Ep. 12
[รบ]
ผมรู้สึกปวดตัวไปหมด
กว่าผมจะได้สติรับรู้ว่าผมอยู่ไหน...ผมก็อดไม่ได้ที่จะเอาผ้าห่มมาปิดใบหน้าตัวเองและก็ดิ้นไปมาบนเตียง
เขินอย่างกับสาวน้อยวัยแรกแย้มเชียวนะกู
แต่ก็นะ...ผมดิ้นมากไม่ได้ เมื่อคืนธนูมันทำให้ผมรู้สึกหน่วงหนักที่สะโพกเหลือเกิน
ผมจัดการอาบน้ำและก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมที่จะมองสำรวจข้าวของในห้องของธนูไปด้วย ซึ่งผมยอมรับว่าความคิดของผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งทุกอย่างดูน่าสนใจและดูน่าเอาใจใส่ไปหมด...ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมพยายามหลีกหนีข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างแบบเดียวกันกับธนูแท้ๆ
ผมเริ่มท่องจำแล้วว่าธนูมันใช้แชมพูกับครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไรอย่างใช้เวลาอย่างรวดเร็ว
มือของผมคว้าเสื้อกับกางเกงของมันมาใส่อย่างไม่ต้องขอ (เชื่ออย่างสนิทใจว่ายังไงแม่งไม่ด่าผมหรอก) จนกระทั่งผมเปิดประตูมาเจอระเบียงเท่านั้นแหละ...ผมถึงได้สติอะไรบางอย่างในที่สุด
หูของผมได้ยินเสียงของธนูกับเพื่อนๆ กำลังคุยงานที่ชั้นล่าง
เมื่อลองส่องลงไปดู...ธนูมันกำลังนั่งอยู่หัวโต๊ะแถมยังคุยอย่างเป็นการเป็นงานมากๆ เพื่อนมันทั้งสี่คนต่างก็ตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างยิ่ง
เท่ฉิบ
มันก็บริหารและก็ทำงานเป็นนี่หว่า...มุมแบบนี้ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบเหมือนกันนะ
เดี๋ยว...เชี่ยรบ แม่งใช่เวลาที่จะมาชื่นชมคนรักมั้ยวะ!
ตอนนี้ผมต้องคิดก่อนว่าผมจะลงไปยังไง จะลงไปนั่งตีเนียนฟังด้วยก็ไม่ได้ เพราะยังไงทุกคนก็ต้องเห็นว่าผมเพิ่งลงมาจากชั้นสองน่ะ
ผมรู้ครับว่าพวกเพื่อนๆ ของธนูมันรู้เรื่องผมกับธนูกันหมดแล้ว แต่ผมก็ยังเขินอยู่ มันไม่ใช่เรื่องที่จะบอกคนอื่นได้ง่ายเลยนะครับว่าผมเพิ่งค้างกับธนูมา พวกมันต้องล้อเลียนแบบล้อฉิบหาย ล้อเลียนอย่างบ้าคลั่งแน่ๆ
เอางี้ละกัน...ผมขอเข้าไปทำความสะอาดห้องของธนูฆ่าเวลาไปก่อน
อย่างน้อยนี่ก็เรียกได้ว่าผมทำงานเหมือนกัน
ผมทำความสะอาดห้องของธนูจนเนี้ยบเพราะเสียงไอ้ธนูเวลาเป็นการเป็นงานนี่มันฟังรื่นหูมาก มันจะรู้มั้ยนะว่าตอนที่มันจริงจังกับเรื่องงานน่ะ ดีกว่าตอนที่มันใช้เสียงขู่เพื่อนๆ ของมันกับขู่ผมเยอะเลย
ตอนที่ผมมองผลงานตัวเองที่โคตรจะสะอาดเอี่ยมอ่องภายในห้องของธนูอยู่นั้น...การ์ดก็โผล่เข้ามาในห้องพอดี
“รบ มึงทำอะไร!”
มันดูตกใจมากชนิดที่ว่าหัวใจของผมร่วงไปหมด เป็นฉากที่เรียกได้ว่า...ต่างคนต่างก็ผงะสุดๆ
“กู...คือกู...” ผมจะพูดยังไงดี
“ใครใช้ให้มึงทำความสะอาดห้องมันแบบนี้” การ์ดทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เดี๋ยวก่อนนะ...มันไม่ตกใจเรื่องที่ว่าผมอยู่ในห้องของเพื่อนมันสักนิดเลยเหรอ
“ทำไมอ่ะ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ “ไอ้บ้านั่นไม่ชอบห้องสะอาดๆ เหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย ทำความสะอาดมันหน้าที่พวกกู ธนูมันเพิ่งบอกให้กูขึ้นมาทำความสะอาดด้วย” การ์ดทึ้งหัวแล้วหันไปที่ห้องน้ำ “แล้วนี่มึงขัดห้องน้ำด้วยเหรอ!”
“ก็...ใช่ไง”
“ไอ้รบบบบ”
“ทำไมมึงต้องโวยวายขนาดนี้ด้วยวะ ธนูชอบห้องซกมกๆ ใช่มั้ย กูจะได้...”
“ไม่ใช่” การ์ดพยายามอธิบาย “มันเพิ่งบอกพวกกู...ต่อจากนี้ให้ปฏิบัติกับมึงเสมือนเป็นเจ้านายคนหนึ่ง”
“หา”
“แล้วถ้ามันรู้ว่ามึงมาขัดห้องน้ำให้มัน พวกกูจะเป็นยังไงวะ”
“ใจเย็นๆ นะ” ผมพยายามปลอบโยนการ์ด “มันไม่ด่าพวกมึงหรอก”
“มันจะด่า!”
“เฮ้ย กูมันก็เป็นพนักงานคนนึง...”
“ธนูมันบอกว่ามึงคือเจ้านายก็คือเจ้านายสิวะ”
“มีเรื่องอะไรกัน” เสียงธนูดังขึ้นที่ข้างหลังเราสองคน...ราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่าให้ผมกับการ์ดเลิกต่อล้อต่อเถียงกัน ผมไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักนิด ในขณะที่การ์ดมันยิ่งแล้วใหญ่...เดินมาหลบอยู่ด้านหลังของผมเฉยเลย “มึงทำอะไรผิดมาวะการ์ด”
เพื่อนของธนูคนนี้แม่งกลัวมันจริงๆ ด้วย...แต่จะให้การ์ดมันโดนด่าเพราะผมไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“กูไปขัดห้องน้ำมา” ผมตอบสั้นๆ
ธนูขมวดคิ้ว พยายามมองไอ้การ์ดที่ขดตัวอยู่ข้างหลังผม...
“นั่นมันหน้าที่มึงไม่ใช่เหรอ”
มันแม่งด่าเพื่อนจริงด้วยว่ะ...ฉิบหายแล้วววววววว
“ธนูมึงอย่าเว่อร์...กูก็แค่หาอะไรทำนิดหน่อย”
มันฟังผม แต่มันก็ชักสีหน้าใส่ไอ้การ์ดอยู่วันยังค่ำ
“มึงจะมองหน้าเพื่อนแบบนั้นทำไม” ผมชักจะไม่พอใจ “กูขัดห้องน้ำให้มึงมึงก็ควรจะดีใจนะ ไม่ใช่ทำสีหน้าต่อว่าเพื่อนแบบนี้ คนเป็นแฟนกันทำให้กันแค่นี้มันไม่เสียหายอะไรหรอก มึงนี่ก็...”
หมับ
จู่ๆ ธนูก็เดินเข้ามาสวมกอดผมอย่างแนบแน่น การ์ดที่ตัวติดกับผมเมื่อสักครู่ถูกผลักออกไปไกลด้วยมือของมันเพื่อนเอง คนที่ตัวเล็กที่สุดอย่างการ์ดค่อยๆ เดินอ้อมหลังธนูมา...ผมมองสบตามันพร้อมๆ กับโบกมือไล่ให้มันลงไปข้างล่างลับหลังคนในอ้อมกอดผม ดูเหมือนตอนนี้ธนูจะลืมเรื่องต่อว่าการ์ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะมันเอาแต่หอมแก้มผมซ้ำๆ อยู่อย่างนี้...
“แฟน...” สถานะที่ได้รับการนิยามอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกสร้างความเห่อให้กับแอลฟาของรันอยู่ไม่น้อย “แฟนๆๆ”
“ย้ำเนอะ” ผมอดแซวไม่ได้ “ต่อไปมึงห้ามด่าเพื่อนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นอีก โดยเฉพาะเรื่องที่มาจากกูเนี่ย มึงต้องมาถามกูก่อน”
“ได้” มันตอบรับง่ายๆ อย่างไม่อิดออดพร้อมๆ กับสูดกลิ่นเส้นผมของผมโดยใช้จมูกฝังลึก ผมกลืนน้ำลายลงคอ...ไม่ได้มีแต่ธนูหรอกที่ชอบกลิ่นของผมน่ะ ผมก็ชอบกลิ่นของมันเหมือนกัน
เรายืนกอดกันอยู่นาน...เชื่อว่าคงเป็นภาพที่ตลกน่าดู เนื่องจากเราเป็นผู้ชายตัวใหญ่กันทั้งคู่
“ต่อไปมึงเจองานหนักแน่” สิ้นเสียงของธนู...ผมก็ผลักมันออกไปอย่างหวาดระแวงบริเวณบั้นท้ายของตัวเอง “อะไรของมึง...กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย” เสียงของมันฟังดูขบขัน
“แล้วมันเรื่องไหน...” จะคบกับไอ้บ้านี่ต้องเจอแต่เรื่องตื่นเต้นทุกวินาทีใช่หรือไม่...
มันขยับเข้ามาพูดเบาๆ ใส่หูผม “ความโอเว่อร์โหลดของกูไง”
“ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่” ผมตอบ
“คิดงั้นจริงง่ะ” น้ำเสียงธนูฟังดูเจ้าเล่ห์มาก “ตอนกูแอบชอบมึงเฉยๆ กูยังหวงมึงสุดๆ ตอนนี้กูมีสถานะแล้ว...มึงไม่คิดว่ามันจะมากกว่าขึ้นกว่าเดิมเหรอ”
หัวใจของผมรู้สึกตื่นวาบ... “เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ มีตอนที่มึงแอบชอบกูด้วยเหรอ...”
“กูลงไปดูงานข้างล่างก่อน” ธนูหันหลังกลับ
“ธนู” มันวาร์ปลงไปข้างล่างเร็วมาก “ไอ้ควายธนู!”
มันมีความลับกับผม...แต่ก็เป็นความลับที่คงจะน่ารักพอดู เพราะงั้นผมจะไม่เซ้าซี้กับมันให้มากความ...
ซะที่ไหนกันล่ะ
“ฟายธนู” ผมเดินลงมาถึงตัวมันตอนที่มันกำลังช่วยโฮมยกของเข้าครัว “มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
ธนูทำสีหน้าลำบากใจที่จะตอบมาก...ซึ่งผมยอมรับว่าผมแอบดีใจอยู่ลึกๆ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ธนูมันอยากจะปิดบัง แต่ยังไงก็เถอะ...วันนี้ผมต้องรู้ทุกอย่างให้ได้!
[โฮม]
วันนี้เจ้านายทั้งสองคนของผมเป็นอะไรกันอีกแล้วเนี่ย
โชคดีที่สิ่งที่ผมเห็นนั้นมันห่างไกลจากคำว่า ‘สถานการณ์เลวร้ายระดับรหัสแดง’ อยู่ไกลโข ฉะนั้นจะใช้คำว่างอนกันคงไม่ถูกเท่าไหร่ นานๆ ทีผมจะเห็นไอ้รบมันตื๊อท่านหัวหน้าของผม และนานๆ ทีผมจะเห็นท่านหัวหน้าของผมหลบคำถามจากเจ้าหนูจำไมอย่างรบชนิดที่ว่าถ้ามุดลงไปหลบใต้แผ่นดินได้...มันคงทำไปนานแล้ว
แบบนี้แม่งช่างกระตุ้นต่อมอยากเผือกของผมกับเพื่อนๆ ยิ่งนัก ปกติแล้วเวลาธนูมันมีเรื่องอะไรในใจล่ะก็มันคงจะปูดบอกรบไปหมดทุกเรื่อง แต่ในเวลานี้...ดูเหมือนเพื่อนผมจะมีความลับ ซึ่งเป็นความลับที่เป็นต้องการปิดบังคนช่างเซ้าซี้อย่างรบมากๆ ถึงขนาดที่ว่ายอมหลุดมาดเท่ กลายเป็นหนุ่มกระเปิ๊บกระป๊าบ เดินชนนั่นชนนี่เพราะหลบคนรักของตัวเอง
แม้ว่าร้านเราจะกลับมาเปิดในเวลาบ่ายนี้ แต่ผมก็ชอบที่จะอ้อยอิ่ง มองดูธนูกับรบเดินตามกันอยู่เรื่อยๆ
“บอกกูมาเหอะ”
“กูไม่บอกใครหรอก”
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้จริงเหรอ”
“ตั้งแต่ตอนไหนวะ”
“มึงแอบชอบกูมานานแล้วจริงๆ ใช่มั้ย”
ผมทำกระทะในมือหล่นตอนที่ผมได้ยินประโยคสุดท้ายนั่น
โธ่เอ๊ย...ผมอุตส่าห์คิดในใจนิดๆ แล้วว่าจะไม่เข้าไปเผือกเรื่องของสองคนนี้ (แค่นิดๆ เท่านั้นนั่นแหละ) แต่ในเมื่อพวกมันสองคนมีหัวข้อใหม่ชวนให้ผมสงสัย เห็นทีว่าผมจะอยู่เฉยไม่ได้ซะแล้ว!
ผมอาศัยช่วงเวลาที่สองคนนั้นยังไม่ได้คุยกันอย่างจริงจัง แอบไปสะกิดไอ้ก้องเพราะตอนนี้มันยืนอยู่ใกล้ผมที่สุดแล้ว
“มีอะไรวะ”
“กูได้ยินรบไปเซ้าซี้ไอ้ธนูมา...” จะโดนด่าว่าเป็นคนขี้เสือกผมก็ไม่สนแล้วล่ะตอนนี้ ก็ในเมื่อกระทู้นี้มันน่าถกประเด็นกันอย่างแรง! “ดูเหมือนมันจะหลุดปากออกไปว่าแอบชอบรบมาก่อนว่ะ”
“เหี้ย” ไอ้ก้องถึงกับร้องลั่น “แป๊บนะๆ”
ผมเห็นมันทำมือพัดเข้ามาหาตัวเองสองสามครั้ง
“ภาพเหตุการณ์นี่วนเข้ามาในหัวกูเลย เข้ามาแบบรัวๆ”
“...”
“ไอ้สัด...รัวเป็นปืนกลเลยเนี่ย”
“เดี๋ยว...ทำไมกูนึกอะไรไม่ออกเลย”
ไอ้ก้องมองซ้ายมองขวาก่อนจะกอดคอผมเพื่อที่มันจะได้กระซิบข้างหูผมได้ถนัด
“มีตั้งหลายครั้งที่ธนูมันชอบมองหาไอ้รบตอนอยู่มอน่ะ”
“ขยายความหน่อย” ลูกพี่ผมใช้เวลาอยู่มอประมาณแปดล้านชั่วโมงได้มั้ง (?) ผมจะรู้มั้ยเนี่ยว่าตอนไหน
“โธ่ไอ้สัด...หนักๆ เลยก็คือตอนอยู่ใต้ถุนคณะ ถ้าพวกไอ้รบยังไม่เข้ามาในตึก...พวกเราหมดสิทธิ์ขึ้นไปเรียน” ก้องกอดอกพร้อมกับทำสีหน้าขึงขัง
เชี่ย...แม่งจริงของมันว่ะ
“ปกติแล้วการ์ดมันจะไม่ชอบเดินสวนกับพวกไอ้รบ แต่ถ้ามีไอ้ธนูอยู่...ยังไงก็ต้องได้เดินสวนกัน มันไม่อยากพลาดสักโมเมนต์ที่จะได้มองหน้าไอ้รบแน่ๆ กูรับประกันเลย”
ผมเริ่มคิดตามคำพูดไอ้ก้องก่อนจะเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วผมก็เคยสังเกตมาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดมาใส่ใจมากนัก นึกได้แต่เพียงว่าบางทีธนูอาจจะสนใจไอ้ชู้ต เพื่อนของรบซึ่งค่อนข้างตรงสเปกมัน ซึ่งท่านหัวหน้าจะสนใจใครก็ตามผมก็แล้วแต่ท่านเขาอยู่แล้ว
ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเป้าสายตาตลอดเวลาที่แท้จริงของธนูเป็นไอ้รบ...ไม่ใช่ไอ้ชู้ตสักหน่อย
รู้สึกโง่ไปเลยกู...
“จริงๆ การ์ดเองก็มีแอบคุยกับกูอยู่ครั้งสองครั้งว่ะ” ก้องยังคงพรั่งพรูสิ่งที่มันเพิ่งคิดได้ออกมาเรื่อยๆ “บางทีธนูมันก็สุภาพกับรบเกินเหตุ ทั้งๆ ที่มันควรจะตะคอกหรือร้องใส่หู”
อันนี้ก็จริง...
โว้ยยยย นี่จริงไปกี่เรื่องแล้วเนี่ยยยย
“โฮม ไอ้ธนูมันขอ...” เสียงรบดังมาก่อนเจ้าตัว พวกผมผละออกจากกันก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ส่งให้รบ “มีอะไรกันเหรอ”
ใครจะไปกล้าตอบ...เมื่อเช้าไอ้ธนูมันยืนกรานกับพวกผมเองว่ารบคือคนรักของมัน ซึ่ง ณ ที่นี้ย่อมหมายความว่ามันอยู่ระดับเดียวกันกับธนูไปแล้ว ดีไม่ดีอาจจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าด้วยซ้ำ
จะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย
“เอ่อ...กำลังคุยกันเรื่อง...เรื่องอะไรวะก้อง” ผมโยนขี้ไปหาไอ้ก้องราวกับว่านี่เป็นเกมลิงชิงบอล
ควาย...ก้องทำปากไร้เสียงใส่ผมแบบนี้
“คือ...คุยเรื่องเมนูใหม่น่ะ พอดีกูคิดได้เลยเสนอไอ้โฮมดู” ก้องเฉไฉเก่งมาก
“งั้นเหรอ” รบทำสีหน้ารับรู้ “ธนูมันขอของว่างน่ะ”
ผมเลิกคิ้ว ปกติไอ้ธนูมันไม่กินของกระจุกกระจิกระหว่างมื้อนะ...รบมองดูหน้าผมก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำ
“จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ขอหรอก” รบพ่นลม “ให้ตายสิวะ พวกมึงรู้จักหัวหน้าแก๊งมึงดีเกินไปแล้ว”
แม้แต่ตอบโต้มันพวกเรายังไม่กล้า...ประสาอะไรกับการแซว ผมกับก้องหุบปากฉับ เอาแต่มองไอ้รบที่เริ่มกระวนกระวายนิดๆ
“กูแค่หาเรื่องไปคุยกับมัน” รบยอมรับในที่สุด
“อย่างมึงไม่ต้องหาเรื่องไปคุยไอ้ธนูมันก็อยากคุยด้วย แค่เดินไปสะกิดไหล่มันแค่เนี้ย...” ก้องสะกิดผมให้รบดู “เดี๋ยวมันก็หัน”
“มันมีเรื่องปิดบังกูน่ะ”
ขอขยี้แป๊บ...เนื่องจากผมว่าง
“มันมีกิ๊กเหรอ” ผมลองถามดู
“ไม่ใช่เรื่องนี้” รบตกใจมาก “เอ๊ะ หรือจริงๆ แล้วมันมี...”
“เฮ้ย ไม่มีๆๆ” เกือบงานเข้าแล้วมั้ยล่ะกู...เมื่อวันก่อนไอ้ธนูไล่เตะไอ้ยุแทบตายตอนที่ยุแกล้งมันระหว่างที่มันคุยโทรศัพท์กับรบน่ะ แม้จะเป็นการแกล้งเตะ แต่ตูดไอ้ยุก็ระบมไปหลายวันเลยนะครับ
“ลองไปถามไอ้การ์ดดู...ไอ้การ์ดมันรู้ทุกอย่าง” ก้องยักคิ้วส่งให้ผม
มันโยนขี้ต่อจากผมไปให้ไอ้การ์ดแฮะ
“ถ้าพวกมึงไม่ยอมบอก ไอ้การ์ดมันจะยอมบอกได้ยังไง”
“มันสนิทกับธนูที่สุดนะ” ผมเสริม
“ไม่แน่ว่ามันอาจจะกล้าพูดมากกว่ากูก็ได้” ก้องพูดต่อ
รบครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย มันทำหน้าขอบคุณพวกผมก่อนจะล่าถอยออกไป ทันทีที่ลับสายตามัน พวกผมได้แต่เอามือกุมอกด้วยความโล่งใจ
ไอ้การ์ดมันสนิทกับไอ้ธนูที่สุด...นั่นย่อมหมายถึง...ไม่ว่าธนูมันจะมีความลับอะไร การ์ดนั่นแหละที่จะเป็นคนกุมความลับได้ดีที่สุด
อย่างน้อยก็ดีกว่าผมล่ะนะ...
รบเอ๊ย...พวกกูขอโทษ
ตีนมึงกับตีนธนูความน่ากลัวมันต่างกันเยอะจริงๆ ว่ะ
[การ์ด]
ไอ้รบมาด้อมๆ มองๆ ผมอยู่นานสองนานแล้ว
“มึงไม่ได้โกรธกูใช่ป่ะ” มันถามผมอย่างนี้ เข้ามาช่วยผมจัดโต๊ะให้สวยงามในตอนบ่ายซึ่งโต๊ะตัวนี้มีลูกค้าคนหนึ่งเพิ่งลุกออกไป
“เรื่องไหน” ผมต้องโกรธอะไรมันด้วยเหรอ
“เรื่องที่กูขัดห้องน้ำไง”
“โหย กูไม่โกรธหรอก วางใจได้” แทนที่จะโกรธ...ผมควรขอบคุณมันมากกว่า เพราะมันช่วยไม่ให้ผมโดนไอ้ธนูด่าด้วยการเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปเป็นคนในอ้อมกอดเพื่อนผม
“เหรอ ดี” รบขยับใบหน้าเข้ามาใกล้
ผมหันไปรอบๆ ถ้าธนูอยู่ใกล้ๆ นี่ ผมตายแน่ๆ... “มึงออกไปห่างๆ หน่อย”
ยังไม่ทันขาดคำผม ก้อนกระดาษจากชั้นสองก็โยนลงมาใส่หัวของผม ธนูที่นั่งอยู่บนระเบียงกำลังมองพวกเราอยู่ด้วยสีหน้าอ่านไม่ยาก
มันกำลังจับผิด...
เวรเอ๊ย ผมเดาใจเพื่อนผมผิดที่ไหน
แต่รบยังไงมันก็คือรบครับ ในเมื่อมันเป็นฝ่ายมาใกล้ผมเองแต่ผมดันถูกประทุษร้าย มันจึงหยิบก้อนกระดาษนั้นขึ้นมาแล้วโยนใส่ไอ้ธนูคืน
“พ่องตาย โยนลงมาได้ ถ้าลูกค้าอยู่แถวนี้ล่ะ”
เอ่อ ผมควรเคยชินกับการกล้าต่อกรไอ้ธนูของไอ้รบใช่หรือไม่...
คนโดนด่าทำหน้าเซ็งเล็กๆ หันไปหยิบก้อนกระดาษนั้นขึ้นมาแล้วโยนรับเล่นๆ เมื่อรบเห็นทางสะดวกแล้ว มันจึงพูดกับผมต่อ
“ธนูมันแอบชอบกูเหรอ”
ผมถลึงตาใส่รบหลังจากที่ได้ยิน... “มึงคิดงั้นเหรอ”
“มันหลุดปากออกมาเอง”
ภาพเหตุการณ์ที่ผมสงสัยหลายๆ อย่างลอยเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ที่ผ่านมาแม้ว่าผมจะสงสัยอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยปักใจเชื่อว่ารบคือคนที่ธนูมันชอบ
พวกเราโดนลักษณะคู่นอนที่ผ่านมาของธนูตบตาน่ะ...ธนูนี่แม่งเหลี่ยมจัดจริงๆ
“กูบอกไม่ได้ว่ะ” ผมส่งยิ้มเบาๆ ให้รบ ขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าผิดหวัง
“เจ้าตัวมันไม่ยอมบอกอะไรกูเลย”
“บางทีเรื่องนี้เป็นความลับต่อไปมันก็ดีนะเว้ย”
“ดีตรงไหนวะ” รบสวนกลับทันควัน “ถ้ากูได้ฟัง...กูก็คงจะ...”
“จะยังไง” ผมถามย้ำ
“จะรู้สึกดีมากๆ”
“...”
“เพราะที่ผ่านมา...มันเป็นคนเดียวที่กูสนใจเสมอไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นยังไง แต่กูไม่ได้แสดงออกเฉยๆ เพราะเรื่องศักดิ์ศรีห่าเหว”
เชี่ย ลืมกดอัดเสียงว่ะ...ประโยคแบบนี้ต้องส่งให้ไอ้ธนูมันฟัง
ถึงแม้ว่ารบจะไม่ต่างอะไรจากการเข้ามาอยู่ในกลุ่มของพวกเราแล้ว แต่ยังไงผมก็ต้องอยู่ฝ่ายไอ้ธนูอยู่ดี
“ก็แปลว่าพวกมึงใจตรงกัน แค่มีอะไรก็ไม่รู้มาทำให้พวกมึงต้องแสดงออกไปอีกทางหนึ่ง”
“นั่นแหละ” รบตบหน้าผากเหมือนทำเรื่องผิดพลาด “แปลกเนอะ กูเรียนเอกการแสดงแท้ๆ แต่กูกลับแสดงออกเรื่องไอ้ธนูได้เหี้ยมาก”
“เชี่ย มันเรียกว่ามึงเก่งฉิบหายต่างหาก” ผมพูดยิ้มๆ “ถ้ามึงเล่นละครตบตาไม่เก่งนะ ป่านนี้ธนูมันเดินหน้าไล่จีบมึงไปนานแล้วเพราะมันรู้ว่ามึงเองก็ชอบมันเหมือนกัน”
คำพูดของผมทำให้รบรู้สึกดีขึ้น ในที่สุดมันก็ยิ้มออกมา...
ครับ ผมเชื่อว่าผมต้องเตรียมรับมือกับพายุก้อนกระดาษจากไอ้ธนู ซึ่งแม่งก็ใช่จริงๆ คราวนี้แม่งปามาใส่รัวๆ สามสี่ก้อนจนรบต้องผลักผมออกไปให้ห่าง
“กวนตีน” รบย่างสามขุมเข้าไปหาธนูที่อยู่ชั้นสองด้วยความรวดเร็ว
แหม...ช่วงนี้ขึ้นลงชั้นสองได้ง่ายอย่างกับเป็นเจ้าของเลยเนอะรบเนอะ
ผมส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคู่รัก...ก่อนที่ผมจะสะดุดสายตาเข้ากับก้อนกระดาษพวกนั้น
แม่งมีข้อความเขียนอยู่ทุกอัน...แต่ละอันแสดงออกถึงอาการรีบเขียนของไอ้ธนูมาก เพราะมันอ่านแทบไม่ได้เลย
คุยไรกัน?ยืนใกล้ไปเปล่า
ไอ้เหี้ยรบ!
นี่มึงยั่วกูเหรออออ
เฮ้อ
รบแม่งไม่ได้ยั่วให้ธนูหึงเลยสักนิด...มันเองต่างหากที่หึงรบทุกลมหายใจน่ะ
[รบ]
“มึงคุยไรกัน” แทนที่ผมจะได้หาเรื่องไอ้ธนู แต่มันกลับยิงคำถามใส่ผมตอนที่ผมเดินไปถึงชั้นสองแล้ว
“วันหลังห้ามโยนกระดาษลงไปแบบนั้นอีกนะ” ผมชิงตำหนิมันก่อน
“กูดูแล้ว...ลูกค้าไม่อยู่”
“แต่หัวเพื่อนมึงกับหัวกูอยู่ตรงนั้นไง”
“ก็ตั้งใจโยนให้โดน...”
“...” ผมเลิกคิ้วมองมัน
“โดนหัวไอ้การ์ด” มันมองไปทางอื่น “สรุปคุยอะไรกันอยู่วะ มียิ้มให้กันด้วย แม่งโคตรกระหนุงกระหนิง”
“ก็คุยเรื่องของมึงไง” ผมยอมรับตรงๆ “มึงคิดว่ากูมีอะไรจะคุยกับการ์ดเยอะนักเหรอ”
“เรื่องของกู มาคุยกับกูก็ได้”
“เลิกสักทีได้มั้ยเรื่องหึงกูกับการ์ดเนี่ย”
“มึงกับเพื่อนเคยแซวมันต่อหน้ากู” ดูจากน้ำเสียงแล้วมันไม่น่าจะซีเรียสเท่าไหร่...แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่ชอบให้มีอะไรคาราคาซัง คบกับไอ้ธนูต้องรีบปรับตัวให้ทันกับอารมณ์ของมันครับ
“ไม่เคยคิดบ้างเหรอว่ากูอาจจะทำเป็นเปลี่ยนเรื่องไปสนใจอย่างอื่นแทนที่จะสนใจมึงอ่ะ”
คนฟังอย่างธนูหยุดชะงัก... “หา”
“โว้ย ช่างแม่งเหอะ” ผมโบกมือปัดๆ “กูลงไปทำงานก่อน”
“ไม่ต้องทำ” มันจับแขนผมไว้พร้อมทำเสียงออกคำสั่ง “มึงเป็นเจ้านายแล้ว”
“เนี่ย กำลังจะพูดเรื่องนี้กับมึงเลย” ผมเอ่ย “เพื่อนมึงดูไม่ค่อยสะดวกกับสถานะใหม่ของกูเท่าไหร่นะ”
“แล้วไงวะ...พนักงานที่ไหนก็ต้องอึดอัดกับเมียเจ้านายทั้งนั้นนั่นแหละ”
โห...แม่งพูดออกมาได้อย่างจืดชืดเย็นชามาก...มึงช่วยคิดถึงใจเพื่อนมึงบ้าง
“เฮ้ พวกมันโอเคน่า” ธนูปลอบผม “ไม่เห็นจะมีใครบ่นอะไรเลยสักนิดเรื่องนี้”
“แต่...”
“แต่อะไรวะ”
“เงินหกหมื่นนั่นน่ะ” มันจ่ายตังค์ค่าจ้างผมแล้ว...จู่ๆ จะให้ผมกลายไปเป็นเจ้านายได้ยังไงกัน
ธนูมองหน้าผมพร้อมกับพูดออกมาอย่างเฉยเมย “มัดจำค่าสินสอดไง”
“เฮ้ยยยย” ผมอดจะร้องเสียงหลงไม่ได้
“ก็...ตามนั้น”
“ธนู”
“ทำไมวะ ก็กูชอบมึง มึงเป็นเจ้านายนั่นแหละถูกแล้ว”
“ชอบมานานหรือยัง” ผมมีโอกาส...ผมก็ต้องรีบเข้าเรื่องของผมสักที
“กูไม่ตอบ” มันเองก็ยังมีพลังงานมากพอที่จะยียวนผมต่อไป
ผมชักจะหมดความอดทน...นี่ผมถามมันมาทั้งวันแล้วนะ ไม่รู้ทำไมมันถึงไม่ยอมใจอ่อนยอมตอบในเรื่องที่ผมโคตรอยากรู้อย่างเรื่องนี้สักที
ธนูไม่ได้ทำหน้ากวนประสาทผม แต่มันทำหน้าเหมือนมันเป็นสิ่งที่พูดออกมาอย่างยากลำบากเพราะมันเขิน ผมเห็นใบหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมัน...แม้จะเป็นภาพที่ตลก แต่ผมก็...อยากรู้อ่ะ
“ถ้าคืนนี้กูนอนกับมึงอีกคืนมึงจะตอบกูป่ะ”
เคยเห็นมนุษย์หมาป่าหูผึ่งเวลาได้ยินเสียงจากที่ไกลๆ มั้ยครับ ไอ้ธนูมันเป็นแบบนั้นเด๊ะ ทั้งๆ ที่ผมกับมันอยู่ใกล้กันมากแท้ๆ
“นอนแบบไหน”
คำถามอะไรเนี่ยยยย...เมื่อคืนผมกับมันก็เพิ่งจะ...โธ่เว้ยยยยย
“นอนไง...นอนหลับปุ๋ยข้างๆ กันอ่ะ” ผมยังไม่ยอมแพ้
“น่าสนใจ” ธนูทำสีหน้าครุ่นคิด “แล้วแดดดี้ไม่ว่าเหรอ”
ราวกับข้อความของรันคือข้อความที่ส่งมาจากสวรรค์ ผมยกมือถือของผมให้มันดู
แดดดี้ไปดื่มกับเพื่อนและก็กำลังจะไปส่งหนูที่บ้านลิซ่านะ...คืนนี้พี่รบไม่กลับบ้านอีกก็ได้ น้องสาวไม่ว่า!
ป.ล. ลายเสื้อยืดใช้ได้ผลมั้ยอ่ะ ผมไม่ทันเห็นข้อความบรรทัดสุดท้าย ธนูมันถึงกับขำลั่นเมื่อนึกไปถึงลายเสื้อยืดที่มีข้อความโคตรพิลึกพิลั่นนั่นของผม
“ทางสะดวก” ธนูยิ้มมุมปากก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ “กูตกลง”
หัวใจผมเต้นแรงมากขึ้นเมื่อมันจะเล่าสิ่งที่อยู่ในใจมันให้ผมฟัง ไม่ว่ามันจะปิดอะไรเอาไว้ คืนนี้ผมจะซักไซ้ความลับของแม่งออกมาให้หมดเลย
หลังจากวินาทีนั้น...ผมกับธนูก็เหมือนคนที่มีงานมีการทำจริงๆ
เนื่องจากผมไม่วิ่งตามไปเซ้าซี้ธนูอีกต่อไปแล้ว ผมจึงหันมาให้ความสนใจกับงาน แม้ว่าลูกค้าจะยังเข้ามาไม่หนาตามาก แต่งานทั้งร้านมันก็มีอยู่ล้นมือเต็มไปหมด ธนูเองก็ต้องเปลี่ยนจากการนั่งสังเกตการณ์อยู่บนระเบียงมาเป็นช่วยงานเพื่อน จนเราสองคนไม่ได้พูดคุยกันตลอดทั้งบ่ายลากยาวไปจนถึงเวลาเย็นย่ำ
วันนี้ลูกค้าขาดื่มตอนเย็นค่อนข้างบางตา บรรยากาศการแสดงดนตรีสดจึงอบอุ่นและก็เป็นกันเองมาก ผมถูกยุแย่งหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้แขก ก่อนที่มันจะไล่ผมให้ไปนั่งข้างๆ ธนู ซึ่งเป็นจุดลับสายตาลูกค้า แต่มองเห็นเวทีชัดเจน
มันกำลังดูการ์ด ก้อง และก็โฮมร้องเพลงอยู่ นิ้วมือของมันเคาะนิ้วไปตามจังหวะของเพลงซึ่งเป็นเพลงที่พวกแม่งไม่ได้ซ้อมห่าอะไรกันเลยและก็เล่นตามลูกค้าชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ขอ ซึ่งผมขอซูฮกเลยว่าพวกแม่งเก่งมาก สมกับเรียนเอกดนตรีจริงๆ
พอธนูมันเห็นผม มันก็เอี้ยวตัวมามองสะโพกผมอัตโนมัติ
“ถ้าจะดูนั่น...ดูนี่ดีกว่า” ผมยกเท้าขึ้นมาให้มันดูอย่างแกล้งๆ
“ไอ้โหด” ธนูบ่นอุบยิ้มๆ “มึงแข็งแรงดีนะ โดนเข้าไปขนาดนั้นยังเดินยังเหินได้”
น้ำตาจะไหล...ไม่ใช่เพราะมันพูดถึงเรื่องนี้หรอกนะครับ แต่ผมอดทนอดกลั้นพยายามไม่นึกถึงความเจ็บของสะโพกที่แล่นริ้วมาตลอดทั้งวันต่างหาก
ทำไงได้...งานการก็ต้องทำ ไม่อยากโดนล้อก็ไม่อยากโดนล้ออ่ะ ผมพยายามกัดฟันทนสุดๆ แล้วจริงๆ นะ
“ถึงกับเงียบเลยเหรอ” ธนูกระพริบตามอง “ตกลงเจ็บมั้ยเนี่ย”
“เปล่า” ผมมันก็เป็นอย่างนี้แหละ “มึงอ่ะเตรียมใจเอาไว้เลยนะ”
“เรื่องอะไร” ยังจะมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก
“เรื่องเกี่ยวกับที่ว่ามึงแอบชอบกูมานานไง” ผมยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ
สายตาของธนูที่มองมา...ดูก็รู้ว่าแม่งกำลังหมั่นไส้ผมมาก “กูไม่บอกง่ายๆ หรอกนะ”
ผมกุมชัยชนะยังไม่ถึงห้าวินาทีเลย ให้ตายเถอะวะ “มึงจะให้กูทำอะไร”
“อยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ” อีกฝ่ายเลิกคิ้วพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ยอมทำทุกอย่างเลยป่ะ”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ...ก่อนจะใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากมันให้ห่างออกไป
“ไอ้หื่นเอ๊ย”
“ยังไม่พูดสักคำ...รู้ได้ไง”
“ธนู...มึงลีลาจังวะ” ผมอดที่จะครวญไม่ได้
“ก็มันเป็นความลับสูงสุดของกูอ่ะ เลขบัญชีของร้านพร้อมรหัสเข้าใช้โอนเงินในแอปกูยังบอกมึงได้ง่ายๆ เลยนะครับ สองสี่สอง…”
“เดี๋ยว ไอ้บ้า” แม่งจะบอกผมจริงๆ เหรอเนี่ย “มันจำเป็นต้องปิดขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“มึงรู้แล้วมึงต้องข่มกูแน่...แค่นี้ยังข่มได้ไม่เยอะพอใช่ป่ะ”
รู้สึกผิดเลย...แต่มันเองหรือเปล่าที่ยอมให้ผมทุกอย่างอ่ะ “ถ้างั้น...”
“จูบหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคำถาม” ธนูลั่นวาจา “ทำได้มั้ย”
มันจะไปยากตรงไหน...ช่วงนี้ผมกับมันก็ออกจะจูบกันบ่อยไป
“ตกลง”
ธนูยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ “ดี”
“...”
“คืนนี้เจอกัน”
To be continued