“เป็นไรไอ้ขวัญ กลับมาก็เอาแต่เหม่อ”
“มึงต้องไม่เชื่อแน่ๆ ไอ้แนน”
“ไม่เชื่ออะไรวะ”
“คุณธนิกขอคบกับกูเว้ยมึง เขาบอกว่าเขาชอบกู”
ไอ้แนนทำหน้าเหมือนเห็นผีพอๆ กับตอนที่มันมาบอกผมว่าเจอคนหน้าเหมือนผม “อย่าบอกกูนะว่ามึงเชื่อ”
“เอ้า ไอ้ห่า กูได้ยินมากับหู กูก็ต้องเชื่อสิวะ”
ไอ้แนนตบหัวผมไปหนึ่งที “กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเว้ย แล้วมึงตกลงคบกับเขาไปรึยัง”
ก็เพราะคำตอบของคำถามนี้แหละที่ทำให้ช่วงบ่ายของผมเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ในหัวก้องไปด้วยเสียงของคุณธนิก หัวใจเอาแต่สั่นไหวกับถ้อยคำจากเขา เรื่องคบก็อยากคบ อยากรีบตอบตกลงด้วยซ้ำ แต่มันดูเหมือนง่ายเกินไป ผมแน่ใจว่าคนอย่างผมไม่มีความโชคดีอะไรขนาดนั้น มันก็เลยต้องมานั่งคิดไม่ตกอยู่อย่างนี้
“ยังว่ะ กูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจริงยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยยังไม่ได้ตกลง” ผมตอบเสียงอ่อย เห็นไอ้แนนกำลังมองมาด้วยสายตาเหลื่อมใส
“สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู มึงก็ยังมีสมองอยู่นี่หว่า แต่ว่านะไอ้ขวัญ มึงต้องตั้งสติให้ดีต่อจากนี้นะเว้ย ไม่ง่ายหรอกถ้าจะปฏิเสธคนที่ชอบไปเรื่อยๆ ยังไงสักวันมึงก็ดิ้นไม่หลุดแน่”
ผมรู้ว่าต้องเป็นอย่างที่ไอ้แนนพูด “มึงว่ากูควรทำยังไงดีวะ กูต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไหม”
“ที่จริงแค่เรื่องที่เขามีคู่หมั้น มึงก็ควรต้องตัดใจได้แล้ว” ไอ้แนนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันเป็นคนรักเดียวใจเดียวและไม่ชอบเรื่องการผิดศีลห้าข้อสามเลยแม้แต่น้อย
“แต่กูชอบเขานะเว้ย” แล้วเขาก็อาจจะชอบกูจริงๆ ก็ได้
“พวกชู้มันก็พูดเห็นแก่ตัวอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ เอาแต่พูดว่าชอบๆ โดยไม่เห็นใจคนอื่น มึงคิดดูว่าถ้ามึงเป็นคู่หมั้นเขา มึงจะเสียใจแค่ไหน”
“กูก็คงเสียใจ แต่ไอ้เหี้ยแนน มึงจะว่ากูเป็นชู้ไม่ได้นะเว้ย กูก็แค่...”
“อีกไม่นานมึงจะได้เป็น มึงเชื่อกูเถอะว่าถ้ามึงไม่ถอย มึงไม่รอดแน่ๆ มึงจะกลายเป็นพวกลักกินขโมยกิน เป็นตราบาปในใจไปตลอดชีวิต”
ไอ้แนนทำตัวเป็นหมอดู แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดว่ามันทำนายได้แม่น คงเพราะเห็นอยู่โต้งๆ ว่าถ้าผมตกลงใจคบกับคุณธนิก ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับการลักลอบเป็นชู้กับคนมีเจ้าของแล้ว เห็นตอนจบอย่างแน่ชัดแต่ผมก็ยังไม่คิดตัดใจ
“แต่เขาอาจจะไม่ได้รักกันก็ได้ เขากับคู่หมั้นของเขาอาจจะแค่หมั้นกันเพราะผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ต่างคนอาจจะไม่ได้รักกันเลย”
“มึงดูละครมากไปจริงๆ ไอ้ขวัญ ตอนนี้แค่เขาบอกว่าชอบ ตามึงก็บอดไปข้างหนึ่งแล้ว”
ผมเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้แนนทุกคำ แต่อีกใจก็ยังรั้น ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็แค่ชอบเขา แต่ผมไม่ได้ต้องการที่จะครอบครอง ผมชอบที่ได้มองเขาอยู่ไกลๆ ชอบที่เขาเฉิดฉายอยู่ตรงนั้น อยู่ในที่ที่ผมเอื้อมไปไม่ถึง และผมก็ยังอยากให้ความชอบของผมคงอยู่ต่อไปอย่างนี้ เพราะผมกลัวว่าหากขยับเข้าไปใกล้จะต้องถูกเผาตายเหมือนอย่างที่ไอ้แนนเคยเตือน ตอนนั้นผมหวังไว้แค่นั้น เพราะแค่เล็กน้อยก็คิดว่าลมๆ แล้งๆ เต็มที แต่ตอนนี้คุณธนิกกำลังโยนบันไดเชือกลงมาให้ผมปีนขึ้นไปถึงตัวเขา หอคอยสูงเสียดฟ้าที่มีเขาอยู่บนนั้น ตอนนี้มันมีทางปีนขึ้นไปแล้ว แล้วผมควรทำเมินกับบันไดเชือกที่เป็นเพียงโอกาสเดียวนี้เหรอ
“ตัดใจเถอะน่า อย่าไปยุ่งเลย คนที่ใช่ต้องมาในเวลาที่ใช่ด้วย เข้าใจไหมไอ้ขวัญ มันแปลกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอวะ” ถ้อยคำของไอ้แนนเหมือนมีดคมๆ มันไม่สนับสนุนและกำลังขัดขวางอย่างสุดความสามารถ
“งั้นกูขอไปกินข้าวกับเขาเย็นนี้ แล้วกูจะตัดใจ จะไม่ติดต่อ จะไม่คุยกับเขาอีก” อีกสักครั้ง ให้ผมลิ้มรสความสุขจากเขาอีกสักครั้งเถอะนะ ถ้าได้ลองกินขนมหวานราคาแพงหนึ่งครั้ง ก็ต้องหาทางกินมันในครั้งต่อไปทั้งๆ ที่ไม่มีปัญญาซื้อ แต่เมื่อถูกใส่จานยื่นให้ตรงหน้า ผมคงไม่ผิดที่จะหยิบขึ้นมากิน
“ให้แน่นะเว้ย ไม่ใช่ว่าพอเขาพูดคำหวานมึงก็จะหลงไปกับเขาอีก”
“แน่สิ กูจะตัดใจ จะไม่ติดต่อกับเขา”
“ทำดีมาก มึงน่ะแค่มีกูกับไอ้หลงก็พอแล้วน่า อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
“อืม”
แค่ไอ้แนนกับไอ้หลง แค่เท่านี้ผมก็ไม่รู้สึกขาด แล้วคุณธนิกล่ะ ถ้ามีเขาผมจะมีความสุขมากขึ้นไหมนะ
ผมคิดเรื่องของคุณธนิกจนแทบไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่น ยิ่งได้อ่านข้อความที่เขาส่งมาทางไลน์ ผมก็พบว่าคงเป็นเรื่องยากถ้าจะต้องเลิกยุ่งกับคนปากหวานอย่างเขา เราคุยกันทุกคืน โทรหากันทุกวัน แม้จะไม่ได้เจอกันเลย แต่คุณธนิกทำให้ผมแน่ใจว่าเขาจะไม่หายไปจากชีวิตของผม ทุกคืนเขาจะบอกให้ผมนอนหลับฝันดี ทุกเช้าจะต้องส่งข้อความมาทักทาย
คุณธนิก: ฝันดีนะครับขวัญ ฝันถึงพี่ด้วยนะ
ขวัญพัฒน์: ครับ จะฝันถึงนะครับ
ข้อความเมื่อสองคืนก่อนที่เราคุยกันกำลังเลื่อนผ่านสายตาของผม
คุณธนิก: นอนคนเดียวเหงามั้ยครับ
ขวัญพัฒน์: นิดหน่อยครับ แต่เริ่มชินแล้ว
คุณธนิก: ไม่มีใครชินกับความเหงาได้หรอก พี่ก็นอนคนเดียว
ขวัญพัฒน์: จริงเหรอครับ
คุณธนิก: จริงสิ ไม่เชื่อเหรอ เปิดกล้องคุยกันมั้ย
ขวัญพัฒน์: ตอนนี้ปิดไฟนอนแล้ว เปิดกล้องไม่ได้ แต่ผมเชื่อคุณธนิกครับ
คุณธนิก: เสียดาย พี่อยากเห็นหน้าขวัญ
ขวัญพัฒน์: เน็ตผมไม่ค่อยดีน่ะครับ เปิดกล้องแล้วมันชอบกระตุก
คุณธนิก: ใช้รายเดือนไหม มีโปรเน็ตดีๆ อยู่นะ พี่จ่ายให้
ขวัญพัฒน์: ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่ค่อยได้เล่น สมัครเน็ตรายสัปดาห์ดีแล้วครับ แหะๆ
คุณธนิก: ก็ได้ พี่ตามใจขวัญนะ แต่ว่าตอนนี้ถ่ายรูปมาให้พี่หน่อยครับ พี่อยากเห็นหน้า
ขวัญพัฒน์: ก็ได้ครับ ผมเลือกมุมถ่ายดีๆ ก่อนนะครับ ห้องรก
คุณธนิก: ต้องการคนเก็บกวาดให้ไหม
ขวัญพัฒน์: ไม่ครับ ผมเก็บเองได้
คุณธนิก: เป็นงั้นไป
ผมจะทำยังไงดีนะ ถ้าตอนเย็นนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนได้อยู่ในโลกแบบเดียวกัน หลังจากนั้นผมจะทุรนทุรายมากหรือเปล่า แต่ถ้าผมไปต่อ ผมกลับแน่ใจมากว่าผมจะพบกับจุดจบที่ทำให้ทุรนทุรายมากกว่าแน่ๆ
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย ผมเลื่อนไปดูข้อความปัจจุบันที่ส่งเข้ามา
คุณธนิก: ขวัญลืมเอากาแฟกระป๋องให้พี่
เขาทำให้ผมยิ้มแค่เรื่องเล็กๆ ที่หยิบยกขึ้นมาคุย
ขวัญพัฒน์: ตอนเย็นเอาไปให้นะครับ
คุณธนิก: ขอสองกระป๋อง
ขวัญพัฒน์: ขอดูเงินในกระเป๋าก่อนนะครับ ไม่แน่ใจว่าพอซื้อมั้ย
คุณธนิก: งั้นกระป๋องเดียวก็ได้
ขวัญพัฒน์: 555
คุณธนิก: วันนี้ไปร้านประจำของพี่นะ กินข้าวไปด้วยฟังเพลงไปด้วย พี่ว่าขวัญต้องชอบ
ขวัญพัฒน์: ได้ครับ ว่าแต่ผมต้องแต่งตัวยังไงดี ร้านหรูมากไหมครับ
คุณธนิก: ไม่ต้องกังวลหรอก ขวัญใส่อะไรก็น่ารัก ไม่รู้ว่าถ้าไม่ใส่เลยจะน่ารักมากกว่าไหม
คุณธนิกอยากให้ผมตอบอะไรกลับไปกันแน่นะถึงได้ถามแบบนี้ ผมควรจะตอบไปว่าผมเซ็กซี่มากๆ ดีไหมล่ะ
คุณธนิก: เขินเหรอ ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบ
ขวัญพัฒน์: ผมไม่รู้จะตอบยังไงนี่ครับ คุณธนิกถามมาอย่างนั้น
คุณธนิก: ก็ตอบตามตรง
ขวัญพัฒน์: งั้นต้องบอกว่าผมเซ็กซี่มากๆ ครับ
คุณธนิก: อยากเห็นมาก
ขวัญพัฒน์: 555
คุณธนิก: อยากเลิกงานเร็วๆ พี่อยากอยู่กับขวัญ
ขวัญพัฒน์: เป็นผู้บริหาร พูดแบบนี้จะดีเหรอครับ
คุณธนิก: ใครว่าล่ะ พี่เป็นหัวหน้ารปภ. ถามพี่เปี๊ยกดูก็ได้
ขวัญพัฒน์: ผมเชื่อจริงนะ
คุณธนิก: ทีเรื่องแบบนี้เชื่อง่ายจัง งั้นเชื่อในความรู้สึกของพี่มั้ยครับ
ขวัญพัฒน์: ไปส่งลูกค้าดีกว่า ตอนเย็นเจอกันนะครับ
คุณธนิก: หนีเฉยเลย
“มึงไม่รอดแน่ไอ้ห่าขวัญ มึงตายแน่ๆ” เสียงของไอ้แนนเหมือนเสียงบทสวดที่กำลังกล่อมผมให้เชื่อตามนั้น
“กูจะตัดใจแล้ว ไม่ต้องห่วงเว้ย” ผมรีบปิดหน้าจอให้พ้นสายตาของไอ้แนน
“ไม่ให้ห่วงได้ยังไง มึงยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงรูหู ไม่หลงเขาเลย ไม่ชอบเขาเลย ไอ้โง่”
ไม่ใช่แค่ไอ้แนนไม่เชื่อ ผมก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้คิดหนักเลยว่าจะทำยังไงดี สมองสั่งให้ตัดใจแต่หัวใจสั่งให้ไปต่อ
“มึงต้องท่องไว้ไอ้ขวัญ คุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว คุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว และเขาไม่ได้ชอบมึงจริงๆ เขากำลังหลอกฟันมึง”
“แต่เขาจะมาหลอกฟันวินมอเตอร์ไซค์อย่างกูทำไมวะ ไม่เม้กเซ้นมากๆ”
สู้เอาเวลาที่เสียไปกับการมาตามจีบผมเกือบเดือน ไปหาคนที่คู่ควรมากกว่า ดีมากกว่ามานอนด้วยไม่ดีกว่าเหรอ
“อย่าเอาเหตุผลอะไรก็ตามที่มึงกำลังคิดมาลบล้างคำเตือนกู มึงเชื่อกูเถอะว่าเรื่องนี้มันไม่จริงสักนิด”
“เออๆ กูเชื่อมึงก็ได้”
“รับคำส่งๆ ไอ้ห่า ไป ไปส่งลูกค้าได้แล้ว พี่แจ้กวักมือเรียกมึงแล้วไอ้ฟาย”
“สงสารลูกที่จะเกิดมานะ เด็กมันจะอยู่กับพ่อขี้บ่นยังไงไหววะ”
“ปากดี เดี๊ยะๆ”
ผมรีบเข็นมอเตอร์ไซค์ไปตรงหน้าลูกค้าสาวสวยที่ยืนรออยู่ หลบมือของไอ้แนนได้อย่างฉิวเฉียด เอาเถอะนะ หาเงินก่อนดีกว่า อย่างน้อยคงได้เงินไปซื้อกาแฟกระป๋องให้คุณธนิกได้อีกสักกระป๋อง เรื่องของหัวใจไว้ค่อยว่ากันอีกที
คุณธนิก: พี่จองโต๊ะไว้แล้ว เย็นนี้เจอกันนะครับ
ถ้าคนที่ชอบบอกมาแบบนี้ ผมจะห้ามไม่ให้หัวใจของตัวเองระริกระรี้ไม่ได้หรอก เย็นนี้ต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นอีกแน่ คุณธนิกคงเตรียมตัวมาหว่านเสน่ห์ผมอย่างเต็มที่แน่นอน
.....................To be continue .....................
ตอนที่ 4 แล้วค่าทุกคน

เป็นกำลังใจให้น้องขวัญด้วยนะคะ ไม่ว่าน้องจะตัดสินใจยังไง เราจะอยู่ข้างน้องไปพร้อมไอ้หลงและน้องแนนค่ะ