★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144114 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
สู้ไปด้วยกันนะพี่อินทร์ น้องจิ :กอด1:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 26: พี่หึงเจ้า[1]

หลังจากที่เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม ผมก็ได้รู้ความจริงหลายๆ อย่างจากปากเขา

อิเหนาหลงรักจรกามาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าในวัยเยาว์แล้ว แต่เป็นเพราะจรกาตั้งแง่ตั้งแต่ต้น เขาเลยไม่สามารถทำอะไรได้ พูดอะไรไป จรกาก็คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งทั้งสิ้น และเพราะแบบนี้จึงทำให้เขาเข้าหาผมไม่ได้เลย

ชาติที่แล้วจะโทษว่าเป็นความผิดของเขาแต่ฝ่ายเดียวว่าเอาแต่ทำอะไรโง่ๆ มีอะไรก็ไม่ยอมพูด ไม่ยอมอธิบายก็ไม่ได้ ต้องโทษผมด้วยที่ไม่มีท่าทีว่าจะฟังเขาเลยสักครั้ง มีทิฐิอัตตาที่อยากจะเอาชนะเขาอย่างเดียวเท่านั้น

สรุปแล้วก็ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละ แถมยังรู้ด้วยว่าปัญหาของเราทีเรื้อรังมายังชาตินี้คืออะไร นั่นก็คือ...การที่เรามีอะไรก็ไม่ยอมคุยกันนั่นเอง

พี่อินทร์ก็กลัวผมจะเกลียดเขามาก ดูท่าทางฝังใจมาจากชาติก่อน พอๆ กับที่ผมกลัวว่าเขาจะเห็นผมอัปลักษณ์นั่นแหละ ผมก็เลยอ้อนเขามากกว่าปกติเพื่อให้เขาสบายใจว่าผมไม่ได้เกลียดเขาแล้ว ชาตินี้รักเขาจะตาย

พี่อินทร์ก็ดูเหมือนจะสบายใจขึ้น เขากลับมาเกาะผมหนึบเหมือนเดิมละ มิหนำซ้ำยังพาไปถอนคำสาบานอีก คือ...มันก็ไม่ใช่วิธีการถอนคำสาบานที่ถูกต้องหรอก แต่ในวินาทีนี้ วิธีไหนทำได้ก็ลองมันหมดทุกวิธี ตั้งแต่ไปถอนคำสาบานกับพระประธานที่วัด ท่องบทสวดมนตร์ ให้หลวงพ่อรดน้ำมนตร์ และอีกจิปาถะสารพัดวิธีเท่าที่จะเสิร์ชหาในกูเกิลได้ มันก็ไม่ได้ผลหรอก แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้บ้าง

สบายใจขึ้นมาได้...บ้าง

อย่างที่บอก มันก็แค่นิดเดียว ผมก็ยังกังวลอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่พี่อินทร์เห็นรอยพวกนี้ ถึงเขาจะบอกว่ารับได้ แต่ผมก็ยังไม่กล้าเปิดเผยให้เขาเห็นอยู่ดี ยังหลบๆ ซ่อนๆ จนพี่อินทร์เลิกพูดถึงเรื่องนี้ไป ทำตัวตามปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมสบายใจ ส่วนเรื่องของพี่จิณห์ พี่อินทร์ก็ยังไม่รามือหรอก เขาให้คำมั่นว่าไม่ว่ายังไงก็จะเค้นเอาคำตอบมาให้ได้ว่าทำยังไงถึงจะทำให้ผมหายได้ ผมไม่อยากให้เขาไปยุ่งกับพี่จิณห์นักหรอก แต่เพื่อรักษาชีวิตตัวเองก็ต้องทำ

ส่วนวันนี้เรามีนัดกับพี่บุศย์และสรัลไปกินหมูกระทะตอนเย็นเนื่องในโอกาสที่ผมกับพี่อินทร์กลับมาคืนดีกัน ผมกลับมาถึงห้องพร้อมกันกับพี่อินทร์พอดี เขาทิ้งตัวลงนอนทั้งชุดนักศึกษาพลันร้องเรียกผม

“จิ มานี่เร็วๆ”

กระดิกนิ้วยิกๆ เลย เห็นก็รู้ว่าอยากน้วยผมแน่ๆ แต่ผมส่ายหน้า

“ไม่เอาอะพี่อินทร์ จิจะไปอาบน้ำ”
“หืม? อาบทำไม เดี๋ยวก็ไปกินหมูกระทะ หัวเหม็นตัวเหม็นก็ต้องมาอาบอีก”
“จิตัวเหนียวน่ะ ข้างนอกมันร้อน อยากอาบน้ำก่อน”

ผมให้เหตุผล พี่อินทร์ก็ไม่ได้ตอแยอะไร แต่พอผมเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าเสื้อผ่อนเรียบร้อย เสียงเคาะประตูก็ต้องขึ้น

“มีอะไรเหรอครับ”

ผมเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไปถามก็เห็นว่าพี่อินทร์ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ อะไรไม่ว่า ไหล่ก็มีผ้าเช็ดตัวพาด แถมเสื้อผ้าก็ไม่ใส่อีก

“พี่อาบด้วยคนสิ”

เท่านั้นผมก็ลืมตาโพลงเลย มะ...ไม่ได้!

“ไม่เอาพี่อินทร์ จิจะอาบคนเดียว”

ผมรีบผลักประตูปิดเพราะรู้ว่าถ้าตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้แน่นอน แต่พี่อินทร์รู้ทัน รีบดันประตูเอาไว้ก่อนที่มันจะปิด

“ทำไมพี่ถึงอาบด้วยไม่ได้ เราก็เคยอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ นี่”
“แต่วันนี้จิอยากอาบคนเดียวอ้ะ!”

ใช่! อยากอาบคนเดียว เพราะไม่งั้นพี่อินทร์...

“อายที่พี่จะเห็นรอยฟ้าผ่าเหรอ”

...ใช่

ผมชะงักไปทันที พอเหลือบมองหน้าเขา พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา

“ไม่ต้องอายหรอก ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย ให้พี่เข้าไปนะ”

ผมลังเลไปนิด จังหวะที่เผลอไม่ได้ดันประตู ตอนนี้แหละที่พี่อินทร์แทรกตัวเองเข้ามา พลันผมก็อึกๆ อักๆ มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดรอยบนผิวตัวเองทันที ขณะที่พี่อินทร์รวบเอวผมเข้าไปชิดกับลำตัวเขา กระซิบเสียงแผ่วพลางอมยิ้ม

“ไม่เห็นต้องอายเลย จะมีรอยหรือไม่มีรอย ยังไงจิก็ยังเป็นคนงามของพี่... จิระคนงาม”

คำพูดนี้ทำให้ผมนึกถึงอดีตชาติที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเรียกผมว่า ‘จรกาคนงาม’ ขณะที่คนอื่นๆ เอาแต่พากันว่าและล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตาผม

หรือผมจะเป็นคนงามตั้งแต่ชาติที่แล้วจริงๆ?

พี่อินทร์ไม่ให้คำตอบเป็นคำพูดหรอก พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ประทับจูบลงมาบนหน้าผาก ไล่ลงไปยังแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะมาจบที่ริมฝีปาก พึมพำแผ่วเบา

“งามมาก...งามจริงๆ ชาตินี้หรือชาติไหนก็งาม”

ผมเชื่อคำพูดของเขาไปแล้วว่าผมเป็นอย่างนั้น ก่อนที่จะต้องประหม่าขึ้นมาเมื่อเขาดันผมไปชิดกับผนัง แล้วค่อยๆ ไล่จูบลงต่ำไปยังซอกคอและช่วงไหปลาร้า

“พี่อินทร์...”

มือรั้งไหล่เขาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ กลัวว่าเขาจะเห็นรอยพวกนั้นชัดเจนเกินไป แต่พี่อินทร์ก็ดึงมือผมออก

“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไร”

เหมือนกับว่าเขารู้ว่าผมกลัวอะไรอยู่ ผมก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าผมไม่มั่นใจเวลาต้องเผยรอยพวกนี้ให้เขาเห็น แต่ทว่า...

“จะเป็นจรกาหรือจิระ ก็น่ารักสำหรับพี่ที่สุดในโลก”

ดวงตาสบประสาน แววตาของเขาหยักยิ้มและแฝงไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่อย่างที่ปากพูดจริงๆ เท่านั้นผมก็ใจอ่อนยวบ อีกทั้งยังสบายใจขึ้นด้วยเมื่อเขาว่าตามมาอีกครั้ง

“พี่รักจิทั้งชาติที่เป็นจรกา ทั้งชาตินี้ ไม่ว่าจิจะเป็นยังไง พี่ก็รัก”

แล้วผมจะไม่สบายใจได้ยังไงล่ะ...

“ให้พี่รักจิเถอะนะ”

พอเขาพูดมาอย่างนั้น ผมก็พยักหน้า ยืนนิ่งให้เขาได้ทำตามใจ

มือใหญ่ลากลูบไปตามแผงอกของผม ฉวัดเฉวียนเฉียดตุ่มไตเม็ดเล็กไปมา ผมเกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อเขาย่อตัวลงต่ำเพื่อไปครอบครองพวกมันด้วยริมฝีปาก ความหวามไหวทำให้ผมครางเสียงแผ่วออกมา ขณะที่พี่อินทร์ไม่หยุดซุกซุนเพียงแค่นี้ เลื่อนมือลงต่ำไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวยังกลางลำตัวผมอีก

คลึงเคล้นไม่เท่าไร มันก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง พี่อินทร์เหลือบมองหน้าผม อมยิ้มเป็นเชิงหยอกเย้าให้ผมได้รู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้า ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่า กลืนกินสิ่งนั้นราวกับว่ากลัวผมจะหนีหายไป

ขาทั้งสองข้างสั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่ ผมเกาะไหล่ของพี่อินทร์ไว้แน่น นอกจากส่วนกลางลำตัวถูกรุกรานแล้ว มือของเขาก็กำลังวุ่นวายอยู่กับก้อนนุ่มๆ ทางด้านหลังของผม ขาถูกจับแยกออกเล็กน้อย ปลายนิ้วก็ค่อยๆ ชำแรกดุนดันเข้ามายังส่วนลึกของร่างกาย

ผมกระตุกเฮือกในวินาทีนั้น ความรู้สึกราวกับว่าใกล้จะล่องลอยเต็มทีแผ่ซ่าน หากทว่าพี่อินทร์ก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ทั้งปรนเปรอด้วยปาก ทั้งขยับปลายนิ้วเข้ารุกรานจนผมต้องร้องเรียกเขาเสียงพร่า

“พะ...พี่อินทร์... อือ...พี่อินทร์...”

จากนั้นหัวสมองก็ขาวโพลน ร่างกายกระตุกพร้อมกับความหวามไหวอย่างรุนแรงพร่างพรายไปทั่วร่าง ผมเหลือบมองลงต่ำพร้อมกับหอบหายใจน้อยๆ ก็เห็นว่าพี่อินทร์กำลังยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน โอบกอดผมที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงพลางกระซิบ

“เกาะพี่ไว้นะ”

ผมกอดเขาไว้อย่างที่บอก ก่อนมันจะกลายเป็นการกอดแน่นเมื่อสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่จะหลอมเราทั้งคู่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันแทรกเข้ามา

เสียงหายใจหอบสะท้านดังก้องไปทั่วห้องน้ำทุกครั้งที่พี่อินทร์เคลื่อนไหว ริมฝีปากถูกครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าเขาอยากจะกลืนกินผมลงไปทั้งตัว แต่สิ่งที่ทำให้ผมแทบขาดใจกลับไม่ใช่รสรักที่เขาปรนเปรอให้ ทว่าเป็นเสียงกระซิบประหนึ่งเสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นข้างหูผมมากกว่า

“พี่รักจินะ...รักคนเดียว...ตลอดไป”

ผมเป็นของเขาหมดทั้งตัวและหัวใจแล้ว...

“จิ...ก็รักพี่อินทร์ครับ”

สิ้นเสียงก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก นอกจากเสียงลมหายใจของกันและกัน เสียงครวญครางไปด้วยมธุรสแห่งรักที่จะร้อยหัวใจของเราสองคนไว้ตลอดไป

อิเหนารักจรกาฉันใด จรกาก็จะรักอิเหนาฉันนั้น...มั่นคงสืบไปชั่วนิรันดร์


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 26: พี่หึงเจ้า[2]


“ทำไมมาช้า”

สรัลถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าพวกเราหลังจากที่เธอยืนรออยู่หน้าหอนานสองนาน ผมไม่กล้าสบตาเลย ไม่รู้จะตอบยังไงด้วย จะให้บอกว่ามัวแต่เย้เฮกันในห้องน้ำจนเกินเวลานัดก็ใช่เรื่อง ได้แต่ปล่อยให้พี่อินทร์ตอบไปแทน

“ทำธุระอยู่”

“เย้กันก็บอกว่าเย้ ทำมาอ้างธุรงธุระ”

ข้ออ้างนั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย สรัลรู้ทันอีก แถมยังหรี่ตาเบ้หน้าว่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้เต็มแก่ ผมก็ร้อนวูบที่หน้าเลย ขณะที่พี่อินทร์มองสรัลตาเขียว

“เป็นสาวเป็นนาง ทำไมพูดจาโผงผางอย่างนี้วะ”

สรัลแคร์ไหมล่ะ หึ... ยังว่าซ้ำด้วย

“ก็พี่อินทร์ผิดนัดทำไมล่ะ กินเสร็จแล้วค่อยกลับมาทำไม่ได้หรือไง หนูหิวจะตายแล้วเนี่ย”

ไม่เอาแล้ว ผมไม่คุยแล้ว เอาหน้ามุดหลังพี่อินทร์เลย พี่อินทร์ก็ทำตาเขียวใส่สรัลไม่เลิก ครั้งนี้มีดีดหน้าผากด้วย

“โอ๊ย เจ็บนะพี่อินทร์”

“เออ เจ็บสิดี ถ้าพูดอีก เดี๋ยวจะเอารองเท้าตบปาก”

สรัลเลยยอมเงียบได้ แต่ก็ไม่วายทำหน้าง้ำ ทว่าก็แค่แวบเดียวเท่านั้นเพราะพี่อินทร์ถามไปเรื่องอื่น

“แล้วไอ้บุศย์ล่ะ ไม่เห็นมันโผล่หัวมาเลย”

“นั่นสินะ นี่ก็อีกคน ช้ากันจริ๊งงง”

สรัลบ่นอุบ มือก็ลูบท้องตัวเองไปด้วยให้รู้เลยว่าหิวมากจริงๆ แต่พอบ่นถึงพี่บุศย์ พี่บุศย์ก็มาให้เห็น น่าแปลกหน่อยตรงที่เขาไม่ได้ลงมาจากชั้นบนอย่างพวกผม ทว่าดันมาจากทางลานจอดรถ

“นั่นไง มาแล้ว” สรัลว่าอย่างดีใจเป็นคนแรก แต่แล้ว... “เอ๊ะนั่น...”

ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าด้านหลังมีใครตามมาด้วย

“ไอ้นั่นมัน...”

พี่อินทร์ครางออกมา พอผมมองตามไปก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่มากับพี่บุศย์คือ...

วิหยาสะกำ!

ใช่เลย พี่วิญญูตัวเป็นๆ เดินมากับพี่บุศย์เสมือนว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน พอพี่บุศย์มายืนตรงหน้าพวกเรา พี่อินทร์ก็คว้าผมหมับไปกอดทันที ขณะที่สรัลก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมา

“พี่บุศย์ นี่มัน...”

ดูตกใจด้วย ก็แน่ล่ะ เมื่อชาติก่อน สังคามาระตาเป็นคนสังหารวิหยาสะกำนี่ มาเจอกันชาตินี้ก็ไม่แปลกหรอกที่จะตกใจ แต่พี่บุศย์ไม่ยี่หระอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจพี่วิญญูที่ดูอึดอัดขึ้นมานิดๆ ด้วย ได้แต่พูดในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้

“วันนี้หมอนี่จะไปกินหมูกระทะกับเราด้วย”

เท่านั้นทั้งผม พี่อินทร์ สรัล ก็ร้องเป็นเสียงเดียว

“ว่าไงนะ!?”

พี่บุศย์ก็ย้ำอีกที “วิญจะไปกินหมูกระทะด้วย ตกใจอะไร เอ้า ไปกันได้แล้ว”

สิ้นเสียงก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมโดยมีพี่วิญญูเดินตามไปติดๆ ทิ้งให้คนที่เหลือมองตามอย่างไม่เชื่อสายตาและงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!?

 

มารู้อีกทีว่าเรื่องอะไรก็ตอนอยู่ที่ร้านหมูกระทะแล้ว พี่บุศย์เล่าให้ฟังว่าพี่วิญญูตามสตอล์กเกอร์เขามาหลายวัน จนวันนี้เขารำคาญใจก็เลยเข้าไปถามตรงๆ ว่ามีเรื่องอะไร พี่วิญญูบอกว่าอยากช่วยผม พูดจาเหมือนรู้ว่าผมเป็นอะไร พี่บุศย์ก็เลยลากให้มากินหมูกระทะด้วยเพื่อว่าจะได้คุยกัน

พอบอกอย่างนี้ บรรยากาศอึมครึมระหว่างพวกเราก็ดูจะลดน้อยลงทันตาเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสรัลที่อึดอัดกว่าใครเวลาถูกพี่วิญญูมอง ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าเพราะอะไร แต่ที่น่าอึดอัดสำหรับผมก็คือตอนนี้พวกเรา...อิเหนา บุษบา สังคามาระตา วิหยาสะกำ และผม...จรกา

...กำลังนั่งปิ้งหมูกระทะด้วยกัน

ไอ้นี่มันน่าอึดอัดกว่าเรื่องอื่นอีกเว้ย!

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องมานั่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ขาดศิลา น้องพี่บุศย์ที่เป็นสียะตรากลับชาติมาเกิด และถ้าพี่จิณห์ จินตะหราวาตีในอดีตชาติยังเป็นเพื่อนกับพวกพี่อินทร์พี่บุศย์อยู่ รับรองเลยว่าครบแก๊งวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนาอย่างแน่นอน

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่พี่วิญญูพูดขณะกำลังปิ้งเบค่อน

“เห็นรอยแปลกๆ บนตัวน้องจิหลายครั้งแล้ว คิดว่ามันจะต้องเกี่ยวพันกับคำสาบานอะไรเมื่อชาติก่อนแน่ เลยเข้าหาบุศย์ อยากจะช่วยน่ะ”

เขาว่า และพอพูดมาอย่างนี้ก็รู้เลยว่าเขาเองก็ระลึกชาติได้เหมือนกัน ผมค่อนข้างงงกับองค์ประตาระกาหลาอยู่หน่อยๆ นะว่าทำไมถึงให้ใครต่อใครกลับมาเกิดแล้วระลึกชาติได้ ทั้งที่ผมเป็นคนเดียวที่อธิษฐานขอพรก่อนตายแท้ๆ

ทว่าก็ไม่มีคำตอบให้ผมหรอก มีแต่คำถามที่หลุดจากปากของพี่อินทร์

“มึงก็เลยลากมันมาด้วยว่างั้น?”

ไม่ได้ถามพี่วิญญูด้วย ถามพี่บุศย์ พี่บุศย์ที่กำลังเทพริกกระเทียมลงในถ้วยน้ำจิ้มตัวเองครางรับเบาๆ

“อืม”

“ทำไมไม่ถามกูก่อนวะว่าอยากให้มันช่วยไหม”

เท่านั้นพี่บุศย์ก็ส่งสายตาเขียว “เรื่องความเป็นความตายของจิยังจะต้องรอถามมึงก่อนอีกเหรอวะ ไหนบอกว่าวิธีไหนช่วยได้ก็จะยอมทำไง วิญมันบอกว่ามันมีวิธีช่วยได้ แบบนี้จะให้กูปฏิเสธเหรอ”

พี่อินทร์ก็เงียบกริบเลย ไม่กล้าเถียง ได้แต่บ่นพึมพำไม่เป็นภาษาอยู่ข้างๆ ผม ดูท่าทางไม่สบอารมณ์มาก ซึ่งก็แน่ล่ะ ก็เมื่อชาติก่อน พี่วิญญูยกทัพมาทำศึกเพื่อแย่งผมกับเขาเลยนี่ ไม่เคืองกันมายันชาตินี้ก็แปลกล่ะ

“แล้วจะลีลาอีกนานไหม จะทำอะไรก็ทำเร็ว เปิดทางให้แล้ว”

พี่บุศย์หันไปบอกพี่วิญญู เท่านั้นคนถูกถามก็ยิ้มให้ผม

“งั้นขอพี่ดูรอยหน่อยนะน้องจิ”

พี่วิญญูยื่นมือมาตรงหน้า ผมก็ยื่นแขนไปให้เขา ใจคิดแต่ว่าอยากหายเลยยอมทำตามแต่โดยดี ทว่าพี่อินทร์ก็พุ่งพรวดมาดึงมือผมไปเสียอย่างนั้น ไม่ดึงแค่มือเฉยๆ ด้วยเถอะ ตอนนี้คว้าผมไปกอดแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะว่าเสียงเขียว

“ไม่ให้!”

ผมหันขวับมองเขาเลย เสียงดังอย่างนี้เดี๋ยวคนก็หันมามองกันทั้งร้านหรอกเว้ย!

“แค่ให้มันดูแป๊บเดียวน่าไอ้อินทร์ จะอะไรนักหนาวะ”

พี่บุศย์เห็นแล้วก็คงรำคาญมั้ง เขาเลยช่วยพูดขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่อินทร์ยอมปล่อยผมเลย กอดแน่นกว่าเดิมอีก กอดหัวหอมหัวมั่วซั่วนัวเนียไปหมดแล้วเนี่ย!

มิหนำซ้ำ เขายังแหวขึ้นมา

“ลูกใคร ใครก็รัก ไม่ให้จับเว้ย!”

แล้วกูใช่ลูกมึงไหมเล่า! อย่าลีลาได้ไหมไอ้อิเหนา!

หลุดด่าพี่อินทร์ในใจอีกแล้ว พอกลับมาปกติแล้ว เขาก็กวนตี๊นกวนตีนอะ ผมเลยต้องดันเขาออกก่อนที่เขาจะโวยวายไปมากกว่านี้

“แป๊บเดียวเองพี่อินทร์ แค่จับมือเอง”

“ไม่ได้ นั่นแหละไม่ได้ใหญ่เลย”

เขายืนกรานเสียงแข็ง ทำเอาสรัลที่ปิ้งหมูอยู่มองอย่างเอือมๆ

“พี่อินทร์อยากให้จิมันหายปะเนี่ย”

เขาพยักหน้า เท่านั้นพี่บุศย์ก็ว่าเสียงเขียว

“ถ้าอยากให้น้องมันหายก็เอาให้วิญดู จะลีลาอะไรนักหนา”

“กูใจจะขาด”

พี่อินทร์ทำหน้าง้ำ และพอพูดประโยคนี้ คนอื่นๆ ก็เบ้หน้าใส่ทันควันราวกับว่าเอียนกับความโอเวอร์ของพี่อินทร์เต็มประดา ก่อนที่เขาจะมองมาที่ผมแล้วทำเสียงกระเง้ากระงอด

“ถ้าต้องให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัวน้องจรกาของกู กูคงทนไม่ได้”

“แต่วิญมัน...”

“น้องน่ารักน่าจับแดรกขนาดนี้ กูจะทำใจได้ยังไง”

พี่บุศย์ที่พูดค้างไว้อยู่ชะงักเลย มีแต่พี่อินทร์ที่พูดพล่ามไม่เลิก

“นว้องจิตัวเย็กๆ น่ายักมากเลอ~ ป่าปี๊หยักจับปั้นเป็นก้อนๆ แล้วกลืนลงท้องจุง~”

แล้วก็มุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งอยู่ข้างหัวผมเนี่ย ไม่ได้ดูสถานการณ์เลยว่าคนอื่นเอือมแค่ไหน ทุกคนทำหน้าเหมือน ‘เออ เรื่องของมึง’ แบบว่าจะไม่สนใจแล้วอะไรงี้ ผมเลยต้องพูดออกมาจนได้

“พี่อินทร์ ให้พี่วิญญูดูหน่อยนะครับ นิดเดียว”

“แต่พี่หึงอ้ะ”

พี่อินทร์ทำปากยื่น ผมก็เลยต่อรอง

“แต่จิก็อยากหายเหมือนกัน พี่อินทร์ทนได้เหรอถ้าจิต้องตายน่ะ”

เท่านั้นเขาก็ทำปากยื่นมากกว่าเดิม ฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยผม

“ก็ได้ แป๊บเดียวนะ”

ผมยิ้มให้ทันควัน “ครับ แป๊บเดียว” แล้วก็หันไปหาพี่วิญญูพร้อมยื่นแขนให้ “นี่ครับ”

พี่วิญญูจับข้อมือผมไปพลิกให้หงายขึ้น มือเลิกแขนเสื้อผมขึ้น รอยแดงนั่นปรากฏให้เห็น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแล้ว

“เอื้อ~”

หันไปมองก็เห็นว่าเป็นเสียงของคนข้างๆ ผมเอง พี่อินทร์ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายแล้วทำท่ากระอักเลือด พอพี่วิญญูถลกแขนเสื้อผมขึ้นอีก เขาก็ทรุดลงไปหมอบอยู่บนโต๊ะ

“อึ่ก! อ๊อก!”

จากนั้น...

“เอื้อ~ อั่ก!”

แม่งดิ้นทุรนทุรายอยู่นั่นแหละ จนพี่บุศย์ต้องร้องถาม

“เป็นอะไรของมึง”

“กู...” พี่อินทร์ว่าเสียงแหบ “...กระอักความหึง”

พลันก็ดิ้นทุรนทุรายเอาหัวมาสีกับต้นแขนผม

“หะ...หึง...”

“...”

“หึงแล้ว...”

“...”

“หึงจะตายอยู่แล้ว เอื้อออ~”

เล่นใหญ่ไฟกะพริบปิ๊บๆๆ พี่วิญญูแสร้งทำเป็นไม่เห็น ผมก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจเหมือนกัน แต่พี่อินทร์ก็ไม่หยุด หาวิธีเรียกร้องความสนใจใหม่ด้วยการคว้าตะเกียบขึ้นมาแล้วชี้ไปที่หมูบนกระทะซึ่งพี่วิญญูเพิ่งเอาลงเมื่อกี้

“ชิ้นนี้ของมึงใช่ไหม”

พอพี่วิญญูพยักหน้า พี่อินทร์ก็คีบหมับไปจิ้มน้ำจิ้ม เอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จากนั้น...

“กูจะแดรกหมูมึงให้หมดไอ้วิหยาสะกำ! ถ้ามึงไม่ปล่อยน้องจรกาของกู กูจะแดรกให้หมดเลย!”

นี่มึงตลกแดรกตลอดเลยนะ! มันลุกขึ้นไปตักใหม่ที่ไลน์อาหารได้เว้ย!

ไม่มีใครสนใจ พี่อินทร์ก็จ้วงหมูเอาๆ ยิ่งเรียกความสนใจของใครไม่ได้ เขาก็ฟุบนอนลงบนโต๊ะ ตะแคงหัวมาให้ผม เบ้ปากเบ้หน้าทำเหมือนร้องไห้

“ฮือ...”

ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแค่สรัลเท่านั้นที่ร้องถาม

“เป็นอะไรอะพี่อินทร์”

เข้าทางเขาทันที พี่อินทร์ครางกระซิก

“พะ...พี่...”

“...”

“พี่หึงเจ้า น้องจรกา...”

“...”

“หึงเจ้า...ฮือ...หึงเจ้า...หึงๆๆๆ ฮือ...หึงจะตายอยู่แล้ว...”

เออๆ! กูไม่ให้มันจับแล้ว พอใจหรือยัง!?

จะดราม่าไปไหน ไอ้บ๊องเอ๊ย!

“พอหรือยังครับ”

ผมถามพี่วิญญูออกไปจนได้ วินาทีนี้ต้องยอมก่อน ไม่อย่างนั้นพี่อินทร์ไม่ยอมวางถุงกาวอย่างแน่นอน พี่วิญญูก็พยักหน้า คงไม่อยากจะมีปัญหาด้วย พลันปล่อยมือจากผม และหลังจากนั้น...

หมับ!

...พี่อินทร์ก็คว้าผมไปกอดแน่น

“โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมาลูก” แล้วก็หันไปคว้าทิชชูเปียกจากกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองมาเช็ดแขนข้างที่พี่วิญญูขับเป็นการใหญ่ พอผมมองหน้า เขาก็บอก... “ฆ่าเชื้อ”

เว่อร์ไป๊!

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งครับพี่อินทร์”

ผมว่า แต่พี่อินทร์กลับมุ่ยหน้าใส่

“ถ้าเอาไปจุ่มแอลกอฮอล์ได้ พี่ทำไปแล้ว”

เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์จริงๆ

ทั้งพี่บุศย์ ทั้งสรัลพากันถอนหายใจออกมา ดูท่าทางเหนื่อยใจกับความขี้หึงของพี่อินทร์มาก ก็พอรู้หรอกว่าชาติที่แล้วก็หวงผมอย่างนี้ แต่ชาตินี้ ผมว่ามันมากเกิ๊น!

พี่วิญญูมองแล้วก็ส่งเสียงดัง ‘หึ’ ในลำคอ มันดังพอที่จะทำให้พี่อินทร์ได้ยิน เขาก็เลยชะงัก ถามเสียงเขียว

“หึอะไรของมึง”

ทำท่าเหมือนหาเรื่องอะ ขณะที่พี่วิญญูก็ว่าลอยๆ ขึ้นมา

“ทำเป็นหวงนักหวงหนา ทั้งที่ตัวเองก็มีเมียเป็นสิบ”

จู่ๆ ก็พูดถึงอดีตชาติขึ้นมาเฉยเลย ทุกคนหันไปมองหน้าเขาทันควัน

“รักมาก รักเหลือเกิน แต่ไม่ได้รักเดียวใจเดียว”

เหมือนกับว่าพอเชื้อไฟมาแล้วก็ต้องรีบก่อให้ไฟลุกกระพือ ยิ่งพี่วิญญูพูดอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ยิ่งทำหน้าง้ำ ก่อนจะชี้หน้าเขาด้วยตะเกียบ

“ปากดีนักนะไอ้วิหยาสะกำ ชาติก่อนทำเป็นกร่าง ยกทัพมาหมายจะแย่งชิงน้องจรกา คิดเหรอว่าจะทำได้ง่ายๆ ไอ้ยุพราชแห่งกระหมังหนุงหนิง!”

กระหมังกุหนิงเว้ย!

ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเลย ดูก็รู้ว่าพี่อินทร์จงใจแกล้งพูดผิด แต่ประเด็นคือ...ทำไมจะต้องมาพูดภาษาสำนวนโบราณๆ กันด้วยฮะ!

แล้วไม่ใช่แค่พี่อินทร์ด้วยนะ พี่วิญญูเห็นก็เอาบ้าง

“คิดว่าเป็นยุพราชแห่งกุเรปันแล้วยิ่งใหญ่นักหรือไง แท้จริงก็แค่เด็กถูกพ่อแม่สปอยล์ล่ะวะ”

“ชิชะบังอาจ! สงสัยคงอยากถูกสังคามาระตา น้องบุญธรรมข้าเอาง้าวสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นอีกกระมัง!”

ใครเดินผ่านไปผ่านมาคงต้องมองโต๊ะเราอะ ผมเชื่อได้เลย แม่งพูดจาภาษาไม่เหมือนชาวบ้านอย่างนี้ ใครต่อใครคงคิดว่าหลุดมาจากโรงลิเก แต่ทั้งพี่อินทร์และพี่วิญญูก็ไม่สนใจ เถียงกันคอเป็นเอ็นไม่เลิก

“อ้อ อย่างนั้นเหรอ ภูมิใจมากสินะที่เป็นองค์ยุพราชแห่งกุเรปัน”

“หากไม่ภูมิใจแล้วไซร้ จะมีหน้าเอาตะเกียบมาชี้หน้าเจ้าอย่างนี้รึ! กุเรปันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น กระหนุงกระหนิงก็เทียบเทียมไม่ได้หรอก!”

กูบอกแล้วไงว่ากระหมังกุหนิง!

ไม่แก้คำผิดให้แล้ว ได้แต่มองพี่อินทร์ที่เอาตะเกียบชี้หน้าชี้หน้าคนตรงข้ามไม่เลิก ขณะที่พี่วิญญูยิ้มเยาะขึ้น

“มิน่าล่ะถึงได้มีเมียเยอะ ว่ากันว่าชายใดมีสตรีในครอบครองเยอะ แสดงว่ามีอำนาจบารมีเยอะ อิเหนาแห่งกุเรปันมีเมียเป็นสิบ ดูท่าว่าจะมีอำนาจเยอะกระมัง ใช่หรือไม่...บุษบา”

หันไปถามพี่บุศย์ที่กำลังนั่งกินอยู่ด้วย พี่บุศย์ที่จู่ๆ ก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวย่นคิ้วทันควัน แต่ก็ไม่พูดอะไร นอกจากปล่อยให้พี่วิญญูได้พูดต่อ

“อ้อ แต่ข้าได้ยินมาว่านอกจากอิเหนาแห่งกุเรปันจะมีเมียเยอะแล้ว ยังชื่นชอบชายงามอีกด้วยนี่ ตอนที่ข้าตาย รู้สึกว่าจะไปยืนชมโฉมอยู่ตั้งนานสองนาน”

พี่อินทร์นิ่ง ไม่พูดอะไร พี่วิญญูก็เอาใหญ่

“มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะยับว่าชายโฉมยง...”

จู่ๆ ก็ร่ายกลอนบทหนึ่งออกมา พี่อินทร์ขมวดคิ้วยู่ เขาก็ยิ่งยิ้มเยาะ ก่อนจะว่าออกมาอีก

“เอ้อ ได้ยินว่าเจ้าเองก็มีซัมธิงกับสียะตรา น้องชายของบุษบาด้วยนี่ ว่ากันว่าไงนะ...” ทำเป็นคิดไป จากนั้น... “เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเกษมสานต์ กอดประทับรับขวัญพระกุมาร แสนสำราญภิรมย์ชมเชย พาไปให้บรรทมบนแท่นทอง เอนแอบแอบประคองเคียงเขนย เสสรวลชวนพลอดกอดก่ายเกย พระชื่นเชยชมต่างนางบุษบา”

แต่เท่านี้เหมือนจะไม่พอ พี่วิญญูก็หันไปหาสรัล

“น้องชายบุญธรรมของเจ้า สังคามาระตาก็ไม่รอด”

สรัลสะดุ้งโหยง หันไปมองพี่วิญญู ทำหน้าตาเหมือนอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว

“ได้ยินว่าบางวันสียะตราไม่อยู่ ก็ชวนสังคามาระตา น้องชายเมียอีกคนไปนอนด้วย พอเผลอก็...พิศดูรูปทรงส่งศรี เหมือนมาหยารัศมีไม่เพี้ยนผิด พระเชยปรางพลางอุ้มขึ้นจุมพิต ฤทัยคิดสำคัญว่ากัลยา เอวองค์อรชรอ้อนแอ้น เหมือนแม้นพี่นางเป็นหนักหนา พิศทรงขนงเนตรอนุชา ละม้ายเหมือนนัยนานางเทวี สัพยอกแย้มสรวลชวนพาที จนเข้าที่บรรทมหลับไป”

“ไม่ใช่! ไม่เคย! อย่าพูดอะไรแบบนี้ออกมาอีกนะ หนูขนลุกขนพองไปหมดแล้วเนี่ย”

สรัลว่าหน้าดำหน้าแดงทันควัน ยังลูบแขนตัวเองที่มีตะปุ่มตะป้ำขึ้นไปมาอีกด้วย ขณะที่พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาเหมือนกัน

“นั่นมันเรื่องแต่งเว้ย! เคยยุ่งกับใครที่ไหนเล่า! มีแต่น้องจรกาเนี่ย! กูบริสุทธิ์ผุดผ่องเว้ย!”

เดี๋ยวนะ พี่อินทร์หมายถึง...?

ผมหันไปมองเขา ตั้งใจว่าจะถามว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ก็ดันเห็นว่าพี่อินทร์กำลังพนมมืออยู่ ผมเลยอดถามเรื่องนี้ก่อนไม่ได้

“พี่อินทร์พนมมือทำไมครับ”

พลันเขาก็ยิ้มแห้งๆ “ปางห้ามเมียจ้ะ”

ห้ามทำไม กูไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย!

ผมดึงมือเขาลง บ่นอุบอิบ “จิไม่ได้จะทำอะไรพี่อินทร์สักหน่อย ไหว้ทำไม”

“ไม่รู้สิ ไหว้ไว้ก่อน เผื่อเมียเห็นใจ”

พี่วิญญูหัวเราะหน้าดำหน้าแดงเลย พี่บุศย์กับสรัลก็เอากับเขาด้วย ผมก็ว่ามันตลกดีเหมือนกันนะเวลาเอาเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาล้อเลียนเนี่ย แต่ว่านะ ที่เขาบอกว่ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ มันทำให้ผมสงสัยไม่หาย

“แล้วที่พี่อินทร์บอกว่ายังบริสุทธิ์อยู่ หมายความว่า...”

“อืม พี่รอจิมาทั้งชาติเลยไม่ยุ่งกับใคร”

“งั้นก็...”

“พี่ยังซิง”

หา!?

เป็นอีกเรื่องที่ทำเอาผมอ้าปากค้างเลย ที่ทำหื่นๆ มาตลอดนี่คือบริสุทธิ์เหรอ ถ้าอย่างนั้นผมก็...เป็นคนแรกของเขาเหมือนกับที่เขาเป็นคนแรกของผม?

จะดีใจดีไหมก็ไม่แน่ใจนัก ความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันไปหมด ที่แน่ๆ คือคนอื่นๆ หัวเราะกันท้องแข็งไปแล้ว โดยเฉพาะพี่วิญญูที่ดูเหมือนจะสะใจมากเป็นพิเศษ

“ไม่ต้องมาหัวเราะกูเลยไอ้วิหยาสะกำ มึงก็ตายตั้งแต่เพิ่งแตกหนุ่ม ยังซิงเหมือนกันล่ะวะ”

“รู้ได้ไงว่าซิง นางในมีไว้ทำอะไร”

พี่วิญญูว่า เท่านั้นก็เป็นที่ชัดเจนเลยว่าคนที่ชณะการประลองฝีปากในครั้งนี้น่ะ คือพี่วิญญู

“มึง...มึง...” พี่อินทร์ดูแค้นมาก เขาเอาตะเกียบชี้หน้าพี่วิญญูไม่เลิก ขณะที่พี่วิญญูไม่สนใจแล้ว คีบหมูบนกระทะไปจิ้มน้ำจิ้มพลันเอาเข้าปาก ซึ่งหมูชิ้นนั้น... พี่อินทร์เพิ่งเอาลงเมื่อกี้

“ไอ้วิหยาสะกำ! ชาติที่แล้ว มึงก็มาแย่งเจ้าน้องจรกากับกู! ชาตินี้ยังจะมาแย่งหมูกูอีก ความแค้นนี้ กูจะ...กูจะ...!”

ทุกคนเงียบ รอดูว่าพี่อินทร์จะพูดอะไรอย่างตั้งใจ ก่อนที่พี่อินทร์จะประกาศกร้าว

“กูจะไม่ปิ้งหมูกระทะเดียวกันกับมึง!”

ก็ไปขอเด็กเสิร์ฟเขามาใหม่อีกกระทะสิเว้ย!

“เฮ้อ~ เหนื่อย”

แล้วเขาก็ว่าออกมาหลังจากที่เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาพักใหญ่ กระดกน้ำในแก้วขึ้นดื่มอึ้กๆ ปล่อยให้ผมมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา

เออ ก็สมควรเหนื่อยอะ แค่พี่วิญญูจับมือผมแค่นี้ เล่นใหญ่มากเว่อร์จนแทบอยากให้รางวัลออสการ์

ทุกอย่างกลับเข้ามาเป็นปกติอีกครั้งก็ตอนที่พี่บุศย์ถามขึ้นนี่แหละ

“แล้วตกลงมีวิธีช่วยจิยังไง”

“ถ้าเป็นวิธีอะไรแปลกๆ มึงโดนแน่”

พี่อินทร์ก็ไม่วายไปแง่งๆ ใส่เขา ผมเลยตีเข้าให้ที่แขนไม่แรงนักทีหนึ่ง พี่วิญญูถอนหายใจออกมา ก่อนจะว่า...

“มันก็ไม่ยากหรอก แต่ต้องมีตังค์เท่านั้น”

“ทำไมล่ะครับ”

คราวนี้ผมถาม เขาสบตาผม ก่อนจะว่าออกมา

“เอาไว้ซื้อตั๋วเครื่องบินกับค่าที่พัก”

เห?

สีหน้าของผมในตอนนี้คงจะดูแปลกใจว่าคนอื่นๆ เลย ขณะที่คนอื่นๆ เหมือนจะเข้าใจอะไรๆ ได้ ทว่าพี่วิญญูก็พูดออกมาให้กระจ่างชัดอีกครั้ง

“เพราะคำสาบานนี้...สาบานไว้ที่ไหน ก็ต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น”

ถ้าอย่างนั้น ผมก็ต้องไป...

...เมืองดาหาเหรอ!?

 --------------------------------


ตอนนี้พี่อินทร์กลับมาเป็นปกติละ พี่อินทร์กลับมาบ้าๆ บอๆ เหมือนเดิมละ 555 เริ่มเข้าช่วงท้าย คาดว่าอีกไม่กี่ตอนก็คงจะจบแล้วค่ะ ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วย




ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เฮีอ เหนื่อนแทนนว้องจิ :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
แล้วดาหาอยู่ที่ไหน อินโดเหรอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เหนื่อยใจแทนทุกคนที่อยู่รอบข้างพี่อินทร์ ฮื่อ55555

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เลสโกทูเดอะดาหาทาวน์จ้าาา
อิเหนานี่พอมันไม่มีเรื่องเครียดก็กลับมาเป็นบ้าอีกแล้วววว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสัยงานนี้ นังเหนาเปย์แน่ ๆ สบายน้องจิไป  :laugh:

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เก๋ไปอี๊ก เรียกกันทีนี่คนอื่นจะมอว
งยังไงเนี่ย5555  พี่อินทร์กลับมาบ้านแล้วก็ดีใจและเหนื่อยใจแทนน้องจิในคราวเดียว555555 คือพี่อินทร์เป็นยังไงก็โดนด่าอ่ะ บ้าก็ด่า โง่ก็โดนด่า กว่าคนจะหวีดทีก็ตอนเปล่งออร่าผัวซึ่งมีไม่ถึง5วิ วงวารรรร  แล้วทีนี้จะไปหาเมืองดาหาที่ไหนละทีนี้ สู้ๆนะนว้องจิตัวเย็กๆของม่ามี๊

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 เย้ๆๆๆ ไปแก้คำสาบานกัน
แต่ตามเรื่อง ท่านปู่สาปไว้ จะต้องมีสี่คนญาติพี่น้องอยู่ครบหน้าถึงคลาย
อิเหนาหนึ่งหรัด
เกนหลงหนึ่งหรัด
แล้วก็ใครอีกหว่า...จำมะได้
ข้อนี้จะเกี่ยวด้วยมั้ยหนอ
 :hao4:

+ และเป็ด อิเหนาเล่นใหญ่
ชายใดเจ้าชู้มักมีนิสัยขึ้หึงหวง และเป็นโรคเกียมัวหนักหนา
ถึงกับพนมมือปางห้ามเมียกันเลย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น้องจิไปเถอะอินโดนีเซียเองใกล้มาเลเซียพี่อินทร์พร้อมเปย์ค่าตั๋ว+ที่พักสบายๆแค่นี้จนหน้าแข้งไม่ร่วง  :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2018 12:41:03 โดย Chompoo reangkarn »

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :katai2-1: ติ่งคนบ้าค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 28: อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[1]

สาบานไว้ที่ไหนก็ต้องไปถอนคำสาบานไว้ที่นั่น...

เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นจรกา ผมสาบานเอาไว้ว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนาที่เมืองดาหาเมื่อครั้งที่ถูกลักพาตัวนางบุษบาไป ดังนั้นผมจึงต้องไปถอนคำสาบานที่นั่นอีกครั้ง

ว่าแต่...เมืองดาหาในตอนนี้มันอยู่ที่ไหน

แต่ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาค้น เพราะพี่วิญญูรู้อยู่แล้วว่ามันคือที่ไหน

“เดิมทีอิเหนาคือนิทานปันหยีของชาวชวาที่แต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติของกษัตริย์ชวาพระองค์หนึ่งที่เป็นทั้งนักรบและนักปกครอง แล้วก็เป็นผู้ที่สร้างหลักปักฐานให้กับชาวชวา กษัตริย์พระองค์นี้มีพระนามว่าไอรลังคะ ครองเมืองตาฮา ซึ่งก็คือเมืองดาหานั่นแหละ ภายหลังพระองค์ได้ทรงแบ่งอาณาจักรออกเป็นสองส่วน คือกุเรปันกับดาหา เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ใช้พระโอรสองค์โตครองกุเรปัน ส่วนองค์เล็กครองดาหา เหมือนจะเป็นเรื่องเล่าตำนานเก่าแก่นะ แต่นั่นแหละ ต้นกำเนิดต้นวงศ์เทวาของอิเหนากับบุษบาล่ะ”

พี่วิญญูอธิบายหลังจากที่เรานัดมาคุยกันอีกครั้งเพราะวันที่ไปกินหมูกระทะดูจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวสักเท่าไรด้วยพี่อินทร์เอาแต่งอแง ผมเลยต้องลากเขากลับไปทำความเข้าใจกันก่อนว่าพี่วิญญูมาช่วยจริงๆ ไม่ได้มาร้าย พี่อินทร์ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจสักเท่าไรหรอก เพราะชาติก่อนตัวเองไม่ชอบหน้าพี่วิญญูเท่าไร แถมยังช่วยกันกับสรัลหรือสังคามาระตาสังหารเขาอีก เลยไม่เชื่อว่าพี่วิญญูจะมาดี แค่พี่บุศย์ยืนยันแล้วว่ามาดีแน่ ผมเองก็อยากหายเลยต้องกล่อมพี่อินทร์อย่างนั้น

สุดท้าย...พวกเราก็มายืนหน้าสลอนกันอยู่ในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัย แน่นอนว่าวันนี้มากันครบแก๊งเช่นเคย และก็กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ด้วย

ใครจะไปรู้ว่าพออิเหนามารวมตัวกับแก๊งแล้วจะเป็นสายแดรกกันอย่างนี้ แต่ผมก็ชอบนะ อิ่มท้องแถมได้เรื่องได้ราวอีกต่างหาก ขนาดกำลังเดินกันอยู่ พี่วิญญูยังเล่านู่นเล่านี่ให้ฟังไม่หยุดเลย ผมเองก็ถามไม่หยุดเช่นกัน

“แต่ว่าตอนนี้เมืองดาหากับกุเรปันไม่มีอยู่แล้วใช่ไหมครับ”

พี่วิญญูส่งเสียงอืมในลำคอ

“ก็ไม่เชิงนะ พอเวลาผ่านไป สองเมืองมันก็ผนวกรวมเป็นเมืองเดียว แต่ก็ยังอยู่ในชวาเหมือนเดิม”

ผมย่นคิ้ว เขามัวแต่เกริ่นอยู่นั่นแหละ สุดท้ายผมก็ต้องถามออกไปจนได้

“แล้วตกลงมันอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ”

“ดาหา ตอนนี้เรียกว่าโดโฮ อยู่ในเคดิริ ชวาติเมอร์ ประเทศอินโดนีเซีย” ผมทำหน้างงหนัก เขาเลยว่ายิ้มๆ ออกมา “จังหวัดชวาตะวันตกนั่นแหละ เรียกให้มันทันสมัยขึ้น”

ผมพยักหน้า ค่อนข้างงุนงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้ละเอียด แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรสักเท่าไรนัก ราวกับว่ารู้กันอยู่แล้วว่าเมืองดาหาในปัจจุบัน เรื่องนั้นผมก็สงสัย แต่ที่น่าสงสัยกว่าก็คือ...

“ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่าคำสาบานนี่ถ้าสาบานที่ไหน ต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น”

นั่นแหละที่ผมสงสัย สงสัยเหมือนกับพี่อินทร์เลย เท่านั้นพี่วิญญูก็ตอบเสียงเรียบ

“ก็กูไปแก้คำสาบานที่นั่นมา”

หือ?

ทุกคนเลิกคิ้วสูงอย่างพร้อมเพรียง พี่วิญญูถอนหายใจ

“เออ กูก็โดนคำสาบานเล่นงานเกือบตายเหมือนกัน” เขาว่า แล้วก็อธิบายต่อ “ก่อนที่กูจะสิ้นใจเมื่อชาติก่อนได้สาบานไว้ว่าชาติหน้าจะตามมาฆ่ามึงให้ได้” พลันก็มองหน้าพี่อินทร์ แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “แต่พอมาชาติใหม่แล้ว การฆ่าคนมันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนตอนนั้นแล้วไง กูก็เลยปล่อยวาง แต่คำสาบานดันไม่ปล่อยวางด้วย ก็มีรอยขึ้นตามตัวเหมือนน้องจินั่นแหละ”

“เรื่องนั้นไม่ได้อยากรู้ กูอยากรู้แค่ว่าทำไมมึงถึงรู้ว่าต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น”

พี่อินทร์ถามย้ำ ผมก็รอฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่พี่วิญญูเหลือบมองหน้าคนถามแล้วก็ว่าเนิบๆ

“มึงคงลืมไปแล้วมั้งว่าเคยถูกสั่งสอนว่าอะไร ชาวชวาเชื่อว่าเกิดจากที่ไหน จิตก็จะผูกอยู่ที่นั่นจนตาย ความแค้นที่ก่อเกิดเป็นคำสาบาน ถูกลั่นจาวาไว้ที่ไหน ดวงจิตก็จะผูกอยู่ตรงนั้น อีกอย่าง คนที่สาบานด้วยก็คือต้นวงศ์เทวาไม่ใช่เหรอ ต้นวงศ์เทวาอยู่ที่ไหนล่ะ ประเทศไทยหรือไง”

ตอนนี้เองที่ผมเข้าใจได้อย่างถ่องแท้...ที่แท้ก็เพราะคำสาบานเมื่อชาติก่อนมันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในทางศาสนาพุทธ แต่เป็นเรื่องความเชื่อและขนบธรรมเนียมของชาวชวาล้วนๆ ก็ไม่แปลกถ้าหากว่าวิธีการถอนคำสาบานจะไม่เหมือนกัน เหล่าเทพเทวาของชาวชวาไม่ได้รับรู้ถ้าหากไปขอถอนคำสาบานจากพระพุทธรูป จะต้องไปยังถิ่นกำเนิดของต้นตระกูลตัวเองอย่างเดียว

แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกที่หาทางแก้ได้ ขณะที่พี่วิญญูว่าอีกครั้ง

“กูถึงบอกว่าต้องมีเงินกับค่าที่พักไง เพราะไปทีต้องไปหลายวัน”

คิดถึงเรื่องนั้น ผมก็ฉุกใจขึ้นมาได้ว่าลำพังตัวเองไม่ได้มีเงินเก็บมากมายถึงขนาดจะไปต่างประเทศหลายๆ วันได้อย่างนั้น แต่ทว่า...

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ป่าปี๊รวย ป่าปี๊จ่ายให้หนูได้อยู่แล้ว”

...พี่อินทร์ก็คว้าผมไปกอดแล้วว่างุ้งงิ้งๆ ผมก็โล่งใจขึ้นมา

“งั้นจิยืมพี่อินทร์ก่อน ไว้จิจะหามาคืนนะครับ”

พี่อินทร์ก็ทำปากยื่น “ป่าปี๊บอกแล้วไงว่าจะจ่ายให้ ถ้าหนูอยากจ่ายก็จ่ายคืนด้วยร่างกายเนอะ”

แล้วก็วกเข้าเรื่องนี้ตลอด แต่ผมก็ไม่อะไรหรอก ออกจะสบายใจมากกว่าที่ลายพวกนี้จะหายไปสักที ทว่าสรัลที่นั่งฟังอยู่นานแล้วก็ย่นคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม

“มันฟังดูน่าเหลือเชื่อนะพี่อินทร์ สาบานที่ไหนก็ไปแก้คำสาบานที่นั่น แล้วทำไมพี่วิญญูถึงต้องไปแก้คำสาบานที่เมืองดาหาล่ะ เป็นองค์ยุพราชแห่งกระหมังกุหนิง ทำไมไม่ไปแก้ที่เมืองตัวเอง”

“ก็ตอนตาย มันตายอยู่หน้ากำแพงเมืองดาหานี่หว่า ก็ต้องไปแก้ที่นั่นแหละ”

เท่านี้ก็รู้เลยว่าพี่วิญญูเองก็เคยไปที่นั่นมาแล้ว งานแต่งของผมกับบุษบาก็เคยจัดที่นั่น ถ้าต้องไปอีกครั้งก็คงจะไม่ยาก ให้พี่วิญญูนำทางไปก็ได้

“งั้นคงต้องขอให้วิญไปด้วย พวกเราไม่ได้กลับไปเยือนถิ่นเดิมนานแล้ว จำไม่ได้หรอก”

พี่บุศย์เองก็คิดแบบเดียวกันกับผมถึงได้โพล่งออกมาแบบนั้น พี่วิญญูมีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย

“ไปด้วยก็ไม่มีปัญหาหรอกถ้าไม่มีคนกวนตีนน่ะนะ”

ซึ่งความหนักใจนั่นก็คือพี่อินทร์นี่แหละ พูดแล้วก็เหลือบมามองทางพี่อินทร์ด้วย พี่อินทร์ก็อ้าปาก ทำท่าเหมือนจะพูดว่า ‘เออ กูก็ไม่อยากให้มึงไปเหมือนกัน’ แต่ทว่าก็สบเข้ากับสายตาของผมก่อน พลันเขาก็หุบปากฉับเมื่อผมร้องขอ

“ให้พี่วิญไปด้วยนะครับ จิอยากหายไวๆ จิจะได้ไม่อายเวลาให้พี่อินทร์กอดไง”

พูดเสียงเบาเลย ไม่กล้าให้คนอื่นได้ยิน แต่วินาทีนี้ก็ต้องอ้อนก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาไม่ยอมแน่ และผมก็รู้ด้วยว่าเขาแพ้ทางเวลาผมอ้อนแบบนี้ ซึ่งก็ใช่ เพราะเขาถอนหายใจแล้วตกปากรับคำ

“เออๆ ไปก็ไป ขอแค่ให้จิหาย อะไรกูก็ยอม”

ผมยิ้มกว้างออกมา พี่อินทร์ก็เป็นแบบนี้ น่ารักที่สุดในโลกเลย!

“แล้วถ้าไม่หายล่ะพี่อินทร์”

ก็มีแต่สรัลเท่านั้นแหละที่ยังกังวลไม่เลิก ถามแล้วก็ถามอีกให้ผมหวั่นใจอยู่ได้ พี่อินทร์ก็เลยว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าวิธีนี้ไม่หาย มันก็ต้องมีวิธีอื่นที่ทำให้จิหาย”

“พี่อินทร์คิดบวกจังเลยนะ”

สรัลว่าด้วยน้ำเสียงชื่นชม อันนี้ไม่ได้ประชดด้วย ชื่นชมจริงๆ ส่วนพี่อินทร์ก็ยืดใหญ่

“อื้ม พี่เป็นคนคิดบวก” พลันก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา “บางทีก็ 18+ บางทีก็ 20+” จากนั้นก็มากระซิบข้างๆ หูผม “จิอยากคิด 25+ กับพี่ไหม”

คนละคิดบวกกันแล้วเว้ย!

ผมดันหน้าพี่อินทร์ออกห่าง ไม่อยากให้เขามาทำยุ่มย่ามอะไรต่อหน้าคนอื่น และพอทำอย่างนั้น เขาก็ส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“โธ่ นว้องจิง่ะ ป่าปี๊เอ็งลูหนูหน่อยก็ม่ายล่ายเหยอ หนูตัวเย็กๆ น่ายัก ป่าปี๊อดใจไม่ไหว หยักจะบวกๆๆ ด้วยง่ะ งื้อ~”

แต่มึงจะมาบวกๆๆ ข้างนอกห้องไม่ได้เว้ย! พอสักที!

พี่วิญญูเห็นแล้วคงหมั่นไส้มั้ง หลุดปากค่อนขอดออกมาจนได้

“เป็นโรคลิ้นเปลี้ยเหรอมึงน่ะ นว้องจิมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งอะไรอยู่ได้”

พี่อินทร์ก็หันขวับเลย แถมยังเอาไอติมโคนที่เพิ่งซื้อจากร้านที่เดินผ่านเมื่อกี้ไปจิ้มแขนพี่วิญญูอีก ไม่สนใจด้วยว่าผมกำลังจะอ้าปากเลีย

“เจือก”

ทำเสียงแบ๊วใส่พี่วิญญูด้วยนะ พี่วิญญูก็เบ้หน้าเลย ส่วนพี่บุศย์ก็หันไปดุเขาเป็นการใหญ่

“เล่นอะไรของมึงเนี่ย ทำตัวเป็นเด็กๆ เลยนะ” บ่นไป มือก็หยิบเอาทิชชูออกจากกระเป๋าเสื้อพลางร้องเรียก “ส่งแขนมาสิวิญ”

พี่วิญญูส่งแขนให้ พี่บุศย์ก็เช็ดคราบไอติม ท่าทางนั้นทำเอาผมคิดไปชั่วแวบหนึ่งเลยว่าสองคนนี้...ดูเหมาะสมกันดีพิลึก

พี่วิญญูถึงจะดูตัวใหญ่ มีกล้ามเป็นมัดๆ ตามประสานักกีฬา แต่พอเทียบกับพี่บุศย์แล้ว เขากลับดูตัวไม่ใหญ่เท่าไร อาจเป็นเพราะพี่บุศย์เองก็สูงพอๆ กันด้วยล่ะมั้ง ถึงได้ดูไม่ต่างกันนัก อะไรไม่ว่า ท่าทางเนิร์ดๆ สุภาพเรียบร้อยของพี่บุศย์ตอนดุๆ นี่ดูดีเป็นบ้าเลย เหมือนกับคุณพ่อกำลังดูแลลูกชายวัยกำลังซนอย่างไรอย่างนั้น

และดูท่าว่าคงจะไม่ใช่ผมคนเดียวล่ะมั้งที่คิดแบบนี้ เพราะจู่ๆ เสียงของสรัลก็ดังขึ้นมาแล้ว

“นายคิดเหมือนที่เราคิดหรือเปล่าบีหนึ่ง”

พี่อินทร์ก็ว่าขึ้นมาโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ทั้งสองคน

“เราก็คิดเหมือนนายแหละบีสอง” จากนั้นก็หันมามองผม “แล้วนายล่ะบีสาม”

ไม่ต้องลากกูเข้าไปเป็นพวกเดียวกันเลย!

ถึงผมจะไม่อยากเข้าพวก แต่ผมก็สงสัยในท่าทางของพี่บุศย์กับพี่วิญญูนะ แล้วก็ดันเป็นหน่วยกล้าตาย ถามออกไปด้วย

“เอ่อ...พี่บุศย์ครับ”

“หืม?”

“พี่บุศย์กับพี่วิญ แบบว่า...”

ผมไม่พูด แต่ใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างชนๆ กันเป็นสัญญาณให้รู้ว่าพวกเขาเป็นคู่กันหรือเปล่า เห็นเท่านั้น พี่บุศย์ก็หัวเราะ

“เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“โธ่!”

สรัลโพล่งออกมาก่อนเลยเป็นคนแรก ส่วนพี่อินทร์ก็ทำหน้าเหมือนโล่งใจ แต่แล้วพี่บุศย์ก็พูดต่อ...

“แต่พี่ก็ว่าวิญน่ารักดี”

หา!?

ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว ส่วนพี่วิญญูก็เบิกตาโต มองพี่บุศย์อย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน ขณะที่คนถูกมองไม่มีท่าทางอะไรผิดแผกไปเลย ยังดูสบายๆ เหมือนเดิม

“ก็บอกว่าวิญน่ารักดี ตกใจอะไรกัน เอ้า ไปกันได้แล้ว”

พูดจบก็เดินนำออกไป ทิ้งให้พวกผมมองตามหลัง คนที่อึ้งงันที่สุดดูเหมือนจะเป็นพี่วิญญู แต่คนที่เล่นใหญ่ที่สุดก็ไม่พ้นพี่อินทร์อยู่ดีเมื่อเขายกมือขึ้นปิดปาก ส่งเสียงครางเบาๆ ออกมา

“คุณพระ” จากนั้นก็หันไปหาพี่วิญญู “ขอต้อนรับสะใภ้เพื่อนนะฮ้า~”

สะภงสะใภ้อะไร เขายังไม่ได้เสียเป็นผัวเมียกันเว้ย!

แล้วพี่อินทร์ก็ดันไม่จบด้วยนะ กระแซะเข้าไปหาพี่วิญญูแล้วถามเสียงเบา

“แล้ว...มึงเป็นรุกหรือเป็นรับ”

พี่วิญญูย่นคิ้วยู่เลย “ถามอะไรของมึงเนี่ย”

เออ นั่นสิ ถามอะไรของมึงวะพี่อินทร์

แต่ผมก็เงี่ยหูฟังนะ

“กูก็แค่อยากรู้แมะ อยากรู้ว่าคุณบุศยา สามีกูจะเทิร์นรุกอยู่รับก็แค่นั้นเอง”

มีอ้างว่าพี่บุศย์เป็นสามีอีก ผมนึกถึงตอนก่อนหน้านั้นที่พี่อินทร์เป็นไม้กันหมาด้วยการอ้างว่าตัวเองเป็นเมียพี่บุศย์ขึ้นมาได้เฉยเลย แล้วก็ขำตัวงออีกด้วยนะพอนึกถึงตอนนั้น แต่พี่วิญญูคงไม่ขำด้วย มุ่ยหน้าเป็นการใหญ่

“พูดจาไร้สาระ”

“ถามก็ตอบสิวะ ลีลา” พี่อินทร์โวยวายขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็แสร้งทำท่าเหมือนคิด “หรือว่า...ไอ้บุศย์จะเป็นรับ?”

“...”

พี่วิญญูไม่ตอบ ทำเป็นไม่ได้ยิน พี่อินทร์ก็เอาอีก

“เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่?”

“...”

พี่วิญญูไม่ตอบอีก ทำเหมือนคนข้างๆ เป็นอากาศธาตุน่ะ แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นเหมือนการทำให้พี่อินทร์ได้ใจมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้เขาทำท่าตกใจแล้ว

“หรือว่า! ...จะเป็นรับด้วยกันทั้งคู่!?”

เสียงดังด้วยเถอะ จากนั้นก็ยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนได้รู้เรื่องที่น่าเหลือเชื่อมา

“ตายแล้ว นี่พวกมึงใช้ตูดดูดกันเหรอ”

ตูดดูดกันบ้าบออะไร เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!

แล้วก็เป็นผมที่ต้องหยิกสีข้างพี่อินทร์ให้เขาหยุดแกล้งพี่วิญญูสักที พี่อินทร์ร้องโอ๊ยๆ อู๊ยๆ หันมาทางผมใหญ่

“หยิกพี่ทำไมอะจิ เจ็บนะเนี่ย”

“ก็พี่อินทร์ไปแกล้งพี่วิญญูทำไมล่ะครับ”

“แกล้งอะไร พี่ก็แค่อยากรู้เองว่าพวกมันฟันดาบกันหรือเอาตูดดูดกัน”

พอได้แล้ว!

ขมับพี่วิญญูเต้นตุ้บๆ เลย สรัลก็ขำใหญ่ ขณะที่พี่บุศย์เดินกลับมาว่าเสียงดุ

“จะฟันดาบหรือเอาอะไรดูดกันก็ไม่เกี่ยวกับมึง เอ้า แล้วนี่ก็สะพายกีตาร์ดีๆ จะหล่นแล้ว”

ว่าพลางประคองกีตาร์บนไหล่พี่วิญญูให้เข้าที่ด้วย ผมเพิ่งสังเกตในตอนนี้ว่าพี่วิญญูพกกีตาร์มา เห็นว่าจะเอามาซ่อมอะไรสักอย่างที่ร้านในห้าง และแทนที่ทุกอย่างจะจบลงแค่นั้น พี่อินทร์ก็พล่ามออกมาอีก

“ผู้ชายเล่นดนตรีเป็น เขาว่ามีเสน่ห์ แล้วนี่เล่นอะไรเป็นบ้างล่ะ”

“ก็หลายอย่าง”

พี่วิญญูตอบแบบขอไปที คนข้างกายผมก็ถามขึ้น

“ดีด สี ตี เป่า?”

“ดีดก็กีตาร์ ซอเคยเล่นตอนมัธยม กลองพอได้ ตอนประถมเรียนขลุ่ย”

พี่อินทร์พยักหน้า จากนั้น...

“เขย่า อม ดูด?”

กูว่ามันไม่ใช่เครื่องดนตรีแล้ว!

“ไอ้อินทร์”

พี่บุศย์ทำท่าเหมือนจะดุแต่ก็ไม่ดุ ดันหลุดหัวเราะออกมา ส่วนพี่วิญญูก็ขมวดคิ้วมุ่นเลยที่ถูกกวนอย่างนั้น

“ชาติก่อนก็กวนตีนแบบนี้ไหม”

เขาถาม พี่บุศย์ก็พยักหน้า

“อืม กวนตีนแบบนี้แหละ”

แล้วสรัลก็สมทบ “แต่ชาติก่อนดำรงตำแหน่งองค์ยุพราชไง เลยต้องรักษาฟอร์มหน่อย ชาตินี้ฟอร์มเฟิร์มช่างแม่ง”

พี่อินทร์ก็ดันยืดอกเหมือนภาคภูมิใจด้วยนะ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสำนึกอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ทำให้ผมได้รู้ขึ้นมาอีกอย่างว่าชาติที่แล้วเขาเป็นคนยังไง

ก็เป็นคนน่ารักอย่างนี้ไง!

ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่จู่ๆ พี่บุศย์ก็คว้าแขนพี่วิญญูหมับ

“มาวิญ รีบหนีไอ้บ้านี่ดีกว่า เดี๋ยวโดนมันแกล้งอีก ตามมาเร็ว”

สิ้นเสียงก็พาพี่วิญญูก้าวพรวดๆ ไปที่ร้านชาบูก่อนเลย ทิ้งให้คนอื่นๆ มองตามหลัง ก่อนที่พี่อินทร์กับสรัลจะเหล่มองกันอย่างมีนัยยะ

“เสร็จแน่ๆ”

“ใครเสร็จ”

“พี่วิญเสร็จพี่บุศย์แน่ๆ”

พี่อินทร์หัวเราะเมื่อได้ยินสรัลว่าอย่างนั้น ผมเองก็คิดเหมือนสองคนนี้เหมือนกัน

วิหยาสะกำเสร็จบุษบาก็ชาตินี้แหละ...

แต่เหนือสิ่งอื่นใด... อิเหนาอย่ารวมตัวกับเดอะแก๊งแบบนี้บ่อยๆ นะ เห็นแล้วปวดหัวมาก

เหมือนจับปูใส่กระด้งเลยเนี่ย!

 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 28: อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[2]


‘อิเหนา... เจ้ากับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้ว่าชาตินี้ข้าจะถูกเจ้าช่วงชิงน้องบุษบาไป แต่ชาติหน้าฉันใด ขอให้กงเกวียนกำเกวียนหนุนนำให้ข้าได้นางกลับคืน’

‘โอ้...องค์เทวดาเจ้าขา หรือปีศาจอสุรกายตนใด หากได้ยินคำขอของข้าแล้วไซร้ โปรดเห็นใจดลบันดาลให้ข้าได้สมปรารถนา’

สิ้นแล้วซึ่งระตูจรกา ครั้นลมหายใจห้วงสุดท้ายดับสูบ ข่าวการสวรรคตของท้าวจรกาก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกหัวระแหง เหล่าแคว้นน้อยใหญ่ต่างมาร่วมพระราชพิธีปลงพระศพของท้าวผู้นี้กันอย่างพร้อมเพรียง เว้นเสียแต่อิเหนาที่หารู้ไม่เลยว่ายอดดวงใจที่ตนเฝ้ารักอย่างซื่อตรงมาตลอดชั่วชีวิตของตนได้จากไปสู่โลกหน้าแล้ว นั่นเป็นเพราะจรกาได้สั่งไว้

ไม่ว่าอย่างไร ชาตินี้ก็จะไม่เผาผีกับอิเหนา...

บอกกล่าวข้าราชบริพารอย่างหนักแน่น ความขุ่นแค้นในชาตินี้ทำให้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถพบหน้ากับอิเหนาได้อีก เว้นเสียแต่นางจินดาส่าหรีซึ่งเป็นพระญาติของอิเหนา และนางเองก็รู้ดีว่าอิเหนาคิดเช่นใดกับพระสวามีของนาง ก่อนวันถวายพระเพลิงศพไม่กี่วัน นางก็อดรนทนไม่ไหว จำต้องส่งข่าวให้ญาติผู้พี่ทราบ

อิเหนารักจรกา...แม้ว่าจะถูกรังเกียจเดียดฉันท์เพียงใด ทว่าก่อนตายก็ควรที่จะได้ร่ำลา

ฝ่ายอิเหนา ครั้นได้ยินข่าวการตายของจรกาก็ตระหนกตกใจจนขวัญเสีย ร้อนรนพาร่างกายที่เป็นไปตามวัฏจักรสังขารกาลเวลามายังที่หมายอย่างรวดเร็ว

การพระราชพิธีถูกรั้งรอไว้... เขาได้เข้าพบกับจรกาครั้งสุดท้ายเป็นการส่วนตัวจากการดูแลของจินดาส่าหรี เรื่องนั้นก็น่าขอบคุณยิ่ง แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในเพลานี้คือ...เขาจะได้ชมโฉมของระตูจรกาเป็นครั้งสุดท้าย

กษัตริย์เฒ่าแห่งกุเรปันค่อยๆ ก้าวเหยียบไปบนพื้นโดยมีบุษบา จินตะหราวาตี และสังคามาระตาช่วยประคอง แม้แต่จะเดินเหินด้วยตนเองยังทำไม่ไหว แต่กระนั้นสังขารที่เฒ่าชราก็หาได้ทำให้ใจที่รักใคร่ในตัวจรกานั้นแปรเปลี่ยนไปได้เลย

ไม่ว่าเดือนปีจะผันแปรไปนานเท่าไร ดวงใจนี้ก็นึกรักเพียงแต่ระตูจรกา...

ครั้นมาถึงยังแท่นพระศพ ร่างกายเย็นเยียบและเฒ่าชราของระตูจรกาปรากฏสู่สายตาฝ้าฟาง หยดน้ำตาเม็ดใสก็ไหลริอาบใบหน้าเหี่ยวย่น มืออันสั่นระริกยื่นไปกอบกุมมือของอีกฝ่ายที่ประสานกันอยู่ช่วงหน้าอก ก่อนเสียงแหบแห้งจะดังขึ้นแผ่วเบา

“นะ...น้องจรกา...”

อิเหนาครวญด้วยปวดใจร้าวรานยิ่งที่ชาตินี้เขากับจรกาสิ้นบุญพาวาสนา นึกแค้นตนเองนักที่หลังจากช่วงชิงบุษบาไปจากงานอภิเษก ตนก็ไม่กล้าแม้แต่จะไปพบหน้าจรกา ยิ่งเมื่อกลับมายังกุเรปันและได้ข่าวว่าจรกาอภิเษกับจินดาส่าหรีตามข้อเสนอของพระบิดาตนแล้ว เขาก็เกรงว่าหากไปพบหน้า จะทำให้จรกาเกลียดชังมากขึ้นไปอีก เพราะหลังจากเรื่องวุ่นวายในครั้งนั้น เขาก็ถูกบังคับให้อภิเษกกับบุษบา เหตุเพราะไปทำนางเสื่อมเสียเกียรติ ไหนจะจินตะหราวาตีที่ตนได้แอบอ้างว่าตกหลุมรักไปอีก เรียกได้ว่าก่อกรรมใดขึ้น เขาได้รับผลกรรมนั้นอย่างครบถ้วนทุกกระเบียด มิหนำซ้ำยังมิอาจปฏิเสธเหล่าสตรีที่ถูกถวายให้ด้วยเป็นธรรมเนียมของเหล่ากษัตริย์

จรกาจึงเหมือนถูกลืมสิ้น...

แต่แท้จริงแล้ว ในใจของอิเหนากลับรักมั่นเพียงแต่ชายผู้นี้ ได้มาบรรจบพบกันในครั้งสุดท้ายก็น่าเป็นเรื่องยินดี ทว่าก็เพียงความเพ้อพกของตนเท่านั้นเพราะเขารู้ดีว่าคำสั่งเสียของจรกาคือสิ่งใด

‘ห้ามไม่ให้อิเหนามาเหยียบเมืองจรกาหากข้าสิ้นลมหายใจ ต่อให้ตายก็ไม่เผาผี’

ชิงชังถึงเพียงนั้น จะให้ทำใจยอมรับได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ในเพลานี้ก็หาได้แก้ไขสิ่งใดได้ ถ้อยคำมากมายที่หมายจะบอก บอกไปตอนนี้ จรกาจะรับรู้สิ่งใดได้อีกเล่า

กระนั้น...อิเหนาก็ยังว่าออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา

“สักวาสักวาจูบจรดรักแต่เจ้า ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ…”

หยดน้ำตาร่วงหล่น อิเหนาใช้มือข้างหนึ่งไปคว้าเอาแหวนประดับเม็ดนิลที่ห้อยกับสร้อยบนลำคอตนออกมา ก่อนจะสวมเข้ากับนิ้วนางเย็นเยียบข้างซ้ายของร่างไร้ชีวิตทีละน้อย

“รัก...ฮึก...รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย…”

แต่ผู้ใดเล่าจะได้รับรู้ กลอนใดที่ได้เคยแต่งพร่ำพรรณนาไว้ หมายจะให้จรกาได้ฟังสักวัน บัดนี้เป็นเพียงพระพายที่พัดผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนคืน กว่าอิเหนาจะรู้ตัวว่าสายไปก็ตอนที่อีกฝ่ายไม่มีชีวิตอยู่ฟังอีกแล้ว

เขาลูบใบหน้าของจรกา คร่ำครวญไม่หยุดหย่อน

“จรกา...น้องจรกา...พี่รักเจ้าจรกา...รัก...รักมาตลอด...”

“...”

“ตื่นมาฟังคำพี่หน่อยได้หรือไม่...ได้โปรด...จรกา...ฮึก...”

ร่ำไห้เสียปริ่มจะขาดใจ เป็นที่ให้เวทนาแก่ผู้ที่พบเห็นยิ่งนัก ทว่าคำปรารถนาใดๆ ของอิเหนาก็มิอาจเป็นจริงได้ เพราะร่างของจรกานิ่งงันไม่ไหวติง จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่ายอดดวงใจของเขาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

“ชาตินี้พี่ทำผิดต่อเจ้ามากนัก แต่พี่จะขอสาบาน...ขอสาบานว่าชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้พบเจอเจ้า เมื่อนั้นพี่จะรักและดูแลเจ้ายิ่งชีพ จะทำให้เจ้าพบเจอแต่ความสุขเกษม พี่สาบาน...พี่ขอสาบาน...ฮือ...”

ฟุบหน้าลงไปบนร่างของจรกา ครวญครางร่ำไห้ออกมาไม่เป็นภาษา สังคามาระตาเห็นแล้วก็ดูท่าไม่ดี พยักพเยิดกับบุษบาให้รู้กันว่าสมควรแก่เวลาพาอิเหนาออกไปจากที่แห่งนี้ ทว่าเมื่อเข้าไปประคอง อิเหนาก็หันมามองสองสหายด้วยใบหน้าอาบน้ำตา

“แล้วพวกเจ้าสองคนจะสัญญาหรือไม่ว่าหากเกิดใหม่ในชาติหน้า จะช่วยให้ข้าทำให้น้องจรกามีความสุข...ฮึก...ทำให้ยอดรักของข้าไม่ต้องทนทุกข์เช่นนี้”

แล้วมีหรือที่สองสหายจะปฏิเสธ ไม่ใช่เพียงจรกาหรอกที่ทนทุกข์ อิเหนาเองก๊อกช้ำระทมเพราะรักมาตลอดทั้งชีวิตเช่นกัน จึงไม่รีรอที่จะรับปาก

“ข้าสัญญา หากเกิดชาติหน้าฉันใด ข้าจะช่วยเจ้า”

“ดุจดั่งสหาย ดุจดั่งพี่น้อง กระหม่อมก็จะช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

บุษบาและสังคามาระตารับปาก พลันดวงตาฝ้าฟางของอิเหนาก็ชำเลืองไปมองยังใครอีกคนซึ่งอยู่ทางเบื้องหลัง

“แล้วเจ้าล่ะจินตะหราวาตี เจ้าจะสัญญาหรือไม่”

นางไม่ปริปาก ได้แต่ชำเลืองมองหน้าพระสวามีสลับกับร่างกายเย็นเยียบบนพระแท่น ความเงียบงันทำให้อิเหนาว่าขึ้น

“หากเจ้าไม่สัญญาก็ไม่เป็นไร ข้าหาได้บังคับ วาสนาเราคงสิ้นสุดกันแค่นี้”

วาสนาสิ้นสุดกันแค่นี้อย่างนั้นหรือ? นางไม่ยอมปล่อยให้เขาพรากจากนางไปตลอดกาลหรอก ดังนั้นจึงรับปาก

“ข้าสัญญา...”

ความเงียบครอบคลุมเข้ามาอีกครั้ง อิเหนาบีบมือแข็งทื่อของจรกาไว้มั่น ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบที่เรือนแหวนบนนิ้วของจรกาพลันร้องเรียกจินดาส่าหรี

“ญาติผู้น้องของข้า...”

“เพคะ?”

“เมื่อเสร็จสิ้นงานถวายพระเพลิงแล้ว ข้าขอฝากฝังให้เจ้านำแหวนวงนี้ส่งคืนข้าที่กุเรปัน”

“ทำไมหรือเพคะ”

“ข้าจะให้ช่างเครื่องถมประจำราชวงศ์เก็บรักษา” พลันก็เหลือบมองหน้าจรกา ว่าด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่ารักยิ่ง “เพื่อนำไปมอบให้ยอดรักของข้าในชาติหน้า”

จินดาส่าหรีรับคำโดยดุษณี จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงรบกวนอีก ปล่อยให้อิเหนาได้ล่ำลายอดรักของตนเงียบๆ

ต้นวงศ์เทวา...องค์ประตาระกาหลา ชาตินี้ข้ากระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาแต่ใจตน ไม่เคยเห็นความเจ็บช้ำของผู้ใด แต่โปรดเถิดพระองค์...ทรงโปรดเมตตา ชาตินี้ข้าทำน้องจรกาทุกข์ทน ฉะนั้นชาติหน้าข้าขอสาบาน...

เจ้าจรกา...จะมีความสุข...ข้าจะทำให้ระตูจรกามีความสุข

จะรักมั่น...แต่เจ้า...เพียงผู้เดียว...

ปริ่มจะขาดใจลงไปรอนๆ น้ำตายังคงไม่หยุดไหล และเป็นเช่นนั้นตลอดการเดินทางกลับสู่กุเรปัน

มีคำกล่าวว่าเมื่อต้องสูญเสียสิ่งที่รักยิ่งสุดใจ ก็เป็นไปได้ว่าบางคนอาจจะตรอมใจตาย บัดนี้ได้บังเกิดแก่กษัตริย์แห่งกุเรปันผู้เฒ่าชราแล้ว

อิเหนาปวดร้าวในอกขึ้นมาฉับพลันด้วยโรคชราที่กำเริบขึ้นกะทันหันขณะประทับอยู่ในรถม้า หากแต่ก็หาได้ร้องเรียกให้ผู้ใดช่วย ปล่อยให้ความเจ็บปวดนั้นกัดกินตนราวกับเป็นการลงโทษที่ชาตินี้ได้กระทำการชั่วร้ายไว้กับจรกามากมาย

ลมหายใจสุดท้ายใกล้ดับสิ้น หูทั้งสองข้างก็พลันได้ยินเสียงของผู้หนึ่งดังขึ้นในโสต

‘ลูกหลานข้า...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา เจ้าจะได้รับมันในชาติหน้า ผู้ใดที่ให้คำสัญญากับเจ้าไว้จะได้ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอีกครั้ง หมดห่วงเสียเถิด เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เจ้าจะได้พบกับระตูจรกาอีกครั้ง...ไปเถิด...จงไป...และรักษาคำสาบานของเจ้าไว้ให้จงดี...’

สิ้นแล้วอิเหนาแห่งกุเรปัน แต่ความรักมั่นยังคงอยู่ และจะตามติดไปยังชาติหน้าสืบไป

จนกว่าจะได้พบ...

จนกว่าจะได้รักมั่นดังตั้งใจ...

พี่จะรอเจ้าหวนคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง...ระตูจรกา

 

ผมลุกขึ้นนั่ง เป็นอีกครั้งที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝัน ผมฝันแปลกๆ อีกแล้ว แต่ครั้งนี้กลับทำให้ผม...ร้องไห้

ร้องไห้ออกมาไม่หยุด ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ไหว น้ำตาไหลออกมาเป็นสายจนเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ทำเอาพี่อินทร์ที่หลับอยู่ข้างๆ รู้สึกตัวตื่น คว้าโทรศัพท์มาเปิดไฟฉาย ก่อนลุกขึ้นมาดึงผมไปกอด

“เป็นอะไรจิ ฝันร้ายเหรอ”

ผมส่ายหน้า พอหันไปมองพี่อินทร์ เขาก็ยิ้มให้

“ไม่ได้ฝันร้ายแล้วร้องไห้ทำไมคนเก่ง ไหนฝันว่าอะไร เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม”

เขาก็รู้ทั้งรู้แหละว่าที่ผมฝันเป็นเพราะผมสวมแหวนที่เขาให้ แต่ก็ยังถาม ผมเองก็บอกเหมือนกัน

“จิ...จิเห็น...” ผมชะงัก จ้องหน้าเขานิ่ง “จรกาตาย”

เขาก็พลันนิ่ง และพอผมพูดขึ้นมาอีกประโยค เขาก็ยิ่งนิ่งงันขึ้นไปใหญ่

“และจิก็เห็นอิเหนามาล่ำลาจรกา ให้สัตย์สาบานว่าชาติหน้าจะมาเจอกันใหม่”

“...”

“เพราะอย่างนี้ใช่ไหม จิถึงได้มาเจอกับพี่อินทร์ในชาตินี้?”

ผมเข้าใจอะไรๆ ได้ในตอนนี้ เข้าใจหมดแล้วว่าทำไมถึงฝัน เข้าใจว่าทำไมทั้งบุษบา จินตะหรา และสังคามาระตาก็หวนคืนมาบรรจบ ทั้งหมดล้วนแล้วรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับอิเหนาในชาติก่อนนั่นเอง เว้นเสียแต่วิหยาสะกำที่กลับหวนคืนมาเพราะความแค้นที่มีต่ออิเหนา ไม่ได้เกี่ยวกับผม

พี่อินทร์ได้ยินก็ยิ้มออกมา ประคองใบหน้าผม ใช้นิ้วซับน้ำตาให้

“เพราะพี่จะมาบอกเจ้าว่ารักเจ้ามากเพียงใดในชาตินี้...”

เขาไม่พูดด้วยสำนวนภาษาแบบปกติ แต่พูดด้วยสำนวนโบราณ ผมสบตาเขานิ่ง พี่อินทร์ก็จูบประทับลงมาเบาๆ ยังริมฝีปาก ผละไปได้ก็กระซิบแผ่ว

“พี่รักเจ้า...ระตูจรกา รักมาตลอด...รักเจ้า...”

ผมปล่อยให้อาบตาไหลอาบใบหน้าอีกครั้ง ผมไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกเต็มตื้นที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายนั้นมันคืออะไร รู้แต่ว่าผมดีใจ...

ดีใจที่ชาตินี้ได้เกิดมาเจอกับอิเหนาอีกครั้ง...

“จิก็รักพี่อินทร์...ฮือ...จิรักพี่อินทร์นะ รักเหมือนกัน...ชาตินี้ไม่เกลียดแล้ว...ฮึก...ไม่เกลียดอิเหนาแล้ว...”

ร้องโยเยเป็นเด็กๆ เลย พี่อินทร์ก็กอดผมแน่น ปลอบประโลมให้ผมได้อุ่นใจอย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรออกมา

บางทีการกลับมาของอิเหนาและเดอะแก๊ง...ก็อาจจะเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องชวนให้น่าปวดหัวก็ได้

ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ...

------------------------------

วันนี้อัปไวกว่าปกติเล็กน้อยเพราะเขียนจบไว ฮา

ตอนหน้าจะไปดาหากันแล้วค่ะ ใครอ่านแล้วถูกใจแต่ขี้เกียจเมนต์ก็กดหัวใจให้กันหน่อยเน้อ ใครอยากหวีดอยากเมนต์ก็ตามสบายจ้า อ่านทุกคอมเมนต์เลย

พรุ่งนี้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้นะคะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2018 21:56:12 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อยากรู้จังจะแก้คำสาบานได้มั้ยแล้วจินตะหราวาตีจะยังไงต่อ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
  :pig4:
                                       โอ้ละหนอ     พอนี่อ่านอิเหนาfeatระตูจรกายามไหน
แล้วทำไมต้องรู้สึกเหมือนนี่เป็นไบ(โพลาร์)     บัดเดี๋ยวซึ้งใจเดี๋ยวหัวร่องอหายสลับไปสลับมา

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมาก ชอบๆๆๆ  อิเหนาชาตินี้ตลกมาก อ่านแล้วทั้งขำทั้งอึ้ง ทำเอาลืมภาพอิเหนาที่เราเคยเรียนมาเลย :m20: :pigha2:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ช่วงแรกขำกลิ้ง แต่ข่วงหลังร้องไห้น้ำมูกไหลเลย ซึ้งมาก ชาติที่แล้วไม่มีโอกาสได้บอกรักชาตินี้เลยตามมาเพื่อบอกน้อง :hao5:

ปล. พี่อินทร์ลิ้นเปลี้ย แบร่ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พอรู้สาเหตุในการสาบานของแต่ละคน เลยอยากรู้ว่าเจ้จินสาบานว่าไง ถึงกลับต้องไปถอนคำสาบาน นังเหนาถามก็ไม่ตอบ มันต้องเกี่ยวกับการทำตามคำสาบานแต่ไม่สำเร็จ แล้วมันคืออะไรหว่า อยากรู้ ๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บอกเลยว่าเก็บเงินรอซื้อแน่นอน
งืออ เก๊าชอบ นว๊อง จวิ มากกเยย 555

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านละขำ  พี่อินทร์คิดบวก 
กับหัวเราะพวก2บี

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แรกๆก็ฮานะ อิเหนาชาตินี้รั่วมาก พอตอนท้ายซึ้งมากน้ำตาจะไหล สนุกมากเลย
วิญญูเสร็จพี่บุศย์แน่นอน o13

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ร้องไห้ตามอิเหนา
 :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด