ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านสำหรับคำชมนะครับ อยากรู้จังว่าใครเพิ่งเคยอ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรกครับ คือเคยโพสที่อื่นมาบ้างแล้ว แต่อยากลองโพสที่นี่บ้างอ่ะครับ ไม่รู้ว่าจะมีคนชอบกันไม๊ เผื่อพิมพ์ออกมาเป็นเล่มแล้วจะได้ถือว่าเป็นการโฆษณาไปด้วย อิ อิ
KATAWOOT -คนที่เลิกเ้จ้าชู้แล้วล่ะ (และไม่เคยเจ้าเล่ห์หลอกใครเลย)
บทที่ 6
เช้าวันถัดมา ตฤณมอบหมายงานใหม่ให้อนุภาพ เป็นโฆษณารถกระบะยอดนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศที่เพิ่งจะออกรุ่นใหม่
“ผมรู้ว่าคุณงานยุ่ง แต่โปรเจ็คนี้เรามีเวลาไม่มาก คุณฤดีก็ท้องสี่เดือน เริ่มจะทำงานช้าลง ผมให้อยากให้คุณช่วย”
“แต่งานแบบนี้ไม่ใช่สโตล์ผม” อนุภาพแย้งเสียงเนือยๆ
“ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบสไตล์แบบนี้ แต่ว่าผมมองไม่เห็นใครจริงๆ” เขาจ้องหน้าชายหนุ่มเหมือนจะอ้อนวอนแกมบังคับ...ตฤณรู้ว่างานโฆษณารูปแบบนี้อนุภาพไม่ถนัด
พักหลังๆ ตฤณมักจะมัดมืดชกอยู่บ่อยๆ อนุภาพเห็นใจฤดีที่คงไม่สะดวกถ้าต้องทำโปรเจ็คนี้ตอนกำลังเริ่มตั้งครรถ์ท้องแรก...อย่างน้อย...ฤดีก็เคยช่วยงานเขาหลายครั้ง
ตฤณอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นให้อนุภาพไปตามงานจาก AE และให้สรุปแผนดำเนินการภายในสามวัน
“แต่ผมมีโฆษณาบัตรเครดิตต้องพรีเซ้นท์ต้นอาทิตย์หน้า” อนุภาพแย้ง
“ผมรู้ว่าคุณทำได้…You are the best”
ตฤณชม ใช้ไม้ตาย อนุภาพยิ้มรับคำแล้วกลับออกมารายงานสัมบัติ
“ชมแบบบังคับทางอ้อม ฮ่องเต้สั่ง สนมก็ต้องทำ” สมบัติจีบปากจีบคอ
อนุภาพแย้ง “ผมไม่ใช่สนม”
“เออจริง ไม่ใช่สนม ลืมไป เขาอยากได้ยูเป็นฮองเฮา แต่ยูเล่นตัวเหลือเกิน ทำไมไม่เป็นเราวู๊ย...จะรีบพลีกายให้ฮ่องเต้” สมบัติหัวเราะเสียงระรื่น
“พี่บั๊ด เข้าเรื่องงานดีกว่า พูดเล่นอยู่ได้”
“เออ เออ งั้นบ่ายนี้เรียกประชุมเลยนะ concept ว่าไง” สมบัติเป็นงานเป็นการ
“ให้ภาพลักษณ์เข้าถึงประชาชน ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม ตัวแสดงเป็นตำรวจใช้รถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่สร้างคุณค่าให้ท้องถิ่น ไม่ว่าจะอยู่ใกลเพียงใด ตำรวจไม่ย่อท้อ แม้นอกเวลาราชการก็ยังช่วยเหลือประชาชนในงานอื่นๆ นอกเหนือจากงานประจำ” อนุพาพอธิบายคร่าวๆ
“โอ้โห ให้กรอบมาอย่างนี้เลยเหรอ นี่ creative เราเลยไม่ต้องใช้ความคิดอะไร”
“มองอีกอย่างก็ดีนะพี่บั๊ด ประหยัดเวลาเราตั้งเยอะ ให้ concept ที่ชัดเจนมาขนาดนี้ ก็ทำได้ง่ายขึ้น ที่จริงรับงานต่อจากฤดี ท้องสี่เดือนอาจไม่ไหว เวลามีเหลือไม่มาก คุณตฤณให้ฤดีไปทำงานเบา”
“แล้วให้เราออกไปทำโฆษณาลูกทุ่ง” สมบัติไม่ค่อยชอบออกต่างจังหวัด เขาชอบงานโฆษณาที่ถ่ายทำในสตูดิโอ หรือในกรุงเทพฯ หรือชิ้นที่มีตัวแสดงเป็นนายแบบวัยรุ่นไม่ก็ใช้ดาราหน้าตาดี
ในช่วงบ่าย อนุภาพประชุมวางแผนกับทีมงาน พจนีย์กับอธิปดีใจที่จะได้ออกต่างจังหวัด สองคนนั้นชอบเที่ยว อาทิตย์ได้รับหน้าที่สำคัญ คือ ควานหานายแบบจากโมเดลลิ่งมาแสดงเป็นตำรวจ ชายหนุ่มรับหน้าที่แบบเนือยๆ “ทำไมผมได้รับงานยาก โมเดลลิ่งที่เราใช้ประจำมีแต่นายแบบสวยๆ ทั้งนั้น”
ทั้งหมดหัวเราะก๊าก เพราะเป็นประเด็นที่เอามาล้อกันจนเป็นเรื่องสนุกประจำบริษัท
“ไม่แน่นะ ถ้าไม่ได้จริงๆ เราอาจใช้ตำรวจจริงที่เราสนิทสนมอยู่” สมบัติจีบปากจีบคอพูดลอยหน้าลอยตา
เมื่อเลิกประชุม สมบัติกระซิบกระซาบอนุภาพ “นักแสดงตำรวจไม่ต้องหาใครที่ไหน ยูมีคนใกล้ตัวอยู่ จีบผู้กองเป็นนายแบบสิ แบบว่าแลกกับค่าซ่อมรถ ฮิ ฮิ ประหยัดกว่าตั้งเยอะ”
“เจ๊ เลิกล้อเล่นได้แล้ว”
“นี่อยากเห็นน่าผู้กองยอดรักจังเลย ว่าจะหล่อล่ำน่าหม่ำขนาดไหน ท่าทางคงจะคมเข้มไม่เบา ห้าวๆ แมนๆ เท่ๆ... ฮื่อ...” สมบัติทำท่าฝันหวานเดินล่องลอยออกไปจากห้องประชุม
อาทิตย์รีบเดินเข้ามาคุยกับอนุภาพ
“พี่นุครับ เย็นนี้ผมไปส่งไหมครับ เห็นว่ารถยังอยู่ที่อู่” ชายหนุ่มยิ้มกว้างอวดฟันขาว
“ไม่เป็นไรอาทิตย์ พี่นั่งแท็กซี่ไปเดี๋ยวเดียวถึง อาทิตย์ไม่ต้องลำบาก” อนุภาพยิ้ม เริ่มเดินออกจากห้องประชุม
อาทิตย์เดินตาม “ผมไปธุระที่ทองหล่อ นัดเพื่อนไว้ ผมไปส่งพี่ไม่เห็นลำบากเลย แค่นี้เอง ไม่ต้องเปลืองเงินค่าแท็กซี่”
“เดี๋ยวเพื่อนรอ” อนุภาพพยายามหาเหตุผล
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ซีเรียส เพื่อนมันรอได้อยู่แล้ว นะครับ พี่นุ ผมอยากไปส่งพี่บ้าง” อาทิตย์รุก อนุภาพแปลกใจ วันนี้อาทิตย์ใจกล้ากว่าทุกครั้ง
อนุภาพนึกถึงคำพูดของสมบัติ “สงสารเด็กมัน ยูก็ทำบุญกับเด็กมันหน่อย ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของอาทิตย์”
อนุภาพรู้ว่าเขาปฏิเสธความหวังดีของอาทิตย์มามากแล้ว บางทีลองทำตามที่พี่บั๊ดแนะนำบ้างก็คงไม่เสียหาย แต่ใจหนึ่งเขากลัวอาทิตย์จะถลำลึกมากกว่านี้ว่าเขาเริ่มเปิดใจให้ เมื่อมีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม อาทิตย์อาจจะใจกล้ารุกคืบมากขึ้น
“หรือว่าพี่ไม่อยากให้ผมไปส่งจริงๆ” อาทิตย์ตัดพ้อ ตีหน้าเศร้า
“เปล่า พี่แค่ไม่อยากรบกวนใครเท่านั้นเอง” อนุภาพอธิบาย
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมแค่เห็นว่าไหนๆ ผมก็ไปทองหล่อ แล้วบ้านพี่ก็อยู่ถัดไปไม่กี่ซอย ผมก็เลย...” อาทิตย์ก้มหน้า
'อาทิตย์แกล้งตีหน้าเศร้า หรือเป็นจริงๆ' อนุภาพอดคิดไม่ได้ 'เอาเถอะทำบุญสักครั้ง อย่างที่พี่บั๊ดเพียรแนะนำ'
“งั้นก็ได้ แต่พี่ขอออกช้าซักสิบห้านาทีนะ” อนุภาพตัดสินใจ
“ครับๆ เดี๋ยวผมรีบไปเคลียร์งานก่อนนะครับ” อาทิตย์ระร่ำระรัก เปลี่ยนอารมณ์บนใบหน้า ยิ้มกว้างตาหยีเช่นเคย รีบเดินผลุนผลันกลับไปที่โต๊ะทำงาน
อนุภาพมองตามหลัง อาทิตย์เป็นชายหนุ่มที่น่ารัก จะว่าไปเขาไม่มีข้อบกพร่อง อาทิตย์ตั้งใจทำงาน เรียนรู้ได้เร็ว ทำทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัธยาศัยดี รูปลักษณะภายนอกไม่มีที่ติ--หน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าดาราวัยรุ่นบางคน ผิวขาว คิ้วเข้ม จมูดโด่งคม สาวแท้และสาวเทียมคลั่งไคล้เขากันทั้งนั้น เขาแสดงออกอย่างแจ้งชัดว่าชอบอนุภาพ
...แต่ทำไมเขาไม่เคยมีความรู้สึกวูบวาบเอาเสียเลย...อนุภาพเฝ้าถามตัวเอง
………………………….
เลิกงานอนุภาพเดินออกมาจากห้อง สมบัติยืนรอใกล้ประตูทางออก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แหมวันนี้ยูได้บุญเยอะนะ อาทิตย์กำลังปูพรมแดงรอหน้าบริษัทแล้วล่ะ ราชรถจอดเทียบอยู่โน่น” สมบัติบุ๊ยปากไปที่ลานจอดรถหน้าอาคาร
อาทิตย์ยืนรออยู่ข้างรถ หน้าตายิ้มแย้ม
“จะให้พ่อสุริยาน้อยมาช่วยถือของไหมอนุภาพ” สมบัติยังล้อเลียน
อนุภาพส่ายหน้า กล่าวอำลาเพื่อนรุ่นพี่แล้วเดินตรงไปที่ราชรถยี่ห้อเมอร์ซีเดสเบ็นซ์สีดำหรู
ฐานะที่บ้านของอาทิตย์มีอันจะกิน ไม่ต้องทำงานก็ดำรงชีวิตอยู่อย่างสะดวกสะบายเพราะคุณพ่อคุณแม่ตามใจลูกชายคนสุดท้องทุกอย่าง ‘ตี๋เข้ม’ อย่างอาทิตย์นั้นเป็นดาราได้สบายๆ แต่ชายหนุ่มต้องการหาประสบการณ์ทำงานด้วยตัวเอง เขาให้เหตุผลที่ทำงานที่บริษัทนี้เพราะว่า “ทุกคนดีกับผมเหลือเกิน”
แต่สมบัติเติม “โดยเฉพาะพี่นุ” แล้วหัวเราะคิกคัก
อาทิตย์บอกว่าเขาต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เขาใฝ่ฝันว่าสักวันจะเป็นเจ้าของบริษัทโฆษณา
“พี่นุหิวข้าวไหมครับ” อาทิตย์ยิ้มกว้างตามแบบฉบับ
อานุภาพส่ายหน้าแล้วบอกว่าตอนเย็นทานแค่สลัด ทำทานเองที่บ้าน แล้วต้องทำงานต่อ
“พี่นุพักบ้างนะครับ ผมเป็นห่วง” อนุภาพกำลังคิดว่าอาทิตย์เริ่มกล้าขึ้นมากกว่าเดิม
บางทีให้อาทิตย์ไปส่งเย็นนี้อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก คราวต่อไป อาทิตย์ต้องเซ้าซี้เขาอีกแน่ อาจจะกล้าแสดงออกอะไรต่ออะไรมากกว่าเดิม แต่เอาเถอะ แค่ให้ไปส่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก อย่างน้อยก็ไปส่งคอนโดหลอกๆ อย่างที่เขาทำกับผู้กองอธิคม
ผู้กองอธิคม...ภาพของนายตำรวจหนุ่มตัวดีผุดขึ้นในความคิด
อาทิตย์ชวนคุยตลอดทางที่ขับรถ ชายหนุ่มเป็นคนคุยเก่ง ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆ ไป อนุภาพคุยกับอาทิตย์ได้ยาวและหัวเราะอย่างสนุกสนาน ส่วนมากเป็นเรื่องตลกจากการที่ทำงาน
เมื่อถึงทางแยกกลางซอย รถคันหรูของอาทิตย์ชะงัก เพราะเป็นจังหวะเดียวกับรถสปอร์ตบีเอ็มดับลิวสีบรอนซ์คันงามโผล่ออกมาทางด้านซ้าย เขาเหยียบเบรกตัวโก่งพร้อมๆ กับรถอีกคัน กันชนหน้าของรถหรูสองคันจ่อชิดกันฉิวเฉียด โชคดีที่ไม่ชน อาทิตย์ถอนหายใจ
อนุภาพหันไปมองรถคู่กรณีโดยสัญชาติญาณ
...ผู้กองอธิคม... เขาอุทานในใจ
ผู้ชายตัวโตคนนั้นในที่นั่งคนขับ ใส่เสื้อสีขาว ยิ้มกว้างให้ ยักคิ้วแผล่บ ทำหน้าทะเล้น
อนุภาพกระพริบตาช้าๆ แล้วหันหน้ากลับมามองตรงไปข้างหน้า อาทิตย์ก้มหัวให้เป็นการกล่าวขอบคุณแล้วพุ่งรถไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
อนุภาพไม่รู้เลยว่านายตำรวจหนุ่มตีความหมายกิริยาของเขาว่า ‘ค้อน ทำเมิน ร้อนตัวที่เราเห็นว่ามากับหนุ่ม’
อนุภาพนึกถึงสมบัติ และคำแนะนำให้ ‘ทำบุญ’
เขาถอนหายใจเบาๆ ‘ทำบุญ’ วันนี้แทนที่จะได้บุญ กลับซวยจริงๆ เพราะเขารู้ว่านายตำรวจจอมกวนคนนั้นต้องเอาเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ที่ทางแยกไปยั่วเย้าเขาแน่ๆ
…. ...............
ทุกวันก่อนเที่ยง อนุภาพจะได้รับโทรศัพท์จากร้อยตำรวจเอกอธิคม โทรมารายงานถึงความคืบหน้าของการซ่อมรถ แล้วชวนเขาคุยเสียยืดยาวเรื่อง ‘อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุ’
ผู้กองช่างพูดบอกชายหนุ่มว่า “อย่าคิดว่ารถผมชนท้ายรถคุณสิครับ ขอให้คิดว่ามันคืออุบัติเหตุ…ไม่งั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดนะครับ ทำให้คนอื่นทุกข์ บาปนะคุณ”
...ตกลงเขาผิดหรือนี่...อนุภาพถอนหายใจแทบทุกครั้งที่เถียงกันเรื่องรถ
“ถก...อย่าเรียกว่าเถียงเลยครับ” คนเจ้าปัญหาเคยให้เหตุผล แล้วการสนทนาก็จบลงด้วยคำถามที่ว่าไปทานข้าวที่ไหน กับใคร
“สรุปแล้ว คุณไปทานข้าวที่เดิมๆ กับคนเดิมๆ ทุกวันเลยหรือ” นายตำรวจหนุ่มตั้งคำถาม
อนุภาพบอก ถ้าทานข้าวที่ไหนแล้วอร่อย บรรยากาศดี มีความสุข ไม่มีคนกวนใจ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยน
“ว้า สรุปแล้ว ก๋วยเตี๋ยวหน้าเซเว่นคงไม่อร่อย”
วันนี้ก็เหมือนทุกวัน โทรศัพท์บนโต๊ะของเขาดังขึ้นประมาณสิบห้านาทีก่อนเที่ยงขณะที่อนุภาพกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกรูปภาพของนายแบบ ร้อยตำรวจเอกอธิคมอยู่ในสาย น้ำเสียงรื่นเริงเช่นเคย เขาโทรมาสอบถามว่า อนุภาพเดินทางมาทำงานอย่างไร
“ผมกลัวว่าคุณจะเดินทางลำบาก” อนุภาพยังจำที่อธิคมพูดได้
“ขึ้นแท็กซี่ก็เปลืองเงินนะ แล้วขากลับมีคนไปส่งที่บ้านหรือเปล่าครับ...เราอยู่ซอยเดียวกัน คุณติดรถผมไปทำงานก็ได้ คิดราคาไม่แพง” เขาเสนอ
อธิคมวางสายไปแล้ว อนุภาพนั่งนิ่งมองโทรศัพท์ เสียงของนายตำรวจหนุ่มยังดังก้องอยู่ในหู ‘วันละสองร้อยบาทเอง ถ้าแวะหาอะไรทานก่อนกลับบ้าน ผมเป็นคนจ่ายก็ได้’...สองร้อยบาท...ค่าจ้างที่เขาคิดตอบแทนไปรับไปส่ง
ชายหนุ่มส่ายหน้า ทั้งฉุน ทั้งขำ...นี่เขาจะต้องคุยกับนายตำรวจคนนี้อีกนานเท่าไหร่...
--------------
อนุภาพลงจากแท๊กซี่ ก้าวฉับๆ เข้ามาในบริษัท เหงื่อผุดเต็มหน้า วันนี้อากาศร้อนกว่าปรกติ โชคร้ายนั่งแท๊กซี่ที่แอร์เกิดจะมาเสียกลางทาง ชายหนุ่มโยนวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะ และตัดสินใจว่าจะต้องโทรไปสอบถามที่อู่ เขาอยากรู้ว่าจะได้รถเมื่อไหร่
“โหพี่ ยังไม่เสร็จหรอกครับ นี่แค่อาทิตย์เดียว ยังต้องดึงตัวถัง ต้องเคาะ ต้องขัดสี แล้วอีกตั้งหลายอย่าง มันใช้เวลานะพี่”
อนุภาพเร่ง “เร่งไม่ได้เหรอช่าง ผมจำเป็นต้องใช้รถ”
น้ำเสียงอีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิด “ลูกค้าทุกคนต้องรีบทั้งนั้นพี่ ผมต้องทำตามคิว”
อนุภาพวางโทรศัพท์อย่างอ่อนใจ นึกถึงใบหน้ากวนๆ ของนายตำรวจหนุ่ม ถ้าไม่ถูกชนท้าย ก็ไม่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้ ไม่ต้องเอารถไปเข้าอู่ไกลแสนไกล
อนุภาพพาลนึกถึงอธิคมที่เกิดจะต้องขับรถมาชนท้ายเขา…
เหมือนจะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการที่จะต่อว่า มือถือของเขาดังขึ้น ปลายเสียงคือจำเลยตัวดีนั่นเอง
“วันนี้ผมถามที่อู่ เขายังซ่อมรถไม่เสร็จเลย” อนุภาพได้ทีต่อว่า
“โถคุณ นี่เพิ่งอาทิตย์เดียว ไม่เสร็จเร็วขนาดนั้นหรอกครับ” นายตำรวจหนุ่มแก้ตัว
“ก็ไหนคุณว่าอู่นี้รู้จักกัน จะทำให้เป็นพิเศษ”
อธิคมหัวเราะแหะๆ “อู่เขาคงมีรถเข้ามาเยอะ ก็เลยเร่งงานไม่ค่อยได้
“ผู้กองพูดเหมือนที่อู่เมื่อกี้เลย ผมเพิ่งโทรไป เขาพูดเหมือนกันอย่างนี้ล่ะ” อนุภาพประชด กระแทกเสียง
อธิคมรีบออกตัว “ก็ผมเพิ่งคุยกับอู่เหมือนกันนี่ครับ เฮียชัยบอกว่าจะรีบทำให้”
อนุภาพกลับ “ถามเมื่อไหร่”
นายตำรวจผู้กลายเป็นจำเลย เกาหัว อ้ำอึ้งตอบเสียงอ่อยๆ “เมื่อวาน แต่คุณไม่ต้องห่วง ถ้ารถไม่เสร็จภายอาทิตย์นี้ ผมแวะรับคุณไปทำงานก็ได้ บริการฟรี”
“ขอให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ผมไปทำงานเจ็ดโมงทุกวัน ผู้กองคงตี่นทัน” ชายหนุ่มประชด
“อ้าว มาหาว่าผมตื่นสาย” ปลายสายประท้วง “ตอนเช้าวันนั้นที่รถเราชนกัน…”
“คุณชนท้ายรถผม” อนุภาพแทรก แก้ไขคำพูดให้ถูก
“ครับๆ วันที่เกิดอุบัติเหตุผมชนท้ายคุณ…ตอนนั้นผมก็กำลังออกจากบ้านไปทำงานเหมือนกันนะครับ...เห็นไหม เราไปทำงานเช้าพอๆ กัน” เขาเน้นย้ำคำพูด ทำให้อนุภาพนึกขวาง...ใบหน้ายิ้มๆ ของเขาในมโนภาพทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาจงใจล้อเลียน
“วันนั้นไม่ได้เรียกว่าเช้า วันที่คุณขับรถชนท้ายรถผม ผมไปทำงานสายกว่าปรกติ... แปดโมงสามสิบห้านาที” อนุภาพเน้นคำพูดเหมือนกัน
“อ๋อ ตื่นสาย” เขาทำเหมือนเข้าใจ
“ไม่ใช่ ผมเพียงแค่ออกไปทำงานสาย”
“คนออกไปทำงานสายก็หมายความว่าตื่นสายสิครับ” เขายังท้วง
“ไม่ใช่...” อนุภาพลืมตัว...นี่เขาต้องมาเถียงเรื่องนี้ทำไม...ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่านายตำรวจจงใจพูดกวนอารมณ์
“เอาเถอะ ยังไงคุณก็มารับผมไปทำงานตอนเจ็ดโมงเช้าทุกวันไม่ได้หรอก ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ” ชายหนุ่มตัดบท ปรามาสว่าคนท่าทางเจ้าสำราญขี้เล่นอย่างเขาคงดีแต่พูดเล่นสนุกสนาน
“อย่าท้าผมนะ ผมไปรับคุณได้เจ็ดโมงตรงเป๊ะทุกวันจนกว่ารถคุณจะเสร็จ ถ้าผมทำไม่ได้ ผมยอมเติมน้ำมันรถให้คุณเป็นเวลาหกเดือน พนันกันไหมล่ะ” ปลายสายท้า
อนุภาพกรอกตา ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจที่รถนายตำรวจไม่มีประกัน ถ้ามีประกันชั้นหนึ่ง ป่านนี้ทุกอย่างก็จบ--เขาเอารถเข้าศูนย์ ประกันจ่าย ถึงเวลาก็ไปรับรถ ศูนย์ซ่อมรถยี่ห้อของเขาอยู่ใกล้บ้าน บริการรวดเร็วเยี่ยมยอด
ชายหนุ่มอดบ่นไม่ได้ “รถของคุณก็หรู ไม่มีประกันได้ยังไง ถ้ามีประกัน ป่านนี้ผมเอารถเข้าอู่ของผมได้แล้ว อยู่ในซอยใกล้บ้าน ไปนั่งเฝ้าทุกวันยังได้”
อธิคมรีบแก้ตัว “รถมันขาดประกันครับ ผมงานยุ่งไม่ได้ต่อ ใครจะไปรู้ประกันขาดสองสามวันก่อนไปชนท้ายคุณ”
“ช่างเถอะ ถือว่าเป็นเวรกรรมของผม” อนุภาพถอนหายใจ
“ผมว่าเป็นฟ้าลิขิตมากกว่า” อธิคมไหลไปตามน้ำได้เรื่อยๆ
อนุภาพนึกภาพไปหน้านายตำรวจหนุ่มที่ทำหน้ายิ้มๆ อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเขานึกว่า...จะมีสักครั้งใหม่ที่อธิคมขมวดคิ้วทำหน้าดุ...เพราะทุกครั้งที่พบ นัยน์ตาคมกริบนั้นก็เหมือนจะยิ้มได้ ทุกครั้งที่เขายั่วเย้า นัยน์ตาคู่นั้นเต้นระริกเหมือนจะพูดได้แทนปาก…
“ฮัลโหล ฮัลโหล” เสียงจากปลายสายดังขึ้น
อนุภาพรู้สึกตัวหลังจากลืมตัวไปชั่วครู่ ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณเขียนแผนที่ให้ผม แล้วต้นอาทิตย์หน้าผมจะตามไปเร่งที่อู่ ไปดูว่าทำไปถึงไหน เฮียชัยเขาคงเข้าใจผมบ้างล่ะ เขียนแผนที่แล้วส่งแฟกซ์มาที่...”
“คุณครับ ไม่ต้องขนาดนั้น แต่ถ้าคุณอยากไปดูจริง เดี๋ยวผมอาสาพาไป” นายตำรวจหนุ่มต่อรอง
“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร ผมจะโทรไปที่อู่ขอให้เขาส่งแผนที่มาก็ได้” อนุภาพไม่ง้อ
อธิคมรีบส่งเสียงมาตามสาย “เถอะน่าคุณ ผมพาไป สบายกว่าตั้งเยอะ ถึงจะมีแผนที่ แต่ถ้าหลงทางล่ะ แท๊กซี่ก็หาลำบาก จำไม่ได้เหรอ เกิดเจอฝนกลางทางแล้วเรียกแท็กซี่ไม่ได้ แท็กซี่พาหลง เดี๋ยวถูกลวงไปทำอะไรต่ออะไร ใครจะตามไปช่วย”
“บ้าเหรอ ผมเป็นผู้ชายนะ แท็กซี่จะมาทำยังงั้นได้ยังไง” อนุภาพฉุน
“ทำอะไร”
“ก็ทำอะไรอย่างที่คุณคิด...ทะลึ่ง” อนุภาพตอบ
“อ้าวคุณคิดทะลึ่งเหรอ...ผมหมายความว่าแท็กซี่ลวงไปปลดทรัพย์ ไปปล้นต่างหาก” อธิคมพูดเสียงจริงจัง “แล้วคุณคิดว่าอะไร”
อนุภาพหมดคำพูด “...”
อธิคมชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบายจนอนุภาพอ่อนใจกับเหตุผลสารพัดที่ผู้ช่วยเหลือสันติราษฏร์ยกขึ้นอ้างเจื้อยแจ้วอยู่ในสายโทรศัพท์
...คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องลำบาก นั่งรถไปอย่างเดียว แต่อาจต้องอดทนกับคารมคมคายของผู้ชายคนนี้สักหน่อย...
อนุภาพคิดไปหลายอย่าง จึงตกลงคิดเปรียบเทียบด้านบวกกับด้านลบแล้วก็เห็นว่าน่าจะเป็นการดีกว่าที่มีสารถีขับรถให้นั่ง
‘คนผิดก็ต้องรับผิดชอบสิ’
“ถ้ายังงั้น บ่ายวันเสาร์ก็แล้วกัน” อนุภาพนัดเวลา
อธิคมแย้ง “ผมว่า บ่ายวันทำงานดีกว่าครับ เพราะบ่ายวันเสาร์เร็วไป เมื่อวานนี้ งานที่เขาทำกับรถอาจจะยังไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน”
แต่อนุภาพแย้งว่า “บ่ายวันทำงานผมยุ่ง จะให้ลางานไปที่อู่หรือยังไง”
อธิคมต่อรอง “ก็คุณออกจากออฟฟิสเร็วขึ้นสักชั่วโมง ไปถึงอู่ตอนห้าโมง อู่เขาปิดหกโมงเย็น มีเวลาทัน”
อนุภาพไม่อยากไปเวลาฉิวเฉียดอย่างนั้น เพราะขากลับหมายความว่าจะเป็นเวลาอาหารเย็นตอนหกโมง และนายตำรวจหนุ่มคงหาข้ออ้างชวนแวะทานข้าวและยื้อเวลากลับเข้าเมืองช้าเหมือนครั้งที่แล้ว
“คุณไม่ต้องห่วง คราวนี้เราไม่ติดฝนรอแท็กซี่อีกแล้ว เพราะเราขับรถไปเองนี่ครับ” อธิคมรีบดักคออย่างรู้ทัน “แล้วสัญญาว่าคราวนี้ผมเลี้ยงอาหารดีๆ รับรองไม่เลี้ยงแค่ก๋วยเตี๋ยวหน้าเซเว่น”
พิลึกคน อธิคมกำลังอ่านใจเขาอยู่...อนุภาพนึกในใจ
ในที่สุดนายตำรวจหนุ่มก็สรรหาเหตุผลมาอธิบายให้อนุภาพฟังจนชายหนุ่มอ่อนใจ ตกลงว่าจะไปที่อู่ด้วยกันบ่ายวันพุธ เขาต้องออกจากออฟฟิสก่อนเวลาชั่วโมงครึ่ง ตอนบ่ายสามโมง
ทั้งที่งานยุ่งแต่อนุภาพก็ต้องไป...ไปให้เห็นกับตา
******************
ขอบคุณครับที่อุตส่าห์อ่านจนจบตอน อ่านแล้วคิดถึงคนเขียนด้วยเน้อ