บทที่ 25
[เป็นยังไงบ้างวะ] น้ำเสียงของคนปลายสายทั้งเป็นห่วงทั้งกังวล เก่งกาจต่อสายหาผมในเวลากลางดึกที่ข่าวบ้าๆ บอๆ กำลังเป็นกระแส ผมปล่อยให้โฬมใช้เวลากับความคิดของตัวเองอยู่ในห้อง ส่วนตัวเองเดินออกมานั่งคุยกับเพื่อนที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
“ไม่ค่อยดี”
[พี่เขา... จะเอายังไงกับเรื่องนี้]
“กูก็ไม่รู้ พี่โฬมไม่พูดอะไรเลย” ผมบอกขณะสั่นขาตัวเองไปด้วยเพราะความวิตก นึกห่วงไปถึงคนด้านบนที่เงียบไม่พูดไม่จามาสักพักแล้ว
โลกอินเตอร์เน็ตทุกอย่างส่งถึงกันอย่างรวดเร็ว แม้ตอนนี้จะดึกมากแล้ว แต่สำนักงานข่าวก็ยังทำงานกันให้ยุ่ง โทรศัพท์ของโฬมดังตั้งแต่ทวิตเตอร์นั้นถูกพบจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่หยุดสั่น ผมเป็นคนเดินไปเปิดโหมดเครื่องบินให้ก่อนเดินออกมาจากห้อง ไฟข่าวรุนแรงแบบนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรทำยังไงดี
[เรื่องนี้มันไม่ได้ซวยแค่เขานะเว้ยสกาย มึงก็โดนไปด้วย]
“กูรู้”
[ถ้าเขาจะเงียบเหมือนเดิม คราวนี้คงยากจะกลับมาในวงการอีกแล้วว่ะ]
ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
เรื่องบางเรื่อง การเงียบก็เป็นการดี
แต่เรื่องบางเรื่อง ความเงียบก็จะทำร้ายเราเช่นกัน
“เก่ง...”
[ว่า?]
“กูเปิดตัวเรื่องคบกับโฬมเลยดีไหม” ผมถามอย่างไม่มั่นใจนัก ณ จุดๆ นี้ ตัวผมเองก็ยืนอยู่กลางพายุลูกใหญ่ แรงลมพัดพาให้วิสัยทัศน์มัวหมอง ผมไม่สามารถมองจากภายนอกได้ว่าพายุจะม้วนตัวไปยังทิศไหน และตัวผมเองควรตัดสินใจไปทางไหนถึงจะปลอดภัย
โลกอินเตอร์เน็ตหลายๆ อย่างมันเริ่มไกลเกินกว่าเหตุ ผมเลิกอ่านมันไปแล้ว แต่ชาวเน็ตก็ยังวิเคราะห์นั่นนี่ไปเรื่อยไม่หยุด ราวกับว่าหากชีวิตใครสักคนไม่พังลง พวกเขาจะไม่อาจนอนหลับได้ในคืนนี้
[สกาย เปิดตัวตอนนี้เนี่ยนะ]
“ยิ่งเลี่ยงก็ยิ่งกลายเป็นโกหกอีกไหมอ่ะ” ผมไม่อยากให้ข่าวโจมตีเข้ามาทีเดียวหลายๆ เรื่อง มันออกจะรุนแรงไปหน่อยถ้าเกิดมีหลายๆ ประเด็นพร้อมกัน
[กูว่ามึงเงียบไปก่อน ค่อยๆ วางแผนดีกว่าว่ะ น้ำเชี่ยวเอาเรือไปขวาง เรือได้พังพอดี]
“การเงียบมันจะดีจริงๆ เหรอวะ”
[อย่างน้อยมึงก็จะมีสติกว่าตอนนี้ว่ะ]
คำแนะนำของคนที่ยืนอยู่นอกพายุ
ผมเลือกเก็บคำพูดของเก่งกาจมาคิด เอ่ยขอบคุณเพื่อนไปสองคำก่อนวางสายไปเพราะดึกมากแล้วและเก่งกาจต้องทำงานพรุ่งนี้ แม้ว่ามันจะพยายามถามว่าให้ไปอยู่เป็นเพื่อนไหมอยู่ตลอดก็ตาม
ผมไม่เป็นไรหรอก แม้จะสับสนทำอะไรไม่ถูกไปบ้าง
แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายมันจะผ่านไปได้ด้วยดี
“เมี้ยววว” เจ้าแมวสองตัวเดินมายืนอยู่ชิดประตูกรงสีขาวนวล พวกมันใช้แววตาสีเหลืองอำพันจ้องมาทางผม ก่อนร้องเมี้ยวออกมาเบาๆ อยู่หลายครั้ง
“ว่าไง” ปกติผมไม่ค่อยเล่นกับถุงเงินถุงทองเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ผมกลับลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปนั่งยองๆ ที่หน้าประตูกรง เล่นจ้องตากับเจ้าพวกนั้นอยู่พักนึง
“เมี้ยวว”
“ห่วงกันรึไง”
“แง้ว” ถุงเงินตะกุยประตูกรงทันทีที่ผมพูดแบบนั้น ผมหัวเราะเสียงดัง แล้วพูดกับแมวต่อเป็นตุเป็นตะ “รู้แล้วว่าห่วงโฬมน่ะ”
“เมี้ยว เมี้ยววว”
ผมจ้องดวงตากลมโตที่ม่านตาดำขยายกว้างในความมืด เสียงร้องม้าวๆ ชวนให้ผ่อนคลายขึ้นมาถึงสิบส่วน ผมยื่นมือไปลูบศีรษะทุยๆ ของเจ้าพวกนั้นเล่น บ่นพึมพำไปหลายประโยคว่าจะทำยังไงดี ก่อนขอกำลังใจจากเจ้าบ้านทั้งสองแล้วเดินจากมา
“เมี้ยว!”
“รู้แล้วน่า” ผมตอบกลับเสียงที่ร้องตามมาด้านหลัง เดาเอาเองว่าเจ้าพวกนั้นคงฝากฝังให้ดูแลโฬมให้ แม้ความจริงมันอาจโวยวายเพราะหิวมื้อดึกก็ตามที
ผมพาตัวเองเดินกลับขึ้นมายังชั้นสอง โฬมยังคงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนตอนก่อนที่ผมจะลงไปคุยโทรศัพท์ เขาหันมาทางผมเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด จากนั้นริมฝีปากก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นบางๆ
“ฟ้าครับ”
“ครับ” ผมตอบรับเสียงเรียก เดินไปทิ้งตัวนั่งข้างๆ บนขอบเตียง “คิดอะไรอยู่ครับ”
“คิดว่าผมไม่ดีเลยที่พาฟ้ามาโดนอะไรแบบนี้ด้วย”
“ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละครับ”
“...”
“ไม่ยิ้มให้ผมแบบนี้ไม่ดีเลย” ผมว่าพลางยื่นนิ้วไปรั้งมุมปากของโฬมให้ยกสูงขึ้น เขาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าประหลาดแบบนั้น ก่อนค่อยๆ ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อย่าแกล้งกันแบบนี้สิครับ”
“ไม่อยากให้เครียด”
“ห้ามได้ที่ไหนกัน” โฬมบ่นพึมพำแล้วคว้ามือผมที่ยังบิดแก้มของเขาอยู่ออกมากุม ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องตรงมา บรรยากาศจริงจังตลบอบอวลไปทั่ว ผมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ จ้องกลับไปอย่างลุ้นระทึกว่าโฬมจะพูดอะไรออกมา “ผมจะแถลงข่าวครับ”
“ครับ?”
“รอบที่แล้วผมเงียบ เพราะคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด” นิ้วสากจากการเล่นดนตรีเกลี่ยใต้ตาผมเบาๆ เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนค่อยๆ พูดประโยคต่อมา “มีหลายครั้งที่การเงียบเป็นผลดี แต่มันก็ไม่เสมอไป ผมเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ”
“เพราะว่าถ้าครั้งนี้ผมยังไม่ทำอะไรเลย ผมก็จะปกป้องฟ้าไว้ไม่ได้”
“...”
“ผมรักฟ้านะครับ” เขาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก สื่อสารออกมาผ่านดวงตาที่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ไม่มีรอยยิ้มหวานๆ ส่งให้กันประกอบถ้อยคำว่ารัก ไม่มีการสัมผัสที่มากกว่าปลายนิ้วมือบนผิวแก้ม โฬมเว้นระยะห่างไว้เท่าเดิม ปล่อยให้ถ้อยคำทำงานของมันไปอย่างช้าๆ
“ผมก็รักพี่โฬม”
มันไม่ใช่ถ้อยคำให้กำลังใจเลยด้วยซ้ำ ทว่ากลับสามารถจุดความมั่นใจในดวงตาของเขาขึ้นมาได้ ผมฉีกยิ้มจนตาหยี ดีใจที่ผู้ชายตรงหน้าเป็นอย่างที่เก่งกาจเคยพูดเอาไว้
เขาเข้มแข็งกว่าที่ผมคิดจริงๆ
อาทิตย์กว่าๆ แล้วที่ผมกับโฬมหลีกเลี่ยงทุกการอธิบายทุกอย่าง ไม่รับให้สัมภาษณ์ใดๆ และทำงานของตนเองไปอย่างตั้งใจ โฬมไม่เล่นโซเชียลใดๆ ด้วยซ้ำแม้กระทั่งอินสตราแกรม ทว่าเขาก็ยังถ่ายรูปต่างๆ เก็บไว้เต็มไปหมด โดยเฉพาะรูปทีเผลอของผม
“เอาเก็บไว้ดูทีหลัง” เมื่อถามก็ได้คำตอบมาแบบนี้ ผมจึงเลิกเอ่ยห้ามไม่ให้เขาถ่ายรูปอีก
ผมกับโฬมไม่ติดตามกระแสอีกเพราะอ่านไปก็ยังทำอะไรไม่ได้ ประธานค่ายผมไม่ว่าอะไรนัก มีบ่นและตักเตือนเล็กน้อย เพราะอย่างไรแฟนคลับของผมก็ตามงานเพลงมากกว่าตัวตน แถมข่าวพวกนี้ยังเรียกให้ยอดวิวเพลงผมในยูทูปพุ่งขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว ผมจึงสามารถออกมาแถลงข่าวได้โดยผ่านการเข้าไปคุยกับประธานและเลขาฯ แค่สองรอบ
รอบแรกคือบอกว่าจะแถลงข่าว รอบสองคือเข้าไปอธิบายว่าจะพูดเรื่องอะไรบ้างและขอคำปรึกษา
โฬมบอกว่าเขาจะไลฟ์สดผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง เขาตระเตรียมสคริปต์ทั้งหมดด้วยตัวเอง วางแผนทุกอย่างเพื่อให้สามารถทำทุกอย่างให้กระจ่างได้ภายในเวลาสั้นๆ
การพูดเยิ่นเย้อจะเหมือนการแก้ตัว โฬมบอกผมแบบนั้น
จนกระทั่งวันเวลาหมุนวนมาถึงกำหนดการแถลงข่าว ผมได้บอกกับสื่อต่างๆ ไปแล้วว่าจะให้ออกมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ตอนเวลาหนึ่งทุ่มตรง เพราะเป็นวันว่างตรงกันของพวกเราพอดี
พวกเราที่ไม่ได้มีแค่ผมกับโฬมแค่สองคน
ผมมาหาโฬมที่บ้านของเขาในตอนสี่โมงเย็น พอเข้ามาด้านในก็พบกับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ในบ้าน เขาตัวสูงพอกันกับแฟนของผม แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีเทาคอวีกับกางเกงยีนส์ขาดเข่ารัดรูป ใบหน้ามีหนวดสั้นๆ อย่างดาราฝรั่ง ทั้งโครงหน้าของเขาก็คมเข้มจึงดูเข้ากันได้ดี
“หวัดดี พี่ชื่อเฟรม” คนๆ นั้นยื่นมือขวาออกมาด้านหน้าอย่างทักทาย
“สวัสดีครับ” ผมยิ้มรับพร้อมจับมือเชคแฮนด์กับพี่เฟรมตามมารยาท “ชื่อสกายครับ”
“เพิ่งได้เห็นตัวจริง สุดยอดมากเลย”
สุดยอดนี่คืออะไรกัน?
ผมขมวดคิ้วสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
“ไอ้โฬมมันนั่งทำใจอยู่ข้างบนแหน่ะ” พี่เฟรมชี้นิ้วโป้งขึ้นไปด้านบนประกอบคำพูด ก่อนชักชวนให้ผมขึ้นไปหาเพื่อนของเขา
ใช่แล้วครับ พี่เฟรมเป็นเพื่อนสนิทของโฬม
ผมได้รู้จักตอนที่โฬมติดต่อไปขอความช่วยเหลือบางอย่าง และเพื่อนของเขาก็ลงทุนบินกลับไทยมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ทั้งยังโทรมาบ่นเพื่อนตัวเองอยู่บ่อยๆ หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดว่าปล่อยให้แฟนเก่าทำชีวิตตัวเองพังขนาดนี้ได้ยังไง
พี่เฟรมบ่นใหญ่เลยเพราะเขาทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้ตามข่าวคราวของเพื่อน ทั้งในโซเชียลของโฬมก็ไม่เคยบ่นเคยบอกอะไรใคร พอได้มารู้ว่าเพื่อนตัวเองโดนอะไรไปมั้งถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ผมได้ยินเสียงโวยวายดังลอดมาจากโทรศัพท์ของโฬมอยู่บ่อยๆ
“ไอ้โฬมโว้ย เมียมา”
“ฟ้า!”
กระดากชะมัด คำพูดของพี่เฟรมเนี่ย ให้ตายเถอะ
ผมเกาศีรษะและยิ้มแหยๆ ให้คนทั้งสอง เราทั้งสองเดินเข้าไปหาเจ้าของบ้านในห้องซ้อมดนตรีที่ถูกจัดเป็นที่ถ่ายทอดสดเรียบร้อย
ตรงกลางห้องเป็นโน้ตบุ๊คพร้อมกล้องตั้งเอาไว้ ห่างออกมาอีกหน่อยเป็นโซหาที่ยกมาจากห้องนอนของโฬม เขาเคลียร์ของรกๆ ออกจนกลายเป็นพื้นที่ว่าง และตอนนี้เจ้าของบ้านก็ยังนั่งอ่านนั่งแก้กระดาษเอสี่บนมือตัวเองไปมาราวกับไม่พอใจกับสคริปต์ที่ตัวเองเขียนเสียที
ผมขยับตัวไปนั่งข้างๆ คนรักบนโซฟา มีพี่เฟรมนั่งลงขนาบอีกข้าง กลายเป็นว่าโฬมนั่งกลางโดยมีพวกผมสองคนเข้าไปเบียด โชคดีที่โซฟาตัวใหญ่พอจึงยังพอนั่งได้สบาย
“ทำอะไรครับ?” ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูกระดาษในมือของโฬม อะไรยึกยือโยงกันไปมั่วซั่วจนน่าสับสน อ่านแล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ไทม์มิ่งครับ ผมเรียงลำดับเรื่องที่จะพูดอยู่”
“อ๋อ”
“จริงจังชิบหาย” พี่เฟรมเอ่ยแซวเบาๆ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น ยกขาขึ้นไขว่ห้างสบายใจเฉิบ “ปล่อยมันทำไปเหอะสกาย มาเล่นเกมกับพี่ดีกว่า”
“เกมอะไรครับ”
“โดดร่ม เล่นเป็นป่ะ”
“เล่นเป็นครับ” ผมบอกพลางควักโทรศัพท์ขึ้นมา
“เอาชื่อมา เดี๋ยวพี่แอดไป” ว่าแล้วพวกผมก็คุยกันห้ามหัวโฬมที่ยังขีดๆ เขียนๆ ไม่เลิก จากนั้นผมก็เล่นเกมกับพี่เฟรมเพื่อฆ่าเวลาจนเกือบๆ หนึ่งทุ่มนู้นแหละถึงได้วางโทรศัพท์ลง
โฬมที่เอนตัวพิงพนักและพักสายตากระเด้งตัวขึ้นมาตอนนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ อีกห้านาทีจะหนึ่งทุ่มตรงทำให้พวกเราต้องเตรียมตัวเพื่อถ่ายทอดสอดแล้ว ผมช่วยด้วยการเข้าไปเซ็ตกล้องและเปิดเข้าหน้าเฟสบุ๊คแฟนเพจของโฬมให้ ส่วนพี่เฟรมหยิบเอากระดาษสคริปต์ของโฬมไปอ่านด้วยความสนใจ
“มึงว่ามันจะช่วยได้แค่ไหน” คนไว้หนวดชูกระดาษในมือขึ้นถามเพื่อน โฬมหวีผมไปพลางหันมาตอบไปพลางว่า
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่กูลงหมดหน้าตักที่กูมีแล้ว”
“แต่กูยังไม่หมดว่ะ” มุมปากของคนพูดหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น เขาใช้กระดาษในมือต่างพัดก่อนผิวปากหวิวออกมาอย่างอารมณ์ดี “ถ้าบอกกูตั้งแต่แรกเรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก ไอ้ควายโฬม”
พี่เฟรมฟาดผัวะลงกลางหลังเพื่อนก่อนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสะใจ
ผมเพิ่งเคยเห็นโฬมอีกมุมหนึ่ง มุมที่เขาอยู่กับเพื่อนและไม่ได้มีแต่รอยยิ้มและความสุภาพที่ต้องแสดงออกมา มันน่าสนใจจนผมเอาแต่มองไม่เลิก พี่เฟรมรู้แล้วหันมายักคิ้วให้สองที ก่อนยกจอโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์เวลาว่าหนึ่งทุ่มแล้ว
“เดี๋ยวผมเปิดกล้องให้” ผมอาสาขยับตัวไปกดปุ่มไลฟ์ที่หน้าจอ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จก็วิ่งกลับมานั่งที่เดิมบนโซฟา บนหน้าจอฉายตัวเลขของผู้เข้าชมที่จากเลขหลักเดียวค่อยๆ มาขึ้น จนกลายเป็นร้อยเป็นพันในเวลาแค่นาทีเดียว
“สวัสดีครับ” โฬมสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนเอ่ยประโยคทักทายง่ายๆ ออกมา “วันนี้ผมได้ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการตอบคำถามและอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้ทุกคนฟังครับ”
ผมเปิดโทรศัพท์ตัวเองเพื่อดูคอมเมนต์ที่ใต้คลิป มันไหลเร็วมากจนอ่านไม่ค่อยทัน มันทั้งให้กำลังใจและด่าทอเต็มไปหมด รวมถึงคำถามมากมายที่สาดเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น โฬมไม่ได้สนใจเพราะเขาเอาแต่มองกล้องและพูดต่อไปเรื่อยๆ โดยมีพี่เฟรมค่อยนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ เป็นตัวประกอบ
“ก่อนอื่นผมต้องบอกกับทุกคนอีกครั้งว่าผมเป็นเกย์และเคยมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ” เขาเว้นจังหวะในการหายใจก่อนพูดต่อ “อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าผมเคยคบกับไอซ์ เราคบกันมาเป็นปีแล้วครับ และเลิกกันก่อนที่จะมีข่าว โดยที่ไอซ์เป็นคนบอกเลิกผมเอง และพวกเราไม่ได้บาดหมางกันอย่างที่ทุกคนเข้าใจ”
ผมฟังทุกคำพูดของโฬมอย่างตั้งใจ ทั้งยังอดลุ้นไปด้วยไม่ได้
การต้องมานั่งเล่าเรื่องตัวเองให้คนทั้งประเทศฟัง ไม่ต่างอะไรจากการค่อยๆ เปลื้องผ้าออกให้คนอื่นดูเลย มันเป็นความยากลำบากใจที่บุคคลสาธารณะต้องอดทนต่อมัน
น่าเศร้านะครับ คนเราทุกคนต่างก็มีเรื่องที่ไม่อยากพูดออกไปทั้งนั้น...
“พวกเราจบกันเพราะไปกันไม่ได้และไอซ์เจอคนใหม่ที่ดีกว่าผมครับ ซึ่งผมมีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้” โฬมว่าก่อนคว้าเอาไอแพดข้างตัวขึ้นมา เปิดหลักฐานที่เขาเตรียมไว้โชว์เข้าที่กล้อง
“พวกเราเลิกกันวันที่ 9 กันยายน บนหน้าเฟสบุ๊คของไอซ์ยังโพสต์สเตตัสตัดพ้อและเอาสถานะคบกันของพวกเราลงในวันนั้น” โฬมเลื่อนหน้าโปรไฟล์ของไอซ์จนถึงสเตตัสที่อีกฝ่ายโพสต์เศร้าๆ อย่างคนถูกทิ้ง มีทั้งการแชร์เพลงเศร้าที่ฮิตกันตอนนั้น และการเปลี่ยนสถานภาพเป็นโสดของอีกฝ่าย
“หลังจากนั้นสี่วัน ไอซ์โพสต์รูปนี้พร้อมแคปชั่นนี้ครับ”
รูปที่โฬมโชว์คือภาพมือต่างขนาดที่กอบกุมกันอยู่ในรถยนต์ซูเปอร์คาร์ราคาแพง ซึ่งไม่มีทางเป็นรถของโฬมแน่นอนเพราะเขาไม่ได้รวยขนาดนั้น ทั้งสีผิวและเส้นขนของคนในรูปก็ไม่ใช่โฬมเลยสักนิด แถมแคปชั่นประกอบภาพยังขึ้นว่า ‘ขอบคุณคนเก่าที่ทิ้งไปให้ผมได้มาเจอคุณ’
“ผมขอยืนยันว่าระหว่างที่คบกันผมจริงใจและซื่อสัตย์เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้คนรัก และไม่เคยมีเรื่องโกหกใดๆ ทั้งสิ้น และจากสเตตัสนี้ที่ทำให้เป็นข่าว” โฬมเลื่อนเฟสบุ๊คของไอซ์จนไปถึงสเตตัสยืดยาวที่เอาแต่บอกว่าเขาเป็นคนโกหก และพูดกำกวมพยายามให้คนอ่านคิดว่าระหว่างที่คบกันโฬมเคยทำผิดหลอกลวงเอาไว้ “ผมยอมรับในความผิดที่โกหกว่าตนเองเป็นชายแท้ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าเรื่องการเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะออกมาประกาศได้ง่ายๆ”
ผมอ่านคอมเมนต์ใต้คลิป และพบว่ามีหลายคนเข้าไปส่องเฟสบุ๊คของไอซ์ซึ่งเปิดทุกอย่างเป็นสาธารณะ มีคนคล้อยตามกับคำอธิบายของโฬมเยอะมากจนใจผมเริ่มชื้นขึ้นมา
“และเรื่องที่ไอซ์ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการว่ามาขอคืนดี รวมถึงทวิตเตอร์ที่ปล่อยแชทของผมกับไอซ์ออกมา” โฬมเปิดภาพหน้าจอแชทที่เป็นประเด็นอยู่ในทวิตเตอร์ขึ้นมาโชว์ “แชทนี้เป็นแชทจริงครับ แต่เป็นเรื่องนานแล้วตั้งแต่เราเพิ่งเลิกกัน ผมพยายามยื้อและขอให้เขากลับมาคบกัน แต่ไอซ์ได้ปฏิเสธและตัดขาดการติดต่อกับผมในตอนนั้น”
พี่เฟรมยื่นโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาให้ เป็นหน้าจอแชทเดียวกับในทวิตเตอร์ ทว่ามีบอกวันเวลาที่คุยกันอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ช่วงปัจจุบัน ทั้งยังมีแชทของเพื่อนๆ ที่ตอนนั้นต่างพยายามห้ามไม่ให้โฬมไปขอคืนดีกับไอซ์อีกด้วย โฬมค่อยๆ เลื่อนแชทเหล่านั้นให้กล้องดูช้าๆ เพื่อให้คนดูได้อ่านทันและครบถ้วน
“ผมยืนยันอีกครั้งว่าหลังจากตอนนั้นผมไม่ได้ติดต่อไอซ์ไปเพื่อขอคืนดีอีก เพราะผมมีคนที่ชอบแล้ว และผมคงไม่กลับไปคบกับคนที่ทำให้ชีวิตผมพังหรอกครับ”
โอ เอ็ม จี!
ผมแอบเห็นพี่เฟรมชูนิ้วโป้งพลางปรบมือแปะๆ ให้กับประโยคนั้นของโฬม ส่วนผมช็อคอ้าปากค้างไปแล้วครับ
“ครับ ต่อไปเรื่องคลิป ผมขอไม่พูดถึงครับ การแอบถ่ายและนำออกมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับคำยินยอม ผมขอปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินตามกฎหมาย” โฬมพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำทีเดียว “และเรื่องสุดท้ายที่ผมจะพูดถึง คือสกาย”
“...” ผมเงยหน้ามองคนข้างตัวอย่างตกใจ
ผม?
ผมทำไมครับ!
“ผมมีเรื่องจะประกาศครับ ตอนนี้ผมกับสกายตกลงคบกันแล้ว” โฬมบอกเต็มเสียงแล้วหันมามองหน้าผมแวบหนึ่ง ก่อนหันกลับไปยิ้มใส่กล้องอีกครั้ง “โปรดสนับสนุนความรักของพวกเราด้วยนะครับ”
ให้ตายไปเลย!!!
ผมต้องทำตัวยังไง ผมต้องพูดอะไร หรือผมไม่ต้องพูดอะไร
ตอนนี้ผมเอ๋อไปแล้วครับ เอ๋อจนพี่เฟรมหันมาหัวเราะใส่อย่างหนักก่อนถูกโฬมส่งเสียงชู่วใส่เพราะเขายังพูดธุระตัวเองไม่จบ
“และผมขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่เชื่อมั่นและให้กำลังใจเสมอมานะครับ” โฬมยกมือไหว้ แตะปลายนิ้วจรดหน้าผากอย่างสวยงาม ในขณะที่ผมยังอ้าปากค้างอยู่เหมือนเดิม สมองชัตดาวน์ไปแล้วในจังหวะนี้
เมื่อกี้โฬมบอกไปแล้วว่าเราคบกัน...
เขาบอกไปแล้ว!!
“ขอบคุณครับ”
ผมไม่มีสติจะฟังโฬมพูดต่อจนจบ ไม่รู้ว่าคนตัวสูงลุกขึ้นไปปิดไลฟ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่เฟรมแอบถ่ายรูปผมไปกี่รูป และโฬมโยกหัวผมเล่นไปกี่ที ผมได้แต่ช้อนตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“พี่โฬม...”
“ครับ?”
“ทำไม”
“ตกใจเหรอครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน” ฝ่ามือหน้าเกลี่ยไรผมของผมเบาๆ “แต่ผมอยากประกาศมาตั้งนานแล้วว่าฟ้าเป็นของผม แค่ยังไม่กล้าพอ”
“แล้ว...”
“แล้วตอนนี้ก็กล้าพอแล้วล่ะครับ”
ให้ตายๆๆๆๆๆ ผมเนี่ยจะตาย!
โฬมยิ้มโชว์ฟันเขี้ยวและรอยบุ๋มข้างแก้มให้ผมอีกแล้ว คราวนี้ตาเขาหยีลงจนเป็นสระอิ ก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ เสียด้วย
“แมลงเข้าปากหมดแล้วครับฟ้า”
ใจผมก็จะหยุดเต้นแล้วเหมือนกันครับพี่โฬม...
หลังจากการถ่ายทอดสดผ่านไป ทุกคนก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวของโฬมมากขึ้น และมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยหันไปขุดหาความจริงเรื่องสมัยที่โฬมกับไอซ์ยังคบกัน แม้หลังจากวันแถลงข่าวของโฬมผ่านไปแล้วไอซ์จะตามลบสเตตัสและรูปในอดีตของตัวเองจนหมด แต่ก็มีมือดีแคปเก็บมาวิพากย์ต่อในอินเตอร์เน็ต
ความคิดเห็นในเน็ตมีอย่างหลากหลาย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งสนับสนุนและต่อต้าน แต่อย่างไรภาพรวมก็ไม่ได้เป็นไปในเชิงลบอีกแล้ว ผมดีใจมากๆ ที่ #โฬมฟ้า ต่างก็มีแต่คำยินดีและเสียงกรีดร้องกับเรือที่วิ่งเข้าถึงฝั่ง
ทางฝั่งไอซ์ก็มีความเคลื่อนไหว แต่พี่เฟรมก็ตอบกลับอย่างที่พี่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนบินกลับมาที่ไทย
ตอนแรกโฬมแค่ทักไปขอแชทเก่าๆ จากเพื่อนสนิท เพราะพี่เฟรมเป็นคนชอบแบ็คอัพข้อมูลในโทรศัพท์เก็บไว้ รูปตั้งแต่สมัยมัธยมยังมีเป็นพันๆ เลย (พี่เฟรมเอามาให้ผมดูเอง เห็นโฬมตอนเด็กๆ ด้วยครับ) แต่พี่เฟรมกลับบอกว่าจะเอามาให้เองที่ไทย และหลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็บินลัดฟ้ามาที่กรุงเทพฯ จริงๆ
กลับมาที่เรื่องของไอซ์ ผมแม้จะทำเหมือนไม่สนใจแต่แอบติดตามข่าวอย่างคนอยากเสือกและแอบหมั่นไส้เงียบๆ ไอซ์ยังคงโพสต์สเตตัสเรียกร้องความสนใจอยู่เหมือนเดิม หมายจะโต้กลับเอาคะแนนเสียงตัวเองคืนมา แต่พี่เฟรมก็เอาคืนด้วยการลากอดีตเพื่อนสนิทของไอซ์มาเกือบจะทุกคน จับมานั่งสุมหัวกันที่โรงแรมของตัวเองแล้วเม้าส์หมอยวีรกรรมของผู้ชายที่ชื่อไอซ์ที่หนักหน่วงจนเพื่อนๆ เททิ้งไม่มีใครคบ
แต่พี่เฟรมก็ยังไม่เลวทรามขนาดเอาทุกเรื่องของไอซ์มานินทา เขาโฟกัสที่ตอนโฬมกับไอซ์ยังคบกัน และวีรกรรมหลังเลิกกันเท่านั้น โดยทีเพื่อนคนอื่นคอยเสริมว่าอีกฝ่ายมักเรียกร้องความสนใจอย่างไร และเป็นคนที่ชอบให้คนอื่นสนใจจนกดหัวเพื่อนๆ ลง สุดท้ายเมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผยเพื่อนๆ จึงไม่มีใครทนอยู่ด้วยได้
ทุกอย่างกลายเป็นข่าวครึกโครม ไอซ์อาจเป็นคนแรกที่ไม่ใช่คนในวงการแต่มีสำนักงานข่าวออกข่าวเรื่องนี้จนเต็มโซเชียลและหน้านิตยสารซุบซิบไปหมดก็ได้ ผมคาดเดาเอาเองนะ และหลังจากนั้นไม่นานเฟสบุ๊คเจ้าปัญหาของเจ้าตัวก็ถูกปิดไป
แต่โฬมก็ยังคงเอาเรื่องที่ทวิตเตอร์ลึกลับซึ่งเดากันได้ง่ายๆ ว่าใครเป็นเจ้าของนั้นอย่างหนัก เขายื่นฟ้องศาล จ้างทนายและดำเนินคดีโดยแจ้งความเรื่องความผิดทางพรบฯ คอมพิวเตอร์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อการแจกจ่ายทำให้แพร่หลายซึ่งภาพอันลามกนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเข้าถึงได้
และใช่ครับ
ไอซ์ถูกจำคุก 9 เดือนและศาลให้ชำระเงินค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินสองแสนบาท
การมีข่าวนี้ทำให้โฬมได้รับความเห็นอกเห็นใจในฐานะเหยื่อผู้ถูกกระทำมากยิ่งขึ้น และข่าวของไอซ์ยังคงถูกพูดถึงกันเป็นวางกว้าง แม้เรื่องราวจะผ่านมาเป็นเดือนๆ แล้วก็ตาม...
ผมดีใจนะ ที่ท้องฟ้าหลังพายุเข้า มักจะมีสายรุ้งโผล่ขึ้นมาเสมอ
_______________________________
Talk : มาแล้วค่า บทสรุปนังไอซ์มาแล้วววว
เราอ้างอิงข่าวเรื่องพรบ.คอมฯ จากเว็บนี้
https://hilight.kapook.com/view/32264และหวังว่าทุกคนจะพอใจบทสุปของนังไอซ์นะคะ
ฮรุก ตอนที่แล้วทุกคนรุมด่าพี่โฬมกันหมดเลย ใจเรากลัวมากที่จะลงตอนต่อไป 555
เราตามดราม่าดารามาเยอะค่ะก่อนเขียนเรื่องนี้
ส่วนมากทางออกที่ดีที่สุดคือการเงียบจริงๆ แต่มันก็ใช้ไม่ได้สำหรับทุกอย่าง
ซึ่งพี่โฬมได้เรียนรู้แล้วว่า
"การที่เขาต้องการจะปกป้องใครสักคน เขาต้องสู้ ไม่ใช่เอาแต่เงียบ"เหมือนกับเนื้อเพลงเพลงหนึ่งที่กล่าวว่า
'They say before you start a war.
You better know what you're fighting for'เราอยากให้พี่โฬมค่อยๆ พัฒนาความเข้มแข็งเนอะ จะให้โดนข่าวแล้วกล้าสวนใส่เลยก็ไม่ใช่เนอะ
ส่วนพี่เฟรม.. โผล่มาให้ทุกคนได้รู้จักค่ะ เป็นแค่ตัวประกอบเฉยๆ 555555555
เอนจอยรีดดิ้งกันนะคะทุกคน รักเสมอเลย
จะจบแล้วว ศึกใหญ่พี่โฬมผ่านไปแล้ว ฮือ ขอโทษที่พาดราม่าค่ะ