ตอนที่ 4 : ตกลงไหม“อยากไปหาอะไรกินก่อนกลับไหม”
พี่เดียวถามพี่โชหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมว่าเพื่อนย่อมรู้จักเพื่อนดี พี่เดียวคงไม่อยากให้พี่โชอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อนต้องการแบบไหนจึงถามนำไปก่อน
“ไปกินแถวบ้านมึงไหมร้านเดิม เดี๋ยวกูแวะเล่มเกมด้วย” พี่นอร์ทเสนอความคิดเห็น ถึงพี่นอร์ทไม่ค่อยแสดงออกว่าเป็นห่วงแต่ผมว่าคงเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“เอาสิ” พี่โชพยักหน้า ผมเห็นพี่เดียวมีสีหน้าโล่งใจ คงพอใจที่พี่โชดูปกติดี แต่เพียงครู่เดียวพี่โชก็ทำท่าประหลาด
“เป็นอะไรวะ” พี่เดียวมองปฏิกิริยาแปลกๆ ของเพื่อนด้วยสีหน้างง พี่โชไม่ตอบคำถาม จับจ้องมาที่ผมด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ผมจะถามว่าไปด้วยได้ไหมครับ” ผมอดขำไม่ได้ ผมแค่ขยับเท้าเข้าไปหาก้าวเดียว พี่โชถึงกับสะดุ้ง ถอยเท้าหนีผมก้าวใหญ่
“แล้วมึงตกใจอะไรวะ” พี่นอร์ทมองเพื่อนด้วยความสงสัย
“จะไม่ตกใจได้ไงวะ เมื่อกี้จู่ๆ เจ้าเด็กเพี้ยนนี่ก็เดินเข้ามากอดกู”
“หะ!” พี่นอร์ทหันมามองหน้าผม ที่เตรียมพร้อมด้วยการยิ้มแฉ่งรออยู่ “กอด เรากอดไอ้โชเหรอ”
“ใช่ครับ แต่ผมกอดแบบนี้” เป้าหมายของผมอยู่ใกล้สุดนั่นคือพี่เดียว ผมโอบมือไปรอบตัว รัดไปทั้งแขน ไม่ได้สอดมือเข้าไปกอดเอว ไม่ได้เอาหน้าซบอก ทำเหมือนกับที่กอดพี่โชทุกอย่าง ผมรัดพี่เดียวแน่นๆ หนึ่งทีแล้วปล่อยออก “นี่ไง ผมอยากให้กำลังใจนักกีฬาเฉยๆ”
“โธ่ไอ้โชเล่นเอากูตกใจหมด แบบนี้เขาไม่เรียกว่ากอดหรอกโว้ย กูนึกว่ามาสิบแปดบวกกันแถวนี้”
“ใช่ ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยครับ” ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วย พี่โชมองผมด้วยสายตาเหลืออด
“งั้นวันหลังมึงก็เอากำลังใจไป กูไม่ต้องใช้”
“โห” ผมออกเสียงประท้วง “เจ็บนะเนี่ย เจ็บจี๊ดเลย” ผมยกมือกุมอก
พี่เดียวถึงกับหลุดขำ ดูจะชอบใจอาการปากยื่นปากยาวของผมมาก “มึงต้องเจอแบบนี้ จะได้รู้ว่าพูดจาใจร้ายแค่ไหน”
“ใช่พี่ ใจร้ายมากด้วย” ผมพยักหน้าเออออทันที
พี่โชถลึงตาใส่ผมผมเลยแกล้งทำท่าหัวหด คนอื่นหัวเราะกันใหญ่กับสงครามเล็กๆ ระหว่างผมกับพี่โช
“จะกอดพี่ก็ได้นะพี่ใจดี ไม่ใจร้าย” พี่เดียวมองผมยิ้มๆ ถือโอกาสแซวเพื่อนไปในตัว จอมขวัญได้ทีสะกิดแขนพี่เดียวเบาๆ “หนูกอดได้ไหมคะ กำลังใจหนูมีล้นเลย”
“ฮ่าๆ” พี่เดียวหัวเราะขำ ดึงจอมขวัญเข้ามากอดทีหนึ่ง ดูจากสีหน้าแล้วเพื่อนผมคงฟินน่าดู
“ตกลงจะกินข้าวไหม ถ้าไม่กินกูจะได้กลับเลย” เสียงห้วนๆ ดังขึ้น ดูเหมือนมีคนไม่ขำอยู่หนึ่งอัตรา
“กินสิวะ อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย โมโหหิวหรือไง” พี่เดียวพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ ท่าทางสบาย ไม่ได้รีบร้อนตามเพื่อน
“แต่กูว่าไปเลยก็ดีนะกูหิวแล้ว” พี่นอร์ทเอนเอียงไปทางพี่โชเพราะความหิว ทุกคนจึงพร้อมใจกันหยิบข้าวของส่วนตัวขึ้น ยังไม่มีใครอนุญาตให้พวกผมไปด้วย แต่จากการไม่ปฏิเสธผมขอโมเมว่าไปได้
“ขอบใจนะ” เสียงพูดเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน ผมหันไปมองคนที่ลดฝีเท้าลงมาเดินข้างๆ
“เรื่องอะไรครับ”
“หึๆ” พี่เดียวไม่ตอบผม มีเพียงสายตาอ่อนโยนที่แทนคำขอบคุณได้ดี
“โชมันไม่ได้เป็นแบบที่เห็น บางคนก็มีเกราะป้องกันตัวเอง”
“ผมรู้ครับ”
พี่เดียวหันมามองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ ผมยิ้มใส่ดวงตาคู่นั้น
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าเรื่องอะไร แต่รู้ว่าคนที่มีสายตาแบบนั้นคงผ่านอะไรมามาก”
“อืม” พี่เดียวเงียบไป สายตามองตรงไปยังแผ่นหลังของเพื่อน
“ลี”
“ครับ”
“อาจจะฟังประหลาดไปสักหน่อยแต่..ถ้าเป็นไปได้พี่ฝากโชด้วยนะ”
ผมยิ้มกว้างเข้าใจความหมายของพี่เดียวทันที “ไว้ใจผมได้เลยครับ พร้อมตั้งคณะตลกทุกเวลา”
“ฮ่าๆ”
ผมยิ้มกว้างตามเสียงหัวเราะของพี่เดียว ร่างสูงที่เดินอยู่ด้านหน้าหันมามองพวกเราแวบหนึ่งเพราะเสียงหัวเราะของพี่เดียวก่อนหันกลับไป ผมมั่นใจในสิ่งที่รับปากพี่เดียว ถึงความคิดความฉลาดผมอาจมีไม่เยอะ แต่เรื่องความสดใสผมมีไม่แพ้ใครแน่นอน
• • • • • • • •
“โชกูชวนน้องไปบ้านมึงด้วยได้ไหมวะ”
ผมแอบได้ยินพี่นอร์ทถามพี่โชระหว่างเดินออกจากร้านอาหาร ผมลุ้นจนเกือบเดินสะดุดขาตัวเองกว่าพี่โชจะพยักหน้าอนุญาต
“พี่จะแวะบ้านโชก่อน สนใจกันไหม”
“สนครับ” ผมตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“เราสองคนล่ะจะแวะไหม ถ้าไม่สะดวกพี่วนรถออกไปส่งก่อนได้นะ” พี่เดียวถามจอมขวัญกับนะโมซึ่งก็ได้คำตอบเดียวกันคือสะดวก ไม่รีบไปไหน
ผมเดินผ่านประตูเข้าไปยังห้องรับแขก บ้านของพี่โชสะอาดสะอ้าน ตกแต่งเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ไม่มากชิ้นนักด้วยพื้นที่อันจำกัดของทาวน์เฮ้าส์ แต่ก็ถือว่าดูดีระดับหนึ่ง
ผมเห็นรูปที่ติดโชว์อยู่บนผนังห้องเลยอดเดินไปดูไม่ได้ เป็นรูปครอบครัวพ่อแม่ลูกและรูปพี่โชเดี่ยวๆ ตั้งแต่เด็กไล่จนถึงโต ผมสังเกตว่าบ้านที่ถ่ายในภาพไม่ใช่บ้านหลังนี้ เพราะดูใหญ่โตโอ่โถงกว่ามาก อีกทั้งรูปที่ดูใหม่หน่อยกลับมีเฉพาะพี่โชกับแม่ ผมเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ แม้จะแอบคาดเดาไปล่วงหน้าว่าหรือคุณพ่อพี่โชจะไม่อยู่ด้วยแล้ว
“รับ” ผมรีบเดินไปนั่งที่โซฟาเมื่อพี่โชเดินลงมาจากชั้นบน ในมือมีอุปกรณ์เกมมาส่งให้พี่นอร์ท
“ใครสนใจจะเล่นเกมกับพี่” พี่นอร์ทหันมาเรียกพวกผม
“ผมครับ” นะโมเสนอตัวก่อนใคร เพราะชอบเล่นเกมเหมือนกัน
“พวกมึงนั่งเล่นไปก่อนเดี๋ยวกูลงมา”
“เออ” พี่นอร์ทตอบรับโดยไม่หันไปมองพี่โช เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการต่อเกมเข้ากับจอโทรทัศน์ ผมนั่งมองคนอื่นเพลินๆ จนปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา
“ห้องน้ำอยู่ตรงไหนครับ”
“เดินตรงไป เลยบันไดทางขึ้นชั้นบน อยู่ถึงก่อนครัว” พี่เดียวเงยหน้าจากนิตยสารที่เปิดอ่านขึ้นมาตอบ ผมพยักหน้ารีบลุกเดินตรงไปตามที่อีกฝ่ายบอก
ผมเดินผ่านบันไททางขึ้นชั้นบน ได้ยินเสียงหงุดหงิดของพี่โชแว่วลงมาแต่จับใจความไม่ได้ ผมเดินต่อไปยังห้องน้ำ นึกสงสัยว่าเป็นเรื่องเดิมหรือเปล่านะ
หลังจากผมออกมาจากห้องน้ำ พี่โชนั่งอยู่ที่โซฟา ชุดนักศีกษาถูกเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มขายาว ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่นั่งให้กับตัวเอง ก่อนตัดสินใจนั่งลงข้างโต๊ะรับแขก ใกล้กับนะโมที่นั่งเล่นเกมอยู่กับพื้นห้อง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะสั่นเบาๆ แต่ไม่มีเสียงเรียกเข้า ผมอดมองไม่ได้เพราะนั่งอยู่ใกล้สุด เจ้าของโทรศัพท์นั่งเฉยคล้ายไม่ได้ยินเสียงสั่น ผมกลัวว่าพี่โชจะไม่รู้ว่าโทรศัพท์เข้าจึงหันไปบอก
“พี่โชครับมีคนโทรมา”
เหมือนพี่โชไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังหน้าจอโทรศัพท์ สีหน้าครุ่นคิด เมื่อผมแน่ใจว่าพี่โชเห็นแล้วจึงหันหลับไปนั่งตามเดิมโดยไม่เรียกอีกฝ่ายซ้ำ
“ขวัญจะออกไปซื้อขนมตรงร้านหัวมุม มีใครเอาอะไรไหมคะ” จอมขวัญหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ กวาดสายตามองทุกคน
“เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” ผมแปลกใจที่พี่โชเอ่ยปาก ร่างสูงลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ขวัญออกไปเอง” จอมขวัญรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“นั่งเล่นไปเถอะพี่ไปซื้อเอง ลีไปช่วยพี่ถือของหน่อย”
“ครับ!” ผมถึงขั้นตะลึง พี่โชชวนผมไปซื้อของ หูฝาดไปหรือเปล่า
“ลุกสิ”
“อ๋อ ครับๆ” ผมเงอะงะรีบลุกขึ้นยืน รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
พี่โชไม่พูดอะไรต่อ เดินนำผมออกไปจากบ้าน ผมเดินตามไปเงียบๆ จนถึงร้านขายของชำ พี่โชบอกให้ผมหยิบขนมให้เพื่อน ส่วนตัวเองไปหยิบเครื่องดื่ม
เราเดินตามกันออกจากร้านเงียบๆ เหมือนขามา ผมเริ่มทำใจแล้วว่าเราคงไม่ได้คุยกันสักคำ
“พี่โช” ผมเรียกด้วยความแปลกใจ เมื่อพี่โชเปลี่ยนเส้นทางข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามบ้าน จนผมต้องรีบข้ามตามไป พี่โชเดินตรงไปยังชิงช้า วางของลงที่มุมเสาก่อนนั่งลง
“นั่งก่อนสิ”
“ครับ” ผมวางของไว้กับของพี่โช ก่อนตามไปนั่งข้างๆ
ผมไกวชิงช้าไปมาช้าๆ รอให้อีกฝ่ายพูดแต่พี่โชเงียบมาก จนผมคิดว่าหรือพี่โชอยากนั่งคิดอะไรคนเดียว ผมจึงตัดสินใจไม่กวน
“เรามีแฟนหรือยัง”
“ครับ!” ผมหันไปมองด้วยสายตาแปลกใจ พี่โชมองผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาของเราจึงสบเข้าด้วยกันอย่างจัง “ไม่มีครับ” ผมส่ายหน้าไปมา
“เป็นแฟนพี่ได้ไหม”
“อะ..อะไรนะครับ!” ผมเกือบตกจากชิงช้า ดวงตาสองข้างเบิกโพลง ละล่ำละลักถามซ้ำให้แน่ใจ
“พี่ถามว่าเป็นแฟนพี่ได้ไหม”
“พี่โชชอบผมเหรอ!” ผมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หัวใจเต้นตุ๊บตั๊บ เลือดลมสูบฉีดดีเหลือเกิน
เสียงถอนใจหนักๆ ดังขึ้น นิ้วชี้ถูกจิ้มเข้ามาที่กลางหน้าผากของผม “เพี้ยนหรือไง”
“อ้าว!” ผมยกมือขึ้นคลำหน้าผากป้อยๆ “ก็พี่โชขอคบกับผมเอง”
“ไม่ได้ขอคบ หมายถึงช่วยเป็นแฟนพี่ชั่วคราวได้ไหม”
“ไม่ค้างคืนเหรอ” ผมถามตาเป็นประกาย ริมฝีปากยกรอยยิ้มล้อเลียน แต่สีหน้าของอีกฝ่ายนิ่งสนิทจนผมต้องเป็นฝ่ายหัวเราะแห้งๆ ออกมา “ไม่เล่นก็ได้ครับ”
“สะดวกไหม”
“เหมือนชวนไปธุระเลยเนอะ” ผมว่าจะไม่แซวแล้วเชียว แต่มันอดขำไม่ได้
“ช่างมันเถอะ” พี่โชลุกขึ้นยืน คนอะไรขี้น้อยใจชะมัด
“เดี๋ยวครับ” ผมคว้ามือของพี่โชเอาไว้ คนตัวสูงหันกลับมามอง ผมรีบส่งยิ้มกว้างไปให้
“ผมว่าง เป็นให้ก็ได้ครับ”
“หึ” พี่โชหลุดขำออกมาสีหน้าดุดันเมื่อครู่คลายออก
“ว่าแต่พี่โชจะให้ผมเป็นแฟนทำไมครับ หรือว่ามีปัญหาสาวเกาะติดไม่ปล่อย”
“เปล่า”
ผมรอให้พี่โชเล่า แต่อีกฝ่ายกลับเงียบไม่ยอมพูดอะไร จนผมต้องเป็นคนถามนำขึ้นมา
“แล้ว?”
“วันเสาร์นี้ว่างไหม”
“ว่างครับ”
“ไปธุระกับพี่หน่อย”
“ก็ได้ครับ” ผมพยักหน้า รู้เองโดยอัตโนมัติว่านัดครั้งนี้ต้องเกี่ยวกับเรื่องที่พี่โชขอผมเป็นแฟนแน่ๆ “ตกลงพี่โชยังไม่อยากบอกผมใช่ไหมครับว่าเพราะอะไร งั้นก็ไม่เป็นไรครับ ไว้เมื่อไหร่อยากบอกค่อยบอกก็ได้...อะไรครับ?” ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าพี่โชมองหน้าผมแปลกๆ
“ปล่อยมือได้แล้วมั้ง”
“เอ้า! นึกว่าแฟนกัน” ผมหัวเราะขำ รีบปล่อยมือพี่โช ลืมไปเลยว่าผมจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ สีหน้าพี่โชกึ่งบึ้งกึ่งขำ เหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับผมดี
“จะเข้าบ้านเลยไหมหรืออยากนั่งเล่นก่อน”
“จำได้ด้วยว่าผมชอบนั่งชิงช้า” ผมยิ้มด้วยความดีใจ พี่โชมองผมนิ่ง นิ่งจนผมอดก้มลงมองตัวเองไม่ได้ เมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติจึงถามออกไปตรงๆ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“นายมีความสุขง่ายเกินไปไหม เรื่องแค่นี้ต้องดีใจด้วย”
“ดีใจสิครับ” ผมส่งยิ้มให้กับพี่โช “ความสุขผมว่ายิ่งง่ายยิ่งดี”
“....”
“กลับเข้าบ้านเลยดีกว่าครับ” ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าพี่โชไม่พูดอะไร เดินไปหยิบของที่วางไว้ขึ้นมา
“ขอบใจนะที่ช่วย”
“ขอบคุณครับที่ขอให้ช่วย” ผมส่งของส่วนหนึ่งให้พี่โช ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เหมือนเรื่องที่เราคุยกันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
พี่โชมองหน้าผม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆ ผมจึงส่งยิ้มกว้างไปให้ “ไม่ต้องถามครับว่าทำไม เพราะผมไม่บอกเหมือนกัน”
“เราคิดว่าทำไมพี่ถึงเลือกขอให้เราช่วย”
“เพราะผมเพี้ยนพอจะรับปาก”
“หึๆ”
“ตอบถูกแน่เลย” ผมย่นจมูก คิดอยู่แล้วเชียว
พี่โชไม่ตอบคำถาม แต่ใบหน้าเคร่งขรึมปรากฏรอยยิ้มขำ ดวงตาเป็นประกาย ร่างสูงก้าวเท้านำผมข้ามถนน ผมมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ
วันนี้เป็นแฟนหลอกๆ ไปก่อนเนอะ เดี๋ยวสักพักค่อยหลอกมาเป็นแฟนจริงๆ
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ขออนุญาตแจ้งข่าวค่า บลูมารักจะเปิดขายในงาน ONE SENSE DAY ครั้งที่ 1 มีเล่มพิเศษไค&กรมแถมให้ด้วยค่ะ
ณ หอประชุม สมาคมนายทหาร กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (สนามเป้า)
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. ค่ะ ใครวางคนเขียนฝากมาจ๋ากับหมูบลูด้วยนะคะ
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin