ตอนที่ 8
...........จำใจจาก...........
หลังจากที่ขอเชิงบังคับบุตรชายหมั้นหมายกับแม่หญิงที่ตนเลือก คุณหญิงแย้มก็พยายามจักเป็นแม่สื่อ โดยการชักชวนให้คุณหนูพริ้ง คู่หมั้นหมายของบุตรชายมาที่เรือนอยู่เป็นเนื่องๆ ด้วยหวังว่าบุตรชายจักเห็นความน่ารัก เพียบพร้อมของคู่หมั้น
แต่สิ่งที่คุณหญิงมิคาดคิดก็คือ คุณหลวงหนุ่มมิเคยจักอยู่เรือนให้พบหน้า ด้วยหน้าที่การงานในความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ทำให้คุณหลวงนั้นต้องเดินทางออกนอกพระนครมิใคร่ได้อยู่ในกรม แลมิได้กลับเรือนแต่วันเหมือนอย่างเดิม
หากจะให้คุณหนูพริ้งรั้งรออยู่ที่เรือน ก็เกรงจักค่ำเสียเกินไป แม้นว่าจักหมั้นหมายกันแล้ว แต่การที่แม่หญิงจักมาอยู่เรือนชายจนเย็นย่ำ ก็มิงามนัก
“ ลูกกราบลาคุณหญิงแม่เจ้าค่ะ เพลาหน้าหากมีโอกาสลูกจักมาเยี่ยมเยือนอีกครา ”
“ พ่อเต้ก็ก็กระไรนัก มิเคยจักอยู่ติดเรือน น้องมาเรือนก็มิเคยพบหน้า ”
“ คุณหญิงแม่อย่าโกรธเคืองพี่เต้เลยเจ้าค่ะ การที่พี่เต้รับผิดชอบนั้นมิอาจจักละทิ้งได้ พริ้งเองยังอดเห็นใจพี่เต้มิได้ ”
“ ถึงกระนั้นก็เถิด พ่อเต้ก็มิควรปล่อยให้แม่พริ้งมานั่งรอเยี่ยงนี้ ”
คุณหญิงแย้มสนทนากับแม่พริ้ง ก่อนที่แม่พริ้งจักกราบลากลับเรือน คุณหญิงพิมที่นั่งอยู่ด้วยนั้นก็มิได้เอ่ยขัดกระไร เมื่อคู่หมั้นหมายของคุณหลวงหนุ่มเข้ามากราบลา
“ เจ้าคุณพี่ แลพี่หญิงพิมเองก็ให้ท้ายพ่อเต้ยิ่งนัก มิห้ามปราบพ่อเต้เสียบ้างเล่าเจ้าคะ ”
คุณหญิงแย้มหันกลับมาหาความกับคุณหญิงพิมเสียแทน หลังจากที่ส่งคุณหนูพริ้ง ลงเรือกลับเรือนตนไปแล้ว
“ แม่แย้มจักให้ฉันปรามกระไรพ่อเต้เล่า พ่อเต้ก็บอกแม่แย้มไว้ก่อนแล้วมิใช่รึว่า ยังมิพร้อมที่จะมีคู่หมั้นหมาย ด้วยเกรงว่าจักมิสามารถดูแลได้ ”
“ คุณพี่หญิง ”
คุณหญิงพิมย้อนความคราเมื่อคุณหลวงอภิบาลบริรักษ์ มิยินดีจักหมั้นหมาย ด้วยภาระการงานที่เพิ่มขึ้น แลยังมิอาจจักวางมือได้
“ น้องมิคุยกับคุณพี่หญิงแล้ว ช่างให้ท้ายพ่อเต้เสียจนลูกมิยอมฟังน้องเลย กราบลาเจ้าค่ะ ”
ว่าจบคุณหญิงแย้มก็สะบัดหน้าหนี เดินลงจากเรือน กลับเรือนของตน คุณหญิงพิมจึงส่ายหน้าอย่างระอาเสียแทน
ย่ำค่ำเรือมาดเข้าเทียบท่าน้ำหน้าเรือน คุณหลวงหนุ่มก้าวขึ้นจากเรือ ขันเงินใส่น้ำลอยดอกมะลิหอมเย็น ส่งให้ถึงมือ ตามด้วยผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเหยาะน้ำอบ กลิ่นหอมอ่อนๆ
เต้มองคนที่ส่งให้ตนด้วยแววตารักใคร่มิปิดบัง ด้วยที่ตรงนี้มิมีใครอื่นนอกจากบ่าวที่ไว้ใจได้ของเรือนริมน้ำ
ตี๋ก้มหลบสายตาพราวระยับ ดวงหน้าขึ้นสีระเรื่อ จักให้ผ่านมานานเท่าใด เขาก็มิเคยชินเสียที กับสายตาหยอกเย้าของคุณหลวงหนุ่ม
“ วันนี้เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ ”
“ หนักเอาการเชียว ชาวเมืองด้านนอกนั้นมิค่อยรู้เรื่องการแพทย์เท่าใดนัก แลพี่ก็ยังด้อยประสบการณ์ คงจักต้องศึกษาให้มาก ”
“ กระนั้นรึขอรับ เช่นนั้นน้องจักเตรียมเครื่องเขียนเพิ่มให้นะขอรับ ”
“ ขอบใจน้องนัก แต่ถึงจักเหนื่อยเพียงใด แค่เห็นหน้าน้อง พี่ก็มีแรงแล้ว ”
เต้ก็ยังเป็นเต้ เป็นคุณหลวงช่างแกล้งให้คนรักขัดเขิน ด้วยชอบมองใบหน้าขึ้นสีระเรื่อของอีกคน
คุณหลวงอภิบาลบริรักษ์ยังคงต้องออกไปนอกเมืองอยู่ทุกวัน แลกลับเรือนเสียเย็นค่ำ บางครา ก็มิได้กลับเรือน แม้ว่าจักเป็นห่วงคนที่เรือน แต่ก็มิอาจจักละทิ้งหน้าที่ได้
เมื่อมิอาจเลี่ยงได้ ด้วยหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ หลวงอภิบาลบริรักษ์จึงได้แต่สั่งความบ่าวอีกสามคนให้ช่วยดูแลคนตัวเล็ก แลสั่งความน้องให้อยู่แต่ในเรือน
แต่ถึงจะอย่างนั้น เมื่อเกิดมาเป็นบ่าว ก็มิอาจจะเลี่ยงนายได้ เมื่อคุณหญิงแย้ม พร้อมด้วยคุณหนูพริ้ง คู่หมั้นหมายของคุณหลวงอภิบาลบริรักษ์มาเยือนเรือนริมน้ำ
คุณหญิงแย้มดึงดันที่จะขึ้นเรือน ทั้งที่นายสุก นายผล แจ้งความว่า คุณหลวงอภิบาลบริรักษ์มิให้ผู้อื่นขึ้นเรือน แต่คุณหญิงนั้นใช้ความเป็นมารดา ทำให้ไม่สามารถที่จะรั้งได้
ตี๋นั่งจัดตำราอยู่ที่ชานบ้าน นางมานั้นกำลังปัดกวาดเรือน คราแรกที่ได้ยินเสียงเอะอะที่หน้าเรือน ตี๋เองก็พอจะเดาได้ว่า อย่างไรเสียก็คงมิอาจจักหลบเลี่ยงได้อีก
“ กราบคุณหญิงแย้ม คุณหนูพริ้ง ขอรับ ”
“ สบายกันเสียจริงบ่าวเรือนนี้ พ่อเต้นี่ก็กระไร ปล่อยให้เคยตัวเยี่ยงนี้ แม่พริ้งคงจักต้องเหนื่อยมากเสียแล้วกระมัง ”
“มิขนาดนั้นดอกเจ้าค่ะคุณหญิงแม่ ”
บ่าวบนเรือนกราบคุณหญิงแย้ม แลคุณหนูพริ้ง แต่คล้ายกับว่าคุณหญิงจักมิสนใจบ่าวนัก เพราะเจ้าตัวหันมาสนทนากับคุณหนูพริ้งที่มาด้วยกันแทน
เมื่อขึ้นมาบนเรือนริมน้ำ คุณหญิงแย้มก็พาคุณหนูพริ้งชมเรือนริมน้ำเสียทั่ว พร้อมคำกล่าวที่ทำให้ใจของบ่าวตัวน้อยเรือนริมน้ำต้องสั่นไหว
“ แม่พริ้งเห็นว่าเรือนริมน้ำเป็นเยี่ยงไรบ้าง ถูกใจรึไม่ อีกไม่กี่เพลา แม่พริ้งจักต้องมาเป็นนายเรือนนี้แล้ว ”
เพียงไม่กี่ประโยคแต่มันช่างเหมือนคมมีดที่กรีดบนใจคนฟัง มันเจ็บเสียยิ่งกว่าตอนโดนลงหวาย ครานั้นเพียงเจ็บตัว ไม่กี่เพลาก็หาย แต่ครานี้ เขาคงหนีความจริงมิพ้น
หลายเพลาผ่านพ้นไป คุณหลวงอภิบาลบริรักษ์แล้วจากการออกตรวจชาวเมืองจึงกลับเรือนหลังจากที่มิได้กลับมาหลายเพลา
หากการกลับเรือนในครานี้ คล้ายจักมีบางอย่างรบกวนใจอยู่บางๆ แต่คุณหลวงเองพยายามจักไม่ใส่ใจ แต่คุณหลวงหนุ่มนั้นกังวลกับคนที่เรือนริมน้ำเสียแทน ยิ่งทราบความจากนายผล ว่าคุณหญิงแย้ม แลคุณหนูพริ้งมาที่เรือนริมน้ำ
“ ตี๋ น้องมีเรื่องกระไรในใจกระนั้นรึ ”
“ มิมีกระไรดอกขอรับ พี่เต้กลับมาเหนื่อย พักผ่อนเถิดขอรับ ”
“ พ่ออย่าปดพี่เลย นายผลเล่าความที่คุณหญิงแม่มาที่เรือนให้พี่ฟังแล้ว ”
“ มิมีกระไรจริงๆขอรับ ”
“ คนดี มิว่าคุณหญิงจักพูดว่ากระไร พ่อมิต้องฟังดอก เรือนนี้พี่จักมิให้ใคร เพราะเรือนนี้เป็นเรือนรักของเรา ของเราเท่านั้น คนดีของพี่ ”
“ พี่เต้ น้องกลัว หากวันใดที่พี่ต้องออกเรือน แลเรือนแห่งจักต้องกลายเรือนหอของพี่แลคุณหนูพริ้ง น้องคง.... ”
“ จักมิเป็นเช่นนั้น พี่สัญญา มิต้องกังวล พี่รักพ่อคนเดียว แลจักมิมีใครอื่นมาแทนที่คนดีของพี่ได้ ”
เมื่อคุณหลวงหนุ่มอยู่เรือน ความกังวลต่างๆก็คล้ายจักได้รับการปัดเป่า หากบางอย่างที่ตี๋รับรู้ได้นั่นคือ คุณหลวงมีบางเรื่องที่มิยอมบอก
“ พี่เต้มีเรื่องกระไรมิยอมบอกน้องรึไมขอรับ ”
“ เหตุใดน้องจึงว่าเยี่ยงนั้นเล่า ”
“ แม้พี่เต้มิบอก แต่น้องก็รู้สึกได้ขอรับ พี่เต้บอกน้องได้รึไม่ขอรับ ให้น้องช่วยแบ่งเบาความไม่สบายใจของพี่บ้าง ได้รึไม่ขอรับ ”
“ มิมีกระไรมากดอกพ่อ... ”
“ พี่เต้... ”
คุณหลวงหนุ่มมิยอมจักบอกความสบายใจ แลพยายามบ่ายเบี่ยง หากว่าอีกคนมิยอม แลเมื่อถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆมิได้ผล น้ำเสียงของคนตัวเล็กจึงแข็งจึงโดยมิรู้ตัว
“ เอาเถิดพ่อ พี่ยอมแล้ว มิต้องดุพี่ดอก ”
แม้จักว่าเยี่ยงนั้น แต่สายตาพราวระยับนั้นก็ทำให้อีกคนขัดเขินได้เช่นเคย
“ ที่พี่มิบอก เพราะมิอยากให้พ่อมาพะวงไปกับพี่ด้วย ”
“ แต่น้องอยากช่วยพี่ได้บ้าง รึคุณพี่เห็นว่า น้องมิมีความสามารถพอกันขอรับ จึงมิยอมแจ้งแก่น้อง ”
“ มิใช่เยี่ยงนั้น พี่ทราบแจ้งแก่ใจดีว่าน้องเป็นห่วงพี่ แลน้องต้องการช่วยพี่ แต่พี่ขอเพลาอีกประเดี๋ยวได้รึไม่ หากพี่พร้อมกว่านี้พี่จักแจ้งแก่คนดีมิปิดบัง ”
ท้ายที่สุดแล้วคุณหลวงอภิบาลบริรักษ์ก็มิยอมจักบอกความกังวลในใจ แม้ว่าตี๋จักทั้งพยายามทั้งขอร้อง ทั้งกึ่งขู่ แต่ก็มิสำเร็จ
แต่ว่ากันว่า ความลับมิมีในโลก คำนี้เห็นจะเป็นความจริง เมื่อเย็นวันหนึ่ง ตี๋มารับคุณหลวงอภิบาลบริรักษ์ ที่ท่าเรือเช่นเคย ความที่ได้ยินโดยบังเอิญนั้นมิใช่เรื่องเล็กๆเลย
“ เหตุใดพี่เต้จึงมิตอบรับเล่าขอรับ ”
“ ตอบรับเรื่องกระไรรึพ่อ ”
“ อย่ามาเฉไฉขอรับ น้องรูว่าคุณพี่ทราบดีว่า น้องหมายความถึงเรื่องใด ”
เมื่อกลับถึงเรือน ตี๋ก็มิยอมให้ติดค้างในใจ เขาเอ่ยความที่ได้ฟังเมื่อครู่ทันที
“ แลเรื่องนี้ด้วยรึไม่ ที่ติดอยู่ในใจพี่ตลอดเพลา หลังจากกลับจากออกตรวจไข้เมื่อคราก่อน ”
“ เฮ้อ... ก็เพราะเป็นเยี่ยงนี้ พี่จึงมิอยากบอกพ่อ พี่มิอยากให้พ่อทราบความนี้เลยจริงๆ ”
“ พี่เต้เห็นน้องเป็นเยี่ยงไรเล่าขอรับ ความสำคัญเยี่ยงนี้จึงมิยอมแจ้ง รึเกรงว่าน้องจักขัดขวาง... ”
“ ตี๋มิเคยคิดเยี่ยงนั้น แต่ที่พี่มิยอมบอกพ่อนั้น พี่มีเหตุผล ”
“ เหตุผลใดเล่าขอรับ รึเหตุผลที่ว่าน้องเป็นเพียงบ่าว มิควรจักรู้เรื่องของนายกัน ”
“ มิเอา มิกล่าวเยี่ยงนี้ พี่ขอโทษ ที่พี่มิยอมบอกพ่อ เอาเถิด เพลานี้พี่จักเล่าความทุกอย่างแก่พ่อ มิต้องร้องดอก ”
เมื่อเห็นน้ำตาของน้องน้อย คุณหลวงก็มิอาจจะใจแข็งอยู่ได้ แลเขาอยากจักแก้ไขความเข้าของน้องน้อยไปพร้อมกัน
“ ที่พี่มิบอกแก่พ่อนั้น เพราะพี่มิคิดจักตอบรับ แต่เจ้าคุณพ่อนั้น ชิงตอบท่านเจ้ากรมไปเสียก่อน พี่นั้นประวิงเวลาท่าน ด้วยจักมาปรึกษาพ่อ แต่พี่ก็มิอาจจักตัดใจปรึกษาได้ แลวันรุ่ง พี่จักไปแจ้งกับท่านเจ้ากรมเสียใหม่ ว่าพี่มิต้องการ ”
“ ทำไมเล่าขอรับ หากคุณพี่ไปศึกษาเพิ่มเติมเช่นที่ท่านพระยาว่า คุณพี่จักได้ความรู้ แลจักก้าวหน้ากว่าเดิมยิ่งนัก ”
“ ความรู้พี่ศึกษาจากตำราที่สยามเราก็ได้ แลความก้าวหน้า พี่ก็มิได้หวังกระไรมาก พี่ศึกษาการแพทย์ เพราะพี่ต้องการจักรักษาผู้คน มิได้ต้องการสิ่งอื่นใด ”
“ แต่... ”
“ มิมีแต่ดอก วันรุ่งพี่จักไปชี้แจงต่อท่านเจ้ากรม ว่าพี่นั้นมิอาจรับประสงค์ แลความหวังดีของท่านได้ ”
“ ทำไมเล่าขอรับ ทั้งที่คุณพี่พยายามศึกษาตำรามากมาย แต่เมื่อมีโอกาสเพิ่มเหตุใดจึงปฏิเสธเล่าขอรับ ”
“ พี่เป็นห่วงพ่อ แลอย่างที่พี่บอก พี่ศึกษาตำราที่สยามเราก็ได้ มิต้องไปไกลถึงเมืองวิลาส(1)ดอก ”
“ เพราน้องเองหรือขอรับ ที่คุณพี่มิยอมตอบรับ ”
“ มิใช่ดอก พี่เป็นห่วงพ่อส่วนหนึ่ง แลพี่นั้นต้องการศึกษาภาษาเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง... ”
“ น้องอยากให้คุณพี่ไปขอรับ ”
“ พ่อว่ากระไรนะ ”
คุณหลวงพยายามจักอธิบายความ ว่าเหตุใดตนจึงมิอยากไปศึกษาตำราที่เมืองวิลาศ ซึ่งหากเป็นก่อนหน้าที่ยังมิเจอน้อง เขานั้นวางแผนไว้ว่า เมื่อถึงเพลาที่เหมาะสม จักขอเจ้าคุณพ่อไปศึกษาเพิ่มเติม
แต่ในครานี้ มันมิเป็นเยี่ยงนั้นแล้ว ด้วยตนมีคนที่ต้องการจักดูแล ด้วยมิอาจไว้ใจบ่าวในเรือนคุณหญิงแย้ม แลที่สำคัญ ตัวคุณหญิงแย้มเองก็มิอาจจักวางใจได้
มิเท่านั้น ตอนนี้ตนนั้นยังมีคู่หมั้นหมาย ทั้งคุณหญิงแย้มถือข้างคุณหนูพริ้งเสียมาก แลตนเองนั้นยังมิรู้นิสัยคุณหนูพริ้ง หากก็มิอาจวางใจกระไรได้
แล้วคนตรงหน้านี้ จักรู้ความกังวลของเขาบ้างรึไม่ เหตุใดจึงพูดให้เขาไปเยี่ยงนี้ มิห่วงตนเองบ้างรึไร
“ น้องบอกว่า น้องอยากให้คุณพี่ได้ไปศึกษาที่เมืองวิลาศขอรับ ”
“ เหตุใดพ่อจึงว่าเยี่ยงนี้ มิรู้รึว่าพี่ห่วงพ่อยิ่งนัก ”
“ คุณพี่ห่วงน้องนั้น น้องกราบขอบพระคุณ คุณพี่นัก แต่น้องมิอาจปล่อยให้คุณพี่จักต้องเสียโอกาสดีๆเยี่ยงนี้ ”
“ มิเป็นไรดอก มิไปตอนนี้ ก็มิเป็นไร พี่เองก็มิได้ต้องการนัก ”
“ คุณพี่อย่าปดน้องเลยขอรับ แม้นน้องจักมิได้ร่ำเรียนกระไรมาก แต่น้องว่าน้องทราบความในใจของพี่ได้ ”
ตี๋ว่า เขาพอจักดูออกว่า คุณหลวงนั้นต้องการจักไปศึกษาด้านการแพทย์เพิ่มเติม เพียงแต่ยังมิมีโอกาส แต่เมื่อมีโอกาสแล้ว เหตุใดเล่าจึงมิยอมไป
หากเหตุนั้นเป็นเพราะตัวเอง ตนนั้นก็มิยินยอม ตนมิต้องการให้คุณหลวงต้องมากังวลจนต้องเสียการ แลอยากให้คุณหลวงได้ทำความสิ่งที่ทุ่มเทมาแต่แรก
“ พี่มิอยากไปแล้ว พี่ต้องการอยู่ดูแลพ่อ แลศึกษาที่สยาม ”
“ พี่เต้ขอรับ น้องมิต้องการเยี่ยงนี่เลยขอรับ หากเป็นเพราะที่ทำให้พี่เต้ตัดสินสินเยี่ยงนี้ น้องยิ่งรู้สึกมิดียิ่งนัก ”
“ พี่ห่วงพ่อยิ่งนัก พี่มิต้องการจักจากพ่อไปไกลเยี่ยงนั้น ”
เต้ว่าเมื่อได้ฟังคำของน้องน้อยแล้ว น้องนั้นรู้ว่าเขาทุ่มเทศึกษาตำรามากมาย แลมีเคยมีความคิดว่าจักต้องไปศึกษาเพิ่ม แต่ตอนนี้เขามิอาจตัดใจไปได้
“ น้องกราบขอบพระคุณขอรับ แต่น้องมิอยากเป็นคนที่เหนี่ยวรั้งพี่เต้ไว้ น้องขอได้รึไม่ขอรับ น้องขอให้พี่เต้ทำความต้องการแต่แรกได้รึไม่ ”
“ ตี๋ หากพี่ไป มันมิใช่เพียงแค่ประเดี๋ยว ประด๋าว มิใช่เหมือนเมื่อคราพี่ต้องออกนอกเมือง หากพี่ไปเมืองวิลาศ พี่ก็มิรู้ว่าจักต้องไกลน้องไปนานเพียงไหน ”
คุณหลวงว่าความยาว พร้อมทั้งถอนหายใจอย่างอัดอั้น เรื่องครานี้เขาเก็บไว้กับตัวเสียนานแล้ว เขาเคยคิดจักบอก แลถามไถ่น้องน้อย แต่ก็เกรงว่าความจักออกมาเป็นเช่นตอนนี้ เขาจึงเลือกที่จักนิ่งไว้เสีย
“ น้องมิเป็นใดดอกขอรับ น้องกราบ คุณพี่อย่าปฏิเสธท่านเจ้ากรมเลยนะขอรับ ”
“ พ่อมิอยากให้พี่อยู่ด้วยดอกรึ เหตุใดจึงอยากไล่พี่ไปไกลนัก ”
“ น้องมิอยากให้คุณพี่ไป แต่น้องก็มิอาจจักเห็นแก่ตัวได้ พี่มิเข้าใจน้องกระนั้นรึขอรับ ”
ตี๋ตอบด้วยคำของคุณหลวงด้วยน้ำตา ตนมิได้ต้องการให้พี่ไป แต่ก็มิอาจจักเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งพี่เขาไว้ได้ เขาต้องการจักเห็นพี่เต้ก้าวไปสู่สิ่งที่ทุ่มเทมาตลอด
ใครจะรู้ว่าใจเขานั้นมันเจ็บเพียงใด เขาไม่รู้เลยว่า หากต้องห่างกันเขาจักทนได้เพียงใด เจ็บตัวนั้นไม่นานก็คงหาย หากใจเขานั้นมันเจ็บกว่า
“ พี่เข้าใจพ่อ แต่พี่นั้นห่วงพ่อนัก หากพี่ไปไกลห่าง พ่อจักเป็นเยี่ยงไร เพียงพี่ออกไปนอกเมืองมิกี่เพลา พ่อยังซ้ำไปทั้งตัว หากพี่มิอยู่แล้วใครจักดูแลพ่อเล่า ”
คุณหลวงว่า พลางกอดกระชับอ้อม บรรจงแนบจูบบนกลุ่มผมนุ่ม แม้ว่าจะมิใครบอกตน แต่ร่องรอยเขียวซ้ำบนตัวน้องน้อย ก็ทำให้เขาแจ้งใจได้
“ น้องมิเป็นไรขอรับ เจ็บกายเพียงเล็กน้อย ประเดี๋ยวก็หายขอรับ แต่น้องมิอยากให้คุณพี่ต้องพะวงกับน้อง น้องจักดูแลรักษาตัวให้ดี น้องจักรอคุณพี่ขอรับ ”
“ คนดี พี่... ”
“ นะขอรับ น้องขอ น้องอยากเห็นแพทย์หลวงจากเมืองวิลาศ ว่าจักเก่งกาจปานใด แต่หากเป็นคุณพี่แล้ว คงจักเก่งกว่าหมอฝรั่งเป็นแน่ ”
“ หากน้องว่าเยี่ยงนั้น พี่จักเร่งศึกษา แลกลับมาหาพ่อ พี่มิกล้าคิดเลย หากพี่ไปไกล คุณหญิงแม่จักรังแกเจ้ารึไม่ พี่จักฝากพ่อไว้กับคุณแม่ใหญ่ อย่างน้อยๆ คุณแม่เล็กคงมิอาจจักทำกระไรมาก ”
“ น้องกราบขอบพระคุณขอรับ ”
หยดน้ำตาของน้อง ทำให้ใจเขาเจ็บนัก เขารู้ว่าน้องมิต้องการเยี่ยงนี้ แต่ก็มิอาจจักทำความต้องการของตนได้ น้องเจียมตนเสมอ มิเคยเรียกร้องสิ่งใด มิเคยต้องการสิ่งของมีค่า
หากเขามิไป มิว่าจักด้วยเหตุผลใด แต่คนที่จักต้องรับน้ำคำของคน คงเป็นคนที่เรือนริมน้ำนี่เป็นแน่ แล้วน้องน้อยของเขาจักต้องเจ็บซ้ำน้ำใจอีกเพียงใดเล่า
หากเขาเลือกได้ เขาก็มิอยากจักเกิดเป็นนาย เขาอยากเกิดเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่สามารถทำการใดได้ตามใจตน มิใช่ต้องคอยหลบเลี่ยงเยี่ยงทุกวันนี้
***************************************
เมื่อตอบรับว่าจักไปศึกษาด้านการแพทย์ หมายกำหนดการนั้นก็แสนจักเร็วนัก คุณหลวงหนุ่มเหลือเพลาอีกไม่กี่ราตรีเท่านั้น ก็จักต้องออกเดินทาง
เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณหลวงจึงมิยอมปล่อยคนรักให้ห่างกาย หากต้องเข้ากรม ก็พาไปด้วย อยู่เรือนก็ตระกรองกอด
คำรักที่พร่ำบอกทุกค่ำคืน โอบกอดแนบเนื้อนวล เก็บเกี่ยวทุกราตรี จนถึงราตรีสุดท้าย เมื่อรุ่งเช้า ตนจักต้องขึ้นเรือออกจากสยาม
คุณหลวงเอ่ยฝากบ่าวเรือนริมน้ำกับคุณหญิงพิม โดยแจ้งว่า ระหว่างที่ตนมิอยู่เรือน ตนขอให้คุณหญิงพิมเป็นผู้ดูแลเรือนริมน้ำ บ่าวทั้งสี่ของเรือนนั้น ตนยกให้คุณหญิงพิมผู้ดูแล เรียกใช้ แลตักเตือน สั่งสอน เหตุนี่ยังความมิพอใจให้คุณหญิงแย้มพอดู เนื่องตนต้องการจักจัดการกับบ่าวเรือนริมน้ำ แต่เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ ก็คงทำกระไรมิได้มากเช่นเคย
วันเดินทาง ตี๋มิได้ไปส่งคุณหลวงที่ท่าเรือใหญ่ หากเพียงส่งคุณเต้แค่หน้าเรือน เขามิอยากจักร้องไห้ให้คุณเต้เห็น แลเป็นห่วงจนมิอาจตัดใจไป จนเสียการ
ตนเองอยากจะส่งรอยยิ้มให้ มิใช่คราบน้ำตา แลคุณเต้นั้นจักเข้าใจดี เพราะมิได้เรียกร้องให้ตนต้องไปส่งที่ท่าเรือแต่อย่างไร
“ เดินทางปลอดภัยนะลูก แลอย่าลืมส่งจดหมายมาหาแม่บ้าง ”
คุณหญิงพิมกำชับคุณหลวงอภิบาลบริรักษ์อีกครา ก่อนที่คุณหลวงจักกราบลา ขึ้นเรือที่กำลังถอยออกจากท่าไป
นับตั้งแต่วันนั้น คุณหลวงส่งจดหมายเขียนเล่าเรื่องราวเมื่อยามศึกษาอยู่ต่างเมือง มาหาท่านเจ้าคุณ คุณหญิงพิม แลคุณหญิงแย้มอยู่เนื่องๆ หากคนที่มิเคยได้ข้อความในจดหมายเลยนั่นก็คือคุณหนูพริ้งผู้เป็นคู่หมาย ยังความมิพอใจแก่คุณหญิงแย้ม เมื่อบุตรชายมิไถ่ถามเรื่องราวของคู่หมั้นสักครา
ตี๋นั้นได้จดหมายจากคุณหลวงเช่นกัน หากแต่มิได้รับจากท่านพระยา เช่นคนที่เรือน แต่ได้รับจากสหายของคุณหลวงที่ทราบความระหว่างตนแลคุณหลวงดี
คิมม่อนมาเยี่ยมเรือนพระยาทิพยโอสถทุกคราที่ได้รับจดหมาจากเพื่อน แลรับจดหมายจากบ่าวตัวน้อยเพื่อส่งคืนให้คนไกลเช่นกัน
คุณหญิงพิมรับตี๋ขึ้นมาช่วยงานบนเรือนใหญ่ ด้วยความที่คุณหลวงสอนหนังสือให้ ตี๋จึงรู้หนังสือ แลช่วยอ่านให้คุณหญิงพิมฟัง
คุณหญิงมิเคยให้บ่าวที่คุณหลวงอภิบาลบริรักษ์ห่างสายตา ด้วยคุณหลวงนั้นกำชับเสียหนักหนาว่า ให้ตนช่วยดูแล สั่งสอน แลช่วยปกป้องจากคุณหญิงแย้ม
ตนนั้นพอจักมองออกว่า คุณหลวงหนุ่มนั้นมีใจสมัครกับบ่าวของตนอยู่มิน้อย หากตนก็มิได้เอ่ยกระไรออกไป ตนเองเฝ้าดูตี๋อยู่ หากว่าตี๋นั้นมิเคยกระทำการใดให้ขัดเคือง มิเคยนำความมิสบายใจให้คุณหลวง ตนจึงนิ่งเสีย แลเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
หากเมื่อตนได้อยู่ใกล้ชิดบ่าวของเรือนริมน้ำคนนี้ของบุตรชาย จึงรู้ว่าเหตุใดบุตรชายจึงเอ็นดูนัก ตี๋เป็นเด็กเรียนรู้ไว รู้จักกาลเทศะ เจียมตน แลนอบน้อม เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ ตนเองจึงให้ความเอ็นดูบ่าวคนนี้เช่นกัน
ด้านคุณหญิงแย้มนั้นก็พาคุณหนูพริ้งมาเยือนเรือนมิได้ขาด ซึ่งความก่อนหน้านั้น คุณหญิงแย้มต้องการจักให้คุณหลวงออกเรือนเสียก่อน แล้วจึงเดินทางไปต่างแดน พร้อมกับคุณหนูพริ้ง แต่คุณหลวงมิยินยอม แลด้วยเพลาที่ท่านเจ้ากรมแจ้งมานั้น ก็กระชั้นเกินกว่าจะกระทำได้ คุณหญิงแย้มจึงต้องยอม หากก็สั่งความไว้ว่า เมื่อไหร่คุณหลวงกลับเมือง จักต้องจัดขันหมากไปสู่ขอคุณหนูพริ้งมาประเพณี
ส่วนตี๋นั้นแม้ว่าจักโดนกลั่นแกล้ง รังแก แต่ก็ได้คุณหญิงพิมช่วยไว้เสียทุกครา แลเมื่อคุณหญิงพิมออกปาก จึงไม่ใคร่มีกล้ามากนัก จะมีบ้างเพลาที่คุณหญิงมิทราบ
เมื่อกาลหนุนเวียนเปลี่ยนผ่าน จากวันเป็นคืน จากคืนเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนเป็นปี แลหลายปี จดหมายจากคุณหลวงส่งถึงเรือน ความแจ้งว่าตนนั้นได้ศึกษาจบแล้ว แลกำลังเดินทางกลับเมือง
คุณหญิงแย้มเมื่อคราทราบความ ก็จัดเตรียมงานเพื่อต้อนรับ หากก็มิทัน เพราะคุณหลวงนั้นกลับมาพร้อมกับเรือที่นำจดหมายมา ด้วยมิต้องการความวุ่นวาย ถึงกระนั้น ที่เรือนใหญ่ก็มีงานฉลองเล็กๆอยู่ดี
หลังจากค่ำคืนนั้น คุณหลวงก็เข้ารายงานตัวกับท่านเจ้ากรม แลได้รับยศใหม่เป็น พระอภิบาลบริรักษ์ ดูแลด้านการแพทย์สมัยใหม่
“ พ่อคิดถึงพี่รึไม่ พี่คิดถึงพ่ออยู่ทุกเพลา ”
“ น้องก็คิดถึงคุณพี่ แลกลัวไปเสียทุกอย่าง ”
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันแสนหวาน ที่คุณพระเรียกร้องทดแทนที่มิได้เจอเสียนาน ถ้อยคำเอ่ยความคิดจึงเริ่มขึ้น
“ มิต้องเกรงกระไรแล้ว พี่อยู่ตรงหน้าพ่อแล้ว คนดีของพี่ ”
คุณพระปลอบประโลมร่างน้อยในวงแขน จูบซับน้ำตาให้น้องน้อย เขารู้ว่าน้องต้องอดทนมากมายนัก เขานับถือน้ำใจน้อง ความในจดหมายมิเคยเล่าถึงความเป็นอยู่ของตน มีเพียงความถามไถ่ความเป็นอยู่ของเขาเท่านั้น
แต่เขานั้นพอได้ทราบความจากคิมม่อนอยู่บ้าง สหายคนนี้ช่วยเขาไว้มาก หากมิมีคิมม่อน เขาก็มิรู้จักติดต่อกับตี๋ได้เยี่ยงไร คิมม่อนบอกเล่าเรื่องในเรือนที่ได้รับฟังจากนายผล นายสุก นางมา บ่าวที่ซื่อสัตย์ แจ้งว่าคนรักของเขานั้นต้องเผชิญอะไรบ้าง ยามที่เขามิอยู่ แต่อย่างน้อย เขานั้นเบาใจไปได้ว่า คุณแม่ใหญ่เอ็นดูตี๋มากพอดู
หากเมื่อกลับเรือน ผ่านไปได้มิเท่าใด เรื่องร้อนใจก็เข้ามา คุณหญิงแย้มนั้นต้องการให้เขาออกเรือน ด้วยปล่อยปละละเลยคู่หมั้นของตนมาหลายเพลา แลจักให้เขาใช้เรือนริมน้ำเป็นเรือนหอ แต่เขามิเห็นด้วย เขาจึงคัดค้าน โดยมีคุณหญิงพิมช่วยออกหน้าให้
กำหนดการออกเรือนของเขากับคุณหนูพริ้งจึงเลื่อนออกไปจนกว่าเรือนหอจักสร้างเสร็จ แม้ว่ามันมิได้นาน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีเพลาอยู่ตามลำพังกับคนรัก
“ อีกมิกี่เพลา คุณพี่จักต้องออกเรือนแล้ว ”
ตี๋เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียสั่นเครือในคืนหนึ่ง โดยมีผู้เป็นสามีตระกรองกอดอยู่ด้านหลัง
“ เหตุใดพ่อจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเช่นนี้เล่า ใจพี่มิดีเลย ”
“ มิมีกระไรดอกขอรับ น้องเพียงแค่อยากจักร่วมยินดีกับคุณพี่ แต่น้องเกรงว่า น้องคงมิอาจพูดว่ายินดีได้เต็มปาก น้องต้องขออภัยขอรับ ”
แม้พยายามจักไม่ร้องไห้ แต่น้ำตานั้นกับมิยอมเชื่อฟัง หากเจ้าตัวนั้นก็พยายามกลั้นสะอื้น เอ่ยจนจบประโยค
“ น้องมิต้องยินดี เพราะพี่เองมิได้ยินดีกระไรเลย พี่มิใคร่จักมีคู่แต่แรกแล้ว หากมิใช่ว่า ต้องรักษาหน้าคุณหญิงแม่ แลเจ้าคุณพ่อ พี่นั้นคงถอนหมั้นไปเสียนานแล้ว พี่มิมีใจให้คุณหนูพริ้ง แม้เพียงน้อย ด้วยใจพี่นั้นให้พ่อจนสิ้นแล้ว ”
คุณพระปลอบน้องน้อย เขาเข้าใจความรู้สึกของน้อง ด้วยนิสัยของน้องแล้ว คงจักโทษตนเองอยู่เสียกระมังว่า เพราะตนมิคู่ควร มิมีสิทธิ์ใดๆในตัวเขา น้องจึงกล่าวเยี่ยงนี้
“ ตัวแลใจของพี่ เป็นของน้อง แลมันจะมิมีวันเปลี่ยนเป็นอื่น พี่สัญญากับพ่อ ”
“ คุณพี่ น้องหวงคุณพี่ได้ใช่รึไม่ขอรับ ”
เมื่อรักมาก ก็อยากจักหวงเอาไว้เพียงคนเดียว แต่เพราะตนเป็นเพียงทาส ทั้งยังเป็นชาย จึงมิมีความคู่ควรใดๆเลย แต่เพราะรัก จึงมิอาจจักตัดใจได้ จึงต้องอดทน แม้ว่าจักมาก่อน แต่ก็เป็นแค่เพียงคนในเงา มิอาจจักออกสู่แสงสว่างได้
“ ทุกอย่างของพี่เป็นของพ่อ พ่อจักหวงเท่าใดพี่มิว่า พี่ยินดียิ่งนัก หากพี่มิอาจจักพาคนดีมายืนเคียงข้างได้เช่นผู้อื่น แต่พ่อมิต้องกลัว เมื่อมาอยู่เคียงข้างพี่มิได้ พี่จักถอยหลังไปเคียงพ่อเอง ”
มันมิใช่คำรักอ่อนหวาน แต่มันเต็มไม่ด้วยความหนั่นแน่นที่คุณพระอภิบาลบริรักษ์ให้คำมั่น เขามิสามารถจักให้น้องน้อยมายืนเคียงข้างอยู่เบื้องหน้าได้เช่นแม่หญิงที่คุณหญิงจัดหา ก็มิเป็นไร เมื่ออยู่เคียงข้างมิได้ เข้าก็พร้อมจักถอยหลังเพื่ออยู่กับคนที่ตนรัก
แม้ว่าเขาจักต้องออกเรือนไป เขามิคิดจักทิ้งที่รักไว้ด้านหลัง เขาจะจับมือน้องน้อยไปด้วย หากจะว่าเขาเลวร้าย เขาก็ยอม แต่เขาจะมิยอมปล่อยมือคู่นี้เป็นอันขาด
************************************************
เชิงอรรถ
(1) วิลาศ (คำวิเศษ) หมายถึง ที่เป็นของยุโรป (เป็นคําที่ชาวอินเดียในสมัยก่อนเรียกชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวอังกฤษ) เช่น สาคูวิลาด เหล็กวิลาดผ้าวิลาศ
******************************************
มารายงานตัวขอรับ
บทนี้ไม่มีอะไรมาก(ไม่มีจริงๆ) คือใจความหลักของบทมันมีนิดเดียวขอรับ
สุดท้ายมันได้แค่นี้จริงๆ ต้องขออภัยพี่ทั้งสองท่านด้วยขอรับ (กราบ)
และต้องกราบขออภัยท่านผู้อ่าน หากมันมิลื่นไหล แลวกวนไปบ้าง
คุณเต้จักต้องออกเรือนแล้วขอรับ
แลมิรู้ว่านายหญิงคนใหม่นั้นจักเป็นเช่นไร
จักมาดี รึจักมาร้าย
รบกวนติดตามด้วยนะขอรับ
แลขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกความรู้สึก ขอบพระคุณขอรับ
ปัจฉิมลิขิต
ลองเปิดเพลงนี้ฟังไปด้วยก็ได้ขอรับ
คืนสุดท้าย
https://www.youtube.com/watch?v=YDPI4YGYPTo..........ด้วยใจรัก.........
Mariner _IX