดหรือร่องรอยสยองขวัญเลย



“พี่ไม่ทำก้องเลือดออกหรอก พี่รักก้องจะตาย”

“ให้มันจริงเหอะ ถ้าพี่ฟันแล้วทิ้ง ผมให้พ่อเอามีดฟันหัวพี่แน่”



ผมย่นหน้าล้อเลียนเขาก่อนจะพากันประคับประคองเข้าห้องน้ำ ผมแทบไม่ต้องทำอะไรซักอย่างเพราะพี่อู๋จัดการให้หมด เขาเปิดฝักบัวอาบน้ำให้ผม ล้างก้นให้ ฟอกสบู่ให้โดยที่ผมไม่ต้องกระดิกตัวซักนิด อาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แถมยังพาไปส่งถึงเตียง ช่วยจัดท่าให้นอนสบายๆ ไม่เจ็บก้นอีก เมื่อนายก้องเกียรติหย่อนตัวลงพักผ่อนเรียบร้อย พี่อู๋ก็ลงไปเอาข้าวที่สั่งไว้ เย็นวันนั้นผมต้องยืนกินเพราะนั่งไม่ได้ นั่งแล้วมันเจ็บจี๊ดเหมือนขยี้แผลเลย



พอกินเสร็จ ผมก็กระย่องกระแย่งไปแปรงฟัน ส่วนพี่อู๋เก็บกวาดจานและเช็ดโต๊ะจนเรียบร้อย ผมค่อยๆ ล้มตัวนอนตะแคงบนเตียง จนถึงตอนนี้ความเจ็บยังคงอยู่ และมันเจ็บทุกครั้งที่มีอะไรสะเทือนไปถึงแผลด้านหลัง ลำพังนอนเฉยๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่รู้สึกด้วยซ้ำ แต่อย่าเผลอพลิกตัวนอนหงายเชียวนะ ผมได้แหกปากร้องลั่นห้องแน่เพราะแผลยังสดอยู่



พี่อู๋เดินเข้ามาในห้องนอนเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาถอดปลอกหมอนเปื้อนน้ำของก้องเกียรติลงตะกร้าและเก็บถุงยางกับเจลหล่อลื่นเข้าลิ้นชัก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาใช้เจลเยอะมากจนหมดไปหนึ่งขวด พี่อู๋บอกว่าก้นของผู้ชายไม่มีน้ำหล่อลื่น ถ้าใช้น้อยจะฝืดและเสียดสีจนได้แผล เขาก็เลยใช้เยอะๆ เพราะไม่อยากให้ผมเจ็บตัว



ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่อู๋ทำให้ผมมันดีมากจนไม่รู้สึกแย่เลย ผมไม่เสียดาย ไม่รู้สึกว่าคุณค่าของตัวเองน้อยลงที่มอบตัวให้พี่อู๋ไปเรียบร้อยเพราะเขาดูแลผมดีมาก เขารู้ตัวว่าทำผมเจ็บ และเขาก็ดูแลทะนุถนอมผมอย่างดีราวกับเป็นไข่ในหิน สิ่งที่พี่อู๋มอบให้ในวันนี้ทำให้ผมรักเขามากกว่าเดิมหลายเท่า ผมรักเขามากจนอยากนอนกอดเขาแน่นๆ เพื่อตอบแทนความรักมากมายที่เขามอบให้คนอย่างก้องเกียรติ



“ครั้งต่อไปที่เรามีอะไรกัน – พี่จะดูแลผมดีเหมือนครั้งนี้ไหม?”



ผมถามพี่อู๋ที่กำลังเอนหลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มหวาน ก่อนจะบอกว่า



“อยากได้คำตอบแบบเรียลๆ หรือทุ่งลาเวนเดอร์?”

“ทุ่งลาเวนเดอร์ครับ”

“พี่จะถนอมก้องแบบนี้ตลอดไป”

“ถ้าแบบเรียลล่ะ?” ผมถามใหม่

“ต่างคนต่างแยกกันไปจัดการตัวเอง คงไม่เหมือนครั้งนี้หรอก”

“พี่สัญญาได้ไหมว่าพี่จะไม่เปลี่ยนไป? พี่จะดูแลผมอย่างนี้ทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน?”



ผมขอร้องพี่อู๋เพราะไม่อยากให้เรื่องราวดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นครั้งเดียว คุณอิศรินทร์หัวเราะก่อนจะบอกว่าได้ แน่นอนว่าได้ เขาดูแลก้องเกียรติได้อยู่แล้ว แต่คนที่เปลี่ยนไปน่ะเป็นผมต่างหาก อีกหน่อยผมจะคุ้นชินจนไม่ต้องการให้ใครประคองตลอดเวลา ผมจะสตรองขึ้นถึงขนาดสวนล้างด้วยตัวเอง อาบน้ำเอง และไม่ยอมให้เขาโอ๋เหมือนเป็นคนป่วยหนักแบบนี้แน่นอน



“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะสตรองขึ้น? เพราะคุณหมูพีเป็นแบบนั้นเหรอ?”

“ใช่ อีกหน่อยมันจะเปลี่ยนไป เราทั้งคู่ไม่มีใครเหมือนเดิมหรอก” คำตอบของพี่อู๋ทำเอาผมน้ำตาตกใน “แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่รักก้องน้อยลงนะ เรายังรักกันเหมือนเดิม แค่บางทีก้องอาจจะอยากใช้เวลาจัดการด้วยตัวเอง อีกหน่อยก้องอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากพี่น้อยลงเพราะมีเซ็กส์มันเหนื่อย มันไม่อยากยุ่งกับใครนอกจากล้างเนื้อล้างตัวให้สบายตัว ก้องนึกออกใช่ไหม?”



ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่อยากให้วันที่เราเหินห่างแบบนั้นมาถึงเลย ผมจึงบอกพี่อู๋ว่าตราบใดที่ผมอยากให้เขามีส่วนร่วม พี่ช่วยดูแลผมอย่างวันนี้ได้ไหม พี่อู๋รีบบอกว่าได้สิและจูบผม เดี๋ยวเราก็รู้กันว่าคำพูดของเขาเป็นคำมั่นสัญญาที่คงอยู่ชั่วนิรันด์หรือแค่ลมปากของคนอยากเอาเท่านั้น









ผมตื่นนอนประมาณแปดโมงเช้าเพราะพี่อู๋ปลุก เป็นการตื่นนอนที่ไม่สบายตัวเท่าไหร่เพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ ผมลืมตามองพี่อู๋ที่ยืนข้างเตียงเพื่อดูว่าเขาปลุกผมทำไม พี่อู๋บอกว่าพ่อโทรมาเมื่อกี๊ให้ก้องเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าเลย อีกประมาณชั่วโมงพ่อจะขับรถมารับ



“ทำไมต้องมารับ? ก็พี่อู๋บอกว่าจะไปส่งผมไม่ใช่เหรอ?”



ผมงอแง คุณอิศรินทร์จึงบอกว่าพ่อแวะมาทำธุระที่นี่ ผมถามเขาว่าธุระบ้าอะไรแปดโมงเช้า พี่อ่ะตกหลุมพรางของพ่อแล้ว นี่มันข้ออ้างหาเรื่องมารับผมกลับบ้านชัดๆ เขาคงรอให้พี่อู๋ไปส่งไม่ไหวเพราะรู้ว่าเราต้องหาข้ออ้างกลับดึกแน่ๆ



“ลุกขึ้นเร็วเข้า เดี๋ยวพี่เก็บกระเป๋าให้”



พี่อู๋ดึงแก้มผมก่อนจะเดินไปหน้าตู้เสื้อผ้า ส่วนนายก้องเกียรติงอแงไม่ยอมตื่นเพราะรู้สึกไม่สบายตัวแปลกๆ ผมเจ็บคอและหายใจไม่ค่อยออกนิดหน่อย ผมอยากจะนอนต่ออีกซักพักเพื่อให้อาการดีขึ้น แต่พอพี่อู๋ลุกมาจับแขนเขาจึงเอ่ยปากทักว่าผมตัวร้อน



“ติดหวัดทรายแน่ๆ เลยอ่ะ” ผมพูดเสียงขึ้นจมูก “เดี๋ยวกลับไปพักที่บ้านก็หาย”



แต่พี่อู๋ดูไม่ค่อยสบายใจ เขาเอาแต่ใช้มืออังหน้าผากผมอยู่นั่นแหละ ซักพักก็บ่นงุบงิบว่าพ่อก้องเอาตายแน่ คราวนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยยากกว่าเดิมแน่ๆ ผมบอกพี่อู๋ว่าเขาคิดมากเกินไป ผมติดหวัดเพื่อน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่เลย พี่จะเครียดทำไมเนี่ย แต่พี่อู๋ก็ยังไม่เลิกกังวลอยู่นั่นแหละ สุดท้ายผมจึงกินยาลดไข้ไปหนึ่งเม็ดเพื่อให้เขาสบายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปกินโจ๊กที่โต๊ะกินข้าว กินไปไม่ถึงครึ่งชามพ่อก็โทรมาตามพอดี



“ครับ ก้องกินข้าวอยู่ครับ เดี๋ยวผมพาลงไปส่ง”



พี่อู๋รับสายแทนผมก่อนจะเร่งให้กินข้าวเร็วๆ ผมเซ็งนิดหน่อยที่เวลาสองต่อสองของเราถูกตัดจนเหลือน้อยลงไม่ครบสองวัน หลังกินเสร็จผมก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันส่วนพี่อู๋วางชามทิ้งไว้ในอ่าง เขาหยิบเป้ของผมมาสะพายไหล่ก่อนจะสวมกอดผม จูบผม และถามว่าเจ็บไหม



“ไม่เจ็บแล้วครับ” ผมยิ้ม “แต่เจ็บคอ”

“เสียงเริ่มแหบแล้ว บอกพ่อให้พาไปหาหมอด้วยนะ”



เขายีหัวผมและบอกว่าเจอกันอาทิตย์หน้า เราเดินจับมือกันจนถึงชั้นหนึ่งของคอนโดจนกระทั่งบานประตูลิฟต์เปิด เราเห็นเบนซ์ของพ่อติดเครื่องรออยู่แล้ว พี่อู๋ยกมือไหว้สวัสดีพ่อตามมารยาทและเก็บกระเป๋าให้ผม เขาฟ้องพ่อด้วยว่าผมไม่ค่อยสบาย เจ็บคอนิดหน่อย ถ้าพอมีเวลาช่วยพาไปให้หมอตรวจทีนะครับ



“บ๊ายบายครับ”



ผมโบกมือลาเขา พี่อู๋ยิ้มกว้างและโบกมือตอบ ผมมองเขาผ่านทางกระจกข้างจนสุดสายตาก่อนจะหันไปคุยกับพ่อ พ่อดูไม่สบายใจที่เสียงผมแหบเหมือนเป็ด เขาบอกว่าก่อนกลับบ้านจะแวะหาหมอที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน



“พ่อไม่ไปธุระแล้วเหรอ?”



ผมแกล้งถาม พ่อยังดึงหน้าไม่แสดงออกว่าตกใจที่ถูกจับไต๋ได้ เขาพูดเรียบๆ ว่าทำเสร็จแล้ว ผมจึงถามต่อว่าทำอะไรที่ไหน มีเรื่องอะไรถึงต้องเข้ากรุงเทพตั้งแต่เจ็ดแปดโมง พอโดนต้อนเรื่อยๆ พ่อก็เริ่มแสดงท่าทีรำคาญ เขาบอกว่าไม่ต้องรู้หรอกว่ามาทำอะไร ผมจึงมั่นใจว่าพ่อโกหก เขาแค่หาเรื่องมารับผมกลับบ้านเร็วขึ้น ธุรงธุระอะไรคงไม่มีจริงหรอก



นาฬิกาบอกเวลาว่าสิบโมงสามสิบสี่นาที พ่อเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้านเพื่อให้ผมพบหมอ ซึ่งผลตรวจก็ออกมาเป็นไข้หวัดจริงๆ อย่างที่คิดไว้ ระหว่างรอคิวจ่ายเงินค่าหมอ พ่อก็หลอกถามผมว่าอยู่กับพี่อู๋สองคนทำอะไรบ้าง ซึ่งผมก็ตอบตามความจริงครึ่งนึง ไม่จริงครึ่งนึง เพราะถ้าบอกพ่อว่าเมื่อวานผมมีอะไรกับพี่อู๋ พ่อคงหัวใจวายตาย หรือไม่ก็ถือปืนไปยิงหัวพี่อู๋แน่ๆ



“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียกพ่อ ทำไมไม่เรียกป๊าเสียที?”



จู่ๆ พ่อที่ไม่รู้นึกอะไรถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมจึงบอกพ่อว่าเพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเชื้อสายจีน ผมไม่ชินกับสรรพนามที่พ่อกับครอบครัวใช้ ผมถามพ่อว่าอยากได้ยินคำว่าป๊ามากเลยเหรอ เขาเงียบพักหนึ่งก่อนจะบอกว่าตอนเล็กๆ ผมเคยเรียกพ่อว่าปะป๊า



“ตอนนั้นผมยังเด็ก ผมจะพูดได้ไง?”

“ขวบกว่าก็พูดได้แล้ว”



พ่อตอบพลางเสมองบัตรคิวในมือ เราเงียบใส่กันครู่ใหญ่เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมยอมรับก็ได้ว่าที่ไม่เรียกพ่อว่าป๊าเพราะอยากแก้เผ็ดแทนแม่ด้วยการทำให้พวกเขาช้ำใจ แต่พอเวลาผ่านไป มันก็มีบ้างที่เผลอคิดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ผมเริ่มชินกับการกลับบ้านไปเจอทุกคน เริ่มคุ้นเคยกับอาหารฝีมืออาแตง เริ่มตระหนักได้ว่าตัวเองมีพ่อและน้องสาวอีกสี่คน มีแม่เลี้ยง มีย่า มีหมาหนึ่งตัวในบ้านหลังนั้น ผมไม่ได้ใจอ่อนยอมยกโทษให้พ่อกับย่าที่บีบแม่จนต้องหนีออกจากบ้าน เพราะมีบ้างบางครั้งที่ชั่ววูบหนึ่ง เป็นชั่ววูบแสนสั้นราวกับลมพัดผ่าน – มีบ้างที่ผมคิดถึงแม่ และผมยังทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและให้อภัยอย่างสนิทใจไม่ได้



“มันก็แค่คำเรียก พ่อไม่ต้องคิดมากหรอก”



ผมบอกพ่อแค่นั้นและหวังว่าพ่อจะเข้าใจ เรานั่งเงียบใส่กันจนกระทั่งถึงคิวจ่ายเงิน หลังจากรอรับยาอีกประมาณห้านาที พ่อก็เดินนำผมกลับไปที่รถและไม่คุยเรื่องนี้อีก มันเงียบหายไปราวกับพ่อไม่เคยท้วงติงขอให้ผมเรียกเขาว่าป๊า ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าก้องเกียรติจะเรียกเขาว่าอะไร ผู้ชายที่ชื่อสมปราชญ์ก็ยังดูแลผมอย่างดีเหมือนเดิม





TBC



_______________________



#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้





สวัสดีวันจันทร์เช่นเคยค่ะ :3

หลังจากรอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ -- 55555555555555555555555555  :katai2-1:

เตรียมตัวนับถอยหลังได้แล้วนะคะพี่จ๋า เหลืออีกสองตอนน้องก้องก็จะบ๊ายบายทุกคนแล้วค่า

สัปดาห์หน้าน่าจะมีรายละเอียดรูปเล่มอย่างเป็นทางการนะคะ หลังเนื้อหาตอนหลักเสร็จสมบูรณ์เราจะถามสำนักพิมพ์และอัปเดตให้ทราบอีกครั้ง อดใจรออีกนิดเดียวของแท้ ไม่ติงนัง ไม่ลวงหลอก น้องก้องรูปเล่มมาแน่คับผม! ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจเช่นเคยนะคับ ;-;

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เรียบร้อยโรงเรียนพี่อู๋ จัดการดีมาก
 :z2: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่อู๋แสนดีมากๆเลย แงงงง ไม่เหลือซึ่งความลุง ยัยก้องก็คือสมใจอยากแล้ว หนีพ่อมามีไรกะแฟน 55555555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สุขสมอารมณ์​หมาย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :pighaun: สมใจพี่อู๋ซะที ลุ้นมานาน  แต่พ่อต้องรู้แน่ๆรีบมารับไวเว่อร์ ไม่ให้เวลาสวีทกันเลย

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องทำเป็นเเล้วเนอะ คราวหน้าก้องเริ่มก่อนเลยๆๆ  :jul1:
เป็นกำลังใจให้ค่าาา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
พ่อก็หวงลูกจริงๆ นั่นแหละ 555555

ขอให้พี่อู๋ถนอมน้องแบบนี้ให้ตลอดนะพี่  :katai2-1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ถ้าพ่อรู้ว่าก้องกับพี่อู๋จะโป๊งชึ่งกันคงมารับก้องตั้งกะเมื่อวาน นี่ขนาดทั้งห้ามทั้งหวง สงสารพ่อจัง

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่อู๋ดูแลดีมากกกกก หลังจากขอให้อุปสรรคมันซอฟต์ๆหน่อย มันไม่ไหวจริงๆ แงงงง
กับพ่อก้องก็ขอให้ดีๆยาวๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ก็พ่อเค้าหวงลูกเค้า 555555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
หมูอู๋ของฉันนนได้ออกกำลังกายสักทีนะ :z1:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮู้ยยยย อีกสองตอนจะจบแล้วอ่ะ ยังอยากรู้เรื่องราวของเสี่ยอู๋กับกอริลลาก้องไปเรื่อยๆ :sad4:

//

แต่ว่า แต่ ตอนนี้คือเค้าได้กันแล้วววววว หวีดดดดดดด ประทับใจเสี่ยอู๋สุดดดดด อดทนรอจนก้องเกียรติพร้อม ปรบมือค่าาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
อร่อยกรุบเลยตอนนี้55555555 รอมานาน  :hao7:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สมใจพี่อู๋กับยัยก้องซักที555

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ในที่สุดก็ถึงวันนี้
ซะที อู๋+ก้อง

อิพี่อู๋มันโหดมาก
โคตรชำนาญการเป็นผัว
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เรายังติดๆเรื่องความใจร้ายของพี่อู๋ที่ทำกับกอลิล่าก้องอยู่นิดหน่อย เหตุผลก็ไม่ค่อยเคลียร์ ไม่ขึ้น น้ำหนักไม่พอ
แต่เราดีใจที่กอลิล่าก้องมีความสุข อยากให้ความสุขอยู่กับน้องไปนานๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตายแล้วววๆๆๆๆ ลูกชั้นนน ได้ลูกฉันแล้วอย่าทำให้น้องเสียใจบ่อยนักนะ! ไม่งั้นจะตีๆๆ พี่อู๋เลย นี่แน่ะ!

ออฟไลน์ กล้วยจังหวะนรก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กลัวว่าต่อไปจะเป็นเสี่ยอู๋ที่ตายคาอกเด็กเนี่ยสิ แววน้องมาแต่ไกลเลย555555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทนจนเจ็บป๋องแป๋ง กร๊ากกกกกก
นี่ยังเจ็บไม่เท่าน้องตอนที่โดนไล่เป็นแมวตอนนั้นเลยนะ อิพี่อู๋

ความพ่ออ่ะเนอะ ความเด็กของก้อง คิดดูว่ากระทบกระเทือนแค่ไหนที่แม่มาตายให้เห็น เราเข้าใจก้องนะและก็เข้าใจพ่อด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด