[เรื่องสั้น] Cosplayer ชุดสาวน้อยเวทมนตร์ P.14 จบ[3/08]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Cosplayer ชุดสาวน้อยเวทมนตร์ P.14 จบ[3/08]  (อ่าน 97939 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #210 เมื่อ06-01-2019 17:40:48 »

เคย์ร้ายมาก รู้ทั้งรู้ ว่านั่นคือจิน  แต่ก็นะ...  :hao3:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #211 เมื่อ06-01-2019 18:54:59 »

สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #212 เมื่อ06-01-2019 20:05:02 »

แบบนี้ดีแล้วค่ะ เหมาะจะเป็นหมาเคย์จริงๆ น่ารักมากกก ชอบมากก เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #213 เมื่อ06-01-2019 21:13:54 »

เคย์มันร้ายกว่าที่คิด  :hao6:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #214 เมื่อ06-01-2019 21:20:21 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #215 เมื่อ06-01-2019 22:41:22 »

นี่ว่าเคย์จงใจที่จะปล้ำจิน
บทที่บอกว่าจินเป็นตัวละครจีนจัวนั้น แล้วปล้ำจิน คือการคิดมาแล้วชัดๆ
เราคิดว่าเคย์ไม่ใช่หมาโง่ แค่แสดงออกไปแบบนั้นเพื่อให้จิยตายใจ
ดูแล้วเคย์เจ้าแผนการมากเลยนะคะ

ออฟไลน์ ืnpht

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #216 เมื่อ07-01-2019 17:45:36 »

เคย์ร้าย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #217 เมื่อ07-01-2019 18:28:52 »

เคย์ถามจิง สะตอใช่ไหม? เรื่องโดจินอะ จริงๆคือหาเรื่องปล้ำน้องจินใช่มั้ย! 55555555555555555555

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #218 เมื่อ07-01-2019 20:58:05 »

 :haun4:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #219 เมื่อ08-01-2019 19:55:45 »

เจ้าเคย์นางร้ายนะคะหัวหน้่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
« ตอบ #219 เมื่อ: 08-01-2019 19:55:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #220 เมื่อ09-01-2019 01:05:26 »

เคย์มันเป็นหมาป่าที่ห่มหนังโกลเด้น จินอย่าไปยอมมันค่าา บดกลับไปแรงๆ  :hao7: :katai2-1:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #221 เมื่อ09-01-2019 12:55:32 »

แหม่ เคย์ ร้ายนะเว้ยยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ Wwavez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #222 เมื่อ09-01-2019 21:46:26 »

นังเคย์ร้ายมาก ไหนหมาโง่ที่ใสๆกัน ทำมึนละกินน้องได้ไง ฟาดๆ :mew3:

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่3 P.7 UP [06/01/19]
«ตอบ #223 เมื่อ11-01-2019 00:02:04 »

บทที่ 4 : เรียนรู้วิถีโอตาคุ

           ถ้าบั้นเอวผมไม่ได้ระบมและถ้าผมไม่ได้เห็นซากถุงยางอนามัยใช้แล้วถูกทิ้งในห้อง ผมคงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนเป็นความฝัน


            ผมหรี่ตาจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังพูดคุยกับสาวๆอย่างลื่นไหลราวกับคาสโนว่าตัวพ่อที่หาตัวจับได้ยาก


           เมื่อสักครู่เคย์ชวนผมลงมาทานข้าวใต้หอ และหลังจากที่เราได้โต๊ะตัวสุดท้ายในร้านไปครอง สาวๆที่มาหลังเราไม่กี่นาทีขอรวมโต๊ะกับเราด้วยเนื่องจากโต๊ะเรามีเก้าอี้เหลือ และแน่นอนว่าสุภาพบุรุษตัวเป้งอย่างคนข้างหน้าผมก็ต้องอนุญาต


            เอาเป็นว่า เรื่องมันยาว…และคุยไปคุยมา เจ้าหล่อนดันเป็นเพื่อนดาวเดือนคณะนิติปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็ทำท่าเหมือนอยากจะรู้จักน้องคนใหม่ที่ ‘บังเอิญ’ ได้มานั่งโต๊ะเดียวกัน


            ก็นะ…


            ผมก้มหน้ากลอกตา ไถฟีดเฟสบุ๊คที่เผอิญมีโพสแชร์รูปเดือนคณะนิติปีนี้ ซึ่งคนที่แชร์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเดือนคณะคนฮอต


            ก็อย่างว่า…เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง


            คิดถึงประโยคนี้แล้วผมก็สะดุดกึก จำได้ว่าเมื่อวานมีความคิดแวบเข้ามาเรื่องนี้นี่แหละ


            อะไรสักอย่างเรื่องมันบังเอิญมากเกินไป เรื่อง…ของที่เตรียมพร้อมมากไป แล้วก็…


            “จิน!” มือใหญ่ๆที่โบกแวบไปแวบมาอยู่ตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมตอบรับเสียงดัง


            “หือ”


            “ได้ฟังอยู่หรือเปล่า พี่เขาถามว่าจินดูคุ้นๆ เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนใช่มั้ย”


            “อ้อ” ผมหันไปมองสาวสวยข้างๆเคย์ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะขยับตัวจนแทบชิดติดกับชายหนุ่ม ภาษากายของการนั่งใกล้ใครสักคน หรือพยายามเอาแขนไปใกล้คนคนนั้น หมายความว่าคุณสนใจในตัวคนคนนั้นเข้าให้แล้ว และผมคงเป็นคนบ้าที่นั่งสังเกตเรื่องพวกนี้ทั้งๆที่คนที่โดนสนใจเอาแต่ยิ้มเหมือนหมาโง่


            “แน่นอนครับ ผมจำพี่ได้ รุ่น38 พี่พีช ผม39 จิน” ผมส่งยิ้มไปให้ ซึ่งหล่อนก็ตอบกลับมาหลายประโยคที่ผมไม่ค่อยตั้งใจฟังเท่าไรพร้อมพยักหน้าไปแกนๆเพราะมัวแต่โฟกัสตอนที่หล่อนเอาศอกไปแตะแขนของรูมเมทผม


            เคย์ขยับแขนหลบไปนิดหนึ่งไม่ให้แขนของพวกเขาสัมผัสกัน และเหมือนเสี้ยวหนึ่งของผมจะถอนหายใจอย่างโล่งอก


            เดี๋ยว…ถอนหายใจอย่างโล่งอก???


            “พี่พีชก็โดนเสนอชื่อเป็นดาวเหรอครับ?” เสียงจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมดังขึ้นเมื่อบทสนทนาวกกลับไปที่การประกวดอีกครั้ง


            ผมได้แต่มองบนในใจ ไถเลื่อนฟีดไปผ่านๆทั้งๆที่ยังไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไรเลย ในขณะเดียวกันก็คอยจับจ้องคนที่กำลังเฟิร์ลตกับคนอื่นหน้าตาเฉย


             ระริกระรี้เป็นหมาชูหางอย่างนี้เดี๋ยวคนก็รู้หมดว่ามึงเป็นได้แค่ไอ้คนหื่นกามหรอก


            “ใช่ ทำเสียงตกใจจัง คิดว่าพี่ไม่ดีพอเป็นดาวหรือไง”


             นี่ก็กระเง้ากระงอดขั้น10


            “เปล่าครับๆ ผมไม่ได้จะพูดอย่างนั้น พี่พีชสวยมาก”


            “หืม เดือนปีนี้ปากหวานจัง”


            ผมกลอกตาอีกรอบ


            นี่มันเหมือนกับหนังรักเกรดBเลย


            ผมขยับเท้า ก่อนจะรู้สึกว่าเท้าตัวเองไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างแข็งๆใต้โต๊ะ ผมก้มตัวลงเพื่อมองและพบว่าอะไรที่ผมเตะไปเมื่อครู่เป็นเท้าที่สวมเพียงรองเท้าแตะช้างดาวซึ่งค่อนข้างขัดกับลุคพ่อหนุ่มฮอตครบเครื่องของรูมเมทผมพอสมควร


            เห็นแล้วหงุดหงิด


            เหยียบแม่ง


            ผมวางเท้าทาบบนเท้าเขาเบาๆ ก่อนจะใช้แรงขยี้จนเคย์ยืดตัวตรงสูดลมหายใจเกร็งอย่างฉับพลัน


            “เป็นอะไรเหรอ” สาวสวยข้างๆทักเขาอย่างเป็นห่วง


            “ไม่เป็นไรครับๆ” รูมเมทผมโบกมือนิดๆมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอย่างทุกที


            ผมยังคงก้มหน้าไถมือถือต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว


            แต่สาบานได้ นั่นเป็นมื้ออาหารที่เคย์กินเร็วที่สุดในชีวิต เขายัดก๋วยเตี๋ยวสองชามลงท้องได้ภายในเวลา15นาทีด้วยซ้ำ

           



            หมอนั่นยังคงลูบเท้าป้อยๆพร้อมส่งสายตาหงิงๆอย่างน่าสงสารมาหาผมไม่หยุดหลังจากเราเข้าห้องแล้ว


            อ้อ…เพิ่มเติมคือหมอนั่นได้ไลน์ของพี่สาวคนนั้นมาเรียบร้อย


            “มึงหึงรุนแรงจัง”


            “กูไม่ได้หึง!”


            “อือ ไม่ได้หึงๆ”


            แล้วจะทวนคำผมยิ้มหน้าระรื่นทำเตี่ยอะไรวะ


            ผมหรี่ตาคาดโทษ แต่เจ้าตัวต้นเหตุกลับเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงหยิบไอแพดออกมาไถแล้วเรียบร้อย ผมจึงได้แต่เปิดคอมจัดการเมมโมรี่การ์ดของกล้องที่ถ่ายรูปตอนคอสเพลย์


            แค่กๆ คือเผอิญว่าตอนที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ตอนนั้นกล้องที่วางไว้ปลายเตียงมันกำลังอัดวิดีโอไว้อยู่พอดี กว่าผมจะรู้ตัวอีกทีก็นอนยาวจนแบตหมดไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บภาพอะไรได้ถึงไหน ไม่สิ…ไม่รู้ว่าจะเก็บวิดีโออะไรได้บ้างต่างหาก


            ผมเหลือบตามองคนที่ยังนอนอ้าซ่ากางแขนกางขาอยู่บนเตียง ก่อนจะงับฝาหน้าจอโน้ตบุ๊คลงมาหน่อยนึง เอียงคอมอีกสักนิดให้มั่นใจว่าคนที่นอนอยู่ตรงนั้นไม่น่าจะเห็นอะไรได้ชัด แล้วจึงค่อยกดเข้าโฟลเดอร์เมมโมรี่การ์ด


            ผมลดแสงหน้าจอลงต่ำสุดเมื่อเห็นวิดีโอที่ตัวเองคิดไว้ ใช้หางตามองคนที่ยังนอนในท่าเดิม เช็คในแน่ใจว่าปิดเสียงแล้วจากนั้นจึงค่อยเปิดวิดีโอ


            เหตุการณ์ในวิดีโอเริ่มตั้งแต่ตอนผมโพสท่าบนเตียง จนกระทั่งผมชะงักไปเพราะหมอนั่นเปิดห้องเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็….


            ผมกำลังจะปิดวิดีโอทิ้งในตอนที่เคย์วางหน้าบนไหล่ของผมแล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า


            “ไม่ยักรู้ว่ามึงชอบถ่ายวิดีโอไว้ด้วย คราวหลังเราหามุมกล้องดีๆกันดีกว่า”


            ผมตกใจจนมือกระตุกกดกากบาทที่มุมหน้าจอ วิดีโออันนั้นถูกปิดลงไปทันที ความอับอายแล่นตามใบหน้าผมเหมือนถูกพ่อแม่จับได้ว่าแอบกินขนมตอนดึกๆทั้งที่ฟันผุ


            “ว้า เสียดายจัง อยากดูต่ออีกหน่อยแท้ๆ” เสียงเย้าแหย่จากคนข้างหลังกวนตีนเสียจนเท้าผมกระตุก


            “อย่าอยู่เลยมึง!”


            แล้วสงครามที่มีเพียงผมฝ่ายเดียวที่เป็นคนลงมือก็เริ่มต้นขึ้น

 


            หลังจากสงบศึกกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องชนะไปตามระเบียบเพราะเป็นคนเดียวที่ถือหมอนข้างไล่ตีคนตัวยักษ์ข้างๆโดยที่เขาทำได้แค่ปัดป้อง และหลังจากที่เราทั้งคู่จามจนจมูกแดงเพราะฝุ่น ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกันสักที


            หลังจากจัดการลอกคราบปลอกหมอนออกเสร็จเรียบร้อย ผมก็หยิบผ้าปูที่นอนของตัวเองออกมาและเผื่อแผ่น้ำใจให้เพื่อนร่วมห้องด้วยการหยิบของเขาออกมาด้วย ซึ่งผมก็ได้รู้ในวินาทีถัดมาว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด


            ปลอกหมอนลายมิคุจังอยู่ในมือผม


            ไม่พอ เสื้อผ้าของหล่อนฉีกขาดเสียจนเกือบเห็นอะไรต่อมิอะไร


            ผมโยนปลอกหมอนข้างในมือทิ้งไปทันที และก็เป็นเคย์อีกนั่นแหละที่สไลด์ตัวมารับมันได้ทันก่อนจะตกพื้น


            “จิน! ทำอะไรเนี่ย ปลอกหมอนอันนี้น่ะเป็นอาร์ตเวิร์คของคุณ…” เขาเงียบเสียงพร้อมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมไปเมื่อเห็นใบหน้าที่มืดไปครึ่งซีกของผม


            “แหะๆ อันนี้เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้เอามาใช้ครับ” เขาพับมันเก็บเป็นอันเล็กๆก่อนจะซุกไว้ที่มุมสุดของตู้ตัวเอง แล้วจึงหยิบปลอกหมอนลายธรรมดาๆออกมา


            ผมถอนหายใจ ทำเป็นเบลอกับเรื่องที่เพิ่งเห็นไปแล้วไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนต่อ ซึ่งรูมเมทตัวโตของผมกำลังกางผ้าปูอย่างแข็งขันเหมือนจะลบล้างความผิดเมื่อครู่


            แต่เวรเอ๊ย มันภาพติดตาผมไปแล้วทำยังไงได้วะ


            ระหว่างที่ผมกำลังใส่ปลอกหมอนอยู่บนเตียง เคย์ก็เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดๆ อ้อมแอ้มบอกผมว่า


            “แต่ยังไงจินใส่คอสเพลย์ก็เร้าอารมณ์ที่สุดอยู่ดีนะ”


            ผมที่กำลังยัดหมอนตัดสินใจปามันใส่รูมเมทตัวเองทันทีจนโดนหน้าหล่อๆนั่นเข้าเต็มเปา แรงเสียจนเขาล้มลงไปกับพื้น แอบได้ยินเสียงดังตึงเสียด้วย


            กูไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น สัดเอ๊ย!


            ขอบริจาครูมเมทตอนนี้ทันมั้ยครับ ใครอยากได้เอาไปเลย! เอามันไป!





               พอจบการเปลี่ยนเครื่องนอนพวกเราก็ตัดสินใจว่าน่าจะทำความสะอาดห้องกัน ปกติแล้วผมกับเขาจะผลัดวันทิ้งขยะ ส่วนเรื่องของการทำความสะอาดแล้วส่วนใหญ่จะทำด้วยกัน อย่างตอนนี้ผมก็กำลังถูพื้น ส่วนอีกฝ่ายเข้าไปล้างห้องน้ำ

           
               “เออ สบู่ใกล้หมดแล้ว เดี๋ยวออกไปซื้อกันมั้ย” ผมนึกออกได้จึงตะโกนถามคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในนั้น


            “ได้ๆ จะชวนไปดูหนังพอดี” เขาโผล่หัวออกมาตอบ เสื้อยืดสีขาวที่เจ้าตัวใส่บัดนี้เปียกเพราะการล้างห้องน้ำจนเสื้อแนบสนิทไปกับตัว เผยให้เห็นหุ่นซึ่งผ่านการออกกำลังกายมานานปีรางๆ


            ผมสะดุดกึก หน้าร้อนวูบจนต้องเบือนหน้าหนีมามองพื้นแทน


            ล้างยังไงให้เสื้อเปียกน้ำได้ขนาดนั้นวะ


            หลังจากเจ้าตัวทำความสะอาดเสร็จ คนตัวโตก็เดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งผมที่นั่งว่างงานหลังถูพื้นเสร็จแล้วก็มองตามเขา ก่อนที่เคย์จะถอดเสื้อเปียกที่แนบเนื้อรวดเดียวจนเห็นกล้ามไหล่ตึงๆ


            ผมมองแผ่นหลังเขาตาค้าง เป็นจังหวะพอดีกับที่เจ้าตัวหันกลับมา จึงได้เห็นผมทำหน้าอึ้งตาค้าง


            เคย์ยิ้มกริ่ม นั่นเป็นตอนที่ผมได้รู้ว่าหมอนี่กำลังทำตัวอ้อยผมนี่เอง


            “ใส่เสื้อดีๆซะ อุจาดตา” ผมเสียงสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งหมอนั่นก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอ ส่วนผมก็ได้แต่นอนกลิ้งไปมาดับความอายของตัวเอง


            สองรอบแล้วนะจิน!


            ได้ยินเสียงสวบสาบพร้อมๆกับน้ำหนักที่ทิ้งลงบนเตียง เป็นรูมเมทของผมที่ตอนนี้อยู่ในเสื้อยืดสีดำ เขาคลานเข้ามาทิ้งหัวลงนอนบนพุงของผมอย่างแรงจนแทบกระอัก


            “เฮ้อ เหนื่อยจัง”


            ผมกำลังจะหันไปด่าในจังหวะที่ไลน์ของเคย์เด้งขึ้นมา ชื่อของคนส่งคือชื่อไลน์ของพี่พีช สาวที่แลกไลน์กับเคย์ไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว


            ผมจ้องมองเขาที่ดูหน้าจอตัวเองนิ่งๆ ก่อนที่แสงจากหน้าจอจะดับลงไปเพราะเจ้าตัวกดปุ่มล็อก เขาพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อสบตาผมที่นั่งพิงหมอนอยู่


            “จริงๆแล้วตอนคุยกับพี่พีชน่ะ เหนื่อยมากเลย คุยกับผู้หญิงนี่ยากจัง ไม่สิ คุยกับคนที่ไม่รู้จักแล้วใช้พลังงานเยอะมาก”


            “เหรอ กูก็เห็นมึงคุยกับเขาแบบลื่นไหลเลยนะ”


            “คิดอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าที่ฝึกมาก็ได้ผลอยู่นะเนี่ย”


            เสียงของเคย์แสดงออกถึงความภาคภูมิใจจนผมอดถามไม่ได้


            “ฝึกมา? นี่มึงถึงขั้นฝึกเดทกับผู้หญิงเลยเรอะ”


            คราวนี้อีกฝ่ายทำหน้าหมางงอย่างเห็นได้ชัด


            “เปล่านี่ กูฝึกจากการเล่นเกมจีบสาวต่างหาก กูทุ่มเทฝึกเล่นเป็นปีๆ เล่นจนเป็นปรมาจารย์ด้านการคุยกับผู้หญิงเชียวนะ! คราวนี้เลือกตัวเลือกไม่มีทางพลาด กูเคลียร์เกมไปได้10เกม ทุกรูท ทุกเอนดิ้ง กูทำสรุปรูทไว้ในบอร์ดด้วยนะ ว่างๆเข้าไปดูได้”


            ผมที่ได้ฟังก็หมดคำพูด มีเพียงความคิดประโยคเดียวที่แล่นเข้ามาในหัว


            อ่า…เกินเยียวยาจริงๆ ไอ้หมอนี่


            แต่พอเห็นสายตาแวววาวกับประกายระยิบระยับเหมือนกับหมาที่คาบกิ่งไม้กลับมาคืนให้เจ้าของได้ ผมก็ตัดสินใจว่าจะเงียบไว้ก่อนแล้วกัน


 

            จากตอนแรกที่พวกเราตั้งใจไว้ว่าจะหลับงีบหนึ่งแล้วไปห้างกันต่อ ก็เป็นอันต้องพับแผนการไปเพราะหลังจากตื่นมาผมแทบขยับตัวไม่ได้ ทั้งๆที่ตอนแรกแค่รู้สึกระบมแท้ๆ


            ความเจ็บเอวรวดร้าวขึ้นมาถึงหลัง น่าจะเป็นเพราะทำความสะอาดห้องกันตั้งนาน พอใช้แรงมากๆ อะไรๆที่เหมือนว่าไม่เจ็บกลับเจ็บขึ้นมาเสียอย่างนั้น


            “มึงน่าจะบอกกูก่อน” เคย์บ่นกระปอดกระแปดระหว่างที่เช็ดตัวให้ผม ในมืออีกฝ่ายยังมีถุงยาซึ่งเขายืนยันว่ายังไงก็ต้องสอดยาเข้าไปตรงนั้นให้ได้ แต่ผมทั้งขู่ทั้งพูดเสียงอ่อยว่ายังไม่พร้อม


            ใครมันจะไปพร้อมได้ตอนนี้กัน


            “มันไม่เจ็บเท่าไรหรอก” ผมกัดฟันพูดประโยคนั้นออกมา ในใจนึกอยากให้เขาออกไปข้างนอกซะ ผมจะได้ร้องไห้ตามที่ใจอยากเสียที


            เวลาที่ผมป่วย ผมมักชอบอยู่คนเดียวมากกว่า เพราะถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยผมจะชอบแสดงให้พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นอะไร และมันจะลงท้ายที่ผมป่วยหนักกว่าที่เป็นอยู่


            อย่างตอนเช้าก็เช่นกัน ตอนแรกผมก็รู้สึกขัดๆอยู่บ้าง ไม่อยากขยับตัวอยู่บ้าง แต่เพราะเคย์ชวน และผมไม่อยากแสดงให้เขาเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบยังไงต่อผม ผมจึงเลือกที่จะออกไปข้างนอกและลงท้ายก็คือป่วยหนักกว่าที่เป็น


            เคย์ค้นถุงยาเสียวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็หยิบยาเจ้าปัญหานั่นออกมาจนได้


            ผมหน้าซีดแล้วหน้าซีดอีก แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่อ่อนข้อให้ เขายืนยันว่าอย่างไรก็ต้องใช้เพราะนั่นคือคำแนะนำของหมอ


            ใช้เวลาไม่นานในการปลดเปลื้องผ้าผ่อนของผม เพราะขยับตัวไม่ได้ผมเลยได้แต่นอนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้รูมเมทเช็ควิธีการใส่ยาไปคนเดียว


             จังหวะที่หมอนั่นสอดยาเข้ามาในร่างกายผม มันน่าอับอายเสียจนผมอยากมุดดินหนี


            ผมปิดปาก แต่หยดน้ำตากลับกลิ้งไหลออกมาจากปลายหางตา เคย์ที่กลับมาจากการล้างมือเห็นผมสะอื้นตัวสั่นก็รีบคลานเข่าขึ้นมานั่งข้างตัวผมพร้อมกับแกะมือผมที่อุดปากจนแน่นออก


            คนตัวโตเช็ดหยาดน้ำที่ไหลเปื้อนหน้าผม เขาเบียดตัวลงมานอนเตียงเดียวกับผมพร้อมทั้งดึงร่างผมเข้าไปกอดจนแทบจมอก


            “เจ็บ!” ผมอ้าปากงับผ่านเสื้อยืดเข้าที่หน้าอกแน่นของเขาทันที การขยับตัวเมื่อครู่นั่นทำให้เจ็บมากกว่ารู้สึกดี


            รูมเมทตัวโตของผมใช้มือสากๆนั่นลูบหัวผมไปมา


            “ดีแล้วจิน ถ้ามึงเจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้าไม่สบายก็บอกให้กูไปซื้อยาให้ เพราะมึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว มึงมีกูคอยอยู่เป็นเพื่อนทั้งคน”


            ทันใดนั้นผมก็เข้าใจทันทีว่าตลอดมาที่ผมไม่เคยยอมพูดเวลาตัวเองเจ็บ นั่นเป็นเพราะผมกลัวว่าผมจะเป็นภาระให้คนอื่น ผมกลัวว่าผมจะกลายเป็นคนอ่อนแอ ผมกลัวว่าผมจะไม่เป็นที่ต้องการ


            พ่อผมมีความคิดว่าการเป็นลูกผู้ชายหมายถึงต้องไม่มีน้ำตา พ่อถูกเลี้ยงมาด้วยความเข้มแข็งแบบบ้านชายเป็นใหญ่ ดังนั้นทุกครั้งที่ผมบอกพ่อเรื่องปัญหาต่างๆ เขามักจะรับฟังและบอกว่าผมต้องผ่านปัญหานั่นไปให้ได้ เพราะปัญหาของผมมันเล็กนิดเดียว


            เหมือนตอนที่ผมปั่นจักรยานเป็นครั้งแรกและล้มจนได้แผลถลอก ผมมองไปทางพ่อ แต่เขากลับให้ผมลุกขึ้นยืนและลองใหม่อีกครั้ง


            นั่นเป็นสาเหตุที่หลังจากทั้งคู่แยกทางกัน ผมตัดสินใจไปกับแม่อย่างไม่ลังเล


           จวบจนกระทั่งคุณแม่ผมเสียชีวิต ผมเคว้งคว้างเหมือนอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง ผมมีเพียงคุณแม่ให้คุยด้วย เป็นคนที่ผมสามารถเปิดใจได้เพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้


            “หึ กูก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว มึงต้องรับคำสั่งกูทุกอย่างเพราะมึงเป็นแค่ไอ้หมาหน้าโง่”


            “ครับๆ ผมเป็นหมาหน้าโง่”


            แม่ครับ…รูมเมทผมคนนี้ถึงจะเป็นโอตาคุที่อินกับเนื้อหาในโดจินหนักเกินไป เรียนรู้วิธีจีบสาวมาจากเกมจีบสาว แถมยังมีปลอกหมอนลายผู้หญิงเกือบเปลือย


            แต่เขาก็เป็นคนโอเคในระดับหนึ่งเลยนะครับ


            “ไว้หลังจากมึงหาย คอสเพลย์กันอีกสักรอบมั้ย ครั้งที่แล้วไม่ได้เห็นชัดๆเพราะมัวแต่ตื่นเต้น อยากเห็นอีกจัง”


            ขอถอนคำพูด รอผมหายป่วยเมื่อไรไอ้โอตาคุนี่ต้องถูกจับโยนลงจากห้องเป็นคนแรก



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ครบ100แล้ว น้องหมานี่มันร้ายจริงๆนะคะ ตอนก่อนที่คนงงๆว่าตกลงแล้วเคย์วางแผนมั้ย ตกลงว่าวางแผนนะคะ เรื่องโดจินนั่นจ้อจี้  สำหรับตอนนี้คือปลดปล่อยความคุของคุณมากๆ ฮือ นังเคย์ เป็นภัยสังคมขั้นสุด

ลุ้นกันนะคะว่าจนจบเรื่องแล้วน้องจินจะคิดได้หรือไม่ว่าครั้งแรกนั่นโดนหลอกซะแล้ว หรือจนจบเรื่องก็ยังจะคิดไม่ออกอยู่นั่นแหละะะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #224 เมื่อ11-01-2019 06:55:08 »

โอตาคุจอมวางแผน  :hao3:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #225 เมื่อ11-01-2019 20:27:37 »

 :m20: เคย์มันร้ายยยย!!

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #226 เมื่อ11-01-2019 22:15:42 »

โดนขนาดนี้มันต้องซ้ำค่ะน้องจิน ตลกปลอกหมอนเปลือย เคย์คือขั้นสุดจริงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #227 เมื่อ11-01-2019 22:33:23 »

เคย์แผนสูงเนอะ
ทำตัวเป็นหมาโง่ให้จินตายใจ

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #228 เมื่อ11-01-2019 22:45:53 »

พอพูดถึงปลอกหมอนมิคุแล้วก็ลั่นน!! ชอบการสไลด์ตัวมารับก่อนตกถึงพื้น
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #229 เมื่อ17-01-2019 02:37:49 »

หวีดร้องงงงง นังเคย์ไม่ใสจริงๆด้วย  :sad4:

เธอวางแผนปล้ำลูกเรา เรารู้!!!

น้องจินลูกแม่~~~ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
« ตอบ #229 เมื่อ: 17-01-2019 02:37:49 »





ออฟไลน์ piiya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #230 เมื่อ19-01-2019 23:11:56 »

หึงเก่งนะจิน o18

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่4 P.8 UP [11/01/19]
«ตอบ #231 เมื่อ21-01-2019 01:00:48 »

บทที่ 5 : เทศกาลประกวดเดือนกับคนปอดแหก


                ผมเดินทอดน่องสูดควันพิษจากรถเข็นขายหมูปิ้งตรงหน้าประตูมหาลัย นี่ขนาดยังไม่ทันเดินออกไปถึงข้างหน้าดีก็ได้กลิ่นขนาดนี้แล้ว คนขายไม่ปอดดำตายไปเลยหรือไง

                 วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่าย และเพราะเพลียกับการเรียนมาก หลังเลิกคลาสผมจึงเดินตรงออกมาจากตึกตัวเองกลับหออย่างรวดเร็ว และตั้งใจจะเดินรวดเดียวไปให้ถึงหอ แต่พอสังเกตเห็นร้านขายขายเครปเย็นที่เจ้าของร้านปิดเยอะกว่าเปิด ผมก็ชะงักคิดถึงคนที่ไม่ได้เจอกันสองสามวันหลังจากเหตุการณ์ที่ผมอยากระเบิดตัวเองตายสักหลายๆครั้งเพราะเจ้าตัวชอบเครปร้านนี้มากจนมักจะซื้อติดไว้ในตู้เย็นสักสองสามกล่องเผื่อคนขายเกิดอินดี้อยากปิดร้านอีก

                 จริงๆแล้วผมก็ดันยอมรับเหตุการณ์พวกนั้นได้โคตรง่ายจนตัวเองยังงง ทั้งๆที่ผมควรจะจับหมอนั่นโยนลงจากระเบียงตั้งแต่ตอนที่ตื่นมาแล้วเสียด้วยซ้ำ แถมหลังจากตอนนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรต่ออีกเพราะอีกฝ่ายต้องออกไปซ้อมงานแสดงต่อตามที่รุ่นพี่สั่งมา

                 ถ้าถามผมว่ารู้สึกยังไง ก็จะบอกเลยว่าเอวผมยังเจ็บอยู่ แถมผมยังสะพรึงทุกครั้งกับความคิดที่ว่าอะไรๆมันเข้าไปในช่องทางนั้นได้

                 และอีกเรื่องก็คือ…ผมรู้สึกดีเสียด้วยสิ

                 “พี่ครับ! เครปเย็นกล่องหนึ่งครับ!” ผมเดินเข้าไปในร้านเครปและตบแบงค์ลงเคาท์เตอร์อย่างเกรี้ยวกราดจนพี่สาวคนขายถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความงุนงง

                 ผมสูดลมหายใจลึก ทั้งๆที่ในหัวร้องอ๊ากไม่หยุดเพื่อกลบประโยคในหัวเมื่อสักครู่ออกไปให้หมด ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆถึงคิดเรื่องนั้นออกมาได้ ใช่แล้ว! ผมไม่ได้รู้สึกดีอะไรเลยสักนิด!!

                 คนขายกลับมาพร้อมกับกล่องเครปเย็นไส้กล้วยชอคโกแลต ผมจึงรับมาและกล่าวขอบคุณเสียงเบา รู้สึกเขินขึ้นมากับสายตาของคุณคนขายที่มองผมอย่างหวาดๆเหมือนผมจะอาละวาดเป็นกอซซิลล่าในวินาทีต่อมา

                 ผมเดินออกมาจากร้านพร้อมกล่องเครปเย็นๆในมือ อุณภูมิต่ำที่ทะลุผ่านพลาสติกออกมาทำให้มือผมเย็นขึ้นท่ามกลางความร้อนระอุของประเทศรังสิต ผมก้าวเดินเป็นจังหวะเข้าหอซึ่งเป็นที่พักอาศัยของตัวเอง ผ่านไปเช็คกล่องพัสดุของตัวเองก่อนจะพบว่าของที่ผมสั่งส่งมาถึงแล้ว

                 ผมยิ้มกว้างเซ็นรับของจากคุณลุงซึ่งเป็นผู้ดูแลและประคองกล่องพัสดุสีน้ำตาลกลับขึ้นห้องตัวเองโดยวางเจ้ากล่องเครปเจ้าปัญหาไว้ข้างบนเนื่องจากต้องใช้สองมือประคองกล่องซึ่งค่อนข้างหนัก ผมขึ้นลิฟต์โดยอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆร่วมหอในการทาบบัตรและกดชั้น ในที่สุดผมก็ขึ้นมาถึงห้องตัวเองเสียที

                 หลังจากปิดประตูแล้วเรียบร้อย ผมจึงหยิบกล่องเครปเข้าตู้เย็น ในตู้เย็นผมแทบจะวางเปล่า มีเพียงน้ำขวดตั้งในนั้น เนื่องเพราะผมแทบไม่กินมื้อดึกจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บอะไรไว้ในตู้เย็น ต่างจากอีกคนที่มักจะซื้อของเข้ามาเต็มไปหมด สุดท้ายพอกินไม่ทันก็มักจะขอร้องให้ผมกินให้จนผมน้ำหนักขึ้นจนได้

                 เหม่อมองกล่องเครปที่ตั้งเด่นเป็นสง่าในตู้เย็นที่ว่างเปล่าจนเห็นไอความเย็น ในที่สุดผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า

                …จะซื้อมาให้ทำไมวะ แถมไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะกลับวันไหนอีก

                 ผมงับประตูตู้เย็นปิดแบบไม่เข้าใจตัวเอง การเห็นขนมอะไรบางอย่างที่ทำให้คิดถึงคนที่รอเราอยู่ที่บ้านจนต้องซื้อมันกลับมาเป็นความรู้สึกที่ผมไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว

                 ผมสะบัดหัว ตอนนี้ของที่ผมสั่งอุตส่าห์มาถึงสักที ผมไม่ควรคิดถึงเรื่องอะไรแบบนี้สิ

                 ผมเปิดกล่องของด้วยคัตเตอร์อย่างรวดเร็วจนได้เห็นของที่อยู่ข้างใน มันเป็นชุดนักศึกษาหญิงกระโปรงพลีทและทรงสอบธรรมดาๆ แต่ที่ผมต้องสั่งมานั่นเพราะว่าผมไม่สามารถไปซื้อที่ร้านเองได้ ครั้งนี้ผมมีไอเดียว่าไหนๆตัวเองก็เข้ามหาลัยแล้ว ไม่ลองใส่ชุดนักศึกษาหญิงดูบ้างล่ะ

                 ผมถอดเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ก่อนจะใส่เสื้อนักศึกษา มันค่อนข้างพอดีตัวผมพอสมควร ทำให้เห็นทรวดทรงของผม แต่ตัวกระโปรงนี่สิ

                 ผมหยิบกระโปรงสอบขึ้นมา สีหน้าลำบากใจเล็กน้อยเพราะไม่เคยใส่กระโปรงแนวนี้มาก่อน แต่ในที่สุดก็หยิบมันมาสวม แน่นอนว่าส่วนเอวผ่านอยู่แล้ว แต่สะโพกนี่สิ มันคับตึงจนผมเห็นรอยดึงบนกระโปรงสีดำอย่างเด่นชัด

                 นี่ผมอ้วนขึ้นเหรอวะ มันต้องเป็นเพราะอาหารมื้อดึกที่เจ้าหมาบ้าตัวนั้นหลอกให้ผมกินแน่ๆ

                คืนหนึ่งตอนที่ผมกำลังเล่นไอแพดอยู่ อยู่ดีๆก็มีขนมยื่นมาจากข้างๆ ตอนแรกผมก็กินให้เพราะเห็นว่ามันชิ้นเดียว แต่ไปๆมาๆเจ้าหมอนั่นก็ป้อนจนหมดถุง เป็นอันว่าการควบคุมอาหารในวันนั้นของผมพังทันที หลักการกิน8อด16พังในพริบตา

                 ว่าแต่ผมจะคิดถึงเคย์อีกทำไมวะเนี่ย

                 ผมจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด เดินไปหยิบวิกซึ่งเอาออกมาตั้งกับหัวจำลองอย่างเปิดเผยมาสวม ผมสีน้ำตาลดัดลอนนี่ทำให้ผมได้ลุคคุณหนูพอสมควร น่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

                 ผมยกยิ้มอย่างพอใจ แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นแมกกาซีนที่วางตั้งบนโต๊ะเขียนหนังสือของอีกฝ่าย มันเป็นนิตยสารการ์ตูนที่เปิดหน้าฟิกเกอร์ค้างไว้ และก่อนหน้านั้นผมดันเห็นซะด้วยว่าอีกฝ่ายจ้องฟิกเกอร์โนตมตัวหนึ่งตาเป็นมัน

                 รูมเมทผมมันมีรสนิยมแบบนั้นเหรอ

                 ขมวดคิ้วเพราะความรู้สึกร้อนๆสายหนึ่งที่พุ่งในร่าง เหมือนกับว่ารู้สึกแพ้หน่อยๆ และไม่รู้เพราะอะไรดลใจ ผมถึงได้หยิบเอาบราซัพพอร์ตหน้าอกที่ตั้งแต่ซื้อมาก็ไม่เคยได้ใช้ออกมาและตัดสินใจสวมเสื้อผ้าใหม่อีกรอบ

               มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง สาวน้อยผมสีน้ำตาลเข้มดัดลอน ตากลมโตเหมือนลูกคุณหนูในกรงแก้วแต่ใส่เสื้อนักศึกษาแอบรัดตัวจนเห็นสัดส่วนตรงหน้าอกที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและกระโปรงสอบสั้น ตรงตามประเภทตัวละครที่เคย์ชอบชัดๆ

                 แล้วนี่ผมคิดถึงมันอีกทำไมวะ!

               ผมกำหมัด คิดถึงรายชื่อตัวการ์ตูนที่อีกฝ่ายชอบมากๆถึงขั้นมีฟิกเกอร์เก็บไว้ที่บ้าน ตัวละครเหล่านั้นล้วนเป็นหัวดำช้ำรักทั้งนั้น

                 หึ! ชอบหน้าอกนักหรือไงไอ้หื่นกาม!

                 แกร๊ก

                 เสียงประตูเปิดทำเอาผมตาเหลือกค้างมองเคย์ที่เปิดประตูเข้ามาเจอผมคอสเพลย์…อีกแล้ว นี่มันการ์ตูนหรือไงวะ ทำไมจังหวะมันต้องพอดีแบบนี้ตลอดเลย

                 แต่คราวนี้เจ้าตัวรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว คนตัวโตก้าวพรวดๆเข้ามาจับไหล่ผม กัดกรามแน่นเหมือนกำลังทนอะไรบางอย่างอยู่

                 “จิน ถ้ามีใครมาเคาะประตู บอกว่ากูไม่อยู่นะ” แล้วเจ้าตัวก็ปิดประตูห้องน้ำขังตัวเองทันที ส่วนผมก็ได้แต่เอ๋อมองคนที่หายลับไปในห้องน้ำแล้ว

                 ก๊อกๆ

                 ยังไม่ทันจะได้เข้าใจอะไรก็มีคนเคาะประตูเสียแล้ว ผมลนลานรีบถอดวิกแล้วเปิดประตูแบบแง้มไว้เพียงนิดเดียวและเอียงหน้าออกไปเพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็นการแต่งกายของผม

                 คนที่ยืนอยู่ข้างนอกเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก ใบหน้าหล่อๆแต่เข้มเสียจนบางทีมองแล้วให้ความรู้สึกกลัวกว่ารู้สึกชื่นชมทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าห้องผม เจ้าตัวเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่คล้ายเคย์แถมยังใส่เสื้อยืดที่สกรีนคำว่าLAWตัวใหญ่จนทำให้ผมตระหนักว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะของคนที่หลบอยู่ในห้องน้ำแน่ๆ

                 “เออ โทษทีที่รบกวนนะ กูกันต์เป็นเพื่อนของเคย์อ่ะ คือมันกลับมาที่ห้องป่ะ” เขาเกาคอเขินๆเมื่อเห็นผมเป็นคนโผล่หน้าออกมาแทน แถมการเอียงตัวทำให้เหมือนกับว่าผมอาจจะพึ่งออกมาจากห้องน้ำทำให้เขาไม่รู้จะวางตาไว้ที่ตรงไหน

                 “อ้าวเหรอ จริงดิ ไม่รู้เลยอ่ะ มันไม่ได้กลับมาที่นี่ ไว้เราจะลองติดต่อมันให้นะ เดี๋ยวจะบอกว่ากันต์กำลังตามหา”

                 “ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกถ้าอย่างนั้น มันหลบกูจะตายแล้ว” พอเห็นผมทำหน้าสงสัย เขาก็ปัดมือเหมือนไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้วโบกมือให้ผม “งั้นกูไปก่อนนะ แต้งกิ้วมาก บ๊ายบาย”

                 ผู้มาเยือนจากคณะนิติเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว ผมจึงได้ฤกษ์ปิดประตูห้องเช่นกันเพราะตอนนี้เอวที่แต่เดิมก็ระบมอยู่แล้วเริ่มเมื่อยขึ้นอีก แน่นอนว่าหลังจากที่ผมกดล็อคประตูแล้ว ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกเช่นกันโดยคนที่ถูกตามหาอยู่

                 อีกฝ่ายเดินเข้ามาชาร์ตตัวผมอุ้มขึ้นเตียงอย่างไวจนผมได้แต่งงงันกับโลกที่หมุนเอียงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแผ่นหลังกระทบเตียงแล้วนั่นแหละถึงได้เริ่มดิ้นประท้วง เพียงแต่แขนล่ำๆของเคย์ดันมีแรงเยอะเสียจนผมเหนื่อยไปเอง จึงได้แต่นอนนิ่งๆปล่อยให้คนที่ไม่มีท่าทีจะทำอะไรซุกหัวไว้ใกล้ๆกับผม

                 “หนีอะไรมา” ผมถามเขา สีหน้าของคนที่ไม่ได้เจอกันไม่กี่วันเต็มไปด้วยความกังวลปนเหนื่อยอ่อน

                “หนีความรับผิดชอบมา” เขาตอบ ถอนหายใจครั้งหนึ่ง แขนที่โอบรัดผมไว้แน่นค่อยๆคลายลงเหลือไว้เพียงอ้อมกอดหลวมๆ

                 “เกิดป๊อดขึ้นมาหรือไง” ผมเลิกคิ้วใส่ หวังให้อีกฝ่ายโวยวายปฏิเสธกลับมา แต่เขาดันรับคำเสียงอ่อย

                 “อือ"

                 พอเห็นแบบนั้นก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เหมือนจะไปจี้ปมในใจอีกฝ่ายอย่างแรง ผมยกมือขึ้นลูบหัวเคย์ นิ้วมือค่อยๆสางกลุ่มผมสีน้ำตาลซึ่งถูกย้อมตามแฟชั่นแต่กลับนุ่มจนเหมือนไม่เคยผ่านการย้อมสีมาก่อน

                 “…ถ้ามึงอยากเล่า กูก็จะช่วยฟังให้ละกัน”

                 เขาส่ายหน้า แม้จะมีรอยยิ้มนิดๆแต่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวแบบที่เขามักจะให้ผมเลย ซ้ำมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ดูเหนื่อยมากกว่าจะดีใจ

                 “มันไร้สาระ”

                 “เรื่องนั้นกูต้องเป็นคนตัดสินเองหลังจากฟังป่ะ” ผมขมวดคิ้วมุ่น ยกมือตีหน้าผากอีกฝ่ายดังเพี๊ยะจนหน้าผากเคย์ขึ้นรอยแดง เขายู่หน้าเล็กน้อย

                 “เจ็บอ่ะ”

                 “…”

                 “เจ็บๆๆๆ เจ็บจริงๆนะเนี่ย จะตายแล้ว เป่าเพี้ยงให้หน่อยแล้วจะหาย ไม่งั้นตายแน่ๆเลย”

                 พอผมเห็นอีกฝ่ายร้อยโอดโอ๊ยเล่นใหญ่กับรอยแดงนิดเดียวบนหน้าผากก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ แถมหมอนี่ยังเบี่ยงประเด็นได้หน้าด้านๆเสียจนผมอยากจะบิดหูให้ขาดไปเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเคย์มักจะนั่งฟังผมบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศเงียบๆเหมือนเจ้าตัวไม่มีปัญหาอะไรกับโลกใบนี้ทั้งนั้น

                 กระทั่งตอนนี้ที่มีปัญหาก็จะไม่เล่าอะไรให้ใครฟังหรือไง

                 ผมยกมือตีหน้าผากอีกฝ่ายอีกรอบ

                 “ไม่ต้องมาเนียน เล่ามา”

                 อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนคนโดนกลืนยาขม แต่ในที่สุดหลังจากซุกหน้าลงหมอนจนผมนึกว่าเขาจะตายเพราะขาดอากาศหายใจไปแล้ว ในที่สุดเคย์ก็เล่าเรื่องที่ตัวเองกำลังคิดออกมาเสียที

                 “กูกำลังซ้อมใหญ่อยู่บนเวที แต่ตอนที่อยู่บนเวทีอยู่ดีๆกูก็คิดว่าคนเป็นพันจะต้องมานั่งมองกูแสดง กูก็มือสั่นไม่หยุด ถ้าตอนซ้อมกูทำได้ แต่ตอนจริงๆกูทำไม่ได้ขึ้นมาล่ะ”

                 เขาเว้นไปพักหนึ่งเหมือนเรียบเรียงคำพูดไม่ออก นั่นเป็นตอนที่ผมพึ่งสังเกตว่ามือของเคย์เลื่อนมาแปะบนก้นผมพร้อมออกแรงบีบเบาๆแล้วเรียบร้อย

                 “เฮ้ย! เล่าอย่างเดียวก็พอไอ้โอตาคุ” ผมแยกเขี้ยวใส่เมื่อมือใหญ่ๆร้อนๆของอีกฝ่ายยังคงกอบกุมก้นผมแถมยังขย้ำอย่างเมามันผ่านกระโปรงทรงเอ มือหยาบสากเสียดสีกับเนื้อผ้าส่งเสียงสวบสาบชวนทำให้คิดลึก

                 “โทษที กูจะตบหลังมึง สงสัยกูเลื่อนมือลงต่ำไปหน่อย” เขาแก้ตัวหน้าด้านๆแถมยังทำหน้าจริงจังจนผมเห็นการส่งเครื่องหมาย ‘ชวิ้ง’ ออกมาจากดวงตา

            ผมล่ะอยากเห็นหน้าคนที่โหวตหมอนี่ให้ไปเป็นเดือนจริงๆ

            "เออ จิน อีกอย่าง...เหมือนก้นมึงใหญ่ขึ้นนะ เหมาะมือสุดๆ แต่หน้าอกมันแอบแข็งๆอ่ะ"
     
            ไหนๆก็ไม่มีคนรู้ว่าหมอนี่อยู่ที่ไหน ถ้าผมจะทำการฆาตกรรมตอนนี้ก็ถือว่าเพอร์เฟ็คไปเลยงั้นสินะ
   
            คิดได้อย่างนั้นผมก็ยกหมอนในมือขึ้นอุดหน้าอีกฝ่ายทันที เป็นการเริ่มสงครามที่มีเพียงผมฝ่ายเดียวที่จู่โจมอีกแล้ว




     หลังจากนอนเหนื่อยหอบเพราะการสู้รบบนเตียง (ที่เป็นการเอาหมอนตี ไม่ใช่เรื่องอย่างว่านะ!) อ้อมแขนแข็งแรงก็รัดตัวผมกลับเข้าไปเหมือนเดิมเหมือนกับว่าเจ้าตัวไม่ได้เหนื่อยอะไรกับกิจกรรมเมื่อกี้เลยสักนิด ต่างจากผมที่หอบเป็นหมาหอบแดดเรียบร้อยแล้ว

     นี่มันแมวหยอกหนูชัดๆ

   
     ผมคิดแบบเซ็งๆทั้งๆที่ตัวยังแนบชิดอีกฝ่าย ผมเอาบราซัพพอร์ทหน้าอกออกไปแล้วเรียบร้อย เรื่องอะไรจะใส่ไว้เหมือนเดิมให้หมอนี่ล้อเล่นๆอีกล่ะ

                 “…อือ ก็นั่นแหละ กูแค่ปอดแหก กลัวทำขายหน้าบนเวที เลยหนีเพื่อนๆกับรุ่นพี่ออกมาตั้งสติ กูไม่มั่นใจเลยจิน ปกติกูไม่เคยออกไปอยู่ในสปอร์ตไลท์มาก่อน กูไม่ได้อยากจะเป็นเดือนด้วยซ้ำ แต่กูแค่ปฏิเสธไม่ลง”

                ใช่ว่าผมจะไม่เคยสังเกต เคย์เป็นประเภทที่มักจะคุยกับคนอื่นไปทั่ว แถมเป็นพวกเข้ากับคนง่ายแม้จะคุยด้วยครั้งแรก แต่เขาตั้งกำแพงไว้สูงมาก ดูเผินๆเหมือนเขาจะเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ แต่ถ้าเพื่อนของหมอนี่ทุกคนมานั่งคิดทบทวน พวกเขาจะค้นพบว่ารู้จักเคย์แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น

                 เหมือนกับผม ผมได้รู้ว่าเขาเป็นโอตาคุ แต่นอกจากนั้นผมไม่รู้อะไรอีกเลย

                 เคย์ไม่เคยบอกว่าเขาอยากได้อะไร ไม่เคยบอกว่าไม่ชอบอะไร ไม่เคยเลือกร้านอาหารที่ตัวเองอยากกิน ไม่เคยเลือกหนังที่ตัวเองอยากดู เขามักจะสังเกตคนรอบข้างว่าอยากได้อะไรแล้วตกลงไปตามนั้น ซึ่งผมคิดว่าเขาแค่อยากทำให้คนอื่นพอใจ เพราะผมเองก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกยินดีตอนที่เขาตกลงตามใจผมไปเสียทุกอย่าง

                 แหงละ การที่เราพูดอะไรไปแล้วคนยอมตามใจเราทุกอย่างมันดีจะตาย

                 แต่กลับกัน ถ้าเราต้องกลายเป็นคนที่ยอมตามใจคนอื่นทุกอย่าง เราจะทนได้มั้ย

                เรื่องนั้นทำเอาผมอดคิดไม่ได้ว่าเคย์เป็นแค่เปลือกกลวงๆที่มีไว้สนองความต้องการของทุกคน ตอบตกลงกับทุกอย่างที่คนอื่นเลือก ตามน้ำไปเรื่อยๆจนผมไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา 

                 “ถ้ามึงไม่อยากเป็นแล้วจะตกลงเป็นทำซากอะไร” ผมถอนหายใจ ตบแก้มคนที่เอาแต่พลีสคนอื่นจนตัวเองต้องมานั่งคิดกังวลหัวแตกอยู่แบบนี้ “ต่อให้มึงปฏิเสธ คนก็ไม่เกลียดมึงเพราะเรื่องนี้หรอก คราวหลังอย่าเกรงใจคนอื่นจนต้องหาเหาใส่ตัวเอง มึงมีสิทธิ์เลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ”

                 คนผิดพยักหน้าเบาๆพร้อมทั้งหลุบตาลงต่ำจนผมเกิดภาพหลอนเห็นสุนัขตัวโตๆที่นั่งหงอยครางงี้ดๆเพราะโดนเจ้าของดุ

                 “แต่ในเมื่อมึงตกลงไปเรียบร้อย กูก็จะช่วยตบสติมึงเอง ก็ดี ลองให้มันครบทุกอย่าง ถ้ามึงชอบมึงอาจจะไปเป็นดาราก็ได้ ถ้ามึงไม่ชอบมึงก็จะได้รู้ว่าตัวเองไปเป็นดาราไม่ไหวแหงๆ โอเค๊”

                 เขายิ้ม

                 “ทำไมจินพูดเหมือนทุกอย่างมันง่ายจัง”

 
                 ผมถอนหายใจ

                “ทุกอย่างมันก็ง่ายอย่างนี้แหละ พวกเราเองนั่นแหละชอบทำให้มันยาก”

                “…”

                 “…”

                 “…กูก็ยังกังวลอยู่ดี สงบใจไม่ได้เลย”

                 ผมหัวเราะเมื่อเห็นคนตัวโตเอามือทาบหน้าอก หายใจเข้าออกลึกๆไม่หยุด

                 “ไม่เป็นไร กังวลสิดี เพราะนั่นหมายถึงมึงกำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ไปอีกขั้นไง”


 

                 หลังจากนั้นเคย์ก็กลับไปที่ห้องของเพื่อนเขาโดยดี แต่ไม่วายบังคับให้ผมสัญญาว่าจะไปเชียร์เขาตอนประกวด ผมเองพอได้คุยกับเขาก็เอาแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนผลอยหลับไป พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นช่วงบ่ายซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงเวลาประกวดแล้ว

                 ผมมองโทรศัพท์ตัวเอง เพื่อนๆของผมส่งไลน์มาถามเรื่องการประกวดวันนี้ว่าจะให้จองที่เผื่อมั้ย หรือผมจะมากี่โมง ซึ่งในวินาทีนั้น ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ จึงส่งข้อความตอบกลับไป

                ‘วันนี้กูรู้สึกไม่ค่อยสบาย ฝากเชียร์พลอยแทนกูด้วย’

                 ผมทิ้งมือถือลงบนเตียง มองเพดานสีขาวในห้องซึ่งกว้างขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อหลังจากใครบางคนออกไปแล้ว และคงจะกลับมานอนถาวรหลังจากคืนนี้

                 ผมไม่เคยประสบปัญหากับการนำเสนอตัวเองหรืออยู่ในสปอร์ตไลท์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมมั่นใจในตัวเองมากหรืออะไรหรอก …ผมก็แค่แสดงเก่งก็เท่านั้น

                 ในความเป็นจริงไม่มีใครที่ไม่กลัวกับการพรีเซ้นต์หน้าคลาส ไม่ต้องพูดถึงการแสดงที่มีสายตาคนเป็นพันจับจ้องมาที่คุณ และทุกคนดันรู้จักหน้าคุณเสียด้วย

                 แต่เชื่อเถอะ หลังจากเวลาของความกังวล ความกลัวหรือกระทั่งสงสัยในตัวเอง เมื่อคุณผ่านมันไปได้แล้ว คุณจะภูมิใจและเติบโตเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นไปอีกขั้น

                 ผมผุดลุกขึ้นนั่ง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ตัวผมคิดว่าบ้าบิ่นมากๆ




            K part

                 ใกล้ได้เวลาที่ผมจะขึ้นเวทีแล้ว แต่ตอนที่ผมส่งข้อความไปให้จิน ฝ่ายนั้นไม่แม้แต่จะอ่านไลน์ด้วยซ้ำ

                ผมขยับคอเสื้อเล็กน้อย เพราะเหมือนกับว่าเสื้อสูทจะรั้งคอผมเสียจนหายใจไม่ออก และผมก็ต้องรีบหลับตาปี๋เมื่อเพื่อนที่เป็นสไตล์ลิสต์พ่นสเปรย์ใส่ผมให้อยู่ทรง

                 มันเหม็นไปหมด แถมตอนนี้เหมือนผมจะหายใจไม่ออก มันเหมือนผมจะตายเพราะความตื่นเต้น

                 คนนั่งอยู่ข้างนอกเป็นพันคน ผมได้แต่กุมมือซึ่งชื้นเหงื่อของตัวเอง ผมรู้สึกได้ว่ามือตัวเองเย็นมากๆเท้าผมเองก็เย็นไปหมดทั้งๆที่ตัวก็หลั่งเหงื่อเพราะความตื่นเต้น อ่า ผมก็รู้สึกว่ามันขัดแย้งกันแปลกๆเหมือนกัน

                 แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนคือ

                 ผมคิดว่าผมอยากจะอ้วก

                 การแสดงที่ซ้อมกันมาเป็นสิบๆครั้งเหมือนกับจะเลือนหายไปจากสมองผม เหมือนว่าผมไม่สามารถจำอะไรได้เลย ผมกลัวว่าหากผมก้าวเดินออกไปในแสงเหล่านั้นแล้วผมจะก้าวเท้าผิดพลาดและล้มก้นจ้ำเบ้าต่อหน้าคนเป็นพัน

                 ผมลุกขึ้นยืน พยายามไม่สนใจความวุ่นวายในห้องหรือแม้แต่ดูว่าอะไรเกิดขึ้นเบื้องหน้าม่านเหล่านั้น ผมแค่พยายามท่องให้ได้ว่าผมต้องเคลื่อนตัวไปอยู่ที่ไหนบนเวที ตอนไหนเวลาเท่าไรแล้วต้องทำอะไรต่อไปก็เท่านั้น

                 แต่สายตาผมมันอดเหลือบไปทางโทรศัพท์ของตัวเองไม่ได้จริงๆ ในตอนนี้ผมขอเพียงแค่อย่างเดียว ผมหวังให้มีข้อความของเขาโผล่ขึ้นมาในวินาทีสุดท้ายก็ยังดี

                 แต่จนกระทั่งผมต้องไปสแตนบาย หน้าจอก็ยังคงมืดสนิท

                 ความรู้สึกผิดหวังแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย

                 หัวใจผมหดเล็กลงภายในพริบตา เหมือนกับเป็นลูกโป่งที่โดนเจาะ

                 ในวินาทีสุดท้าย ผมกลับได้รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย

                 ผมก้าวเท้าเข้าไปยืนข้างเวที ข้างหูมีเสียงใครไม่รู้ดังขึ้นมา แต่ผมไม่ได้โฟกัสกับเสียงเหล่านั้นเลย ผมปล่อยให้คำพูดล่องลอยหลุดหายไป

                 ไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรก็ไม่สำคัญกับผมอีกแล้ว

                 ผมก้าวเท้าออกสู่แสงสว่างที่สาดเข้ามาเหมือนจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น ออกไปเจอพิธีกรที่ยืนส่งยิ้มมาให้ราวกับพวกผมเป็นแขกคนพิเศษ

                 ผมกับดาวคณะเดินไปหยุดอยู่ข้างๆพิธีกรเหล่านั้น หลังจากที่พวกเราแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อย ผมทำได้เพียงยืนนิ่งๆซ่อนมือตัวเองไว้ข้างหลังเพื่อไม่ให้ใครเห็นมือที่สั่นระริกของผม

                 ผมแทบไม่มองคนที่อยู่ข้างล่างเลยแม้แต่น้อย ผมไม่พยายามมองใครเลยเสียมากกว่า แต่จู่ๆก็มีเสียงผิวปากดังลั่นมาจากมุมหนึ่งของด้านล่างเวที เรียกเอาสายตาของคนที่อยู่บนเวทีอย่างพวกผมมองลงไปทันที

                 สาวน้อยคนหนึ่งในชุดนักศึกษาก้าวเข้ามายืนชิดติดขอบเวที เจ้าหล่อนถือดอกกุหลาบแดงเป็นช่อยื่นขึ้นมาพร้อมมองมาทางผมเหมือนอยากให้ผมรับมันไป เธอมีผมดัดลอนสีน้ำตาลกับดวงตากลมโต จมูกรั้นเชิดขึ้นเหมือนคนดื้ออย่างใครบางคนที่ผมรู้จัก

                 หัวใจผมกระตุก

                 เพื่อนผู้เป็นดาวตบมือผมเบาๆเป็นเชิงให้เดินไปรับช่อดอกไม้จากหล่อนซะ ซึ่งผมก็ได้แต่ก้าวไปหาเธอไม่ละสายตาเหมือนคนโง่คนหนึ่ง

                 ผมคุกเข่า ยื่นมือไปรับช่อดอกกุหลาบซึ่งถูกซื้อเป็นคะแนนโหวตมาจากมือของหล่อน กุหลาบนั่นมากมายเสียจนผมเชื่อว่ามันน่าจะชนะใครหลายๆคนได้ พวกเราสบสายตากันยามผมรับช่อดอกกุหลาบเข้ามาในมือ ผมสังเกตว่าปลายนิ้วผมยังคงสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นแม้กระทั่งยามที่เธอเก็บมือกลับไปไว้ข้างกายแล้ว

                 ทันใดนั้นเขาขยับปากเอ่ยคำพูดที่แม้ผมไม่ได้ยินเสียง แต่กลับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเขาพูดอะไร

                     ‘มึงทำได้’

                 ผมยิ้มกว้าง พยักหน้าให้คนที่ผมรอมาตลอด

                 ตอนนี้หัวใจผมพองเหมือนลูกโป่งถูกอัดด้วยก๊าซจนเต็ม มันแทบจะลอยขึ้นไปเพดานได้อยู่แล้ว

                 ผมเดินกลับไปประจำที่พร้อมกับช่อดอกไม้ในอ้อมแขน และหลังจากนั้น…ผมรู้ว่ามือผมไม่สั่นอีกต่อไป

                 หลังจากที่พิธีกรสัมภาษณ์เสร็จ พวกเราก็เริ่มการแสดงกันต่อ แผ่นหลังผมเหยียดตรง มองไปที่ผู้ชมอย่างมั่นใจและสุดท้ายก็กวาดตาไปมองคนตัวเล็กที่ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม

                 สาบานเถอะ…ถ้าผมสามารถโหวตดาวเดือนได้ ผมจะทุ่มเงินเอาคะแนนโหวตทั้งหมดมาให้เธอคนนั้นที่ไม่อยู่ในลิสต์ด้วยซ้ำ

                 เพราะนับตั้งแต่ที่ผมสบสายตาจินตอนที่เขายื่นดอกไม้มาให้…ผมรู้ตัวว่าผมได้พบคนที่สวยที่สุดบนโลกแล้ว

   
v
v
v
v
ต่อข้างล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2019 21:14:02 โดย MeiHT »

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #232 เมื่อ21-01-2019 01:04:13 »

 Jin part

                 เคย์ดูสบายดี เขายังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจทุกครั้งท่ามกลางฝูงชน

                 ผมก้มมองช่อดอกกุหลาบในมือ ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูกที่ทุ่มทั้งเงินทั้งเวลาแต่งตัวเพื่อมาเชียร์คนคนนี้ จริงๆแล้วเขาเหลี่ยมจัดจะตาย หมอนั่นอาจจะแค่อยากให้ผมมาเชียร์เขามากๆจนกระทั่งกุเรื่องที่เขากลัวการยืนต่อหน้าคนเยอะๆก็ได้

                 แต่ในเมื่อผมทุ่มเทขนาดนี้ จะถอยกลับก็ไม่ได้

                 ผมก้าวเท้าเข้าไปยืนอยู่หน้าเวที มองคนบนนั้นที่มีรอยยิ้มประดับหน้าน้อยๆเหมือนทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับคนอื่น แผ่นหลังเขาเหยียดตรง ดูไม่เหมือนคนขาดความมั่นใจสักนิด

                 แต่ในชั่วขณะที่ผมยื่นมือออกไปและเขาหันมาเห็นผม ผมเห็นบางอย่างในดวงตาคู่นั้น ผมไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่มันค่อนข้างทำให้ผมคิดว่าคิดถูกแล้วที่ทำแบบนี้

                 และในตอนที่เขายื่นมือมารับช่อดอกกุหลาบ ผมก็ได้สังเกตเห็น…มือของเคย์สั่นระริกเหมือนเวลาผมต้องออกไปพรีเซ้นต์หน้าห้อง

                 ที่แท้เขาก็แค่แสดงเก่งไม่ต่างจากผม

                 หลังจากที่เขากลับไปอยู่ที่เดิม ท่ามกลางแสงเหล่านั้น ผมรู้สึกว่าเขาดูดีมากกว่าตอนแรกเสียอี

                 บ้าเอ๊ย ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

                 แต่ผมคิดว่าเขาดูดีจริงๆนะ

                 การแสดงของเคย์เป็นการเต้นประกอบเรื่องราว สาวใส่ชุดราตรีสีแดงร้อนแรงกับชายหนุ่มใส่สูทเหมือนสุภาพบุรุษเจอกันในบาร์แห่งหนึ่ง พวกเขาเหมือนจะสานสัมพันธ์ในคืนสั้นๆ แต่ผลปรากฎว่าหลังจากเต้นรำเสร็จ ชายหนุ่มก็ฝังเขี้ยวลงในลำคอของเธอ

                 บาร์นี้คือสถานที่ของปีศาจ

                 ผมปรบมือยามการแสดงจบลง ยอมรับว่าค่อนข้างประทับใจทีเดียว แม้การแสดงไม่มีแม้แต่บทพูด มีเพียงเสียงประกอบแต่กลับเข้าใจเรื่องราวได้เป็นอย่างดี แถมการแสดงยังค่อนข้างโฟกัสไปที่ตัวหลัก ตัวประกอบที่ออกมามีเพียงเพื่อทำให้เข้าใจเรื่องราว

                 สมแล้วที่ซ้อมนานขนาดนั้น

                 ทันใดนั้นผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในกระเป๋าสั่น ผมจึงต้องหยิบมันขึ้นมาดู และเป็นเคย์นั่นแหละที่ส่งข้อความมาให้ผม

                 K : เจอกูข้างหลัง

                 ผมกดล็อคหน้าจอ เบียดตัวแทรกคนออกไปข้างนอกและไปที่ข้างหลังหอประชุม

                 ภายในพื้นที่ว่างเปล่าหลังหอประชุม ชายหนุ่มตัวสูงยืนอยู่ในความมืด เป็นเงาตะคุ่มแบบที่ถ้าผมไม่คุ้นอาจจะคิดว่าเป็นโจรก็ได้

                 “เคย์” ผมเรียก และเมื่อเขาหันมาเห็นผม คนตัวสูงก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

                 เคย์ก้าวเท้ายาวๆจนเกือบเรียกว่าเป็นการวิ่งเข้ามา ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เขาก็รวบร่างผมเข้าไปในอ้อมกอดแล้วจูบแบบไร้การรุกราน

                 “อะไรของมึงเนี่ย” ผมบ่นเมื่อเขาปล่อยร่างของผมแล้ว

                  “ไม่มีอะไร แค่อยากจูบมึง”

                 ไอ้…

                 “ถ้ามีใครเห็นขึ้นมาล่ะก็…”

                 “ก็ดีน่ะสิ” เขาตอบหน้าตาเฉย

                ผมเตรียมกำปั้นไว้ชกเขาแล้วตอนที่เขาเอ่ยเสริมขึ้นมา

                 “กูขอเวลารุ่นพี่ไว้10นาที เราไปกินอะไรกันมั้ย”

                 เขาหมายถึงฟู้ดทรัคที่จอดอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาที่หิวโหยเพราะอีเว้นท์นี่นี้เอง

                 “…มึงเลี้ยงล่ะ”

                 เสียกับดอกกุหลาบพวกนั้นไปเยอะ ผมต้องได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้างแหละ





                 ภาพของหนุ่มหล่อกับสาวสวยที่เดินข้างๆกันย่อมต้องได้รับความสนใจไม่มากก็น้อย

                โดยเฉพาะเมื่อหนุ่มหล่อคนนั้นเป็นถึงเดือนคณะนิติที่เพิ่งขึ้นแสดงไปเมื่อกี้นี้ และสาวน้อยที่เดินอยู่ด้วยก็เป็นคนที่ยื่นช่อดอกกุหลาบในเขา

                 หรือที่เขาบอกว่าการเปย์เท่านั้นที่จะชนะใจได้เป็นเรื่องจริงกันนะ

                 นั่นคือสิ่งที่หลายคนคิดอยู่ในใจยามมองสองร่างยืนอยู่ข้างๆกัน เดือนคณะคนนั้นดูค่อนข้างยุ่งกับสาวเจ้ามากพอสมควรเมื่อคิดว่าพวกเขาเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกในหอประชุม โดยเฉพาะตอนนี้ที่เจ้าหล่อนกำลังกินเฟรนฟรายช์อยู่ เคย์ก็ยื่นหน้าเข้าไปขอแถมยังเนียนยกมือโอบเอวเล็กนั่นอีก

                 เว้ย! เดือนคณะที่แท้ก็เป็นพวกหน้าหม้อนี่เอง!

                 กลับกันในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นควรจะกระดี๊กระด๊ามากกว่านี้สักหน่อย เพราะตัวเองได้มาเดินกับคนที่ชอบมากจนถึงขนาดซื้อดอกกุหลาบให้เป็นช่อ หล่อนกลับดีดมืออีกฝ่ายดังเพี๊ยะอย่างไม่เกรงใจ แถมยังดันหน้าหล่อๆของเขาออกไปอีกต่างหาก

                 เอาล่ะ! นี่มันอะไรกันนะ

                 ชาวเผือกต่างยื่นหูเข้าไปฟังบทสนทนาอย่างใกล้ชิด

                 “อะไรกัน เฟรนฟรายช์นี่กูก็จ่ายนะ ให้กินบ้างดิ”

                 “ไม่”

                 “ใจร้าย!”

                 “หุบปากแล้วเดินไปซื้อทาโกะยากิตรงนั้นมาให้หน่อย เอาไส้ปลาหมึกให้หมดนะ”

                 “เฮ้อ ครับๆคนสวย โอ๊ย! เหยียบเท้าทำไมอ่า”

                 “…”

                 อ่า…นี่มันเหมือนคู่รักกระหนุงกระหนิงกันเลยอ่ะ

                 เข้าใจแล้ว ความรักจะเบ่งบานได้ด้วยการเปย์จริงๆสินะ

               คิดแล้วเหล่าชาวเผือกก็รีบวิ่งไปซื้อดอกกุหลาบสำหรับการโหวตกันอย่างเต็มที่ เตรียมพร้อมจะสู้ศึกสนามรักด้วยแบงค์เทา

           





            -เรื่องราวหลังจากนั้น-

            Jin part


            หลังจากการแสดงประกวด ก็ต้องมีรอบสัมภาษณ์อีก ซึ่งผมคิดว่าเคย์ทำได้ไม่เลว แต่มันมีคนตอบดียิ่งกว่านั้น และผลก็เป็นไปตามคาด…เขาไม่ได้เป็นเดือนมหาลัย แต่ได้เป็นขวัญใจตากล้องแทน

            เคย์ได้ของขวัญกลับมามากมายเสียจนเขาต้องไลน์มาบอกผมให้ช่วยเขาขนของกลับหอไปหน่อย โชคดีพอที่ผมเอารถมาด้วย จึงสามารถเอาของขนใส่รถกันได้ และเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเลยเที่ยงคืนแล้ว พวกผมจึงตัดสินใจตรงดิ่งกลับหอทันทีโดยไม่ฉลองอะไรทั้งสิ้น   

            ผมถอยรถเข้าที่จอด ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเราจะตกลงกันว่าของค่อยมาขนขึ้นห้องวันพรุ่งนี้ และผมเกือบจะก้าวเท้าออกจากรถแล้วถ้าไม่นึกขึ้นได้ว่าผมควรเปลี่ยนชุดก่อนจะขึ้นห้อง

            “มึง” ผมหันไปหาเขา “ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ป่ะ กูจะเปลี่ยนเสื้อ”

            แวบนึงผมเห็นดวงตาวาววับเหมือนหมาป่าจากเขา

            “เสื้อมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูช่วย รถมันแคบจะตาย”

            “ไม่ต้อง!” ผมดันคนหื่นออกจากรถ แต่แรงอันน้อยนิดของผมจะไปทำอะไรหมายักษ์ตัวนี้ได้กัน

            “เดี๋ยวกูปิดตาๆ เปลี่ยนเลย” เขายังคงยิ้มหน้าระรื่นอยู่ในรถผมต่อแถมถึงแม้จะปิดตา เขาก็ยังคงหันหน้ามาทางผมอย่างที่รู้ได้เลยว่าถ้าได้ยินเสียงเมื่อไร หมอนี่จะลืมตาแน่นอน

            แต่ผมก็เหนื่อยเกินกว่าจะมาต่อล้อต่อเถียง จึงหยิบถุงที่ใส่เสื้อกับกางเกงลำลองออกมา และในระหว่างที่ผมปลดกระดุมก็เป็นไปตามคาด ไอ้คนกลับกลอกดันเปิดตามามองผมเสียได้

            “มา เดี๋ยวกูช่วยเปลี่ยนกางเกงดีกว่า” เขาว่าอย่างนั้นแล้วดึงขาทั้งสองข้างของผมให้พาดไปทางที่นั่งข้างคนขับ ผมที่อยู่ดีๆก็ตัวเอียงได้แต่จับประตูรถอย่างงุนงง เสื้อนักศึกษาซึ่งถูกดึงกระดุมออกเผยอจนเห็นผิวภายใต้เนื้อผ้า

            ผมเห็นลูกกระเดือกของเคย์ขยับขึ้นลง แต่เขาเลื่อนสายตาลงไปโฟกัสกับซิปกระโปรงข้างๆแทน ชายหนุ่มรูดมันลงจนได้ยินเสียงฟืด

       ยามที่กระโปรงทรงเอถูกรูดซิปลงจนสุด เขาก็ดึงมุมผ้าให้แบะออกเผยให้เห็นต้นขาของผม

            อะ…ไอ้!!!

            ผมสบถไม่เป็นภาษาตอนที่เขาวางมือร้อนๆลงบนผิวเปลือยเปล่าของผม แถมยังลูบไล้ตรงบริเวณนั้นด้วยมือสากจนผิวผมแทบขึ้นสีแดง

            ดวงตาวาววับของอีกฝ่ายส่องประกายในความมืด แสงจากข้างนอกรถแทบจะถูกบังมิดจนหมดด้วยตัวโตๆของเขาจนเหมือนกับว่าร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าผมเป็นหมาป่าซึ่งหันหลังให้แสงจันทร์

            โป๊ก!

            เสียงนั้นคือเสียงที่ผมถีบเคย์จนหัวชนประตูนั่นเอง ผมเนรเทศไอ้คนหื่นกามออกไปจากรถแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไว และถึงแม้คราวนี้อีกฝ่ายจะเป็นเด็กดีคอยมองรอบรถระแวดระวังว่าใครจะมาเห็น มันก็ไม่ได้ทดแทนเรื่องเมื่อกี้ที่มันหื่นจนเกือบหน้ามืดปล้ำผมในรถหรอก!

            หลังจากผมออกมาในสภาพเรียบร้อยแล้ว เคย์ก็กระแอมไอเล็กน้อย หลังจากนั้นก็รีบนำผมขึ้นห้องไปทันที และเมื่อเราขึ้นมาถึงห้องแล้ว เขาก็พุ่งเข้าห้องน้ำทันที

            และถ้าผมได้ยินไม่ผิด ผมได้ยินเสียงทุ้มต่ำครางชื่อผมมาจากในห้องน้ำเสียด้วย

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ครบจ้า อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับอะไรแบบนี้มานานแล้ว หลังจากเราผ่านอะไรแบบนั้นมาแล้วมันก็เหมือนประสบการณ์ที่ดีแหละ มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น แต่ตอนต้องออกไปยืนหน้าคนเยอะๆนี่ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยค่ะ และแน่นอนว่าดิฉันหมายถึงการพรีเซ้นต์ในคลาส ฮืออออ ไม่ได้มีโอกาสไปเป็นดาวอะไรแบบนี้หรอก แง

สำหรับคนที่เข้ามหาลัย คุณจะได้รู้จักกับคำว่า self-doubtedเป็นครั้งแรก นี่ก็เป็นค่ะ ไอ้ประเภทจะทำได้มั้ยนะ ถ้าทำพลาดจะเป็นยังไงล่ะ จะทำยังไงดี ขอบอกว่าลองทำดูค่ะ สิ่งที่เป็นอาจจะดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย!

คือมีคนบอกว่าคนเขียนเรื่องในวัยมหาลัยเยอะเพราะเป็นวัยcarefree นี่แบบไม่จริงเลยจ้า วัยมหาลัยเป็นวัยที่เจอความผิดหวังครั้งแรก ได้รู้ว่าเราตัวเล็กแค่ไหนในโลก ได้รู้ว่าเราไม่ได้พิเศษอะไรเลย ได้สงสัยความสามารถตัวเอง ได้พยายามพิสูจน์ตัวเอง ได้ล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน

วัยที่อยู่ระหว่างเป็นเด็กกับผู้ใหญ่มันไม่ง่ายเลย เพราะเรามีทางให้เลือกข้างหน้าอีกหลากหลายรูปแบบ เพราะงั้นตอนนี้ที่เราต้องค้นหาตัวเองให้ได้ถึงกดดันมากๆไง อยากเขียนถ่ายทอดเรื่องแบบนี้ให้ได้แต่ยากจัง5555 เอาลงทอร์คง่ายกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2019 21:08:36 โดย MeiHT »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #233 เมื่อ21-01-2019 06:40:05 »

เอ็นดูเคย์   :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #234 เมื่อ21-01-2019 21:00:28 »

 :katai3:เคย์เหมือนเด็กน้อยอ่ะ ลูกมาก เอ็นดู  :hao7:

ออฟไลน์ Jimjum112

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #235 เมื่อ21-01-2019 21:11:37 »

เก็บมันไว้ข้างในตลอดเวลา
ฉันรู้สึกมันจะเริ่มเก็บไม่ไหวเเล้วสิ
กับความเงียบที่มันดังตลอดเวลา
ในหัวใจของฉัน
https://starvegasgame.com/slotxo

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #236 เมื่อ21-01-2019 23:39:50 »

เคย์น่าเอ็นดูมาก
เป็นเราก็ตื่นเต้น เวลาอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ

ออฟไลน์ piiya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-2
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #237 เมื่อ22-01-2019 22:40:13 »

ตอนเคไม่หื่นแตกนี่น่ารักเลย ไอ้เต้าโกเด้นรีทีฟเวอรรร์

ออฟไลน์ Wwavez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #238 เมื่อ23-01-2019 00:43:11 »

เวลาเห็นจินแต่งหญิงจะกลายร่างเป็นหมาป่าแต่ถ้าปกติจะเป็นหมาโง่งั้นสินะ555555

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: [เรื่องสั้น] Cosplayer : บทที่5 P.8 UP
«ตอบ #239 เมื่อ23-01-2019 09:55:28 »

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด