[กันต์/แหลม] สเปวันเด็ก▲คบวันนี้เลิกกันปีใหม่▲#ชอกะเชร์คู่กันต์ (12/01/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [กันต์/แหลม] สเปวันเด็ก▲คบวันนี้เลิกกันปีใหม่▲#ชอกะเชร์คู่กันต์ (12/01/62)  (อ่าน 169500 ครั้ง)

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากเห็นชอตบอสเจอพี่ธีร์แบบจังๆ น่าจะยับแม่ยับ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
สั้นจังเลย คิดถึงนังแหลมกะบอส  :ling1:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
บอสรุกจีบขนาดนี้ แหลมไม่ใจอ่อนให้มันรู้ไป

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
งื้ออออ บอสสสสส น้องเชร์ต้องหลงกลบอสซักวันแหละค่าา

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งือออออ งือออออออ บอสสสส  :-[

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :katai4: สนุกกกกกกก บอสสสสส ความรวยนี้

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ชอบการต่อปากต่อคำของสองคนนี้จัง ไม่เบื่อเลยแหลมเด็กดื้อที่น่ารัก :laugh:

ออฟไลน์ หน่วยกล้าวาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0

#ชอกะเชร์คู่กันต์
ตอนที่ 06 : กลับบ้านเรารักรออยู่ (PART 2/2)


“สภาพมึงเหมือนคนเพิ่งโดนสิบล้อเหยียบมา ไปทำเชี่ยไรมาวะธูป โทรมฉิบหาย”

เจ้าของชื่อถอนหายใจเนือย ๆ พลางมองใครอีกคนที่นั่งรอเขาตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธเพื่อเลี่ยงการเข้าเรื่องส่วนตัว อันที่จริงธูปไม่ได้อยากมาที่นี่นัก ถ้าไม่มีความสัมพันธ์แสนกระอักกระอ่วนกับพี่เชร์

“เมื่อคืนนอนกี่โมง?”

“ตีสอง”

“เอาดี ๆ” คนถูกเซ้าซี้ถอนหายใจหนัก ๆ เพื่อให้รู้ว่าไม่สบอารมณ์ เขาโตแล้ว แต่พี่เชร์คงไม่สนเรื่องนั้น อีกทั้งยังมองมาอย่างคาดคั้นไม่ต่างจากในทีแรก

“ตีห้า”

“ทำอะไรจนป่านนั้น เกมก็ไม่ได้ติดปะ ก็รู้ว่าวันนี้มีนัดยังนอนเช้า”

“มันเป็นนัดที่พี่อยากเจอฝ่ายเดียว ผมง่วงจะตายอยู่แล้วแต่ก็ต้องตื่นมานั่งฟังพี่บ่นอะไรก็ไม่รู้” เด็กหนุ่มกล่าวพลางมองคาดโทษอีกฝ่าย

“กูก็ไม่ได้อยากพูดหลายสิ่งนะธูป กูเป็นคนพูดมากก็จริง แต่บอกได้เลยว่าพอเป็นเรื่องมึงแล้วกูอยากพูดให้น้อยที่สุด แต่เราต้องเจอกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง มึงก็รู้”

“อืม” ธูปจำเรื่องนี้ได้ดีกว่าบทเรียนเสียอีก แต่การมาเจอพี่เชร์ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำทันทีที่ตื่นนอน 

“มึงหงุดหงิดไรนักหนาวะ?”

“พูดไปพี่จะเข้าใจเหรอ?”

“ต้องเข้าใจอยู่แล้วดิ ขอแค่มึงงัดปากพูด” ในสายตาคนอื่นแหลมคือเด็กกะโหลกที่ไม่รู้จักโต แต่นั่นก็ไม่ใช่อยู่กับไอ้เด็กเวรนี่ที่ทำหน้าเหม็นเบื่อโลกทุกครั้งที่เจอเขา

“พี่ทำเหมือนผมเป็นขอทาน ทำเหมือนผมเป็นเด็กเหลือขอ แต่พี่คงไม่เข้าใจหรอก บ้านพี่มีเงินเหลือกินเหลือใช้”

“กูไม่เคยทำแบบนั้นหรอกธูป มึงอย่าปั่นดราม่า นอนไม่พอก็สั่งข้าวแดกจะได้กลับหอไปนอน” คนพี่เอนหลังนั่งพิงกับเก้าอี้ ถอนหายใจอย่างหัวเสียกับสิ่งที่อีกคนแสดงออกให้เห็น พออยู่กับไอ้เด็กห่านี่เขาก็ต้องเป็นคนมีความอดทนให้มากกว่าทุกทีสิน่า “แค่มาเจอกัน คุยกันเหมือนที่เคยเป็นตอนอยู่อุดร --”

“มันไม่เหมือนเดิมแล้วพี่ก็รู้”

“เพราะกูกับมึงโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วไง ‘เหมือนที่เคยทำ’ ที่พูดไปหมายความว่ากูอยากให้มาเจอกัน บ้าง ไม่ใช่ห่างเหินไปเหมือนคนที่ต้องมาเจอเพราะความจำเป็น”

“ใช่ไง ผมจำเป็นต้องเจอพี่เพราะที่บ้านไม่มีใครสนว่าผมจะอยู่หรือตาย ไม่มีใครส่งเงินให้ ป่วยก็ไม่มีใครสน แล้วพี่ก็สวมบทพระเอกขี่ม้าขาว ให้เงินผมใช้เพื่อที่จะแสดงออกว่าเวทนาผมได้”

“เจตนากูเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ เดี๋ยวฟาดกะโหลกร้าว น้อยใจแม่แล้วพาลกูเฉยแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ไอ้เด็กเหี้ย” คนพี่เลือดขึ้นหน้า ตั้งท่าง้างมือขึ้นจะตบแต่ก็ไม่เคยลงมือได้สักครั้ง เห็นหน้ามันทีไรเป็นต้องใจอ่อนทุกที
 
ไอ้ธูปทำหน้าเหมือนจะกระอักความทุกข์ตายอยู่รอมร่อ เขาจึงถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม พยายามใจเย็นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกได้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ได้มากกว่าที่มันคิด ถึงจะเป็นเรื่องยากแต่อย่างน้อยแหลมก็อยากให้ไอ้เด็กนี่เห็นว่าเขาพึ่งพาได้

ธูปเป็นรุ่นน้องที่เคยสนิทกันเมื่อตอนเรียนมัธยม มันเป็นน้องชายของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่อยากพูดถึง เมื่อตอนเป็นเด็กกางเกงดำขาสั้น ไอ้เด็กเวรนี่ตามติดเขาแจ ติดยิ่งกว่าพี่สาวแท้ ๆ ที่มันมีเสียอีก เขาเป็นที่ปรึกษาให้เรื่องเรียนในบางวิชา และเครื่องดนตรีบางประเภทที่ชอบเล่นเหมือนกัน แต่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอกับเด็กที่เข้าสู่วัยต่อต้าน ซึ่งจะโทษส่วนนี้อย่างเดียวก็ไม่ถูกถ้าสิ่งแวดล้อมไม่บีบบังคับจนทำให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

แม้บ้านเมืองจะมีรถราขับผ่าน มีสนามบิน แถมไม่ได้ใช้ช้างกับวัวเป็นยานพาหนะอย่างที่คนกรุงคิด แต่ความคิดผู้ใหญ่หลายคนก็ยังมีความล้าหลังอยู่มากที่คิดว่าการไปเรียนกรุงเทพฯเป็นความเสี่ยงระดับต้น ๆ ที่ควรพึงระวังให้ลูกหลาน

ครอบครัวธูปไม่เห็นด้วยที่มันขอไปเรียนกรุงเทพฯหลังจากสอบติดมหาวิทลัยลัยที่มีการจัดงานแฟร์บ่อย ๆ แม่มันอยากให้เรียนราชภัฏในจังหวัดมากกว่าจะให้ไปใช้ชีวิตแบบคนเมืองกรุง อ้างเรื่องกลัวลูกเสียคนเป็นอันดับแรก คนกรุงเทพเชื่อใจไม่ได้ และปิดด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่คูณสองเข้าไปเมื่อเทียบกับเรียนอยู่บ้าน

แต่แหลมมองเห็นความตั้งใจของไอ้ธูป มันไม่ใช่คนเรียนห่วยแตก เรียกได้ว่าดีในระดับหนึ่งเลย อีกอย่างมันคงอยากหนีจากความห่าเหวของบ้านที่มีพ่อเลี้ยงควบคุมทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงรับบทพระเอกแบบที่พี่ธีร์ยังงงตาแตกตอนที่เล่าให้ฟังครั้งแรก ซึ่งนั่นก็คือการช่วยเรื่องค่าหอ แต่ไอ้ธูปต้องหาค่าข้าว ค่าเน็ตด้วยตัวเอง

แหลมไม่ใช่คนรวย เงินที่ให้มันก็ได้มาก็จากยอดโดเนทจากแฟนคลับกับยอดวิวยูทูป บางทีได้เงินรางวัลจากแข่งเกมก็แบ่งเป็นค่าขนมให้มันบ้าง ดังนั้นเงินห้า-หกพันต่อเดือนจึงไม่ได้มากเกินไปถ้ามันช่วยเด็กคนหนึ่งให้มีอนาคตได้

ไอ้แหลมไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นเว้ย แต่เข้าใจอารมณ์ไหมว่าน้องนุ่งลำบากอยู่คาตา จะให้เพิกเฉยมองเลยผ่านไปก็จะเกินไปหน่อยว่ะ
 
เคยเห็นชาวบ้านชาวช่องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยได้ เพราะคนเหล่านั้นไม่มีใครส่งเสีย แต่ใครจะรู้ว่าพอช่วยแล้วไอ้ธูปจะเป็นแบบนี้ มันทำงานพิเศษแค่ช่วงแรก ๆ สักพักก็เริ่มติดเพื่อนจนเกรดตก ล่าสุดดร็อปไปสองตัว อร่อยจานโต พอมาเจอกันทีก็ทำหน้าทำตาแบบนี้ กูไปกราบตีนให้มึงมาเรียนกรุงเทพฯเหรอถามก่อน

“ปล่อยผมไปเลยดิ จะแคร์อะไร?”

“มึงไม่ได้อยากพูดแบบนี้หรอก เพราะถ้ากูปล่อยจริง ๆ คนที่จะอยู่ไม่ได้ก็คือมึง กูไม่ลำบากอยู่แล้ว มีแต่จะสบายขึ้นด้วยซ้ำที่มีเงินเก็บเพิ่ม แถมไม่ต้องมาเห็นหนังหน้าไม่สบอารมณ์ของมึงด้วย”

แม่งเอ๊ยยยยย อยากตีปากตัวเองเหลือเกินที่ตอบโต้กลับไปแบบนั้น เขาควรใจเย็นให้ได้สักเศษเสี้ยวพี่แจ็คหรือไม่ก็เนิบ ๆ ไปแบบไอ้โซ่ หรือเลือกพูดดี ๆ กึ่งคำสอนเหมือนพี่ตั้บ ไม่ใช่ลั่นอย่างคนพร้อมเปิดสงครามโลกครั้งที่สามแบบพี่ธีร์

“งั้นก็ไม่ต้องโอนเงินมาแล้ว หลังจากนี้พี่อยากทำอะไรก็ทำ แต่ไม่ต้องแสร้งว่าเป็นคนดีหรอก พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับผมด้วยซ้ำ ผมก็แค่น้องชายพี่เทียน เค้าไม่มารับรู้ด้วยหรอกว่าพี่ทำดีกับผมยังไง”

“คิดแทนเก่ง ถ้าพี่มึงพูดแบบนี้เมื่อไหร่แล้วกูจะสะเทือนใจให้สักครั้งแล้วกัน”

แหลมแค่นหัวเราะแล้วลุกขึ้นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแจ็กเก็ต แต่เดินออกไปได้เพียงสองก้าวก็หยุดยืนอยู่กับที่ ก่อนจะหันมามองไอ้เด็กเวรเป็นครั้งสุดท้ายแบบที่พี่ชายปลอม ๆ พอจะใจเย็นได้

“กูจะกลับอุดรอาทิตย์หน้า ถ้ามึงมีเวลามากพอที่จะคิดเรื่องโง่ ๆ ได้ ก็ควรหาเวลากลับบ้านไปเยี่ยมพี่มึงบ้างนะ”

“...”

ธูปไม่ได้หันไปหาความหวังดี เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมแม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินหายไปจากตรงนี้แล้ว เหมือนเดจาวูที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่เขาแสดงอาการต่อต้านความหวังดีอย่างชัดเจน

เสียงข้อความเงินเข้าเด้งแจ้งเตือนเหมือนกับทุกครั้ง แม้ตัวไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว และบทสนทนาที่มีต่อกันก็สั้นและไม่รื่นหูจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นคนอื่นคงเลือกหายไปจากชีวิตธูปมากกว่าจะโอนเงินให้เหมือนอย่างเคย เด็กหนุ่มรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อม ๆ กันเพราะเขายังต้องพึ่งเงินของพี่เชร์อย่างที่ว่าจริง ๆ แต่ก็รังเกียจความรู้สึกแบบนี้ที่ทำให้เขากลายเป็นคนน่าสมเพชเพราะแม่ไม่ส่งเสียเลี้ยงดู


*


เพราะตั้งใจว่าจะไปต่างจังหวัดกับเด็กฝึกงานตัวแสบ ตลอดอาทิตย์กันต์กวินทร์จึงเร่งเคลียร์งานทุกอย่างเพื่อไม่ให้หลงเหลือปัญหาน่าปวดหัวในวันหยุดสุดสัปดาห์ ชายหนุ่มเอาเสื้อผ้าในตู้ออกมากระจายไว้บนเตียง กำมือป้องปากขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชุดไหนจะทำให้หลีกเลี่ยงคำประชดประชันได้มากที่สุด เพราะถ้าแต่งตัวดีเกินไป เด็กคนนั้นก็คงหาเรื่องว่าเขาติดหรูไม่ดูสภาพแวดล้อม แต่ถ้าแต่งตัวธรรมดาเดี๋ยวก็หาว่าเหยียดอีก

หรือจะเล่นใหญ่ให้เด็กคนนั้นว่าตรง ๆ ไปเลยเป็นไง?
ให้ตายสิ ชอบแบบโดนด่าพร่ำเพรื่องั้นเหรอ เขาเริ่มจะซาดิสม์เข้าไปทุกทีแล้ว

ตั้งแต่รู้จักเด็กคนนั้นเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่มากมายนับไม่ถ้วน กาแฟถุงกระดาษรสชาติเป็นอย่างไรก็ได้รู้แล้ว ไหนจะบรรยากาศร้านอาหารตามสั่งที่ทำให้จามจนหัวเสียเพราะผัดกะเพรา ไหนจะกินส้มตำท่ามกลางความร้อนสามสิบสี่องศา ก่อนเจอเชร์ กันต์เคยกินส้มตำอยู่หลายครั้ง แต่นั่นก็เป็นห้องแอร์ในห้างมากกว่าจะเป็นเพิงหมาแหงนแบบที่วันดีคืนดีฝนก็เทลงมา หนำซ้ำเด็กคนนั้นกับแจ็คก็เลือกตากฝนวิ่งกลับบริษัทแทนที่จะรอให้ฝนหยุด คนหนึ่งกลัวโดนรุ่นพี่ด่า อีกคนกลัวโดนหักเงินเดือน โดยไม่สนใจว่าคนที่ควบคุมทุกอย่างของบริษัทยืนอยู่ข้าง ๆ แล้ว


คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘Naughty boy’
[ ระหว่างสีเทากับสีฟ้า คุณชอบสีไหนมากกว่ากันครับ? ]


กดส่งข้อความเสร็จก็คว้าไม้แขวนเสื้อทั้งสองขึ้นมาดูใกล้ ๆ First Impression กับครอบครัวเชร์เป็นสิ่งสำคัญ เขาอยากให้ท่านรู้สึกดีตั้งแต่ครั้งแรก เผื่อว่าอนาคตไปกันได้สวยจะได้ไม่ต้องพยายามให้มาก

ใส่สีฟ้าก็สดใสดูเป็นมิตรดี แต่สีเทาก็สุภาพ เด็กคนนั้นจะเลือกสีอะไรนะ?


คุณได้รับข้อความจาก...
‘Naughty boy’
[ สีเทา โอนเข้ากสิกรนะ บัญชีเดิม เอาเยอะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ]


อืม ไม่น่าถาม เหมือนโยนเหรียญลงไปในน้ำแล้วหวังว่ามันจะว่ายน้ำได้ไม่มีผิด


สุดท้ายก็ใช้สัญชาตญาณตัดสิน หยิบจับมั่วซั่วราว ๆ แปดชุดเพื่อหนึ่งคืนสองวัน กันต์ถอยมายืนดูความอัดแน่นในกระเป๋า พลางถอนหายใจอย่างฝืน ๆ เพราะรู้ว่าควรเอาออกสักสามชุดถ้าไม่อยากโดนเหน็บว่าทำตัวเวอร์

ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ จับเผ้าผมที่เซ็ทมาเป็นอย่างดีอย่างคนสำอาง ตรวจเช็กความเรียบร้อยให้พร้อม ก่อนจะถามคนในกระจกว่าทำไมถึงทุ่มเทขนาดนี้ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะมีใจเลยด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สามารถให้คำตอบคนในกระจกได้จนกว่าจะจบทริปบ้านต่างจังหวัด

กันต์เป็นนักธุรกิจ ดังนั้นการลงทุนทุกครั้งย่อมมีการหวังผลเสมอ


*


ทั้งคู่นัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง และขึ้นเครื่องตอนแปดโมงครึ่ง ใช้เวลาเดินทางราว ๆ สี่สิบห้านาที ก่อนขาทั้งสองข้างจะแลนดิ้งถึงหน้าร้านส้มตำ ‘เจ๊พรตำแหลก’ ตอนสิบโมงเช้า

“แม่!!!!!!!!!!!!!!!”

“เอ๋า บักหล่า มาได้จั๋งได๋ล่ะนั่น?!” ( อ้าวลูก มาได้ไงล่ะนั่น?!) ผู้หญิงที่กำลังตำส้มตำตะโกนตอบ อดคิดไม่ได้ว่าคนแถวนี้คุ้นชินกับการส่งเสียงดัง ๆ มากกว่าคุยกันด้วยโทนเสียงปกติงั้นหรือ?

“หลับตาแล้วก็โผล่มานี่เลย – ว่าได๋เจ๊ สั่งอีหยังไปให้ผัวกินล่ะมื้อหนิ เอาลาบเนื้อบ่ แถวนี้แม่ผมเฮดแซ่บสุดแล้วบ่อยากสิคุย สั่งแปดสิบกินได้เบิ่ดหมู่บ้าน” (ว่าไงเจ๊ สั่งอะไรไปให้ผัวกินบ้างล่ะวันนี้ เอาลาบเนื้อด้วยไหม แถวนี้แม่ผมทำอร่อยที่สุดแล้วไม่อยากจะโม้ สั่งแปดสิบบาทกินได้ทั้งหมู่บ้าน)

แหลมทักทายลูกค้า ขายตรงจนคนฟังแถวนั้นกรอกตามองบนเพราะเอือมไอ้เด็กหน้าลูกครึ่งที่ไม่เคยลดความกวนตีนลงไปได้เลย

“โอ๊ยยยยย บักเด็กเทพ มาฮอดกะขี้คุยโลดเนาะ อีนี่บ่สั่งเดี๋ยวกูสั่งเอง ขายเก่งคัก” (โอ๊ยยยยย ไอ้เด็กกรุงเทพ กลับมาถึงก็ขี้โม้เลยนะ อีนี่ไม่สั่งเดี๋ยวกูสั่งเอง ขายเก่งเหลือเกิน)

“เหนื่อยบ่หล่า มา ๆ กินน้ำก่อน ว่าแต่พาไผมาล่ะน่ะ?” (เหนื่อยไหมลูก เข้ามา ๆ กินน้ำก่อน ว่าแต่พาใครมาน่ะ?)

“เพิ่นเป็นเจ้าของหม่องที่ข่อยฝึกงานอยู่” (เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ผมฝึกงานอยู่)

“สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้แม่ค้าส้มตำ เธอเป็นผู้หญิงสวยแบบไทย ๆ แต่ดูแล้วน่าจะอายุไม่ถึงห้าสิบ

“จ้า หวัดดีจ้า” คนเป็นแม่ทักทายเป็นภาษาไทยพร้อมรอยยิ้ม เพียงครู่เดียวก็มีหญิงแก่เดินออกมาจากหลังประตู

“ผู้ได๋มาเสียงดังหน้าร้านกู?” (ใครมาเสียงดังหน้าร้านกู?)

“ข่อยเอง มีหยังบ่ล่ะยาย?” (ผมเอง มีอะไรเปล่ายาย?) เด็กหนุ่มเชิดหน้ากวนยายแก่ที่กำลังหรี่ตามองมาทางนี้ และแหลมก็ยิ้มกว้างทันทีที่เจ้าของรอยเหี่ยวย่นยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าเขา

“เอ้า บักหล่าตินั่น?!” (อ้าว หลานเองเหรอนั่น?)

แหลมไม่ได้ปล่อยให้ยายต้องรอนาน เขารีบวิ่งเข้าไปหาท่าน ย่อขาลงเล็กน้อยแล้วสวมกอดพร้อมฟัดหอมแก้มคลายความคิดถึง แม้ในร้านส้มตำจะร้อน แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกอบอุ่นเพียงเพราะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง บ้านของเขาที่มีแม่ ตา ยาย รวมหลานสาวอีกคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยก็ได้ เด็กนั่นทำงานเก่งดี

กันต์มองภาพตรงหน้าแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เชร์เหมือนเด็กทั่วไปที่พูดจากวนประสาทไปเรื่อย แต่ก็ทำตัวน่ารักเวลาอยู่กับครอบครัว ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบตัว ที่นี่ร้อนไม่ต่างจากกรุงเทพฯ แต่สภาพแวดล้อมโอเคดี ถึงถนนจะแคบไปหน่อย แต่ก็เจริญกว่าที่คิดเอาไว้
 
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ไม่ได้เอาน้ำมาให้ตั้งแต่แรก เมื่อกี้ลูกค้าล้นมือมาก” คุณแม่ยังสาวเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ พร้อมเช็ดมือเปียก ๆ กับผ้ากันเปื้อนของตนเอง

“ขอบคุณครับ เมื่อกี้ผมก็ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่อกันต์นะครับ”

“พี่ชื่อพรจ้ะ ดูจากหน้าตาแล้วคงอายุสามสิบต้น ๆ ใช่ไหม พี่เดาถูกหรือเปล่า?”

“ครับ ผมอายุสามสิบสี่ และคุณก็คงอายุสี่สิบต้น ๆ ใช่ไหมครับ?”

“โอ๊ย เดาถูกเผ็งเลย พี่เพิ่งสี่สิบสองไม่นานนี้เอง เอาเป็นว่าเราคุยแบบเป็นกันเองได้ไหมจ๊ะ หรือว่าที่มาที่นี่เพราะอยากขยายกิจการในพื้นที่ต่างจังหวัดเฉย ๆ นี่พี่พูดเยอะไปไหม พอดีไอ้เชร์ไม่ได้บอกพี่ว่าจะพาเจ้านายมาด้วย พี่เลยทำตัวไม่ถูก” เธอหัวเราะแห้ง พลางกวักมือเรียกลูกชายที่เพิ่งคลายอ้อมกอดจากยาย

“เพิ่นอยากมาเที่ยวเล่นสื่อ ๆ บ่มีหยังดอก” (เขาแค่อยากมาเที่ยวเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก)

“คือบ่บอกแม่ก่อน แม่สิได้แต่งโตงาม ๆ ถ่า” (ทำไมไม่บอกแม่ก่อน แม่จะได้แต่งตัวสวย ๆ รอ) คนเป็นแม่กระซิบกระซาบ ก่อนลูกชายจะผละตัวออกมาหรี่ตามอง

“เพิ่นบ่เอาเจ้าดอก อย่าสิฝัน” (เขาไม่เอาแม่หรอก อย่าฝันไปเลย)

“เอ๋าบักห่าหนิ – ว่าแต่คุณกันต์พักแถวไหนคะหนิ เปิดห้องโรงแรมละบ่จ๊ะ?” แม่หันไปใส่ใจผู้มาใหม่ จนกลายเป็นว่าคนที่ต้องรับหน้าที่ขายส้มตำเป็นไอ้แหลมคนนี้

“เอ่อ เรื่องนั้น... เชร์บอกว่าผมนอนที่นี่ได้ แต่ผมก็อยากคุยกับพี่พรก่อนว่าโอเคไหม ผมเกรงใจครับ”

“โอ๊ยยยยย พี่โอเคอยู่แล้วจ้า แต่ดูทรงจะไม่มีห้องให้นอนเนี่ยสิ เพราะหลานที่อยู่สกลเพิ่งย้ายมาอยู่กับพี่ ตอนนี้ห้องไอ้เชร์ก็เลยกลายเป็นห้องหลานสาวไปแล้ว จะนอนกันยังไงล่ะทีนี้?”

“ให้อีนุ้ยไปนอนกับยายดิ”

“ตานอนกรนอะ หนูนอนไม่หลับ” หลานสาวที่กำลังล้างจานตะโกนมาขอความเห็นใจ ว่าการนอนฟังเสียงคนแก่กรนทั้งคืนคงมีแค่พี่เชร์ที่ทนได้

“งั้นไปนอนโรงแรม ง่ายดี” แหลมปิดการขาย ไม่รู้จะทำให้เป็นเรื่องยากทำไมกะอีแค่หาห้องนอนให้คนรวย โรงแรมคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

“ผมนอนพื้นได้ครับ ขอแค่มีหมอนให้ผมก็โอเคแล้ว”

“ไม่จริง บอสนอนไม่ได้” อย่ามาแสดงละคร เคยนอนบนปุยเมฆมาตลอดชีวิตแล้วจะมาอกผายไหล่ผึ่งบอกว่านอนพื้นแข็ง ๆ ได้ บอสทอแรชัดช้าดดดดดดด

“ผมเคยบอกคุณเหรอครับ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางอมยิ้มขณะมองอีกคนที่กำลังควงสากอย่างชำนาญ แถมยังหันมามองเหมือนจะบอกว่า ‘ผมรู้จักบอสดีกว่าใคร’

“เดี๋ยวกูกับไอ้แก่ออกไปนอนทางนอกเอง ให้บักหล่ากับเจ้านายเพิ่นนอนในห้องซะไป๋” (เดี๋ยวกูกับไอ้แก่จะออกไปนอนข้างนอกเอง ให้เชร์กับเจ้านายมันนอนในห้องเถอะ)

“ขอโทษนะครับ แต่คุณยายเธอพูดอะไรเหรอ?”

“แกจะให้คุณกันต์เข้าไปนอนแทนแกน่ะค่ะ”

“อ่า แบบนั้นคงไม่ดีครับ ผมนอนข้างนอกได้จริง ๆ ครับคุณยาย ขอบคุณมากนะครับ” กันต์กุมมือเหี่ยวของหญิงแก่พลางยิ้มบาง ๆ

“บอกให้ไปนอนโรงแรม โว๊ะ! – แม่รีบมาดู๊ ตำบ่ทันแล้วหนิ!!” (แม่รีบมาหน่อย ตำไม่ทันแล้วนะ!!)

สองแม่ลูกช่วยกันรับลูกค้า จากร้านที่มีคนประปรายเริ่มมีลูกค้าเข้ามานั่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนหลานสาวที่ล้างจานอยู่ต้องออกมารับออเดอร์ กันต์ยังคงนั่งอยู่กับคุณยาย เธอกำลังพูดไปเรื่อยเปื่อยถึงความร้อนในช่วงเช้าและฝนที่อาจจะตกล้างถนนตอนเย็น

ชายหนุ่มมองเด็กฝึกงานที่กำลังช่วยแม่อย่างตั้งใจ ถึงจะจากบ้านไปเรียนไกล ๆ แต่เชร์ก็ยังคุ้นมือกับสิ่งที่ทำจนอดคิดไม่ได้ว่าตอนยังอยู่ที่นี่ เจ้าตัวแสบจะเป็นเด็กดีสักแค่ไหน?

“เดี๋ยวผมไปช่วยพี่พรนะครับ”

“โอ๊ย อย่าไปเลยลูกเอ๊ย นั่งเถอะนั่ง มันเหนื่อย ปล่อยให้เด็ก ๆ มันทำเถอะ” หญิงแก่คว้าข้อมือเขาไว้ เรี่ยวแรงของเธอมีน้อยนัก แต่ก็รั้งให้เขาหยุดฟังได้

“เชร์เหมือนน้องชายผมคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นให้ผมช่วยเขาเถอะนะครับ” กันต์ยิ้มเล็ก ๆ การลงทุนของเขาเริ่มต้นไปหลายเปอร์เซ็นต์แล้ว และการลงมือทำในสิ่งที่ไม่เคย มันก็อาจจะทำให้คะแนนพิศวาสเพิ่มมากขึ้นก็ได้

“งั้นก็ฝากด้วยนะลูก พรมันเหนื่อย พอไม่มีคนช่วยมันก็ต้องทำคนเดียว ยายจะไปช่วยมันก็ห้าม”

“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ตรงไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังเด็กลูกครึ่งที่กำลังใส่เครื่องปรุงเข้าไปในครกตามคำสั่งในออเดอร์ลูกค้า

กันต์พยายามมองหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การตำส้มตำ พอเห็นหลานสาวเร่งมือเสิร์ฟอาหารกับน้ำดื่ม เขาจึงเข้าไปของานจากเธอ

“นุ้ยใช่ไหม พี่ชื่อพี่กันต์นะครับ” เด็กบ้านนอกที่ถูกฮุคด้วยความหล่อสะดุ้งสุดตัวจนถอยหลังไปสองก้าว แก้วสแตนเลสที่มีน้ำแข็งอยู่ข้างในคงละลายเป็นน้ำเปล่าแล้วเพราะความหล่อพี่เขาที่นุ้ยซอมเบิ่งอยู่นาน

“จ้าพี่...”

“ตอนนี้มีอะไรให้พี่ช่วยบ้างไหม?” ชายหนุ่มคว้าแก้วเปล่ามา ยิ้มอย่างเป็นมิตรทำลายช่องว่างจากคำว่าคนแปลกหน้าให้อีกฝ่ายเชื่อใจ

“มีจ้ะ ต้องเสิร์ฟน้ำแข็งให้โต๊ะหก แล้วก็รับออเดอร์จากโต๊ะสี่...”

“โอเคครับ พี่จะเอาน้ำแข็งจากนุ้ยไปเสิร์ฟโต๊ะหก แล้วก็จดออเดอร์จากโต๊ะสี่ด้วย นุ้ยไปช่วยพี่พรเสิร์ฟอาหารได้เลยนะ เดี๋ยวพี่กันต์จัดการตรงนี้เอง”

“แต่มันเยอะนะพี่ นั่นอะ มีลูกค้าเข้ามาอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ทีมเรามีตั้งหลายคน ทั้งเชร์ ทั้งนุ้ย แล้วก็พี่อีกคน” ชายหนุ่มอมยิ้มพลางยีผมอีกฝ่าย “ตอนนี้นุ้ยเป็นหัวหน้าทีมแล้ว เพราะงั้นสั่งงานพี่ได้เลยนะครับ”

โอย... อีนุ้ยจะเป็นลม เด็กม.หนึ่งไม่รู้จะจัดการตัวเองอย่างไรกับความหล่อที่แอทแทคหัวใจจนต้องการยาดม ยาหอม พี่เชร์ทำบุญด้วยอีหยังวะ ถึงพาเจ้านายหล่อ ๆ หน้าเหมือนดารามาถึงบ้านได้

 เด็กสาวพยักหน้าตกลงแล้วสาวขาเดินไปหาน้าพรและลูกชายแก ภูมิต้านทานคนหล่อพังยับเยิน ถ้าว่างแล้วจะขอถ่ายเซลฟี่ไปอวดเพื่อนสักหน่อยแล้วว่ามีคนหล่อมาตีสนิท

“พี่เชร์ วังกี้เจ้านายพี่เฮดตาหวานใส่หนูนำ” (พี่เชร์ เมื่อกี้เจ้านายพี่ทำตาหวานใส่หนูด้วย) เด็กสาวสะกิดคนข้าง ๆ พลางหันไปมองความเคลื่อนไหวของคนหล่อที่ยิ้มรับพร้อมจดออเดอร์ไปด้วย ชนิดว่าถ้าลูกค้าไม่ตายก็ต้องโทรจองศาลา

“มักแบบนั้นบ่?” (ชอบแบบนั้นเหรอ?)

“อือ หล่อปานหลุดออกมาจากการ์ตูนบงกช เพิ่นมักเด็กน้อยบ่ ฮือ หล่อโพดหล่อโพ” (อือ หล่อเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนบงกช เขาชอบเด็กไหม ฮือ หล่อเกินไปอะ หล่อเกินคน)

“เพิ่นแต่งงานละไป่?” คนเป็นแม่หันมาถามลูกชายที่ตำส้มตำอยู่ข้าง ๆ และเขาก็ส่ายศีรษะเป็นคำตอบ

แหลมละสายตาจากสิ่งที่ทำอยู่พลางหันไปมองภาพแปลกใหม่ที่เชื่อว่าคนทั้งโลกคงไม่เคยเห็น ผู้ชายที่เคยใส่สูท นั่งทำหน้าเคร่งเครียดในห้องประชุมวันนั้นกำลังทำงานอยู่ในร้านส้มตำว่ะ พูดไปใครจะเชื่อ

ขณะที่กำลังอยู่ในห้วงของความคิด คนที่เคยทำให้หงุดหงิดโมโหก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นเพียงแค่ยิ้มเล็ก ๆ แล้วหันไปขานรับลูกค้า พอจดออเดอร์เสร็จก็มองมาด้วยสายตาแบบที่รู้ว่าโดนจีบอีกแล้ว


*


“สนใจลาออกจากบริษัทมาเป็นพนักงานร้านผมปะ?”

“ถ้าคุณให้เงินเดือนผมสักสิบล้าน มันก็น่าสนใจนะครับ”

เด็กหนุ่มไหวไหล่พลางหันไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่เคยขับไปโรงเรียนทุกวัน ช่วงบ่ายสี่ลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว จะยุ่งอีกทีก็ตอนห้าโมงเย็น แหลมจึงอยากพาบอสไปตะลอนสักหน่อย

“ไม่มีรถยนต์เหรอครับ?”

“มี แต่มอไซค์สะดวกกว่า ทำไม นั่งไม่ได้ว่างั้น?” ได้โอกาสเป็นหาเรื่องแขวะ กันต์ไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาแค่ก้าวคาบเบาะซ้อนท้ายอีกฝ่ายอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

“ไม่เคยนั่งมอไซค์สินะ?”

“เคยครั้งนึงตอนรถเสียเมื่อนานมาแล้วครับ”

“งั้นก็นั่งดี ๆ หน่อย จะเกร็งทำไมเนี่ย?” หันไปค้อนเจ้านายที่ไม่ได้เกร็งแค่ขา แต่พี่เขาเกร็งยันหน้าเลย

“วันนั้นวินมอเตอร์ไซค์พาผมรถล้มจนได้เลือด ผมเลยกลัวมาจนถึงวันนี้”

“โถ ที่แท้ก็มีแผลในใจ ไม่ต้องกลัวนะบอส ผมโคตรเซียนเรื่องแว๊น” เด็กหนุ่มสตาร์ทรถพร้อมเบิ้ลโชว์ แอบอมยิ้มสะใจเล็ก ๆ ที่คนซ้อนขยำเสื้อเขาไว้แน่นเหมือนกลัวตายทุกวินาที

“คุณจะพาผมไปไหน?”

“ไปกินไอติมเจ้าเด็ด”

กันต์ไม่ชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์ แต่คำพูดอีกฝ่ายที่มาพร้อมการขยิบตามันก็ซื้อความหวาดกลัวจากใจเขาไปได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว



(ต่อด้านล่างนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 23:33:47 โดย หน่วยกล้าวาย »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หน่วยกล้าวาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
*


“คุณขับมาไกลถึงที่นี่เพื่อไอติมตัดเหรอ?”

กันต์มองไอศกรีมในมือ ท่ามกลางป่าไม้รอบข้างและคลองน้ำที่มีคนลงไปหว่านแหหาปลา โดยมีเสียงกระดิ่งจากรถไอศกรีมคันเล็ก ๆ ที่ห่างไปไกลทุกทีหลังจากที่เด็กคนนี้พาเขาขับหาอยู่นานกว่าจะเจอ

“ใช่ อร่อยนะ รีบกินเร็ว เดี๋ยวละลายก่อน”

เจ้าของผมสีอ่อนแกะกระดาษสีขาวที่เคลือบไอศกรีม พอแกะเสร็จก็เอามาแลกกันเพื่อเอาของเขาไปแกะต่อ กันต์ยืนนิ่งเพราะไม่คุ้นชินกับการเป็นฝ่ายถูกดูแล ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เด็กคนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอย่างนั้น

ชายหนุ่มกัดไอศกรีมรสเผือกคำเล็ก ๆ รสชาติค่อนข้างดีเพราะไม่หวานจนเกินไป เขาจำได้ว่าเคยเห็นไอศกรีมแบบนี้ในเว็บพันดริ๊ฟท์ในหัวข้อกระทู้ย้อนหลังวัยเด็ก แต่ก็ไม่เคยลองกินสักครั้งเพราะแถวบ้านไม่มีขาย

เด็กคนนี้เติบโตมากับความเรียบง่ายไปเสียทุกอย่าง แม้จะรู้สึกแปลก ๆ ตอนครั้งแรกที่ลองทำตามที่อีกฝ่ายบอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเริ่มจะหลงรักความเรียบง่ายเข้าไปทุกทีแล้ว

“ขึ้นไปนั่งดิ ผมตั้งขาตั้งเรียบร้อยแล้ว ไม่ล้มแน่นอน” แหลมไล่ดูดไอติมที่เริ่มละลาย ท่าทางตอนนี้มันตลกหรือไงไม่รู้ บอสถึงเอาแต่ยิ้มตอนมองเขา “อะไร?”

“กลัวโดนแย่งกินหรือไงครับ ค่อย ๆ ก็ได้”

“บอสแกะช้าไง กว่าผมจะแกะเสร็จก็ละลายแล้ว ต้องรีบกินก่อนจะไม่เหลืออะไรให้กิน ของดีต้องเก็บให้เรียบ”

“ผมไม่ได้พกทิชชู่มาซะด้วยสิ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซค์ตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วกินไอศกรีมให้เร็วขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มันละลายก็กลัวจะมีเด็กงอแงใส่หาว่าไม่เห็นคุณค่าของความอร่อย

“เดี๋ยวผมลงไปล้างมือในคลอง”

“คลอง? ตรงนั้นเหรอครับ?”

“เยสเซอร์” พูดจบเชร์ก็ขึ้นมานั่งข้าง ๆ เขา และด้วยความที่ตั้งขาตั้งตรงกลาง มอเตอร์ไซค์จึงเทไปข้างหลังเพราะน้ำหนักตัวเด็กแสบ

“ให้ตาย...”

“เมื่อกี้หน้าบอสโคตรเหวอ 5555555”

“ไม่บอกก่อนจะขึ้นมาล่ะครับ?”

“ทำไม กลัวไอติมหกใส่กางเกงแสนแพงเหรอ เดี๋ยวซักให้ก็ได้ปะ?” ใบหน้าซน ๆ กล่าวอย่างไม่รู้สึกผิด เคยน่ารักกับเขาได้นานเกินห้านาทีไหม?

“ผมกลัวไม่ได้กินไอติมต่างหาก”

“ขี้โม้สุด บอสไม่ได้ชอบไอติมหรอก ผมลงสิบบาทเลย” ซื้อใจเก่ง ใจจริงอยากบินกลับกรุงเทพฯแล้วก็บอกมา

“งั้นก็เอาสิบบาทมาให้ผม” กันต์แบมือออกมาแล้วกินไอศกรีมที่เหลือจนหมดแท่ง แต่เด็กดื้อก็แกล้งเขาด้วยการหยดไอติมใส่เสียอย่างนั้น “เชร์...”

“55555555555555555555”

“สนุกเหรอครับ?”

“ก็ผมเอาติดตัวมาสิบบาท จ่ายค่าไอติมให้บอสด้วยก็หมดตูดแล้วปะ จะเอาเงินจากไหนมา – บอส!!!!!!!!” กันต์หลุดขำอย่างห้ามไม่ได้ กับวิธีล้างแค้นด้วยการเอามือที่เลอะไอศกรีมป้ายปากมุบมิบที่พูดมากไม่หยุดจนคนถูกเอาคืนทำหน้าเหวอ

“กลับกันเถอะครับ ผมอยากล้างมือแล้ว”

“กวนผมแล้วชวนกลับคือไร โว๊ะ มือบอสอย่างเค็ม” เด็กลูกครึ่งสบถอย่างหัวเสีย แลบลิ้นออกมาราวกับว่ามือของเขาสกปรกเสียยิ่งกว่าอะไร

“งอแงเชียว”

“บอกว่าห้ามใช้คำแบบนั้น อยากล้างมือมากก็เดินลงคลอง มา!!!”

“งั้นผมจะรอคุณตรงนี้”

“ต้องล้างมือก่อน บอสจะจับเสื้อผมทั้งที่มือเหนียวไม่ได้” เด็กลูกครึ่งหรี่ตามองมืออีกฝ่ายพร้อมทำหน้ารังเกียจ

“คุณทำให้มือผมเลอะ แล้วยังจะออกคำสั่งอีกเหรอครับ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายโยกตัวถอยหลัง

“ต้องล้าง”

“ไม่ครับ ผมรู้ว่าคุณจะแกล้งผลักผมตกน้ำ ผมไม่เอาความเชื่อใจไปแลกกับเด็กเลี้ยงแกะอย่างคุณแน่”

“ก็เกินป๊ายยย ผมกวนตีนก็จริง แต่ก็ไม่ได้กวนตลอดเวลาปะ มา!! ถ้าผมผลักจริงให้กระโดดถีบขาคู่เลยเอ้า!!!” คนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะเดินนำไปแล้ว เขาไม่อยากหลวมตัวเชื่อเลยจริง ๆ แต่มือที่เลอะไอศกรีมก็เหนียวเหนอะหนะจนไม่อยากทนอีกต่อไป

ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างถนนลูกรัง มองพงหญ้าเตี้ย ๆ ไปจนถึงขอบสระที่เด็กดื้อกำลังล้างมืออยู่ จะมีตัวอะไรโผล่ออกมาหรือเปล่านะ แถวนี้สงบร่มรื่นก็จริง แต่จะให้วางใจเลยก็คงไม่ได้

กันต์เดินตามลงไปจนได้ล้างมือสมใจ เขาชำเลืองมองคนข้าง ๆ เป็นระยะเพราะไม่อยากเสี่ยงไปกับความประมาท และการหันไปเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเด็กคนนั้นก็ทำให้อดมันเขี้ยวไม่ได้จริง ๆ

“อย่าทำหน้าหลอนเกินได้ปะ ถ้ามีคนตายเพราะล้างมือในคลอง คนแรกก็ต้องเป็นลุงคนนั้น” แหลมพยักหน้าไปทางลุงแก่ที่กำลังหาปลาอยู่เงียบ ๆ

“ยังไม่ได้พูดอะไรก็ถูกคุณตัดสินไปแล้ว สงสารตัวเองจังครับ”

“เหรอจ๊าาาา”

กันต์หัวเราะ พอลุกขึ้นยืนก็ถูกแย่งรอยยิ้มไปเพราะเด็กดื้อเข้ามาเช็ดมือกับเสื้อเขาก่อนจะวิ่งหนีขึ้นไปบนถนนราวกับเด็กอนุบาลทำความผิดแล้วต้องการหนีไม้เรียว

“ให้ตายสิ”

เขาตามขึ้นไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ อีกฝ่ายสตาร์ทรถรอแล้ว และการกลับไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านคงเป็นเรื่องที่เด็กคนนี้ไม่อยากพลาด เขาจึงก้าวขาคาบเบาะโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลานานไปกว่านี้

ระหว่างทางยังคงถูกกลืนกินไปด้วยต้นไม้และทุ่งนา ทั้งคู่มาไกลจนคิดว่ากว่าจะเข้าตัวเมืองก็คงอีกสิบนาที แต่คราวนี้เด็กแสบไม่ได้พากลับทางเดิม เชร์เลือกพาเขาไปตามทางลูกรังที่ต้องมีทักษะการขับมอเตอร์ไซค์พอสมควรถึงจะผ่านหลุมเหล่านี้ไปได้

แต่ความยากลำบากไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากผ่านด่านหลุมแสนทรหดเหล่านั้นมาได้ก็เจอกับด่านใหม่ที่ทำให้คนขับต้องชะลอความเร็วลง กันต์มองไปยังเบื้องหน้า และก็พบว่ามีหมาสามตัวนอนอยู่หน้าบ้านติดถนนแสดงความเป็นเจ้าถิ่น

“ชะลอทำไมครับ?”

“มันจะไล่เรา”

“ถ้าคุณไม่เอาขาลากพื้นเหมือนเมื่อกี้มันคงไม่ไล่หรอกครับ” กันต์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เชร์จะซนเกินไปแล้ว หมานั่งเฝ้าหน้าบ้านอยู่ดี ๆ ก็เอาเท้าลากพื้นแกล้งให้มันโมโหจนต้องวิ่งไล่ แล้วคนที่เกือบถูกกัดก็คือคนที่ซ้อนท้ายอยู่ข้างหลังนี่ไง

“มันหนุกนะเว้ยบอส”

“คงมีแค่คุณคนเดียวที่คิดแบบนั้น”

“ของแบบนี้ต้องลอง ตื่นเต้นกว่าเล่นไวกิ้งอีก”

“มันมีสามตัว ถ้าคุณหรือผมถูกกัดขึ้นมาจะต้องมีคนถูกฉีดยา เข้าใจไหม?” กันต์มองเสี้ยวหน้าซน ๆ ของคนขับ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับคืนมา

“ถ้าบอสไม่เล่น ผมก็ขับช้า ๆ ให้มันไล่อะ บอกแค่นี้”

“เชร์ครับ ผมไม่ตลกด้วยนะ”

“ผมไม่ทำให้บอสโดนกัดหรอกน่า ไว้ใจกันหน่อยดิ” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่กันต์คิดว่าเด็กคนนี้กำลังทำตาแป๋วหลอกล่อให้เขาทำเรื่องบ้า ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ถ้าผมถูกกัดขึ้นมา ผมจะโกรธคุณ”

“ให้กอดเอวแน่น ๆ เลยเอ้า จะได้ไม่ต้องกลัวตกรถ” ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยกับมืออุ่น ๆ ของอีกฝ่ายที่จับมือเขาไปกอดเอวตนเอง

ชักจะไปกันใหญ่แล้ว กันต์กวินทร์จะใจอ่อนเพราะเด็กคนนี้ทอดสะพานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แค่นี้จริง ๆ หรือ ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแผนแกล้งให้เขาทำเรื่องตลก เพราะสุดท้ายแล้วผู้ชายอย่างเขาก็ต้องถูกหัวเราะใส่

“บอสเชื่อใจผมได้นะรู้เปล่า?” กันต์ไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่นั่งค้างอยู่ท่าเดิมเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าต้องทำแบบนั้น

เด็กหนุ่มบิดมอเตอร์ไซค์ เร่งความเร็วจนหมาตัวแรกลุกขึ้นตั้งหลักเตรียมพร้อมไล่ถ้าหากว่ามนุษย์ไม่ยอมขับผ่านไปดี ๆ แหลมลอบยิ้มอย่างนึกสนุก เร่งความเร็วพร้อมลากเท้าลงไปกับพื้นจนเกิดเสียงและที่ทำให้ยิ้มกว้างกว่าเดิมก็คือคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังกำลังทำตาม จนหมาสามตัวที่อยู่หน้าบ้านหลังนั้นรีบสาวขาทั้งสี่ไล่ตามมาด้วยความเร็วทั้งหมดที่มันมี

“ให้ตาย มันมาแล้ว...!!!!”

“โฮ่ง ๆๆๆๆๆๆๆ!!!!”

“เอาโว้ยยยยยยยยย 55555555555555”

“เร็วกว่านี้ครับเชร์!!! คุณต้องเร็วกว่านี้!!!”

“บิดจนมิดแล้วบอส ยกขาขึ้นเร็ว!!! 5555555555”

“มันกำลังจะกัดผม!!! เชร์!!! คุณต้องเร็วกว่านี้!!!”

เจ้าตูบหยุดฝีเท้าแล้ว พวกมันทั้งสามตัวมองตามฝุ่นที่ตลบอบอวลไปกลางอากาศเพราะความเร็วจากมอเตอร์ไซค์คันนั้นและเท้าทั้งสองข้างของมนุษย์ขี้ยั่วโมโห

กันต์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าปลอดภัยแล้ว เขาหลับตาลงพลางทาบมือกับหน้าผากขณะที่คนขับลดความเร็วลงจนอยู่ในระดับปกติ บ้าไปแล้ว... เขาทำอะไรลงไป ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำเรื่องบ้าบอคอแตกแบบนี้เลย

“เป็นไงบอส สุดปะ?”

“หัวใจผมเกือบวายอยู่แล้ว คุณยังถามอีกเหรอว่าสุดไหม?”

“แต่ไม่มีใครโดนกัดนะ เห็นปะ บอกแล้วว่าบอสเชื่อใจผมได้”

เด็กดื้อยังคงพูดเสียงใส กับเรื่องเสี่ยงอันตรายที่คงทำตั้งแต่วัยเด็กจนเคยชิน แต่สำหรับคนที่เพิ่งลองเล่นพิเรนทร์เป็นครั้งแรก มันทั้งหงุดหงิด กังวล แต่ก็มีความสนุกแฝงอยู่อย่างน่าประหลาด จนอดนึกถึงชีวิตวัยเด็กของตนเองไม่ได้ว่าตอนนั้นเป็นอย่างไร

กันต์กวินทร์เติบโตมาจากกรอบสี่เหลี่ยมที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ เขาเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ถูกผู้ใหญ่กรอกข้อมูลใส่ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ในขณะที่เชร์เลือกได้ว่าอยากให้กรอบเป็นรูปร่างแบบไหน ไม่สิ... บางทีพี่พรอาจจะไม่เคยตีกรอบให้เด็กคนนี้เลยก็ได้

อากาศตอนเกือบสี่โมงเย็นเริ่มมีลมมาเมื่อท้องฟ้าส่งสัญญาณว่าฝนกำลังจะตก ผ่านก้อนเมฆสีเทาบนนั้น ความร้อนสามสิบกว่าองศาก็ลดลงไปบ้าง

วงแขนที่เคยกอดเอวหลวม ๆ เริ่มกระชับกอดแน่นขึ้นจนคนอายุน้อยกว่าเลิกคิ้วมอง ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง

“ไม่เอา ไม่เนียนกอดนะจ๊ะ”

“ผมกลัวตกนี่ครับ”

“บอสไม่ได้กลัวหรอก อย่ามา” แหลมหันไปคาดโทษคนที่อมยิ้มอยู่ข้างหลัง ได้ทีแล้วทำเคลิ้มเหรอ เดี๋ยวพาไปให้โดนหมาไล่อีกสักรอบดีไหม?

“ถ้าถึงถนนใหญ่แล้วผมจะปล่อย แต่ตอนนี้คุณต้องให้ผมกอดต่อไปเพราะขาผมยังสั่นไม่หายจากเหตุการณ์เมื่อกี้นี้”

“ต้องให้จูบหัวโอ๋ด้วยปะถึงจะหายผวา ข้ออ้างเยอะเหลือเกิน” เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบ ตัวก็ใหญ่แต่ใจเล็กจึ๋งเดียว

“งั้นก็จอดรถเลยครับ ผมอยากถูกโอ๋แล้ว”

“ผมล้อเล่นได้ไหมล่ะ?!!!” คนฟังหัวเราะ กระชับกอดแน่นจนแผ่นหลังอีกฝ่ายชิดกับแผงอกตนเอง

“เชร์ครับ”

“ว่า?”

“ถึงคุณจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะขี้โกหก แต่ถ้าคุณบอกว่าผมเชื่อคุณได้”

กันต์เห็นผ่านกระจกมองข้างว่าเด็กแสบกำลังบึนปาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักในสายตาเขาลดลงไปได้เลย ตอนแรกก็กังวลอยู่ว่าจะไปรอดไหมกับสถานที่ไม่คุ้นเคย แต่ตอนนี้เขาเริ่มติดใจจนคิดว่าสองวันหนึ่งคืนคงไม่พอแล้วสำหรับทริปซื้อใจ

“ต่อจากนี้ไปผมจะเชื่อฟังคุณ”

“...”

“แค่คุณคนเดียว”




To be continued




ตัวละครใหม่มาแล้ว ธูปเอ๋ยธูป เด็กน้อยที่ทำให้ไอ้เด็กกะโหลกของเรากลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ (อ้างอิงจาก #ซอโซ่ล่ามธีร์ ตอนแข่งชนะครั้งแรกแล้วได้เงินรางวัล ที่พี่ธีร์เล่าว่าทุกคนได้เงินแล้วเอาไปทำอะไรบ้าง แล้วแหลมก็เอาไปทำอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ได้เฉลยแล้วตอนนี้จ้า
แล้วพี่สาวของธูปเป็นใครจากไหนล่ะเนี่ย อยู่อุดรซะด้วยสิ จะไปหาเขาไหมแหลม จะทำให้พี่กันต์ใจสลายตั้งแต่ทริปแรกเลยเปล่าเนี่ย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 21:24:57 โดย หน่วยกล้าวาย »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
บอสทุ่มเทมาก ไม่ได้เป็นแฟนตัวจริงนางคงไม่ยอม

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ตอนแรกนึกว่าเชร์มีซัมติงกับธูป มีกับพี่สาวธูปหรอ ยังไงๆน้ออออ
ฮาตอนขับมอไซค์ให้มาไล่อ่ะ เชร์โว้ยทำไมซน555555555555555

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แหมมมมมมมมมม แกล้งบอสสนุกมือเลยน้า
ปล. ตอนบอสพูด คุณต้องเร็วกว่านี้! คิดถึงตอนเชฟเอียนพูดในมาสเตอร์เชฟเลยอ่ะ ขำมาก

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ุบ๊ะให้ันได้ย่างนี้สิแหลมบอสเริ่มอ่อนแล้ววยอมต่อไปปปปป :hao7:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
แงงงงงง ดทัยน พี่สาวของธูปต้องเป็นคนที่เชร์ชอลแน่ๆเลยอ่ะ ฮือออออ  :katai1:

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แหลมแสบจริงๆ
น่าจะให้บอสจับตีก้นแรงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นี่บอสหรือเชฟเอียน 55555555555

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
โอ๊ยยเปลี่ยนชื่อเรื่องเลยค่ะมนต์รักบ้านทุ่งกับหนุ่มขี้กลัว  :laugh:
อิแม่กับแม่ใหญ่ตาฮักโพดพอกับน้องสาวเชร์นำ
ธูปสงสารน้องนิดนึงครอบครัวแถวอีสานหัวโบราณเยอะมาก :เฮ้อ:
แต่ขำจริงๆคือเชร์กับคุณกันต์ตอนนั่งมอไซขำหนักมาก  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คงจะหลงหนักกว่าเดิมอีกเนี่ย

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
จะเชื่อฟังคนเดียวด้วย :katai1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เหมือนตอนนี้ฮาๆ ไม่มีอะไรแต่แอบหวานนะเฮ้ย :laugh:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แหลมเด็กแสบ เดี๋ยวบอสหัวใจวายนะเค้าแก่แล้ว

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องพี่สาวธูปนี่ไม่ม่าได้มั้ย กลัวบอสเสียใจจจจ

ออฟไลน์ หน่วยกล้าวาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
#ชอกะเชร์คู่กันต์
ตอนที่ 07
หัดเป็นมิตรกับผู้คน (PART1/2)




ระหว่างกินมื้อเย็นครอบครัวเด็กแสบก็เอาแต่ถามเรื่องของเขาไม่หยุด กันต์ไม่ชินกับการถูกถามบนโต๊ะอาหารนัก ไม่สิ... ต้องเรียกว่าจานที่วางอยู่บนพื้นกระเบื้องน่าจะถูกกว่า ทีแรกพี่พรจะหุงข้าวสวยให้ แต่เชร์คงอยากแกล้งให้เขาเสียหลักต่อหน้าผู้ใหญ่ เด็กคนนั้นจึงบอกว่า ‘บอสอยากกินข้าวเหนียวมากกว่า’

กันต์เป็นคนติดหรูก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกินส้มตำกับข้าวเหนียวไม่ได้ แน่นอนว่าเชร์เคยเห็นเขานั่งกินต่อหน้ามาแล้ว แต่นั่นก็ยังมีส้อมคอยจิ้มเข้าปาก ไม่ได้ใช้มือขยำ ๆ เป็นก้อนอย่างที่ครอบครัวนี้ทำ

กันต์ยังจำภาพคุณตาใช้นิ้วทั้งสี่กวาดเอาข้าวเหนียวในกระติบมาปั้นเป็นคำใหญ่ ๆ แล้วจิ้มลงไปในน้ำพริกปลาร้าได้ คน ๆ หนึ่งสามารถรับทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในปากภายในคำเดียวได้ด้วยหรือไง ค่อย ๆ กินก็ได้ ไม่มีใครรีบไปไหนสักหน่อย

เชร์เอาแต่อมยิ้ม คงสนุกที่ทำให้เขาเหวอเพราะบรรยากาศมื้อเย็น แต่ก็แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นที่กันต์กวินทร์จะปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบาก คนที่จะอยู่รอดในสังคมได้คือคนที่ปรับตัวเป็น ซึ่งเขาคือคนแบบนั้น

คุณยายเอาแต่ถามว่าเชร์ทำตัวไม่ดีตอนฝึกงานหรือไม่ เธออยากให้เขาตักเตือนอย่างไรก็ได้ ขอแค่อย่าปล่อยให้หลานสร้างความลำบากให้ใครเพราะซนเป็นลิงทโมน ซึ่งเชร์ก็แก้ต่างให้ตัวเองด้วยการอวย ได้ยินแล้วจึงอยากขัดขาให้รู้ว่าเด็กแถวนี้เถียงเก่ง แถมยังแอบโหลดหนังโป๊ลงคอมพิวเตอร์บริษัทเสียด้วย

กันต์ไม่รู้ว่านั่นจะเรียกเสียงหัวเราะได้ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความตึงเครียดและไม่ค่อยสร้างรอยยิ้มให้ใคร ชายหนุ่มจึงค่อนข้างประหลาดใจและรู้สึกได้ว่าหน้าอกข้างซ้ายมันพองโตขึ้นมาเพราะความอบอุ่นจากคนที่อยู่รอบตัว

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จหลานชายของบ้านก็พาเขาแว๊นมอเตอร์ไซค์ออกไปนั่งร้านนมสด กันต์ไม่ใช่คนชอบของหวาน แต่การนั่งดูเด็กแสบกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามันก็เพลินตาอย่างบอกไม่ถูก กระเพาะมีหลุมดำอยู่หรือไงนะ ถึงได้กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักที

นั่งอยู่นานเกือบหนึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็เหลือแค่ชาเย็นปั่นปีโป้ไข่มุกที่อยู่ด้านขวามือ เชร์ไม่ได้ดื่มมันสักคำ ไม่แม้แต่จะขอให้เจ้าของร้านเทใส่แก้วกลับบ้านให้ตามประสาคนงกเมื่อเป็นเรื่องของกิน เด็กคนนี้เพียงลูบท้องและอ้างว่าจะสั่งทิ้งสั่งขว้างอย่างไรก็ได้เพราะเขาเป็นคนจ่าย


*


คนที่นี่เข้านอนเร็วมากเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ไม่เกินสามทุ่มก็เงียบจนเหมือนเป็นเมืองร้างให้บรรยากาศชวนหลอน กันต์นอนพลิกซ้ายพลิกขวาเพราะความอบอ้าว เขาไม่ชอบอยู่ในที่ร้อน ๆ เพราะจะทำให้ปวดหัวและมันก็เกิดขึ้นจนได้ พัดลมตัวเดียวไม่ช่วยอะไร ร่างผอมสูงจึงลุกขึ้นจากโซฟาไม้แข็ง ๆ ที่ทำให้ปวดร้าวไปทั่วหลัง

ขายาวก้าวออกไปนั่งตรงระเบียงหน้าบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะถอดเสื้อออก อีกไม่นานคงได้เข้าไปอาบน้ำอีกรอบแน่ ๆ

เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไม่มีดาว และเขาก็ไม่ได้อินความสวยงามบนนั้นอย่างคนที่กำลังมีความรัก ความจริงก็ไม่มีอะไรสำคัญเลยในเวลานี้ กันต์กวินทร์เริ่มรู้ชะตาชีวิตว่าคงต้องถ่างตาอยู่กับความร้อนอบอ้าวไปจนกว่าจะเช้า และการนอนหลับคงไม่มีทางเกิดขึ้น

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูไปเรื่อยเปื่อย ทุกอย่างน่าเบื่อไปหมดเพราะในหัวเอาแต่คิดว่าทำไมถึงต้องมานั่งปวดหัวแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ควรได้รับการเยียวยาจากลูกชายเจ้าของบ้าน ซึ่งป่านนี้คงหลับฝันดีไปแล้วที่ได้แกล้งให้เขาลำบากอยู่ตรงนี้

“เผลอแป๊บเดียวก็จะสองเดือนละ อย่าร้องไห้ล่ะถ้าผมฝึกงานเสร็จ”

กันต์หันไปข้างหลังกับเสียงผู้มาใหม่ เขาไม่ได้ยิ้ม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีใจที่เห็นเด็กคนนั้นเดินออกมาพร้อมหมอนสองใบกับผ้าปูบาง ๆ และเสื่ออีกหนึ่งผืน

“ถ้าผมร้องแล้วคุณจะทำยังไงครับ?”

“จะให้ทำไง๊ โตแล้วอย่าง้องแง้งดิบอส เข้ม ๆ หน่อย” เชร์ปูเสื่อบนพื้นกระเบื้องตามด้วยผ้าปู ตบหมอนเบา ๆ สามทีแล้วโยนลง

“นอนไม่หลับหรือว่าเป็นห่วงผมจนต้องออกมาดู?”

“ก็แหม่... ผมกำลังนินทาป้าข้างบ้านแต่แม่ดันชิงหลับก่อน ผมก็เลยเหงาปากอยากหาคนคุย” เด็กแสบย่อตัวลงนั่ง และเขาชอบท่าทางตอนตบผ้าปูเรียกให้ลงไปนอนด้วยกันจริง ๆ

“ผมไม่ชอบนินทาคน แต่ป้าข้างบ้านคุณเอาแต่มองหน้าผม เพราะงั้นผมจะนินทาเธอ”

“ใช่ปะ แกมองไม่หยุดเลย คงคิดว่าผมเป็นผัวบอส...” เชร์ป้องปากกระซิบ ก่อนจะทำท่าชะเง้อมองบ้านข้าง ๆ เพื่อดูว่ามีใครแอบอยู่แถวนั้นหรือไม่?

“เธอทำให้คุณดูแย่ลงใช่ไหมล่ะครับ?”

“นิดนึงอะ แต่เป็นผัวก็ยังดีกว่าเป็นเมียนะ เพราะคนแถวนี้คิดว่าถ้าเป็นเมียคือต้องออกสาว”

“การเป็นเกย์ไม่จำเป็นต้องออกสาวนี่ครับ แต่มันก็เข้าใจได้” สำหรับมุมมองของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน และเขาบังคับให้คิดเหมือนกันไม่ได้ แต่นั่นมันใช่เรื่องที่ทำให้เชร์ลุกจากเตียงมาคุยกับเขาหรือไงกัน?

น่ารักจริง ๆ

“บอสเป็นเกย์ตั้งแต่ตอนไหน?”

“ก็นานจนจำไม่ได้ว่าเคยชอบผู้หญิงหรือเปล่า?”

“แสดงว่าตั้งแต่เด็ก”

“ครับ เป็นรุ่นพี่ เรามีอะไรกันหลังจากลองจูบครั้งแรก”

“เชี่ย... งี้บอสก็โดนเสียบอะดิ?”

กันต์ไม่ได้อธิบายแก้ต่างว่ารุ่นพี่คนนั้นต้องเจอกับอะไร เขาปล่อยให้เด็กแสบคิดเองเออเอง เพราะมันคงดีกับตัวเหยื่อที่เป็นชายแท้

“แม่ผมเคยพาไปนั่งสมาธิในวัดเพราะอยากให้ผมหายเป็นเกย์”

“แบบนั้นเอาไม่อยู่หรอก ของบอสแม่งแรง”

“...” กันต์ชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่หัวเราะแบบไม่เสียง แถมยังถีบขาบนอากาศไม่หยุดอีก พอใจมากเลยสินะที่แกล้งเขาได้

“เออ เดี๋ยวผมมา” เชร์ดีดตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน เพียงครู่เดียวก็กลับมาพร้อมอะไรบางอย่างที่กลิ่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

มันคือสีทาเล็บแบบที่ชวนให้ตั้งคำถามว่าเอามาทำไม กระทั่งเด็กแสบหมุนฝาออกแล้วทาเล็บบนนิ้วก้อยตัวเอง

“ทำอะไรครับ?”

“กันไว้ เดี๋ยวผีแม่ม่ายมาเอาไปเป็นผัว” ไม่พูดอย่างเดียว คราวนี้เชร์จับมือเขาไปทาเล็บนิ้วก้อยให้ด้วย “ปกติจะมีป้ายเขียนไว้หน้าบ้านว่า บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย แต่ช่วงนี้ฝนตกไง”

“แล้วมันจะช่วยอะไรได้ครับ ทำตัวออกสาวเพื่อหลอกผีแม่ม่ายเหรอ”

“แค่ทาสีเล็บก็พอ”

“ผีแม่ม่ายหลอกง่ายนะครับ ทาเล็บแค่นิดเดียวก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะเอาผู้ชายไปทำสามีแล้ว แบบนี้อยู่บริษัทผมไม่ได้”

“ก็ความเชื่อชาวบ้านปะ?!!!” กันต์กลั้นขำไม่ไหวแล้ว เขาต้องก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้ขำมากไปกว่านี้เพราะสีหน้าของเชร์คงโมโหน่าดูเมื่อเป็นเรื่องความเชื่อของบ้านเกิด

บางทีเด็กแสบอาจจะมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาลืมความร้อนไปได้ ไหนจะอาการปวดหัวเมื่อครู่นี้อีก ทั้งคู่เอนตัวลงนอนพร้อมเล็บนิ้วก้อยที่ยังไม่แห้ง กันต์เงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง มันยังคงไม่มีดวงดาว แต่กลับรู้สึกต่างออกไปจากตอนนั่งดูคนเดียวอย่างสิ้นเชิง

“หงุดหงิดปะ วันนี้โดนผมกวนตีนทั้งวัน”

“มีบ้างครับ แต่ก็เป็นสีสันไปอีกแบบ ผมหมายถึงเรื่องลากเท้าแกล้งให้หมาไล่ แล้วก็เรื่องทาเล็บนิ้วก้อยเพื่อหลอกผีแม่ม่ายนะ”

“ไม่ไหวก็อย่าฝืน เค๊?” แหลมเอื้อมไปตบบ่าคนข้างตัวเบา ๆ ทั้งวันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก กระทั่งเข้านอนนั่นแหละถึงคิดได้ว่าทำเกินไปปะวะ?

“ผมไม่ได้ฝืน” ทั้งคู่หันมาสบตากันท่ามกลางแสงดวงจันทร์ “ผมก็แค่ไม่ชินกับสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ถ้าอยู่กับคุณไปนาน ๆ ผมอาจจะทาเล็บเองแล้วขับมอเตอร์ไซค์ให้คุณลากเท้าแกล้งหมาได้”

“เหมือนจะซึ้งนะ แต่ทำไมผมขำวะ?”

“ผมมีความฝันอยู่อย่างนึงที่ไม่เคยบอกใคร แล้วผมจะบอกคุณเป็นคนแรก...” คนเป็นเจ้านายเอนศีรษะเข้าใกล้ แสร้งทำท่ากระซิบ ซึ่งเชร์ก็ขมวดคิ้วตั้งหน้าตั้งตาฟัง “อันที่จริงผมอยากเป็นคนตลกครับ...”

“...” แหลมหรี่ตามองใบหน้าหล่อแล้วค่อย ๆ ถอยออกเพราะประโยคเมื่อครู่ช่างขัดกับเบ้าหน้าเครียด ๆ ของพี่เขาเหลือเกิน

“อะไรครับ ผิดหรือไงที่อยากเป็นคนตลก?”

“ก็ไม่ว่าไรหรอก แต่ก่อนจะอยากเป็นคนตลกต้องเลิกทำหน้าเหมือนปวดขี้ตลอดเวลาก่อนน้า”

“ปกติหน้าผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าควรจะยิ้มตอนไหนเพื่อไม่ให้ดูเป็นคนบ้า” กันต์พยายามแก้ต่างให้ตัวเอง “หรือจะให้เล่นหูเล่นตาพูดจาไร้สาระเหมือนหัวหน้าทีมคุณ แบบนั้นถึงจะดูตลกสินะครับ?”

“พาลพี่ผมเฉย ถึงพี่ธีร์จะตลกแบบกาก ๆ แต่มันก็ไม่เคยมีความดีนะเว้ย”

“นั่นปกป้องอยู่เหรอครับ?”

“ที่จริงคือด่า”

“ผมพูดจริง แต่อะไรหลายอย่างทำให้ผมแสดงออกแบบนั้น เช่นบางครั้งอยากจะเล่นมุกในห้องประชุม แต่ทุกคนดันคิดว่าผมพูดจริง กลายเป็นว่าบรรยากาศซีเรียสกว่าเดิมอีก”

“เช่น?”

“ตอนที่ผมบอกว่าใครไม่มีไอเดียผมจะไล่ออกให้หมด”

“อันนั้นคือมุกเหรออออออออออออออออออออออ?” แหลมตาเหลือกอ้าปากหวอ ยอมใจกับมุกพยายามที่ไม่รู้เลยว่าคนเส้นตื้นจะหัวเราะได้หรือไม่

“คุณก็ไม่ฮาสินะ?”

“ถ้าบอกว่าใครไม่มีไอเดียผมจะฉี่ใส่ล้อรถคุณยังจะฮากว่า”

“ตรงไหนกันครับ สกปรก” กันต์ทำหน้าเหยเก แต่อีกฝ่ายกลับขำอย่างออกรส

“ผ่อนคลายหน่อยดิบอส บางอย่างถ้าพยายามมากเกินไปมันเหนื่อยนะรู้ปะ?”

“ครับ อย่างเช่นการประคับประคองให้บริษัทยังอยู่ได้”

“บอสทำได้นะเว้ยที่จริง มันอาจจะดูแถ ๆ แต่ถ้าลองปรับเปลี่ยนบางอย่าง อะไร ๆ อาจจะดีขึ้นก็ได้”

“ผมควรขายให้คนอื่นทำต่อ?”

“เรื่องไรจะขาย จัดจ้านมาขนาดนี้แล้วต้องให้ไปสุดดิวะบอส”

สีหน้าเชร์ไม่ได้จริงจัง แต่ก็ไม่ดูล้อเล่นเสียทีเดียว บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกดีกับทุกประโยคที่อีกฝ่ายพูด เป็นเพราะเขาชอบเด็กคนนี้แล้วงั้นเหรอ นั่นก็อาจจะมีส่วน

“บริษัทเรามีมือดีจากพระนครอย่างเยอะ ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ที่จะเตะหาเอาตามถนนก็ได้ ตั้งแต่ฝึกงานมา บวกกับฟังที่พี่แจ็คเล่าให้ฟังตลอด ผมว่าปัญหามันมีอยู่นิดเดียวที่บอสอาจจะมองไม่เห็น หรือมองเห็นแล้วแต่ไม่ยอมเปลี่ยน”

“ที่ตัวผมสินะครับ”

“ใช่ ถูกต้องล้านเปอร์เซ็นต์”

“ถ้าอย่างนั้นมันคงไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ หรอก เพราะทุกคนมองเป็นปัญหาใหญ่เสมอเมื่อเป็นผม”

“บอสทำให้คนอื่นคิดแบบนั้นเองเปล่า นึกย้อนดูก่อน หายใจเข้าลึก ๆ อะ – เดี๋ยวผมเปิดพัดลมให้” แหลมกดสวิตซ์พัดลมมือถือ แกล้งเป่าหัวนมบอสก่อนจะเลื่อนระดับไปตรงใบหน้า

“ผมไม่รู้จะทำยังไง”

“เริ่มต้นจากทำตัวธรรมดาให้พนักงานรู้สึกได้ว่าบอสไม่ใช่คนสั่งงาน แต่เป็นพี่ชายที่ทำงานด้วยกันไรงี้ดิ กาแฟก็เหมือนกัน ถุงกระดาษปากซอยก็ได้ปะ ทำไมต้องเงือกเขียว?”

“ผมไม่เคยพูดสักครั้งว่าต้องดื่มเงือกเขียวเท่านั้น พอถึงห้องประชุมพวกเขาก็เอามาให้ผมดื่มเอง”

“นั่นเป็นเพราะว่าบอสไม่มีความเป็นกันเองกับพนักงานไง เขาเลยต้องเอาใจทุกอย่างเพราะกลัวโดนด่า เอางี้ เริ่มต้นจากแต่งตัวสบาย ๆ ไปทำงานก่อน ไม่ต้องใส่สูทผูกไท เอาเสื้อเข้าใน เกงในออกนอก”

“หมายถึงให้ผมใส่ขาสั้นกับรองเท้าแตะไปทำงานอะไรแบบนั้นน่ะเหรอ?”

“ใจสู้หรือเปล่า... ไหวไหมบอกมา...” แหลมหรี่ตามอง ฮัมเพลงประกอบ

“พวกเขาคงเอาผมไปนินทากันจนสนุกปากแน่ ๆ”

“นินทาครั้งเดียวแต่หายตึงตลอดไปนะบอส เลือกเอาว่าจะไปทางไหน สู้หน่อยดิ ถ้าแม่งหัวเราะก็เข้าไปนั่งข้าง ๆ แล้วขำอัดหน้าเลยดิ”

“ถ้าทำแบบนั้นแล้วอะไร ๆ จะดีขึ้นจริงเหรอครับ ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป เพราะทุกคนก็ไม่ได้จะเฝ้าหวังการเปลี่ยนแปลงอะไรขนาดนั้น”

“ไม่ลองไม่รู้ปะ ขนาดจะทำเกมแต่ละทียังต้องเสี่ยงเลยว่าจะโดนชมหรือโดนด่า เรื่องแค่นี้บอสไม่กล้าเหรอ?” แหลมเอาศอกสะกิดคนข้าง ๆ ทั้งให้กำลังใจและล้างสมองไปในเวลาเดียวกัน

“ถ้าไม่ดีขึ้นผมก็กลายเป็นตัวตลกตลอดไปเหมือนกัน”

“กะอีเรื่องใส่ขาสั้นมันไม่คอขาดบาดตายขนาดนั้นปะ แล้วหน้าเน่อเนี่ยก็หัดยิ้มให้เป็นบ้างนะ เหมือนตอนพยายามจีบผมอะ ทีงั้นละยิ้มเก่ง” เด็กลูกครึ่งแค่นหัวเราะ

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่ต้องบอกนะว่าเพราะอะไร ผมไม่อยากโดนจีบอีก บอสต้องรู้จักพอ” พูดจบก็ขยับออกข้างเล็กน้อย รู้ตัวอีกทีคือนอนใกล้จนแทบฟิวชั่นรวมเป็นร่างเดียวกันแล้ว บอสแม่งเนียนเก่ง

“ชอบที่คุณรู้ทัน” ชายหนุ่มอมยิ้มขณะที่เด็กแสบทำหน้าเหมือนจะคายมื้อเย็นออกมาให้ได้

“จัดปาร์ตี้สังสรรค์ในบริษัทบ้าง ให้พนักงานรู้สึกว่าที่นั่นคือบ้าน ไม่ใช่ขุมนรกบนพื้นดินไรงี้อะบอส หรือถ้าจะให้อินจริง ๆ บอสก็ลองไปทำงานตำแหน่งเดียวกับลูกจ้างบ้าง จะได้เข้าใจหัวอก เดี๋ยวผมสั่งงานเอง จะเอาให้เยี่ยงทาสเลย”

“พอผมบอกว่าชอบคุณก็สอนใหญ่เลยนะครับ”

“ไม่ได้สอน อันนี้แนะนำเว้ย ที่บอสนอนไม่หลับทุกวันนี้ก็เพราะเครียดสะสมปะ ทั้งบริษัทเกม ทั้งโรงแรม งานพลาด พนักงานนินทา นู่นนี่นั่น ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนอะไรสักอย่างเดี๋ยวอาการหนักจนต้องกินยานะเหวย...”

“คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ ผมประคองตัวเองได้”

“เออรู้ แต่แทนที่จะเก็บแรงไปประคองตัวเองเวลาเจอเรื่องแย่ ๆ สู้เอามันไปผลักดันให้เกิดเรื่องดี ๆ ไม่โอเคกว่าเหรอ?” แหลมจ้องตาคนข้าง ๆ “อยากให้ลองเปลี่ยนนะจริง ๆ เพราะถ้าบอสยิ้มเป็น พนักงานก็จะผ่อนคลายขึ้น มันส่งผลกระจายเป็นวงกว้างอะ”

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ --”

“ถ้าบอกว่าเป็นห่วงจะฟังผมปะ?”

“...”

บางทีกันกวินทร์อาจจะหูฝาดไป เขาถึงได้ยินอะไรเข้าข้างตัวเองแบบนั้น

“หมายถึงสุขภาพกายกับใจอะ คน ๆ นึงไม่ควรแบกรับไว้เยอะ ๆ ปะวะ พี่ผมเป็นซึมเศร้า ผมเลยเข้าใจดีเว้ย อย่าคิดไปอย่างอื่นล่ะ ผมไม่ใช่คนพูดอะไรแอบแฝง ตรงไปตรงมาอะเคยได้ยินไหม เข้ม ๆ” ปกติก็คิดว่าน่ามันเขี้ยวอยู่แล้ว พอตอนพยายามอธิบายก็ยิ่งน่ามันเขี้ยวเข้าไปใหญ่

เด็กคนนี้เริ่มจะเกินไป กันต์พยายามห้ามมือไม้ตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เอื้อมไปแตะต้องตัวคนข้าง ๆ

“งั้น... ผมจะลองดู”

“เอ้อ!!! มันต้องแบบนี้!!! ไหนมา Brofist ดิ๊” แหลมกำมือขวาขึ้นมา ขมวดคิ้วเม้มปากทำตัวอย่างคนคูลกลบเกลื่อนบรรยากาศที่เริ่มฟุ้งขึ้นมาแบบไม่อยากให้เกิดขึ้น

มันคงไม่ดีถ้าจะโดนจีบอีก เหนื่อยจะแถ เหนื่อยจะแก้ตัวไรแล้ว ไม่ชินโว้ย

“แบบนี้เหรอครับ?”

ชายหนุ่มกำมือชนกับกำปั้น และเด็กแสบก็พยักหน้า ก่อนเขาจะเป็นคนแย่งรอยยิ้มนั้นมาไว้เป็นของตัวเองด้วยการคลายมือออกแล้วกำมืออีกฝ่ายเอาไว้

“หรือว่าแบบนี้?”

ถ้าอยากให้ยิ้มเก่ง ก็ต้องเป็นคนทำให้เขายิ้มได้เสียก่อน
นี่แหละขั้นตอนการฝึกเป็นมิตรกับคนอื่นในแบบของผู้ชายอย่างกันต์กวินทร์


(จบครึ่งแรก)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2018 22:15:42 โดย หน่วยกล้าวาย »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อยากรู้แล้วว่าบอสจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นแบบไหน

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นังแหลมนี่ไว้ใจได้ใช่มั้ยคะอย่าทำให้บอสชั้นเป็นตัวตลกนะสงสารนาง

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ถ้าอิแหลมทำให้บอสเป็นตัวตลก อุ้มพาดบ่าขึ้นห้องโลด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด