Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62102 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ปึงๆๆๆๆๆ ‘นนท์! นนท์!!’

เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืดมิด  ร่างทั้งร่างหนักอึ้ง เขาพยายามฝืนยกหนังตาขึ้นเพื่อตามหาที่มาของเสียงแต่มันเหมือนถูกน้ำหนักถ่วงไว้สักร้อยกิโลกรัม

‘นนท์ ตื่นหรือยัง?’

เสียงนั่นดังขึ้นอีก เสียงที่เหมือนอยู่ไกลออกไป แต่ร่างกายของเขายังไม่ยอมเชื่อฟังที่สมองสั่งการ มันยังคงหนักอึ้งไร้เรี่ยวแรง ‘คงเพราะนอนดึก’ เขาคิดในใจ

“ไอ้เตี้ย!!!!” เสียงดุดันอีกเสียงดังแทรกเข้ามาในมโนภาพอันดำมืดของเขา เสียงที่ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างออก เสียงที่ทำให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

“เฮ้ย!!!” ชานนท์ร้องออกมา ผุดลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาเบิกโพลงขึ้น เขามองไปรอบตัว ชานนท์พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ที่เตียงตัวเองอย่างที่ควรจะเป็นทุกวัน เขารีบหันหน้าไปมองที่เตียงเพื่อนร่วมห้องของเขาที่ถูกจัดเก็บเรียบร้อย

“นนท์! สายแล้วนะ ตื่นหรือยัง?” เสียงจากภายนอกชัดเจนขึ้นเมื่อเขาเริ่มได้สติกลับมา เขาจำได้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของพี่เอก สปอนเซอร์ของเขานั่นเอง

“ครับ! ตื่นแล้วครับ!!” ชานนท์รีบตอบกลับไปทันที
“เออ! ตื่นแล้วก็รีบลงไปนะ รีบแต่งตัวเข้าล่ะ พี่ไปรอข้างล่างนะ”
พี่เอกตะโกนเสียงแทรกประตูเข้ามาในห้อง
“ครับ!!” ชานนท์ตอบกลับพร้อมก้าวลงจากเตียง
“แฟนมาตามแต่เช้าเลยนะมึง” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่เขายืนขึ้น
“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“มึงนี่ก็ขวัญอ่อนจริง!” วรุฒที่ยืนเปลือยอกนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ยืนอยู่ในระยะประชิด พูดโต้กลับด้วยใบหน้าจริงจัง
“โหย.... ตกใจหมด มาไม่ให้สุ่มให้เสียง!” ชายนท์ยกขึ้นมาทาบอกและถูขึ้นลงเบาๆ
“กูก็ยืนอยู่ตรงนี้มานานแล้วนะ!” วรุฒที่ยืนใช้มือสางผมที่เปียกหมาดไล่หยดน้ำที่ทอประกายแสงยามเช้าพูดตอบพร้อมมองมาทางเขา น้ำเสียงเทียบกับท่าทางและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น มันรู้สึกขัดแย้งกันอย่างประหลาด แต่ภาพเหล่านั้นทำให้ชานนท์ใจเต้นแรง และย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ความร้อนวิ่งเข้าใบหน้าของเขาทันที
“มึงเป็นอะไร ไม่สบาย?”
“เปล่า.... สบายดี แล้วก็พี่เอกก็ไม่ใช่แฟนเรา เราไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น!!” ชานนท์ตอบกลับด้วยเสียงที่หนักแน่นจริงจังก่อนที่จะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ ในใจยังวนเวียนสับสนกับสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขา เขาจำได้ว่าล่าสุดเขาถูกวรุฒนอนทับอยู่ เขาโดนทำลายจูบแรกไป แต่ทำไมตอนเช้า เขาหลับมานอนอยู่บนเตียงตัวเองได้ ‘หรือเรื่องเมื่อคืนมันเป็นความฝัน?แล้วทำไมเราฝันแบบนั้นวะ?’ เขาบ่นในใจ
“เดี๋ยว!!” วรุฒทักขึ้นมาเสียงดัง
“อะไร? คนกำลังรีบอยู่” ชานนท์หันมาด้วยความสงสัย
“เมื่อคืน.......” วรุฒมีอาการอ้ำอึ้ง
“เมื่อคืน?” ชานท์รู้สึกหวั่นไหวกับคำนี้เป็นพิเศษ
“ที่..... นาย.....” อาการอ้ำอึ้งและสีหน้าแปลกๆของวรุฒยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น รวมถึงการพูดขาดช่วงไม่จบประโยคทำให้เขาคิดมากไปไกล เขาย้อนไประลึกถึงสัมผัสจูบแรกของเขาจนหน้าร้อนผ่าว
“นายช่วยไล่ยัยรุ่นพี่ขี้อ่อยนั่นไปน่ะ เรา.... ขอบใจ.....นะ”
ประโยคสั้นๆ ที่ใช้เวลาพูดนานกว่าที่ควรจะเป็นนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้ออกจากปากวรุฒ ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดกว่าที่ชานนท์คิดไว้มาก
“เออ... ไม่เป็นไร....” ชานนท์ตอบกระท่อนกระแท่นกลับไป
“ดีนะที่เรายังไม่นอน พี่วิเป็นคนน่ากลัวอย่างที่พี่เอกเตือนจริงๆ คราวต่อไปก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน!” ชานนท์พูดเตือนสติต่อทันที
“มันคงไม่มีอีกแล้ว กูคงไม่โง่ซ้ำสอง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น!” วรุฒขึ้นเสียงสวนกลับมาด้วยดวงตาที่เกรี้ยวกราด
“แต่พี่เอกบอกว่า....”
“เรื่องของพี่เอกของมึง ใครจะโง่ก็โง่ไปแต่ไม่ใช่กู! มึงจะไปอาบน้ำก็ไปอาบ! ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของกู!” วรุฒที่อยู่ๆ ก็เหมือนผีบ้าเข้าสิงอีกครั้ง เริ่มเกิดอาการก้าวร้าวจนชานนท์หน้าเปลี่ยนสีและค่อยๆหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
“ไบโพล่าแน่ๆ” เขาบ่นอย่างหงุดหงิดในขณะที่ประตูห้องน้ำค่อยๆปิดแคบลงจนสนิท

.........................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 7

The father


จากคืนนั้น ทุกวันที่ผ่านมาของชานนท์ต่างเป็นกิจวัตรที่เขาต้องซักซ้อมการออกท่าต่างๆ ในช่วงเช้า และซ้อมร่วมกับคนทั้งคณะฯ ในช่วงบ่ายอย่างเข้างวดเหมือนอย่างเคย อีกหนึ่งวันเขาก็จะเปิดเทอมแล้ว กิจกรรมที่หนักหน่วงเหล่านี้กำลังค่อยๆ น้อยลงไป เพราะหากเปิดเรียน ทางมหาวิทยาลัยคงให้นักศึกษาสนใจการเรียนมากกว่ากิจกรรมพวกนี้แน่ๆ เขาภาวนาแบบนั้น แม้จะมีข่าวว่า พวกรุ่นพี่ได้ทำเรื่องขอต่อการทำกิจกรรมต้อนรับเฟรชชี่ต่อในช่วงเปิดเทอมอีกสองเดือน โดยจะทำหลังเลิกเรียนแค่สองชั่วโมง และชานนท์มีลางสังหรว่าเรื่องจะผ่านการอนุมัติด้วย เพราะทุกปีรุ่นพี่ก็ทำแบบนี้ ขอเพิ่มเวลาทำกิจกรรมทุกปี

วันนี้ชานนท์ถือว่าทำได้ดีกว่าทุกวันมาก สิ่งนี้ต้องยกความดีให้พี่เอกที่ช่วยสอนและชี้แนะได้อย่างดี พี่เอกดูแลเขาดีมากจนชานนท์รู้สึกเกรงใจในหลายสิ่งที่พี่เอกทำให้ เช่น เดินมาปลุกทุกเช้า พาไปกินข้าวเย็น ซื้อน้ำให้ในช่วงฝึกซ้อมระหว่างวัน  พี่เอกมีความจริงจังกับหน้าที่สปอนเซอร์นี้มาก ซึ่งก็ไม่ต่างจากพี่วิที่พยายามดูแลวรุฒจนเกือบจะบอกได้ว่าเกินหน้าที่ ในความคิดของชานนท์ยังคงมีภาพติดตาของพี่วิในคืนนั้นอยู่เลย พี่วิดูแลวรุฒได้ถึงเนื้อถึงตัวจนคนในคณะเริ่มตาร้อน และมีกลุ่มคนที่ชื่นชมพี่วิอยู่ เริ่มตั้งกลุ่มและทำปฏิกิริยาไม่ชอบหน้าวรุฒเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติวรุฒก็มักทำตัวเด่นจนผู้ชายหลายคนในคณะเริ่มหมั่นไส้อยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้คนเหล่านั้นไม่ชอบหน้ามากขึ้นไปอีก

พอนึกถึงภาพพี่วิในชุดสุดเซ็กซี่นั่นก็พาลไปนึกถึงฝันแปลกประหลาดนั่นอีก ถึงขนาดที่ชานนท์สะบัดหัวตัวเองหลายครั้งเพื่อไล่ภาพประหลาดเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว

“เฮ้ย! เป็นอะไร? สะบัดหัวเสียแรงเชียว” เสียงเมย์ดังขึ้นจากทาวด้านหลัง
“เอ่อ.. ไม่มีอะไร” ชานนท์หันหน้าไปทางต้นเสียง
“ไหวไหมเนี่ยแก?” เมย์เดินมานั่งข้างๆ ชานนท์ที่นั่งแผ่ขาขนานไปกับพื้นอย่างทิ้งตัว พร้อมเม็ดเหงื่อเต็มหน้า
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนือยๆ
“สภาพเหมือนคนใกล้ตายเลย” เมย์พูดติดตลก
“ก็เออ น่ะสิ! เกิดมาก็เพิ่งจะเคยมาทำแบบนี้” ชานนท์พูดจบก็มองไปรอบตัว ตัวเขาเองดูสภาพแล้วแย่สุดในกลุ่ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูก็รู้ ทีหลังก็ออกกำลังกายบ้างสิ
“ไม่ตลกนะเนี่ย เหนื่อยจะแย่”
“เออ ว่าแต่วันนี้เลิกเร็วเนอะ ไปหาอะไรกินที่หลังมอกันไหม? ยัยมายด์นางชวนหลายทีแล้ว” ยัยมายด์ที่พูดถึงก็คือมายานั่นเอง ตอนนี้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้นจนเรียกกันแบบนี้เสียแล้ว บางครั้งชานนท์ยังแอบประหลาดใจกับคำเรียกชื่อแบบนั้น พูดจบเมย์ก็มองไปที่ขอบฟ้าด้านตะวันตกที่ยังคงเห็นดวงอาทิตย์กลมโตสีส้มอยู่เหนือขอบฟ้าอยู่มาก
“อืม.....ก็ดี.....” เขานึกถึงนางฟ้าของเขา ‘มายา’ และการพบกันครั้งล่าสุดระหว่างเขาและมายา
“แล้ว...... เรื่องแฟนเป็นไงบ้าง?” ชานนท์ถามต่อ
“ก็ไม่ไง..... เขายอมรับผิดว่ามีเผลอไผลไปตามเพื่อนบ้าง แต่ก็ยังรักและอยากคบกับเราต่อ  เดี๋ยวนี้ตามมาที่นี่เองเลยนะ เราเลยไม่ต้องเดินทางไปหาเท่าไหร่แล้ว” เมย์เล่าแบบขัดเขิน
“อืมก็ดี......” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความว้าเหว่ เพราะช่วงหลังมานี้ เมย์ก็มักจะไปกับแฟนจนเขาไม่ค่อยได้คุยกัน เลยกลายเป็นว่าเขาสนิทกับพี่เอกมากกว่าเสียอีกในช่วงนี้
“ว่าแต่..... วันนี้นายไม่ไปกับ ‘พี่ชาย’ หรือไง?” เมย์เน้นคำว่า ‘พี่ชาย’ ได้แปลกหูใส่ชานนท์
“พี่ชาย??” ชานนท์ทวนด้วยความสงสัย
“ว่าไงคนเก่ง เหนื่อยไหมวันนี้?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลังไม่ไกล
“พี่เอก” ชานนท์หันไปทางด้านหลังจึงเห็นเจ้าของเสียงกำลังเดินมาหาเขาจึงเอ่ยทัก ส่วนเมย์ส่งยิ้มแปลกๆมาที่ชานนท์ จนเขาต้องขยับปากถามกลับไป ‘ยิ้มอะไรวะ?’ ส่วนเมย์ก็ขยับปากกลับมา ‘เปล่า’
“วันนี้ทำได้ดีมากเลย ไม่เสียแรงที่พี่ติวเข้มข้นมาหลายวัน วันนี้เลิกแล้วไปกินข้าวกับพี่เหมือนเดิมไหม?” พี่เอกเดินมานั่งข้างเขาติดกับเมย์
“สวัสดีน้องเมย์ที่น่ารัก มาให้กำลังใจเพื่อนเหรอ? อย่าลืมเป็นหัวคะแนนให้พี่นะ ช่วยเพื่อนโปรโมทด้วยนะครับ”
พี่เอกหันไปเจาะแจ๊ะกับเมย์ต่อทันที
“ค่า.... นนท์ก็เพื่อนน้องนะ น้องช่วยสุดตัวอยู่แล้ว จะทำให้เป็นดาว เอ่ย! เดือนคณะฯให้ดู!!” เมย์กำมือยกขึ้นมาเสมอหน้าพร้อมยิ้มด้วยความมั่นใจ
“เฮ้ย.... มากไป แค่เป็นลีดฯ คณะฯก็พอแล้วมั้ง ตัวเองก็ลงประกวดด้วยไม่ใช่เหรอไง?” ชานนท์ยกมือขึ้นตบกำปั้นนั่นเบาๆ เขากลัวว่ามันจะทำให้เวลาเรียนเขาน้อยลงเลยรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย ดาวคณะฯ มันมากไปสำหรับเขา แค่ดูเป็นคนมีตัวตนก็น่าจะพอใจแล้ว
“เราเฉยๆนะ อยากเป็นนักกีฬามากกว่า” เมย์ตอบด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย
“นายนั่นแหละ พูดแบบนี้ไม่ได้สิ!! หวังให้สูงเข้าไว้” พี่เอกแย้งขึ้นมา
“คร้าบบบ” ชานนท์ตอบเสียงยานคาง

“ฮ่าฮ่าฮ่า น่ารักกันจัง เห็นอย่างนี้แล้วยิ่งอยากเชียร์สุดใจ” เมย์อมยิ้มไปพูดไปอย่างมีความสุข
“อะไรของเธอวะ” ชานนท์มองค้อนไปที่เมย์อย่างไม่เข้าใจในปฏิกิริยาของเมย์ พร้อมใช้มือขยับแว่นให้เข้าที่เพื่อจะได้มองค้อนเมย์ชัดๆ
”ดูสิ! หน้ามันขนาดนี้ ทำไมไม่เช็ดบ้าง เดี๋ยวแว่นก็หลุดหรอก”  พี่เอกพูดจบเขาหยิบแว่นออกจากใบหน้าของชานนท์และยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ชานนท์ซับเหงื่อทันที ชานนท์คว้าจับผ้าไปเช็ดหน้าเหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ เพราะหลายวันมานี่ เขาโดนปฏิบัติแบบนี้จนชินไปแล้ว
“ว้าย...” เมย์แอบกรี๊ดออกมาพร้อมยกมือขี้นปิดปาก
“อะไรของแก?” ชานนท์สงสัยท่าทางของเมย์จนต้องถามออกมา ช่วงหลังๆ มานี่เขาสนิทกับเมย์มากขึ้นจนติดคำพูดของเมย์ไปด้วยบางครั้ง
“ก็มันน่ารักนี่แก” เมย์ตอบออกมาเสียงสูงผิดปกติ ชานท์ตอบกลับไปด้วยการกลอกตา เพราะเบื่อกับปฏิกิริยาที่สาวๆ มักทำกับพี่เอกแบบนี้ เขาไม่นึกว่าเมย์ก็จะเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
“งั้นแกคุยกับพี่เอกไปล่ะกัน เราขอตัวกลับก่อน จะตามมาหรือไม่มาได้ก็มานะ” เมย์ลุกขึ้นยืนพร้อมปัดฝุ่นออกจากกางเกง

“วันนี้มีนัดเหรอไอ้น้อง?” พี่เอกเอ่ยถาม
“ครับ เมย์ชวนไปหาอะไรกินกันที่ร้านหลังมอน่ะครับ”
“แล้วเราล่ะอยากไปหรือเปล่า วันนี้พักก่อนก็ได้นะ พี่เองก็อยากพักบ้างพอดี” พี่เอกพูดจบก็ยึดตัวบิดขี้เกียจจนชายเสื้อเปิดเห็นหน้าท้องสีขาวออร่า ชานนท์รู้สึกตกเป็นเป้าสายตาจากสาวๆรอบสนามเอนกประสงค์ทันที
“แล้วแต่พี่เลยครับ ผมยังไงก็ได้” ชานนท์รีบหลบสายตาพี่เอกก่อนที่จะรู้ว่าเขาเองก็แอบจ้องหน้าท้องที่มีซิกแพ็คน้อยๆของพี่เอกด้วยความอิจฉาอยู่เหมือนกัน ‘คนอะไรทำอะไรก็น่ารักไปหมด’ เขาคิดต่อ
“อะไรกัน? นายโตแล้วนะ ตัดสินใจเองบ้างก็ดีนะ เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อยไม่ต้องเกรงใจ” พี่เอกยื่นมือมาขยี้หัวอย่างแรง
“โอ้ย! พี่เอก! อายเขาไหมเนี่ย ดูสิ! ผมของผมยุ่งหมดแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็หัวนายมันน่ารักดีนี่นา คิดถึงปอมฯที่บ้านเลย”. พี่เอกเป็นอีกคนที่ชานนท์ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับสุนัขพันธุ์เล็ก เขาจึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจและส่งสายตากลับไปที่คนเปรียบทัน
“เออๆ ล้อเล่นน่ะ เอาเป็นว่าวันนี้ไปพักก็แล้วกันเนอะ” พี่เอกยิ้มกว้างใส่ชานนท์ ทำให้เขารู้สึก ขัดเขินเล็กน้อย
“เฮ้อ.... แต่ว่า.....ก็ผมเกรงใจพี่เหมือนกันนะครับ พี่อุตส่าห์มาสอนคนสกิลเป็นศูนย์อย่างผมเนี่ย”  ชานนท์ตอบกลับทันที
“เอาน่า ถือว่าเป็นรางวัลที่วันนี้ทำได้ดีนะ” พี่เอกยิ้มให้อีกครั้ง
“อ่า ก็ได้ครับ”
“เห็นด้วยก็ตอบแบบเต็มปากเต็มคำหน่อยสิ! เป็นลูกผู้ชายน่ะ” พี่เอกตบบ่าชานนท์สองครั้งติด

“เฮ้ย!! ไอ้เอก!! มึงจะไปกินเหล้ากับพวกกูไหม  ไปกับเด็กบัญชีที่ชวนมึงไง!!” เสียงรุ่นพี่ทางด้านหลังตะโกนแทรกเข้ามาในวงสนทนาของทั้งคู่
“เออๆ เดี๋ยวสิวะ ขอคุยกับน้องก่อน!!”
พี่เอกหันหน้าตะโกนกลับไป
“เร็วๆ อย่าเบี้ยวอีกนะมึง คราวนี้เขาเห็นมึงไม่ไปอีก สาวๆ กลุ่มนั้นจะไม่ชวนอีกแล้วนะมึง!!” รุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มตะโกนกลับมา
“เชี้ย! พวกมึงนี่บังคับกูจัง!!”  คราวนี้พี่เอกยืนขึ้นตะโกนกลับไป
“ปกติตอนบรีฟงานก่อนเริ่มกิจกรรมไม่เห็นกระตือรืนร้นเท่านี้เลย มึงไม่ต้องมาทำขยันตอนนี้เพื่อเบี้ยวนัดเลย สาดดดด!!”
“เออๆ กูไปแน่ กูไม่เบี้ยวหรอก!! เดี๋ยวเจอกันที่ลานจอดรถคณะบัญชี!!”
“ไม่ไปด้วยกันคราวนี้พวกกู ตัดเพื่อน!!”
“ไอ้เชี้ย เห็นหญิงดีหว่าเพื่อน!!” พี่เอกตะโกนกลับพร้อมชูนิ้วกลางด่ากลุ่มเพื่อนตนเอง
“มึงก็เหมือนกัน เห็น.....”

“ไป! พี่ไปส่งที่หอ ระหว่างทางจะได้ซักซ้อมอะไรกันนิดหน่อย ก่อนจะแยกกันนะ” ยังไม่ทันที่กลุ่มรุ่นพี่จะพูดจบพี่เอกก็ตัดบทหันมาพูดกับชานนท์เสียก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2023 09:54:21 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เชียร์พี่เอกให้เป็นพระเอกได้ไหม :ling1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ พี่มีนัดก็รีบไปเถอะครับ”
“เออ! เอาเหอะ พี่ไม่รีบ อยู่ด้วยกันทุกเย็นจนชินแล้ว ไปกับพี่หน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่นอนไม่หลับ” พี่เอกยื่นมือมาให้ชานนท์จับเพื่อลุกขึ้น ชานนท์ใช้แรงขาเพียงเล็กน้อยก็ถูกแรงดึงจากคนที่ยืนอยู่ ทำให้ตัวเขาเองพุ่งขึ้นมาจนชนลำตัวพี่เอก

“โอ้ย...” ชานนท์อุทานเพราะแรงกระแทก
“เฮ้ย.... ระวังหน่อยสิ.....” พี่เอกใช้อีกมือหนึ่งโอบชานนท์กระชับเข้าหาตนเองเพื่อไม่ให้ชานนท์เซล้ม ช่วงนี้เขารู้สึกว่าเขาจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆจนเริ่มจะชาชินกับแรงอันมหาศาลของพี่เอกเสียแล้ว บางครั้งเขาก็พุ่งไปที่หน้าอกอีกฝ่าย บางครั้งเขาก็ทรุดลงไปกองที่ขา แรกๆเขาก็รู้สึกอายกับอาการอ่อนแรงของตัวเอง แต่ก็ถูกพี่เอกช่วยพยุงบ่อยๆ จนชาชินไปเสียแล้ว

“โอเคหรือยัง?” พี่เอกปล่อยมือทั้งสองข้างให้ชานนท์ได้จัดร่างกายตัวเองให้เรียบร้อย
“โอเคครับ” ชานนท์ใช้มือปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนตอบ
“งั้นไปกัน..... ว่าแต่เราจะไปกินร้านไหนล่ะ?” พี่เอกถานพร้อมยกมือขึ้นพาดบ่าของชานนท์และใช้แรงเล็กน้อยเพื่อผลักให้เขาเริ่มก้าวไปข้างหน้า
“ก็คงเป็น ‘ร้านคอฟฟี่แอนด์เบอร์รี่’ ร้านใหม่หลังมอมั้งครับ เคยได้ยินสองคนนั้นเขาคุยกัน”  ชานนท์รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเวลาอยู่ในอ้อมแขนของพี่เอก มันทำให้เขารู้สึกตัวเล็กลงมาก และยิ่งการได้เดินกับพี่เอกซึ่งเป็นเดือนมหา’ลัยทำให้เป็นเป้าสายตายิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด เขาอยากเด่นดังก็จริง แต่การอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้ เขาเหมือนตัวประกอบมากกว่า
“อืมมมม ให้พี่กลับมา....รับไหม?” พี่เอกพูดจาติดขัดตอนพูดประโยคนี้ออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่กลับดึกหรอก พี่จะได้ไปสนุกกับเพื่อนได้เต็มที่”
“เออๆ ดีๆ อย่ากลับดึกนะพี่เป็นห่วง ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย” พี่เอกยิ้มหวานใส่จนดวงตารวมกันกลายเส้นเดียว
“เอ่อ.. ครับ” เป็นคำพูดที่ชานนท์ยังไม่ค่อยชินสักทีกับการถูกรุ่นพี่คนนี้ห่วงใยมากขนาดนี้

พี่เอกขี่รถบิ้กไบค์ของเขามาส่งชานนท์ถึงหน้าหอโดยที่แทบไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องการซ้อมเต้น เพลงเชียร์หรือกิจกรรมที่ต้องทำในวันเปิดภาคเรียนเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากคนในคณะเดียวกันเลย

หลังจากที่ล่ำลาพี่เอกแล้ว ชานนท์เดินอย่างอ่อนแรงไปที่ประตูหอพัก ขณะที่เขากำลังจะใช้คีย์การ์ดเพื่อปลดล็อคประตูหอพักอยู่นั้น อยู่ก็มีสาวๆกลุ่มหนึ่งวิ่งโผเข้ามาหาเขาเหมือนฝูงผึ้งจู่โจมศัตรูที่มาดร้ายต่อรังตนเอง

“ชานนท์!!” สาวคนที่ถึงตัวชานนท์ก่อนเอ่ยทัก
“ครับ!!!” ชานนท์รับคำทักทายอย่างตื่นตระหนก
“พวกเรา.....” สาวคนเดิมเริ่มประโยคด้วยเสียงที่หวานและท่าทางเอียงอาย
“พวกเธออีกแล้ว!! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาทักกันแบบนี้!!” ชานนท์พูดใส่หญิงสาวเหล่าด้วยเสียงที่ดังกว่าพลางเอามือลูบอกตัวเองเบาๆ
“นายขี้ตกใจมากไปต่างหาก!! ว่าแต่ของที่ให้เอาไปส่งให้เมื่อวาน วรุฒว่าไงบ้าง?” หญิงสาวในกลุ่มคนที่ตัวเล็กกว่าพูดแทรกมา
“เอ่อ..... เขา.....”
“อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ ไง! เขาว่าไงบ้าง?” สาวคนแรกที่พุ่งเข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“ก็ดี.... เขาฝากขอบคุณมา” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ว้ายยยยย!!!!” หญิงสาวทั้งกลุ่มหวีดออกมาประสานกันเสียงดัง
“ชู่วววววว!!” ชานนท์ยกนิ้วชี้ขึ้นป้องปาก
“โทษที  ตื่นเต้นนี่นา....” หญิงสาวผมยาวที่ดูเรียบร้อยที่สุดในกลุ่มตอบมาด้วยสีหน้าอันแดงระเรื่อ
“งั้นวันนี้ เอาอันนี้ไปให้เขานะ ฝากด้วยนะ” หญิงสาวคนแรกยื่นกล่องพลาสติกใสขนาดเท่าสมุด A4 ให้ชานนท์ บนกล่องมีกระดาษโน้ตขนาดเล็กเขียนว่า ‘Warut hot guy FC” ชานนท์มองสิ่งที่ยื่นมาด้วยสายตาหน่ายๆ แต่พอรับมาไว้ที่มือตัวเองก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างอัตโนมัติ
“เดี๋ยวเราส่งให้เขานะ เขาน่าจะดีใจ” ชานนท์พูดตอบกลับไปหลังจากรับกล่องที่มีขนมเค้กสีสวยอยู่ภายในกระชับเข้าที่ตัว
“แน่นอน!! เราทำเองกับมือเลยนะ” หญิงสาวคนที่ยื่นกล่องให้พูดต่อท้ายประโยคชานนท์ทันที

เอี้ยด!!!!

เสียงล้อรถยนต์เบียดพื้นถนนดังลั่นจากที่ไม่ไหลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่หญิงสาวหลายคนปรารถนาได้ลงมาจากรถคันงามราคาแพง ทำให้สาวๆ กลุ่มที่ยืนอยู่กับเขาเสียอาการส่งเสียงหวีดเบาๆในลำคอ หญิงสาวเหล่านั้นทำเสียงแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนวรุฒเดินนิ่งเงียบและก้าวเท้าว่องไวหายเข้าไปในตึกหอพัก โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวเหล่านั้นที่ส่งสายตาและส่งเสียงชื่นชมเขาเลย

ชานนท์ที่เห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอดแอบถอนหายใจใส่พวกผู้หญิงกลุ่มนี้ซึ่งต่างซุบซิบกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้เจอคนที่พวกเขาแอบชอบ ชานนท์รู้สึกเสียใจกับคนกลุ่มนี้ที่ไปหลงไหลผู้ชายผิดคน ชานนท์กล่าวคำอำลากับพวกสาวกลัทธิคลั่งผู้ชายกลุ่มนี้และเดินแยกเข้าหอพักมา

หลายวันมานี้เขาเจอกับเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้บ่อยมาก วรุฒมีแฟนคลับและคนที่แอบชอบเยอะมาก แต่ด้วยท่าทางหยิ่งและเงียบขรึมของเขาทำให้สาวๆทุกคนเข้าถึงตัวเขาได้ยาก และต่างกลัวตกเป็นเป้าสายตาของคนต่างกลุ่ม ทุกคนจึงหยั่งเชิงด้วยการส่งของขวัญ ขนมและอื่นๆ ผ่านทางคนที่อยู่ร่วมห้องอย่างเขา ชานนท์เลยกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ไปโดยปริยาย แม้จะไม่เต็มใจนักแต่เขาก็เกรงใจคนเหล่านั้นที่อุตส่าห์ดั้นด้นเอามาให้ถึงหอพัก ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าชานนท์จะกลับมาถึงหอพักเมื่อไหร่ ทุกคนต่างมาเฝ้ารอ ด้วยตวามเห็นใจเขาจึงต้องรับหน้าที่นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เดี๋ยวเราจะมาถามนะว่าเขาชอบไหม?” สาวแฟนคลับคนแรกตะโกนบอกชานนท์ก่อนที่เขาจะเดินเข้าประตูไป
“ทำไมพวกเธอ ไม่ไปให้เขาชิมเองล่ะ จะได้รู้” บางครั้งชานนท์ก็อยากให้ผู้หญิงเหล่านั้นรับรู้ด้วยตนเองเหมือนกันว่าวรุฒมันเป็นคนยังไง
“ใจยังไม่กล้าพอน่ะ ช่วยหน่อยนะ” สาวๆ แฟนคลับทั้งหมดยกมือขึ้นพนมกลางอกทำนองขอร้องชานนท์ให้รีบเข้าไปให้วรุฒเสียที
“อืม... ได้” ชานนท์ฝืนยิ้มและเดินเข้าประตูไป


.......................................


”เอ้า!  ของนาย” ชานนท์ยื่นกล่องขนมให้วรุฒทันทีที่ถึงห้อง
“..............” วรุฒได้แต่นอนมองชานนท์จากบนเตียงด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะกลับไปจ้องที่ไอแพดสีทองเครื่องใหญ่ของเขาอย่างไม่สนใจ
“งั้นวางไว้ตรงนี้นะ!!” ชานนท์รู้สึกขุ่นเคืองกับความไม่ใส่ใจของอีกฝ่ายเลยกระแทกกล่องนั่นลงบนโต๊ะหนังสือข้างเตียง แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขานึกถึงหน้าเหล่าบรรดาแฟนคลับเมื่อสักครู่ ทำให้ชานนท์เดินกลับมาส่องดูขนมเค้กในกล่อง เขารู้สึกโล่งอกที่เค้กยังคงสมบูรณ์ดี และบรรจงวางใหม่อย่างเรียบร้อย

“เฮ้ย! ไอ้เตี้ย! ถามจริงทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ?!” วรุฒถามขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นั่นควรจะเป็นคำพูดของเรามากกว่านะ!!” ชานนท์หันมาโต้กลับด้วยเสียงที่แสดงความไม่พอใจนัก
“อะไรของมึง?” ตอนนี้คนตัวใหญ่ที่นอนอยู่เตียงเริ่มมีอาการคิ้วชนกัน
“ก็.. มีคนมาสนใจมากขนาดนี้ ก็ควรจะดีใจและขอบใจคนที่ส่งของมาให้สักหน่อย” ชานนท์วาดนิ้วชี้ไปยังกองสิ่งของปลายเตียง ตั้งแต่ดอกไม้, ขนม, ตุ๊กตา และอื่นจิปาถะที่ชานนท์ไม่รู้ว่ามีอะไรในกล่องกระดาษผูกริบบิ้นสีสวยทั้งหลาย
“แล้วไง? กูไม่ได้ขอร้องให้คนพวกนี้ทำอะไรให้กูเสียหน่อย พวกเขามีสิทธิ์ที่จะให้กูก็ให้ไป แต่กูก็มีสิทธิ์ที่จะสนใจหรือไม่ มันก็เรื่องของกู!!” วรุฒพูดขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนอริยาบทเป็นนั่งที่ขอบเตียงปลายเท้าถึงพื้นทั้งสองข้าง ดวงตาทั้งสองของเขาจ้องมองอาการประหม่าของชานนท์อย่างไม่ลดละ
“เออ! นายมีสิทธิ์ที่จะไม่สนใจได้ แต่ก็ควรจะให้ความสำคัญกับของที่ได้รับหน่อย หรืออย่างน้อยก็พูดขอบอกขอบใจคนให้บ้าง” ชานนท์พูดไปพลางนึกถึงพวกข้าวของจากบรรดาแฟนคลับคราวที่แล้วที่วรุฒยกให้ป้าศรีที่มาทำความสะอาดไปจนเสียหมดทั้งกอง ชานนท์รู้สึกไม่ดีกลัวว่าแฟนคลับที่อุตส่าห์นำของเหล่านี้มาให้ หากคนเหล่านั้นมาเห็นจะเสียความรู้สึกขนาดไหน เขาจึงเหนื่อยกับการจัดการของเหล่านั้นลงใส่ถุงขยะสีดำขนาดใหญ่อย่างมิดชิดให้ป้าศรี เพื่อไม่ให้ใครสักคนที่มาติดตามชีวิต ‘นักศึกษาไฮโซ’ ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน  เขาเคยอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้มาก่อนเขาเข้าใจดี
“อย่าเสือกเรื่องของกูให้มากนัก ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว!! อย่านึกว่ากูไม่รู้ว่ามึงชอบไปให้ความหวังคนพวกนั้น!! กูไม่ได้ต้องการ จำไว้!!” วรุฒยืนขึ้นและเดินมาในระยะประชิด กล่าวขึ้นเสียงกร้าว ชานนท์แหงนมองหน้าอีกฝ่ายด้วยอาการหวาดๆ เพราะอีกฝ่ายตอนนี้น่ากลัวจริงๆ เขารู้สึกเหมือนฮอบบิทตัวน้อยที่กำลังจะโดนมังกรยักษ์โฉบกิน
“ก็ได้!! เราไม่ยุ่งก็ได้!!” ชานนท์พูดจบก็หันหลังกระแทกเท้าเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป เขาพยายามจะไม่สนใจคนไร้หัวใจตรงหน้าเขา เขาควรจะรีบไปกินมื้อค่ำกับสาวๆที่เขานัดไว้ดีกว่า!

......................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2019 15:50:54 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“โห!! แบบนี้มันน่าด่าจริงๆ ความจริงเขาก็เป็นใช่ได้นะ แต่ทำไมกับนาย เขาถึงโหดร้ายจังวะ!!” สาวห้าวพ่นคำพูดออกมาจากปากหลังจากกลืนบิงชูคำใหญ่ ของหวานหลังอาหารเย็นมื้อใหญ่ลงคนไป (ชานนท์ไม่คิดว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังในการกินที่น่ากลัวมาก พวกเธอดูร่างกายบอบบางไม่น่าจะสามารถบรรจุอาหารเหล่านั้นลงไปได้หมด)

“เอ่อ..... อะไรนะ?” ชานนท์ที่แต่งตัวในชุดลำลองเรียบง่ายแต่เข้าชุดทั้งเสื้อเชิ้ตลายชายทะเลสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงขาสั้นผ้าชิโนสีน้ำตาลอ่อน นั่งอึ้งกับกินอาหารของอีกฝ่ายจนทำให้ตามบทสนทนาไม่ทัน
“ก็วรุฒไง เขาไม่น่าพูดกับนายแบบนั้น!” เมย์ที่ใช้ช้อนตัดบิงซูพร้อมผลสตรอว์เบอร์รี่เข้าปากเรียบร้อยได้ทวนสรุปสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านั้น
“เราก็ไม่รู้นะ ว่าเขาเป็นอะไรของเขา” ชานนท์หยิบช้อนขึ้นมาเล็งว่าจะตักบิงซูส่วนไหนดี
“เราไม่ได้อยู่สถานะแบบเขา เราไปว่าเขาก็ไม่ได้หรอกนะ” นางฟ้าตาโตที่มัดผมหางม้าสูงได้พูดขึ้นมาหลังจากนั่งนิ่งเงียบเพราะใช้สมาธิกับการกำจัดบิงซูตรงหน้า
“อืม........ มันก็จริงนะ...... หากมีชีวิตที่อยู่ในสายตาคนอื่นตลอดเวลาแบบนี้มันก็น่าอึดอัดนะ.....” เมย์พูดขึ้นขณะทำท่าคิด
“............. พอเขาทำดีด้วยหน่อย เธอก็เปลี่ยนความคิดเชียวนะ.....” ชานนท์แอบแซว
“แหม...... นนท์ก็...... ลองคิดดูดิ! ขนาดช่วงมัธยมปลายมีคนมาตามจีบเราแค่สามสี่คนเรายังแทบคลั่งแนะ แต่วรุฒนี่ มีคนติดตามกันเป็นร้อยล่ะมั้ง เขาจะรู้สึกยังไง?” เมย์หยิบช้อนขึ้นมาแกว่งไปมาขณะที่พูด
“เธอมีโมเม้นต์แบบนั้นด้วยหรือ? โม้ป่าว!!” ชานนท์ใช้ช้อนยาวที่ถืออยู่ชี้ไปที่เมย์
“ไอ้บ้านิ!! นายบอกว่าฉันโกหกหรือไง? นี่แนะ!!” เมย์วางช้อนและยกมือขึ้นตบไปที่ท่อนแขนของชานนท์เสียงดัง ‘เพี๊ยะ’
“โอ้ย!! มันเจ็บนะ”

“เข้าใจเขาหน่อยนะ นายไม่รู้หรอกว่าวรุฒเขาเจออะไรมาบ้าง!” มายาพูดด้วยสีหน้าจริงจังตัดกับบรรยากาศรื่นเริงภายในโต๊ะ จนเมย์หันไปมองหน้าใกล้ๆ

“....................”
ชานนท์นิ่งเงียบไปทันทีและพยายามคิดภาพตาม เขาไม่ค่อยเข้าใจเลยกับสถานการณ์แบบวรุฒว่ามันรู้สึกยังไง แต่หากเป็นความรู้สึกของคนที่ไร้ตัวตนล่ะก็ เขารู้จักมันดีเลยล่ะ

“ลืมไปเลยว่าเธอเป็น ‘คนสนิท’ ของคุณชายวรุฒนี่เนอะ”
เมย์พูดจาด้วยสำเนียงแซวมายา
“จะบ้าเหรอ! แค่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก!” มายาใช้ฝ่ามือดันหน้าเล็กๆ ของเมย์ให้กลับไปอยู่ที่เดิม
“เหรอ? แต่ที่เรารู้มามันไม่ใช่นะ!” เมย์พูดอู้อี้อยู่ภายใต้ฝ่ามืออีกฝ่าย
“อะไรเหรอ?” ชานนท์งุนงงกับบทสนทนาของทั้งสองสาวจนต้องเอ่ยปากถาม
“ไม่มีอะไรหรอก เธอก็อย่าไปบ้าบอตามยัยเมย์มัน!!” มายาตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม แม้เสียงจะสูงกว่าปกติก็เถอะในขณะที่เมย์โดนมายาใช้มือปิดปากเสียสนิทจนได้ยินแต่เสียงอู้อี้ดังออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที
“กลับกันเถอะ อิ่มแล้ว วันนี้เหนื่อยมากเลย ง่วงแล้วด้วย” มายาพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“โหย..... อะไรเนี่ย?! เป็นคนชวนมาแท้ๆ ทำไมมาชวนกลับกันง่ายๆ แบบนี้!” เมย์โวยวายขึ้นมา “ดูสิ ยังมีอะไรน่ากินอีกหลายอย่าง” เมย์หยิบเมนูขึ้นมากางดูอีกครั้ง
“แล้วอย่ามาบ่นว่าตัวเองเริ่มอ้วนให้ฉันได้ยินนะ!!” มายาโต้กลับทันที
“เออๆ ก็ได้!” เมย์ตอบกลับอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ลุกขึ้นยืนแต่โดยดี
“งั้น...... ไว้เจอกันนะ” ชานนท์ยกมือขึ้นโบกไปมาแสดงการอำลา
“อ้าวแล้วยังไม่กลับ?” เมย์โบกมือกลับและถามสวนมา
“ขอนั่งอีกสักพักน่ะ” ชานนท์รู้สึกแน่นท้องไปหมดจนยังไม่อยากจะกลับตอนนี้ ไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวบางๆ สองคนนั่นทำไมถึงได้ยัดอาหารและขนมเหล่าได้โดยไม่รู้สึกอะไร (โดยเฉพาะเมย์ที่จะขอกินของหวานเพิ่ม)
“เอาน่าเมย์ เขาอาจจะอยากอยู่ต่ออีกหน่อย อุตส่าห์แต่งตัวออกมาเสียดูดีขนาดนั้น” มายาพูดพลางใช้มือกระตุกแขนเมย์ให้เริ่มเดินออกจากโต๊ะได้แล้ว
ชานนท์ได้แต่ยิ้มตอบกลับอย่างเขินๆ เขามักจะภูมิใจในการหาเสื้อผ้าที่เข้าชุดดูดีอย่างนี้เสมอ ยิ่งหลังจากได้เจอผู้หญิงน่ารักๆ อย่างมายาเอ่ยชม เขายิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก
“วันนี้สาวๆ เต็มร้านเลย จีบให้ได้สักคนก็แล้วกัน แต่หนุ่มๆ กลุ่มนั้นก็ดีนะ!” มายาหันมาแซวชานนท์ที่นั่งหน้าแดงอยู่ที่โต๊ะ
“เฮ้ย! เราไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น!!” ชานนท์โต้กลับทันที
“ล้อเล่นน่า! แต่ขอบอกอะไรหน่อยนะ ผู้หญิงน่ะบางทีก็ไม่ชอบผู้ชายที่มันดูสำอางค์มากไปนะ” มายาพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินจากไป ทำให้ชานนท์หวนไปนึกถึงเพื่อนร่วมห้องของเขาขึ้นมาทันที
“อย่าไปถือสายัยมายาเลย นางก็ปากตรงกับใจแบบนี้ล่ะ แต่แน่ใจนะว่าจะกลับเอง เดินอีกไกลเลยนะ รถประจำทางเวลานี้ก็ไม่ค่อยมี” เมย์เอียงตัวมาปลอบใจชานนท์ที่จะดูเสียความมั่นใจไปนิดหน่อย เขารู้สึกได้ว่ามายาเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แต่หากมีเรื่องของวรุฒเข้าหูทีไร มายาก็จะมีอาการเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด เขารู้สึกว่าเขาคงจะมีบทเรียนได้แล้ว คงต้องงดเล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ให้มายาฟังเสียแล้ว เพื่อรักษาบรรยากาศในการสนทนา
“อื้อ! ไม่เป็นไร ตอนนี้อึดอัดน่ะ อยากเดินเล่น” ชานนท์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย

........................

ลมเย็นยามหัวค่ำท่ามกลางบาทวิถี และถนนซึ่งห้อมล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าตัดสั้นเกรียน และเสาไฟเรียงรายต่อกันยาวไปสุดลูกตา ชานนท์เดินเรื่อยเปื่อยจนมาถึงภายในรั่วมหาวิทยาลัย จากการฝึกซ้อมกิจกรรมเข้าจังหวะมาหลายวันติดต่อกัน ทำให้เขารู้สึกว่าการเดินทางด้วยเท้ามาในระยะทางประมาณนี้ เขาแทบไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เขาไม่รู้จะสำนึกดีใจกับความยากลำบากที่ผ่านมาดี หรือสำนึกเสียใจที่ต้องเสียเหงื่อเสียเวลาไปทำเรื่องแบบนั้นดี เพราะหลายๆวันที่เขาเหนื่อยจนแทบไม่ได้อ่านทบทวนหนังสือเลย “ได้อย่างเสียอย่าง” เขาคิดในใจขณะที่สายตาของเขาปะทะกับภาพตึกสีเทาม่วง หอพักนักศึกษาของเขา

“เฮ้ย! ไอ้หนู!!” เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ชานนท์ได้ยินแต่ก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรเพราะทางที่เขาต้องเดินผ่านเป็นลานโล่งคล้ายสวนสาธารณะที่มีการปลูกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ตกแต่งลานกว้างแห่งนี้ให้มีสีสัน มีม้านั่งสำหรับผักผ่อนหย่อนกายอยู่ประปราย แต่มันค่อนข้างเปลี่ยวเพราะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ไม่ค่อยชอบอยู่กลางแจ้งเท่าไหร่ (อยู่ในห้องแอร์ในหอหรือตามร้านกาแฟดีกว่าเยอะ) ชานนท์จึงมักจะรีบเดินผ่านทางนี้ไปด้วยความเร็วมากกว่าเดินเล่นเรื่อยเปื่อย รวมกับที่เขาไม่ค่อยมีใครรู้จัก การจะมีใครทักเขาในที่แบบนี้มันไม่น่าเป็นไปได้

“เฮ้ย!! ไอ้หนู!! พี่บอกให้หยุดไง!!” คราวนี้เสียงที่แสนดุดันนั้นดังใกล้ขึ้นในระยะประชิด แต่ชานนท์ก็ไม่ได้รั้งฝีเท้าตัวเองเลยยังเดินด้วยความเร็วเท่าเดิม บวกกับทางเดินที่เขาเดินอยู่ก็มีนักศึกษาที่ค่อนข้างคุ้นตาเดินอยู่ เขาจึงคิดว่าไม่น่าที่จะมีใครเรียกตนเอง ‘คงเรียกคนอื่นมั้ง’ เขาคิดในใจขณะที่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจนเริ่มมีลมหอบออกทางปากถี่ขึ้น

“เฮ้ย!! พี่เรียกเอ็งนั่นแหละ!!!” มือหนึ่งจับเข้าที่ไหล่ข้างซ้ายของชานนท์เข้าอย่างจัง จนขาที่ก้าวนำหน้าไปถึงกับหยุดลอยชี้ขนานกับพื้นบาทวิถี
“โอ้ย!! พี่เป็นใครเนี่ย?” ชานนท์หันไปเจอบุรุษหน้าเข้มรูปร่างกำยำไม่คุ้นหน้าจึงถามออกไป
“น้องอยู่คณะวิศวะฯ ใช่ไหม?” ชายคนนั้นไม่ได้สนใจคำถามของชานนท์เลย อีกทั้งยังถามสวนกลับมา
“เอ่อ........ ใช่....ใช่ครับ” ชานนท์ตอบทั้งที่ยังอยู่ในท่ายืนที่ไม่ได้สบายเท่าไหร่นักเพราะยังถูกมือนั่นจับรั้งตัวไว้ไม่ปล่อย
“..............อืม...... โอเคถูกตัวแล้ว......... มากับพี่หน่อย!!” ชายคนนั้นหยิบรูปภาพชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู ก่อนที่จะพูดออกมา ชานนท์เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษที่ผู้ชายกำยำคนนั้นถืออยู่ประมาณเสี้ยววินาทีก่อนที่ชายคนนั้นจะเก็บกระดาษลงกระเป๋าเสื้อและพูดต่อ เขารู้สึกว่ารูปคนที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นคือตัวเขาเอง!

“เดี๋ยวๆ พี่!!ไปไหนครับ!! ผมว่าพี่ตามหาผิดคนแล้วมั้งครับ!” ชานนท์โวยขึ้นมาพร้อมกับพยายามดิ้นให้หัวไหล่ตนเองหลุดจากพันธนาการมือที่กำยำนั่น แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เรี่ยวแรงเขาไม่ต่างอะไรจากเด็กทารกเล่นกับผู้ใหญ่

“ไม่ผิดหรอก!! มากับพี่เดี๋ยวนี้ หากไม่อยากเจ็บตัว!!” ชายในชุดซาฟารีสีกรมท่าออกแรงดึงที่มือให้ชานนท์หันมาหาเขาได้อย่างง่ายดายและกำหมัดขึ้นมาเสมอหน้าของชานนท์ เขามองหมัดนั้นเป็นตาเดียว เขากะประมาณขนาดของกำปั้นนั้นน่าจะใหญ่ประมาณหน้าเขาได้ หากโดนคงยุบไปทั้งหน้าแน่นอน ความกลัวลุกลามขึ้นมาจากหัวใจ ชานนท์จึงได้แต่ทำตัวนิ่งขึ้นมาทันที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2019 15:51:33 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:  อ้าวว ใครมาจับตัวไปละเนี่ยะ

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“ดีมาก!! ทำตัวดีๆจะได้ไม่เจ็บตัว!!”  ชายคนนั้นได้เดินมายืนขนาบข้างและโอบไหล่ชานนท์เพราะเขาหยุดโวยวายและดิ้นรน
“เอ้าเดิน!!” ชายปริศนาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ชานนท์เดินไปตามทางที่เขาบังคับทิศทางไว้ได้อย่างกับหุ่นกระบอก ในใจของชานนท์ตอนนี้หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้อง เขาได้แต่หันไปมองซ้ายและขวาเล็กน้อยเพื่อชำเลืองมองหาความช่วยเหลือ แต่คงถึงคราวเคราะห์ของเขาที่บริเวณนี้ เวลานี้ผู้คนช่างบางตาเหลือเกิน คนที่กระทบสายตาที่เขาสามารถมองเห็นก็ไกลเกินกว่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา ตอนนี้เขาทำได้แค่เดินไปตามการเหนี่ยวนำจากแรงของชายที่ยืนขนาบข้างเขาเท่านั้น

ขณะนี้เขาถูกพาเดินออกจากบาทวิถีเข้าไปในสวนหย่อมก่อนถึงหอพักของเขา ทุกก้าวที่เขาเดินผ่านหญ้าสีเขียวอ่อนและเข้มสลับกันไปยิ่งทำให้ใจเขาตกลงต่ำจากอกเรื่อยๆ จนแทบจะตกลงไปถึงตาตุ่ม แสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างที่ข้างถนนแผ่วบางลงเรื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นพื้นหญ้าที่เขาเหยียบมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ๆ จะพาผมไปไหนเนี่ย?” ชานนท์กลั้นใจถามชายที่พาเขาเข้ามาในที่เขาเริ่มรู้สึกไม่คุ้นเคย เขากลัวแต่มาถึงจุดที่เขาต้องปกป้องตัวเองแล้ว หากได้คำตอบที่ไม่ชอบมาพากล เขาตัดสินใจว่าจะใช้แรงทุกอณูของร่างกายวิ่งให้พ้นชายคนนี้ให้ได้
“ใกล้ถึงแล้ว!! นั่นไง มีคนอยากจะคุยด้วย!!” ชายคนนั้นนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะพูดและขยับศรีษะเป็นการบอกทิศทาง ชานนท์มองตามทิศที่คนประกบข้างของเขาบอกทันที ตรงทิศทางข้างหน้ามีถนนสำหรับเดินตัดสวนอยู่ มีเสาโคมไฟต้นใหญ่ตั้งอยู่เป็นจุดห่างกันพอประมาณ ทำให้ทางข้างหน้าดูไม่น่ากลัวเท่ากับทางที่เขาเดินผ่านมา หลังจากเดินเข้าใกล้ได้อีกเพียงครู่หนึ่ง เขาก็เห็นม้านั่งยาวตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงนั้น

“นายครับ เด็กคนนี้ครับ” ชายคนที่มาด้วยเอ่ยทักทายผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสุดเนี้ยบที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวคนเดียว ในขณะที่มีคนที่ใส่ชุดซาฟารีคล้ายกับชายที่พาชานนท์มายืนล้อมคนที่นั่งอยู่ ชานนท์แอบนับคนที่ล้อมอยู่น่าจะมีสักสี่คน เขาไม่กล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ทำให้เขาได้แต่ก้มหน้า ขณะที่ยืนอยู่หน้าชายคนที่นั่งอยู่ เพราะชายคนนั้นมีบรรยากาศที่น่ากลัวส่งออกมาตลอดเวลา

“ชานนท์.... ใช่ไหม?” ชายที่มีลักษณะอายุเกินวัยกลางคนมาไม่มากพูดขึ้นขณะที่เขากำลังจ้องแท็บเล็ทที่มีหน้าจอสว่างเรืองออกมากระทบใบหน้าของเขา
“.............” ชานนท์ได้แต่ยืนอึ้งกับคำถามตรงหน้า เขาไม่รู้จักชายกลุ่มนี้แล้ว พวกเขารู้จักชานนท์ได้อย่างไร
“ใช่หรือไม่ใช่ก็ตอบไปสิ!!” ชายในชุดซาฟารีสีกรมท่าวางมือของเขาลงบนบ่าของชานนท์เสียงดัง ‘พั่บ’ ทำให้ชานนท์ถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นเล็กน้อย
“เอ่อ.... ครับ!! ใช่ครับ!” ชานนท์ส่งคำตอบออกไปอย่างทุลักทุเล
“นนท์.... ชื่อเล่นชื่อนนท์ใช่ไหม? ขอเรียกชื่อเล่นก็แล้วกัน
“เอ่อ.....ครับ” ชานนท์ตอบกลับแทบจะทันที
“โอเค! ขอเรียกตัวเองว่า ‘อา’ ก็แล้วกันนะ อามีเรื่องจะรบกวนนนท์หน่อย นนท์จะรังเกียจไหม?” ชายที่แทนตัวเองว่า ‘อา’ เริ่มพูดต่อทันทีหลังจากเกริ่นนำและวางแท็บเล็ทในมือไว้ข้างตัว เผยให้ชานนท์เห็นรูปตัวเองในมือคนที่เขาไม่รู้จักอีกครั้ง
“เรื่อง.... เรื่องอะไรครับ?” ชานนท์เริ่มมีคำถามในหัวมากมายแต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขานึกเรื่องที่จะถามออกไปได้คำถามเดียว
“ง่ายๆ งานง่ายๆ นนท์อยู่ห้องเดียวกับวรุฒใช่ไหมลูก? อาเป็นพ่อของวรุฒเอง...” ชายที่เรียกตัวเองว่า ‘อา’ ในที่สุดก็เฉลยตัวตนออกมาให้ชานนท์กระจ่าง เขารู้มาว่าพ่อของวรุฒเป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
“อ้อ... สวัสดีครับคุณอา คุณอาอยากให้ผมช่วยอะไรครับ?” ชานนท์รู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อรู้ว่าชายปริศนาตรงหน้าไม่ใช่คนอื่นไกล เขาเป็นพ่อที่ทรงอิทธิพลของเพื่อนร่วมห้องของเขานี่เอง
“อาแค่อยากให้เรา ส่งข่าวคราวเกี่ยวกับลูกของลุงบ้าง สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ไอ้ลูกอามันทำตัวไม่ชอบมาพากลทุกครั้งทุกเรื่อง ทำให้อาได้ไหม?” ชายที่เป็นพ่อของวรุฒมีสีหน้าที่เข้มขรึมขึ้นมาเล็กน้อยขณะพูด
“เป็นพ่อลูกกัน โทรหากันเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบกันก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องให้ผม ทำอะไรแบบนี้เลยครับ!!” ชานนท์เริ่มรู้สึกสบายใจจนลึมความตึงเครียดและเผลอหลุดความเป็นตัวเองออกมา
“หากมันเป็นลูกดีๆเหมือนชาวบ้าน ฉันจะทำกับมันแบบนี้ไหม?!? จะทำหรือไม่ทำ?!? อามีค่าเหนื่อยให้ด้วย!! เดือนละหมื่นสนใจ/ไหม?“ สีหน้าและน้ำเสียงของพ่อของวรุฒเริ่มเดือดดาลจนชานนท์ตกใจกับปฏิกิริยาดังกล่าว เขาแอบคิดได้ว่า ‘ไอ้นิสัยการพูดจาจุดเดือดต่ำแบบนี้มันน่าจะเป็นกรรมพันธุ์
“เอ้านี้ อาให้โทรศัพท์มือถือ เอาไว้รายงานข่าวคราวลูกของอา” หลังจากชายผู้เดือดดาลจัดการอารมณ์ของตัวเองไปครู่หนึ่งก็ยื่นกล่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดยี่ห้อผลไม้เมืองหนาวให้กับชานนท์ แต่ชานนท์ได้แต่มองทำหน้างงตอบกลับไป
“ผมไม่เข้าใจ” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ไม่เข้าใจเรื่องอะไร?!?!” พ่อของวรุฒมีอาการหัวคิ้วชนกันอีกครั้ง
“ไม่เข้าใจ อาเป็นพ่อของเขา ทำไมทำตัวเหมือนเป็นศัตรูคอยสอดแนมกันแบบนี้ คนเป็นพ่อควรจะสนิทกับลูกให้มากกว่านี้สิ!!” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่เขาระลึกถึงคำว่า ‘พ่อ’ พ่อที่เขาเคยมีและอบอุ่น แต่เขาได้เสียพ่อไปกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน
“ปากดี!! แต่คนเป็นลูกก็ควรทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ไม่ใช่ไปทำระยำตำบอน ทำตัววิปริตจนทำให้ฉันเสียชื่อเสียง ฉันส่งมันไปเรียนเมืองนอกเพื่อให้มันเรียนดีๆสูงๆ แต่ดูสิ่งที่มันทำให้ฉันสิ!!!!” ชานนท์เหมือนไปกระตุ้นต่อมอะไรบางอย่างของชายผู้เป็นพ่อ จึงทำให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมาจนเสียมาดขรึมไป ชายในชุดซาฟารีโดยรอบถึงกับขยับตัวออกห่างเล็กน้อยจากรังสีที่แผ่ออกมาจากชายที่นั่งอยู่ รวมถึงชานนท์ด้วย เขารู้สึกกลัวชายคนนี้เช่นกัน

“สรุปว่าจะทำหรือไม่ทำ!?! หากแกไม่ทำ! ฉันจะได้ให้คนอื่นเขาทำ! ธุระที่ดึงแกมาตรงนี้ก็เท่านี้ หยุดปากดีได้แล้ว!!”
ชายที่นั่งอยู่ถอนหายใจเสียงดังก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่เข้มขึ้นมาก
“.............” ชานนท์ได้บ่นงึมงำในปากเพราะความกลัวและความตึงเครียด
“เฮ้ย!! พูดให้มันเสียงดังฟังชัดหน่อย!!” ชายในชุดซาฟารีคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาได้ใช้มือผลักเขาเบาๆและพูดออกมา
“ไม่!! ไม่ครับ ทำไมคุณอาไม่หาทางคุยกับเขาดีๆ ปรับความเข้าในกัน!” ชานนท์นึกถึงพ่อของเขาขณะพูด เขากับพ่อก็มีเหตุการณ์ไม่เข้าใจกันบ่อยครั้งแต่พ่อของเขาก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีในการเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน สิ่งนี้ทำให้ชานนท์ปฏิเสธเพราะอยากให้ชายที่อยู่ตรงหน้าทำสิ่งที่ถูกต้องกับคนเป็นลูก
“แน่ใจนะว่าจะปฏิเสธอา! คงไม่อยากเรียนที่นี่แล้วสิใช่ไหม?”
พ่อของชานนท์ส่งสายตาเหยียบเย็นมาที่ชานนท์
“................” ชานนท์ใช้ความนิ่งเป็นคำตอบ
“เฮ้อ...... เด็กสมัยนี้ ทำไมมันชอบต่อต้านผู้ใหญ่แบบนี้นะ!! โอเค!! ไม่ทำก็ไม่ทำ แกไม่ทำก็มีคนอื่นยอมทำให้ฉันเยอะแยะแต่ขอบอกไว้อย่างนะ อย่าได้นำเรื่องนี้ไปบอกไอ้รุฒ และอย่าพยายามต่อต้านฉันอีก!! ไม่อย่างนั้น ฉันไม่เอาแกไว้แน่!!” พ่อวรุฒพูดเสียงน่ากลัวที่ท้ายประโยคและส่งสายตาน่ากลัวออกมา ทำให้ชานนท์เหมือนกับหัวใจตกวูบลงไปถึงตาตุ่ม
“ไป!! กลับ” ชายที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวได้ลุกขึ้นและออกคำสั่งกับทุกคนโดยรอบ
“มานี่ไอ้เด็กดื้อ!!” ชายในชุดซาฟารีได้ดึงคอเสื้อชานนท์ขึ้นและลากเขาให้เดินไปทางที่เขาเข้ามา เดินมาได้ครึ่งทางชานนท์ก็โดนผลักจนเกือบเซล้มไปกับพื้น หลังจากทรงตัวได้เขาได้หันไปทางที่เขาเดินจากมา เขาเห็นเพียงชายที่เดินมากับเขาได้หันหลังเดินไปไกล และกลุ่มคนที่ม้านั่งก็ได้หายไปแล้ว เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องสยองก่อนนอนของเขาได้เลยทีเดียว เขาสามารถเก็บเอาไปเล่าให้ลูกให้หลานฟังได้เลย (เฮ้ย! ไม่ได้สิ ควรจะเก็บเป็นความลับไหม เขาพูดกับตัวเอง)

หลังจากตั้งสติได้และจัดแจงเสื้อผ้าให้กลับมาในสภาพเรียบร้อย ชานนท์ก็เดินต่อไปจนถึงบาทวิถีที่คุ้นเคยภายใต้แสงนีออนซึ่งส่องแสงแบบอ่อนแรงที่เสาไฟที่เกาะกลางถนนขนาดย่อม
“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” เสียงคุ้นหูที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินแถวนี้ดังขึ้นไม่ไกลจากตัวเขา ด้วยสัญชาตญาณ ชานนท์หันไปหาต้นเสียงทันที
‘ฟ้าวววว’ เสียงบางสิ่งแหวกอากาศหวีดเข้ามาหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว กว่าที่ชานนท์จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แก้มของเขาก็ลงไปสัมผัสกับพื้นถนนเสียแล้ว ความเจ็บปวดจากการที่แก้มซีกซ้ายกระทบพื้นบาทวิถีแล่นเข้าสมองอย่างช้าๆ รวมกับอาการเจ็บหน่วงที่แก้มข้างขวาต่างวิ่งมาสมทบ ทำให้ชานนท์เจ็บปวดขึ้นไปทวีคูณ ส่วนสมองคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเพราะชานนท์มีความรู้มึนชาขึ้นมารวมอยู่ด้วย เขารู้สึกเหมือนสติกำลังจะหลุดลอยออกจากร่าง ศรีษะของเขาหนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น
“โอ้ย......” ชานนท์ร้องขึ้นทันทีที่สติวิ่งกลับเข้าร่าง ความรู้สึกมันเริ่มชัดเจนขึ้นจนเขาอดร้องออกมาไม่ได้ ทั้งสองมือของเขาต่างพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น สองตาที่เกิดอาการพร้ามัวในช่วงแรกค่อยๆ จับภาพหาสาเหตุที่ทำให้เขาล้มกลิ้งลงกับพื้น
“กูนึกว่ามึงจะแตกต่าง สุดท้ายก็ไม่ต่างจากคนอื่น!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงหันไปทางต้นเสียงอีกครั้ง ภาพที่สั่นไหวเริ่มกลับมาเข้าที่ เขาเห็นเงาร่างของชายร่างสูงใหญ่ในแสงสลัวขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น สายตาที่ปรับกับแสงสว่างไม่มากได้แสดงให้เห็นวงหน้าที่คุ้นเคย วงหน้าเกรี้ยวกราด และดวงตาที่เหมือนจะสามารถยิงลำแสงทำลายล้างเขาให้กลายเป็นจุณอยู่ตรงนี้
“วรุฒ...... ทำไม.....?.....” ชานนท์พยายามรวบรวมกำลังลมในปอดเพื่อเปล่งเป็นคำพูดออกมาแต่อีกฝ่ายกลับใช้ร่างกายตอบโต้กลับมา
‘พลั่ก!!!’
เสียงที่ให้ชานนท์รู้สึกจุกจนอยากจะคายมื้อค่ำเมื่อชั่วโมงที่แล้วออกมา เสียงจากการที่เท้าของอีกฝ่ายเหวี่ยงฟาดมาที่ช่วงท้องของเขา
“อ้อก..... โอย.... เจ็บ.... เรา..... ไม่เข้าใจ....”
ชานนท์พยายามพูดถามอีกฝ่าย เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงสมควรโดนทำร้ายแบบนี้ เขากลิ้งตัวไปรอบหนึ่งพร้อมยกมือขึ้นเพื่อหยุดอีกฝ่ายจากการตามมาซ้ำอีกรอบ
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง!! กูจะซ้อมมึงจนกว่าจะยอมรับเลย!!” วรุฒก้าวตามมาด้วยความรวดเร็วและเหวี่ยงขาอีกข้างมาปะทะและซ้ำที่เดิม แม้ชานนท์จะใช้ช่วงแขนปกปิดช่วงท้องแต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้น้อยลงเลย แรงปะทะครั้งที่สองทำให้เขากลิ้งไปตามบาทวิถีไปอีกหนึ่งรอบ

ชานนท์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่พอใจกับภาพที่เห็น วรุฒเดินตามมาอีกครั้ง ชานนท์รวบรวมแรงหันไปซ้ายและขวาเพื่อหาตัวช่วย แต่คงเป็นโชคร้ายของเขาที่ตอนนี้ไม่มีใครเดินผ่านทางนี้เลย ‘มันคงดึกเกินกว่าจะมีคนมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกาย’ เขาคิดด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
“มึง!! มานี่!! บอกมาพ่อกูใช้ให้มึงมาจับตากูใช่ไหม? แล้วพ่อกูมีแผนอะไรอีก” วรุฒยื่นมือไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายและดึงขึ้นมาเสมออกตัวเองเหมือนยกตุ๊กตาหมียัดนุ่นตัวใหญ่ มันดูเบาและง่ายดาย
“เรา...... เรา..... เราไม่ได้.....” ตอนนี้ชานนท์แทบไม่มีแรงตอบเพื่ออธิบายแล้ว หัวของเขามึนงงไปหมด
“มึง!  ยังไม่ตอบคำถามกูอีก!!!” วรุฒกำหมัดอีกข้างและเงื้อมือขึ้นสูง ภาพมันดูช้าและชัดเจน ชานนท์เตรียมรับความเจ็บปวดที่กำลังเข้ามาอย่างช้าๆ เขาหลับตาและทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2019 15:53:47 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“เฮ้ย!!” เสียงห้าวสากเสียงหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงของแข็งปะทะกันอย่างรุนแรง ชานนท์ไม่ได้ลืมตาดูสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้เพียงร่างกายไร้เรี่ยวแรงของเขากำลังไหลลู่หล่นไปตามแรงโน้มถ่วงและปะทะกับพื้นโลกอีกครั้ง

“หากมึงอยากจะมีเรื่อง ก็ให้หาเรื่องกับคนที่ตัวพอๆกันสิวะ” เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“ว้าย!! ตายแล้ว!! นนท์ เป็นไงบ้าง?!?” เสียงหญิงสาวที่เขาคุ้นเคย เสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ เขาจำเสียงนี้ได้ดี
“มึงเป็นใคร? สัด!! อย่างมายุ่งเรื่องของกู กูมีธุระที่ต้องสะสางกับไอ้เตี้ยสารเลวนี้!!”
“กูไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นสภาพคนโดนซ้อมขนาดนี้กูคงอยู่เฉยไม่ได้ว่ะ!!” เสียงฮีโร่คนนี้ดังกังวาลขึ้นในใจของชานนท์
“ดูสิเลือดออกเต็มหน้าเลย” เสียงหญิงสาวดังขึ้นใกล้ เขารู้สึกถึงมือที่พยุงตัวเขาขึ้นมาจากการนอนขนานกับพื้นโลก และรู้สึกถึงเนื้อผ้าหอมๆ ที่ซับทั่วใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา เสียงนี้เขาไม่มีวันลืม นางฟ้าของเขา ‘มายา’ เขาค่อยๆลืมตาหลังจากค้นพบว่าตนเองน่าจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
ชานนท์รู้ว่าเขานอนโดยศรีษะพักวางอยู่บนตักของมายาที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาเห็นเงาร่างสูงใหญ่สองร่างกำลังยืนประจันหน้ากันในระยะเฝ้าระวังกันและกัน

“พี่รุฒ!! ขอร้องใจเย็นๆ ก่อนได้ไหม?” มายาพูดเสียงแข็ง
“ไม่! มายด์ก็น่าจะรู้ว่าพี่เกลียดคนประเภทอย่างมัน ไอ้พวกนกสองหัว!!” วรุฒทำท่าจะย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยของชานนท์อีกครั้ง
“ใจเย็นก่อนเพื่อน กูไม่อยากให้มึงฆ่าคนตายต่อหน้ากูว่ะ”  ฮีโร่ร่างใหญ่ได้ก้าวเท้าเข้ามาขวางทำให้อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าลงและส่งเสียงไม่พอใจออกมาจากลำคอ
“พี่รุฒ! ฟังมายด์ก่อนนะ หากมันเป็นจริงมายด์จะไม่ห้ามพี่เลย” มายาพยายามอธิบายอีกครั้ง
“พี่รู้ว่ามายด์สนิทกับมัน ไม่ต้องไปแก้ตัวแทนมันอีก มายด์ไม่เห็นในสิ่งที่พี่เห็น!! พี่เห็นมันไปคุยลับๆล่อๆอยู่พ่อของพี่!!”
ชานนท์ฟังถ้อยคำของวรุฒอย่างระทึก แต่ก็แอบดีใจกับคำว่า ‘สนิท’ ที่วรุฒพูดถึง นี่เขาสนิทกับมายาอย่างนั้นเหรอ? แต่ลึกๆเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลามาดีใจในเรื่องแบบนี้ตอนนี้

“ก็ถึงบอกให้ฟังมายด์ก่อน!! มายด์เพิ่งไปเจอพ่อพี่โดยบังเอิญเมื่อครู่ ‘อาพจน์’ หงุดหงิดใหญ่เลยว่า ‘เจอไอ้เด็กโง่ อวดดี ไม่ยอมให้ความร่วมมือ’ มายด์แอบได้ยินว่าพ่อพี่รุฒจะสั่งสอนคนๆนั้นอยู่ มายด์คิดว่าต้องเป็นชานนท์แน่ก็เลยวิ่งตามหาจนมาเจอพี่รุฒเล่นงานเขาก่อนนี่แหละ!!” มายาอธิบายเสียงที่ดังไปทั่วบริเวณ โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ไม่งั้นเรื่องนี้ได้เป็นข่าวดังแน่ๆ หลังจบประโยคของมายา ก็เกิดสูญญากาศขึ้นมาทันที ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องจากที่ไกลๆ เสียงหญ้าโดนลมพัดเสียดสีกัน

“โธ่!! โว้ย!!” เสียงวรุฒตะโกนเสียงดัง
“พี่ยังไม่ไว้ใจมัน พี่จะจับตาดูมันต่อไป และหากมันมีพิรุธพี่ไม่เอามันไว้แน่ๆ!!” หลังจบประโยคของวรุฒ ชานนท์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงกระแทกพื้นคอนกรีตและค่อยๆไกลห่างออกไป ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้คลายจากอาการหนักอึ้งตึงเครียดไปในพริบตา
“เพื่อนเธอมันอารมณ์ร้อนแบบนี้เสมอเรอะ?” ชายร่างใหญ่ที่ยังยืนอยู่หันกลับมาถาม
“ไม่หรอกคะ เขาเป็นแบบนี้เวลาเป็นเรื่องพ่อของเขา ว่าแต่..... ขอบใจนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่อยู่ๆ ก็ลากคุณเข้ามายุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” มายาตอบกลับขณะที่เธอยังคงใช้สองมือสำรวจรอยพกช้ำของชานท์
“ไม่เป็นไร เห็นเธอวิ่งหน้าตื่นมาขอให้ช่วยเป็นใครก็คงวิ่งตามมาช่วยล่ะ เอ้อ... เรามีชุดปฐมพยาบาลในกระเป๋า....เอ่อ....” ฮีโร่ของชานนท์หันหน้าไปมาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง “อ้อ!! เราไม่ได้เอามานี่นา เราวางไว้ตรงม้านั่งใกล้ๆนี้ ก่อนเราซ้อมวิ่ง จู่เธอลากมาเราก็เลย... รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวกลับมา!!” ชายหนุ่มที่เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับคนตรงหน้า หลังพูดจบชายร่างสูงก็ก้าวเท้าออกไปพร้อมทำท่าวิ่ง แสงตรงจุดที่เขายืนไม่สว่างมากนักทำให้เห็นชัดเจนเพียงแค่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เท่านั้น ชุดกีฬาบาสเกตบอลสีส้มตัดขอบสีเทา
“เดี๋ยว.... เธอชื่ออะไรน่ะ” อยู่ๆมายาก็ถามคำถามแปลกๆไม่เข้ากับสถานการณ์ออกมา
“หลง! เราชื่อหลง” เขาหันหลังกลับมาตอบพร้อมกับวิ่งหายไปกับความมืดสลัวข้างหน้า


..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2019 15:54:26 โดย Shonennihon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าววว นนท์นี้โคตรซวยเลย อีรุตนี้เหี้ยจริง

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
วรุฒนี่ใช่พระเอกจริงป่ะเนี่ย :katai1:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 8

In a middle of nowhere


“เราชื่อ หลง นะ”  ชายร่างสูงโปร่งพูดขึ้นในขณะที่จัดแจงเอาชุดปฐมพยาบาลออกจากกระเป๋าสไตล์นีกกีฬาทรงกระบอก

“อ้อ...” มายาสะดุ้งเหมือนออกจากภวังค์ความคิดในขณะที่มือก็รับของจากมือของชายหนุ่มอย่างลนลาน
“เรากลัวเธอไม่ได้ยินตอบเราตะโกนเมื่อกี้” ชายหนุ่มตอบอย่างเก้ๆกังๆ
“อ้อ!! ได้ยินสิ ได้ยิน ขอโทษนะ เราใจไม่ดีเลยพอเห็นนนท์ใกล้ๆแบบนี้!” มายาถอนหายเฮือกใหญ่ “เราชื่อ มายา เรียกมายด์ก็ได้คะ แต่ไม่รู้ทำไมทุกคนเรียกชื่อจริงกันหมด” มายาพูดด้วยสีหน้าปนไปด้วยเลือดฝาด

“อาจเพราะชื่อมายา มันแปลกดีมั้ง แล้วก็มันก็ดูเหมาะกับคนสวยอย่างเธอมากกว่า” หลงพูดด้วยถ้อยคำและสีหน้าตรงไปตรงมา
“เหรอ.....คะ....” มายาตอบอย่างเอียงอาย แต่มือก็ยังทำหน้าที่ปฐมพยาบาลชานนท์ที่นอนหมดสภาพอยู่บนตัก ชานนท์เห็นบรรยากาศบทสนทนาแบบนี้ทำให้เขาหวนนึกไปถึงครั้งแรกที่เขาเจอกับมายา บรรยากาศมันต่างกันมาก หรือว่านี่เป็นสัญญาณที่เขาควรจะตัดใจอีกคน
“ขอโทษนะ เราอาจะพูดอะไรไม่เข้าท่า เลยทำเธออึดอัดเลย เรา..... แบบ... โดนคนอื่นว่าประจำเลยว่า ปากหมาไม่ค่อยมีหูรูด พูดอ้อมๆ ไม่เป็น” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทางขัดเขินไม่ต่างกัน ขณะที่พยายามช่วยอีกฝ่ายดูแลคนเจ็บอย่างชานนท์ แต่บรรยากาศแบบนี้ยิ่งทำให้ชานนท์อึดอัดปนอิจฉาขึ้นไปอีก

“เรียบร้อยแล้วล่ะ ดีนะโดนไปไม่กี่หมัด ส่วนใหญ่ไม่โดนหน้าด้วย หวังว่าคงไม่กระทบการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์กับประกวดเดือนคณะฯ นะ” มายาพูดขี้นขณะทยอยวางอุปกรณ์ทั้งหลายลงที่กล่องปฐมพยาบาลข้างๆ

“ไอ้เตี้ย ตัวเท่าลูกหมาเนี่ยนะ เป็นเชียร์ลีดเดอร์กับเดือนคณะฯ!!” หลงที่บอกว่าตัวเองปากสุนัขเริ่มแสดงฝีปากให้ประจักษ์ จนชานนท์อยากจะยกเท้าขึ้นประสานปากไอ้คนปากเสียตรงหน้าเสียจริง แต่ติดที่ตัวเองหมดสภาพและอีกคนก็เป็นผู้มีพระคุณ เลยได้แต่นิ่งไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า....” มายาแอบขำในลำคอและหลุดขำออกมาเฮือกเล็กๆ
“โหย...... มายาน่ะ” ชานนท์ที่รู้สึกดีขึ้นบ้างพูดเพื่อต่อว่าอากัปกิริยาตอบสนองของมายา
“โทษทีน่ะ... มันตรงใจนิดหน่อย.....”  มายาใช้มือตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ ชานนท์คิดสวนไปว่า ‘ใจร้ายจัง’ และพยายามเบ้ปากแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ได้แต่ร้องโอยด้วยความเจ็บปวดออกมาแทน
“เอ่อ...... ขอบใจมากนะ เดี๋ยวเราโทรตามรุ่นพี่ของนนท์ที่อยู่หอเดียวกันให้มารับ นายก็ไปวิ่งหรือไปทำธุระอะไรของนายต่อก็ได้นะ เราไม่กวนแล้ว” มายาพูดขึ้นพลางส่งอุปกรณ์ปฐมพยาบาลทั้งหมดคืนกับหลง
“เฮ้ย!! ไม่เป็นไร จะเราปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆตัวเล็กๆ อย่างเธอกับลูกหมาบาดเจ็บอยู่ในที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ได้ไง” ชานนท์ฟังหลงพูดเรื่องทางกายภาพของเขาอีกครั้งเขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอีกครั้ง (‘ทำบุญด้วยอะไรวะ เราจะได้ทำบ้างชาติหน้าจะได้สูงอย่างเขาบ้าง!!’ ชานนท์คิด)

“เอ้อ!!! เอาอย่างนี้ไหม? ไหนๆ เราก็ไม่ซ้อมวิ่งต่อแล้ว เดี๋ยวเราอุ้มไอ้หมอนี่ไปส่งที่หอให้ เธอบอกให้รุ่นพี่คนนนั้นไปรับหมอนี่ที่หอได้เลย!” หลงแสดงการให้ความช่วยเหลือกับทั้งสอง
“อืมก็ดีนะ งั้นตามนี่!” มายาตกลงแทบจะทันที

ชานนท์ถูกหลงอุ้มสูงขึ้นในท่านอนหงายโดยมีสองมือของหลงประคองไว้ที่หลังและช่วงเข่า และเริ่มเดินตามทางที่มายาเดินนำหน้าไป แสงไฟของถนนในระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้มองหน้าฮีโร่ของเขาชัดขึ้น หลงเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีแววตาซุกซนแบบเด็กๆ รูปหน้าและวงตาสองชั้นที่โตเป็นแบบคนไทยเชื้อสายจีน ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าไปเป็นดาราภาพยนตร์ที่ฮ่องกง ไต้หวันได้สบายๆ ทั้งที่ตัดผมทรงเกือบสกินเฮดแต่ก็ยังกดรัศมีความหล่อของไอ้สูงนี่ไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่มายาจะมีอาการขวยเขินแบบนั่น เพราะชานนท์เองก็ยังรู้สึกชื่นชมความหล่อของเขามากเลยทีเดียว ชานนท์ถูกอุ้มและเดินไปด้วยความเร็วระดับหนึ่ง เขาคิดว่ามันเป็นความเร็วเหมือนคนๆนี้ไม่ได้อุ้มเขามาด้วย เขาโดนโอบกระชับขึ้นทุกครั้งที่คนอุ้มเขาเดินเร็วขึ้นเขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นตุ๊กตายัดนุ่นตัวใหญ่ ความอบอุ่นของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสบายและเผลอหลับไปด้วยความเพลีย

..............................

“เฮ้ย!!! เกิดอะไรขึ้นวะ!!!!” พี่เอกร้องโวยวายขณะที่เจอชานนท์ในสภาพเหมือนกลับจากสนามรบและไปเหยียบทุ่นระเบิดมาที่ประตูทางเข้าหอพัก
“เรื่องมันยาวคะพี่ เอาเป็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุและเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยนะคะ” มายาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มได้ไม่เต็มที่
“เฮ้อ..... เดี๋ยวพี่ค่อยถามก็แล้วกัน เดี๋ยวพานนท์ขึ้นไปพักก่อน” พี่เอกพูดจบก็ยกมือขึ้นเพื่อขอรับตัวชานนท์จากหลง ตอนนี้เขาเหมือนตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ที่มีการส่งมอบกัน ชานนท์พยักหน้าให้หลงเป็นการขอบคุณ
“ขอบใจนะ..... เอ่อ.... นายเป็นใคร? ไม่คุ้นเลย” พี่เอกถามคนที่อุ้มชานนท์มาส่งหลังจากที่ชานนท์ได้ย้ายมาอยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว
“เขาชื่อหลงค่ะ... คือบังเอิญไปขอความช่วยเหลือเขาได้พอดี”
มายาพูดแทรกขึ้นมา ส่วนหลงได้แต่อมยิ้มตอบกลับมา
“อ้อ.... แปลว่าเพิ่งรู้จักกัน โอเคๆ ขอบใจอีกครั้งนะ ไม่ได้น้อง ช่วย น้องพี่คงแย่! ส่วนมายด์ เรามีเรื่องต้องคุยกัน!! พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พี่ขอจัดการไอ้ตัวเล็กนี่ก่อน ไปนะ” พี่เอกพูดจบก็หันหลังเดินเข้าหอพักทันที ส่วนชานนท์ทำได้แค่ยกมือขึ้นมาโบกเพื่อร่ำลาคนที่ช่วยเหลือเขาก่อนที่ภาพจะตัดมาเป็นช่องบันไดและพี่เอกที่กำลังอุ้มเขาขึ้นบันไดด้วยสีหน้าจริงจัง

ชานนท์ถูกพามาที่เตียงในห้องที่ไม่คุ้นเคย เขาค่อยๆรำลึกว่านี่คือห้องของพี่เอก เขากวาดตามองโดยรอบ เขาเห็นพี่เอกเดินไปมาในห้องพร้อมหยิบของเข้าออกจากจุดนั้นจุดนี้จนเริ่มตาลาย ตอนนี้อาการจุกเสียดต่างๆ บริเวณช่องท้องของเขาดีขึ้นมาก แต่ยังมีอาการเจ็บจี๊ดๆ ที่หน้าอยู่บ้าง

สติสัมปชัญญะของเขากระจ่างขึ้น เขารู้สึกดีขึ้นจนเขาอยากกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆของตัวเองเสียแล้ว

“พี่เอกครับ” เขาค่อยๆ พลิกตัวขึ้นมาพูด
“เอ็ง!! เอ็งนอนไปเลย!! ไม่ต้องพูดอะไร!!” พี่เอกชี้นิ้วมาสั่งชานนท์
“ผมอยากกลับห้องครับ” ชานนท์พยายามพลิกตัวขึ้นมานั่งทั้งที่สีหน้าแสดงข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
“นอนลงไปก่อน” พี่เอกวิ่งรี่มาเตียงพร้อมอ่างน้ำเล็กและผ้าสะอาดผืนเล็กลอยอยู่ในน้ำประมาณครึ่งอ่าง พี่พยายามกดตัวชานนท์ให้นอนลงขณะพูด ชานนท์เห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายเลยต้องยอมนอนลงไปที่เดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พี่เอกใช้ผ้าซับน้ำในอ่างที่วางอยู่ข้างตัว บิดพอหมาดมาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าและคอของชานนท์ และพยายามใช้มือค่อยๆเลื่อนมาเลิกเสื้อชานนท์ขึ้นมาเรื่อยๆ
“พี่เอกทำอะไร?” ชานนท์ยกมือขึ้นจับมืออีกฝ่ายเพื่อหยุดกิริยาที่อีกฝ่ายทำอยู่
“พี่จะช่วยเอ็งทำความสะอาดร่างกาย และทายาให้ไง” พี่เอกทำสีหน้าจริงจังใส่ชานนท์อีกครั้งจนเขายอมแพ้ปล่อยมือให้อีกฝ่ายเช็ดตัวให้แต่โดยดี
“อุ้ย!!.....” ชานนสะดุ้งเมื่อเจอผ้าหมาดเย็นสัมผัสผิวลำตัว
“เจ็บเหรอ โทษนะพี่ทำแรงไปเหรอ?” พี่เอกหยุดมือและถามขึ้นทันที
“ไม่ครับ ไม่เจ็บแต่มันเย็นมากเลยครับ”
“ให้พี่ไปต้มน้ำให้ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไหวครับ แค่ตกใจเท่านั้นเอง”
“โอเคๆ ถ้าพี่ทำเราเจ็บก็บอกนะ”
“ได้ยินพี่พูดแบบนี้แล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไม่รู้นะครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่เริ่มจะเขินเหมือนกันนะเนี่ย”
แล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกันเบาๆ ในคอ

“เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พี่ว่าเสื้อผ้าเอ็งมอมแมมขนาดนี้ จะให้นอนทั้งชุดนี้คงไม่ดี” พี่เอกพูดจบค่อยๆบรรจงถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของชานนท์ออก
“ขอโทษนะครับ หวังว่าผ้าปูที่นอนของพี่จะไม่เปื้อน” ชานนท์ขยับตัวลุกนั่งให้ความร่วมมืออย่างดีจนร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าในท่านั่ง ชานนท์รู้สึกเขินอายแบบแปลกๆ ทั้งๆที่เขาก็เคยอาบน้ำร่วมกับผู้ชายหลายครั้งสมัยเรียนรักษาดินแดน แต่การถอดเสื้อต่อหน้าพี่เอกมันให้บรรยากาศที่ต่างไป
“เปื้อนก็ซักได้!! เอ็งจะกลัวอะไร แล้วก็กางเกงด้วย เดี๋ยวพี่เอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” พี่เอกชี้ไปที่ร่างกายท่อนล่างของชานนท์ แต่เขาจับชายกางเกงไว้แน่นไม่ยอมถอดออกมา

“ไม่เป็นไรครับพี่!” ชานนท์ส่ายหน้า
“ไอ้บ้า! จะเขินทำไมผู้ชายด้วยกัน! ถอดออกมา มันเปื้อนฝุ่นไปหมดสกปรกจะตาย จะนอนทั้งอย่างนี้หรือไง!?!” พี่เอกจ้องตอบกลับมาด้วยท่าทางจริงจัง
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนที่ห้อง” ชานนท์ยังคงยืนยันหนักแน่น
“เอ็งไม่ต้องไปไหนหรอก นอนที่นี่นี้แหละ ขืนขึ้นไปใครจะดูแลเอ็ง ไอ้เพื่อนร่วมห้องเอ็งคงไม่สนใจเอ็งหรอก!!” พี่เอกพูดพร้อมจับมือของชานนท์ที่กำลังกำชายขากางเกงออก คำพูดของพี่เอกทำให้เขานึกถึงวรุฒ เพื่อนร่วมห้องเขา วรุฒในรูปแบบที่เกรี้ยวกราดแผ่รังสีอำมหิตจนเขารู้สึกกลัว เขาจึงยอมทำตามที่พี่เอกสั่งแต่โดยดี วันนี้เขายังไม่พร้อมที่จะไปที่ห้องของตัวเอง เขากลัววรุฒจะรอพบเขาเพื่อเคลียร์กับเขาเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง

“อะไรวะ! เราทำอะไรผิดตรงไหนวะ ทำไมต้องเกลียดกันขนาดนี้” ชานนท์บ่นพึมพำในลำคอขณะขยับตัวให้พี่เอกถอดกางเกงขาสั้นของเขาออกไปกองอยู่ที่พื้นข้างเตียง
“อะไรนะ?” พี่เอกถามขึ้น
“เปล่าๆ ครับ” ชานนท์พูดพลางพยายามใช้มือใช้แขนบังส่วนที่น่าอายของเขา
“เอ้าๆ ทำตัวตามสบาย พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า!!  ทิ้งมือไปข้างตัวสิ พี่เช็ดตัวให้เอ็งลำบาก!”  พี่เอกตำหนิชานนท์ที่ทำตัวเก้ๆกังๆ ขัดขวางงานเช็ดตัวของเขา ชานนท์จึงทำได้แค่ปฏิบัตตามเท่านั้น เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าต้องขึ้นไปห้องตัวเองตอนนี้ เขาทิ้งแขนทั้งสองข้างของเขาลงเผยให้เห็นกางเกงในทรงบรีฟสีขาวสะอาดตัวใหญ่

“ดูสิ! ผิวเนียนๆ ของเอ็งเสียหมดเลย จะหายทันวันแสดงไหมเนี่ย?!” พี่เอกบ่นไปขณะที่เช็ดตัวให้ชานนท์ไปด้วย
“วันแสดง?” ชานนท์เอียงหน้ามามองพี่เอกที่กำลังตั้งใจใช้ผ้าหมาดลูบไล้ตามตัวเขาอย่างละมุนละมอม โดยมีสายตาที่ชานนท์อธิบายไม่ถูกว่าพี่เอกคิดอะไรอยู่ พี่เอกดูจดจ่อและตั้งใจมองอย่างประหลาด เป็นสายตาที่เขามักเจอบ่อยๆกับพี่เอกในช่วงหลังๆนี้

“พี่เอก!!” ชานนท์ใช้เสียงที่ดังขึ้นอีกระดับ
“เอ่อ...เออ!! ก็วันที่ต้องแสดงเหมือนวันเชียร์จริง เพื่อดูแววเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปิดโหวตไง!!” พี่เอกเหมือนออกจากความเหม่อลอยนึกคิดบางอย่างก่อนจะตอบ
“พี่เอกผมเริ่มหน้าแล้ว ผมขอใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมครับ” ชานนท์เริ่มรู้สึกแปลกกับเหตุการณ์ตรงหน้าจึงพูดออกไป
“เอ้อ..... ได้สิ พี่ขอเช็ดให้เรียบร้อยก่อนอีกนิดนะ ช่วงแข้งของเอ็งยังมีแต่คราบดินคราบทรายอยู่เต็มเลย!” พี่เอกพูดจบก็รีบเแลี่ยนอริยาบทไปเช็ดตรงช่วงล่างของร่างกายชานนท์ต่อทันที เขายิ้มให้ชานนท์ก่อนจะเริ่มลงมือเช็ดตัวให้เขา
“แล้ว......แล้ว... เพื่อนร่วมห้องพี่จะเข้ามาตอนไหนครับ คือ หากเขาเข้ามาตอนนี้ผมคงอายแย่เลย” ชานนท์หาเรื่องคุยเพื่อให้พ้นจากสภาพที่น่าอึดอัด และหาตัวช่วยให้เขาพ้นจากสภาพเกือบเปลือยแบบนี้โดยไว

“โอ้ย!! เพื่อนพี่มันไม่กลับหรอกวันนี้ ไปหอแฟนมัน แฟนมันอยู่หอนอก” พี่เอกพูดขณะนำผ้าไปซักในอ่างและซับน้ำมาใหม่เพื่อเช็ดต่อ ชานนท์ยิ่งรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ยิ่งน่าอึดอัดขึ้นไปอีก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
หนีเสือปะจระเข้อีกละ สงสารนนท์จัง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่เอกดีกว่า วรุฒตั้งเยอะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“โอ้ย!! พี่!! จั๊กจี้ครับ” ชานนท์ร้องขึ้นมาเมื่อพี่เอกพยายามใช้ผ้าหมาดเช็ดขึ้นมาถึงต้นขาของชานนท์ ชานนท์พยายามเอื้อมมือไปห้ามมือพี่เอก
“ทนหน่อยนิดเดียว”  พี่เอกจับมืออีกฝ่ายให้หยุดยื้อและจับให้ทิ้งลงข้างตัว ส่วนพี่เอกก็ยังคงทำหน้าที่ตนเองต่อไป ทุกสัมผัสที่ผ้าลูบผ่านต้นขาทำให้เขารู้สึกจี๊ดและวูบวาบไปหมด เขาพยายามข่มไม่ให้ความรู้สึกพวกนี้มันเกินเลยไปเกินกว่าคำว่าจั๊กจี้ ไม่อยากไปปลุกไอ้ตัวน้อยข้างล่างให้มันตื่นในเวลาที่ไม่ควรแบบนี้ ตอนนี้เขาเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้วว่ามันเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไร

“เอ็งนี่มันน่ารักดีว่ะ หากไม่ป่วยนี่ พี่คง.........” พี่เอกยิ้มมาที่ชานนท์และมองอาการแอบเกร็งของมือชานนท์ในขณะที่พี่เอกกำลังเช็ดทำความสะอาดต้นขาอย่างแผ่วเบา แต่ประโยคของพี่เอกมันเบาเสียงจนชานนท์จับเป็นศัพท์ไม่ได้ที่ท้ายประโยค
“พี่เอกพูดว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร จะบอกว่าเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ไปหยิบชุดนอนให้นะ” พี่เอกพูดจบก็พุ่งตัวไปที่ตู้เสื้อผ้ามุมห้องทันที

...................................

“พี่เอกครับ..... เสื้อมัน......” ชานนท์พูดขึ้นหลังมองตัวเองใส่เสื้อผ้าที่พี่เอกจัดวางไว้ที่เตียง กางเกงบ็อกเซอร์ที่ดูใหญ่โคร่งแต่ก็สวมใส่ได้สบายแต่เสื้อยืดที่ให้มามันดูตัวใหญ่กว่าตัวเขามาก ชายเสื้อยาวจนเกือบถึงเข่าจนดูเหมือนเขาใส่ชุดนอนแบบผู้หญิง
“โทษทีๆ ชุดนอนพี่มีแต่เสื้อโอเวอร์ไซส์น่ะ พี่ขอบมันใส่สบายไม่อึดอัด” พี่เอกพูดพลางถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกและตามด้วยกางเกงอย่างรวดเร็ว พี่เอกที่มีสภาพเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเล็ก เดินไปมาทั่วห้อง ใบหน้าเหมือนมองหาอะไรอยู่
“เอ่อ.... เห็นผ้าเช็ดตัวพี่ไหม? สีเทาผืนใหญ่ พี่ว่าจะอาบน้ำ ลืมไปแล้วว่าวางไว้ที่ไหน?”
“นี่ไงครับ” ชานนท์ชี้ไปที่หัวเตียงเพราะเขาจำได้ว่าในช่วงแรกที่เข้ามาในห้องพี่เอกดึงจากราวตากมาพาดไว้ พี่เอกเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวในระยะประชิด
“เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะพาเข้านอนนะ”
“พี่ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“เออๆ ลืมไป ก็ตัวเท่าเด็กก็เลยคิดว่าเด็กไง”
“โห... ด่าว่าเตี้ยกันไปเลยดีกว่า!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” แล้วพี่เอกก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนชานนท์หลังจากสิ้นเสียงหัวเราะจากพี่เอกในห้องน้ำก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

..................


เสียงนกร้องกู่จิ๊บจิ๊บแทรกผ่านหน้าต่างกระจกที่เป็นช่องทางผ่านลำแสงสีส้มยามเช้าเข้ามาให้ห้องที่มืดสลัว ชานนท์ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการหลับไหล เมื่อคืนเขาหลับสนิทมาก เตียงพี่เอกนอนสบายและยังอบอุ่นมากด้วย เขาลืมตาขึ้นมาด้วยอาการหนักอึ้งไปทั้งตัว ‘นี่เราจะเป็นอัมพาตหรือเนี่ย?’ เขาคิดขึ้นมาขณะพยายามขยับแขนขาตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่มีความหนากว่าปกติ หลังความพยายามในครั้งแรกผ่านไป ชานนท์จึงพยายามขยับนิ้วมือ ปรากฎว่านิ้วมือและขาของเขาขยับได้ปกติ แต่ความหนักของแขนและขาของเขามันทำให้เขาแทบจะขยับไม่ได้เลย

ชานนท์พยายามกระพริบตาเพื่อไล่ความงุนงงงัวเงียออกจากหัว เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองมานอนค้างที่ห้องพี่เอก หรือห้องนี้จะมีสิ่งลี้ลับ! เขาจึงหันไปทางขวาที่เตียงอีกฝั่งหนึ่งก็ไม่พบใคร เขาจำได้ว่าพี่เอกจะไปนอนเตียงของเพื่อนร่วมห้องของเขา ‘พี่เอกหายไปไหน? แล้วใครจะช่วยเขาได้’ เสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง เขาหันไปทางซ้ายตามสัญชาตญาณ เขาก็พบสิ่งที่น่าตกใจไม่แพ้กัน สิ่งที่เขาเจอคือหน้าของพี่เอกในระยะประชิด!!

ชานนท์สำรวจตัวเองในอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เขาพบว่าตัวถูกหุ้มด้วยผ้าห่มหนาสองชั้นและมีพี่เอกนอนอยู่ข้างๆ และกอดตนเองไว้แน่น

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“อะไรฟะ! ร้องเสียตกอกตกใจแต่เช้า?” พี่เอกพูดเสียงงัวเงียและลืมตามองเขาเพียงครึ่งเดียว
“พี่เอกทำไมมานอนตรงนี้” ชานนท์พูดขึ้นพร้อมพยายามดิ้นให้หลุดจากอีกฝ่าย
“อ้าว! เออ!! อ้อ!! ก็เมื่อคืนเห็นเอ็งสั่นเป็นเจ้าเข้า พี่ก็นึกว่าเอ็งหนาวหรือไข้ขึ้น เลยเอาผ้าห่มมาให้เพิ่ม แต่เอ็งก็เต๊ะออกหมด พี่เลยมาช่วยกดผ้าห่มให้ พี่ขี้ร้อนอยู่แล้วก็เลยไม่ต้องห่ม” พี่เอกพูดจบก็พลิกตัวให้ชานนท์ที่ดิ้นอยู่ด้านล่างขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ร้องโอยจากอาการบาดเจ็บเมื่อวาน

“โอย..... แล้วพี่ต้องกอดผมเสียแน่นขนาดนี้!!?” ชานนท์โวยไปด้วยใช้มือจับช่วงท้องที่เจ็บไปด้วย
“พี่คงนึกว่าหมอนข้างเลยกอดเสียแน่นเลย โทษทีว่ะ แล้วเอ็งเป็นอะไรไปวะ แค่กอดนิดกอดหน่อย ผู้ชายด้วยกัน ไม่เสียหายเสียหน่อย”
“................” ชานนท์ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาคิดว่าเขาไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดใครนอกจากแม่ ถึงจะเป็นผู้ชายมันก็ไม่ควรเอากอดแรกของเขามาทำแบบนี้ เขากำลังตัดสินใจว่าจะโกรธหรือจะขอบคุณอีกฝ่ายดี
“เออ!! ทำเป็นบริสุทธิ์ไปได้!! ถึงเอ็งจะน่ารักยังไง ข้าก็ไม่ทำอะไรหรอก พี่น่ะต้องให้เต็มใจเท่านั้น!!”
“......... พี่พูดแบบนี้ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย” ชานนท์รู้สึกได้ว่าเขาคงทำสีหน้าแปลกๆ ออกไป เพราะรู้สึกว่าใบหน้าของพี่เอกที่พร่ามัว (ยังไม่ได้ใส่แว่นนี่นา) มีอาการยิ้มที่มุมปาก
“เฮ้ยๆๆ หรือว่าเอ็งยังเวอร์จิ้น!!  แม่งโคตรหายาก หน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยนะยังจิ้น!?!”
“.............” ชานนท์ทำได้แค่หน้าแดงและคิดไปว่า พี่เอกคงไม่เคยเห็นสภาพก่อนยกเครื่องของเขา ทั้งสิวเขรอะ ทั้งแว่นหนา  อีกทั้งวันๆก็ขลุกอยู่กับหนังสือในห้องสมุดทุกวัน ทุกวันนี้เขากล้าคุยกับคนอื่นขนาดนี้ก็อัศจรรย์แล้ว!!

“อืม.... น่าสนใจ”
“.............” อยู่ชานนท์ก็รู้สึกหนาวจนขนลุกซู่
“เฮ้ย!! อย่าทำหน้าแบบนั้นสิว่ะ พี่ไม่ล้อเอ็งแล้วก็ได้!!”
“ผมจะกลับห้องแล้ว” ชานนท์พูดห้วนสั้นตอบไปด้วยความไม่พอใจ
“จะรีบกลับทำไม แล้วใครจะดูแลเอ็ง?”
“ผมดีขึ้นแล้วครับ สายแล้วด้วยเดี๋ยวไปไม่ทันเพื่อนเข้าแถว” ก่อนแยกย้ายทำกิจกรรมของฝ่ายเชียร์ลีดเดอร์และฝ่ายกองเชียร์จะมีกิจกรรมละลายพฤติกรรมสนุกๆซึ่งเป็นช่วงที่ชานนท์ชอบที่สุดของวันเขาจะพลาดไม่ได้ ที่สำคัญใครไปสายจะโดนทำโทษจนอายกันไปทั้งวันเลยซึ่งชานนท์ขอไม่เอาด้วยเด็ดขาด
“ไอ้บ้า!! สภาพนั้นเนี่ยนะ แก้มเขียวปี๋เลย ไหนจะเจ็บตอนขยับตัวอีก พักสักสองวันก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปบอกไอ้พวกนั้นเอง!!”
“แต่เดี๋ยวผมตามคนอื่นไม่ทัน....”
“เชื่อพี่!! สปอนเซอร์เอ็งเป็นใครให้มันรู้เสียบ้าง”
“นั่นล่ะที่กลัว ผมได้ข่าวจากพี่คนอื่นๆ ว่า ช่วงพี่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ปีที่แล้ว โดดซ้อมบ่อยมาก ได้เป็นเดือนคณะฯ ได้ยังไงทุกคนก็งงอยู่”
“โห.... ไอ้พวกนี้แม่ง!! จำไว้พี่เอ็งเก่ง ไม่ต้องซ้อมมากก็ได้!!”
“นึกว่าจะพูดว่า ‘พี่หล่อพ่อรวย ใครๆก็รัก’ เสียอีก” ชานนท์ทำเสียงเข้มเลียนแบบฝ่ายตรงข้าม
“เออ ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ!!! นั่นก็จริง!! ขอบคุณที่เห็นด้วย!!” พี่เอกชี้นิ้วมาที่ชานนท์พร้อมทำเสียงเข้มเหมือนพิธีกรรายการทีวีชื่อดัง พอจบประโยคของพี่เอก ชานนท์ก็อดที่จะหัวเราะท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ แม้แต่คนพูดเองก็หัวเราะตามไปด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า.... ผมไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้เลยอ่ะ”
“ก็ถ้าไม่ใช่น้องพี่ก็ไม่ทำหรอก” ชานนท์รู้สึกได้ว่าพี่เอกรู้สึกตามที่พูดจริงๆ จากทำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกมา
“เวลาอยู่กับเอ็งแล้วรู้สึกอยากดูแลว่ะ”
“อืมม..... ขอบคุณครับ......” ชานนท์มีอาการขัดเขินขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“เอ้า! ว่าไง? จะอยู่ห้องพี่ก่อนไหม? เดี๋ยวพี่ออกไปบอกพวกมันให้ว่าเอ็งป่วย เดี๋ยวพี่กลับมาดูแลต่อ”
“ไม่ดีกว่าครับ เกรงใจ ผมกลับห้องดีกว่า นอนพักเฉยๆสักวันน่าจะดีขึ้น”
“ดื้อจริงเอ็งเนี่ย! โอเค! งั้นรอพี่ก่อน เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วพาเอ็งไปส่งที่ห้อง”
“โอเคครับ”
สิ้นเสียงชานนท์พี่เอกก็ลุกขึ้นขยี้ศรีษะชานนท์จนยุ่งและเดินผ่านหน้าชานนท์ไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ในสภาพบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋วสวมทับด้วยเสื้อตัวใหญ่โคล่ง บางทีพี่เอกก็มักแสดงท่าทางเด็กๆ ออกมาให้ชานนท์เห็นบ่อยๆ ซึ่งชานนท์ก็รู้สึกว่าชอบมุมนี้ของพี่เอกมากๆ

........................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2019 19:56:41 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด