บทที่ 4 : เรียนรู้วิถีโอตาคุ
ถ้าบั้นเอวผมไม่ได้ระบมและถ้าผมไม่ได้เห็นซากถุงยางอนามัยใช้แล้วถูกทิ้งในห้อง ผมคงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนเป็นความฝัน
ผมหรี่ตาจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังพูดคุยกับสาวๆอย่างลื่นไหลราวกับคาสโนว่าตัวพ่อที่หาตัวจับได้ยาก
เมื่อสักครู่เคย์ชวนผมลงมาทานข้าวใต้หอ และหลังจากที่เราได้โต๊ะตัวสุดท้ายในร้านไปครอง สาวๆที่มาหลังเราไม่กี่นาทีขอรวมโต๊ะกับเราด้วยเนื่องจากโต๊ะเรามีเก้าอี้เหลือ และแน่นอนว่าสุภาพบุรุษตัวเป้งอย่างคนข้างหน้าผมก็ต้องอนุญาต
เอาเป็นว่า เรื่องมันยาว…และคุยไปคุยมา เจ้าหล่อนดันเป็นเพื่อนดาวเดือนคณะนิติปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็ทำท่าเหมือนอยากจะรู้จักน้องคนใหม่ที่ ‘บังเอิญ’ ได้มานั่งโต๊ะเดียวกัน
ก็นะ…
ผมก้มหน้ากลอกตา ไถฟีดเฟสบุ๊คที่เผอิญมีโพสแชร์รูปเดือนคณะนิติปีนี้ ซึ่งคนที่แชร์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเดือนคณะคนฮอต
ก็อย่างว่า…เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง
คิดถึงประโยคนี้แล้วผมก็สะดุดกึก จำได้ว่าเมื่อวานมีความคิดแวบเข้ามาเรื่องนี้นี่แหละ
อะไรสักอย่างเรื่องมันบังเอิญมากเกินไป เรื่อง…ของที่เตรียมพร้อมมากไป แล้วก็…
“จิน!” มือใหญ่ๆที่โบกแวบไปแวบมาอยู่ตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมตอบรับเสียงดัง
“หือ”
“ได้ฟังอยู่หรือเปล่า พี่เขาถามว่าจินดูคุ้นๆ เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนใช่มั้ย”
“อ้อ” ผมหันไปมองสาวสวยข้างๆเคย์ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะขยับตัวจนแทบชิดติดกับชายหนุ่ม ภาษากายของการนั่งใกล้ใครสักคน หรือพยายามเอาแขนไปใกล้คนคนนั้น หมายความว่าคุณสนใจในตัวคนคนนั้นเข้าให้แล้ว และผมคงเป็นคนบ้าที่นั่งสังเกตเรื่องพวกนี้ทั้งๆที่คนที่โดนสนใจเอาแต่ยิ้มเหมือนหมาโง่
“แน่นอนครับ ผมจำพี่ได้ รุ่น38 พี่พีช ผม39 จิน” ผมส่งยิ้มไปให้ ซึ่งหล่อนก็ตอบกลับมาหลายประโยคที่ผมไม่ค่อยตั้งใจฟังเท่าไรพร้อมพยักหน้าไปแกนๆเพราะมัวแต่โฟกัสตอนที่หล่อนเอาศอกไปแตะแขนของรูมเมทผม
เคย์ขยับแขนหลบไปนิดหนึ่งไม่ให้แขนของพวกเขาสัมผัสกัน และเหมือนเสี้ยวหนึ่งของผมจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
เดี๋ยว…ถอนหายใจอย่างโล่งอก???
“พี่พีชก็โดนเสนอชื่อเป็นดาวเหรอครับ?” เสียงจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมดังขึ้นเมื่อบทสนทนาวกกลับไปที่การประกวดอีกครั้ง
ผมได้แต่มองบนในใจ ไถเลื่อนฟีดไปผ่านๆทั้งๆที่ยังไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไรเลย ในขณะเดียวกันก็คอยจับจ้องคนที่กำลังเฟิร์ลตกับคนอื่นหน้าตาเฉย
ระริกระรี้เป็นหมาชูหางอย่างนี้เดี๋ยวคนก็รู้หมดว่ามึงเป็นได้แค่ไอ้คนหื่นกามหรอก
“ใช่ ทำเสียงตกใจจัง คิดว่าพี่ไม่ดีพอเป็นดาวหรือไง”
นี่ก็กระเง้ากระงอดขั้น10
“เปล่าครับๆ ผมไม่ได้จะพูดอย่างนั้น พี่พีชสวยมาก”
“หืม เดือนปีนี้ปากหวานจัง”
ผมกลอกตาอีกรอบ
นี่มันเหมือนกับหนังรักเกรดBเลย
ผมขยับเท้า ก่อนจะรู้สึกว่าเท้าตัวเองไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างแข็งๆใต้โต๊ะ ผมก้มตัวลงเพื่อมองและพบว่าอะไรที่ผมเตะไปเมื่อครู่เป็นเท้าที่สวมเพียงรองเท้าแตะช้างดาวซึ่งค่อนข้างขัดกับลุคพ่อหนุ่มฮอตครบเครื่องของรูมเมทผมพอสมควร
เห็นแล้วหงุดหงิด
เหยียบแม่ง
ผมวางเท้าทาบบนเท้าเขาเบาๆ ก่อนจะใช้แรงขยี้จนเคย์ยืดตัวตรงสูดลมหายใจเกร็งอย่างฉับพลัน
“เป็นอะไรเหรอ” สาวสวยข้างๆทักเขาอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับๆ” รูมเมทผมโบกมือนิดๆมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอย่างทุกที
ผมยังคงก้มหน้าไถมือถือต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
แต่สาบานได้ นั่นเป็นมื้ออาหารที่เคย์กินเร็วที่สุดในชีวิต เขายัดก๋วยเตี๋ยวสองชามลงท้องได้ภายในเวลา15นาทีด้วยซ้ำ
หมอนั่นยังคงลูบเท้าป้อยๆพร้อมส่งสายตาหงิงๆอย่างน่าสงสารมาหาผมไม่หยุดหลังจากเราเข้าห้องแล้ว
อ้อ…เพิ่มเติมคือหมอนั่นได้ไลน์ของพี่สาวคนนั้นมาเรียบร้อย
“มึงหึงรุนแรงจัง”
“กูไม่ได้หึง!”
“อือ ไม่ได้หึงๆ”
แล้วจะทวนคำผมยิ้มหน้าระรื่นทำเตี่ยอะไรวะ
ผมหรี่ตาคาดโทษ แต่เจ้าตัวต้นเหตุกลับเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงหยิบไอแพดออกมาไถแล้วเรียบร้อย ผมจึงได้แต่เปิดคอมจัดการเมมโมรี่การ์ดของกล้องที่ถ่ายรูปตอนคอสเพลย์
แค่กๆ คือเผอิญว่าตอนที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ตอนนั้นกล้องที่วางไว้ปลายเตียงมันกำลังอัดวิดีโอไว้อยู่พอดี กว่าผมจะรู้ตัวอีกทีก็นอนยาวจนแบตหมดไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บภาพอะไรได้ถึงไหน ไม่สิ…ไม่รู้ว่าจะเก็บวิดีโออะไรได้บ้างต่างหาก
ผมเหลือบตามองคนที่ยังนอนอ้าซ่ากางแขนกางขาอยู่บนเตียง ก่อนจะงับฝาหน้าจอโน้ตบุ๊คลงมาหน่อยนึง เอียงคอมอีกสักนิดให้มั่นใจว่าคนที่นอนอยู่ตรงนั้นไม่น่าจะเห็นอะไรได้ชัด แล้วจึงค่อยกดเข้าโฟลเดอร์เมมโมรี่การ์ด
ผมลดแสงหน้าจอลงต่ำสุดเมื่อเห็นวิดีโอที่ตัวเองคิดไว้ ใช้หางตามองคนที่ยังนอนในท่าเดิม เช็คในแน่ใจว่าปิดเสียงแล้วจากนั้นจึงค่อยเปิดวิดีโอ
เหตุการณ์ในวิดีโอเริ่มตั้งแต่ตอนผมโพสท่าบนเตียง จนกระทั่งผมชะงักไปเพราะหมอนั่นเปิดห้องเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็….
ผมกำลังจะปิดวิดีโอทิ้งในตอนที่เคย์วางหน้าบนไหล่ของผมแล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“ไม่ยักรู้ว่ามึงชอบถ่ายวิดีโอไว้ด้วย คราวหลังเราหามุมกล้องดีๆกันดีกว่า”
ผมตกใจจนมือกระตุกกดกากบาทที่มุมหน้าจอ วิดีโออันนั้นถูกปิดลงไปทันที ความอับอายแล่นตามใบหน้าผมเหมือนถูกพ่อแม่จับได้ว่าแอบกินขนมตอนดึกๆทั้งที่ฟันผุ
“ว้า เสียดายจัง อยากดูต่ออีกหน่อยแท้ๆ” เสียงเย้าแหย่จากคนข้างหลังกวนตีนเสียจนเท้าผมกระตุก
“อย่าอยู่เลยมึง!”
แล้วสงครามที่มีเพียงผมฝ่ายเดียวที่เป็นคนลงมือก็เริ่มต้นขึ้น
หลังจากสงบศึกกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องชนะไปตามระเบียบเพราะเป็นคนเดียวที่ถือหมอนข้างไล่ตีคนตัวยักษ์ข้างๆโดยที่เขาทำได้แค่ปัดป้อง และหลังจากที่เราทั้งคู่จามจนจมูกแดงเพราะฝุ่น ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกันสักที
หลังจากจัดการลอกคราบปลอกหมอนออกเสร็จเรียบร้อย ผมก็หยิบผ้าปูที่นอนของตัวเองออกมาและเผื่อแผ่น้ำใจให้เพื่อนร่วมห้องด้วยการหยิบของเขาออกมาด้วย ซึ่งผมก็ได้รู้ในวินาทีถัดมาว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด
ปลอกหมอนลายมิคุจังอยู่ในมือผม
ไม่พอ เสื้อผ้าของหล่อนฉีกขาดเสียจนเกือบเห็นอะไรต่อมิอะไร
ผมโยนปลอกหมอนข้างในมือทิ้งไปทันที และก็เป็นเคย์อีกนั่นแหละที่สไลด์ตัวมารับมันได้ทันก่อนจะตกพื้น
“จิน! ทำอะไรเนี่ย ปลอกหมอนอันนี้น่ะเป็นอาร์ตเวิร์คของคุณ…” เขาเงียบเสียงพร้อมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมไปเมื่อเห็นใบหน้าที่มืดไปครึ่งซีกของผม
“แหะๆ อันนี้เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้เอามาใช้ครับ” เขาพับมันเก็บเป็นอันเล็กๆก่อนจะซุกไว้ที่มุมสุดของตู้ตัวเอง แล้วจึงหยิบปลอกหมอนลายธรรมดาๆออกมา
ผมถอนหายใจ ทำเป็นเบลอกับเรื่องที่เพิ่งเห็นไปแล้วไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนต่อ ซึ่งรูมเมทตัวโตของผมกำลังกางผ้าปูอย่างแข็งขันเหมือนจะลบล้างความผิดเมื่อครู่
แต่เวรเอ๊ย มันภาพติดตาผมไปแล้วทำยังไงได้วะ
ระหว่างที่ผมกำลังใส่ปลอกหมอนอยู่บนเตียง เคย์ก็เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดๆ อ้อมแอ้มบอกผมว่า
“แต่ยังไงจินใส่คอสเพลย์ก็เร้าอารมณ์ที่สุดอยู่ดีนะ”
ผมที่กำลังยัดหมอนตัดสินใจปามันใส่รูมเมทตัวเองทันทีจนโดนหน้าหล่อๆนั่นเข้าเต็มเปา แรงเสียจนเขาล้มลงไปกับพื้น แอบได้ยินเสียงดังตึงเสียด้วย
กูไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น สัดเอ๊ย!
ขอบริจาครูมเมทตอนนี้ทันมั้ยครับ ใครอยากได้เอาไปเลย! เอามันไป!
พอจบการเปลี่ยนเครื่องนอนพวกเราก็ตัดสินใจว่าน่าจะทำความสะอาดห้องกัน ปกติแล้วผมกับเขาจะผลัดวันทิ้งขยะ ส่วนเรื่องของการทำความสะอาดแล้วส่วนใหญ่จะทำด้วยกัน อย่างตอนนี้ผมก็กำลังถูพื้น ส่วนอีกฝ่ายเข้าไปล้างห้องน้ำ
“เออ สบู่ใกล้หมดแล้ว เดี๋ยวออกไปซื้อกันมั้ย” ผมนึกออกได้จึงตะโกนถามคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในนั้น
“ได้ๆ จะชวนไปดูหนังพอดี” เขาโผล่หัวออกมาตอบ เสื้อยืดสีขาวที่เจ้าตัวใส่บัดนี้เปียกเพราะการล้างห้องน้ำจนเสื้อแนบสนิทไปกับตัว เผยให้เห็นหุ่นซึ่งผ่านการออกกำลังกายมานานปีรางๆ
ผมสะดุดกึก หน้าร้อนวูบจนต้องเบือนหน้าหนีมามองพื้นแทน
ล้างยังไงให้เสื้อเปียกน้ำได้ขนาดนั้นวะ
หลังจากเจ้าตัวทำความสะอาดเสร็จ คนตัวโตก็เดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งผมที่นั่งว่างงานหลังถูพื้นเสร็จแล้วก็มองตามเขา ก่อนที่เคย์จะถอดเสื้อเปียกที่แนบเนื้อรวดเดียวจนเห็นกล้ามไหล่ตึงๆ
ผมมองแผ่นหลังเขาตาค้าง เป็นจังหวะพอดีกับที่เจ้าตัวหันกลับมา จึงได้เห็นผมทำหน้าอึ้งตาค้าง
เคย์ยิ้มกริ่ม นั่นเป็นตอนที่ผมได้รู้ว่าหมอนี่กำลังทำตัวอ้อยผมนี่เอง
“ใส่เสื้อดีๆซะ อุจาดตา” ผมเสียงสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งหมอนั่นก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอ ส่วนผมก็ได้แต่นอนกลิ้งไปมาดับความอายของตัวเอง
สองรอบแล้วนะจิน!
ได้ยินเสียงสวบสาบพร้อมๆกับน้ำหนักที่ทิ้งลงบนเตียง เป็นรูมเมทของผมที่ตอนนี้อยู่ในเสื้อยืดสีดำ เขาคลานเข้ามาทิ้งหัวลงนอนบนพุงของผมอย่างแรงจนแทบกระอัก
“เฮ้อ เหนื่อยจัง”
ผมกำลังจะหันไปด่าในจังหวะที่ไลน์ของเคย์เด้งขึ้นมา ชื่อของคนส่งคือชื่อไลน์ของพี่พีช สาวที่แลกไลน์กับเคย์ไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว
ผมจ้องมองเขาที่ดูหน้าจอตัวเองนิ่งๆ ก่อนที่แสงจากหน้าจอจะดับลงไปเพราะเจ้าตัวกดปุ่มล็อก เขาพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อสบตาผมที่นั่งพิงหมอนอยู่
“จริงๆแล้วตอนคุยกับพี่พีชน่ะ เหนื่อยมากเลย คุยกับผู้หญิงนี่ยากจัง ไม่สิ คุยกับคนที่ไม่รู้จักแล้วใช้พลังงานเยอะมาก”
“เหรอ กูก็เห็นมึงคุยกับเขาแบบลื่นไหลเลยนะ”
“คิดอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าที่ฝึกมาก็ได้ผลอยู่นะเนี่ย”
เสียงของเคย์แสดงออกถึงความภาคภูมิใจจนผมอดถามไม่ได้
“ฝึกมา? นี่มึงถึงขั้นฝึกเดทกับผู้หญิงเลยเรอะ”
คราวนี้อีกฝ่ายทำหน้าหมางงอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่านี่ กูฝึกจากการเล่นเกมจีบสาวต่างหาก กูทุ่มเทฝึกเล่นเป็นปีๆ เล่นจนเป็นปรมาจารย์ด้านการคุยกับผู้หญิงเชียวนะ! คราวนี้เลือกตัวเลือกไม่มีทางพลาด กูเคลียร์เกมไปได้10เกม ทุกรูท ทุกเอนดิ้ง กูทำสรุปรูทไว้ในบอร์ดด้วยนะ ว่างๆเข้าไปดูได้”
ผมที่ได้ฟังก็หมดคำพูด มีเพียงความคิดประโยคเดียวที่แล่นเข้ามาในหัว
อ่า…เกินเยียวยาจริงๆ ไอ้หมอนี่
แต่พอเห็นสายตาแวววาวกับประกายระยิบระยับเหมือนกับหมาที่คาบกิ่งไม้กลับมาคืนให้เจ้าของได้ ผมก็ตัดสินใจว่าจะเงียบไว้ก่อนแล้วกัน
จากตอนแรกที่พวกเราตั้งใจไว้ว่าจะหลับงีบหนึ่งแล้วไปห้างกันต่อ ก็เป็นอันต้องพับแผนการไปเพราะหลังจากตื่นมาผมแทบขยับตัวไม่ได้ ทั้งๆที่ตอนแรกแค่รู้สึกระบมแท้ๆ
ความเจ็บเอวรวดร้าวขึ้นมาถึงหลัง น่าจะเป็นเพราะทำความสะอาดห้องกันตั้งนาน พอใช้แรงมากๆ อะไรๆที่เหมือนว่าไม่เจ็บกลับเจ็บขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“มึงน่าจะบอกกูก่อน” เคย์บ่นกระปอดกระแปดระหว่างที่เช็ดตัวให้ผม ในมืออีกฝ่ายยังมีถุงยาซึ่งเขายืนยันว่ายังไงก็ต้องสอดยาเข้าไปตรงนั้นให้ได้ แต่ผมทั้งขู่ทั้งพูดเสียงอ่อยว่ายังไม่พร้อม
ใครมันจะไปพร้อมได้ตอนนี้กัน
“มันไม่เจ็บเท่าไรหรอก” ผมกัดฟันพูดประโยคนั้นออกมา ในใจนึกอยากให้เขาออกไปข้างนอกซะ ผมจะได้ร้องไห้ตามที่ใจอยากเสียที
เวลาที่ผมป่วย ผมมักชอบอยู่คนเดียวมากกว่า เพราะถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยผมจะชอบแสดงให้พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นอะไร และมันจะลงท้ายที่ผมป่วยหนักกว่าที่เป็นอยู่
อย่างตอนเช้าก็เช่นกัน ตอนแรกผมก็รู้สึกขัดๆอยู่บ้าง ไม่อยากขยับตัวอยู่บ้าง แต่เพราะเคย์ชวน และผมไม่อยากแสดงให้เขาเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบยังไงต่อผม ผมจึงเลือกที่จะออกไปข้างนอกและลงท้ายก็คือป่วยหนักกว่าที่เป็น
เคย์ค้นถุงยาเสียวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็หยิบยาเจ้าปัญหานั่นออกมาจนได้
ผมหน้าซีดแล้วหน้าซีดอีก แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่อ่อนข้อให้ เขายืนยันว่าอย่างไรก็ต้องใช้เพราะนั่นคือคำแนะนำของหมอ
ใช้เวลาไม่นานในการปลดเปลื้องผ้าผ่อนของผม เพราะขยับตัวไม่ได้ผมเลยได้แต่นอนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้รูมเมทเช็ควิธีการใส่ยาไปคนเดียว
จังหวะที่หมอนั่นสอดยาเข้ามาในร่างกายผม มันน่าอับอายเสียจนผมอยากมุดดินหนี
ผมปิดปาก แต่หยดน้ำตากลับกลิ้งไหลออกมาจากปลายหางตา เคย์ที่กลับมาจากการล้างมือเห็นผมสะอื้นตัวสั่นก็รีบคลานเข่าขึ้นมานั่งข้างตัวผมพร้อมกับแกะมือผมที่อุดปากจนแน่นออก
คนตัวโตเช็ดหยาดน้ำที่ไหลเปื้อนหน้าผม เขาเบียดตัวลงมานอนเตียงเดียวกับผมพร้อมทั้งดึงร่างผมเข้าไปกอดจนแทบจมอก
“เจ็บ!” ผมอ้าปากงับผ่านเสื้อยืดเข้าที่หน้าอกแน่นของเขาทันที การขยับตัวเมื่อครู่นั่นทำให้เจ็บมากกว่ารู้สึกดี
รูมเมทตัวโตของผมใช้มือสากๆนั่นลูบหัวผมไปมา
“ดีแล้วจิน ถ้ามึงเจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้าไม่สบายก็บอกให้กูไปซื้อยาให้ เพราะมึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว มึงมีกูคอยอยู่เป็นเพื่อนทั้งคน”
ทันใดนั้นผมก็เข้าใจทันทีว่าตลอดมาที่ผมไม่เคยยอมพูดเวลาตัวเองเจ็บ นั่นเป็นเพราะผมกลัวว่าผมจะเป็นภาระให้คนอื่น ผมกลัวว่าผมจะกลายเป็นคนอ่อนแอ ผมกลัวว่าผมจะไม่เป็นที่ต้องการ
พ่อผมมีความคิดว่าการเป็นลูกผู้ชายหมายถึงต้องไม่มีน้ำตา พ่อถูกเลี้ยงมาด้วยความเข้มแข็งแบบบ้านชายเป็นใหญ่ ดังนั้นทุกครั้งที่ผมบอกพ่อเรื่องปัญหาต่างๆ เขามักจะรับฟังและบอกว่าผมต้องผ่านปัญหานั่นไปให้ได้ เพราะปัญหาของผมมันเล็กนิดเดียว
เหมือนตอนที่ผมปั่นจักรยานเป็นครั้งแรกและล้มจนได้แผลถลอก ผมมองไปทางพ่อ แต่เขากลับให้ผมลุกขึ้นยืนและลองใหม่อีกครั้ง
นั่นเป็นสาเหตุที่หลังจากทั้งคู่แยกทางกัน ผมตัดสินใจไปกับแม่อย่างไม่ลังเล
จวบจนกระทั่งคุณแม่ผมเสียชีวิต ผมเคว้งคว้างเหมือนอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง ผมมีเพียงคุณแม่ให้คุยด้วย เป็นคนที่ผมสามารถเปิดใจได้เพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้
“หึ กูก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว มึงต้องรับคำสั่งกูทุกอย่างเพราะมึงเป็นแค่ไอ้หมาหน้าโง่”
“ครับๆ ผมเป็นหมาหน้าโง่”
แม่ครับ…รูมเมทผมคนนี้ถึงจะเป็นโอตาคุที่อินกับเนื้อหาในโดจินหนักเกินไป เรียนรู้วิธีจีบสาวมาจากเกมจีบสาว แถมยังมีปลอกหมอนลายผู้หญิงเกือบเปลือย
แต่เขาก็เป็นคนโอเคในระดับหนึ่งเลยนะครับ
“ไว้หลังจากมึงหาย คอสเพลย์กันอีกสักรอบมั้ย ครั้งที่แล้วไม่ได้เห็นชัดๆเพราะมัวแต่ตื่นเต้น อยากเห็นอีกจัง”
ขอถอนคำพูด รอผมหายป่วยเมื่อไรไอ้โอตาคุนี่ต้องถูกจับโยนลงจากห้องเป็นคนแรก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครบ100แล้ว น้องหมานี่มันร้ายจริงๆนะคะ ตอนก่อนที่คนงงๆว่าตกลงแล้วเคย์วางแผนมั้ย ตกลงว่าวางแผนนะคะ เรื่องโดจินนั่นจ้อจี้ สำหรับตอนนี้คือปลดปล่อยความคุของคุณมากๆ ฮือ นังเคย์ เป็นภัยสังคมขั้นสุด
ลุ้นกันนะคะว่าจนจบเรื่องแล้วน้องจินจะคิดได้หรือไม่ว่าครั้งแรกนั่นโดนหลอกซะแล้ว หรือจนจบเรื่องก็ยังจะคิดไม่ออกอยู่นั่นแหละะะ