1: Daily danger
ผมเอ่ยชื่อยานอนหลับชนิดหนึ่งขึ้นมา ชายตาไปยังคนที่นั่งข้างๆ
“เอ๊ะ?”
“ยานอนหลับตัวนี้ใช่ไหมครับที่ใส่ลงไปในแก้วผม”
“...”
“เสียใจด้วยนะ มันทำให้ผมหลับไม่ได้หรอก”
“...”
“ถ้าจะวางยาผม ต้องตัวที่แรงกว่านี้นะครับ”
“...”
“แต่ถ้าคืนนี้อยากให้ผมไปด้วย บอกกันดีๆ ก็ได้นะคุณ...”
ผมใช้มือซ้ายเท้าคาง กระดิกนิ้วมือทั้งห้าพรมลงบนแก้มตัวเอง นั่งเหม่อมองสไลด์หน้าห้องเรียน ฟังอาจารย์บ่นบรรยายถึงเนื้อหาของวิชาไปเรื่อยๆ มืออีกข้างหมุนปากกาเล่น รอจนกว่าจะหมดชั่วโมง หวนคิดถึงเรื่องเมื่อคืน
ยานอนหลับไม่ได้ผล แต่เซ็กซ์ร้อนแรงเมื่อคืนกลับได้ผลดีเกินคาด
อย่างน้อยผมก็ได้หลับก่อนไปสอบย่อย และไม่ได้ขาดเรียนในคาบต่อมา
คนที่ผมเล่นด้วยเมื่อคืนไม่ได้อาศัยในย่านหรูเหมือนคนก่อน เขาพักอยู่ในหอพักธรรมดา ฐานะดูปานกลาง ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่พอได้เริ่มกิจกรรมร่วมรัก ความผิดหวังที่มีก็พลันมลายหายไป เมื่อจังหวะของพวกเราเข้ากันได้ดีเกินคาด
เมื่อคืนของผมมีสีสันพอตัว
“...ดูง่วงนะ ไม่ได้นอนเหรอ”
“เปล่า”
ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ สงสัยผมคงเหม่อลอยนานไปหน่อย คงผิดสังเกต
เน็ตหันหน้ากลับ ไม่ได้พูดอะไร ตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์ต่อไปอย่างขยันขันแข็ง
ส่วนผมละสายตาจากเลคเชอร์ไปมองหน้าเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เน็ตชำเลืองหางตามองผมก่อนจดเลคเชอร์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ต้องจับ” เขาเอ่ยเสียงแข็งทันทีที่เห็นผมขยับตัว ยกมือขึ้น หมายจะเล่นแว่นตาที่เขาสวมสักหน่อย
“ขี้งก”
เน็ตหันมาดันแว่นใส่ผม แล้วก็ไม่สนใจกันอีก คงเพราะนิสัยเขาเป็นแบบนี้ ถึงได้เป็นคนที่ผมคบด้วยนานที่สุด คบในฐานะเพื่อน ไม่เคยนอนร่วมเตียงเลยสักครั้ง แม้ว่าผมอยากจะลองก็ตาม
หนุ่มแว่นไม่ใช่สเป็คเท่าไหร่ แต่เน็ตไม่เหมือนเด็กแก่เรียนทั่วไป เขาหน้าตาดีจัด เป็นหนุ่มเนิร์ดที่ไม่รู้ตัวว่าฮ็อตขนาดไหน ภายใต้เสื้อเชิร์ตนักศึกษาสีขาว ผมรู้ว่ามีของดีซ่อนอยู่ แต่ก็นั่นแหละ เน็ตไม่ยอมเล่นกับผมเลยทำอะไรไม่ได้
คาบเรียนจบลง อาจารย์สั่งรายงานคู่ท้ายคาบ แน่นอนว่าผมจับคู่กับคนที่นั่งข้างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ต้องเอ่ยกล่าวบอกอะไรกัน
เน็ตใส่ชื่อตัวเองกับผมไว้ในใบรายชื่อ ก่อนที่พวกเราจะลุกออกจากห้องเรียน
“วันนี้ไปค้างด้วยนะ” ผมเอ่ยขึ้นทันที ควงแขนเขาไว้ ออดอ้อน ออเซาะ
เน็ตสะบัดแขนหนี “ไม่ต้องมา”
“ไม่ทำรายงานเหรอ”
“ไว้จะนัดที่หอสมุด”
“โถ่ ไม่หนุกเลย”
ผมเบ้ปาก พยายามเกาะเน็ตอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมเน็ตถึงไม่สนใจผมเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ มีแต่จะวิ่งเข้าหาผมแท้ๆ
“แล้วคืนนี้ไปเที่ยวกันไหม”
“ไม่”
“เน็ต~” ผมร้องเรียกชื่อเขาเสียงยาน เจ้าของชื่อหันมาทำตาดุใส่
“พรุ่งนี้อย่าลืมมาทำรายงานด้วย”
“นี่ถือว่านัดกันแล้วเหรอ”
“หอสมุด บ่ายโมง”
เน็ตว่า รีบก้าวฉับๆ จากไป ส่วนผมก็หัวเราะไล่หลังเขา
เน็ตรู้จักผมมาแต่ไหนแต่ไร และคงน่าเสียดายแย่ถ้าเราจะจบความสัมพันธ์กันเพียงเพราะเซ็กซ์ชั่วข้ามคืน เพราะอย่างนี้ผมจึงปล่อยเน็ตไป
เน็ตรู้ดีว่าผมไม่มีทางเป็นของเขา
รวมถึงเขารู้จักเจ้าของของผมดีกว่าใครๆ
เราต่างรู้จักนิสัยกันดีเกินกว่าจะผูกสัมพันธ์ลึกซึ้ง
ผมไม่ชอบนอนกับคู่นอนซ้ำๆ คืนนี้ผมจึงออกตระเวนหาคนที่ถูกใจ หาที่นอนแห่งใหม่ สถานที่ล่าหนีไม่พ้นย่านบันเทิงที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง เพียงแต่คราวนี้ผมไม่ได้เลือกผับใกล้ม.ตัวเอง ตั้งใจขยายอาณาเขตตัวเองออกให้ห่างไกลขึ้นอีกนิดหน่อย จะได้ไม่พบปะคนเดิมๆ
บรรยากาศในร้านนี้ไม่ต่างจากร้านอื่นเท่าไหร่ มีผู้คนมากมายทั้งนั่งทั้งยืน เดินไปเดินมา รวมถึงเดินเข้ามาหาผม ก่อนที่จะเดินจากไปเมื่อผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจ
พวกเขาเข้ามาทำความรู้จักผม พูดคุย ถามไถ่ ทั้งชายแหละหญิง
ผมส่งยิ้มแทนคำพูดให้กับผู้มาเยือน พวกเขาเข้ามาและจากไปเมื่อผมไม่ทำอะไรนอกจากยิ้มให้เพียงอย่างเดียว
คืนก่อนหน้านั้นผมได้ผู้ชายรูปหล่อเจ้าของธุรกิจส่วนตัว คืนต่อมาผมได้นักกีฬาฐานะปานกลางที่พยายามวางยานอนหลับให้ผมกิน คืนนี้...ผมยังไม่ได้เลือก
ผมปรายตามองผู้คนในร้าน หลายคนรูปร่างหน้าตาดี ทั้งสวยทั้งหล่อ ถูกตาแต่ยังไม่ถูกใจ
สายตาผมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่งเพราะต้องตา ผมมองตามทิศทางที่เธอเดินไป เจ้าหล่อนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างหน้าตาดีจัดจนผมอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างกระหายและเสียดาย
ว้า...คนนี้คงอด
ผมคิด แต่ก็ยังจับจ้องเธออยู่สลับกับผู้ชายคนนั้น เสียดายที่หนึ่งในพวกเขาไม่ได้เป็นของผม ในขณะที่กำลังลอบมองสองคนนี้เดินควงแขนกันใกล้จะถึงประตูทางออก ทันใดนั้นเองก็มีผู้ชายตัวเล็กเดินเข้ามาผลักสาวงามจนเกือบล้ม เกิดเป็นเรื่องวุ่นวายอยู่พักใหญ่
สามคนโต้เถียง ทะเลาะโวยวาย หลายคนมุงล้อมดูเรื่องน่าสนใจ ทว่าไม่มีใครคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว ผมมองดูเรื่องราวตั้งแต่ต้น จนจบ...
ชายหญิงคู่นั้นเดินจากไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มร่างเล็กที่คราบน้ำตาเลอะเต็มใบหน้าละมุน ยืนสะอื้นอย่างโดดเดี่ยว
ดูท่าว่าผมจะเลือกได้แล้ว...
ไทยมุงกลุ่มนั้นสลายตัวแล้ว ไม่มีใครสนใจคนถูกทิ้ง คนตัวเล็กเดินน้ำตานองมานั่งตรงบาร์ ถัดจากผมไปสามสี่ที่นั่ง ผมลุกขึ้น เดินเข้าหาคนที่เพิ่งใจสลายมา
เสนอตัวเองเป็นยาใจให้ในค่ำคืนนี้
กับคนตัวเล็กกว่า ผมก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นฝ่าย ‘กอด’ และยอมให้เขา ‘ถูกกอด’ นอนหอบครางอยู่ใต้ร่าง เด็กหนุ่มเมาจัด เสียงร้องไห้สะอื้นปนเสียงครางสุข จนในที่สุด ผมก็พาเขาออกจากมวลความเศร้า ทะยานสู่สรวงสรรค์
โดยปกติแล้วผมมักไม่สนใจเรื่องชื่อของคู่นอน แต่กลับจำชื่อเด็กคนนี้ได้ขึ้นใจ
คงเพราะเมื่อคืนเขาร้องขอให้ผมเรียกชื่อเขาทั้งคืน
หยกตื่นในเวลาสายๆ เขาเรียกชื่อผมในขณะที่ผมกำลังนั่งเอ้อระเหย เหม่อมองแดดร้อนๆ นอกหน้าต่าง
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
เขาขยับตัว ดูท่าจะลุกไม่ไหว จนผมต้องเข้าไปช่วยพยุง
“ผมไหวน่า”
เขาร้อง พยายามปัดมือผม ไม่ตอบรับความช่วยเหลือ ท่าทางน่ารักเสียจนผมยกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ขำอะไร”
เจ้ากวางน้อยทำหน้ามุ่ย หน้าตาน่ารักน่ามันเขี้ยวจนอดฟัดลงที่แก้มนิ่มแรงๆ สักที หยกร้องโวยวายแต่ผมไม่ได้สนใจ จับเขาอุ้มขึ้นมา ก่อนพาไปยังห้องน้ำแคบ วางเขาลงที่เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า แทรกตัวเข้าไประหว่างขาเรียวเล็กสองข้าง จับคนขี้โมโหประกบปาก ไม่ให้เสียงโวยวายของเขาเล็ดรอดออกมาได้อีก
สองมือล้วงเข้าไปในเสื้อเชิร์ตบาง บีบขย้ำเนื้อขาว ก่อนกระชากเสื้อตัวน้อยให้เผยหน้าอกนวล ก้มจูบเม็ดเชอร์รี่สีสวย ละเลียดเลียมันราวกับเป็นผลไม้แสนหวาน
“พอแล้ว ปล่อย…”
คนตัวเล็กดันผมออก ใบหน้าหงุดหงิดถึงขีดสุด
“ยิ้มอะไร”
ผมตอบเขาด้วยการส่งยิ้มกว้างกว่าเดิม ปกติแล้วผมชอบคนที่ว่าง่าย อยู่ในโอวาท ทำตามทุกคำสั่ง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบคนพยศ เด็กดื้ออย่างเขาก็ทำให้ผมตื่นเต้นได้ไม่น้อยเหมือนกัน
ผมขยับเข้าไปกระซิบเอ่ยข้างหู
“อีกรอบนะ”
“ไม่...ไม่เอา”
หยกร้องปฏิเสธ แตน้ำเสียงแผ่วเบาจนไม่สามารถเป็นคำสั่งได้ คนตัวขาวอ่อนระทวยในอ้อมกอดผมอีกครั้งเมื่อถูกล้วงจับ ลูกกวางน้อยตัวสั่นสะท้าน นอนแผ่รอให้นายพรานชำแหละร่างของตนอย่างไม่อาจหนีไปไหนได้อีก
ภารกิจช่วงสายเสร็จสิ้นหลังจากที่หยกผล็อยหลับไป และมีเสียงเรียกเข้าจากมือถือของผมดันขึ้นมา ขัดจังหวะการลอบมองคนน่ารัก
ทันทีที่เห็นชื่อจากปลายสาย ผมก็สะดุ้งโหยง ลืมไปเสียสนิทเลยว่ามีนัดกับใคร
ผมกดรับ ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ หวังออดอ้อนที่ผิดนัดเขา
“เน็ต~”
“อยู่ไหน มาทำรายงานได้แล้ว”
“แต่ว่าตอนนี้...”
“ทำไม”
“อยู่ไกลจากม.อ่ะ จะไปก็คง...”
“มาให้ได้แล้วกัน” เน็ตว่าแค่นั้นก่อนกดตัดสาย
ผมถอนหายใจ นั่นแปลว่าถ้าผมไม่ไปคงถูกถอดออกจากรายชื่อ คะแนนรายงามเล่มนี้ผมจะพลาดไม่ได้ เพราะฉะนั้นถึงต้องตัดใจถอนอ้อมกอดออกจากคนตัวนิ่ม ยอมลุกออกจากเตียงนอนอุ่น
เลยเวลานัดมาชั่วโมงกว่าๆ แต่เน็ตยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ
ทันทีที่ผมมาถึง เขาก็จัดแจงแบ่งงานให้ทำโดยไม่รอให้ผมพักหายใจ ผมบ่นใส่เน็ตเสียยกใหญ่ แต่ก็ทำตามคำสั่งของเขาเพราะขัดไม่ได้ เน็ตนั่งทำส่วนของเขาไป ส่วนผมก็นั่งทำงานตามที่เน็ตแบ่งไว้ ระหว่างเราไม่มีเสียงพูดคุย บรรยากาศรอบข้างก็สงัด ห้องสมุดเงียบสงบปลอดเสียงคน ช่วยเสริมสมาธิให้กับคนทำงาน
เวลาผ่านไปสักพัก จู่ๆ เน็ตก็ถอนหายใจเสียดัง “เมื่อคืน...”
เอ่ยทำลายความเงียบ
“...กับใคร”
ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่ตีหน้าขรึม “สนใจเหรอ”
เน็ตเหลือบตามองผมแวบเดียว ดันแว่นสายตาขึ้นตามความเคยชิน
“บอกมา”
“กับคนชื่อหยก”
“คืนก่อนล่ะ”
“จำชื่อไม่ได้”
“แล้วคนก่อนหน้านั้นล่ะ”
“จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน”
เน็ตถอนหายใจพรืด วางปากกาลง หันหน้ามาสนตากับผมจริงจัง
“อย่าลืมสิว่านายมีใครอยู่”
“รู้แล้วน่า”
“รู้แล้วทำไมถึงยังทำตัวอย่างนี้อีก” เน็ตว่าเสียงแข็ง คล้ายจะดุผม
“ก็เขาไม่อยู่ตั้งสองอาทิตย์ น่าเบื่อออก” ผมบอก ทำปากยื่น บ่งบอกว่าไม่พอใจเหมือนกัน และโบ้ยให้เป็นความผิดเน็ตอย่างหน้าด้านๆ “เขาไม่อยู่ด้วยก็นอนไม่หลับ...เน็ตก็ไม่ยอมให้นอนด้วย”
“แค่อยู่ให้มันเป็นที่เป็นทางมันยากนักเหรอ เตย”
“คนที่เน็ตต้องบอกคำนี้คือเขาต่างหาก”
“เขาให้กูดูแลมึง ไม่ใช่ให้มึงหนีออกไป ไล่นอนกับคนไม่รู้จักไปทั่ว”
“เน็ตก็รู้นี่ว่าเตยทำไม่ได้”
“มันยากตรงไหน แค่นอนให้เป็นที่เป็นทาง อยู่แต่ในห้องเนี่ย”
“มันยากตรงไม่มีเขา...”
ผมสบตากับเขาที่มองมาด้วยท่าทีขึงขังจริงจัง จ้องเข้าไปในดวงตาของเน็ตอย่างไม่ลดละ เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับสบตาผม
“เดี๋ยวเขาก็กลับมา”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ครานี้เน็ตเป็นฝ่ายหลบตาก่อน เขาหยิบปากกาที่วางไว้ขึ้นมาใหม่ ลงมือคัดย่อบทความของหนังสืออย่างลงไปในกระดาษรายงาน ไม่หันมามองผมอีก
ผมลูบรอยสักตรงท้ายทอยข้างซ้าย ที่เป็นชื่อของใครบางคน…
ชื่อของเขา
...เจ้าของของผม
☁
ผมโดนเน็ตสั่งให้กลับห้อง เลิกออกไปยุ่งกับใครอีก ทั้งๆ ที่เน็ตก็รู้ว่าถ้าไม่มีเขาผมก็ไม่มีทางนอนหลับ เพราะฉะนั้นการออกไปหาใครสักคนจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ออกล่า มีเซ็กซ์ และหลับไป
คำสั่งของเน็ตใช้กับผมไม่ได้
สถานที่เดิมยังคงเป็นที่ที่ผมเลือกมายังค่ำคืนนี้ บรรยากาศดี ผู้คนที่เข้ามาต้องมีฐานะในระดับหนึ่ง ทำให้ถูกใจผมค่อนข้างมาก
ผมกวาดตามองไปรอบๆ
พบกับคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง
เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ผมเคยนอนด้วย แต่เป็นคนที่อยากจะนอนด้วย ผู้ชายเมื่อคืนก่อนที่น่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหยก ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆ วางแก้วค็อกเทลลงที่บาร์ เดินตรงไปหาเหยื่อผู้น่ารัก
วันนี้เขาไม่ได้มากับผู้หญิงอีกคน ทำให้ผมเข้าถึงเขาได้ง่ายกว่าเดิม
ผมเดินหลบผู้คน มองตรงไปยังตัวเขาอย่างไม่ลังเล
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หันมาสบตากับผม ชั่ววินาที เราดำดิ่งอยู่ในห้วงเวลาของกันและกัน
เรายกยิ้มให้กัน ตกลงกันทางสายตา เหมือนรู้ความหมาย
เขาขยับตัว ค่อยๆ เดินมาทางผม
ก่อนที่เราจะได้มาถึงตัวกัน ผมโดนรั้งด้วยฝ่ามือนุ่มๆ ของใครบางคน
หยกอยู่ที่นี่ รั้งตัวผมไว้ไม่ให้เข้าไปหาเป้าหมายของผม ที่คงเป็นคนเก่าของเขา เขามองผมด้วยสายตาเว้าวอน เอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง
“อย่าไปกับเขาได้ไหม”
“...ทำไมล่ะ”
“ถ้าจะทำ...ทำกับผมแทนได้ไหม”
ผมมองใบหน้าน่ารักที่ช้อนตามองผมอย่างอ้อนวอนให้ผมเลือกเขา แม้ว่าจะไม่ชอบที่ต้องนอนกับคนซ้ำหน้า แต่สองขาผมกลับตัดสินใจเดินไปพร้อมคนตัวเล็ก ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นคว้าจับได้แต่ความว่างเปล่า
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกหยกอีกครั้ง ไม่เข้าใจสายตาที่เขาส่งมาถึงผม มันดูเศร้าสร้อย แต่ผมไม่รู้เหตุผลของความเศร้า อาจเพราะผู้ชายคนนั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่
เมื่อหยกที่ไม่ได้เมาด้วยฤทธิ์สุราเหมือนคืนก่อน ร้อนแรงกว่าเมื่อคืนหลายเท่าตัว
ผมปล่อยให้คนน่ารักขยับขึ้นบนตัว เป็นฝ่ายนำของเกมรัก มองเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเขาที่เขยื้อนเริงระบำอยู่บนตัวผมอย่างเร่าร้อนดังผีเสื้อเริงไฟ ทิ้งสายตาเต็มไปด้วยราคะก่อนสะบัดใบหน้าเชิดขึ้น เมื่อเร่งเร้าจนใกล้ถึงจุดหมาย
เขาไม่ได้ผล็อยหลับไปเหมือนคืนก่อน
แต่ซุกซบอยู่ในอ้อมแขนของผมอย่างน่ารัก
ในห้องที่ตลบไปด้วยกลิ่นของราคะที่เพิ่งจบลง เรานอนกอดกัน ผมลูบท้ายทอยของเขา หมายกล่อมให้เขาหลับใหล แต่ดูท่าว่าหยกไม่มีท่าทางเคลิ้มกับสัมผัสของผมแม้แต่น้อย
“มีเจ้าของแล้วหรือ” หยกเอ่ยถามผ่านความเงียบ ท่ามกลางกลิ่นเหงื่อและกลิ่นคาวที่ลอยอวลในห้อง
“รู้ด้วยเหรอ”
“อือ เห็น...ที่ท้ายทอย”
ผมยกมือขึ้นมาแตะรอยสักที่มีชื่อของเขาฝังอยู่ในเนื้อผิวท้ายทอยข้างซ้าย
“ไปเห็นตอนไหน” ผมตอบเขา หัวเราะขำในลำคอ โดยปกติแล้วจุดนี้ไม่น่าจะเห็นกันได้ง่าย ผมไว้ผมยาวระต้นคอ ปกปิดปลอกคอที่มีคนสวมไว้ การร่วมรักกับหยก ไม่ว่าจะตอนไหนก็นึกไม่ออกว่าเขาจะเห็นมันได้
“เมื่อวาน...ตอนที่คุณทำ...ให้ผม...”
เขาเฉลย เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก และนั่นทำให้ผมนึกภาพเมื่อตอนที่เราอยู่ในห้องน้ำด้วยกันออก ผมพาเขาวางบนเคาท์เตอร์ล้างหน้า จับสองขาเรียวแยกออกจากกัน ก้มลงไปเชยชิมตัวตนของเขา ปรนเปรอให้คนน่ารักถึงจุดหมาย
ผมจำสองมือเล็กที่จิกลงไปในเส้นผมของผมได้ นิ้วมือขยุ้มกลุ่มผมจนต้องเอียงคอตามแรง
คงเป็นตอนนั้น
ผมกดจูบที่หน้าผากของหยก ให้รางวัลคนเก่ง
“ช่างสังเกตจังนะ”
“คุณทำแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ”
“แล้วเราล่ะ ทำไมถึงมาหาผมอีก”
“ผมไม่อยากให้คุณทำกับเขา...”
“ถึงผมไม่ทำกับเขา เขาก็ทำกับคนอื่นอยู่ดี”
“ผมรู้...”
หยกตอบเสียงพร่า และไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาขัดจังหวะความเงียบนี้อีก
สมองผมประมวลผลตรงข้ามกับคำพูดของหยก
ถ้าเขารู้อย่างนั้นแล้ว ทำไมเขาถึงต้องมีสีหน้าเจ็บปวด
ผมไม่รู้เลยจริงๆ
☁
#น้ำค้างฟ้าขุ่น