07
กินเยอะชะมัด…
พออาหารทยอยมาเสิร์ฟก็ตามที่คาดเอาไว้ ร่างสูงไม่ยอมแตะจะรออาหารที่ตัวเองอยากกินจริงๆ มาถึงค่อยกิน ส่วนอาหารที่สั่งๆ มาก็วางไว้บนโต๊ะอย่างนั้นแหละ จนอาหารมาเรื่อยๆ ก็ไม่มีที่จะวาง เมฆาเลยให้พนักงานเอาไปห่อ แล้วบอกว่าที่เหลือที่กำลังทำอยู่ก็ให้ห่อเลย ไม่ต้องเอามาเสิร์ฟ
“แล้วก็สี่จานบนโต๊ะนี้ด้วยนะครับ ฝากขอโทษในครัวด้วยที่ทำให้เปลืองจาน”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะจัดการห่อรายการที่เหลือและสี่จานบนโต๊ะให้นะครับ คุณผู้ชายต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ”
“ไม่แล้วล่ะครับ”
พนักงานเดินออกไปจัดการตามที่เขาสั่งทันที ส่วนคณินทำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กินข้าวต่อไปไม่สนใจอะไรอีก แต่ในใจกลับยิ้มอย่างสนุก
“เอาอะไรอีกไหมครับคุณชาย”
“ถ้าไม่อยากหมดเงินไปมากกว่านี้อย่าถามประโยคนี้อีก”
“แล้วสรุป?”
“เอา...แต่จะเอาขนม”
“เหอะ!”
เมฆาทานข้าวต่อเพราะหิวจนไม่อยากจะเถียงกับเด็กต่อ รู้ว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง แต่ก็ยอมให้แกล้งล่ะนะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับน้องชายอีกครั้ง…
จะว่าบ้า...ก็ยอมล่ะ
เงินสดที่มีติดกระเป๋าตอนนี้เหลือแค่แบงค์สีแดงไม่กี่ใบเท่านั้น จากแบงค์เทาที่มีสิบกว่าใบ หายไปกับอาหารและขนมของคณินเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นของใช้ เสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าที่มีมันลงใส่ลุยในไร่ในสวนไม่สะดวกเท่าไหร่ ก็เลยหาเสื้อผ้าแบรนด์ธรรมดา เนื้อผ้าใส่สบาย มันก็ไม่น่าจะหมดเยอะ แต่เงินหายไปไหน?
“เมื่อไหร่นายจะกลับ ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ใช่หรือไง”
“แล้วจะกลับยังไง?”
“ถามฉัน?”
“อือ...จะกลับยังไง ให้ไปส่งไหม ตอบแทนที่เลี้ยงข้าว”
“ไม่เป็นไร คนขับรถมาส่ง จะกลับตอนไหนก็แค่เรียกแกมา รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน นี่อุตส่าห์ช่วยถือไปเก็บที่รถให้แล้ว ทั้งๆ ที่จ่ายไปหลายพันเลย”
“บ่นๆ ก็จะไปส่งนี่ไง”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไร”
“ทำไมดื้อ”
“ใครกันแน่ที่ดื้อ เด็กดื้อ!!”
“อย่ามาว่าคนอื่นเด็กนะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ที่นายทำอยู่ตอนนี้น่ะ มันเด็กชัดๆ”
“นี่!! อยากเจอดีหรือไง”
“กลัวตายล่ะ” เมฆาไม่สนใจท่าทีนั่นของคณิน เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แล้วก็หากระดาษเบอร์โทรของลุงคนขับรถมาเพื่อโทรตามให้มารับ หมดอารมณ์จะเดินแล้ว เบื่อหน้าคน!
“ลุงครับ ม่ะ…”
พรึ่บ!!
“ไม่ต้องมารับแล้ว เดี๋ยวกลับเอง ลุงกลับไปก่อนเลย ติ๊ด” คณินพูดแทนแล้วตัดสายทันที แต่เขาไม่คืนโทรศัพท์ให้เจ้าของเอาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย
“ทำบ้าอะไรฮะเขต”
“ก็จะไปส่งดีๆ ไม่ยอมฟัง ก็ต้องใช้ไม้นี้ล่ะ”
“เด็กนิสัยเสีย ทำไมโตมาถึงได้ไม่น่ารักแบบนี้นะ”
“อ้าว? แล้วใครจะเป็นเหมือนตอนเด็กตลอดล่ะ”
“ถึงจะนิสัยไม่เหมือนตอนที่นายเด็กๆ แต่การกระทำของนายตอนนี้มันก็ยังเด็กอยู่ดี”
คณินชักจะมีน้ำโหจริงๆ แล้วล่ะนะ ที่ต้องทนฟังอีกคนพูดคำว่าเด็กอยู่ซ้ำๆ แบบนี้ ปากบางที่พ่นคำไม่น่าฟังออกมานั่น มันน่าทำโทษจริงๆ
หมับ!!
“เฮ้ย! เอาของๆ ฉันคืนมานะเขต”
“อยากได้คืนก็ตามมาเอา”
มีทางเลือกที่ไหนกันล่ะ…
ปัง!!!
“ปิดให้มันเบาๆ ได้ไหม เดี๋ยวก็พังหรอก” คณินหันมาต่อว่าคนข้างๆ ที่ปิดประตูรถของเขาเสียงดังจนทั้งคันสั่นสะเทือน
“...”
“ทำมาเป็นเงียบ”
ไม่ได้งอนหรอกนะ เพราะไม่สนิทกันขนาดที่จะทำเป็นงอนได้ เพียงแค่เหนื่อยที่จะเถียงด้วยแล้วก็เท่านั้น วันนี้เราหมดแรง หมดเงินไปเยอะแล้วล่ะ ขอพักเถอะ
“โกรธเหรอ” ไม่รู้ว่าเมฆาคิดไปเองหรือเปล่าที่ได้ยินเสียงของคณินดูหงอยๆ ยังไงชอบกล แต่ก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจ จนคนอายุน้อยกว่าเม้มปากแน่น
“คิดว่าสนหรือไง” คณินว่าแบบนั้นก็ขับรถออกจากที่จอดรถไปอย่างโมโหด้วยความเร็วที่เมฆาหวั่นใจว่ามันจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นหรือเปล่า
ทำไมต้องเรียกร้องความสนใจแบบนี้นะ...ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้
“เขต ขับช้าๆ ได้ไหม ชนคนตายขึ้นมาทำยังไง”
“พูดได้แล้วเหรอ”
“เฮ้อ...โตแต่ตัวหรือเปล่า อย่าเรียกร้องความสนใจแบบนี้ มันได้ไม่คุ้มเสียนะ”
“ใครเรียกร้องความสนใจวะ”
“นายไง...เด็กเอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ แล้วยังปากแข็งอีก อยากเล่นด้วย ก็บอกดีๆ สิ ไม่ได้จะว่าหรือล้อเลียนอะไรหรอกน่า” เมฆาตอบ ซึ่งก็พูดออกไปตามความรู้สึกที่ตัวเองพอจะมองการกระทำของคณินออก
เขามีน้องสาวที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองหนัก ชอบโกหก ปากแข็ง ทำไมถึงจะดูคนตัวโตคนนี้ไม่ออกล่ะ
“นี่! เลิกพูดเหมือนฉันเป็นเด็กสักที!!!”
โมโหขั้นสุดแล้วสินะ ถึงได้เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจากผมเป็นฉันเนี่ย
“ก็นายยังเด็กจริงๆ ยอมรับเถอะ ยังไงนายก็เด็กกว่าฉัน อยู่กับคนอายุมากกว่ายังไงนายก็ดูเด็กอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากดูเด็กก็ไปหาเพื่อนหรือรุ่นน้องนู่น”
“ทำไมต้องไล่ด้วยวะ!”
“อย่าใส่อารมณ์ตอนที่กำลังขับรถได้ไหม ฉันยังไม่อยากตายนะ”
“ช่างแม่ง…”
เมฆากัดฟันกรอด ชักจะเริ่มหมดความอดทน แต่ถ้าเขายิ่งร้อน พูดจาไม่ เข้าหูคณิน รับรองว่าคนชอบเอาชนะได้พาเขาไปเที่ยวยมโลกแน่ๆ โชคดีหน่อยก็อาจจะได้นอนเล่นที่โรงพยาบาล
ขอร้องล่ะ…แม่คุ้มครองเมฆด้วยนะ ยังมีอีกหลายอย่างที่เมฆต้องทำก่อน...แต่ถ้ามันถึงเวลาจริงๆ ก็คุ้มครองเขตด้วยนะครับ อย่าให้น้องเป็นอะไร ผมไม่อยากรู้สึกผิดอีกแล้ว…
“ร้องทำไม...กลัวเหรอ” คณินที่กำลังหงุดหงิดได้ที่ ลอบมองใบหน้าหล่อของเมฆาก็ต้องตกใจ หัวใจกระตุกวูบที่เห็นน้ำใสๆ ไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย มือแกร่งตบไฟเลี้ยวแล้วจอดเลียบข้างทาง ดีที่ออกออกเมืองมาแล้วจึงไม่มีปัญหาเรื่องการจราจร
“ขอโทษ...จะไม่ขับเร็วแล้ว”
คนอายุน้อยกว่าที่ไม่ค่อยชอบเห็นน้ำตาใครก็ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก ขยับไปมาอย่างลนลาน อีกคนน้ำตาไหล แต่นิ่งไม่ขยับ ตาก็ไม่กะพริบ จนคณินกลัว
“นี่...เฮ้!...เมฆ...คุณ...พี่เมฆ” ร่างสูงเอื้อมมือจับไหล่ของเมฆาแล้วเขย่าเรียกสติ ซึ่งเรียกยังไงร่างโปร่งก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเรียก ‘พี่’ ออกไป เมฆาหันมามองหน้าคณินทันที คราบน้ำตา ดวงตาที่สอดประสานกัน กับใบหน้าที่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
สองร่างชะงัก มือแกร่งยังคงวางบนไหล่ของเมฆา ส่วนใบหน้าขาวใสของเมฆาก็เริ่มแดงซ่าน หัวใจเต้นแรงจนประหม่าไปหมด ไม่เคยสังเกตอย่างจริงๆ จังๆ เลยว่าคณินจะหล่อได้ขนาดนี้ และตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กไปเลย อยากจะหันหน้าหนีแต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
น่ารัก…
คณินมีแต่คำๆ นี้ในหัว มองใบหน้าขาว ดวงตาที่ชิ้นน้ำ กับปากแดงๆ ที่เจ้าตัวเผลอเลียมันอย่างประหม่า ทั้งหมดที่เมฆาแสดงออกมามันมีอิทธิพลรุนแรงต่อหัวใจของคณินมาก มากจนเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของตนเข้าไปใกล้ จนดวงตาสวยเบิกกว้างรีบผงะไปข้างหลัง
“โทษที...ฉันนี่ขี้แยจริงๆ ว่าแต่นายเป็นเด็ก พอกลัวก็ร้องไห้เป็นเด็กไม่ต่างกัน” ใบหน้าที่คณินคิดว่าน่ารัก รีบหันไปยังด้านหน้ารถแล้วเอามือเช็ดน้ำตาแรงๆ ซึ่งมันแรงเกินไปจนคณินหงุดหงิด
ขวับ!
ออกแรงนิดเดียวใบหน้าของเมฆาก็หันกลับมาด้วยปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งของคณิน มือที่วางอยู่บนไหล่ก็เอาออกมาก่อนจะใช้หลังนิ้วเช็ดน้ำตาออกให้เบาๆ
การกระทำที่แสนจะอ่อนโยนของคณินทำให้เมฆายิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง หน้าแดงเป็นลูกตำลึง หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าร่างสูงจะได้ยิน…
ทำแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด
“ข่ะ...เขต พ่ะ พอเถอะ เอ่อ เดี๋ยวทำเอง”
ตอนแรกคณินก็ทำไปเพราะรู้สึกผิดที่ทำให้กลัวจนร้องไห้ แต่ปฏิกิริยาของเมฆาตอนนี้มันทำให้เขาอยากที่จะ ‘แกล้ง’ ตัวสั่นๆ หน้าแดงๆ เลียปากแล้วเลียปากอีก
ถ้าเป็นคนอื่นคงพุ่งไปจูบแล้วล่ะ ยั่วกันอยู่ได้…
ไม่ใช่ว่าตัวของคณินไม่อยากจะสัมผัสริมฝีปากนั่น แต่เขามีสติพอที่ไตร่ตรงผลที่จะตามมา ถ้าเมฆาถามหาเหตุผลที่เขาจูบล่ะ ตอบไม่ได้แน่ๆ
“ทำเองก็แดงหมด”
“เอ่อ หน้าไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
“หึ”
ใบหน้าหล่อที่มีเค้าของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ขยับเข้าไปจนปลายจมูกแตะกัน เมฆารีบหลับตาปี๋เม้มปากแน่น เพราะคิดว่าตัวเองต้องโดนจูบแน่ๆ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะที่ข้างหู กับประโยคที่ชวนหงุดหงิดจนอยากเข้าไปทึ้งหัวให้หายแค้น
“ฮ่าๆ หน้าของคุณตอนนี้ตลกมากเลยว่ะ โคตรจี้เลย ฮ่าๆ”
อับอาย ขายขี้หน้าที่สุด ไอ้เด็กนี่!!!
ร่างโปร่งลืมตาจ้องมองร่างสูงกว่าด้วยความโกรธแล้วสะบัดหน้าหนีไปยังข้างทาง เสียงหัวเราะของคณินก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่อย่างชอบใจที่เอาชนะเขาได้
“โอ๊ย!!! จี้ว่ะ ฮ่าๆ”
คณินขับรถต่อไปอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ลอบมองคนข้างๆ เป็นระยะๆ เมฆาไม่รู้หรอกว่าคณินก็ใจเต้นแรงไม่ต่างกัน เมื่อกี้ก็ลังเลว่าจะจูบหรือแกล้งดี อยากจูบจริงๆ ก็อยากจูบ อยากแกล้งก็อยากแกล้ง
จนกระทั่งปากจะแนบลงไปแล้ว เขาก็ตัดสินใจผละมาที่หูอย่างจำใจ…
ถ้าจูบไป...แม่งก็ต้องหลบหน้าดิ ไอ้เราจะเข้าไปหาเรื่องในไร่กเขาก็ไม่ได้ป่ะวะ
เพราะโกรธอยู่เลยทำให้เมฆาไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคณิน...
“ช่วงนี้เห็นว่าไปท้ายไร่บ่อยๆ ไปทำอะไรงั้นเหรอ?”
คนถูกถามชะงักช้อนในมือ ก่อนจะวางมันลงแล้วมองหน้าพ่อเลี้ยงอาทิตย์ผู้เป็นบิดา สีหน้าอัดอัดจนศตคุณที่มองอยู่แอบหัวเราะเยาะ จนเขาหันไปแยกเขี้ยวใส่
“เปล่านี่พ่อ ผมก็แค่ไปเดินเล่นตอนที่เบื่อๆ เซ็งๆ เท่านั้นเอง”
“เหรอ…”
“ทำไมเสียงเหมือนไม่เชื่อล่ะพ่อ”
“ก็เชื่อ...เชื่อว่าแกโกหกไง”
“พ่อ…”
“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย”
“ไรอ่ะ”
“หึหึ”
“หัวเราะไรวะ?”
“จะไปหาเรื่องหมูทำไมเนี่ยเขต พอไม่ชนะก็พาลเขาไปทั่ว ทำตัวแบบนี้ระวังจะไม่มีใครรักนะ”
พ่อพูดเหมือนรู้เลยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ รู้สึกอะไรอยู่ หรือว่าพ่อให้คนตามสืบเรื่องของเราวะ! ไหนว่าให้อิสระลูกไง ทำไมทำแบบนี้อ่ะ
“คิดอะไร คิ้วขมวดเชียวนะมึง”
“กูไม่ได้คิดถึงใครสักหน่อย!!”
ศตคุณกลอกตาไปมาอย่างเอือมๆ แล้วพูดอีกครั้ง
“ถามว่าคิดอะไร ไม่ใช่ถามว่าคิดถึงใคร ไอ้นี่ หูเพี้ยน ไม่สิ อาการแบบนี้เขาเรียกร้อนตัว แสดงว่ามีบุคคลที่สาม ใครวะ? มึงกำลังมีความรักเหรอ” นอกจากที่ศตคุณจะรู้ทันนิสัยของเพื่อนแล้ว ยังสามารถตีความได้ดีอีกด้วย
“เปล่า...ถ้ามีกูต้องบอกมึงสิ ไม่เก็บเป็นความลับหรอกน่า”
“ให้มันจริง”
“เออ”
“หึหึ กินข้าวแล้วรีบไปทำงานได้แล้วไป” พ่อเลี้ยงอาทิตย์หัวเราะเบาๆ สั่งให้ทั้งสองคนรีบกินข้าวเช้าเพื่อจะได้รีบไปทำงาน แต่ไม่วายส่งสายตาจับผิดลูกชาย ซึ่งคณินก็ได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้ก็เท่านั้น
รู้ดีว่าปิดพ่อไม่ได้หรอก...แต่ใครมันจะไปยอมรับล่ะ
“เมื่อวานอาหารอร่อยมากเลยน้องเขต ขอบคุณมากๆ ที่เลี้ยงพวกเรา”
“ใช่ๆ ขนมก็อร่อย นานๆ ได้กินของจากในห้างที เป็นบุญปากจริงๆ”
“ดีแล้วพี่ วันๆ อย่ากินแต่เหล้า เป็นห่วงเมียพวกพี่น่ะ กลัวจะเป็นหม้าย” คณิน ตอบกลับไปด้วยความสนิทสนม ซึ่งคนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ถือ ยังไงคณินก็เป็นเจ้านาย เรียกคนงานว่าพี่แล้วให้คนงานเรียกตัวเองด้วยชื่อธรรมดาหรือไม่ก็น้องนำหน้าก็นับว่าเป็นเกียรติแล้ว
พ่อเลี้ยงกับคณินเหมือนกันตรงที่ไม่สนเรื่องตำแหน่ง ทำงานกันแบบครอบครัวจริงๆ
“พี่ก็ว่าจะเพลาๆ แล้วล่ะ ตายก่อนเดี๋ยวเมียมันจะดีใจ หาผัวใหม่มาเย้ยวิญญาณ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมันสมหวัง ฮ่าๆ”
“โอ้ย! นี่พี่รักเมียจริงๆ ไหมเนี่ย”
“พี่จะรักเฉพาะเมียตามใจ เวลาเมียเอาแต่ใจนี่ขอเกลียดเลย” คณินส่ายหน้าก็รู้ๆ อยู่ว่าพี่ๆ คนงานน่ะปากเสียแค่ไหน แต่ก็ทำปากเก่งไปแบบนั้นแหละ ในวงนี้น่ะ กลัวเมียกันทุกคน เวลาเมียมาตามตอนกินเหล้ากันอยู่นะ แทบจะก้มกราบขอขมากัน
“แล้วนี่น้องเขตไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ เป็นหนุ่มแล้วนา”
“รีบทำไมล่ะพี่ เพิ่งผ่านรั้วมอปลายได้ไม่กี่เดือนเองเนี่ย”
“ก็นึกว่าจะมีเด็กมหาลัยสวยๆ มาติด น้องเขตหล่อจะตายไป”
“ไอ้มีมันก็มีตามประสาคนหน้าตาดีน่ะพี่ แต่ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่ใช่ว่ะพี่” ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนงานในไร่มีหวังคณินถูกกระทืบเพราะความหลงตัวเองไปแล้ว แต่นี่ได้รับเสียงโห่กลับมาแทน
พอทำงานในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว คณินก็ไปหาเรื่องเพื่อนอย่างศตคุณเล่น ก่อนจะเดินทางไปยังเขตตะวันเนื่องจากเขาต้องไปดูแลแขกสำคัญต่อ ทั้งๆ ที่ควรจะนอนอยู่ที่เขตตะวันแท้ๆ แต่กลับมีเรื่องให้ต้องมาไร่ตลอดเลย ไอ้จะกลับไปเขตตะวันตอนดึกๆ ดื่นๆ มันก็คงจะไม่ได้
อยากไปเจอเมฆาเหมือนกัน แต่งานก็ต้องมาก่อน…
สองอาทิตย์ผ่านไปแล้ว เมฆาก็ไม่ได้เจอเด็กขี้แกล้งอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เจ้าตัวมาส่งเขาถึงในไร่อีก อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้พ่อของเขากลับมาจากต่างประเทศแล้วด้วย ส่วนเมฆาก็วุ่นวายกับงานที่พ่อยัดเยียดมาจนไม่มีเวลาพัก ก็เลยไม่ได้ไปนอนเล่นที่ท้ายไร่อีกเลย
แต่การที่เขาไม่ได้พักเลยมันก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง มันทำให้เขารู้ว่าพ่อมีห้องเอกสารลับๆ อยู่ในห้องนอนที่ประตูเป็นสมาร์ทล็อคต้องใส่รหัสเข้า แต่เขาก็ไม่ได้มีสิทธิ์เข้าไปเลย มายืนรอพ่อเอาเอกสารได้แค่ที่หน้าห้องเท่านั้น
หลักฐานสำคัญ แล้วเอกสารสัญญาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายต้องอยู่ในนั้นแน่ๆ ทำยังไงถึงจะรู้รหัสเข้าไปได้ พ่อคงไม่ตั้งรหัสเป็นวันเดือนปีเกิดของตัวเองแน่ๆ
มันต้องเป็นหมายเลขที่สำคัญมากๆ แล้วอะไรล่ะที่สำคัญกับพ่อมากๆ
“แกกำลังคิดอะไร…”
“เอ่อ ป่ะ เปล่าครับ”
“มีสมาธิทำงานหน่อย งานฉันไม่ใช่งานราคาถูกนะ เอกสารแต่ละใบนั่นน่ะมีมูลค่าหลายล้านเลยนะ”
พ่อไม่ให้เขาแตะเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายเลยด้วย ที่ได้ทำก็มีแต่เอกสารของไร่ โรงงาน ก็แค่นั้น ตอนนี้อะไรก็มืดแปดด้านไปหมด
“ขอโทษครับ”
“ฉันใช้งานแกหนักหรือไง? แค่นี้ทำมาเป็นเหนื่อย”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เหนื่อย แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”
“สนใจงานฉันนี่ สำคัญกว่า ให้เงิน ให้ทุกอย่างกับแกได้”
ไม่จริง...เงินให้ความสุขได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานแล้วมันก็หมดไป ทั้งความรู้สึกที่เคยสุข ก็ต้องคอยเอาเงินมาบำเรอตัวเองเพื่อให้มันมีความสุขต่อไปยามมันใกล้จะหมดอย่างนั้นน่ะหรือ
ความสุขของพ่อเป็นแบบนี้หรือไง…
“ฉันจะไปญี่ปุ่นสองอาทิตย์นะ น้องแกก็จะไปด้วย”
“ไปทำไมหรือครับ”
“ไม่ต้องอยากรู้จะได้ไหมเรื่องของฉันกับน้องแกเนี่ย ไม่ต้องรู้หรอกว่ายัยมลมันจะทำอะไร ที่ไหน ให้น้องมันเที่ยวเล่นตามประสาไป ยังไงฉันก็มีเงินมากพอที่จะจ่ายให้”
“แต่…”
“ฉันไปแล้ว ทำงานไป ถ้ามีคนรายงานว่าแกอู้ ฉันทำโทษแกแน่” พ่อเลี้ยงมนัสชี้หน้าคาดโทษลูกชายเอาไว้ก่อนจะเดินปึงปังจากไป
สองอาทิตย์งั้นเหรอ...คราวนี้พาคนไหนไปล่ะ เฮ้อ...สักวันผู้หญิงของพ่อจะนำปัญหามาให้แน่ๆ
“เฮ้อ...เวรกรรมของแกเมฆ ก้มหน้าชดใช้ไปเถอะ”
บางที...การพูดประชดชีวิตของตัวเองก็คงช่วยให้รู้สึกดีขึ้นนะ จะว่าไปแล้วก็รู้สึกเหงาๆ อยู่เหมือนกัน ไม่มีเพื่อนที่นี่เลย จะพูดกับใครได้นอกจากคุยกับตัวเอง
เมฆาหอบแฟ้มทั้งหมดไปที่ห้องนั่งเล่น เขายังไม่มีโซนที่ไว้ทำงานเลย ในสำนักงานก็คงจะใช้ไม่ได้เพราะผู้จัดการคงจะไม่ให้การต้อนรับเท่าไหร่นัก ที่นั่นโต๊ะก็เต็ม พนักงานก็ประจำที่ตัวเองอยู่แล้ว แล้วก็ค่อนข้างเล็กด้วย ไปเบียดก็ไม่สะดวกใจเปล่าๆ
มีแค่ที่บ้านนี่แหละที่เมฆาจะใช้ทำงานได้ พ่อก็ไม่ค่อยอยู่ น้องสาวก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ถ้ากลับก็เป็นช่วงเช้ามืด ตื่นอีกทีเที่ยง กินข้าวกินอะไรเสร็จก็ไปต่อ บ้านนี้เลยเป็นพื้นที่ทำงานของเขาไปโดยปริยาย แม่บ้านหรือคนงานในบ้านก็ไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกับเขาเท่าไหร่
แต่ที่ทำให้อึดอัดคือกล้องวงจรปิดที่อยู่ทุกมุมของบ้านนี่แหละ...เมฆาไม่รู้ว่าศักดินนท์มีแบบนี้หรือเปล่า หากเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าคงเป็นเพราะเอกสารสำคัญหรือของสำคัญของพ่อแน่ๆ เลยติดกล้องเอาไว้ตรวจเช็คยามที่ตนไม่อยู่บ้าน เวลาที่เมฆาจะทำอะไรก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย
“นี่มันบ้านหรือที่คุมขังกันแน่นะ”
“ก็ไม่เห็นจะมีงานอะไรให้ทำนอกจากอ่านเอกสารสัญญาแล้วก็ดูบัญชีย้อนหลัง อ่านจนจะท่องได้หมดแล้ว บอกให้ทำงานก็จริงแต่ตัวเองก็ไม่ไว้ใจเรา…เฮ้อ” แม้จะบ่น แต่ตาก็ยังทำงานไป มือก็เปิดหน้าของเอกสารในแฟ้มในมือไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นจุดที่มันดูน่าสงสัยของบัญชี
หืม?
“ทำไมมันดูแปลกๆ” มือขาวรีบหยิบอีกแฟ้มขึ้นมาเทียบกันอย่างเคร่งเครียด เพราะเมื่อมองแล้วคำนวณตามคร่าวๆ ดูก็รู้สึกว่ามันแปลก
เมฆาเริ่มจริงจังกับการดูบัญชี บิล ใบเสร็จต่างๆ เพื่อหาคำตอบให้ตัวเองว่าไม่ได้คิดหรือเข้าใจผิดไปเอง จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง เมฆาก็ได้คำตอบทุกอย่าง
“บัญชีกับบิลมันก็ตรงกัน แต่ทำไมใบสั่งซื้อมันถึงได้ดูน่าสงสัยยังไงชอบกล ยาฆ่าแมลงสั่งลงทีละเยอะมาก จำเป็นต้องใช้ขนาดนี้เลยเหรอ ดูๆ แล้วทั้งไร่ก็ไม่น่าใช้เยอะขนาดนี้ เพราะในหนึ่งปีก็สั่งบ่อยด้วย แล้วทำไมถึงต้องใช้ ไม่ปลูกแบบปลอดสารเคมีกันล่ะ เฮ้อ...ว่าแต่ โกดังเก็บยาฆ่าแมลงมันอยู่แถวไหนเนี่ย” เมฆาบ่นพึมพำกับตัวเอง เขาต้องการที่จะไปดูว่าในโกดังมียาฆ่าแมลงเก็บไว้เท่าไหร่ ถ้าได้เห็นการใบนับสต็อกของ เมฆาอาจจะได้คำตอบในความสงสัยของตัวเองก็ได้
คิดได้ดังนั้นร่างโปร่งก็ยืนขึ้น ปิดแฟ้มเอกสารแล้วจัดให้มันเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปยังนอกบ้าน กวาดสายตาหาคนงานเพื่อสอบถามทาง
“เดี๋ยวลุง!”
“ครับคุณเมฆ มีอะไรให้ลุงช่วยหรือเปล่าครับ”
“โกดังเก็บยาฆ่าแมลงอยู่ตรงไหน ใครเป็นคนดูแล ผมจะไปขอดูหน่อย”
“ไอ้จาครับ มันเป็นหัวหน้าคนงาน เป็นคนดูแลสต็อกของทั้งหมด โกดังอยู่ทางด้านไร่ส้มครับ”
“งั้นพาผมไปหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ครับคุณเมฆ เดี๋ยวผมขอตัวไปเอารถก่อนนะครับ”
“ครับ”
รอไม่นาน ร่างโปร่งก็ได้ขึ้นไปนั่งบนรถกระบะที่ใช้งานในไร่ได้สะดวกกว่ารถแบบอื่น แล้วเดินทางไปยังโกดังเก็บของในทันที ระหว่างทางเมฆาก็สำรวจพื้นที่ไปด้วย คนงานที่ตั้งใจทำงานก็มี แต่ส่วนใหญ่นั่งจับกลุ่มคุยกันเสียมากกว่า
ที่สำคัญมีการตั้งวงเหล้าในเวลาทำงาน
นี่คือพ่อปล่อยปะละเลยขนาดนี้เลยเหรอ…
“ถึงแล้วครับ”
“อ่า…”
ดงโจร?
นี่คือความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากที่เมฆาเห็นสภาพของสถานที่ที่เรียกว่าโกดังเก็บของ มันไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่เหมือนเป็นที่หลบซ่อนของโจรแบบในละครไม่มีผิด คนงานประมาณห้าหกคนนั่งกินเหล้าอยู่บนแคร่ไม้อันใหญ่ เหมือนไม่มีงานทำ
ร่างโปร่งเปิดประตูลงไปด้วยความกังวล
“ไอ้จา คุณเมฆอยากดูสต็อกเว้ย!” ลุงที่ขับรถให้เมฆาตะโกนเรียกหนึ่งในกลุ่มที่กำลังกินเหล้า ซึ่งเมฆาก็ได้จ้องมองไม่วางตา ทั้งหมดนั้นพอได้ยินก็หันพรึบมาที่พวกเขา ก่อนทุกสายตาจะจ้องที่เมฆาเป็นตาเดียว
“นี่คุณเมฆเหรอวะ”
“เออดิ!”
100%
อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/