MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน​ ตอนที่ 29 HAPPY BEAM DAY (END) (UP) 21/03/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน​ ตอนที่ 29 HAPPY BEAM DAY (END) (UP) 21/03/2020  (อ่าน 38665 ครั้ง)

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

----------------------------------------------------------------

สวัสดีค่าาาาา​ นิยาเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้ลงในโลกออนไลน์​ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ​ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ​

พูดคุยกันเพิ่มเติมได้ที่แฮชแท็ก​ #เราคงต้องเป็นแฟนกัน


"เขาว่ากันว่า น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือมาขวาง แล้วการที่ผมจะจีบผู้หญิงสักคน ทำไมต้องมีมันมาวนเวียนอยู่ด้วยตลอดเลยวะ!?"
[/size]

FAHMUI

"กูจะจีบน้ำตาล!!"

"มึงมาทำไมเนี่ย! ไปไกลๆตีนกู๊ววว"


BEAM


"กูเพื่อนน้ำตาล"

"ติดรถไปด้วยดิ"



สารบัญ #เราคงต้องเป็นแฟนกัน
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 03:59:06 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน (บทนำ)
«ตอบ #1 เมื่อ19-03-2018 03:02:44 »

บทนำ
[/size]

“เฮ้! เธอทำไมตัวเธอถึง ด๊ามดาม~~”

“โอ้แม่งามขำ ดำเป็นดินสอขนาดสองบี!!”

“โว้ววววว!!”

เสียงกีต้าร์ที่ถูกดีดออกมาเป็นทำนองเพลง ‘คนมีเสน่ห์’ ของพี่ป้าง นครินทร์ ดังทั่วลานหน้าตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกอาร์ตตัวพ่อ ติสท์ตัวแม่ สำหรับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าคณะนี้มักจะถูกคณะอื่นมองว่าเป็นพวกคนบ้าเสมอ บ้างก็จับกลุ่มกันร้องรำทำเพลง วาดรูป ถ่ายภาพ ซึ่งมันก็ไม่น่าจะดูเป็นคนบ้าอะไรมากนัก แต่คณะศิลปกรรมศาสตร์ของพวกเรา สามารถใส่ชุดธรรมดามาเรียนได้ แต่ต้องแต่งตัวให้เคารพอาจารย์ด้วย ดังนั้นด้วยความที่เลือดศิลปะมันเอ่อล้นอยู่ในตัว พ่อแม่พี่น้องเลยจัดเต็มกัน บางคนก็มาซะสวยเช้ง บางคนนี่นึกว่าไปคุ้ยเอาเสื้อในถังขยะมาใส่ ถึงจะบอกว่าให้แต่งตัวเคารพอาจารย์หน่อย แต่ขอโทษเถอะครับ อาจารย์บางคนนี่จัดเต็มมาซะยิ่งกว่า เดินสวนกัน ยังไม่รู้ว่าเป็นอาจารย์เลย แล้วลานศิลป์มักจะถูกอาจารย์ด่าเสมอ เพราะด้วยความที่ตึกศิลปกรรมเป็นทางผ่านของวิศวะกับบริหาร พวกเราก็มักจะร้องเพลงต้อนรับทุกคนที่เดินผ่านไปมากันตลอด เอาขวดแก้วมาตี เอาไมค์มาร้องเอาลำโพงมาตั้ง แขกไปใครมาเขาก็หนวกหูกันหมด มีครั้งหนึ่งที่ลานเสียงดังจนเกินเหตุ ทำให้พวกวิศวะเดินเข้ามาก่อนจะชี้หน้าด่ากราดว่า

‘ถ้ายังไม่เลิกหอน เดี๋ยวกูจะต่อวงจรระเบิดมาปาใส่หน้าพวกมึง!!!!’

จากนั้นมาพวกเราก็เลยเล่นเบาๆ ไม่ดังมาก...ซะที่ไหน ฮ่าๆ พวกเรายังคงเล่นต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน แต่จนแล้วจนรอด อาจารย์ก็เรียกพวกเราไปตักเตือน ถ้าหากทำเสียงดังอีกจะรื้อลานทิ้ง แล้วทำสวนญี่ปุ่นสไตล์นิกายเซน แล้วให้พวกเรามานั่งสมาธิหน้าสวนแทน หลังจากนั้นมา ขวดแก้ว ไมค์ ลำโพง ก็เก็บเรียบ กลายเป็นลานศิลป์อันสงบเงียบมีแต่เสียงธรรมชาติ...ซะเมื่อไหร่

“เอ้าพวกมึง ไม่มีเรียนกันรึไงวะ?” เสียงคุ้นๆดังมาจากข้างๆ ทำให้ผมหยุดเล่นกีต้าร์แล้วหันไปมองทันที อุ้ย! ก็นึกว่าใคร พี่ปาล์มนี่เอง

“เพิ่งเลิกเนี่ยพี่ ว่าจะมาสร้างความครึกครื้นซักกะหน่อย ฮ่าๆ” เสียงไอ้เจ๋งตอบกลับไป พร้อมยักคิ้วสองจึกให้พี่ปาล์ม

“ก็มีแต่พวกมึงแหละน้า ที่มานั่งดีดกีต้าร์จีบสาวกันเนี่ย เดี๋ยวไอ้พวกวิศวะก็มาปาระเบิดใส่พวกมึงหรอก” พี่ปาล์มหัวเราะร่วน พลางนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อน ข้างๆไอ้แก๊ป

“กลัวก็หมาแล้วพี่ แม่งลองมาปาจริงๆดิ” ไอ้แก๊ปหัวเราะหึๆก่อนจะเต๊ะท่าวางมาดนักเลง

“ทำไม มึงจะวิ่งไปต่อยมัน?”

“หนีดิครับ! ผมลูกมีพ่อมีแม่นะพี่! ไม่มาตายด้วยระเบิดของพวกมันหรอกน่า” คำตอบจากไอ้แก๊ป เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนในกลุ่ม แล้วจู่ๆพี่มันก็หันมาหาผม พร้อมทำสีหน้างงๆ

“ทำไมวันนี้ไอ้มุ่ยมันไม่พูดเลยวะ ปากเป็นฝีเหรอมึง”

ฝีพ่อง! ผมกลืนน้ำลายนิดหน่อยแล้วยกมือมากุมข้างแก้มก่อนจะตอบกลับไป

“เพิ่งไปใส่เชนมาเว้ยพี่ พูดมากมันตึงปากอะ ปวดด้วย” เนี่ย กูปวดจี้ดๆเลย

“แต่เมื่อกี๊มึงร้องเพลงนะ” พี่ปาล์มขมวดคิ้ว เหมือนจะงงยิ่งกว่าเดิม

“เสียงเพลงมันทำให้ลืมความเจ็บปวด”

“โถ ไอ้ฟายยยยยยยยย” คำตอบของผมทำให้พี่ปาล์มถึงกับหลุดชมออกมาทันที แหม เขินเลย

“แล้วนี่ไอ้โป้มันไปไหนวะ แก๊งกากพวกมึงไม่ครบทีมนะเนี่ย” หึ อย่างไอ้โป้ กลับเร็วอย่างนี้ มีอยู่อย่างเดียว

“มันหนีไปเที่ยวกะสาว...อะ” ไอ้แก๊ปตอบพี่มันพลางยื่นถุงจอลลี่แบร์มาให้ผม โถเพื่อนรัก กูก็บอกอยู่ว่าปวดฟัน ยื่นมาทำแมวอะไร

“ไม่เป็นไร ขอบใจมากเพื่อนรัก” มันมองหน้าผมงงๆ ก่อนจะเอาถุงเยลลี่ที่จะยื่นให้ผมไปแกะกินเอง ขอบน้ำใจในความหวังดีของมึงเหลือเกิน ไอ้สัด

“ตลอดกาล เพื่อนพวกมึงคนนี้ เออกูไปละ นี่แวะมาทักทายพวกมึงเฉยๆ” พี่ปาล์มลุกขึ้นแล้วหยิบย่ามตัวเองขึ้นมาสะพายขณะเดียวกันก็บอกลาพวกผม

“แล้วพี่จะไปไหนอะ” ผมถาม

“ไปรับสาว” โถ๊ะ! ก็ทั้งพี่ทั้งน้องป้ะวะ จบคำพี่มันก็วิ่งออกไปทันที โดยไม่ลืมจะหันมายิ้มกวนๆตามแบบฉบับพี่มันให้พวกผม

“มา! พวกมึง เล่นต่อๆ” ไอ้เจ๋งสะกิดผมให้ดีดกีต้าร์ให้ แหม กลัวไม่ได้โชว์สาว

“จะร้องเพลงไรครับ คุณเจ๋ง” ผมถามมันพลางเกากีต้าร์ไปเพลินๆ ผมมันสายเทพครับ เล่นกีต้าร์มาตั้งแต่เด็ก ถ้าผมไปแข่งนี่ชนะไปแล้วนะเนี่ย ไม่อยากจะอวด

“เออ มึงขึ้นมาเหอะ เร็วๆ” มันเอาเท้าเขี่ยผมยิกๆเป็นสัญญาณว่ามันเตรียมตัวจะร้องเพลงโชว์สาวครับ นั่นไง เหล่านักศึกษาที่เพิ่งเรียนเสร็จกำลังเดินลงจากอาคาร และแน่นอนว่าต้องเดินผ่านตึกคณะผมอย่างช่วยไม่ได้ครับ เพราะมันมีทางเดียว ฮ่าๆ

“เร็วดิมึง! เดี๋ยวผู้สาวก็เดินไปหมดหรอกไอ้ห่า มัวแต่นั่งหน้าเยิ้ม”

ไอ้เชี่ยนี่ก็เร่งกูจัง ผมกลอกตาขึ้นเล็กน้อย เพื่อนึกเพลงกับคอร์ดที่อยู่ในหัว เมื่อนึกเพลงออกผมก็ค่อยๆเกากีต้าร์ในช่วงท่อนอินโทร ก่อนจะร้องนำขึ้นมา

“เธอเข้ามากระชากหัวใจ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้พบกัน~”

“อยากจะสานสัมพันกับเธอต่อไปให้ยาวนาน~”

หลังจากนั้นไอ้เจ๋งก็ร้องตามขึ้นมาครับ จนคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองพวกผมแล้วหัวเราะในการเล่นใหญ่ของไอ้เจ๋งมัน ลีลาการร้องเพลงของมันนี่อย่าให้พูด แม่งยิ่งกว่ากายกรรมเปียงยาง นี่ถ้ามันฉีกขาได้ก็ทำไปแล้วครับ ฮ่าๆ

“ไม่อยากจะขัดใจตัวเอง ที่มันชอบเธอ ...” พอท่อนฮุคขึ้นก็เริ่มมีเสียงร้องจากคนอื่นแทรกเข้ามาเพิ่ม ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ก็นักศึกษาที่นั่งอยู่ที่ลานนี้แหละ ไม่อยากจะบอก แต่พวกผมเนี่ยเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการสร้างสีสันให้กับลานศิลป์แห่งนี้เลยนะ เวลาพวกผมว่างๆหรือเรียนเสร็จก็มานั่งดีดกีต้าร์แถวนี้ ตอนแรกๆก็แอบกลัวพวกรุ่นพี่เขารำคาญเหมือนกัน แต่พี่ๆเขาก็บอกให้พวกผมเล่นไปเถอะ เป็นสีสันให้คณะ จนตอนนี้กลายเป็นขาประจำลานละครับ วันไหนไม่เห็นพวกผม ให้รู้ไว้เลยว่าวันนั้น ใกล้จะเดดไลน์ส่งงานครับ ฮ่าๆ

ผมเล่นกีต้าร์ไปแล้วก็มองสาวที่เดินผ่านไปมาไปด้วย มันกระชุ่มกระชวยหัวใจจริงโว้ย! โอ้ยๆ นั่นสาวบริหาร เชรดเข้! นั่นนมหรือหัวเด็กครับ หน้าอกหน้าใจแม่คุณนี่ช่างสะบะละฮึ่มเหลือเกิน นั่นๆ สาวบัญชี กรี้ด ตะมุตะมิจังว้อยยย หูยยยย นู่นๆ สาววิศวะ...

สาว...วิศวะ...


วิศวะ...


ผิวขาว...ผมยาว...สวยอย่างกับนางฟ้า...


โดนใจกูเลย...


ประมาณนี้เลย...


พรึ่บ!


ใช่เลย!!

---------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่าาา นิยายเรื่องเเรกของแบร์เลยค่ะ คิดอยู่นานมากกกกก ว่าจะลงดีไหม 555555 ลองอ่านกันดูเถิดหนาเจ้าค่ะ ขอน้อมรับทุกคำติชมค่ะ

พูดคุยติดตามและทวงนิยายได้ที่นี่เลยนะคะ #เราคงต้องเป็นแฟนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2018 03:50:42 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน
«ตอบ #2 เมื่อ19-03-2018 03:13:33 »

 o13 เยี่ยมมากค่ะ...เราว่าจากสาวผมยาว... จะแปลงร่างเป็น หนุ่มผมยาวแน่ๆ  :hao7:

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 1
พุดดิ้งกับเยลลี่หมี


“ใช่เลย!!”

ผมลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้หินอ่อนเพื่อที่จะชะเง้อมองเธอคนนั้นให้ชัดขึ้น เมื่อเธอเริ่มเดินไกลออกไป เพ่งสายตามองตามนางฟ้าที่กำลังเดินหัวเราะกับเพื่อนพลางเสยผมยาวสลวยของเธอขึ้นจนเธอเดินลับตาไป

โอ้ยยย หัวใจไอ้มุ่ยคนนี้จะพัง ท่าเสยผมเมื่อกี้ ใจบาง~

เธอมาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ~

“เชี่ยมุ่ย! ไรมึงเนี่ย ลุกขึ้นยืนทำห่าไรวะ ริซซี่แดกตูดอ่อ” ไอ้เจ๋งเงยหน้ามองผมอย่างงงๆ


เจ๋งเพื่อนรัก เจ๋งไม่ต้องงงเลยเว้ย!


เพื่อนมึงคนนี้..กำลังจะมีแฟนละเว้ย! เขินนนนนนนน


“เจ๋งเพื่อนรัก มึงมองตรงไป มึงเห็นผู้หญิงคนนั้นไหม นางฟ้าเสื้อช็อปคนนั้น”

“อ๋ออออออ พี่น้ำตาล ทำไมวะ?”

ห้ะ! ชื่อน้ำตาล เชี่ย~ คุณพ่อคุณแม่ช่างตั้ง เข้ากับหน้าตาเหลือเกิน

แต่เดี๋ยวนะ...ไอ้เจ๋งรู้จักได้ไงวะ?

“ไอ้เจ๋ง! มึงรู้จักเขาได้ไง ตอบมา!” ผมตวัดสายตาลงไปมองพร้อมจะจับพิรุดมันอย่างเต็มที่


อย่าบอกนะ...


ว่ามันก็ชอบนางฟ้าเหมือนกัน...


หรือแม่งจะมาแย่งนางฟ้าไปจากกู!?


 “ถึงมึงจะเป็นเพื่อน กูก็ไม่ยอมแพ้ว่ะพูดเลย!”

“...”

“แก๊ป มึงดูนะ แม่งจะแย่งแฟนเพื่อน”

“...”

“ขอร้อง นางฟ้าเขาต้องมีกูเป็นแฟนเท่านั้นอะ”

“...”

“หน้าอย่างมึงเขาไม่เอาหรอก”

“...”

ไอ้แก๊ปส่ายหน้าเบาๆก่อนจะดึงผมให้กลับมานั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนเหมือนเดิม ไอ้เจ๋งนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมันก็เอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆ ด้วยสีหน้าสมเพชปนขำ

อะไรวะ?

“มึงเบาก่อนนะ” แก๊ปยื่นมือทั้งสองข้างมาประกบที่หน้าของผมให้หันไปหามัน

“เบาไรมึงวะ?”

โป้ก!

“โอ้ย! มึงเฮดบั๊ดใส่หัวกูทำหอกไรเนี่ย เจ็บนะสัส!” จู่ๆไอ้แก๊ปก็เอาหน้าผากของมันมาชนกับหน้าผากผมอย่างแรง ผมรีบผลักมันออกก่อนจะกุมหน้าผากด้วยความเจ็บ

ไอ้เหี้ย! ถ้ากูหมดหล่อ กูจะแช่งให้สาวไม่เอามึง!

“สติมึงไง ยั้งหน่อยเหอะเพื่อน”

“เออใช่ ไอ้แก๊ปพูดถูก ควายยยย จะเด็ดดอกฟ้า ยั้งก่อนเนาะมึง ฮ่าๆ” ไอ้เจ๋งขยี้หัวผมอย่างหมั่นไส้แถมผลักแรงๆอีก กูผิดอะไรวะ?

“อะไรของพวกมึงวะ มึงดูก่อน! เพื่อนมึงคนนี้กำลังจะมีความรัก! มึงกลับบอกเพื่อนมึงให้ยั้ง ทำไมมึงต้องขัดขวางความรักของกูด้วย!!” ผมมองหน้าพวกมันสองคนด้วยความไม่พอใจ ไรวะ ทำไมต้องขวางด้วยอะ

“ไหน ปวดฟัน?” ไอ้แก๊ปทักขึ้น

“โอ้ย! ทักทำไมวะ ปวดขึ้นมาเลยเนี่ย” ผมยกมือกุมข้างแก้มเบาๆด้วยความปวด

เออมัวตกใจเรื่องนางฟ้า ลืมว่าตัวเองปวดฟันเลยอะ

“ตอแหล” แหม เสียงดังฟังชัดดีจัง

“เจ๋ง นี่เพื่อนไง”

“มึงต้องฟังพวกกูก่อนเว้ย” มันพูดต่อ

“เออใช่ ถ้ามึงฟังที่กูพูดจบนะ มึงจะเหยียบเบรกไม่ทันเลยสัส” ไอ้เจ๋งย้ำขึ้น

ผมมองพวกมันด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ อะไรของพวกแม่ง แค่กูจะจีบสาวซักคนเอง

“ไหนอธิบายมา ถ้าเหตุผลพวกมึงไม่ดีพอ กูจะแช่งให้สาวไม่เอา” ไอ้เจ๋งยิ้มระรื่นออกมา จากนั้นมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดนู่นกดนี่แล้วยื่นมาให้ผมดู

“อะ มึงดูซะ” ผมเพ่งสายตามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์นิดหน่อยเพื่อปรับโฟกัส จริงๆผมสายตาสั้นประมาณนึง แต่จะใส่แว่นแค่ตอนถ่ายรูป ทำงาน กับขี่มอเตอไซด์เท่านั้น มันน่ารำคาญ ผมไม่ชอบ

“เฮ้ย! นี่มัน...นางฟ้า...” ผมชี้ไปที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความตกใจ นี่มันเฟสของนางฟ้า


โทรศัพท์...โทรศัพท์กูอยู่ไหน...


...แอด...แอดเฟรน


“เดี๋ยวค่อยหา โทรศัพท์อะ ฟังกูก่อน แล้วอีกอย่างมึงได้แค่ติดตามเค้าเท่านั้นแหละ เพื่อนเต็มไปเป็นชาติ”

โห่ อดเลย แต่แค่ติดตามก็ยังดีวะ

“เนี่ย เขาชื่อพี่น้ำตาล อยู่วิศวะเครื่องกลปีสอง” ไอ้เจ๋งพูดพลางสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดูรูปไปด้วย

โหย ท่าเสยผมรูปนั้น...ระทวย~ แพ้คนเสยผมอย่างแรง ฮืออออ~

“เคยเป็นทั้งดาวสาขา ดาวคณะ ดาวมหาลัย”

ดูรอยยิ้มนั่นดิครับ งืออ อยากบอกแม่ว่าเจอเนื้อคู่แล้วววว

“ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของหัวใจเขาทั้งนั้น แน่นอน สวยขนาดนี้ แถมยังนิสัยดีโคตร น่ารัก เป็นกันเองสุดๆ”

“มึงรู้ได้ไงวะว่านิสัยพี่น้ำตาลเป็นยังไง?” ไอ้แก๊ปเงยหน้ามองไอ้เจ๋งอย่างสงสัย เออ กูก็สงสัย

“เอ้า! กูใครครับ! อย่าดูถูกความรอบรู้ของเพื่อนมึงหน่อยเลย”

“อ๋อ เสือกนี่เอง” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้แก๊ป เออ ลืมไปไอ้เจ๋งสายเสือกทุกสถาบัน

“แก๊ป มึงว่าไงนะ กูได้ยินไม่ชัด”

“กูบอกว่า พูดต่อเลย”

“เออๆ เนี่ย มึงดูยอดติดตาม แม่งเป็นแสน โพสไม่ถึงนาทีคนกดไลค์เป็นพัน”

ภูมิใจว่ะ จะได้มีแฟนเป็นคนสวยขนาดนี้ คึคึ

“ใครๆก็อยากจีบ ไม่ว่าจะรุ่นน้อง รุ่นเพื่อน หรือรุ่นพี่”

คู่แข่งกูเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เชี่ย! ทำไงดีๆ

“แต่กูก็ไม่เห็นพี่เขาคบใครเลยว่ะ”

“รู้ป้ะ ว่าเพราะอะไร”

ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้เจ๋ง ที่ตอนนี้แสยะยิ้มพร้อมทำหน้าเหนือมองผมกลับเช่นกัน

 “หึๆ มีข่าวลือว่าเขามีแฟนแล้วไง!”


ห้ะ!


มีแฟนแล้ว!


ไม่นะ กูจะอกหักทั้งที่ยังไม่เริ่มอย่างงั้นเรอะ!?




---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------




“มึงอย่ามาโกหกกู ไอ้เจ๋ง”

“เออ แต่กูก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะ เห็นว่าเป็นแฟนกับคนในสาขาด้วยกัน”

ไม่นะ...

“เห็นไหม แก๊ปมันก็เคยได้ยินมา กูจะไปโกหกมึงทำไมวะ”

“จริงเหรอวะ...”

นางฟ้าของเค้า เธอมาทำให้อยากแล้วก็จากไป ใจร้ายที่สุด!

“เห้ยมึงอย่าทำหน้าเศร้าดิ มันเป็นแค่ข่าวลือเว้ยมึง ข่าวลือๆ” ไอ้แก๊ปเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบาๆ

เออ มันเป็นแค่ข่าวลือนี่หว่า ความจริงนางฟ้าอาจจะยังไม่มีแฟนก็ได้ คนชอบเธอเยอะจะตาย แม่งอาจจะลือกันขึ้นมากั้กกันเองไรงี้


แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะวะ...


“พอๆ เลิกๆ เปลี่ยนเรื่องๆ คืนนี้ไปกรึ้บๆกัน เฮียตั้มฉลองเปิดร้านใหม่ เขาฝากกูมาชวนพวกมึงด้วย”

“เฮียเปิดร้านอะไรอีกวะ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วเพิ่งเปิดร้านกาแฟโบราณไปไม่ใช่เหรอ”

“กูก็ไม่รู้ รู้แต่ยังไงก็ต้องได้กรึ้บๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“เออ ไปดิ อยากอยู่เหมือนกัน งานแม่งทำกูล้าสัด”

“ไปป้ะไอ้มุ่ย”

ทำไงถึงจะรู้วะ...จะเดินไปถามก็ไม่ทันละ...

“ไอ้มุ่ย”

อยากรู้ๆๆๆๆ ทำยังไงดีวะๆ

“ไอ้เชี่ยมุ่ย!!”

“หมี!! อะไรของพวกมึง ตกใจหมด” คนกำลังใช้สมาธิ แม่ง

“เปลี่ยนคำอุทานได้ป้ะวะ ได้ยินแล้วสะดุ้งยังไงไม่รู้” ไอ้แก๊ปทำสีหน้าปั้นยากใส่ผม

“มันติดปาก”

“เออๆ ช่างแม่ง แล้วตกลงยังไง ไปไหม”

“ไปไหนวะ?”

“ไอ้ควายยย ฟังเพื่อนพูดบ้าง เฮียตั้มฉลองเปิดร้านใหม่ เขาฝากกูมาชวนพวกมึง จะไปไหมสัด” ไอ้เจ๋งส่ายหน้าพรืด แล้วทวนสิ่งที่มันพูดไปเมื่อครู่ให้ผมฟังอีกครั้ง

กูไม่ผิดนะ กูขวัญเสียเรื่องนางฟ้าอยู่เว้ยยยย

“ร้านอะไร เพิ่งเปิดไปไม่ใช่ไง๊?”

“ไม่รู้ๆ ถามมากจังวะ คือจะไปไม่ไปตอบกูมา”

“ไปไม่ได้...กูต้องแต่งรูป” มาฉลองอะไรตอนนี้วะเฮียตั้ม วันนี้ไม่ว่างเนี่ย

“ไปถ่ายสาวที่ไหนมาอีกล่ะ”

“ไอ้แก๊ป แสนรู้นะมึง” ผมหัวเราะเบาๆ พลางเอื้อมมือไปลูบหัวมัน ไอ้นี่ผมนุ่มชิบ

ผลัวะ!

น่าน โดนโบกหัวเลย แก๊ปมันไม่ชอบให้ใครมาลูบหัวครับ

“กูไม่ใช่หมา ไอ้สัด”

“ฮ่าๆ พวกมึงไปเหอะ กูก็อยากไป ไอ้กรึ้บๆอะ แต่งานต้องมาก่อนนะครับเพื่อน”

พูดแล้วก็เก็บของเก็บกีตาร์เลยดีกว่า ผมพลิกข้อมือดูนาฬิกา ก็พบว่าสี่โมงจะครึ่งแล้ว คืนนี้นอนหออีกละ นี่ผมไม่ได้กลับไปกินข้าวที่บ้านมาจะครบอาทิตย์แล้วเนี่ย แม่ด่าเช็ดไปแล้วมั้ง

“งั้นเดี๋ยวกูไปก่อน ฝากกรึ้บๆเผื่อด้วยนะสัส” ผมโบกมือให้พวกมันแล้วสะพายกระเป๋ากีต้าร์กับกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ไว้ใส่หนังสือขึ้นหลังแล้วเดินแยกออกมาที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซด์ โอ๊ะ! นั่นไงรถผม น้ององุ่นนนนน

        ผมขึ้นคร่อมน้ององุ่นแล้วแขวนกระเป๋าสะพายไว้ที่พักเท้า สตาร์ทเครื่องแล้วบิดเครื่องออกจากลานทันที นี่ดีนะครับที่เริ่มเข้าช่วงหน้าหนาวพอดี อากาศเลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ด้วยความที่มหาลัยผมอยู่เหนือด้วยแหละ

        มหาลัยที่ผมอยู่เป็นมหาลัยเอกชนชื่อดังทางภาคเหนือ บรรยากาศโคตรดีรอบล้อมไปด้วยภูเขาแถมยังมีน้ำตกอยู่หลังมออีกด้วย ทำไมผมเรียนที่นี่น่ะเหรอ ง่ายๆเลยครับ ใกล้บ้าน ผมก็เลยสอบเข้าแล้วดันติดเฉย ผมเรียนออกแบบนิเทศศิลป์ ถามว่าทำไมถึงเรียน ผมชอบศิลปะความอาร์ตอะไรพวกนี้ ตอนแรกแม่ผมถามว่าจะเรียนจริงเหรอ น้ำหน้าอย่างผมเนี่ยไปเรียนวิศวะไม่ดีกว่ารึไง เคยคิดจะเรียนแว๊บๆนะครับแต่มันเข้ากับหน้าตาเกินไป เลยขอผ่านดีกว่า

        ใครๆก็บอกว่าผมหน้าตากวนตีน แถมสมัยเรียนช่างยังเคยไปเป็นเด็กแว๊นมาพักนึงด้วย แต่หนทางดูไม่ค่อยจะรุ่งโดนยำตีนกลับมาเกือบทุกวัน แหม เด็กช่างก็งี้แหละครับ ผมเลยเลิก ถึงแม้จะเลิกแต่ก็ยังมีคนมาหาเรื่องผมอยู่ดี

        แต่เอาจริงๆถ้าวันนี้ไม่มีงาน ผมก็อยากไปกับพวกมันนะ ติดตรงที่ต้องแต่งรูปให้สาวๆที่ผมเพิ่งไปถ่ายมาให้เมื่อสามสี่วันก่อนเนี่ยดิ พวกเธอทักแชทมาเร่งผมยิกๆว่าอยากอวดรูปจะแย่แล้วเมื่อไหร่ผมจะแท็กไปหาซักที ผมเพิ่งทำเสร็จแค่คนเดียวเองอะ เหลืออีกสองคน ขี้เกียจโว้ยยย ทำไมเฮียตั้มต้องมาฉลองวันนี้ด้วยก็ไม่รู้ คนหล่อเซ็ง




@หอพักXXX


FAHMUI PHOTO ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 18 ภาพ ลงในอัลบั้ม: BAMBII
27 กรกฎาคม
MODEL : Bambii Geeranan (ig : Hellobambii)
PHOTO : Fahmui mui








ถูกใจ       แสดงความคิดเห็น      แชร์
Adithep Suksee, Pleum Peerawat  และคนอื่นๆอีก 150 คน
แชร์ 50 ครั้ง



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



เสร็จแล้วโว้ย!!!!!!!!!!!!!


ตื่อดึ้ง!


Bambii Geeranan

ขอบใจจ้า

                                                                  ครับผม :D

น้องฟ้ามุ่ยถ่ายรูปพี่ออกมา
สวยมากเลย คิดไม่ผิดจริงๆ
ที่ให้น้องถ่ายให้

                                                                 พี่สวยอยู่แล้ว ถ่ายยังไงก็สวยน้าาา

แหม ชมงี้พี่ลอยเลยนะ 5555
พี่ขอตัวไปแชร์รูปก่อนนะคะ
ฝันดีน้าาา จุ้บๆ

                                                                 เช่นกันคร้าบบบ


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



        บนหน้าจอคอมปรากฏอัลบั้มภาพที่ผมเพิ่งเพิ่มลงไปเมื่อครู่ในเพจของผมเอง พี่ที่เป็นแบบให้ก็เป็นอดีตดาวเศรษฐศาสตร์คนคงแชร์เยอะน่าดู เลือกไม่ผิดจริงๆนะครับผมเนี่ย ฮ่าๆ ยังเหลืออีกเซตนึงของเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนทันตะ ผมแต่งเสร็จแล้วล่ะครับแต่เดี๋ยวไว้ลงพรุ่งนี้จะได้ไม่เป็นการแย่งซีนกัน เห้อ อยากให้นางฟ้ามาเป็นแบบให้ผมจังอยากให้เราได้มองตากันผ่านเลนส์ ฮิๆ เขินว่ะ

        อื้ออออ ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแรงๆ แล้วเดินไปหาของกินในตู้เย็น...เชรดโด้ว มีแต่ไข่ไก่ ขนมกูหายไปไหนหมดวะ โล่งเลย ผมเลื่อนช่องใต้ช่องฟรีซออกมา โบ๋เบ๋ ไม่มีอะไรเลยครับ ผมเลื่อนช่องกลับเข้าไปใช้มืออีกข้างปิดตู้เย็นด้วยจิตใจห่อเหี่ยว หิวของหวานจังเลยครับ นั่งทำงานไปสองสามชั่วโมงเสียพลังงานโคตรๆ รู้งี้แวะเซเว่นก่อนขึ้นห้องก็ดี

        แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้ซื้อของเข้าห้องมาเป็นอาทิตย์แล้วนี่หว่า จะไม่มีอะไรเหลือก็ไม่แปลก กูแดกอย่างกับโจรปล้นขนาดนี้ ฮ่าๆ


ผมเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบกุญแจห้องกับกระเป๋าตังเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่เดี๋ยวนะ...


ทำไมรู้สึกเย็นๆ


ผมชะงัก ก่อนจะก้มลงมองตัวเอง

“อ้าว! กูไม่ได้ใส่เสื้อนี่หว่า” จากที่นึกขึ้นได้ ผมก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อบอลง่ายๆมาใส่ ก่อนปิดตู้ส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยอีกที เสื้อใส่แล้ว กางเกงใส่แล้ว โอเค พร้อม!

ไปครับ! ไปซื้อของกินกัน!

“กูจะซื้อตุนให้ล้นตู้เลยมึง”




--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





@ร้านสะดวกซื้อ


        ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึง หอผมโคตรดี มีร้านอาหารอยู่รอบๆหอเต็มไปหมด ร้านสะดวกซื้อก็ใกล้มาก ออกจากหอผมมาเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปไม่ถึงยี่สิบก้าวก็ถึงละ ผมเดินวนอยู่แถวๆขนม ของกินเยอะแยะไปหมดเลยเห็นละความหิวเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า

        พายข้าวโพดของโปรด หยิบครับ โอ๊ะ! สาหร่าย อันนี้ไว้กินกับข้าวอร่อยมากอะ เอามาเลย3ห่อ นี่ๆเยลลี่หมีเคี้ยวเพลินดีผมแนะนำ ผมมีติดกระเป๋าตลอด กินตอนเรียนตอนทำงานเพลินมาก แต่ช่วงนี้ยังกินไม่ได้ ปวดฟันจี้ดๆ แต่เอามาตุนหลายๆห่อก่อน
ผมหยิบขนมกินเล่นมาเยอะมากจนเกือบล้นตะกร้า คนที่ยืนเลือกขนมอยู่ข้างๆผมถึงกับหันมามอง ในใจมันอาจจะคิดว่าเอาไปฝากเพื่อนไรงี้รึเปล่า เปล๊า! นี่ของกูคนเดียวเลยเว้ย

        ผมเหลือบตาไปมองตะกร้าของคนข้างๆ แม่งมีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เออ นี่มันก็ใกล้สิ้นเดือนละนี่หว่า ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง โห มันหล่อเอาเรื่องว่ะเฮ้ย ดั้งนี่จะโด่งไปไหนวะ กูก็มีแต่ไม่เห็นจะโด่งแบบนั้นเลย (จับจมูกตัวเองเบาๆ) จึๆ หน้าตาดีแบบนี้เอาเงินไปเปย์สาวหมดสินะเพื่อน ผมกวาดสายตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า สูงชิบหาย อิจฉาว่ะ ดูกล้ามแขนมันๆ เหมือนรู้ว่าตัวเองหุ่นดีอะแม่งใส่เสื้อแขนกุดมาโชว์แขนงี้ แต่กล้ามแขนกูก็มีนะ น้อยไปหน่อยแต่ก็ถือว่ามี (จับแขนตัวเอง)


ขวับ!


อุ้ย!


        ตกใจหมดครับ จู่ๆมันก็หันหน้ามาทางผมก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย รู้ตัวแน่เลยว่ากูแอบมอง แฮ่ ผมส่งยิ้มเจื่อนๆให้มันเป็นเชิงขอโทษแล้วเดินหนีไปโซนอาหารสำเร็จรูป ว่าหน้าด้านข้างมันหล่อแล้วนะครับ หน้าตรงนี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงละลายไปตรงนั้น ขนาดผมมองเห็นไม่ค่อยจะชัดนะเนี่ย หล่อแบบตายไปเลย กูยอมครับ นี่ถ้าสมมติว่าผมกับมันดันจีบผู้หญิงคนเดียวกันนะ คงไม่ต้องบอกว่าใครแพ้ เชี่ยยย หล่อขนาดนั้นใครจะไปสู้วะ

ทิ้งความหล่อมันไว้ตรงนั้นเถอะครับ ผมว่าผมอยากกินพุดดิ้งอะ เดี๋ยวหาก่อน มันอยู่ตรง...นี้!

อ้าว! หมดเฉย พุดดิ้งของโปรดกู...


ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้มาซื้อใหม่ กูจะซื้อไปตุนเยอะๆเลยคราวนี้ เอาให้หายอยาก หึๆ


แดกโบโลน่าพริกย้อมใจไปก่อนละกันนะตัวกู น่าน! เหลืออยู่ซองเดียวพอดี ชิ้นสุดท้ายแฟนสวยครับโผ๊มมมม


หมับ!


หือ?


ไม่ใช่มือกูอะครับ มือใครวะ?


ทันทีที่ผมกำลังจะยื่นมือไปคว้าซองโบโลน่า แม่งมีมือปริศนาที่ไหนไม่รู้ฉกมันไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาผม เชี่ยยยยย กูจะนกอีกแล้วเรอะ ใครมาแย่งกู!?


อ๋อ


ไอ้หล่อนั่นเองครับทุกคน

ผมมองตามโบโลน่าพริกในมือมันจนมันไปอยู่ในตะกร้า ไอ้เชี่ย! นั่นพุดดิ้ง! พุดดิ้งกูอะ!? ผมมองหน้ามันสลับกับมองพุดดิ้งในตะกร้าไปมา

“อะไร” หือ? ถามกูเหรอๆ ผมชี้มือมาที่ตัวเองเป็นเชิงถามมันว่า กูเหรอ?

“เออ มองตะกร้ากูทำไม” มันเลิกคิ้วถามผม

โห่ไอ้สัด ถ้าตามึงยังดีอยู่ มึงจะเห็นว่าเมื่อกี้กูก็กำลังจะหยิบโบโลน่าพริกซองเดียวกันกับมึงครับ แต่มึงแค่เร็วกว่ากูไง มือกูค้างอยู่ซักห้าวิได้ มึงต้องเห็นอะ

“กูอยากกินอันที่มึงหยิบไป”

“กูหยิบก่อนนะ”

“กูอยากกินจริงๆนะเว้ย เนี่ย กูนกพุดดิ้งไปแล้ว มึงควรเอาโบโลนามาให้กูดิ” มันก้มลงไปมองในตะกร้าของตัวเองก่อนจะร้องอ๋อขึ้นมา เข้าใจกูแล้วสินะมึง มึงจะเอาของที่กูอยากกินทั้งสองอย่างไปไม่ได้เด้อ

“กูก็อยากกินสองอันนี้เหมือนกัน พรุ่งนี้มึงค่อยมาซื้อใหม่” มันหัวเราะหึๆให้ผม แล้วเดินไปคิดเงิน เชี่ยยยยย เหมือนมันยิ้มเยาะเย้ยใส่ผมอะครับเมื่อกี๊ ทำหน้าเหนือใส่กูด้วย ไอ้สัด! กูแค่อยากกินไหมล่ะ ผมมองพุดดิ้งที่ถูกพนักงานหยิบออกมาจากตะกร้าเพื่อยิงบาร์โค้ดตาละห้อย


ไอ้หล่อ! ถ้ายังไง...


ละ...แลกกันได้ไหมวะ!?


ผมเดินไปที่เคาเตอร์ข้างๆไอ้หล่อแล้ววางตะกร้าให้พนักงานคิดเงินทันที อ้าวๆ พนักงานกำลังคิดเงินให้มันละครับ


เดี๋ยวก่อนนนน กูขอแลกกกกกก


“คิดเร็วๆดิน้อง” ผมเร่งไอ้น้องพนักงานที่กำลังยิงบาร์โค้ดอยู่ อะไรจะช้าขนาดนั้น เด็กใหม่ป้ะเนี่ย!?

“ผมเด็กใหม่อะพี่ ใจเย็นนะครับ” มันส่งยิ้มแห้งให้ผม ก่อนจะเร่งสปีดในการยิงบาร์โค้ดขึ้นมาหนึ่งเลเวล

เชี่ย...รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

“ขอบคุณครับ” เสียงขอบคุณจากไอ้หล่อข้างๆ ทำให้ผมหันไปมอง มันก็หันมามองผมเช่นเดียวกันครับ ยักคิ้วให้จึกนึงด้วย

เชี่ยๆๆ มันกำลังจะเดินออกจากร้านแล้ววววว

“ทั้งหมด 523 บาทครับพี่” เสียงจากไอ้เด็กเต่า เรียกให้ผมหันไปมอง ผมรีบควักเงินออกมาจ่ายทันที

“รับมา 540 นะครับ” ทอนให้กูเร็วๆเถอะ เห้ย! มันเดินออกจากร้านไปแล้ว ผมชะเง้อมองตาม ก็เห็นว่ามันกำลังเดินไปทางซ้าย

“เงินทอน 17 บาทนะครับ ขอโทษที่ให้ลูกค้ารอนานนะครับ” ไอ้เด็กใหม่ยื่นเงินทอนกับใบเสร็จพร้อมถุงใส่ของให้ผม

ซักทีนะมึง!

“เออ! ขอบใจ” ผมเอ่ยคำขอบคุณตอบกลับไป มือทั้งสองข้างก็รีบคว้าบรรดาถุงขนม แล้วรีบเดินตามไอ้หล่อออกจากร้านไป มันไปทางซ้ายครับๆ ผมชะเง้อมองก่อนจะหรี่ตาลง มืดแถมยังสายตาสั้นอีกกู มองไม่ค่อยเห็นเลย เชี่ยแม่ง!


นั่นไง! เห็นละครับ ลิบๆเลย แม่งเดินเร็วชิบหาย วันหลังไปสมัครแข่งเดินเร็วเถอะมึง

“เห้ย! มึงอะ!” ผมเรียกมันพลางวิ่งไปด้วย มันไม่หันว่ะครับ แถวนี้ก็ไม่มีใครนะ


กวนตีนกูล้วนๆแล้วครับงานนี้


“มึง! แฮกๆ หยุดก่อน! ไอ้พุดดิ้ง!” หอบครับ งานนี้มีหอบนิดๆ

เห้ย! แต่มันหยุดว่ะครับ

“ตามกูมาทำไม” มันหันหลังกลับมาก่อนจะถามผม ผมยืนเว้นระยะห่างจากไอ้หล่อประมาณห้าก้าวได้ ผมพยายามเพ่งสายตามอง แต่มืดอย่างนี้เห็นหน้ามันไม่ค่อยชัดเลยว่ะ

“ขอแลกดิ”

“ห้ะ? แลกอะไร”

“พุดดิ้งของมึง กับ...กับขนมของกูอะ”

“ทำไมกูต้องแลก แล้วมึงอยากกินโบโลน่าไม่ใช่เหรอ” กูอยากกินพุดดิ้งมากกว่าไง!

“กูอยากกินทั้งคู่ แต่กูอยากกินพุดดิ้งมากกว่า นะ มาแลกกันเถอะ ถือซะว่าเป็นเพื่อนกัน” อ้างเพื่อนเลยครับ อ้างไว้ก่อน เผื่อมึงเคลิ้มตาม

“กูไม่รู้จักมึง” ไม่หลงแฮะ แต่กูอุตส่าห์เพิ่มมึงเป็นเพื่อนกูเลยนะ บอกไว้ก่อน กูไม่ใช่คนที่จะเป็นเพื่อนกับใครง่ายๆนะเว้ย

“แลกกัน เอาพุดดิ้งของมึงมาแลกกับ...” เออ กูจะเอาอะไรไปแลกวะ ผมทรุดตัวลงนั่งยองๆ วางถุงขนมลงกับพื้นแล้วคุ้ยๆหาขนมที่พอจะแลกกับมันได้

“...”

อันนี้อะไรวะ? ผมหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ จนแทบแปะกับหน้า ผมไม่ได้สายตาสั้นนะ มันมืดไงครับ สีเหลืองๆแบบนี้ พายข้าวโพด! ไม่ได้ๆ อันนี้ไว้กินเป็นข้าวเช้าพรุ่งนี้


ก่อกแก่กๆ


อันนี้...ห่อเล็กๆ หยุ่นๆ เออ! อันนี้แหละ จำได้ว่าซื้อมาสิบกว่าห่อ


“แลกกับเยลลี่หมีสองห่อ...” อุ้ย! ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมันนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าผม มาตอนไหนวะ?

“ทำไมกูต้องแลก” เหมือนมันจะยิ้มนิดๆนะครับถ้าผมไม่ตาฝาด เออ แต่กูสายตาสั้น 5555555

“เยลลี่หมีนี่ของชอบกูเลยนะ กูอุตส่าห์ให้มึงตั้งสองห่อ”

“พุดดิ้งก็ของโปรดกูเหมือนกัน” หน้าไม่ให้เลยไอ้สัด หล่อๆอย่างมึงไปแดกมะขามสามรสเหอะ

“ก็กู...”


ฟึ่บ!


หะ...เห้ย! เกือบรับไม่ทัน


พุดดิ้งงงงงงงงงง มันโยนพุดดิ้งมาให้ผมว่ะครับ!


“เอาไป กูให้”

“จะ...จริงอะ!? ขอบใจนะเว้ยยย อะ...นี่” ผมยื่นเยลลี่ไปให้ไอ้หล่อครับ

“ของกินเด็กชิบ...” มันรับไปแล้วพูดอะไรซักอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้ แต่ตอนนี้นะครับ...

พุดดิ้งงงงงงงงงงง พุดดิ้งอยู่ในมือผมแล้วววว คืนนี้กูจะค่อยๆกินอย่างละเลียดที่สุด! อิอิ

ผมเก็บพุดดิ้งใส่ถุง แล้วลุกยืนขึ้น กำลังจะบอกลาไอ้หล่อ แต่...

อ้าว! มันเดินไปแล้วครับ อะไรจะรีบขนาดนั้นวะ

แต่ตัวกูก็ไปบ้างเถอะ ยุงจะหามตายห่า


เดี๋ยว!


พุดดิ้งที่กว่าจะได้มายากเย็นแสนเข็ญนั้น...


...ต้องอัพไอจีก่อน

ผมเดินไปอยู่ใต้เสาไฟข้างถนน แล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเจ้าพุดดิ้งถ้วยนี้ ก่อนจะอัพรูปลงพร้อมด้วยแคปชั่นที่ว่า...


‘ของฟรีต้องแดก’



[TBC]
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เย้!!!! ตอนที่ 1 มาแย้วววววว อยากได้น้องมาถ่ายรูปให้บ้างจัง5555555 พี่กับน้องเค้าเจอกันแล้วนะคะ งื้อออ น้องยังคงกากเเละเกรียนได้มากกว่านี้อีกค่ะ ตอนหน้าเขาจะเจอกันจริงๆจังๆแล้วน้าาาา มาเอาใจช่วยว่ามุ่ยจะจีบน้ำตาลคนสวยได้หรือไม่ #บีมคือศัตรู #มุ่ยไม่กาก #เราคงต้องเป็นแฟนกัน ฝากติดตามด้วยนะค้าาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2018 13:34:36 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน
«ตอบ #4 เมื่อ20-03-2018 00:00:31 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Christa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน
«ตอบ #5 เมื่อ20-03-2018 00:24:59 »

 :impress2:

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 2
บีมบีม


“มึงๆ”

“อะไร...”

“ทำไมกูฟังที่อาจารย์พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเลยวะ?”

“มึงโง่ไง ไม่น่าถาม”

“ไม่ดิ กูหมายถึง กูไม่ค่อยได้ยินเสียงอาจารย์เลย”

“มึงจะได้ยินชัดได้ยังไงล่ะ...”

“...”

“มึงดูที่ๆมึงยืน ไอ้ควายยยยยย อีกก้าวเดียวคือมึงอยู่นอกห้องไง มาสายไม่เลือกวิชาเลยนะมึง กูที่เป็นเพื่อนรักมึง จากที่กูได้นั่งดีๆต้องมายืนจดยิกๆอยู่ข้างมึงนี่ไง!” มันพูดเสียงแข็งและหรี่ตามองมาที่ผม กูมาสายแค่ครึ่งชั่วโมงเอง ผมหลบสายตามันโดยทำเป็นกวาดสายมองไปรอบๆห้อง เออ วันนี้คนเข้าเรียนเยอะว่ะ เยอะขนาดที่ผมกับมันยืนอยู่ตรงประตูเป๊ะๆ ตอนแรกว่าจะเดินเข้าไปหาเพราะโป้มันจองที่ไว้ แต่ผมฝ่าพวกนักศึกษาที่อยู่ข้างหน้าไปไม่ได้ อีกอย่างอาจารย์ก็กำลังสอนอยู่ด้วย เกรงใจแกนะครับ สุดท้ายไอ้โป้มันต้องลุกมาหาผมแทน

“ก็...แหม...”

แต่จะว่าไปละมันก็เขิน เมื่อเช้าผมน่ะนะ ฝันถึงนางฟ้าด้วยแหละ! โฮ้ยยยยยยยย

“บิดทำเหี้ยไร ปวดขี้เหรอ” ปากไอ้โป้ขยับถามผมแต่สายตาไม่ได้มองมาที่ผมสักนิด เอาแต่ก้มๆเงยๆมองไปยังสไลด์หน้าห้องที่อยู่โคตรจะไกล รวมไปถึงมือมันที่ขยับเขียนเลคเชอร์ด้วยความไวแสง

รู้ได้ไงว่ากูบิดวะ แม่งไม่ได้มองกูสักนิดเหอะมึง

“กูฝันถึงนางฟ้าแหละมึง!”

“มึงคงใกล้ตายแล้วสินะ ฝันถึงนางฟ้านางสวรรค์” มันหันหน้ามาพูดกับผมด้วยสายตาเวทนา โดยที่มือก็ยื่นมาตบๆที่บ่าผม แล้วดึงมือกลับไปจดเลคเชอร์ต่อ

“นี่เพื่อนไง ปีโป้ นี่กูเองเด้อ ไอ้สัด” ผมตวัดสายตาไปมองมันอย่างเคืองๆ สายตาก็พยายามมองสมุดมันเพื่อจดตาม สายตาก็สั้นเสือกอยู่หลังสุด เยี่ยมไปเลยกู

“คนที่กูพูดถึงเมื่อคืนนี้งายยย”

“เออ...”

“มึงงงงง กูฝันว่าเขาแบบ...แบบ...รับรักกู!”

“เพ้อเจ้อ”

“กูฝัน ไม่ได้เพ้อเจ้อ!”

“เออจ้ะ”

“ขนาดฝันยังดีแบบนี้ กูว่ากูสมหวังแน่นอนเลยว่ะ”

“เอาจริงเหรอวะ เขาน่ะนางฟ้าจริงอย่างที่มึงพูด แต่มึงมันก้อนขี้หมาชัดๆ” โป้มันก็ยังพูดกับผมโดยที่ไม่มองหน้ากันเหมือนเดิม งี้แหละครับ เวลาเรียนแม่งไม่ค่อยสนใจเพื่อนฝูง ไอ้ปีโป้เรียนวิศวะแต่ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมเรียนร่วมกับมัน เพราะที่ผมกำลังเรียนอยู่เป็นวิชาภาษาไทย วิชาที่นักศึกษาปีหนึ่งต้องเรียนทุกคน

แต่...โหปาก พูดไม่เคยจะรักษาน้ำใจเพื่อนเลย

“มึงอย่าย้ำได้ไหมล่ะ อย่างน้อยในฝันเขาก็รับรักกู” ผมตอบกลับพลางนิ่วหน้าใส่มัน กูก็ดูดีไม่น้อยเลยเหอะ หน้าก็หล่อ ถ่ายก็รูปเป็น กูว่ากูเพอเฟกต์ในระดับนึงเลยนะเว้ย

“จ้ะ”

“กูหิวข้าว” ผมยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา โห่ อีกตั้งสิบนาที

“...”

“มึง” ผมเรียกไอ้โป้

“...”

“มึง กูเรียกเนี่ย” ผมยื่นเท้าไปเตะหน้าแข้งมันสองสามที

“กูจดแนวข้อสอบอยู่ เงียบๆดิ้ กูไม่มีสมาธิ” มันชักสีหน้าแต่ไม่ยอมหันมามองผม

“แป้ปเดียว หันมาหน่อย” ผมลอบยิ้ม มึงหันมาเมื่อไหร่ เสร็จกู

“อะไรวะ...อีกละ” มันหันมาตีหน้ายุ่งขมวดคิ้วใส่ผมก่อนจะเหวอไปสองวิ มันชี้หน้าผมอย่างคาดโทษแล้วหันไปฟังที่อาจารย์สอนต่อ ทำเป็นไม่สนใจผมอีกครั้ง แต่หน้ามันนี่ดูก็รู้ว่าอยากจะกระโจนเข้ามากระทืบผมสุดๆ แต่ติดที่เรียนอยู่

“โห...เกรี้ยวกราดสุดๆเลย หน้ามึงอะ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะเสียงดังให้กับรูปที่ผมเพิ่งถ่ายมาเมื่อครู่ จนคนที่ยืนข้างผมตวัดสายตามองมาเป็นเชิงให้เงียบ ผมผงกหัวเป็นเชิงขอโทษแต่ก็ยังกลั้นขำ หน้าไอ้โป้ตลกฉิบหาย ฮ่าๆ

“คนเหี้ยไรวะแอบถ่ายกี่รูปก็หน้าเงี้ย โกรธใครมาเหรอจ้ะ อิอิ” ผมพูดล้อมัน ก่อนจะกดเข้าอินสตาแกรมเพื่ออัพรูป รูปก่อนหน้าที่ผมอัพลงไว้เมื่อเช้าเป็นรูปของไอ้เจ๋งที่กำลังสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากกับไอ้แก๊ปที่ลื่นล้มตรงหน้าตู้เอทีเอ็ม ครบทีมละ สบายใจครับ ฮ่าๆ

“ผมขอจบการบรรยายไว้เท่านี้ ขอบคุณครับ”

อ้าว! เลิกคลาสพอดี

“ไอ้มุ่ย...”

ได้เวลาแล้วครับ

“มึง...”

วิ่ง!!!!

“ตาย!!!!!!”



........................................................................................



“เชี่ยแก๊ป!! ช่วยกูด้วยจ้าาาาาาาา”

“ไอ้มุ่ย มึงมาให้กูกระทืบเดี๋ยวนี้! ต้องกวนตีนกูตลอด มันเป็นอะไรห๊ะ!”

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะเสียงดังลั่น ขณะวิ่งหนีไอ้โป้จากอาคารเรียนมาโรงอาหารกลางของมหาลัย พอเห็นไอ้แก๊ปกับไอ้เจ๋งนั่งอยู่ตรงที่นั่งประจำ ผมก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที

อ้ากกกกก!

“มานี่เลยมึง! มันเป็นยังไง ไม่แกล้งเพื่อนสักวันจะตายห่าไหม หื้อ!”

“เจ็บบบบบ กูยอม ฮ่าๆ ก็หน้ามึงเวลาเหวอมันตลกอะ...โอ๊ย! อย่าล็อคคอๆ ยอมแล้วจ้า อุ๊บ! ฮ่าๆ”

ยังไม่ทันที่ผมจะวิ่งไปหลบหลังไอ้แก๊ป ไอ้โป้ก็คว้าคอเสื้อผมได้ทันซะก่อน แล้วเอาแขนหนาๆของมันมาล็อคคอผมไว้ไม่ให้หนี พอผมเถียงมันก็จะรัดแน่นขึ้น ไอ้เชี่ยนี่มันแรงควายครับ โดนมันแกล้งกลับทีไรช้ำไปหลายวัน

 แต่อย่างที่ว่า เวลามันเหวอแล้วตลก อันที่จริงก็พวกมันทั้งสามคน ผมแม่งโคตรชอบแอบถ่ายพวกมัน หน้าตาก็ดีเสือกชอบทำตัวปัญญาอ่อนกัน เป็นความกากที่โลกต้องรู้ครับ ฮ่าๆ

“กูฝากทุบมันด้วยไอ้โป้ แม่ง หน้ากูตอนกินก๋วยเตี๋ยวตลกขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้เจ๋งเอาชีทเรียนที่มันม้วนไว้ในมือชี้มาทางผมกับไอ้โป้

“โอ๊ย! เจ็บ! กูยอมแล้ว อย่าทุบกู มึงมันแรงควายเชี่ยปีโป้ ฮ่าๆ” ผมใช้มือปัดป้องกำปั้นจากไอ้โป้เป็นพัลวัน เมื่อมันจะทุบผมจริงๆ
 
“แยกๆ ไปซื้อข้าวแล้วมานั่งกินดีๆดิ๊พวกมึงสองตัว คนเขามองกันหมดแล้ว” ไอ้แก๊ปว่าเข้าให้ ไอ้โป้เลยยอมปล่อยผม แต่ไม่วายยังยื่นมือมาผลักผมแรงๆ หน้าจะทิ่ม ไอ้เชี่ยนี่

“กูเอาผัดกระเพราพิเศษข้าวเยอะๆ ไปซื้อมาขอขมามากูซะ” ไอ้โป้ทรุดตัวนั่งลงกับม้านั่งข้างไอ้เจ๋งที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ยิกๆ ไม่สนใจเพื่อนฝูงใดๆ แล้วสั่งผมทันที

“แล้วทำไมกูต้องซื้อให้มึงด้วย”

“ไถ่โทษไหมล่ะ?”

“เออ งั้นมึงไปซื้อน้ำมาให้กู เอาน้ำลำไย”

“ใครว่ากูจะซื้อให้มึง”

“แก๊ป มึงดูมันดิ” ผมสะกิดไหล่ไอ้แก๊ปแล้วชี้ไปทางไอ้โป้ที่นั่งทำเป็นยักคิ้วหลิ่วตาให้ผม อยากควักลูกตาแม่งออกมากระทืบให้เละจริงๆ

“พวกมึงสองคนจะแดกไหมข้าว หรือจะแดกอย่างอื่น”
 
“อะไยเหยอ” ผมตีหน้าแบ๊วกระพริบตาปริบๆถามมัน

“ตีนกูไง ไอ้สัด ไปเร็วๆ!” ไอ้แก๊ปยกขาขึ้นมาจะถีบผม แต่ไม่ทันกูหรอกกกกก

“กูไปก็ได้! อย่าลืมน้ำลำไยกูนะเว้ย!” ผมรีบชิ่งหนีออกมาทันทีหลังจากไอ้แก๊ปพูดขู่เสียงเย็น สงสัยจะโมโหหิว โทษกูไม่ได้นะโว้ยยยยยย

พวกผมมักจะกินข้าวพร้อมกันเสมอ ไม่รู้คนอื่นเป็นแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ ถ้ามีคนซื้อข้าวมาก่อนก็จะรอกินพร้อมกัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน และนั่นก็เป็นสาเหตุให้ไอ้แก๊ปมันจะโมโหหน่อยๆ ฮ่าๆ




“เออ แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ แปลกๆนะ พวกมึงดูไม่แฮงก์กัน” ผมพูดขึ้นหลังจากไปซื้อข้าวมานั่งกินที่โต๊ะ

“แฮงก์เหี้ยไร แม่งหลอกกู กะจะไปแดกเหล้าฟรีให้เมาไปข้าง” ไอ้เจ๋งพูดไปกินข้าวไปด้วยหน้าเซ็งๆของมัน

“เอ้า!” ผมดูดน้ำลำไยไปอึกใหญ่ แล้วมองหน้าไอ้เจ๋งอย่างงงๆ

“เฮียเปิดร้านนม” เป็นไอ้แก๊ปที่เงยหน้าขึ้นมาตอบแทน

“หะ ร้านนมเนี่ยนะ?”

“เออดิ มีน้ำแข็งไสด้วยนะ อร่อยดี แต่คือกูตั้งใจไปกรึ้บไง”

“เออ กูนี่ตั้นไปแป้ปเลยสัส กูว่าแล้ว แม่งทำไมร้านมันดูมุ้งมิ้งๆ คาวาอี้ อิสอิส”

“มึงโง่ไงเหี้ยเจ๋ง ฮ่าฮ่าฮ่า”

“โถ ไอ้โป้ ไอ้คนฉลาด ไอ้ควายยยยย”

พลั่กๆ!

“กูจะแดกข้าว ไอ้เหี้ย ฮ่าฮ่าฮ่า หยุดตบหัวกูได้แล้วโว้ยยย”

“มึง กูอยากถ่ายผู้ชายบ้างว่ะ” ผมถามพลางตักข้าวเข้าปากอย่างระวัง เกลียดการใส่เชนที่สุดอะผมอะ รั้งฟันสุดไรสุด ทำให้พวกมันหันมามองแบบเหวอๆ ตกใจอะไรวะ

“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวเหรอมึง กูบอกแล้วมาทางนี้มึงรุ่งกว่า” ไอ้โป้ใช้หลอดดูดน้ำชี้มาที่หน้าผม พลางยิ้มเยาะใส่

“เปลี่ยนเชี่ยไร กูจะเรียกเรตติ้งเพจกู” ผมตักข้าวเข้าปากแล้วตอบมัน

“กูแนะนำคนนึง หล่อมาก อะแฮ่ม” ไอ้เจ๋งพูดพลางจัดเนคไทนักศึกษาไปมา ยกมือขึ้นลูบผมฟูๆ ก่อนจะทำหน้าหล่อใส่ผม

“เลิกทำทรงแอฟโฟร่ แล้วกูจะเอามาเป็นตัวเลือกนะ” ผมผลักหัวมันด้วยความหมั่นไส้ แม่งนี่ชอบเอากล้องผมไปถ่าย มีแต่รูปหน้ามันเต็มไปหมด เปลืองเมมสัดๆ

“เดือนมอ เดือนคณะ มึงก็ไปดึงตัวมาถ่ายดิ” ไอ้แก๊ปพูดขึ้นมา

“กูไม่อยากได้เดือนอะ กูอยากได้แนวผู้ชายธรรมดาๆ เพจกูมีแต่ผู้หญิงไม่ก็ธรรมชาติ ลูกเพจกูน่าจะเบื่อแล้ว” ลูกเพจผมตอนนี้มีผู้ชายเยอะมาก เพราะรูปที่ผมถ่ายจะเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ ไม่งั้นก็ธรรมชาติ ผมก็อยากให้มันมีอะไรใหม่ๆบ้าง การเอาพวกผู้ชายมาถ่ายผมว่าน่าเรียกเรตติ้งเพจผมได้ดีไม่น้อย แล้วเพจรวมคนหน้าตาดีของมหาลัย ส่วนใหญ่ก็จะขอรูปจากผมไปลงเพจบ่อยๆ   

“มีอยู่คนนึง เพื่อนพี่รหัสกูเอง” ไอ้โป้หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเลื่อนไปมาบนหน้าจอไม่นานแล้วยื่นมาให้ผมดู

ผมรับโทรศัพท์จากมือมันมา แล้วเพ่งมองใกล้ๆหน้าจอ คือ มันก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมอยากเห็นชัดๆไง (ร้อนตัว)

“หล่อชิบหายกูพูดเลย” ไอ้โป้พูดย้ำอีกรอบ พร้อมชูนิ้วโป้งมาทางผม

แต่เดี๋ยวนะ...

“เดี๋ยวนี้มึงเซฟรูปผู้ชายในเครื่องเหรอวะโป้...” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทำให้ไอ้แก๊ปกับไอ้เจ๋งเงยหน้าจากการกินข้าวมามองไอ้โป้

“...”

“อ๋อออ...”

 “...”

"อึ้ม..."

 “...”

“ขึ!...”

เป็นไอ้เจ๋งที่หลุดหัวเราะออกมา มือมันก็ตบลงบนบ่าไอ้โป้สองสามที แล้วพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่หน้ามันนี่พร้อมจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอยู่รอมร่อ ส่วนแก๊ปมันก็กระแอมเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปกินข้าวต่อ ทำไมผมจะไม่รู้ ว่าไอ้เหี้ยนี่กำลังแอบกลั้นขำอยู่

“ก็ดีนะ...”

ไอ้โป้ทำหน้างงไปสองวิ ก่อนมันจะทำตาโตด้วยความตกใจ

“ไอ้พวกเหี้ยยยยย ไม่ใช่โว้ย!!!” มันลุกขึ้นตะโกนใส่พวกผมสามคน ที่ตอนนี้ความอดทนในการกลั้นขำได้หมดลงแล้ว

“อุ๊บ! 5555555555555555555555555555555555555555555”

พวกเราระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นขำไม่อยู่ ไอ้แก๊ปที่ดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดกลับหัวเราะเสียงดังลั่นออกมามือก็กุมท้องไปด้วย ส่วนไอ้เจ๋ง ไอ้เหี้ยนี่ฟุบหน้ากับโต๊ะ น้ำหูน้ำตาไหลพราก แม่งขำน่าเกลียด ฮ่าฮ่าฮ่า

หัวเราะเสียงดังกันสัดๆอะครับ คนที่นั่งกินข้าวอยู่แถวบริเวณผมสะดุ้งกันเป็นแถบ บางคนส่ายหัวหน่ายๆ เพราะเห็นจนชิน ก็พวกผมมันพวกเสียงดังกันอยู่แล้ว มาเจอเรื่องฮาแตกแบบนี้อีก ไม่ไหวแล้วววว

โป้ก! โป้ก! โป้ก!

“เจ็บไอ้เหี้ยย555555555555555” ผมยกมือคลำหัวป้อยๆ ที่ถูกไอ้โป้เอาชีทหนาๆม้วนแล้วตีหัวพวกผมคนละที

“ตอแหลลลลลลลลลลล”

“พูดไม่เพราะเลยนะคะน้องปีโป้ กิ้วๆ กร้ากกกกกก55555555555” ผมแซวมันไปพลางหัวเราะไปด้วย

“ไม่ใช่อย่างที่พวกมึงคิดนะไอ้สาดดดด หยุดหัวเราะแล้วฟังกูก่อนโว้ย!”

“อะจริงป้ะจ้ะ”

“เพื่อนโฟโต้กูมันเอาโทรศัพท์กูไปเซฟเว้ย ไอ้พวกเหี้ย!”

“ขึขึขึๆ” ผมเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ แต่แม่งฮาจริงว่ะครับ ไอ้บ้าเอ๊ย! 555555 ด้วยความที่น้องโป้หุ่นนักกีฬามาดแมนแฮนซั่ม สูงอย่างกับเปรต หน้าดุๆที่ไม่เข้ากับชื่อของมัน ปีโป้อะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

“ขึเหี้ยไรสัส เดี๋ยวกูจับทุบเรียงตัวเลยดีไหม ห้ะ!!”

“กั๋วแล้วคับ ฮ่าๆ ไหนเอาหน้าสุดหล่อของมึงมาดูใหม่ดิ๊ๆ”

“แหนะ บะเดวคิงก่แซวฮาแหม บ่าต้องผ่อละอี้”

“แซวบะดายเลาะ ยอมๆ หื้อฮาผ่อกำ ฮ่าๆ”

“กูอยากอู้ได้บ้างอะ สอนดิ๊ๆ” ไอ้เจ๋งเสนอหน้าเข้ามาทันที ไอ้นี่มันชอบฟังภาษาบ้านเกิด มันบอกเป็นเอกลักษณ์ดี แต่เวลาผมกับไอ้โป้พูดทีไรแม่งต้องมานั่งแปลให้พวกมันฟังอีก พูดกลางไปจบๆ

“มึงโง่อะเจ๋ง สิบชาติก็ไม่ได้หรอก”

“เอ๋า กูก็ฉลาดอยู่เด้อ”

“หาเมียเป็นคนเหนือดิวะ ยากอะไร”

“ยากตรงหน้ามันนี่แหละ กร้ากกกกกกกกก” ขำไปอีกครับ กลุ่มผมนี่ไม่เรียน ดื่มเหล้า ก็ทำตัวไร้สาระไปวันๆ

“พอๆ ไหนกูจะดูรูป”

“อะ เอาไปๆ” โป้มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผมอีกครั้ง ก็เห็นหน้าจอเป็นรูปแคปหน้าเฟสบุ๊คของคนที่มันว่า เดี๋ยวนะชื่อ...

“บีมบีม ภัทรนนท์” ผมอ่านออกเสียง ”ชื่อตุ้ดชิบหาย”

“มองข้ามชื่อพี่มันไปๆ” ผมเลื่อนสายตามาดูตรงรูปโปรไฟล์ โหะ! ขนาดเห็นแค่รูปเล็ก ยังรู้สึกได้ถึงออร่าความหล่อ
ซูมแป้ปๆ

 “เหี้ย...”


หล่อ! ชิบ! หาย!


รูปโปรไฟล์เป็นแค่ภาพถ่ายหน้าตรงธรรมดาๆ แต่ที่พีคคือหน้าเจ้าของครับ พอซูมเข้าไปเพื่อที่จะได้เห็นหน้าชัดๆ แม่งเอ้ย มียิ้มมุมปงมุมปาก หล่อได้มากกว่านี้อีกป้ะวะ!

“เป็นไง ได้ป้ะ”

“หล่อเหี้ย...”

“โห หล่อสัด”

“เชี่ย หล่อฉิบหาย”

“กูบอกแล้ว”

ผัวะ!

“เอ้า! ตบหัวกูทำไมเนี่ย” ยังมีหน้ามาถามไอ้เพื่อนกากเอ้ยยย

“นี่มึงเรียกว่าหน้าตาธรรมดาเหรอครับสัดโป้ กูจะเอาธรรมดาอะธรรมดาาาาา”

“นี่ไง มึงไม่เข้าใจกูไง” ไอ้โป้จึปาก ทำหน้าเซ็งใส่ผม

“ไรวะ...”

“มึงต้องเอาพี่มันมาเรียกเรตติ้งก่อนเว้ย เพจมึงจะดังเปรี้ยงปร้างเชื่อกูดิ้”

เออ ก็จริงของมันนะครับ

แหม่! ไอ้โป้มันก็ฉลาดอยู่เหมือนกันนี่หว่า

“เออ แต่มีอีกเรื่องที่กูอยากบอก”

“ไรมึง”

“พี่บีมไม่เคยเป็นแบบให้ใครถ่ายรูปเลยเว้ย”

“ห้ะ...”

“เออ มีอยู่ห้าหกรูปมึงลองเลื่อนดู ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปเพื่อนถ่ายแท็กมา” โป้มันพยักเพยิดให้ผมเลื่อนหน้าจอเพื่อดูรูปต่อไป
จริงว่ะครับ แม่งรูปมีน้อยโคตร ไม่ถึงยี่สิบรูปเลยมั้ง แต่หน้าพี่มันคุ้นๆนะเหมือนผมเคยเห็นที่ไหน

“เออ เพื่อนในโฟโต้กูเหมือนจะเคยไปขอพี่มันมาเป็นแบบให้ แต่ก็โดนเมินซะงั้น” ไอ้เจ๋งพูดขึ้นมา

“ไม่ลองไปขอดูก่อน” ผมหันไปมองหน้าไอ้แก๊ปพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย เออก็จริงของมัน ไม่ลองไม่รู้

“ทำอย่างกับจะเจอตัวพี่มันง่ายนักแหละ” เออ อันนี้ก็จริง

“ก็เจอนะ”

“ห้ะ?”

“นู่นไง” ผมมองตามที่ไอ้แก๊ปชี้ไปทันที ก็เจอเข้ากับกลุ่มคนกลุ่มนึงกำลังเดินเข้ามาในโรงอาหาร ไหนวะ หัววุ้นๆเต็มไปหมดเลยครับ

“ใส่แว่นดิสัด” ไอ้แก๊ปยื่นแว่นมาให้ พอสวมแว่นตาเสร็จผมก็กวาดสายตามองหากลุ่มคนเมื่อกี้อีกครั้ง

นั่นไง! บีมบีม!

“มากับแฟนป้ะวะ?”

แต่คนข้างบีมบีมทำไมหน้าคุ้นๆ


เดี๋ยวนะ...


“เชี่ยมุ่ย ผู้หญิงข้างพี่บีมหน้าคุ้นๆป้ะ?”

“เออ หน้าเหมือน...พี่น้ำตาล”

“เออว่ะ”

“เอออออออ เฮ้ย! นั่นมันพี่น้ำตาลนี่หว่า”

“มุ่ยมึง...”

“นางฟ้า...ของกู” ทำไมมากับไอ้บีมบีม!!

........................................................................

มาแล้วเด้อจ้า  :hao3:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน
«ตอบ #7 เมื่อ09-04-2018 06:39:44 »

 :hao6: :hao7: :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: MEYOU เราคงต้องเป็นแฟนกัน
«ตอบ #8 เมื่อ09-04-2018 11:10:40 »

สนุกดี
รออ่านต่อนะ
 :L2: :pig4:

ปล ใส่ตอนกับวันที่ที่อัปด้วยนะ จะได้ตามง่ายๆ

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 3
บีมบีมอะเกน


 “ดูมุ้งมิ้งกันเนอะ”

“มียิ้มให้กันด้วยแหละ”

“อุ้ย! เค้าจับแก้มกันด้วย”

“อย่างกับเป็นแฟนกันเลยอ่อ”

ขวับ!

“อุ๊ปส์” ผมตวัดสายตากลับไปมองพวกมัน ที่ทำท่าเอามือปิดปากอย่างตอแหล

เกลียดพวกแม่งงงงงง

“พวกมึงว่าเขาเป็นอะไรกันวะ?” ผมถามแต่สายตายังคงจ้องเขม็งไปยังสองคนนั้น

“...”

“เพื่อนแหละ...”

“...”

“เพื่อนแหละมึงงงงงง” ไอ้เจ๋งลากเสียงยาวก่อนจะพาดแขนมาตบไหล่ผม

“เออ! นางฟ้าจะมีแฟนได้ไง! แฟนเขานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้โว้ยยย!” ผมโวยวายลั่น

“มึงไปเป็นแฟนพี่เขาตอนไหนวะ?”

“เมื่อคืนไงเจ๋ง! ในฝันกู!” ผมกระแทกเสียงตอบพวกมันด้วยความมั่นใจ

“ถุ้ยยยยยยย”

“ไอ้ฟายยย แฟนมโน” ไอ้แก๊ปส่ายหัวให้กับความมโนของผม แล้วไงวะ ซักวันเค้าก็ต้องได้เป็นแฟนกู กูจะมโนเผื่ออนาคตบ้างไม่ได้ไง๊!

“เขาเรียนสาขาเดียวกันก็ต้องรู้จักกันเป็นธรรมดาอะมึง แต่ให้กูพูดจริงๆเลยนะ...” ไอ้เจ๋งลูบคางตัวเองพลางทำหน้าครุ่นคิดอย่างน่าหมั่นไส้

“แม่งโคตรของความเหมาะสมกัน”

“คนนึงก็สวย อีกคนก็หล่อ...ไปเดตกัน!”


ผัวะ!


ฟาดไปหนึ่งทีด้วยความเกลียดชัง

“โอ๊ย! กูก็พูดไปตามเนื้อผ้าอะ มึงก็ดูดิ ดูๆ”

“กูเห็นแล้ว! ทำไมต้องมุ้งมิ้งกันขนาดนั้นวะ! น้ำตาลแม่งทำร้ายหัวใจกูอะ แม่งไม่แคร์ความรู้สึกกูเลยใช่ป้ะ!” ผมว่าอย่างตัดพ้อ อีกนิดน้ำตาจะไหลละ กระซิกๆ

“มึงเป็นไรกับพี่เขา ไอ้ห่า” ไอ้โป้ว่า

“นางฟ้าของมึงเขารู้ว่ามึงมีตัวตนอยู่บนโลกนี้รึเปล่า เอางี้ดีกว่า”


แก๊ป!


แก๊ปทำไมปากร้ายกับเพื่อน!


“แล้วมึงจะไปคุยกับพี่เขาไหมเนี่ย”

“ทำไมกูต้องไปคุยกับไอ้เสี้ยนหนามตำหัวใจอย่างมัน!!” ผมหันขวับจ้องไปที่ไอ้บีมบีมด้วยความโกรธเกรี้ยว


หึ! มึงมันก็แค่ทางผ่านของนางฟ้าเท่านั้นล่ะวะ!


นี่!


ตัวจริงเขานั่งอยู่ตรงนี้!


หึหึหึ!


“ก็เรื่องที่จะให้พี่บีมเป็นแบบให้อะ”

“กูไม่เอาแม่งแล้ว! หาใหม่!” แค่คิดว่ามันต้องมองกล้องตอนผมกำลังจะถ่ายนะ บรึ๋ยย!

“จะหาใครได้เท่าพี่บีมวะ...”

“ถ้าไม่ติดว่าเป็นตากล้องก็กูนี่แหละ” ผมยืดอก ยิ้มมุมปากใส่พวกมันอย่างเท่ๆ พูดเลยว่าตอนประถมสาวติดผมแจ เดินไปทางไหนมีแต่คนเรียกให้ไปเล่นด้วย หึ!

“ก็กล้าพูดเนอะ...” แก๊ป แก๊ปทำร้ายเพื่อนอีกแล้ว

“เหมือนคนโง่อะ เออ แต่จริงๆแม่งก็โง่อยู่แล้ว” ไอ้โป้ ไอ้สัด ผมชูนิ้วกลางให้มันอย่างหมั่นไส้

“ไม่ได้สำเหนียกหน้าตาตัวเองเล้ยยยย ส่องกระจกบ้างดิเพื่อนครับ” ปากพวกแม่งแต่ละคน แค่ผมหน้าตาดีก็จะต้องประชกประชันใส่ตลอด



เบื่ออะเอาจริงๆ



เบื่อความหล่อของตัวเอง กริ้ววววว!



“ทำไม พูดไรเกรงใจทรงผมที่กูเพิ่งไปตัดมาใหม่ด้วย อย่างโหด ดูอันเดอร์คัทด้วยๆ” ผมลุกขึ้นยืนละเก๊กท่าให้พวกมันดู

หล่อชิบหายอะครับ พูดเลย ให้เรียกว่าทรงผมขัดใจแม่แต่ถูกใจผมโคตรๆ ด้วยความก่อนหน้าที่จะไปตัดผมไว้ผมยาวจนเกือบเลยบ่า ก็ไม่ได้ตั้งใจไว้หรอกนะครับ คือมันไม่ว่างซักทีไง พอว่างปุ้ปผมก็จัดซะเลย ผมตัด Undercut เอาเฉพาะด้านข้างและหลังออก โดยคงความยาวด้านบนไว้เท่าเดิม แล้วรวบตึงมัดจุกไว้ข้างหลัง


พูดเลย โคตรหล่อ!


“เอออะ หล่อสัดๆหล่อโพดโพบักโมบักแตง แต่หล่อนั่งลงแล้วแดกข้าวก่อนไหมครับ เดี๋ยวไม่ทันไปเรียนไอ้ห่า”

แก๊ปกระตุกแขนผมให้นั่งลง แล้วพยักเพยิดไปที่จานข้าวของผมเป็นเชิงบอกให้รีบๆแดกไม่งั้นเจอตีน

“คิดไงตัดทรงนี้วะ?”

“กูหล่อกูทำไรก็ได้...อิ่มละ” ผมตักข้าวคำใหญ่ๆเข้าปากเป็นคำสุดท้าย รวบช้อนละเตรียมจะยกจานไปเก็บ

“กูฝาก”

“ด้วย”

“ด้วย”

“เอ้าไอ้ห่า พวกมึง...” พวกมันหยิบจานของตัวเองมาวางซ้อนจานของผม เก็บของละก็เตรียมจะเดินออกจากโรงอาหาร

“กูไปล่ะ x3”

“เชี่ยยยยยย พวกมึงทิ้งกู!” พวกแม่งวิ่งกันไปละครับ เหลือผมที่ยืนฮึดฮัดโดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเลอยู่ตรงนี้ แกล้งกูพวกเวร เดี๋ยวเถอะมึงๆ คราวหน้ากูอัดคลิปแน่!

แต่ก่อนอื่นต้องเอาจานไปเก็บก่อนครับ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน


ผลัก!


“เชี่ย! เฮ้ยๆ หาเรื่องเหรอวะ!?”

ขณะผมกำลังยื่นจานไปวางตรงที่เก็บจาน ก็มีไอ้เวรตัวไหนไม่รู้เดินเฉี่ยวผมไป จนเกือบจะทำจานร่วง แม่งเอ้ยหน้าแทบคว่ำ


หาเรื่องแล้วยังงี้!?


“โทษที” เสียงทุ้มที่ฟังแล้วรู้สึกหล่อชิบเอ่ยขอโทษผม


เออ!


นึกว่าหาเรื่อง เกือบแล้วไหมล่ะ


“เออ วันหลังเดินดีๆนะมึง” ผมบอกปัดไปอย่างไม่ถือสา ผมโตแล้วไม่หาเรื่องใครเป็นเด็กๆหรอก เมื่อก่อนนี่ไม่ได้เลยนะ แค่เฉียดปลายแขนเสื้อนี่หยามหน้าแล้ว

“โทษนะคะ ขอทางหน่อย”


“...”


“เอ่อ...ขอทาง...”

“...นะ...นะ...น้ำ...”

“คะ?”

“นะ...น้ำ...ตะ...ตะ...ตะ...”

“เอ่อ...อะไรนะคะ...มึงๆ เขาเป็นไรวะ”

น้ำตาล!!!!

น้ำตาล!!!!!!!!

น้ำตาล!!!!!!!!!!!


นางฟ้า!! อยู่ตรงหน้ากูเลยยยยยยยยยยยยยยยยย


ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


“บีมกูว่าเขาไม่โอเคว่ะ เขาตาเหลือกอะมึ้งงงง”

“ทุกอย่างโอเคครับ!! ทุกอย่างโอเค!!” ผมโพล่งออกมาอย่างตกใจ นางฟ้ามองผมอย่างอึ้งๆไปนิดแต่ก็ส่งยิ้มหวานๆมาให้


โอ้ยยย หวานมากครับที่รัก!


จู่ๆแข้งขาผมก็อ่อนแรงเหมือนจะเซ จนต้องใช้มือยันเสาใกล้ๆตัว

ไม่ไหวแล้วกู น้ำตาลสวยมากกกก ผิวขาวจั๊วะ ผมยาวตากลมโตสวย ตัวเล็กๆ กูรับไม่ไหวแล้ววววว

“เอ่อ...ค่ะ”

น้ำตาลมองหน้าผมอย่างงงๆ แต่ก็ส่งรอยยิ้มบางๆมาให้


โอ๊ยยยยย ใจกูววววววววว


“ผะ...ผม...ขอ...ตัว...” ถุ้ย! ติดอ่างทำมะเขืออะไรวะตัวกูเนี่ย !



ผลั่ก!



ชิบหาย สะดุด!


“แว๊กกกกก!”

ตุ้บ!


“เฮ้ย! เป็นไรไหม!?”


ฟึ่บ!

“ทุกอย่างโอเค!"

"เอ่อ..."

"ไม่เป็นไรครับ! ทุกอย่างโอเค!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นยืนอย่างไว ส่งยิ้มหวานให้นางฟ้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



เชี่ย



อายชิบหาย



เหี้ยเอ้ย! เมื่อกี้หน้าเกือบแหก ใจผมนี่อยากจะรีบก้าวขาไวๆออกมาจากจุดนั้น แต่แม่ง! ขากูเป็นเชี่ยไรวะ เดินเหลวเป็นปีโป้เลยเนี่ย!


ชื่อเกาหลีชื่อใหม่ครับ


เดินยังเซ


สัสเด้ย!


ผมกากได้มากกว่านี้อีกไหมครับทุกคน ล้มต่อหน้าสาวที่ชอบต่อหน้าต่อตาเขา เอื้อออออ


"ผะ...ผมขอตัวนะครับ" ผมยิ้มให้น้ำตาลเป็นเชิงบอกลา เธอยิ้มหวานตอบกลับมาให้จนผมใจกระตุก



มีเหรียญไหมครับ...



อยากโทรบอกแม่ว่าเจอเนื้อคู่ งุ้ยยย



หมับ!


ยังไม่ทันที่ผมจะพาร่างกากๆของตัวเองเดินออกมา จู่ๆก็มีมือปริศนามาจับแขนผมไว้ ใครวะ?

“โทรศัพท์ตกอะ” พอหันไปก็เจอกับ...

ไอ้มารหัวใจ!!

ไอ้บีม!!

“เออ!” ผมดึงหน้าตึงใส่มัน แขนก็ยื่นออกไปหวังจะคว้าโทรศัพท์คืนมา แต่มันดันเสือกชูมือข้างที่ถือโทรศัพท์ขึ้นแล้วเอี้ยวตัวหนีผมไปอีก

อะไรวะ!

“ไหน ขอบคุณ?” มันเลิกคิ้วถามผมอย่างกวนๆ อะไรของแม่งเนี่ยยยย กูรีบอะเข้าใจไหม กูอายเค้าไอ้เชี่ยยยยย

“ขอบใจ! เอามา!” ผมกระแทกเสียงใส่มัน ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างไม่พอใจ แล้วยื่นมือไปอีกรอบ คราวนี้มันยอมให้ผมแต่โดยดี แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับแขนผมไว้อีกข้าง ไรมึงงงงง

“ดัดฟันด้วยเหรอมึงอะ” มันใช่เวลามาถามไหมล่ะห่ามึง!

เสือกไรกะฟันกู! กูไปดัดบนขนคิ้วมึงรึไง ไอ้ฟายยยยย

“เออ! ปล่อยกูซักที เพื่อนรอ!” เพื่อนที่ไหนรอละครับ อ้างไปงั้นแหละ โน่น พวกแม่งอยู่ในคลาสกันหมดละ

ผมพยายามยื้อแขนออกมาจากมือไอ้บีม แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย

จะเอายังไงกับกูโว้ยยย

“อ๋อ” 

“ปล่อย จะไปหาเพื่อน!”

“จะไปละ รีบอ่อ” เอ้า! บักผากนี่

“ปล่อยดิ้!” ผมชักสีหน้าใส่มัน กูไม่พอใจมึงโคตรๆเลยครับ!

“อะๆ จะไปไหนก็ไป” ในที่สุดมันก็ปล่อยแขน ผมมองหน้ามันด้วยความเคียดแค้น แต่มันเสือกทำยิ้มมุมปากเชิงเยาะเย้ยส่งมาให้ผม


โห! ไอ้เลววววว


มึงจะเกินไปแล้ว!


ไอ้บีม!! ไอ้ศัตรูหัวใจนัมเบอร์วัน!!!


“...”


“อ้าว! ไม่ไปเหรอ แล้วทำไมมองหน้ากูยังงั้นอะ หึหึ”



ขำ


ขำกู



มึงคอยดูนะ ซักวันน้ำตาลเขาก็จะเบื่อในความหล่อของมึง เขาจะทิ้งมึง ละมาหากูที่ชอบเขาสุดหัวใจ



มึงคอยดู๊!!





(TBC)


......................................................................................


มาต่อแล้วฮับ 55555 หายไปซะนาน ตอนนี้สั้นไปหน่อย ตอนหน้ายาวไปๆค่ะ อิอิ
แว๊บมาอัพตอนอ่านหนังสือสอบ สมองดันแล่นตอนนี้ซะงั้น  :katai4:
ไม่อ่านก็ไม่ได้ด้วยนะคะคณะนี้5555555
หลังสอบเจอกันค่ะ   :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2018 13:38:35 โดย chanadbears »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :hao7:
เค้าเจอเรื่องน่ารักๆ เข้าแว้ววววววว

ฟ้ามุ่ยจะม่วนเพราะสุดหล่อหรือสุดสวยดีอ่ะ
มุ่ยมุ่ยตามถ่ายรูปตอนบีมบีมหลุดซิ
น้ำตาลคนสวยจะได้ยี๊ แล้วตกเป็นของมุ่ยมุ่ยไง
จัดเลยๆๆๆ

ไลค์ด้วยบวกและเป็ด ให้แก๊งเพื่อนน้องมุ่ย อย่างกวน 555

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 4
คนไม่กากเป็นแบบนี้


นอนไม่หลับ!

พลิกซ้ายพลิกขวาคว่ำหน้านอนหงายมาหลายนาทีก็ยังไม่หลับ ปกติผมนอนไม่เกินเที่ยงคืนแต่นี่มันจะตีหนึ่งแล้วตายังสว่างอยู่เลย ในหัวก็คิดไม่ตก เอายังไงดีอะครับ น้ำตาลตัวเป็นๆใกล้ๆสวยมาก จะจีบยังไงดี แล้วแม่งไอ้บีมบีม...ไม่อยากยอมรับว่าหล่อเลยว่ะ แต่คือมันหล่อชิบหาย เอาจริงๆสองคนนั้นเหมาะสมกันมาก

จากที่คิดว่าต้องเริ่มต้นจากศูนย์...

ตอนนี้ต้องไปเริ่มจากติดลบร้อย  สัด

มุ่ยไม่กาก  นะครับ
เมื่อสักครูนี้
น้องนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่าย <3


ปีปีโป้ เป็นของหวาน : แล้วงะ?

พี่ชื่อเจ๋ง แปลว่าหล่อมากรู้ยัง : จำเป็นต้องรู้?

มุ่ยไม่กาก  นะครับ : ปีปีโป้ เป็นของหวาน พี่ชื่อเจ๋ง แปลว่าหล่อมากรู้ยัง ขี้เสือกจังว้า?

เนี่ย! จะอัพตัสชิคๆ พวกกากนี่แม่งยังงี้ตลอด


ผมไม่กากนะครับ (4)
มะระมุ่ย : มึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ปีโป้เป็นของหวาน : อะระ?
กีระแก๊ป : ว่า?
เจ๋งแปลว่าหล่อ : ไยหยอ
มะระมุ่ย : หายไปเลยนะไอ้สัด กูบอกให้ช่วยคิดไงงง กูจะจีบน้ำตาลยังไงดี!!!
กีระแก๊ป : ไปตายละเกิดใหม่ให้หล่อกว่าไอ้พี่บีมจะง่ายกว่า
เจ๋งแปลว่าหล่อ : มึงตัดใจเหอะสาดดดด หน้าอย่ามึงจะไปสู้ไรพี่มันได้แว๊!
ปีโป้เป็นของหวาน : มึงยังจะกล้าไปเจอหน้าพี่เค้าอีกเรอะ! ล้มหน้าทิ่มต่อหน้าเค้าเบอนี้ นึกละยังขำ55555555555555
มะระมุ่ย : คำว่าเพื่อนมันเหี่ยถิ่มไส...

ผมตัดพ้อมันไปเล่นๆวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน นอนดีกว่าครับพรุ่งนี้ตื่นมาค่อยคิด นอนดึกเดี๋ยวไม่หล่อ ปกติแล้วผมไม่ค่อยเล่นโทรศัพท์ตอนกลางคืนเท่าไหร่ เดี๋ยวสายตาเสียน่ะนะ ทุกวันนี้แค่หน้าจอคอมก็จะแย่แล้ว เฟสบงเฟสบุ๊คผมก็ไม่ค่อยได้เล่น


คือแบบ...


ผมมันคนไม่ติดโซเชียลไง เฟสบุ๊ค ไลน์ ไอจี ทวิตเตอร์ ก็มีไปงั้นๆอะครับ


ครืดๆ

ขวับ!

อุ้ย! มีคนมาเม้นด้วยอ้ะ

น้องหมวยดาวบัญชีนี่หว่าๆ ตอบเม้นซักหน่อยละกัน เดี๋ยวเขาหาว่าหล่อแล้วหยิ่ง


ครืดๆ


ไลน์กลุ่มเข้าว่ะ อะเช็คหน่อยๆ

ผมไม่กากนะครับ (4)
เจ๋งแปลว่าหล่อ : เห้ย!! คิดออกแล้นนนน
กีระแก๊ป : มึงคิดได้แต่ละทีกูไม่เคยไว้ใจ
เจ๋งแปลว่าหล่อ : รอแป้ป
ปีโป้เป็นของหวาน : อะไรของมันวะ
มะระมุ่ย : นั่นเด่ะ
   

แผนอะไรของมันวะ


10 นาทีผ่านไป


มะระมุ่ย : เชี่ยเจ๋ง ตกลงยังไงวะ กูง่วงละเนี่ยยยยย
เจ๋งแปลว่าหล่อ : เอออออ เชื่อมือกูสิวะ!
กีระแก๊ป : เหอๆ กูขอให้นก
มะระมุ่ย : อ้าวมึงแช่งกูอะแก๊ป!!
เจ๋งแปลว่าหล่อ : ส่งรูปภาพ
เจ๋งแปลว่าหล่อ : มึงทำตามนี้ รับรอง จีบติดชัวร์!!




เช้าวันต่อมา

ข้อที่ 1 ผู้หญิงชอบเรื่องเซอไพรส์

   “คันนี้แน่เหรอวะ” ผมหันไปถามไอ้เจ๋งด้วยความไม่มั่นใจ ตอนนี้ผมกับมันแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ข้างโรงจอดรถ นักศึกษาที่ลงจากรถหันมามองผมด้วยความงงปนระแวง เชี่ยแม่ง! เหมือนพวกจ้องจะมาขโมยรถใครเลยว่ะกู

   “เออออ คันนี้แหละ ทะเบียนนี้เลย เมื่อเช้ากูเห็นพี่น้ำตาลขับคันนี้มา”

   “กู...เขินว่ะ” ผมลูบต้นคอตัวเองอย่างอายๆ ก็ไอ้เจ๋งอะดิ เมื่อวานมันส่งลิสต์ 10 ข้อจีบหญิงมาในกลุ่มแล้วบอกให้ผมทำตามนี้จีบติดแน่นอน

   แต่ให้ตายเหอะ ขนาดเห็นแค่รถใจผมแม่งเต้นรัวอย่างกับสามช่า

   “มึงก็รีบๆเอาขนมไปวางให้ซักทีดิ้ เดี๋ยวพี่เขาก็ลงมาละเนี่ย” มันสะกิดเร่งผมยิกๆ

   “กูเขิน! ให้กูทำใจแป้ปนึงดิ้” ตอนแรกผมก็คิดหนักอยู่ว่าจะเซอไพรส์อะไรดี จนไอ้โป้บอกว่าลองให้ขนมเล็กๆอะไรพวกนี้ ผู้หญิงน่าจะชอบ ผมก็เลยซื้อคัพเค้กห่อใส่ถุงน่ารักๆมา 2 ชิ้น

   บอกเลย!

   คนนี้มุ่ยชอบมาก!

   “งั้นกูเอาไปให้ละนะ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้เตรียมก้าวขาเดินออกไป ไอ้เจ๋งก็คว้าแขนผมเอาไว้ก่อน

   “ไรมึงวะ?” มันยิ้มเผล่แล้วยื่นกระดาษโพสอิทรูปหัวใจสีชมพูมาให้ผม อะไรของมันวะ

   “อะไรของมึงเนี่ย”

   “โง่อีกละ นี่! มึงต้องเขียนอะไรซักหน่อยให้พี่เขาแบบ เอ๊ะ ใครกันน้าาาา ไรงี้ไง” มันจึปากทำหน้าเซ็งเมื่อผมไม่เก็ตมุก แล้วอธิบายให้ผมฟัง

   “แล้วกูต้องเขียนอะไรวะ” คราวนี้ตามันวาววับฉายแววสนุก ทำเป็นกระแอมก่อนจะแขนมันมาวางพาดบนบ่าของผม

   “มุกเสี่ยวอะมึงรู้จักป้ะ อ่อยยังไงให้ไม่รู้ว่าอ่อย”

   “เขียนแบบนั้น น้ำตาลจะไม่มองกูแปลกๆเหรอวะ เขียนอย่างอื่นเถอะว่ะกูว่า” ผมทำหน้าแหยๆ ครั้งนึงผมเคยแอบค้นกระเป๋าฟ้าใสน้องสาวของผมดู โพสอิทเขียนอะไรแบบนั้นเต็มหมดเลย อ่านแล้วก็รู้สึกขยุกขยุยยังไงไม่รู้

   “มึงต้องไม่เหมือนใครดิวะ พี่น้ำตาลจะได้จำได้ไง”

   “แล้วกูต้องเขียนยังไง” ไอ้เจ๋งทำท่านึก ก่อนจะหัวเราะหึๆออกมา เกลียดมันเวอร์ชันนี้ชิบหายอะผม แม่งโคตรดูเป็นคนชั่ว

   “หัวใจเราอะอยู่ข้างซ้าย แต่ทำไมมันอยากย้ายไปอยู่ข้างเธอ ฮิ้ววววว”

   “ห้ะ...”

   “ของกินซื้อได้ที่ห้าง ส่วนคนข้างๆซื้อได้ที่ไหน วรั้ยยยย”

   “เชรด...”

   “หลงรักโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ที่ชัวร์ๆคือเราตั้งใจ ปิ้วๆ”

   “นี่มึง...”

   “หน้าร้อนอะให้พัก แต่ถ้าน่ารักอะให้เธอ โง้ยยยย”

   “พอ! หยุด!”

   “อ้าว นี่ยังไม่หมดเลยนะ กูมีอีกเพียบ” มันฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์กดหน้าลงแนบคอจนเห็นเหนียงย้วยๆ หน้าโคตรเหมือนพวกโรคจิตชอบแอบถ่ายใต้กระโปรงสาวๆ

   “พอเหอะ” ผมยกมือเบรกมันก่อนที่มันจะพล่ามไปเรื่อยมากกว่านี้ มุกเชี่ยไรของมัน...

   “มึงไม่ชอบเหรอวะ?”

   “เออ” ผมพยักหน้าให้มันหนึ่งที

   “แต่กูว่า...”

   “มุกมึงกากมาก สมองมึงคิดได้แค่นี้เรอะ นี่ ดูกู!”

   “ไรวะ..”

   “ข้างเซเว่นยังมีชายสี่ แต่ถ้าให้เลือกตอนนี้ ผมขอเลือกข้างคุณ” เฉียบ

   “เอ่อ...”

   “อากาศร้อนให้คิดถึงแอร์ ถ้าอยากได้คนเทคแคร์ให้คิดถึงเรา” อันนี้เฉียบมาก

   “เดี๋ยวนะ...”

   “ถึงจังหวัดจะมีหลายอำเภอ แต่ใจเรามีให้แค่เธอแค่คนเดียว” โคตรเฉียบ

   “เชรด...”

   “ขนาดเบียร์ยังมีฟอง แล้วเมื่อไหร่น้องจะมีใจ” เฉียบสุด!

   “พอ! ไอ้สัด! กากยิ่งกว่ากูอี้กกก ถุ้ยยย”

   “ของกูดีกว่า” ผมยืดหน้าใส่มัน แม่งมาว่ามุกผมกาก มุกมึงดีตายแหละ

   “มึงรีบเขียนละเอาขนมไปให้พี่เขาซักทีดิ้ คนเริ่มลงมาจากตึกแล้วมึงเห็นไหม” มันชี้ไปทางตึกวิศวะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็เห็นว่าคนเริ่มทยอยเดินลงมาจากตึกกันแล้ว

   เฮ้ย! ผมยังไม่ได้เขียนเลย!

   “เขียนไรดีวะๆ” ผมกระตุกแขนเสื้อไอ้เจ๋งอย่างร้อนรน มันขมวดคิ้วทำสีหน้าครุ่นคิด

   เอ๊อะ!

   “นึกออกแล้ว!” เอาอันนี้แหละครับ เสี่ยวพอกระชุ่มกระชวยหัวใจ

   “เขียนดิๆ” ผมจรดปากกาเขียนข้อความที่เพิ่งนึกได้เมื่อครู่ลงบนกระดาษ นึกถึงรอยยิ้มหวานๆของน้ำตาล ถ้าเธอรู้ว่าผมชอบเธอขนาดนี้เธอจะทำหน้ายังไง


   “เรา...ก็ชอบมุ่ยนะ” ใบหน้าเปื้อนยิ้มส่งมาให้ผม สายตาคู่นั้นมองมาที่ผมอย่างเขินอาย เธอเอื้อมมือมาพร้อมกับคำพูดที่ว่า...


   ผัวะ!


   สะเทือนไปทั้งกะโหลก


   ไม่อ่อนโยนกับกูเลย ไอ้เพื่อนเหี้ยยยย


       “เขียนเสร็จแล้วก็ไปโว้ย! มโนห่าไรของมึงอีกเนี่ย”

ผมวิ่งไปที่รถของน้ำตาล มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง

ไม่มีใคร!

ทางสะดวก!

ผมวางถุงคัพเค้กบนกระจกฝั่งคนขับอย่างระมัดะวัง จัดวางมันให้ดูสวยงามและให้เห็นโพสอิทชัดๆ

น้ามตาลของพรี่มุ่ยยยย

งื้ออออออ

“เชี่ยมุ่ย! พี่เขาเดินมาแล้ว!” เสียงไอ้เจ๋งตะโกนเรียก ทำให้ผมหลุดออกจากความมโน หันไปตามมือมันที่ชี้ไปทางตึกเรียนอีกครั้ง

เชี่ย!!

เดินมาแล้ววววว

ผมใส่เกียร์หมาวิ่งหน้าตั้งกลับไปยังจุดเดิมคือหลังต้นไม้ใหญ่

“มึง! เกือบไปแล้วไหมล่ะ”

“ขอ...แฮก...กูแอบดูอีกนิดดิ” ผมพูดปนหอบนิดหน่อย ความจริงระยะทางจากที่ซ่อนตัวกับรถน้ำตาลมันก็ไม่ได้ไกลมากหรอกครับ แต่ด้วยความตกใจปนกับเห็นหน้าน้ำตาลละใจเต้นแรงบวกกับวิ่งมาอีก กูหอบแป้ป

“กูว่า...”

“ไอ้เจ๋ง! ไอ้มุ่ย!” เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังทำให้ผมกับไอ้เจ๋งตัวแข็งขึ้นมาทันที พอหันไปดูก็เจอกับ...

ไอ้โป้!!!

“พวกมึงมาทำอะ...อุ้บ! เอี้ยอะไออึงเอี้ย อิดอากอูอะไอ” ไอ้เจ๋งกระโจนเข้าไปตะครุบปากเชี่ยโป้ทันที ส่วนผมก็รีบดันตัวพวกมันให้รีบออกไปจากตรงนี้ ก่อนจะโดนจับได้ พี่เขาคงไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรใช่ไหมวะ

มึงผิดเวลา! ผิดมาก!!!

 “อะอ้ากอูไอไอ๋เอี้ย!” (จะลากกูไปไหนเนี่ย)

“เงียบไปเลย ไอ้เพื่อนเวร!”


....................................................



ฟึ่บๆ!

ผมโยนกระเป๋าลงบนเตียง ปลดทุกอย่างออกจากตัวจนเหลือแค่บอกเซอร์ตัวเดียว แล้วหงายหลังลงเตียงอย่างหมดแรง

เฮ้อ

จีบหญิงมันยากขนาดนี้เลยเหรอวะ

ผมไม่เคยจีบใครจริงจังเลยซักที ชีวิตนี้ก็เคยคบมาแค่สองสามคน แถมไม่ได้จีบซักคนเลยด้วย ออกแนวเขาเข้ามาหาแล้วผมก็มึน คบไปแบบงงๆ เลิกกันก็งงๆ ประสบการณ์น้อยแต่คือผมหล่อมาก น้ำตาลก็สวยมาก อยากได้เป็นแม่ของลูกมาก

เอาจริงๆคือผมไม่คิดว่าการจีบใครซักคนจะยากขนาดนี้ เหมือนกำลังตั้งความหวังไว้กับอะไรที่ไม่มีเปอร์เซ็นต์ว่าจะได้เลย แต่น้ำตาลก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ถูกใจผมเข้าอย่างจัง เธอสวย เธอน่ารัก ผมอยากลองคุยกับเธอดูซักครั้ง แต่เข้าใกล้น้ำตาลทีไรผมนี่บิดเป็นกางเกงในเฮียครามทุกที

เขินอะไรเขาขนาดนั้นวะห่า


.

.

.


“มุ่ย! กินข้าว!”

 “ไอ้มุ่ย! กินข้าวโว้ยยย”

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงขยี้ผมเพื่อปลุกตัวเอง แล้วนี่ผมหลับไปตอนไหนวะ จำได้ว่าคุยไลน์กับเพื่อนละภาพก็ดับไปเลย

“แดกข้าวโว้ยยยยยยยยยยยยยยย”

หูจะแตก!

“กลัวข้างบ้านเขาไม่ได้ยินไง๊!!!!!!!” ผมลุกขึ้นตะโกนกลับไปพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดมาใส่ ก่อนจะรีบเดินลงไปข้างล่าง ก่อนที่เฮียมันจะแหกปากยิ่งกว่านี้

“เรียกไรนักหนาอะ หูจะแตก” ผมบ่นเฮียคราม พี่ชายแท้ๆที่ห่างกันเกือบ 10 ปี เป็นหมอฟันเปิดคลินิกอยู่แถวๆมหาลัยผม หน้าตาดีเหมือนผม แต่ผมหล่อกว่าเยอะ

“จะกินไหมข้าว อุตส่าห์ทำให้กิน” ผมมองไปที่โต๊ะก็เห็นไข่เจียวกากๆกับแกงส้มที่เหลือจากเมื่อวานสลับกับสารร่างเฮียมัน

“นอกจากไข่เจียวแล้วเฮียทำอย่างอื่นเป็นบ้างป้ะวะ” ผมดึงเก้าอี้ออกมานั่งแล้วตักข้าวจากหม้อหุงข้าวใส่จาน เหอะๆ เดี๋ยวไอ้ใสมาเห็นโดนด่าแน่ น้องผมมันรักครัวอย่างกับอะไรดี ของทุกชิ้นต้องอยู่เป็นที่เป็นทาง ครัวยังสะอาดกว่าห้องผมอีกอะพูดง่ายๆ

“คนที่ทอดไข่ดาวไหม้อย่างเอ็งมีสิทธิพูดด้วยเรอะ”

ก็นะ...

ทั้งผมกับเฮียแม่งสกิลทำอาหารกากทั้งคู่ ถ้าไม่มีไอ้ใสชีวิตนี้คงได้แต่กินไข่ดาวไหม้ๆของผมกับไข่เจียวกากๆของเฮียทั้งชีวิตแน่

“แล้วไอ้ใสไม่กลับบ้านอ่อ” ผมตักไข่เจียวมาวางบนจาน ตักน้ำแกงส้มมาราดข้าวให้ชุ่มแล้วตักเข้าปาก เฮียแม่งเหนือกว่าผมตรงไหนรู้ป้ะ

ตรงที่มันทำไข่เจียวอร่อยนี่แหละ

ต่างกับผมที่แค่ไข่ดาวยังไหม้

อะไรวะ...

ขนาดทำกับข้าวยังลูซเซอร์เบอร์ห้าเลยชีวิตผม

“โทรมาเมื่อกี้ว่าทำรายงานอยู่ เดี๋ยวค้างที่บ้านเพื่อน” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ โคตรหิวอะพูดตรงๆ วันนี้แม่งหมดพลังไปเยอะมาก

‘ฟ้าใส’ น้องสาวคนเล็กของบ้านผู้เป็นทุกอย่างให้ผมกับเฮียแล้ว อยู่มอหกกำลังจะขึ้นปีหนึ่ง เห็นชื่อน้องมันแบ๊วๆยังงี้อย่าคิดว่าใสมันจะตัวเล็กน่ารักบ๊องแบ๊วนะครับ

ต้องเกริ่นก่อนว่าที่บ้านผมเนี่ย พ่อสูงมาก แม่ก็ร้อยหกสิบปลายๆ ทั้งบ้านเลยเป็นครอบครัวตัวสูงและหน้าตาดีมาก เฮียก็ร้อยแปดสิบปลาย หล่อได้พ่อ เท่ สไตล์คุณหมอฟันดิบเถื่อน ผมก็ร้อยเจ็ดสิบเก้าเหนาะๆ แหม่ พูดแล้วช้ำใจ อีกเซนต์เดียวก็ไม่ให้กูแต่ดีที่ยังหล่อมากได้พ่อกับแม่มา ไอ้ใสก็ร้อยหกสิบปลายแล้วมันอะ หน้าก็สวยเหมือนแม่ แต่นิสัยพวกเราทั้งสามคนไม่มีใครเหมือนกันเลยครับ

เฮียฟ้าครามนี่มีสองเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นอยู่บ้านกับอยู่ข้างนอก เวอร์ชั่นอยู่ข้างนอกจะเป็นคุณหมอฟันลุคเท่เนี้ยบ ปากหวานใจดียิ้มเก่ง สาวๆติดตรึม แต่พออยู่บ้านปุ้ป เหมือนไอ้ตัวไข่ขี้เกียจเข้าสิง ใส่บอกเซอร์ตัวเดียวนั่งดูการ์ตูนอยู่หน้าทีวี ใช้น้องหยิบนู่นนี่นั่นใช้วิธีกลิ้งแทนเดิน ห้องก็รกยิ่งกว่ารังหนู น้ำไม่อาบ ทำตัวสกปรก ผีบ้าผีบอ แม่งอยากให้สาวที่เรียกมันพี่หมอๆ มาเห็นสภาพนี้จัง

ส่วนฟ้าใส ทุกวันนี้ทำตัวเหมือนพี่สาวคนโตของบ้านเข้าไปทุกวัน บ่นแม่งทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ก็เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ งานบ้านงานครัวน้องผมเอาอยู่ เป็นเด็กน้อยขี้บ่น แต่ถ้าไม่มีไอ้ใส ผมกับเฮียคงหน้าเป็นไข่เข้าซักวัน

ส่วนผมอะนะ ก็หล่อไปเรื่อยเปื่อยอะครับ ไม่มีอะไรนอกจากความหล่อของตัวเอง

 “เฮีย”

“ว่า?” เฮียมันเหล่สายตาจากการไถโทรศัพท์มามองหน้าผมเป็นเชิงว่ามีอะไร

“เฮียว่าข้าหล่อป้ะ”

“ข้าหล่อกว่า” ไม่น่าถามคนอย่างมันเลยจริงๆ

“เอาดีๆดิ้เฮีย”

“เอ็งน้องข้า เอ็งก็ต้องหน้าตาดีเหมือนข้าดิวะ”

“เฮียเอาเหล็กออกให้หน่อยดิ”

“ไว้นั่นก็ดีอยู่แล้ว กันหมาออกจากปาก” โห ไอ้เฮีย นี่น้องไง

“จริงจังนะเว้ย นี่จะจีบสาว ไอ้โป้มันบอกว่าผู้หญิงเขาชอบผู้ชายที่ดูเท่ๆ” ก่อนที่ผมจะเผลอหลับไปเมื่อเย็นก็คุยกับพวกมันว่าน้ำตาลน่าจะชอบคนแบบไหน พวกมันก็บอกว่าน่าจะชอบคนเท่ๆ เพราะพี่เขาเรียนวิศวะ เพื่อนเขาก็มีแต่คนเท่ ผมต้องเท่ให้เหนือกว่า น้ำตาลจะได้สนใจผม

“ละเกี่ยวอะไรกับเอาเหล็กออกวะ” เฮียมันขมวดคิ้วมองหน้าผม

“คนเท่เขาไม่ดัดฟันกันเปล่าวะเฮีย เอาออกทีๆ”

“อีก3เดือนค่อยเอาออก เอ็งเพิ่งเปลี่ยนมาเมื่อไม่กี่วันเอง”

“โห่ ไรวะ” ผมทำหน้าเซ็งใส่เฮียมัน อีกตั้งสามเดือน ผมอยากจะเป็นคนเท่ในสายตาน้ำตาลเดี๋ยวนี้ตอนนี้เลยอะครับ

“ทำให้แล้วเอาจานไปล้างด้วย ข้าไปดูนารูโตะต่อละ” บอกเสร็จเฮียครามก็ลุกขึ้นเดินลูบพุงไปที่โซฟาหน้าทีวีดูการ์ตูนต่อ

“ล้างพรุ่งนี้นะโว้ยยยย” อิ่มแล้วก็ง่วง ล้างพรุ่งนี้เถอะว่ะ

“ใสกลับเช้า”

“เค”

สิ้นคำผมก็ลุกพรวดทันที

เก็บจานสิครับ

รอให้ไอ้ใสมันมาด่าเหรอ?

“เฮีย!!!!”

”จะดูการ์ตูน!!!”

“รอก่อน จะไปดูด้วย!!”



..............................................................



“ขอบใจนะเว้ยที่ให้ยืมรถ แต่กูขอติดรถไปรับลูกที่อู่หน่อยดิ” ผมยักไหล่เป็นเชิงยังไงก็ได้ หลังจากเรียนเสร็จผมก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว

“คราวหลังก็อย่าซิ่งให้มากดิ” ไอ้ตาลเพิ่งพาลูกรักมันไปล้มมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ดีที่มันไม่เป็นอะไรมากแต่ก็ต้องส่งรถเข้าอู่ตรวจเช็คสภาพรถ แม่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแค่เห็นสีรถถลอก

“เออ เห็นภาพลูกกูสีถลอกยังเจ็บไม่หาย” ผมส่ายหัวให้กับความเวอร์ของน้ำตาลก่อนที่กำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ พลันสายตาก็ไปสะดุดกับถุงเล็กๆที่วางอยู่หน้ากระจกรถ พอคว้าขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นคัพเค้กสองถ้วยมีโพสอิทเล็กๆแปะอยู่บนถุง

“มีสาวเอามาให้อีกแล้วอะดิ เบื่อคนหน้าตาดีโว้ยยย” ไอ้ตาลชะโงกหน้ามาจากอีกฝั่งพร้อมเบะปากใส่ก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอ ผมละสายตาจากมันกลับมาสนใจที่โพสอิทนี้ต่อ


‘...ถ้าเรามีดวงจันทร์อยู่สองดวง...’

‘...เราจะให้เธอดวงนึง...’

‘...ดวงจันทร์จะได้ไม่ห่างไกล...’

‘...ดวงใจจะได้ไม่ห่างกัน...’



เหยด...




....................................

กลับมาหลังจากสอบเสร็จ แฮ่ คราวนี้จะมาต่อได้ไวขึ้น2เลเวล  :katai4: 5555555 คิดเห็นกันยังไงคอมเม้นต์บอกกันบ้างนะค้าาา  :hao7:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รถพี่บีมบีม 5555555
เราชอบพี่ครามอ่ะ น่ารัก 555

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
บทที่ 5
พบปะพูดคุย


“ปี้ ผมเอาหมู 4 ไม้ ข้าวนึ่งห่อนึ่ง”

“รอกำเดว แหมสองคิวๆ”

เมื่อคืนฝนตกหนักมาก เช้านี้สภาพอากาศเลยครึ้มๆ ฝนก็ทำท่าเหมือนจะตกลงมาอีกระลอกหนึ่ง ผมดูพยากรณ์อากาศมาเมื่อเช้า เขาว่าพายุจะเข้าสามถึงสี่วัน แล้วทำไมต้องมาเข้าหน้าหนาวที่ปกติแม่งก็หนาวบรรลัยอยู่แล้ว ไม่เห็นใจคนขี่มอ’ไซด์เลยรึไงวะ เมื่อเช้าก็ลืมหยิบเสื้อคลุมมาอีก มือแข็งไปหมดแล้วจ้า

ตอนนี้ผมจอดรถยืนซื้อหมูปิ้งอยู่ร้านหมูปิ้งที่กาดหน้ามหาลัย วิถีชีวิตคนคูลๆที่น้องสาวงอนไม่ทำอาหารให้กินเพราะยกหม้อหุงข้าวมาวางบนโต๊ะโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ผมเลยต้องมาหาของกินประทังชีวิตช่วงเช้าของผมตามร้านแถวนี้แหละครับ

ความผิดเฮียครามเถอะ ทำไมผมต้องโดนด้วย ไอด้อนท์ อันเด้อสะแตนนน

ลมก็แรง

กูหนาว!

“ได้ล่ะน้อง ซาวห้าบาท” ผมรับถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งมา มืออีกข้างก็ควานหาเงินในย่ามแล้วยื่นจ่ายให้แม่ค้าไป

ระหว่างเดินกลับไปที่น้ององุ่นผมก็หยิบหมูปิ้งขึ้นมากินด้วยความหิวโหย จะว่าไปก็ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์ละที่ผมเอาขนมไปให้น้ำตาล ไม่ดิ เรียกว่าเอาไปวางไว้ให้ดีกว่า แต่เหมือนไม่มีความหมายอะ เซอไพรซ์ไรไม่เห็นจะได้เรื่อง ผมกลับมาคิดดีๆแล้ว ไอ้ที่เอาไปเขาเนี่ย น้ำตาลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครให้ มันเซอไพรซ์ตรงไหนวะ ผมเลยบอกไอ้เจ๋งไปว่าต่อจากนี้ผมจะคิดเองทำเอง ความคิดกูดีกว่ามึงเยอะไอ้เจ๋งงงงง

บรื้นน

เสียงเครื่องยนต์ที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ผมหันมองไปยังถนนโดยอัตโนมัติ เพ่งมองออกไปก็พบกับผู้หญิงสวมเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มโดยที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นนักศึกษาคณะวิศวะของมหาลัยผม ใบหน้าถูกปิดด้วยหมวกกันน็อคเต็มใบ กำลังขี่เจ้ารถบิ้กไบค์ผ่านผมไป

เชรดดด โคตรเท่

สาววิศวะมอผม โคตรคูลลลลลล

ฟิ้ว~

เท่จ๊าดดดดดด

ว่าแล้วตัวผมก็ไปบ้างดีกว่า ผมเดินไปที่ถังขยะริมฟุตบาตก่อนถึงจุดที่ผมจอดน้ององุ่นไว้ กินเสร็จแล้วก็ทิ้งให้มันเป็นที่เป็นทางครับ คนสมัยนี้ชอบทิ้งขยะกันเรี่ยราด เป็นโรคมือเปลี้ยขาเปลี้ยกันไง๊ แค่เดินมาทิ้งที่ถังขยะเนี่ย ตอนจะทิ้งก็แยกให้เขาด้วย พวกไม้เสียบลูกชิ้นก็หักๆมันจะได้ไม่ไปทิ่มมือใคร

ใจเขาใจเราครับ

คนเรามันต้องรู้จักมีน้ำใจ!

อย่ามักง่าย!

...กูคุยกับใครวะ...

“เพ่! หลีกทางเด๊ะๆ” เสียงตะโกนไม่ใกล้ไม่ไกลดังมาจากข้างหลัง พอหันกลับไป ก็เห็นผู้ชายสวมเสื้อคุ้นตาขี่มอ’ไซด์บนทางเท้ามาทางผมอย่างเร็ว

เชี่ย..

นั่นมันเสื้อเทคนิคสถาบันผม!

ไอ้เด็กเหี้ย!

สถาบันกู!

“ไอ้เวร! มึงขี่บนทางเท้าได้ยังไง ไอ้หะ..เห้ยๆ” ขณะที่ผมกำลังจะด่า มันก็ขี่รถเบียดผ่านตัวผมไป ทำให้ผมต้องหลบรถมันอย่างกะทันหัน เท้าข้างหนึ่งลื่นขอบฟุตบาตจนเสียจังหวะตกลงมาบนริมถนนที่มีแอ่งน้ำขัง  สัด! ไม่ชนกูไปเลยล่ะ

เหี้ยยย รองเท้ากู!

ปี้น!

ตุ้บ!

“โอ๊ย!”

เสียงแตรรถดังขึ้น ทำผมตกใจก้าวถอยหลังจนสะดุดกับขอบฟุตบาต(อีกแล้ว)ล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นอย่างแรง แม่งเอ้ย! ใครบีบแตรใส่กูวะ ไม่เห็นเหรอว่ากูโดนรถเบียดจนตกถะ...

ซ่า!

เต็มๆ...

กูโดนรถเหยียบน้ำใส่เต็มๆ...

ไอ้เหี้ยเอ้ย!!!

จะด่าแม่งก็ไม่ทัน มันขับเลยผ่านผมไปนู่น นี่มันวันซวยอะไรของกูวะเนี่ย เสื้อผมแม่งเปียกน้ำเป็นทางยาว โชคดีที่ไม่ได้ล้มลงไปกับพื้นถนน กางเกงยีนส์ผมเลยไม่เสียหายอะไร คนที่อยู่แถวนั้นมองมาที่ผมห่างๆอย่างห่วงๆ ช่วยกูไหมล่ะ มองกันขนาดนี้

แต่เสื้อกูเนี่ยยยยย เสื้อกู!

ผมค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้น พยายามลูบคราบน้ำออกจากแขนกับขาออกให้หมด อื้อหื้อ เจ็บตูดอะ อย่าให้กูเจอมึงอีกนะไอ้เด็กเวร ห่าแม่งเอ้ย!

ปิ้น!

อะไรกับกูอี้ก!

อยู่ๆก็มีรถยนต์คันสีดำคุ้นตาเคลื่อนตัวมาจอดตรงที่ผมยืนอยู่ แถมบีบแตรใส่กูอีก อะไรวะ

“มีไรให้ช่วยป้ะ”

คนในรถกดลดกระจกลง แล้วถามออกมา ผมเพ่งสายตามองเข้าไปในรถฝั่งคนขับก็เห็นเป็นผู้ชายในชุดนักศึกษา พอเลื่อนสายตาขึ้นมองว่าเป็นใคร ก็ทำเอาผมอยากจะเดินหนีไปให้ไกลจากตรงนี้เร็วๆ

“เล่นน้ำฝนอยู่อ่อ สกปรกจัง”

สัด...

“เสือก”

“หึ ไปส่งไหมน้อง”

“มีรถเว้ย!”

“เปลี่ยนเสื้อป้ะล่ะ มีเสื้ออยู่เบาะหลัง” เซ้าซี้กูจัง อะไรมึ้ง

ฟิ้ว~

บรึ๋ยยย ลมที่พัดผ่านมาทำเอาขนทุกส่วนในร่างกายลุกชัน หนาวเชี่ย ยิ่งมาเปียกน้ำแบบนี้อีก ผมหรี่ตามองหน้าไอ้บีมบีมอย่างไม่เป็นมิตร แล้วชะโงกหน้ามองไปที่เบาะหลังก็เห็นมีเสื้ออยู่จริงๆ เอาไงดีวะ แบบนี้ก็ถือว่าผมแพ้มันไหมอะ แค่ยืมเสื้อใส่ ไม่แพ้มากหรอกมั้ง

ฟิ้ว~

จะให้เวลากูยืนคิดนิดหน่อยก็ไม่ได้ ลมเวร!

“ไม่ตอบ งั้นไปละนะ” ไอ้บีมบีมพูดขึ้นพร้อมกับรถที่กำลังจะเคลื่อนไปข้างหน้าตามแรงเหยียบคันเร่งของเจ้าของ ทำให้ผมต้องรีบร้องห้ามทันที นี่ก็รีบจังเลย

“เดี๋ยว!” ผมถือวิสาสะเปิดประตูขึ้นรถทันที เกิดเดดแอร์ไปซักห้าวิ เพราะผมไม่รู้จะทำตัวยังไง ไอ้บีมบีมก็มองหน้าผมยิ้มๆ มึงยิ้มหาอะไรฟะ!

แต่ตอนนี้ภายในรถแอร์เย็นเฉียบ คิดว่าคงจะเย็นกว่าข้างนอกด้วย นี่มึงเป็นหมีขั้วโลกเรอะ อากาศข้างนอกก็หนาวจะตายชัก ไอ้หมีบีม!

“เบาแอร์หน่อยดิ้ หนาวจะตายห่า” ผมพูดเสียงขุ่น ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบเสื้อที่วางอยู่เบาะหลังมา เพื่อจะเปลี่ยนชุด

“สั่งอ่อ?” บีมหันมาถามผมเสียงเรียบ แต่หน้ามันกวนตีนจังวะ

“ก็หนาวจะตาย เบาดิ้ๆ” ผมจิ้ปากอย่างขัดใจ มือก็ลูบแขนขึ้นลงแรงๆ เผื่อมันจะอุ่นขึ้นบ้าง

“นี่รุ่นพี่นะน้อง พูดดีๆหน่อย” โค้ะ! ทำเป็นดุ กูก็อายุเท่ามึงเนี่ยแหละ แค่เข้าช้าไปปีนึงเถอะว่ะ

“กูอายุเท่ามึง ไม่พูดดีด้วยหรอก”

“ตามใจ” มันพูดแค่นั้น และลดแอร์ให้ตามที่ผมบอก

ผมคลี่เสื้อเสื้อออกเพื่อจะเปลี่ยน นี่มันเสื้อบอลนี่หว่า อะไรเนี่ย...ข้างหลังสกรีนว่า P.WARAKORN ด้วย

“มีสกรีนชื่อมึงด้วย”
       
“ก็เสื้อกู”

“เสื้อบอลมันบาง” ผมหรี่ตามองมัน

“ใช่”

“ถ้ากูขี่รถไปมันก็หนาวดิ” ผมตีหน้ายุ่ง นี่มึงวางแผนให้กูหนาวตายด้วยเสื้อบางๆนี่สินะ!

“เดี๋ยวสายๆก็ร้อน เรื่องมากจังวะน้อง ใส่ๆไปเถอะ” เออ ก็จริงของมันว่ะ

“จ่มหยัง บ่าฟัง” (บ่นอะไร ไม่ฟัง) ผมเมินที่มันพูด ก่อนจะถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก แล้วหยิบเสื้อบอลของไอ้หมีบีมมาใส่แทน ตัวมันใหญ่จังวะ ปลายแขนเสื้อมันอีกนิดก็ถึงศอกผมละ

“ผอมไปไหม”

“กูหล่อ”

ชัดเจนนะครับ

“เอาเบอร์มาหน่อย เดี๋ยวซักแล้วจะคืนให้” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ บีมมันก็รับไปพิมพ์แล้วส่งคืนมาให้ผม

“ไปละ เหม็นขี้หน้า” เบะปากให้มันหนึ่งที ก่อนจะเปิดประตูแล้วออกจากรถ แต่...ผมว่ารถมันคุ้นๆนะ เหมือนรถน้ำตาลเลย รุ่นนี้ สีนี้

...อย่าบอกนะ...

อย่าบอกว่ารถคู่นะ!!

“...”

ไม่น่าใช่...ถ้างั้น...

ไหนดูป้ายทะเบียนเด้ะ

ขณะที่รถกำลังจะเคลื่อนตัว ผมก็เดินลงไปขวางหน้ารถ

...กข 1234

เป๊ะเลย...


...ไม่หรอก รถบีมมันเสียไง เลยยืมน้ำตาลมาใช้ นี่ก็อาจจะกำลังขับไปรับเธอรึเปล่า...

“ยืนขวางทำไม หลบไปดิน้อง” บีมเปิดกระจกรถแล้วชะโงกหน้ามาพูดกับผม

“นี่รถมึงเหรอ”

“กูขับอยู่เนี่ย รถหมามั้ง”

“รถมึงจริงๆอะ...” ผมถามทวนอีกครั้งอย่างไม่เชื่อในคำตอบ

“รถกูครับ หลบทีดิ้!”

“...”

“ขอบคุณครับ!”

ผมได้แต่ยืนอึ้งมองรถของบีมเคลื่อนผ่านไป นั่น...รถบีม

รถไอ้หมีบีม!

รถมันเหร้อ!!!!!!

ละ...แล้วผมเอาเค้กไปให้น้ำตาล...น้ำตาลไม่ใช่เจ้าของรถ...เจ้าของรถคือบีม...

คือกูเอาเค้กไปให้ศัตรูมาตลอดสองอาทิตย์เลยงั้นเรอะ!!!

อะ...

...ไอ้ฉิบหาย!




___________________________________________________________________





 “เพราะมึงเลยเจ๋ง! รถน้ำตาลชัวร์ๆ ชัวร์โพ่งงงง” ผมบ่นพวกมันตั้งแต่เลิกเรียนจนเดินมาถึงโรงอาหาร ที่ตอนนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาจจะเพราะยังไม่เที่ยงด้วยมั้ง

“ก็กูเห็นเขาขับเข้ามหาลัยมาอะ ใครจะรู้วะว่าไม่ใช่รถพี่แก กูไม่รู้กูไม่ผิดโว้ยยยย”

“ไอ้เหี้ย! แล้วมึงคิดดู เค้กที่กูซื้อไปอ่อยน้ำตาล กลายเป็นกูไปอ่อยไอ้ศัตรูแทน! มึงงงงงงงงง” ผมเขย่าตัวมันแรงๆ อย่างอดไม่ได้

“แต่พี่บีมเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นของมึงนี่ มึงจะโวยวายไรวะ”

“มันเสียเซลฟ์ คือเสียมาก เสียขนาด!!!”

“แดกข้าวกันเถอะ เนี่ย แล้วทำไมเวลาพวกมึงโวยวาย กูต้องเป็นคนพูดประโยคนี้ตลอดเลยวะ”

พอไอ้แก๊ปพูดจบ ผมก็กระแทกตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด แม่ง! ที่ผมทำมาคือไม่ได้เฉียดเข้าใกล้น้ำตาลแม้แต่นิดเดียว ง่าวเอ้ย!

“แล้วมึงจะคืนเสื้อพี่เขาตอนไหน เขาเอาไว้ใส่แข่งรึเปล่า”

“ไม่คืนแม่ง โมโห!” ผมตอบด้วยความหงุดหงิดใจ เนี่ย! แพ้แล้วแพ้อีกให้กับมัน โมโห! มัน! โม! โห!

“มึงต้องวางแผนใหม่ มึงต้อ...”

“พอเลย!” ผมยกมือขึ้นขัดไอ้เจ๋ง “ต่อไปนี้กูจะคิดเองแล้ว มึงนี่มันไม่ใช่แนวทางกูเล้ยยย” ผมผลักหัวไอ้เจ๋งอย่างหมั่นไส้

ทำไงต่อดี จะเอาคนนี้ๆ

“หยุดเขี่ยข้าวได้แล้ว” x3

“จะพูดพร้อมกันทำไมว้า ก็กูใช้สมองอยู่เนี่ย” ผมขมวดคิ้วยุ่งมองพวกมันอย่างไม่พอใจ

“แดกด้วยคิดด้วยก็ได้ ตัวมึงแห้งยังกับไม้เสียบผี”

“บ่นว่ะโป้ กูกินอยู่เหอะ”

“เหอๆ แก๊ปมึงดูมัน”

“แดกดีๆ อย่ามัวแต่เพ้อเจ้อ”

“กิ๋นอยู่ หยังมาจ่มแต๊”(กินอยู่ บ่นอะไรนักหนา) ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบกินข้าวที่อื่นนอกจากที่บ้านเท่าไหร่ จะกินก็กินได้น้อย ฟ้าใสก็บ่นเฮียครามก็บ่น เพื่อนก็บ่นประจำ นี่ก็พยายามสุดๆแล้วโว้ย

“บ้านก็มีจะกิน ทำไมชอบทำตัวเป็นเด็กขาดสารอาหารวะ...” ไอ้โป้ผู้กินทุกอย่างบนโลกนี้ แถมกินอย่างกับห่าลง ถามผมด้วยความไม่เข้าใจ เออ กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 

“มันไม่มีแรงบันดาลใจ”

“กินข้าวไอ้สัด ไม่ใช่ศิลปะ แรงบันดาลใจเชี่ยไร”

“น่ะ พวกมึงไม่เข้าใจ ถ้าอยู่บ้านกูมีเฮียครามเป็นแรงบันดาลใจ”

“ห้ะ?” อ้าว งง...งง...งงอะดิ

“เฮียแม่งชอบแย่งกับข้าว กูก็ต้องรีบกินเยอะๆไงเดี๋ยวไม่ทันมัน” ผมอธิบายให้พวกมันฟังพร้อมตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก กินหมดสักที

“กูก็แย่งมึงกินทุกวัน มึงก็กินน้อยตลอดเหอะ”

“มึงไม่ใช่เฮียไงเจ๋ง...”

“ยอมไอ้สัส...” หลังจบคำพูดพวกแม่งก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อะไรวะ? ผมเหม่อไปเรื่อย จนหันไปเห็นน้ำตาลกับเพื่อนนั่งกินข้าวอยู่ไกลๆ

“มึง น้ำตาลอะ” ผมพยักเพยิดไปทางน้ำตาล เห่อ ไอ้บีมก็อยู่ด้วย

“ดูมึงไม่ตื่นเต้นนะ”

“กูเซ็งบีมมันว่ะ กูว่ามันแอบชอบน้ำตาล”

“ใครก็มองอย่างงั้น คนอื่นเขาคิดว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ” ไอ้เจ๋งพยักหน้าเห็นด้วยกับผม

“มุ่ย กูถาม...”

ปึง!

“ทุบโต๊ะทำเหี้ยไร! ตกใจหมด”

“เจ๋ง ไปกับกู” ผมผุดลุกขึ้นคว้าแขนไอ้เจ๋ง เตรียมจะเดินไป แต่มันกระตุกแขนหนีผมก่อน

“เห้ย! ไปไหน!?”

“เออ มาเหอะน่า แล้วกูพูดอะไรมึงก็เออออไปกับกูด้วย” ผมเตี๊ยมกับมันสั้นๆ แล้วกระชากแขนมันให้เดินตาม

“ห้ะ!...อะไรนะ...เดี๋ยวไอ้เชี่ย!...พวกมึงห้ามมันที!!”

.
.
.
.
.
.
.
.

ผมเดินดุ่มๆไปหาน้ำตาลอย่างหมายมั่นปั้นมือ หึ! ครั้งนี้แหละมึง พลาดก็ให้มันรู้ไปสิวะ!

“หวัดดีครับพี่ พวกผมมาจากชมรมถ่ายภาพนะ พอดีว่าเพจมออยากจะให้พี่ไปเป็นนางแบบโปรโมทเพจหน่อยน่ะครับ ใช่ไหมไอ้เจ๋ง” ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของน้ำตาล แล้วโพล่งออกไปตามที่หัวคิด น้ำตาลกับเพื่อนของเธออีกสองสามคนก็มองมาที่ผมอย่างงงๆ
 
“เอ่อ...ว่าไงนะคะ?” น้ำตาลที่วันนี้ก็ยังน่ารัก ใบหน้าใสๆกระชากใจกูอีกแล้วววว

“เพจมอให้ผมมาติดต่อพี่เพื่อไปโปรโมทน่ะครับ” ผมยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้เธอ สายตาดันเผลอไปสบกับไอ้ตัวร้าย เห็นมันเหยียดยิ้มหึๆมาให้ผมแวบหนึ่ง ผมก็กลับไปโฟกัสกับน้ำตาลต่อ ไอ้นี่ ยิ้มไรของมันวะ

“คือพี่ไม่...”

“นะครับ ช่วยผมหน่อยนะ ถ้าพี่ไม่ตกลงพี่จิ้บเอาพวกผมตายแน่” เมื่อผมเห็นน้ำตาลกำลังจะปฏิเสธด้วยสีหน้าลำบากใจ ผมก็อ้างชื่อพี่ที่ดูแลเพจมออยู่ตอนนี้ออกมาทันที

เห้ย! ผมไม่ได้โกหกจริงๆนา ก็ไอ้เจ๋งมันเพิ่งมาบ่นๆกับผมเมื่อสองสามวันก่อนว่าพี่จิ้บโยนงานมาให้มันหาคนหน้าตาดีๆไปโปรโมทเพจให้หน่อย ด้วยความมั่นหน้า มันเลยเสนอตัวเองไป โดนพี่เขาโบกหัวไล่กลับมาแทบไม่ทัน ฮ่าฮ่าฮ่า

นี่แหละครับ อยู่ดีๆโชคก็ลอยมาหาผมจะๆขนาดนี้

“ใช่ไหมเจ๋ง” ผมถองศอกไปที่ท้องมันเบาๆ

“ชะ...ใช่ครับ พี่จิ้บ...เอ่อ พี่แกเร่งมากเลยครับ” ดีมากเพื่อน

“ช่วยน้องมันหน่อยไหมวะตาล ครั้งที่แล้วก็เห็นเด็กมันมาขอมึงนี่” เพื่อนน้ำตาลพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วย พูดดีว่ะ หน้าตาก็ดีแต่น้อยกว่าผมหน่อย โอ๊ย! โชคเข้าข้างว่ะครับ!

“ว่าแต่น้องหน้าตาคุ้นๆจัง เหมือนพี่เคยเห็นที่ไหนเลย” น้ำตาลเอียงคอมองผมอย่างสงสัย แม่ง จำกูได้ตอนที่ล้มวันนั้นแน่ๆเลย

“ผมมากินข้าวที่โรงอาหารนี้บ่อยๆ พี่อาจจะเคยเห็นผ่านตาก็ได้นะครับ” ผมยิ้มหวานส่งกลับไป น้ำตาลก็พยักหน้าหงึกหงัก แต่ใบหน้าหวานยังไม่คลายสงสัย ลืมๆไปเถอะจ้ะ ที่รัก

“แล้วทำไมน้องไม่ไปหาคนอื่นอะครับ คนหน้าตาดีกว่านี้ก็มี” ไอ้นี่...ถีบมันออกไปทีดิ้!

“อ๋อ พอดีพี่จิ้บเขาเจาะจงว่าต้องพี่น้ำตาลน่ะครับ พวกผมก็ขัดไม่ได้” ไอ้เจ๋งตอบกลับไปอย่างไม่มีสะดุด ดีว่ะเพื่อน!

“พี่ก็รู้จักจิ้บนะ เดี๋ยวเราโทรไปบอกให้เปลี่ยนคนดีกว่า แกคงไม่อยากถ่าย” ไอ้บีมหันไปคุยกับน้ำตาล มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทร เชี่ย! มึงจะโทรไม่ได้นะเว้ยไอ้บีมมมมม

ไอ้เจ๋งเลิกตาขึ้นแล้วหันมาสะกิดผมอย่างแตกตื่น แม่งเอ้ย!

“เอ่อพี่...”

“ถ่ายๆไปเหอะ มึงก็ว่างนี่ ถือว่าช่วยน้องมันหน่อย” ยังกับมีออร่าวิ้งๆออกมาจากพี่หน้ายิ้มที่พูดช่วยผมไปเมื่อกี้ แม่งคนดีว่ะเห้ย!

“กูว่าโทรถามจิ้บ...” มึงก็ยังจะโทรอีกเนอะ ไอ้เห้!

“โอเคๆ แล้วจะให้พี่ทำอะไรบ้างคะ” หลังจากที่น้ำตาลคิดอยู่นานก็ตอบตกลงสักที วู้ฮู้!

มึงแพ้ว่ะบีม! ว้ายแพ้!

“ถ้ายังไงผมขอเบอร์ติดต่อได้ไหมครับ เดี๋ยวรายละเอียดผมจะบอกอีกที” ลุยเลยเจ๋งเพื่อนรัก! ผมแสยะยิ้มไปให้ไอ้บีมอย่างผู้ชนะ ยักคิ้วทำหน้าเหนือด้วย! หึๆ

“หึๆ”

“ขำไรวะบีม”

“ขำคนบ้า ฮะๆ” มึงสิบ้า! กูคือผู้ชนะโว้ยยยยยย

“ขอบคุณมากครับพี่ ยังไงผมจะติดต่อกลับไปนะครับ”

น้ำตาลยิ้มหวานส่งท้ายกลับมาให้ทางพวกผม ละลายอะ น่อร้อกจุงเยยยยย ตัวเย้กกก งุ้ยๆ

“เห้ย! น้องคนนี้เสื้อคุ้นๆนะ”

“อ้าว! นี่มันเสื้อไอ้...”

“พวกผมไปก่อนนะคร้าบบบบ บายคร้าบบบ” ไอ้เจ๋งกระตุกเขนลากผมออกมาทันที เมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

.
.
.
.
.
.
.

“พวกมึงไปทำไรกันมาวะ ไอ้มุ่ยหน้ามึงเยิ้มมาก” กูไม่รู้วววว กูฟินนนนน

“มุ่ยมึงโอเคนะ” กูโอเค้! สบายมากกกกก

“มุ่ยมึง...”

“มุ่ยไม่กากกูพูดเลย...” ผมหัวเราะคิกคักกับคำพูดตัวเอง ความรู้สึกของคนชนะมันเป็นแบบนี้นี่เอง ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!

“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง...”



_______________________________________________________




 “มึง...เสื้อบอลมึงนี่หว่า...”

“เออ”
   
“แล้วน้องคนนั้น...”
   
“หึๆ ฮ่าๆ”

“กูว่าเรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ...”




____________________________________________________



 :z13: แอบมาแบบเงียบๆ หายหน้าหายตานานมาก แฮร่ๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2018 01:51:55 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
บทที่ 6

แผนสำเร็จ(เหรอ)

 

            [ CHENG PART ]

         “เจ้ จะให้นัดพี่น้ำตาลวันไหนอะ”

         “เสาร์นี้ก็ได้ๆ พวกแกนี่เก่งอะ ชวนน้ำตาลมาได้ยังไง เจ้ชวนตั้งหลายครั้งไม่เห็นมา”

         “พวกผมระดับไหนละเจ้ เรื่องแค่นี้ สะบ๊าย!”

         “เอออออออ เดือนหน้าว่าจะจัดทริปขึ้นดอย ไปมะ?”

          “ของชมรมอ่อ?”

          “เปล่า ไปกันเอง ของชมรมเพิ่งจัดไปไงวะ อันนี้ไอ้โทมันชวน 3 วัน 2 คืน”

          “ใครไปมั่ง”

          “มีเจ้ โท แดน และก็จะมีแกกับไอ้มุ่ยด้วย อ่อ ชวนโป้กับแก๊ปไปด้วยก็ได้นะ”

          “ผมไม่แน่ใจว่ะ ส่วนไอ้มุ่ยแล้วแต่อารมณ์มัน ไอ้โป้กับแก๊ปก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยวชวนให้ แล้วไปดอยไหนอะ แถวมอเราก็เก็บมาหมดละนะ”

          “แถวบ้านไอ้โทมันแหละ เจ้ก็จำไม่ได้ เดี๋ยวบอกอีกที...อย่าลืมชวนไอ้มุ่ยล่ะแก เอามันไปให้ได้”

          “ถ้าไปแล้วเจ้เลี้ยง...”

          “ไม่มีตังโว้ยยยยยยย”

          “งั้นไอ้มุ่ยก็บายยยยย”

          “ไอ้โทมันเลี้ยงอยู่แล้ว แกนี่! อย่าลืมลากไอ้มุ่ยไปด้วย!”

          “ดีล!”

          เจ้จิ้บโบกไม้โบกมือไล่ผมให้ออกจากห้องชมรมไป เจ้แม่งหางานยากให้กูอีกแล้วครับ จะให้ไอ้มุ่ยไปด้วย เอาควายไปยังง่ายกว่าเลย โว้ยยยยยยยย

               

           Rrrrrrrrrrrrrrr

           ตายยากชิบหาย...

           “ว่า”

           (มึงงงงงงง กูชวนไปกินเหล้า โป้กับแก๊ปก็ว่างกูชวนแล้ว ร้านเฮียตั้ม แต่ตอนนี้มึงมาหากูที่ร้านชิลเค้กก่อน มีเรื่องจะปรึกษา โอเคนะ)

           “แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม~...”

           (เค เจอกัน)

           วันหลังอย่าใช้คำว่าชวน อันนี้คือบังคับ ไอ้เห้!

 

 

 

 

           “กรุ๊งกริ๊งๆ~”

               

           “อ้าวพี่เจ๋ง หวัดดีครับ ไม่ได้เจอนานเลยอะ” พอเปิดประตูร้านเข้ามาก็เจอกับรุ่นน้องตอนมัธยมกำลังถูพื้นอยู่ ชื่อฟิว มันเป็นหลานเจ้าของร้านชิลเค้กที่เมื่อก่อนผมกับเพื่อนชอบมากินบ่อยๆ พอเข้ามหาลัยก็ไม่ค่อยได้มา พอมามันก็ไม่เจอผมหรอก มันติดเรียน ตอนมอปลายผมย้ายเข้ามาเรียนใหม่ ก็หาเพื่อนด้วยการเล่นกีฬานี่แหละครับ มันเป็นรุ่นน้องที่เล่นบอลด้วยกันมา จนสนิทกันมันก็ชวนผมมาร้านนี้แหละ มากินเค้ก...โคตรเหี้ยอะ นึกถึงเด็กผู้ชายเตะบอลเปื้อนเหงื่อเปื้อนฝุ่นเกือบสิบคน นั่งกินเค้กกัน เขินตัวเร้กกกกเลยกู ผมกับมันเลยสนิทกันมาแต่ตอนนั้น

           “มึงเรียนไหมล่ะ แล้ววันนี้ทำไมไม่ไปเรียน อย่าบอกนะว่ามึงโดด ไอ้เด็กเวร” ผมขยี้หัวมันด้วยความหมั่นไส้ แม่งชอบโดดเรียนมาทำงานที่ร้านครับ พอถามแม่งบอกเอาเงินไปเติมเกม

           “ไม่ได้โดดโว้ยพี่! วันนี้โรงเรียนหยุดงะ เลยมาช่วย โคตรคนดีป้ะล่ะ” มันทำหน้าทะเล้นพร้อมยื่นหน้ามาทางผม จนอดไม่ได้ที่จะผลักหน้ามันออกไปแรงๆ

           “มึงจะเอาตังไปเติมเกมก็บอกไอ้สัด”

           “รู้ทันว่ะ ฮ่าๆ เออว่าแต่ พี่ไม่คิดจะเปลี่ยนทรงผมบ้างอ่อ ตอนไปร้านทำผมนี่เมาป้ะหรือละเมอ ฮ่าๆ”

           “ก็คิดว่าไม่...”

           “ไม่เปลี่ยน”

           “ไม่เสือกดิไอ้เด็กเวร!”

           “พ่าม! ถึงเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ยังต่อกันติดอะ โคตรคู่แท้พี่ว่างั้นมะๆ” มันยิ้มตาหยีตามสไตล์ของมัน ทำหน้ากวนตีนใส่อีก จนต้องผลักหัวมันอีกรอบอย่างหมั่นไส้ ไอ้เด็กนี่ชอบเล่นมุกกวนตีนกับพวกผมตลอดตอนช่วงมัธยม เอาจริงๆมุกกากๆพวกนี้ ผมก็ติดมาจากมันนี่แหละ

            เออ แล้วไอ้มุ่ยมันนั่งตรงไหนวะ ผมมองซ้ายมองขวา ก็เจอกับไอ้เพื่อนตัวดีนั่งเท้าค้างเหม่ออยู่โต๊ะตัวเกือบในสุด เรื่องปวดหัวอีกแน่เลยกู

            “กูเอาโกโก้เย็นกับเค้กส้ม เอาไปให้กูตรงโน่น” ผมชี้นิ้วไปตรงโต๊ะไอ้มุ่ย แต่ยังไม่ทันเดินไป ไอ้ฟิวก็คว้าแขนผมไว้ก่อน

            “ไรมึง”

            “นั่นใครอะๆ” มันถามผมด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้สุดๆ

            “เพื่อนกู”

            “ผู้ชาย...ป้ะ?”

            “เออ ถามเหี้ยไรของมึง กูจะไปละ”

            “เดี๊ยววว! พะ...เพื่อนสนิทพี่เลยมะๆ”

            “เออ มันสนิทกับกูสุดแล้ว” ขอขิงหน่อย ไม่นับไอ้โป้กับไอ้แก๊ป ผมว่าผมนี่เพื่อนเลิฟของมันเลยแหละ

            “เขาดูดีจังวะพี่ ดูสาวโต๊ะนั้นดิมองกันใหญ่เลย” มันชี้ไม้ชี้มือไปที่เด็กผู้หญิงวัยมัธยม นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากไอ้มุ่ย

            “เออ มันดูดีได้กู จบ!” ผมดึงแขนออกมาจากมือใหญ่ๆของมัน ไอ้เด็กเหี้ยนี่ก็โตเร็วชิบ พอมาเจอกันก็สูงกว่าแล้วซะงั้น นี่คือผมต้องเงยหน้าคุยกับมันแล้วอะ

            ผมเดินตรงไปหาไอ้คนที่เป็นประเด็นที่นั่งเหม่อไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาทั้งสิ้น ไม่รู้เหี้ยไรหรอกครับมันอะ มุ่ยมันไม่ค่อยสนใจรอบข้างเท่าไหร่ ทั้งที่คนรอบข้างสนใจมันจะตาย

            จากที่เป็นเพื่อนกับมันมา มุ่ยเป็นคนมีเสน่ห์เวลาอยู่เฉยๆ ทำหน้านิ่งหรือเวลาเหม่อ แต่อย่าให้ขยับปากพูด



            คนบ้าดีๆนี่แหละครับ จากที่ได้เห็นกันมาแล้ว...



           ไม่ใช่คนหน้าตาดีโอเวอร์ ไม่ได้ขี้เหร่ เรียกได้ว่ากลางๆค่อนไปทางมาก ไม่ใช่คนที่เวลาเดินผ่านแล้วถึงกับต้องเหลียวหลังมอง ได้ยินที่ไอ้ฟิวถามไหมครับ ว่ามุ่ยเป็นผู้ชายรึเปล่า บอกเลยว่าถ้าไม่ได้มองดีๆก็เข้าใจผิดกันเยอะ จะบอกว่าหน้าสวยก็ไม่ใช่ จะบอกว่าหน้าหวานก็ยิ่งไม่ใช่อีก หน้าตายูนิเซ็กส์อะครับ ยิ่งก่อนหน้ามันจะตัดผมนะ ทักผิดกันเป็นแถว แล้วมันผอมจนจะปลิวแบบนี้ด้วย นั่นแหละ ฮ่าๆ



           มองแล้วมีเสน่ห์อยากมองไปเรื่อยๆ นั่นแหละครับสไตล์ของมัน



           “เลี้ยงเค้กกูด้วยไอ้เหี้ย” ผมทักแล้วนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับมัน มันเลิกเหม่อแล้วหันกลับมามองผม ตีหน้ายุ่งขมวดคิ้วมุ่น ผมว่านะไม่พ้นเรื่องน้ำตาลคนสวยของมันอะ

           “ทั้งตัวกูมีห้าสิบ”

           “ขอบใจมากเพื่อน”

           “เหี้ยจริงๆ”

           “เออมึงนัดสถานที่กับพี่น้ำตาลยัง”

           “สวนสุขภาพ แสงดี กูชอบ”

           “เออๆ” ผมเห็นด้วยกับมัน แถวสวนสุขภาพของมหาลัยจะติดกับสนามกีฬาเอาท์ดอร์ มีหลายโลเคชั่นให้ถ่ายเพราะเป็นศูนย์รวมของกีฬากลางแจ้ง ภาพจะได้ออกมาหลากหลาย

           “มึง”

           “ว่า”

           “น้ำตาลเขาไม่ค่อยตอบกูเลยอะ เนี่ยดู” มันยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอแสดงโปรแกรมแชทระหว่างมันกับพี่น้ำตาลหลังจากที่มันเอาเบอร์โทรของพี่เขาจากผมไปแอดเอง “เขาดูไม่อินเลิฟกับกูเลย”

           “อินลงอินเลิฟ มึงเป็นแฟนเขาไง๊” ผมเลื่อนอ่านดู ก็เห็นว่าจริงอย่างที่มันว่า ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามเบสิคๆ กินข้าวหรือยัง เหนื่อยไหม ทำอะไรอยู่ ฝันดีนะครับ พี่น้ำตาลก็ตอบมาแค่ 5555 กับ ขอบคุณค่ะ



           รู้สึกสงสารเพื่อน...



           ปลอบมันหน่อยละกัน



          “เขาแค่ไม่ถนัดคุยกับคนแปลกหน้ารึเปล่า”

          “กูไม่ใช่คนแปลกหน้า กูคือคนหน้าตาดี”

          “มันคนละประเด็นละไอ้สัด” ผมโบกหัวมันไปเบาๆจากคำตอบที่มันตอบมา เกี่ยวเหี้ยไรกัน

          “เขาทำเหมือนกูเป็นแค่ของเล่น”



          ตัดพ้อเก่ง...



          “คนสวยเขายังงี้เหรอวะ” มันเบ้หน้าเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจ

          “ใครใช้ให้มึงทักเขาไปทุกวัน” แม่งไม่มีทริกจีบหญิงเล้ย เพื่อนกู

          “โกโก้เย็นกับเค้กส้มมาแล้วครับบบบ” ถาดเสิร์ฟถูกยกมาวางบนโต๊ะโดยไอ้เด็กฟิวคนเดิม เพิ่มเติมคือนิ้วมันที่สะกิดผมยิกๆ พอหันไปมองหน้า มันก็บุ้ยปากไปทางไอ้มุ่ย กระพริบตาปริบๆเป็นเชิงขอร้อง



          เฮ้อ!



         “มุ่ย นี่รุ่นน้องกูตอนมัธยมชื่อฟิว ฟิวนี่เพื่อนกูชื่อมุ่ย พอใจยังไอ้สัด” มุ่ยเลิกคิ้วแล้วหันไปมองไอ้เด็กฟิวที่กำลังยกมือไหว้มัน

         “ไหว้คนหล่อเถอะน้อง” มันรับไหว้ก่อนจะยิ้มมุมปากตามสไตล์เวลาเจอคนที่ไม่รู้จัก จนไอ้ฟิวชะงักไปครู่นึง ในหัวแม่งคงคิด กูได้ยินไม่ผิดใช่ไหมวะ ฮ่าๆ



         ทำเท่เก่ง...



         “พี่เท่มากเลย ผมเห็นพี่นั่งเหม่ออยู่ก่อนที่พี่เจ๋งจะมา โคตรคูลอะ” มันชูนิ้วโป้งชมเพื่อนผม เออ ไอ้เหี้ยนี่ยิ่งโดนชมก็ยิ่งเหลิง

         “จะว่าไงดี...กูเท่เป็นปกติอยู่แล้ว”



         กูเหน่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



         “ผม...”

         “พอๆ” ผมขัดขึ้นก่อนที่ฟิวมันจะพูดอะไร “กูจะคุยธุระกับเพื่อนมึงจะไปไหนก็ไป เด็กเวร”

         “แต่ผมยังอยากคุยกับพี่เขาอยู่อะ” มันหงึใส่ผม อ้าว! นี่กูผิดเรอะ!?

         “ไม่งั้นกูจะฟ้องพี่ฟ้าว่ามึงเอาตังกินหนมไปเติมเกมจนหมดแล้ว...”

         “ไว้เจอกันนะครับพี่มุ่ย หวัดดีครับ!”

         “น้องมึงนิสัยดี...” มึงก็ว่าทุกคนที่ชมมึงนิสัยดีหมดแหละ ผมกลอกตาไปมาอย่างระอาใจ กูปวดหัววววว

         “แล้วสรุปคือมึงทักเขาไปทุกวัน?” ผมวกกลับมาที่คำถามเดิมอีกครั้ง

        “ก็กูอยากคุยกับเขา”

        “นี่ไง ทำอะไรไม่ปรึกษากูก่อน มึงมันอ่อน” ผมใช้ส้อมจิ้มเค้กตักเข้าปากแล้วเอามาชี้หน้ามัน

        “ก็กูจีบเขาอยู่ป้ะวะ อ่อนเอิ่นอะไร...”

        “อย่าทำตัวเป็นผู้ชายถูกๆดิ”

        “กะ...กูเป็นผู้ชาย...ถูกๆ” มันทำหน้าเหวอ จนผมแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่

        “เออ มึงต้องมีชั้นเชิงเว้ย ถ้ามึงเริ่มงี้...มึงแพ้ละ”

        “เอ้า! ไอ้เหี้ย...”

        “มึงฟังกู แฮ่ม!” ผมกระแอมเล็กน้อยพอเป็นพิธี แล้วมองซ้ายมองขวาก่อนจะกวักมือให้มุ่ยมันโน้มหน้ามาและผมก็ยื่นหน้าเข้าไปหาเช่นกัน

        “มึงต้องอย่าทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนจีบ” ผมพูดเบาๆ และมันทำหน้าตั้งใจฟังมากจนผมอยากจะปล่อยก๊ากออกมาดังๆ

        “ทักไปอะทักได้ แต่เอาเบาๆพอ หายไปซักวันสองวัน แล้วก็ค่อยทักไปใหม่อีกที”

        “แล้วถ้าเขาตอบกูมาอะ”

        “ถ้าพี่เขาตอบมามึงก็อย่าเพิ่งรีบตอบกลับ ทิ้งไว้ซักครึ่งชั่วโมง อ่อ แล้วอย่าเข้าไปอ่านนะเว้ย ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ”

        “หะ...”

        “มึงต้องแบบหยอดแล้วถอยหยอดแล้วถอยอะ อิ้อ้ะๆ แล้วอย่าแสดงออกโต้งๆ ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน”

        “เพื่ออะไรวะ...” มันทำหน้าตาสงสัยซะเต็มประดา โง่จริงๆ มุ่ยเอ้ยยย นี่มันคือวิถีลูกผู้ชาย!

        “หมายถึงไม่ตอบเพื่ออะไร...”

        “กูหมายถึงจะกระซิบเพื่ออะไร! ไอ้เหี้ย!” มันผลักหัวผมออกอย่างแรง มันดึงตัวกลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้เหมือนเดิม ส่วนผมก็หัวเราะเสียงดังอย่างกลั้นไม่ไหวจนโต๊ะอื่นหันมามอง

        “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

        “สัดเจ๋ง นี่กูซีเรียส” มุ่ยทำหน้าไม่พอใจผมเอามากๆ จนผมต้องยื่นมือไปตบบ่ามันอย่างเห็นใจ

        “กูกินทุกเช้า อร่อยดี”

        “นั่นมันซีเรียล! ผ่าม! พอใจยัง ไอ้ควายยยยยย มึงรู้ตัวป้ะเนี่ย ว่ามุกมึงกากมาก”

        “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

        “ยิงจังเลย ยิงจนกูพรุน สัดเอ้ย!”

        “เอาน่าๆ” ผมหยุดหัวเราะแล้วตบบ่ามันเบาๆ “ทำตามที่กูบอก รับรอง”

        “รับรองว่าได้?”

        “รับรองว่ามึงนกแน่น๊อนนนนนนนน”

        “เลิกเถอะ”

        “เลิกเล่นมุก”

        “มึงกับกูเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะ ไอ้เหี้ยเจ๋งงงงงงงงงงง”

               

        ผ่าม!!

 

 

 

           ____________________________________

 

           --หอมุ่ย--

           [ FAHMUI PART ]

           ปึง!

           ตอนนี้เป็นเวลาตีสอง ผมเปิดประตูห้องอย่างยากลำบากเพราะต้องแบกไอ้โป้ที่ไม่รู้ไปคึกเหี้ยอะไร ดื่มเอาๆ ลำบากเพื่อนอย่างพวกกูเนี่ยแหละ แล้วหอผมดันอยู่ใกล้สุด เวลาเมาก็มากองอยู่ห้องผมตลอด ห่ามึงเอ้ย

          “มึงช่วยกูแบกไอ้โป้ไปตรงข้างเตียงก่อน” ผมหันไปบอกแก๊ปที่ช่วยแบกไอ้โป้อยู่อีกฝั่งนึง มันก็เมาเหมือนกัน แต่เป็นพวกเมาแล้วเหมือนไม่เมา ถ้ามันเริ่มนิ่งไม่ค่อยพูดเมื่อไหร่นั่นแหละ เพื่อนแก๊ปไปละ ฮ่าๆ

          “แล้วไอ้เจ๋งอะ” ผมหันไปมองไอ้ลูกหมาเจ๋ง ไอ้เหี้ยนี่ก็หนักเหมือนกัน แม่งนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นนอกห้อง แขนสองข้างยังกอดขวดน้ำอัดลมไม่ยอมปล่อย ตอนแรกเป็นขวดเหล้า แต่พอพวกผมเอาออกมันก็โวยวายจนต้องเอาขวดน้ำอัดลงมาให้กอดแทน

          “แป้ปนะ...” ผมวางแขนไอ้โป้ลง แล้วเดินไปจับแขนมาพาดคอเพื่อจะพามันเข้าห้อง

          “อย่า! นี่ลูกกู! มึงอย่ามาจับ!”

          “ลูก? มึงไปมีลูกตอนไหน นี่มันขวดน้ำ!”

          “อ๋อออออออออออออออ มึงนี่เองงงงงงง ไอ้ขี้ขโมยยยยยยย”

          “ไป เข้าห้อง”

          “อย่ามาจาบบกูวววว กูจาพาลูกเข้าน้อนนน โว้วว!” ผมยืนมองไอ้เจ๋งพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แขนอีกข้างก็กอดขวดแน่นไม่ยอมปล่อย เมาแล้วเรื้อนนนนน ไอ้เพื่อนเวรรรร

          “นอนนนน ซะหล่า~ หลาบตา พ่อสิก่อมมมม~”



         เออ เอาเข้าไป



        “มึงช่วยกูหน่อย...” ผมปิดประตู ก่อนจะเดินเข้าไปพยุงไอ้โป้ต่อ ไอ้เหี้ยนี่ก็ตัวอย่างกับควาย โว้ยยยยยยย

        “ปล่อยแม่งนอนเนี่ยแหละ กูเหนื่อยยยย” ผมละจากไอ้โป้ แล้วล้มตัวนอนแผ่ลงกับเตียง คือกูก็เมาไง แต่เจอพวกแม่งเมากว่า กูเลยต้องมีสติไปเลย

        “แล้วไอ้เจ๋ง...เออ ปล่อยมันไว้นั่นแหละ เหี้ย...กูก็ไม่ไหวแล้วว่ะ” พอหันไปหาไอ้เจ๋ง ก็เห็นมันนอนตายพร้อมขวดลูก(?) อยู่ตรงทางเข้าห้อง

        ดี กูไม่แบกใครแล้ว ไอ้เหี้ยยยยย

        “แก๊ปเดี๋ยวมึง...”

        “คร่อก~”

        “ตายกันหมด” ผมสะบัดหัวไล่ความเมา ต้องไปอาบน้ำให้มันสร่างซักหน่อย

        “ทำไมวันนี้เตียงกูนุ่มจัง...” ฟูกเตียงผมนุ่มผิดปกติป้ะครับ เหมือนนอนบนมาชเมลโล่เลย...

        ผมไถๆหน้าลงกับเตียงกับหมอน ขาก็ตวัดผ้าห่มขึ้นปั้นเป็นก้อนๆแล้วน้วยๆ จนหน้าผมบี้ไปซีกนึง



        ง่วงว่ะ...



        “กูต้องอาบน้ำ มึงไม่ใช่คนสกปรกนะเว้ยมุ่ย...”



       เอื้อ...ลุกไม่ขึ้น



       ฮึบบบบบบบบบบบ



       แผ่~



       “อ่า...”



       Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr!

       “หนวกหู...”



       ใครมันโทรมาตอนนี้วะ จะนอนนแล้วโว้ยยยย



       Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr!

       “หนวก...หู...”

       Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr!

       “งั่มๆ...แจ๊บๆ...ฟี่~”

      Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr!

      “ฟี่~~~~~”

 

      นี่มัน...โศกนาฏกรรมตายหมู่ชัดๆ...

 

 

        ___________________________

       กริ้ง!!!!!!!!!

       “ปิดเสียงดิ้ หนวกหู!” ผมซุกหน้ากับผ้าห่มที่ถูกปั้นเป็นก้อน แล้วคว้าหมอนมาปิดหูด้วยความรำคาญ

       “เออ...ปิดที...”

      กริ้ง!!!!!!!!!

      “ปิดที~~”

      กริ้ง!!!!!!!!

      พรึ่บ!

      ผมตลบผ้าห่มออกจากตัว แล้วหาต้นเหตุของเสียงเจ้าปัญหาที่มารบกวนการนอนอันแสนสุขของผม แม่งยังเช้าอยู่เลย เหี้ยเอ้ยยย

      “โทรศัพท์อยู่ไหนวะ...” เสียงกูก็แหบเป็นเป็ดเลย ผมหยีตามองหาจนเจอว่ามันตกอยู่ใต้เตียง โทรศัพท์กูเองนี่หว่า แล้วกูตั้งปลุกอะไรตอนนี้

      “กี่โมงแล้ววะมึง...” ไอ้แก๊ปที่กำลังงัวเงียเอ่ยถามออกมา

      “บ่ายสองครึ่ง...อือ...กูนึกว่ายังเช้าอยู่” แม่งนอนกินบ้านกินเมืองกันชิบ

      “แล้วมึงนัดพี่เขากี่โมง...”

      “นัดไรวะ” ผมล้มตัวนอนอีกครั้ง ปากก็พึมพำถามแก๊ปออกไป กูไปนัดใคร วันนี้วันเสาร์ กูจะนอน!

      “พี่น้ำตาลไง วันนี้มึงนัดเขาถ่ายรูป”

      “หะ...”

      “อย่าบอกนะว่ามึงลืมอะ”

      ใช่เลย...

      “แล้วมึงนัดเขากี่โมง”

      “บ่ายสาม...”

      “แล้วนั่งนิ่งทำเหี้ยไร! ไปอาบน้ำ!” ผมลุกขึ้นจากเตียงโดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว เหี้ยแล้วกูๆ

      “โวยวายอะไรกันวะ...”

      ผลัก!

      “โอ๊ย! ใครฟาดหน้ากู!”

      “ใครให้มึงลุกขึ้นมาสัดโป้ โอ๊ยยยกูสายแล้วววววว” โป้มันลุกขึ้นมาพอดีมือผมเลยฟาดหน้ามันเข้าให้ ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอีกที



      ชิบหายละครับ บ่ายสองสี่สิบห้า!



      ปึง!

 

      “กูบอกแล้ว...ให้เปลี่ยนผ้าม่าน”

 

 

       --------------------------------------------------------

        [ ร้านชิลเค้ก ]

        [ 15 : 10 น. ]

 

        กรุ้งกริ้งๆ~

        “แฮ่กๆ” เหนื่อย! ผมอาบน้ำแต่งตัวแล้วบึ่งรถออกมาอย่างรีบเร่ง วิ่งมาด้วย แม่งกูสายไปสิบนาที ขอที่รักอย่าเพิ่งมาถึงเลยนะครับ!

        “อ้าวพี่มุ่ย หวัดดีครับ” ผมเงยหน้าตามเสียงทัก ก็เจอกับไอ้เด็กตัวสูงโย่งยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า มึงเป็นใครวะ

        “มึง...ใครเนี่ย?”

        “เอ้า! ผมฟิวน้องพี่เจ๋งไงครับ เมื่อวานเรายังเจอกันอยู่เลย” มันทำหน้าเหลอหลา รีบแนะนำตัวทันที

        เมื่อวาน...

        อ๋ออออออออ

       “เออ จำได้ละ”

       “ดีใจจัง รับอะไรดีครับ” มันส่งยิ้มกว้างบ่งบอกว่าดีใจมากที่ผมจำได้ อะไรจะขนาดนั้น

         

       ผมมองซ้ายมองขวา เพื่อดูว่าน้ำตาลมารึยัง

         

       ขวับ! ขวับ!

         

       “พี่มองหาใครอะ”

       “เห็นผู้หญิงสวยโคตรๆเข้าร้านมาป้ะ?” ผมถามแต่สายตาก็ยังสอดส่องหาน้ำตาลอยู่ ให้แน่ใจว่าผมมาก่อน

       “ช่วงบ่ายนี้มีแค่โต๊ะสองกับโต๊ะสี่ที่เพิ่งมาอะพี่” ผมมองตามที่น้องมันชี้ ก็เห็นเป็นเด็กผู้หญิงสองสามคนนั่งอยู่ อีกโต๊ะเป็นผู้ชาย เฮ้อ~



       ยังไม่มาว่ะ



       เดตแรกไม่โดนหักคะแนน!



       เยส!

         

       “กูนั่งตรงนั้นนะ เอาลาเต้เย็นกับ...” ผมชะโงกหน้ามองไปทางตู้เค้ก เพื่อดูว่ามีอะไรน่ากินบ้าง “กับเครปเค้กชาเขียว”

               

       “เคครับ! เชิญเลยพี่”

       ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำ ผมชอบนั่งตรงนี้เพราะเห็นวิวเยอะดี ด้วยความที่ร้านนี้อยู่ชั้นสองเลยทำให้ได้เห็นภาพกว้างๆ

         

       โอ๊ยตื่นเต้นอะ!

         

       ถ้าเจอกันแล้วผมจะทำหน้ายังไงดี ต้องขรึมๆหน่อย อย่างที่ไอ้เจ๋งบอก อย่าแสดงออกให้เขารู้ตัวว่าเราจีบ!

               

       ไหน ซ้อมๆ



       มาช้าจังอะ รอนานแล้วรู้ป้ะเธอ



       อันนี้...ไม่น่าได้



      หวัดดี วันนี้ก็ยัง...น่ารักเหมือนเดิมเลยนะ



       ฮึ่ย...เขิน!

 

       กรุ้งกริ้งๆ~

         

       มาแล้วป้ะว้า....



       ตึก

       ตึก

       ตึก

         

       ฟึ่บ!

         

       “ไง”

               

       “หะ...”

 

       “เสื้อกู...เมื่อไหร่จะได้คืน”







_________________________________________



[TALK]

หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกอีกแล้ว แหะๆ มาละเด้อ จะพยายามไม่ทิ้งช่วงนะงับ :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2018 21:10:06 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 7
แผนสำเร็จ (เหรอ?) 2




กรุ๊งกริ้ง~

เห้ยๆ มีคนมา!

น้ำตาลแน่เลย~

ไอ้บ้าเอ้ยยย เขินวะ



ตึก

ตึก

ตึก

 
ฟึ่บ!


“ไง”

“หะ...” จู่ๆ ไอ้บีมที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ก็มาทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้โต๊ะตรงข้ามผม ยกแขนขึ้นวางกับโต๊ะเท้าคางแล้วมองหน้าผม


“เสื้อกู...เมื่อไหร่จะได้คืน”



ไม่ใช่...


ไม่ใช่ดิเห้ย...


ผมมองซ้ายมองขวา ชะโงกตัวมองทั้งด้านหน้าด้านหลังตัวเองแล้วมาหยุดสายตาที่มัน นี่คือรายการจ้อจี้ใช่หรือไม่!


มึงมาจากไหนเนี่ย!?


“มึงอะ...นั่งผิดโต๊ะใช่ป้ะล่ะ ความจริงมึงจะไปนั่งโต๊ะนู้น โน่นๆ” ผมยื่นหน้าเอามือป้องปากพูดกับบีม นิ้วก็ชี้ไปทางข้างหลังมันอย่างมั่วๆ คือมึงต้องไปนั่งซักที่ที่ไม่ใช่ที่นี่อะ

“...”

“มึงค่อยๆลุกนะ กูสัญญากูไม่ล้อมึงแน่นอน ไป๊ๆ” ผมโบกมือไล่มัน ปากพลางก็บุ้ยใบ้ไปด้วย

“...” มันเปลี่ยนท่านั่งค่อยๆเอนตัวพิงกับเก้าอี้ยกแขนขึ้นกอดอกมองผม คิ้วก็ขมวดมองผมด้วยใบหน้าสงสัย

     
ไม่ต้องงงเว้ย!! มึงผิดโต๊ะชัวร์แล้ว!


“ไป๊...กูขอ มึงไม่ใช่อะ ไม่ใช่มึงงงง”

“ปกติก็เป็นแบบนี้เหรอ”

“ลุกดิ เดี๋ยวน้ำตาลมา ลุก!” ผมทำหน้าตาจริงจังกระแทกเสียงย้ำให้มันออกไปจากโต๊ะนี้เร็วๆ

“น้ำตาลไม่มาหรอก นี่น้ำตาลไม่ได้บอกมึง?”

“บอก...บอกไร” อะไรวะ มันพูดอะไรของมัน

“ตาลมันว่าส่งข้อความหามึงแล้ว”

“ข้อความ...” ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงทันที เปิดหน้าจอเข้าแอพพลิเคชั่นที่คุยกับน้ำตาลดู



            ‘น้องคะ พอดีว่าพรุ่งนี้พี่มีธุระที่บ้านกะทันหันจริงๆ’

            ‘พี่เลี่ยงไม่ได้เลย ขอโทษด้วยจริงๆนะคะ’

            ‘เพื่อเป็นการไถ่โทษ พี่ส่งคนไปแทนน้าาา จิ้บจะได้ไม่ว่าน้อง ยังไงก็ฝากด้วยนะค้าาาา’

            ‘ขอโทษจริงๆนะ’

            (อิโมติคอนยกมือไหว้)




เหี้ย...



“จะถ่ายป้ะวะ”

เป็นไงล่ะ อยากให้เขาตอบกลับมายาวๆ

“ถามไม่ตอบ ความจริงถ้าตาลมันไม่ขอกูก็ไม่มาหรอก”

ยาวสมใจมึงไหมล่ะ ฮือออออ

“อ้าปากทำไมเนี่ย มึงช็อตเรอะ?” บีมใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากผมสองสามที จนมันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

“เอ้า งั้นกูกลับนะ”

ผมมองบีมลุกขึ้น โบกมือให้ผมแล้วเดินออกไป

“เหี้ย...”

“พี่มุ่ยยยย ลาเต้กับเครปเค้กได้แล้วคร้าบบบบ”

ผมมองมันกำลังเปิดประตูร้านออกไปด้วยความรู้สึกที่...

“โคตรเหี้ย...”

“เมื่อกี้ใครอะพี่ โคตรสุด ทำไมมอพี่มีแต่คนหน้าตาดี คัดหน้าตากันมาเรียนเหรอวะ..วะ...เว้ย! พี่! จะไปไหน!”

เหี้ยไปอีกที่ตัวผมลุกขึ้นอย่างกะทันหัน และออกวิ่งตามไอ้คนตัวสูงไปจนเกือบชนน้องไอ้เจ๋ง โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องตามมันด้วย


หมับ!


ผมคว้าไปที่ข้อมือบีม จนเจ้าตัวชะงักไปครู่นึงแล้วหันกลับมามองผม เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม


แม่งเอ้ย...


ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ลงไป ก่อนจะเค้นคำพูดที่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะพูดออกมาได้


“เป็น...”

“หืม?”

“อยู่เป็นแบบให้ก่อนดิ”

 

 

 

____________________________________________________



[สวนสุขภาพ]



“เดินให้มันเร็วๆดิ้ ถ้าแสงหมดก่อนจะไม่ได้รูปนะเว้ย” ผมหันกลับไปโวยบีมตอนนี้กำลังเดินเอื่อยส่งยิ้มหล่อให้กับสาวๆที่มาออกกำลังกายกันแถวนั้น

ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น ที่สวนสุขภาพตอนนี้มีหนุ่มสาวชาวมหาวิทยาลัยออกมาเดินเล่นกันเต็มไปหมด แต่ดูท่าวันนี้สาวๆจะเยอะกว่าเดิม จนผมยังหาโลเคชั่นที่ถูกใจไม่ได้ แล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นตัวการ

สวนสุขภาพของมหาวิทยาลัยผมเป็นสวนที่กว้างมากๆ เรียกได้ว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมเลยก็ว่าได้ มีบึงน้ำอยู่ตรงกลาง ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กให้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นให้อาหารปลาชิวๆกัน มีลานบาสกลางแจ้งที่เป็นศูนย์รวมคนหน้าตาดี ครั้งนึงไอ้โป้เคยมาเล่นบาสอวดสาว เล่นไปก็ส่งสายตาให้สาวไป ยังเล่นไม่ทันจบเกมดี เกือบโดนยำตีนจากรุ่นพี่ที่น่าจะเป็นแฟนของคนที่มันขยิบตาแอ๊วเขา พวกผมปรี่เข้าไปขอโทษแทบจะไม่ทัน จากนั้นก็ไม่ค่อยได้มากันอีกเลย จะมาก็แค่ผมคนเดียว

“เมื่อไหร่จะถ่าย กูเห็นมึงเดินวนเป็นสิบรอบ” ผมหันกลับไปตามเสียง ก็เห็นบีมกำลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามผมมา วันนี้บีมใส่เสื้อยืดลายกราฟฟิคสีดำคูลๆ กับกางเกงยีนฟอกสี พร้อมรองเท้าแตะสีดำลายขวางที่คู่ละเป็นพัน


มันมาแค่เนี้ย...


มันมาแค่นี้ยังดูดี!


กูก็แต่งพอๆกับมันเลยนะ ดีกว่ามันอีกเพราะผมใส่รองเท้าผ้าใบ


ไม่อยากยอมรับว่ามันดูดีกว่า


ผมล่ะอยากจะทุบๆตัวเองให้แบนไปเลยจริงๆ ไม่รู้สมองคิดอะไรอยู่ถึงเอามันมาเป็นแบบแทนน้ำตาล คือปากแม่งพูดไปละ แต่เพิ่งมาคิดได้ทีหลัง มันคือศัตรู!


โคตรเซง


แล้วกว่าจะมาถึงที่สวนได้พลังงานก็แทบจะหมดไปกับมัน แม่งไม่เอารถมา ผมก็ต้องให้มันซ้อนน้ององุ่นสุดที่รักของผม ฮึ่ย!

แต่ทำไงได้วะ ในฐานะคนมองผ่านเลนส์ บีมคือคนที่โคตรดึงดูด ทั้งรูปร่างหน้าตาและแทบจะทุกอิริยาบทของมันดูดีจนผมปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากถ่ายภาพให้มันซักครั้งนึง


แต่ถ้าในฐานะไอ้มุ่ยคนนี้ เฮอะ! หน้าตามันก็งั้นๆ เดินล้วงกระเป๋าแล้วคิดว่าหล่อมากเลยดิ ปั้ดโถ้ะ!


“ด่ากูในใจอีกดิ หึๆ คิ้วขมวดหมดแล้วนั่น” บีมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ แล้วยื่นมือมาใช้นิ้วขยี้ตรงหัวคิ้วผม

“ยุ่ง!” ผมปัดออกอย่างรำคาญ

“แล้วหาได้ยัง ไอ้โลเคชั่นที่ว่าเนี่ย ถ่ายๆให้มันจบไปก็พอ”

“กูไม่ใช่มึง...แชะ” บีมก้มตัวลงหยิบดอกไม้ที่ร่วงจากบนพื้นขึ้นมามองแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำให้ผมต้องยกกล้องขึ้นถ่าย

ที่ๆผมกับบีมยืนอยู่ขณะนี้เรียกได้ว่าเป็นมุมโปรดของผมเลย ทางเข้ามาเป็นทางเดินลัดสวนเล็กๆ ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น ซึ่งมันก็ดีมากทีเดียวเพราะผมหวง พอเดินมาเรื่อยๆก็จะเจอกับต้นปีปขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นบึงน้ำกลางสวนและวิวทิวทัศน์ได้เกือบจะทั้งหมด แถมยังเป็นที่ที่เงียบสงบไม่มีเสียงคนรบกวนเวลาจะถ่ายรูป และด้วยความที่ใบของต้นปีปไม่ใช่ใบที่หนาทึบ ทำให้แสงแดดส่องถึงพื้นได้ เรียกได้ว่าเป็นโลเคชันที่ยอดเยี่ยม

“ห้ามไปบอกใครนะ ที่ตรงนี้” ผมพูดพลางเช็ครูปที่ได้มาไปด้วย

“หืม? ทำไมล่ะ”

“หวง...ความจริงจะพาน้ำตาลมาแล้วเก็บไว้เป็นที่ของเราสอง เข้าใจป้ะ แต่นี่ดันเป็นมึงแทนก็ทำไรไม่ได้แล้ว” ผมว่าพร้อมยกไหล่ขึ้นอย่างเสียไม่ได้

“น่าดีใจแทนมันจริงๆ...”

“แล้วทำไมถึงยอมมาเป็นแบบให้อะ ได้ยินว่าไม่ชอบ”

“ตาลขอมา”

“อ๋อเหรอออออออออออ” ผมลากเสียงยาวอย่างหมั่นไส้

“ไง อิจฉาอะดิ” มันยักคิ้วให้แถมยังยื่นหน้ายิ้มล้อๆมาให้ผม

“คอยดูเหอะ นี่อะแฟนตาลในอนาคต” ขิงไว้ก่อน ขอให้กูได้ขิงไว้ก่อน เป็นไม่เป็นอีกเรื่อง ฮ่าๆ

“เออ ทำให้ได้แล้วกัน รู้อะไรไหม ตาลมันไม่ชอบใครง่ายๆ”

“แล้วงะ...” ผมจับกล้องแล้วแสร้งทำเป็นยกขึ้นถ่ายวิวรอบตัวอย่างไม่คิดจะฟังที่บีมพูด พูดมาเล้ยยยยย

“อย่างมึงเนี่ย...ไม่ใช่สไตล์หรอก”

“เหรอ เหรอ เหรอออออ” หมั่นว่ะ ทำมาขิงกลับ คิดว่าสนิทกับตาลมากกว่าแล้วจะพูดยังไงก็ได้เรอะ

“หึๆ” ทำมาเป็นหัวเราะเท่ๆ โด่ว

“เดินไปตรงนั้นหน่อยดิ๊ น่ะๆ เออตรงนั้นแหละ” ผมจัดแจงองค์ประกอบทุกอย่างให้ลงตัวแล้วเริ่มถ่ายใหม่อีกครั้ง ผมว่าจะให้เป็นธีมผู้ชายกับดอกไม้ ภาพลักษณ์ของบีมที่ดูหล่อดูเท่กลับเข้ากันกับดอกไม้ได้ดีชะมัด


อิจฉาว่ะ จากใจ


“เออ มึงหน้าคุ้นๆนะ เหมือนเคยเจอที่ไหนแต่จำไม่ได้” ผมทักขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้พอดี หลังจากได้มองมันหลายๆมุม

ผมคุ้นจริงๆนะ เหมือนเคยเจอที่ไหนไม่รู้

“วันที่มึงล้มอยู่ข้างถนนวันนั้นน่ะเหรอ”

“เห้ย ไม่ใช่ดิ ลืมไปได้ไหมวะ โคตรอาย”

“อายเป็นด้วยเหรอครับ น้องมุ่ย” มันยกยิ้มกวนๆ ทำหน้าตาน่าถีบ

“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่น้อง นี่รุ่นเดียวกัน” ผมเถียงกลับ

“เข้าใจๆ” บีมพยักหน้าเหมือนยอมรับแต่หน้าตามึงไม่ใช่เลยยย

“นี่ซิ่วมาเนี่ย”

“ครับๆ” บีมยกมือยอมสองข้างขึ้นทำท่าว่ายอมแพ้ แต่กลับหัวเราะหึๆ ผมแกล้งทำไม่สนใจแล้วกลับมาโฟกัสเรื่องถ่ายภาพแทน

“ที่ถือนั่น ดอกปีปนะ รู้จักเปล่า” ผมยกกล้องเตรียมถ่ายอีกครั้ง

“ไม่”

“อ่อน”

“หึๆ ฮ่าๆ” จู่ๆมันก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อะไรวะ

“ขำไร” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆอย่างงงๆ เห้ย...แต่มุมนี้ได้ ภาพที่บีมหัวเราะกว้างๆโคตรให้ลุคผู้ชายอ่อนโยน

“ขอมู้ดเผลอๆกับดอกไม้ได้ป้ะ...อือ...งั้นแหละ”

“อะไรวะ...กูยัง...”

“เห็นดอกไม้แล้วคิดถึงอะไร” ผมถามบีมขณะที่กำลังโฟกัสภาพไปด้วย ไม่อยากยอมรับว่าแม่งโคตรดี

“อืม...” แม่งมุมนี้อย่างได้ ใบหน้าด้านข้างที่ทำให้เห็นสันกรามอย่างชัดเจน จมูกโด่งชัด สายตาทอดมองไปยังดอกไม้พร้อมมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยจากการที่บีมน่าจะเผลอยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ รวมกับแสงที่ทอดลงมาพอดีทำให้ภาพที่ออกมาดูดีจนผมชะงักไปครู่นึง


“คือเผลอเก่งจังวะบีม...” ผมลดกล้องแล้วพูดออกมาเสียงเบาอย่างทึ่งๆ


“หึ...” รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าคมหันมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสายตาของบีมที่มองทะลุเลนส์จนเหมือนกับได้จ้องกันตาต่อตามันมีเสน่ห์มาก ทำเอาผมกดชัตเตอร์แทบไม่ทัน

“ตกลงเห็นดอกไม้แล้วคิดถึงอะไร” ผมลดกล้องลงอีกครั้ง ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเนื่องจากการยืนถ่ายรูปนานๆแล้วมันเมื่อย มือก็กดเช็ครูปที่ถ่ายไปทั้งหมดว่าได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า

“น่ารักดี...”

“แค่เนี้ย?”

“อืม”

“กูอะ เห็นดอกไม้แล้วนึกถึงน้ำตาล เข้าใจใช่ป้ะว่าคนมันอินเลิฟ ฮ่าๆ”

“สวยเหมือนดอกไม้?”

“ใช่!”

“อ้าว ไม่มุกเหรอ”

“กับเขากูจริงจังเสมอ ฮิ้ววววว” ผมหัวเราะคิกคักให้กับคำพูดตัวเองพลางก้มหน้าเช็ครูปต่อ เห็นบีมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถเล่น เห่อ พวกติดโซเชียล

“ทำไมถึงชอบน้ำตาล”

หลังจากที่เราทั้งคู่เงียบกันไปได้ซักพัก บีมก็ถามขึ้นมา

“เขาสวย”

“แค่นี้?”

“ช่าย~ จะเอาอะไรอีกอะ ก็เขาสวยจริงก็เลยชอบ”

“อยากได้เป็นแฟนขนาดนั้นเลยดิ”

“ก็อยากนะ อยากให้เขามาเป็นแบบให้”

“ตอบไม่ตรงคำถาม”

“อะไร้...”

“ถามว่าอยากได้เป็นแฟนเหรอ”

“ช่าย...เขาเป็นผู้หญิงในจินตนาการ รูปต้องออกมาเพอร์เฟคสุดๆ”

“ก็ยังไม่ตรง-”

“พอๆ เสร็จงานแล้ว! เลิกๆ กลับบ้าน!” ผมตัดบทที่บีมกำลังจะถามขึ้นมาอีก แล้วชันตัวลุกขึ้นปัดกางเกงที่เปื้อนฝุ่นสองสามที

“กี่โมงแล้ว” ผมถามบีม

“หกโมงกว่า”

“กลับ! แยกย้าย” ผมเก็บกล้องใส่กระเป๋าคว้ากระเป๋าคาดอกขึ้นมาคาดพร้อมเช็คความเรียบร้อยรอบตัวว่าลืมอะไรหรือเปล่า เตรียมจะเดินออกมา แต่ก็โดนคว้าหมับเข้าที่ข้อมือตัวเองก่อน

“อะไร...”

“กลับด้วยดิ”

“ก็ให้เพื่อนมารับ”

“อุตส่าห์มาเป็นแบบให้ เสื้อก็ไม่ได้คืน แค่ติดรถไปด้วยยังไม่ได้ อืม เข้าใจๆ”

แหนะ

“ไปเถอะ เดี๋ยวโทรให้ตาลมารับก็ได้”

แหนะ

“มึงต้องเป็นคนยังไงอะ...โว้ย! จะมาก็มา!”

 

 

_________________________________


“มึงต้องเป็นคนยังไง ทำไมขัดกับภาพลักษณ์งี้ล่ะ ไม่ใช่ต้องเป็นคนเท่ๆหล่อๆเหรอ แล้วนี่อะไรอะ มึงมานั่งซ้อนท้ายน้ององุ่นกูคือไรวะ แล้วคือคิดจะให้แวะกินข้าวยังงี้ก็ได้อ่อ ถามกูซักคำไหมว่าอยากกินด้วยรึเปล่า” หลังจากจอดรถและถอดหมวกกันน็อคออก ผมก็ว่าให้มัน แม่ง ให้ผมแวะร้านตามสั่งข้างทางก่อนซอยเข้าบ้านมัน ใช่! ผมก็หิว! แต่ก็ไม่อยากกินกับมันไง

“เอาไร”

“กระเพราหมูใส่ตับ ไข่ดาวด้วย” ผมเดินมานั่งเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน มองมันเดินไปสั่งกับป้าแม่ค้า เห็นคุยกันหัวเราะคิกคักๆกัน

กับป้ามึงยังแอ๊วเขาเหรอวะ

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ก่อนกดเข้าอินสตราแกรมเปิดกล้องอัพสตอรี่ด้วยความหมั่นไส้ ซูมมันเข้าไป ซูมมมมมม มันเข้าไปๆ พร้อมแคปชั่น ‘คนเหี้ย’ ตัวโตๆ

“ทำไร” บีมเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามผม พร้อมกับน้ำเปล่าสองแก้ว ผมมองหน้าบีมเห็นไรผมชื้นเหงื่อนิดๆจนต้องควักหาทิชชู่แล้วยื่นให้

“เหงื่อออกหมดแล้ว”

“ทำไมใจดีวะ”

“หวังผล เผื่อมึงพูดเรื่องกูให้น้ำตาลฟัง เข้าใจป้ะ พูดดีๆด้วย แต่อย่าลืมบอกว่ากูหล่อมาก” ผมยกแก้วน้ำดื่มเอื้อกใหญ่

“น้ำตาลมันไม่ชอบมึงหร้อก อย่าพยายามเลย”

“เหรอๆ” ผมเอออออย่างไม่คิดจะฟัง แล้วไถโทรศัพท์เล่นไปเรื่อย


ครืด!


หืม ไอ้โป้ส่งวิดีโอไรมาวะ

 

ผมไม่กากนะครับ (4)

ปีโป้เป็นของหวาน :

ส่งวิดีโอ

อะไรอ่าาาาาาา

ไหนว่านัดกับพี่น้ำตาลงายยยยยยยยยย



ที่โป้ส่งมาเป็นวิดีโอสั้นๆ ในนั้นเป็นรูปผมนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นและมือไม้ขยุกขยิกซ้ำไปซ้ำมาจากเอฟเฟคของอินสตราแกรม

อะไร? นี่มันตอนที่ผมกำลังนั่งเช็ครูปที่ถ่ายบีมไปนี่หว่า ผมเงยหน้าขึ้นทันทีก็เห็นบีมกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนกัน มึงถ่ายเรอะ?


ผมไม่กากนะครับ (4)

มะระมุ่ย : ของบีมอ่อ?

ปีโป้เป็นของหวาน : เออ ในไอจีสตอรี่พี่แก แล้วเขาไปอยู่กับมึงได้ไง

เจ๋งแปลว่าหล่อ : เสือกด้วยๆ

กีระแก๊ป : เอ้า!

เจ๋งแปลว่าหล่อ : แผนล่มอ่อวะ

มะระมุ่ย :

เออดิสัด น้ำตาลไม่ว่างเลยให้บีมมาแทน

เนี่ยมันยังบังคับให้กูมาส่งมันที่บ้านอีก โคตรเห้

ปีโป้เป็นของหวาน :

เห้ยมีอีกๆ อันนี้ล่าสุด

ส่งรูปภาพ



เป็นรูปที่ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดชนกันจ้องมือถืออยู่พร้อมอิโมติคอนรูปผู้ชายโบกมือเล็กๆ แบกกราวด์ข้างหลังคุ้นๆนะครับ

“ถ่ายลงทำไม!” ผมโวยวายใส่ มือก็ยื่นไปลดโทรศัพท์ของคนตรงหน้าลง

“อัพเดตชีวิตไง”

“รูปอื่นก็ได้ สนิทกันเรอะ!”

“ตาลก็เข้ามาดูด้วยว่ะ”

“ไหนๆ” ผมชะโงกหน้าไปดูโทรศัพท์มันทันทีหลังจากพูดจบ เขามาดูจริงด้วยว่ะ โอ้ยยยย เขามาดูกูๆ ผมจำชื่อไอจีของน้ำตาลแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาพิมพ์ลงในช่องค้นหา ก็เจอกับคนสวยของผม

แต่ล็อค...

“บอกน้ำตาลให้รับให้หน่อย” ผมกดส่งคำขอไปแล้วเงยหน้าพูดกับบีม

“บอกเองดิ จะจีบเขาก็ทำเองสิครับน้องมุ่ย!” แล้วมันก็ลุกเดินไปหยิบจานข้าวที่ทำเสร็จพอดีกับป้าแม่ค้า

“กั๊กกู ไอ้บีม ไอ้บ้า” ผมด่าไล่หลังมันไปแต่ไม่ดังมากนัก คนเยอะครับกูอาย

เนี่ย แล้วคนก็มองตั้งแต่ผมเดินเข้าร้านมาละ คือเข้าใจว่าตัวเองหน้าตาดีมากแต่จ้องขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะ มารยาทนิดนึงนะครับ อิอิ


ผมไม่กากนะครับ (4)

เจ๋งแปลว่าหล่อ : อะรายอ่าาาาาา

ปีโป้เป็นของหวาน :

อันนี้ล่าสุดของล่าสุดดดดด

ส่งรูปภาพ



เป็นภาพผมยื่นมือไปตรงหน้ามัน ก็คงเป็นตอนที่ผมปัดโทรศัพท์มันลง หน้าเหน้อไม่ต้องพูดถึงครับ อย่างเหี้ยปากก็อ้าค้างเห็นไปถึงลิ้นไก่ตามด้วยแคปชั่น ‘เกรี้ยวกราดเก่ง’


อะไรของมึ้งงงงง ไอ้หมาบีมมมมมม


ผมไม่กากนะครับ (4)

กีระแก๊ป :

ส่งรูปภาพ

มึงก็อัพสตอรี่พี่เขานี่ ไอ้มุ่ยยยยยย

มะระมุ่ย : มันกวนตีนกู คนเหี้ยตัวโตๆ


ผมส่งสติ้กเกอร์หมีหน้ามุ่ยลงกรุ๊ปตบท้าย ไอ้บีมก็มาพอดีพร้อมข้าวสองจาน

“เดี้ยมึงๆ” ผมชี้หน้าอย่างคาดโทษแล้วรับจานข้าวมา วันนี้หลายดอกแล้วนะครับมันอะ โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ ถ้ามันเอาไปฟ้องน้ำตาลขึ้นมา ภาพลักษณ์ที่ผมสั่งสมมา(?)มีอันต้องสลายหายไปกับตาแน่ๆ

“แล้วเสื้อกูล่ะครับน้องมุ่ย” ยังไม่ทันตักข้าวเข้าปาก บีมก็ถามถึงเสื้อบอลเห่ยๆที่ให้ผมมาใส่ตอนโน้น

“อยู่บ้าน”

“เดือนหน้ากูมีแข่ง คืนไหม?”

“ตั้งเดือนหน้า ขี้เกียจกลับบ้านไปเอา รออาทิตย์หน้าได้ป้ะ”

“แล้วมึงไม่อยู่บ้าน?”

“อยู่หอ บ้านอยู่ไกล”

“นี่เสื้อกูรึเปล่าวะ เหมือนไม่ใช่เลยอะครับน้อง”

“อย่าเซ้าซี้ จะกินข้าว อาทิตย์หน้านู่น”

ร้านนี้ทำกับข้าวอร่อยว่ะครับ ผัดกะเพราเป็นผัดกะเพราจริงๆ แต่ให้เยอะไปหน่อยผมกินไม่หมด เหลือบานเลย

“อิ่มยัง? จะได้ส่งมึงให้เสร็จๆไป กูง่วงแล้ว” ผมถามบีมแล้วดื่มน้ำตามเข้าไปอึกใหญ่ๆ สายตาก็มองไปที่จานมัน จะต้องละเลียดกินอะไรขนาดนั้นวะ

“กินแค่นี้ ถึงว่าตัวไม่โต”

“ไม่ยุ่งเรื่องของเก๊านะตะเอง~ งื้อๆ” ผมยื่นมือไปบีบจมูกบีมเบาๆ ทำปากจู๋แบบแบ๊วๆแล้วพูดไปด้วย บีมทำหน้าอึ้งไปสองวิก่อนจะหัวเราะออกมาจนตาหยี

“ฮ่าๆ”

คนมองหมดแล้วสัด!

“กลับเองเลยไหม?”

“น้ำตาลชอบคนมีกล้ามเนื้อไม่ใช่แห้งๆแบบมึงหรอก จีบแล้วยังไม่รู้เรื่องเขาเลย จะไหวเร้อ”


จริงป้ะน่ะ...


“งั่มๆ...พอใจยัง...งั่มๆ...กูได้แค่สามคำ...งั่มๆ...” ผมตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวให้มันดูทันที อ้อก! ไม่ไหวแล้ววว

“ดีมาก กินเยอะๆ ไม่กลัวเดินๆไปแล้วแล้วกระดูกหักทิ่มเนื้อทะลุออกมาบ้างเหรอวะ ทำตัวเหมือนคนอดอยาก”

“คนเหี้ยอย่างมึงมีสิทธิ์ว่ากูด้วยเหรอ” ผมย้อนมันกลับไป

“พูดก็ไม่เพราะ ไม่น่ารัก”

“ไม่ได้อยากน่ารักด้วย”

 “เหรอ...ไหนลองน่ารักให้ดูหน่อย”

“กูไม่ได้จะน่ารักกับมึง ไอ้บีม ไอ้บ้า...ป้าครับ! เก็บตังที่ไอ้หน้าหมีนี่เลยครับ!” ผมเดินออกมาจากร้านอย่างหงุดหงิด อีกอย่างของบีมเลยคือแม่งพูดไม่รู้เรื่องไง!


น่ารักอะไร! ใครเขาจะอยากน่ารักกับมึง!


ไอ้หน้าหมีเอ้ย!

 



____________________________________


“ถึงแล้ว เอาหมวกกันน็อคมา” หลังจากกินข้าวกันแล้วผมก็รีบบึ่งมาส่งบีมทันที โฮ่! อพาร์ตเม้นใหญ่ด้วย คนรวยๆเท่านั้นแหละครับจะอยู่ที่นี่ คนอย่างเราๆก็นู่น เปิดประตูปุ้ปนอนได้เลย ฮ่าๆ

ความจริงหอผมกับหอบีมก็ไม่ได้ไกลกันมากนะ ทางเดียวกันด้วย แค่หอบีมต้องเข้าซอยไปอีกหน่อยส่วนหอผมอยู่ติดถนนเลย

“กลับดีๆ มึงขี่รถเร็วนะน้องมุ่ย” พอยื่นมือไปรับหมวกกันน็อค บีมก็ชักมือกลับไม่ยอมคืนหมวกมาให้ผมซะงั้น

“รู้แล้วน่า กูไม่ทำลูกกูเสียโฉมหรอก แล้วจะเรียกกูน้องหรือมึงก็เอาซักอย่าง ฟังแล้วขัดหู๊ ขัดหู”

“สวมแว่นด้วย มืดแล้ว” บีมชี้นิ้วมาตรงกระเป๋าคาดอกของผมแล้วยื่นหมวกกันน็อคมาให้ ผมรับมาแล้วแขวนไว้ตรงที่พักเท้า ยังไม่ทันขึ้นคร่อมรถก็ได้ยินเสียงบีมทักใครขึ้นมาก่อน

“บู ไปไหนมา” ผมหันไปก็เห็นเด็กผู้ชายวัยมัธยมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าบีมทันทีที่บีมทักขึ้น

“ไปกับเพื่อน” ผมเพ่งสายตามองไปยังเด็กคนนั้น อืม หน้าคล้ายๆบีมมันเลยว่ะ เดี๋ยวสวมแว่นแป้ป อ่า...คล้ายกว่าเดิมอีก พี่น้องป้ะเนี่ย

“พี่บอกว่าอย่ากลับค่ำ”

“รู้แล้ว”

“...”

ผมยืนมองสลับไปมาระหว่างคนสองคน บีมทำหน้าเครียดก่อนจะถอนหายใจหนักๆออกมา นี่มึงบีมตัวจริงป้ะเนี่ย ก่อนหน้านี้อย่างกับคนบ้า ใครสิงมึงห้ะ!? ส่วนบู...ใช่ไหมวะ เออๆ ทำหน้านิ่งสายตาก็เสมองไปทางอื่นอย่างเบื่อหน่าย เบื่อไร เบื่อกูรึเปล่าครับ แอ๊!


กูว่ากูควรกลับ


นะ...


“เอ่อ..” สายตาของทั้งสองคนมองมาที่ผมทันทีเมื่อเอ่ยปากขึ้นมา เรื่องนี้มุ่ยจะไม่ยุ่ง

“กลับละ...บ้ายบายเพื่อน!” ผมยื่นมือไปตบบ่าบีมส่งยิ้มกว้างให้แล้วเผื่อแผ่ไปยังน้องบูที่ก็ยังทำหน้าเหมือนเดิมแต่คิ้วเริ่มขมวดละ

ผมชิ่งออกมาที่น้ององุ่นอย่างรวดเร็ว รีบขึ้นคร่อมพร้อมสตาร์ทรถ แต่ก่อนจะออกผมก็โบกมือบ้ายบายให้อีกครั้ง คราวนี้เห็นบีมมันยิ้มมุมปากเล็กน้อยส่งมาให้ เออ ค่อยยังชั่ว หน้ามันตอนคุยกับน้องบูนะ ดุ๊ดุ เห็นมันยิ้มแล้วผมค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เวลามันยิ้มดีกว่าเยอะ ถึงแม้จะแค่ยิ้มมุมปากแต่ใจแกว่งไปนิดนึงเลย



มันหล่อไง...



ใจแกว่งเลยไง...เป็นเรื่องธรรมดาเวลาที่เราเห็นคนหน้าตาดีมากๆไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายไงครับ



ทุกคนก็เคยเป็นใช่ไหมล่ะ ผมรู้ผมเรียนมา



...เอ้อ



อิหยังวะ?...





----------------------------------------------------------------------------------------------



[TALK]  โปรดอ่านเพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านนิยายเรื่องนี้มากกว่าเดิม + ชี้แจ้ง

มาเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในที่สุด! ก็ทำได้ละฮะ! 5555555555555555555555 เรามีเรื่องมาชี้แจงนิดหน่อยค่ะเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้

1 เราคิดว่าถ้าวันหนึ่งเขียนจบแล้วจะมีการรีไรท์ใหม่อีกรอบ เกลาภาษาให้ดีขึ้น เราคิดว่าเรายังบรรยายไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ เลยจะพยายามฝึกให้มากแล้วจะรีใหม่อีกครั้ง ฮึบ! แต่เนื้อหาไม่เปลี่ยนไปนะคะ สบายใจได้ เย้!

2 เวลาน้องมุ่ยกับเพื่อนน้องมุ่ยเรียกแทนบุคคลที่สามว่า 'เขา' ขอให้นักอ่านทุกท่านอ่านว่า 'เขา' เลยนะคะ ไม่อ่าน 'เค้า' น้าาา เราคิดเองว่ามันน่าจะให้อารมณ์เด็กต่างจังหวัดได้ดีกว่าน่ะค่ะ แล้วมันจะดูน่ารักมากๆด้วยเวลาน้องมุ่ยพูด อันนี้จากความรู้สึกเรานะคะ แต่ถ้าไม่ถนัดจริงๆ ก็ตามที่ผู้อ่านทุกท่านสะดวกได้เลยเจ้าค่ะ อิอิ

3 เกี่ยวกับการอัพนิยายของเรา เรามาไม่ตรงเวลาจริงๆค่ะ ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ขออภัยผู้อ่านทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ ถ้าเราหายไปนานมาก แหะๆ เราพยายามที่จะเขียนออกมาให้ดีที่สุดก่อนจะนำออกมาเผยแพร่ ขอโทษจริงๆนะคะถ้าเรามาช้าจนทำให้ไม่อยากอ่านต่อ แต่เราสัญญาว่าเราไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ ฮึบบบบบบบบบบบ

สุดท้ายนี้ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านจริงๆจากใจของเราที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้ เเค่เราเห็นคนเข้ามาอ่านเราก็ดีใจสุดๆ เป็นกำลังใจที่ดีและสำคัญมากๆสำหรับเรา และถ้าต้องการติชมสามมารถคอมเม้นลงได้เลยค่ะ เราน้อมรับทุกความคิดเห็น

ขอบพระคุณค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2018 01:59:33 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
บทที่ 8
อย่าเรียกว่าเมา แค่โลกมันดีเล




@หอพักXXX

FAHMUI PHOTO ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 20 ภาพ ลงในอัลบั้ม: GIVE ME A FLOWER

26 สิงหาคม

MODEL : Beambeam Pattaranon (ig : b.patt13)

PHOTO : Fahmui mui

 

 

ถูกใจ       แสดงความคิดเห็น                แชร์

Bambii Geeranan, Nt Netiporn และคนอื่นๆอีก 250 คน

แชร์ 75 ครั้ง

 

เออ ลงไปไม่ถึงสิบนาทีคนกดไลค์เป็นร้อย ควรจะดีใจที่มีคนติดตามเยอะหรือจะหมั่นไส้หน้าบีมมันดีวะ

ผมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจพลางหันไปมองนาฬิกา อืม สี่ทุ่มครึ่ง เร็วกว่าปกติตั้งเกือบชั่วโมง ผมคว้าถุงเยลลี่ขึ้นมาแล้วหยิบเจ้าหมีนุ่มนิ่มเข้าปาก เคี้ยวหนุบหนับไปด้วยมองหน้าจอคอมไปด้วย ตอนนี้แจ้งเตือนเด้งเอาๆ อีกนิดคอมกูจะค้างละ หมั่นหน้ามันว่ะครับ ภาพที่ถ่ายมาแทบจะไม่ต้องทำอะไร ผมแค่ปรับนั่นปรับนี่นิดหน่อย ส่วนใหญ่ก็แก้แสงแก้ส่วนเกิน ตัวบีมผมไม่ได้แตะอะไรเลย คนหน้าตาดีถ่ายยังไงก็ออกมาดูดีครับ(เบะปาก) ยิ่งได้ตากล้องฝีมือดีอย่างผมแล้วด้วยก็นะ

ผมยืนมองชื่นชมผลงานซักพักจนเยลลี่หมดห่อก็ปิดโปรแกรมปิดเครื่อง เข้าห้องน้ำแปรงฟันแล้วกลับมานอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง ผมว่าสายตาผมสั้นลงอะ ต้องเป็นเพราะจ้องคอมบ่อยแน่เลย ดีนะผมเป็นคนไม่ติดโซเชียล



                Meena Moana กรี้ดดดดดดดดดดดดดด พี่บีมมมมม

                Buachompoo Tim โอ้ยยยย ฮวืรออออออออ ล้องห้ายแน้วววว พี่บีมของนว้องงง

                Fah Pattcha ลุคผู้ชายอบอุ่นมากกก ยั่กได้พี่เค้าาา

                Ploy Paan พี่ตากล้องสุดยอดมั่ก พี่บีมไม่เคยเป็นแบบให้ใครถ่ายเลยยย เซตนี้ฟีลฮัสแบนด์มากค่าาา

                Natty Nattie ผู้ชายกับดอกไม้ โอยยยย กูแทบคลานเข่า Dream Dorothy Nim Numnim มึงมาดู๊วววว

               

ผมเบะปากให้อย่างหมั่นไส้ มันจะหล่อซักแค่ไหนกันเชียว คอมเมนต์เว่อกันจริงๆ

ผมเลื่อนอ่านคอมเม้นไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็มีแต่ชมว่ามันหล่อ ถือว่าเป็นการดึงคนเข้าเพจได้ดี ฮ่าๆ ผมทักแชทส่วนตัวไปหาเจ้จิ้บให้แกเข้าเพจคิ้วบอยของมหาลัยแล้วแชร์อัลบั้มภาพจากเพจผมไป เสร็จเรียบร้อยก็ไล่อ่านคอมเม้นต่อ โห แป้ปเดียวแชร์กันเกือบห้าร้อยละอะ ไลค์ก็ปาไปพันกว่า โคตรสุด

 

                Kampan Kampanaat เห้ย มึงไปถ่ายมาตอนไหนวะ!! พวกมึง! New Norapat Kan Baimai

                New Norapat เบื่อหน้าแม่ง Beambeam Pattaranon

                Kan Baimai เดี๋ยวกูถ่ายมั่ง

                Beambeam Pattaranon ขอเสื้อคืนด้วยครับ แอดมิน :)

               

หือ? ผมไล่อ่านมาเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับคอมเมนต์นึง น่าจะเป็นเพื่อนบีม เห็นแท็คหากันด้วย


แล้วบีม...มึงจะทวงเสื้ออะไรนักหนาว้าาาา ฝากน้องซักอยู่เข้าใจปะ?


คือผมกลับบ้านไปแล้วก็โยนทิ้งตะกร้าของน้องสาว ฝากน้องมันซักไง เรื่องอะไรผมจะซักให้มันวะ เสื้อศัตรูนะเว้ย!


แต่เอาจริงๆใสมันโยนทิ้งไปรึยังไม่รู้ เดี๋ยวโทรถามก่อน

 

                (ว่า)

                ผมรอสายอยู่ซักพักจนเกือบจะวาง น้องมันก็กดรับพอดี

                “รับช้าจังอะใส”

                (เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เฮียมีไร)

                “คือ...”

                (ม๊าบ่นละนะ เฮียไม่กลับบ้านเอาแต่อยู่หอ)

                ฉิบหายละ...

                “คือเฮีย-”

                (จะบอกว่า ถ้าอาทิตย์นี้ยังไม่กลับเตียกับม๊าจะลงมาหา แล้วใสจะฟ้องว่าเฮียเอาแต่เที่ยว เห็นนะเว้ย รูปในเฟซบุ๊คที่เพื่อนเฮียแท็คมาอะ)

                ...กูจะได้พูดไหมวันนี้

                “ใสฟังเฮียก่อนนนนน” ผมนี่ลุกขึ้นนั่งเลยครับ! ยังไงก็ได้นะ แต่เตี่ยกับม๊าห้ามขึ้นมาเด็ดขาด!

                (แก้ตัวมา)

                “คือเฮียงานยุ่งโคตร งานเฮียเยอะมาก มิดเทอมก็มา วันนั้นคือเฮียแบบ...พักผ่อนเฉยๆเว้ย นะใสนะ...บอกเตียกับม๊าว่าไม่ต้องขึ้นมาหร้อกกก เนี่ย เดี๋ยวอาทิตย์นี้เฮียกลับ! สัญญาเลยว่ะ!”

                (ถ้าไม่เห็นหัวนะเฮียนะ)

                “เออ! สัญญาต้องเป็นสัญญาอยู่แล้วคนอย่างเฮีย”

                (แล้วโทรมามีไร...รีบๆพูดจะเป่าผมแล้ว)

                “ครั้งที่แล้วที่กลับไปอะ เฮียโยนเสื้อบอลลงตะกร้าใสไป ซักให้ยัง?”

                (เสื้อบอล...อ๋อ เอาไปโยนใส่ตะกร้าเฮียครามละ)

                “เอ้า! เอาไปให้มันทำไม!? เฮียฝากหนูซักอะ!” ยกมือกุมขมับเลยครับ ถ้าไปอยู่ตะกร้าไอ้เฮีย...โว้ยยยยยยย

                (ไม่รู้ นึกว่าของเฮียคราม)

                “ไปเอามาเลย เฮียฝากซักหน่อย เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะไปเอา”

                (โหยย ใสไม่อยากเข้าห้องเฮียครามเลย ไม่ดิ อย่าเรียกว่าห้อง ให้เรียกว่ากองขยะ)

                ใสแม่งปากร้ายได้ใครวะ แต่ก็ถูกของน้องมันครับ ไม่รู้ว่าทุกวันนี้มันอยู่รอดโดยไม่เป็นกากเกลื้อนได้ยังไง

                “ฝากหน่อยว่ะ เดี๋ยวเฮียเอาเยลลี่ไปฝาก”

                (เยี่ยม! ว่าแต่เสื้อไรนะ?)

                “เสื้อบอล ข้างหลังสกรีน P.WARAKORN แค่นี้แหละ เฮียง่วงแล้ว ฝันดีนะไอ้ตูด”

                (เออๆ)

 

ผมกดวางสาย ดูนาฬิกาก็เห็นว่าจะเที่ยงคืนแล้ว ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วจังวะ ผมรู้สึกว่าผมไถๆโทรศัพท์ไปแป้ปเดียวเองนะเห้ย

ผมตั้งนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์แล้ววางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ตบหมอนให้ฟู ปั้นผ้าห่มให้เป็นก้อนๆแล้วล้มตัวนอนอย่างสบายใจ ฮ่า~ เตียงผมแม่งโคตรนู่มมมมมมม

 

                ครืด!~

                ครืดๆ

                ครืดๆๆ

               

โว้ยยย! กูจะนอน! ห่ามึงเอ้ยยย!

โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผมสั่นไม่หยุด แจ้งเตือนอะไรนักหนาวะ! ผมเอื้อมมือคว้ามาดูอย่างหงุดหงิด

แจ้งเตือนจากอินสตาแกรม...อะไรวะ?

ผมแตะเข้าไปดูด้วยความงงงวย ยังไม่ได้อัพอะไรเลยนะวันนี้ หรือเดอะแก๊งมันแกล้งอะไรผม?



[INSTAGRAM]

b.patt13

               



527 likes

b.patt13 “ที่ถือนั่น ดอกปีปนะ รู้จักเปล่า” @Fahmuii123

View all 79 comments

 

บีมลงรูปแล้วแท็กผมมา อะไรวะ ก็แค่รูปที่มันถือดอกปีป แค่เป็นรูปที่บีมมองกล้องกลับมา แค่เป็นรูปที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มแค่นั้นเอ๊งงง


             Moooominbabe พี่คะ ทำไมละมุนขนาดนี้ ฮืออออออ

             Pimmiifgh แงงงงงงงง อบอุ่นเกินไปแน้วววววว

             Kampantt14 เชี่ย พี่เค้ามาว่ะ อัพรูปในรอบสองล้านปี

             Thenewestttttttt คนที่มันแท็กใช่คนที่ถ่ายรูปให้มันป้ะวะ?

             Kanbaimainaja กูไปส่องมาาาาา มีแต่รูปอะไรก็ไม่รู้กับหน้าเพื่อนมั้ง ไอจีแม่งอย่างได้

             ChengChingd1 @Fahmuii123 เพื่อนผมถ่ายครับ เพื่อนผมๆ

             Gappappagap02 @Fahmuii123 เชี่ยเจ๋งบอกให้แท็กครับ

             Pobeeppobeep.17 @Fahmuii123 อยากเห็นหน้ามันมาดูไอจีผมครับๆ


 

รำคาญ!

ไอ้พวกเหี้ยยยยยย พวกมันเล่นแท็คผมยาวเป็นหางว่าว แกล้งกูแล้วสัด แม่งคงรู้ว่าผมนอนเวลานี้ เลยแท็คให้มันขึ้นแจ้งเตือนผม ยังไม่ร่วมแก๊งโฟโต้กับเพื่อนในคณะที่พร้อมใจกันทั้งแท็กทั้งถามผมว่าไปดึงตัวบีมมาถ่ายได้ยังไงและอีกสารพัด พวกแม่งชอบบ่นว่าผมเป็นเด็กอนามัย นอนเร็วตื่นเช้า ไอ้สัด คือกูสายเฮลตี้อะ ถ้ากูแดกน้อยกำลังกายก็ไม่ค่อยได้ออก แล้วยังเสือกนอนดึกอีก มันก็ไม่ได้ปะวะ เอ้อ!

               

                b.patt13 @Fahmuii123 เห็นเสื้อบอลพี่ปะ?

                กวนตีน!

               ไอ้หน้าหมี!

                Fahm    uii123 @b.patt13 ซัก

                b.patt13 @Fahmuii123 เง้อ


                เง้อพ่-

                b.patt13 @Fahmuii123 นอนยัง?

                Fahmuii123 @b.patt13 รำคาญ! ไอ้หน้าหมี! กูจะนอน! ใครแท็กอีกกูจะแช่งเลย!


               

ผมวางโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด นี่มันเลยเวลานอนกูมาครึ่งชั่วโมงแล้ว โอ้ยยยย!

โทรศัพท์ก็สั่นอยู่เรื่อย แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วตอนนี้ กูจะนอน กูต้องนอน!

ผมตลบผ้าห่มขึ้นคลุมจนมิดหัวพลางหันหลังให้กับโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงครืดๆอยู่อย่างนั้น

ไม่สนเหี้ยไรทั้งนั้นแล้วกู...

 

                b.patt13 @Fahmuii123 เค

                b.patt13 @Fahmuii123 ยังไงคนที่รู้จักน้องอย่าลืมเตือนว่าให้คืนเสื้อผมด้วยนะครับ

                b.patt13 @Fahmuii123 :)

                kerdmapueajin มึง เขาดูมีซัมติง...

                numnimmm.nn ทำไม...น่ารัก

                oillerff.2f มีนงมีน้อง อิเหี้ย...


               

               



“สวัสดีครับน้องปีหนึ่งทุกคน วันนี้ที่เรียกพวกเรามา พี่มีเรื่องจะแจ้งสองสามเรื่องนะครับ” เสียงพี่แดนประธานชั้นปีที่ 2 กำลังยืนพูดอยู่ โดยมีเหล่าปีหนึ่งคณะศิลปกรรมรวมถึงผมนั่งอยู่เต็มลานหน้าตึกคณะ เลิกเรียนเสร็จก็ไม่ได้กลับไปนอนอย่างที่ใจคิด รุ่นพี่ดันประกาศเรียกรวมในกลุ่มเฟสกะทันหัน ผมกับเพื่อนก็ต้องมานั่งหน้าเหี่ยวฟังพี่เขาพูด ตอนนี้ก็ซัก 4 โมงครึ่งได้ ผมกับเดอะแก๊งอยู่แถวหลังสุดข้างโต๊ะหินอ่อน นั่งเคี้ยวขนมกันเอามันเลยครับ

“กูว่าไม่พ้นเรื่องกีฬามอ” ไอ้เจ๋งพูดขึ้นมาหลังจากยัดขนมปังก้อนยักษ์เข้าปาก แดกไปได้ไงวะ

“เออ อันนี้ยังไงก็ต้องเข้าร่วมปะ”

“ก็มีอย่างเดียวนั่นแหละว่ะ” พวกผมหลุดหัวเราะออกมา ความจริงคณะผมเป็นคณะเดียวที่แทบจะไม่จัดกิจกรรมกันอะไรเลย รับน้องไม่มี ล่าสายรหัสก็ไม่มี ก็นัดๆกันเอง ถือคติว่าอะไรยุ่งยากไม่ทำอะครับ

คือคณะศิลปกรรมของผมจะจัดกิจกรรมร่วมกับทางมหาวิทยาลัยค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว เท่านั้นก็เหนื่อยกันจะตาย เกณฑ์คนไปทำนู่นนี่นั่นวุ่นวายไปหมด

“ทางมหาวิทยาลัยเราจะจัดกิจกรรมพลับพลึงเกมส์ ซึ่งเป็นการแข่งกีฬาภายในที่จะจัดขึ้นประมาณปลายตุลานี้ครับ”

“พี่อยากจะขอความร่วมมือน้องๆ ให้ลงชื่อสมัครเข้าแข่งขันกีฬาตามที่ถนัดให้กับคณะของเรา ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าแข่งกันอะไรก็ทำพร็อบทำฉาก ส่วนที่เหลือก็...ขึ้นแสตนด์ครับ”

“โห่~” เสียงโห่จากเด็กปีหนึ่งดังกันเกรียวกราว เจ็บกว่าแข่งก็คือขึ้นแสตนด์นี่แหละวะ ผมก็ไม่เอาแม่งทั้งคู่

“ขี้เกียจอะพี่”

จู่ๆก็มีรุ่นผมคนนึงยกมือขึ้นบอกแทนใจทุกคน เชี่ยนี่แม่งได้

“ฮะๆ พี่ก็ขี้เกียจเหมือนกันว่ะ” จบประโยคพี่แดน ทุกคนก็หัวเราะกันครืนรวมถึงผมด้วย

“แต่เราจะไม่ทำกิจกรรมกันไม่ได้นะครับเด็กๆ” พี่แดนยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเชิงบอกว่าให้เงียบลง ใบหน้าก็ยังยิ้มแย้มละมุนละไมเหมือนเดิม

“เชี่ย มึงดูพี่เขายิ้ม”

“คนดีๆแบบนั้นมาเรียนคณะเราได้ไงวะ”

เสียงจากเพื่อนผู้หญิงร่วมคณะที่นั่งข้างผมกระซิบคุยกัน เออ ผมเห็นด้วยเลย ผมเคยคุยกับพี่แดนอยู่สองสามครั้ง สัมผัสได้ว่าพี่เขาอยู่คนละโลกกับกูเลยอะ หน้าตาก็ดี นิสัยยังสุภาพอีก พูดกับรุ่นน้องนี่ครับๆตลอด แถมยังชอบยิ้มพร่ำเพรื่อ จนกูคิดว่าบางที่พี่เขาขากรรไกรค้างเปล่าวะ แบบยิ้มเกินแล้วหุบไม่ลงไรงี้

“เออ ไอ้มุ่ย”

“ว่า”

“ช่วงนี้มึงได้คุยกับพี่น้ำตาลบ้างปะวะ” ได้ยินไอ้เจ๋งถามแล้วกูถึงกับต้องร้องเพลงนี้เลย

“เฮ้อ อ้ายเฮ็ดทุกวิถีทาง~ อยากได้นางเป็นเมีย แต่สุดท้ายก็เสีย~ ให้เขาไป” ไม่เคยจะตอบกลับกูเกินสามประโยคเลย แม่งเอ้ย นี่กูคุยกับต้นไม้รึเปล่า?

“หึๆ สมน้ำหน้ามึง อยากเด็ดดอกฟ้าก็ต้องทำใจ”

“กูหล่อไม่พอเหรอวะไอ้เจ๋ง? ไอ้แก๊ป?” ผมชี้หน้าตัวเองแล้วถามพวกมัน

“คนหล่อกว่ามึงเขาก็ไม่เอาปะวะ จีบไปเรื่อยๆดิ”

“กูถาม มึงชอบพี่เขาจริงปะเหอะ”

“ชอบ อยากได้มาเป็นแบบมากเลย มึงก็รู้ว่าเขาดูดีแค่ไหน”

“คนละชอบเลยยยย ไอ้มุ่ยเอ้ย~” แก๊ปผลักหัวผมไปอีกทาง อะไรวะ? ไอ้บีมก็ถามผมอย่างนี้ จำได้ไหมครับ

“มันมีหลายชอบเหรอ ไอ้บีมก็เคยถามกู”

“ไอ้ควายน้อย~ มันมีทั้งชอบแบบเพื่อน ชอบแบบรัก ชอบแบบถูกใจอยากได้ มึงอะโง่เรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ” ไอ้เจ๋งอธิบายให้ผมฟัง

“กูเข้าใจ แต่กูไม่เข้าใจว่าแยกทำไมในเมื่อสุดท้ายแล้ว...ชอบก็คือชอบ”

“รำคาญ! ไม่คุยกับมึงแล้วสัดมุ่ย” ไอ้เจ๋งทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม แล้วกระเถิบตัวเองไปกระแซะไอ้แก๊ปแทน แม่งนี่ชอบทำตัวอ้อนมืออ้อนตีนโดยเฉพาะกับไอ้แก๊ป เห็นแล้วขำ คิดภาพคนนึงทำตัวงุ้งงิ้งๆกอดแขนกอดขาอีกคนก็ทำหน้าเหมือนไม่สนโลก ฮ่าๆ

เพื่อนผมคนนี้มันคุยยากครับ บางวันผีบ้า บางวันนิ่งเงียบนั่งเหม่อจนกูนึกว่าคุยกับแม่ซื้ออยู่ แต่รวมๆแล้ว เห้ย เป็นเพื่อนกันได้ว่ะ

“เออ ทำไมมึงไม่เข้าทางพี่บีมวะ มึงสนิทกับเขาหนิ” แหนะ วกกับมาที่ไอ้บีมได้ไง

“สนิทเชี่ยไร” ผมมุ่ยหน้าทันที หลังจากไอ้เจ๋งถาม

“ก็ที่พี่เขาแท็กหาในไอจีอะ แล้วกูเห็นนะมียืมซงยืมเสื้อ แอะ”

“แอะโพ่งง” ผมปาเยลลี่ที่กำลังจะหยิบเข้าปากใส่หน้าไอ้เจ๋งทันที แม่งเสือกอ้าปากรับทันอีก รำคาญ!

“เอ้า เขาดูอยากสนิทกับมึงนะ”

“มันกวนตีน” คิดแล้วยังนอยด์แม่งไม่หาย หลังจากวันนั้นทั้งเพื่อนสาขาเพื่อนคณะแม่งทักผมเป็นว่าเล่นว่าคืนเสื้อไอ้บีมรึยังๆ ผมยังเห็นพวกผู้หญิงหัวเราะคิกคักแล้วเดินมาบอกว่าชิบผมกับมันอยู่นะ สู้ๆ ชิบ? ชิบคืออะไร?

 

ชิบหาย?

 

“ตอนแรกกูคิดว่าพี่เขาหยิ่งตามประสาคนหน้าตาดี แต่จากที่ฟังมึงเล่ากับที่เห็นมาพี่แม่งก็ไม่ได้เลวร้ายนี่หว่า”

“เหอะ”

“กูพูดจริ้ง มึงอคติกับพี่มัน สัดโม่ยยยย”

“โอโห...เลิกเป็นเพื่อนกับกูเลยปะล่ะ เข้าข้างมันเลยนะ ไปคบกับมันแทนกูได้!”

“โอ๋เอ๋ น้องโม่ยยยย ไม่โกรธน้า งุงิครุคริ” ไอ้เจ๋งทำหน้าหมาหงอยบวกกับเสียงที่ดัดเป็นเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ จนผมหัวเราะกับความกวนตีนของมัน

“ไอ้สัด!” ผมหยิบซองขนมปาใส่ไอ้เจ๋งรัวๆ

“เบาหน่อย พวกพี่เขาหันมามองแล้ว”

“เชี่ยมุ่ย! นี่มันรองเท้า...มึงปารองเท้าใส่กูอ่อ ได้ๆ” นาทีนี้ผมหยิบจับอะไรข้างตัวได้ก็เอามาปาใส่ไอ้เจ๋งหมด

ถุย! ใบไม้เข้าปาก แม่งมันปาใบไม้ใส่ผม!

“เชี่ยพวกมึง-” ไอ้แก๊ปเอาเท้าสะกิดต้นขาผมรัวๆ พอผมหันกลับไปกำลังจะด่าว่าสะกิดหาหอกอะไร ก็เจอกับเจ้าพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า

“เล่นไรกันครับน้องๆ หืม?”

เชี่ยพี่แดนเดินมาตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหนวะ?

“เออะ...” ทั้งผมทั้งไอ้เจ๋งหยุดกึกทันทีเมื่อเห็นพี่แดนเดินมานั่งยองๆอยู่ตรงหน้าพวกผม

“แรงดีกันอย่างนี้สนใจสมัครไหมครับ” พี่แดนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆตามสไตล์พี่เขา

“ไอ้มุ่ยมันเริ่ม!”

อ้าวไอ้เพื่อนเวร

“เชี่ยเจ๋ง-”

“ไม่ทะเลาะกันนะเด็กๆ” พอผมกำลังจะอ้าปากเถียงพี่แดนก็ยกมือห้ามขึ้นก่อน

“ผมลงวิ่งนะพี่” ไอ้แก๊ปพูดขึ้นหน้าตาเฉย มือก็พลางล้วงขนมในห่อกินไปด้วย

“โอเค แยม! ทางนี้มีน้องจะลงวิ่ง” พี่แดนตะโกนเรียกพร้อมกวักมือเรียกรุ่นพี่ซักคนให้มาทางนี้ เชี่ยแล้ว...

“แก๊ป...กูไม่เอาซักอย่างนะเว้ย...” ผมรีบกระเถิบประชิดตัวไอ้แก๊ปแล้วกระซิบบอก มันค่อนข้างสนิทกับพวกรุ่นพี่ครับ อย่างพี่แดนนี่ผมก็เห็นมันคุยด้วยบ่อยๆ ยังไงผมก็ไม่เอาซักอย่างอะ

“กูด้วย...เห้ย...แต่กูอยู่โฟโต้นี่หว่า...เห้ยพี่! ผมเป็นช่างภาพ!”

“แล้วน้องมุ่ย...” พี่แดนหันมาพูดกับผม

ชิบหาย...

ผมเหล่ตาไปทางไอ้เจ๋งพลางขยิบส่งซิกให้มัน กูอยู่ด้วย...กูอยู่ด้วย...

“มันก็อยู่ครับพี่ เนี่ย รุ่นพี่ให้พวกผมไว้ตามถ่ายในงานแล้วอะ เสียด้ายเสียดายเนอะ...แหะๆ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักเร็วๆตามนั้น

“งั้นก็...โอเค พวกเรากลับกันได้เลยครับ”

ดีครับ!

“น้องมุ่ยครับ! เดี๋ยวก่อน” ขณะที่ผมกับเดอะแก๊งเก็บของกันและเตรียมจะเดินออก พี่แดนก็เรียกผมไว้

“ครับ?”

“เรื่องทริป...ไว้เจอกันนะครับ” พี่แดนพูดแค่นั้น แล้วก็หมุนตัวเดินกลับไปที่เดิม แต่กูเนี่ย...งง ทริปไรแว๊

“พี่เขาพูดไรวะ?”

“เออ กูลืมบอก เจ้จิ้บแกชวนไปทริปถ่ายรูปอะ”

“แล้วเกี่ยวไรกับพี่แดนกับไอ้มุ่ย” ไอ้แก๊ปถาม เออๆเนี่ย กูงงตรงนี้เลย

“ก็ที่ๆจะไป มันอยู่แถวบ้านพี่แดนเขา บนดอยอะ แล้วเจ้แกก็ชวนกูแล้วฝากชวนพวกมึงด้วยไง ไปปะ?”

“ตอนนี้กูไม่อยาก”

“งั้นเดี๋ยวกูชวนใหม่ ไปๆกลับหอเว้ย!” ไอ้เจ๋งโบกมือไล่ พวกเราเดินแยกกันออกมา ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีอารมณ์ แถมมิดเทอมก็ใกล้เข้ามาด้วย วิชามอผมยังไม่ได้แตะเลยครับ คิดแล้วเศร้า เฮ้อ

                .

                .

                .

“มึงว่าพี่แดน...”

“เออ ตั้งนานละ...เหี้ยมุ่ยไม่รู้อะไรหร้อกกก รำคาญ”

“หึ สมเป็นไอ้น้องโม่ยจริงๆ”

                .

                .

                .

           



[ร้านเฮียตั้ม]

     

~ถ้าเธอต้องเลือกระหว่างเขาและฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอไม่ต้องเลือกฉันเลย~


“โห สัดน้องมุ่ย แต่งตัวให้เกียรติร้านกูมากเลยครับ!”

“ผมก็มาปะวะเฮีย ไหนธุระที่คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้ จนนี่ต้องขี่รถกลางค่ำกลางคืนที่แสนจะอันตรายเพื่อมาหาเฮียที่นี่?”

“เหมือนมึงประชด...ไม่เป็นไร! แดกเหล้ากัน! มานั่งกับกูก่อนๆ”

ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มซึ่งควรจะเป็นเวลานอนของผม ขณะที่ผมกำลังล้มตัวนอน จู่ๆเฮียตั้มก็โทรเรียกให้ไปหา บอกว่ามีธุระด่วนให้มาหาที่ร้านแก ผมก็เลยออกมาทั้งอย่างนั้น เสื้อบอล กางเกงบอล รองเท้าแตะ คุมโทนสัด

ร้านเฮียตั้มไม่ใช่ร้านเหล้าจ๋า จะออกแนวนั่งฟังเพลงชิวๆมากกว่า ร้านเฮียแกเป็นโทนอุ่น มองเข้ามาแล้วดูไม่อึดอัด ความสะอาดก็อยู่ในระดับดีเยี่ยม แยกโซนสูบบุหรี่ชัดเจน เป็นแหล่งสิงสถิตชั้นดีของชาวเรา แถมนักร้องที่เฮียแกคัดมานั้นไม่เคยทำให้ผิดหวัง เสียงเพราะๆทั้งนั้น

“มาๆ นั่งๆ”

เฮียตั้มลากผมมาที่โต๊ะนึง นั่งกันอยู่ประมาณสามสี่คน เฮียกระตุกแขนให้ผมนั่งลงตรงที่ว่าง มีแต่คนที่ผมไม่รู้จัก เฮียต้องการอะไรจากกูเนี่ย เออ แต่ว่าวันนี้ที่ร้านเฮียแกคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะ สงสัยใกล้เจ๊งละ ก๊ากๆ

“อ้าวน้อง!”

หือ?

“จำพี่ได้ปะเรา เพื่อนน้ำตาลกับไอ้บีมอะ” มีผู้ชายคนนึงในโต๊ะทักผม ใคร? มึงใครเนี่ย?

“ตกลงเฮียจะคุยไร” ผมไม่สนใจ แล้วหันไปคุยกับเฮียตั้มแทน

“แง๊ น้องไม่คุยด้วยอ้ะ”

“หน้าอย่างมึงนี่น้องเขาต้องจำด้วยเรอะ ฮ่าๆ”

พูดถูกใจ เอาไปห้าบาท

“พวกมึง! นี่น้องสนิทกูชื่อฟ้ามุ่ยเป็นน้องของรุ่นพี่กู เรียนสินกำปี 1”

“โอ้วว หวัดดีครับน้องฟ้ามุ่ย!”

“เฮีย สรุปจะคุยไรวะ”

“น้องไม่ตอบกูอีกแล้ววววววว”

“คืองี้ เฮียอยาก...เอ้า! ไอ้บีม น้องตาล!”

เสียงทักของเฮียทำให้ผมหันกลับไปมอง คือ...กูจะได้ฟังธุระของเฮียมันไหมวะ ผมเห็นชายหญิงคู่นึงกำลังเดินมาที่โต๊ะที่นั่งอยู่ เหยยย นั่นไอ้บีม ส่วนนั่น...น้ำตาล!


ไอ้เหี้ย!


ไอ้เหี้ยยย!


(ต่อข้างล่างค่า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2018 02:18:47 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
(ต่อตรงนี้ค่ะ)


“เฮีย ผมไปห้องน้ำแป้ป”

ผมผุดลุกขึ้นทันทีเตรียมเดินออกไปจากตรงนี้ ตอนอยากเจอเขาก็ไม่ได้เจอ ดันมาเจอตอนกูสภาพนี้ โอโห น้ำตากูจะไหล เดอะฟ้าคคคคค

“อย่าเพิ่ง! นี่สายเฮียเองมุ่ย เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก”

“กูรู้แล้วเฮีย..กูรู้แล้ว” ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูเฮีย แต่ไอ้เฮียเสือกไม่ได้ยินเสียงกู  ฟัค! สภาพกูตอนนี้โคตรจะไม่พร้อม ม่ายยยย

“มึงว่าไงนะ!? กูไม่ได้ยิน! ช่างเหอะๆ นี่! คนนี้ชื่อบีมสายรหัสกู...มึงจะหมุนตัวไปไหนเล่า...หันมาก่อน! ส่วนคนนี้ชื่อน้ำตาล คนสวยของพวกเรา ฮิ้ววววว”


ฮิ้วโพ่งงงงง


“อ้าว! น้องมุ่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยเลยนะคะ”

ผมต้องหันกลับไปหาเธออย่างเสียไม่ได้ อื้อหือ...ขะ...ขาสวยโคตร

น้ำตาลในชุดเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งลายกราฟฟิคทับด้วยกระโปรงสอบหนังสั้นสีดำเลยเข่าทำเอาผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก ไอ้เหี้ย...ดาเมจแรงมากกูไม่ไหว

“ขอนั่งด้วยคนนะ” น้ำตาลก้มหน้าลงมาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของเธอ ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก


ใกล้...ใกล้มาก...


พอน้ำตาลนั่งลงทำให้กระโปรงเลิกขึ้นมานิดหน่อย น้ำตาลยกขาขึ้นไขว่ห้าง ทำเอาผมแทบจะหยุดหายใจ


เซ็กซี่มาก เอื้อ...


คุณพ่อคุณแม่ครับ...มุ่ยไม่โอเคเลย...ยังงี้มุ่ยไม่เค..


“มานานแล้วเหรอคะ”

“...”

“น้องไม่คุยด้วยอะพวกมึง” น้ำตาลหันไปพูดกับเพื่อนเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบเธอ สับขาอีกแล้ว โอ๊ยใจกู

“ไอ้ตาลลลล ใส่สั้นขนาดนั้นแม่มึงไม่ว่าเหรอว้าาา”

“นี่เรียกสั้นเหรอวะ” น้ำตาลถามกลับไปพลางยกรอยยิ้มกวนๆ ฮือออ สวยชิบหาย ไอ้ฝัดเอ้ยยยย

“เอาว่ะ เจ้ตาลแม่งงงงงงงงง มาๆกูชงให้”

ผมที่ทำอะไรไม่ได้เพราะมัวแต่เมาขาน้ำตาลอยู่ เลยหยิบแก้วเหล้าของใครไม่รู้กระดกเข้าปากแก้เขิน ได้แต่มองเธอกับเพื่อนคุยกันอย่างสนุกสนาน สวยจังครับที่รัก ไม่โอนโยนกับกูเลย

               
จึกๆ


แรงสะกิดที่ไหล่ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ก็เจอกับ!


ไอ้บีม


เฮ้อ


“เบื่อหน้ามึงว่ะ” ผมกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด จะหันไปชวนน้ำตาลคุยก็ไม่กล้า อีกข้างก็เป็นบีมที่นั่งอยู่ โว้ยยยย แดกเหล้าแม่ง!

“เอ้า เบื่อกูเฉย นี่พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ไอ้บีมยกมือเท้าคางกับเข่าแล้วจ้องมาที่ผม

“ไปนั่งที่อื่นไป๊” ผมดันไหล่ให้มันบยับห่างออกไป แต่ก็เหมือนผลักกำแพง ไม่เขยื้อนไปไหน แถมยังหน้าเปื้อนยิ้มไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“อยากนั่งด้วยได้ปะ”

“นี่...ขอกูมีโมเมนต์กับน้ำตาลซักนิดได้มั้ย กูนั่งข้างเขากูก็อยากจะคุยกับเขาอะ มึงก็เห็นใจกูหน่อยเห๊อะ!” กูขอเอาดื้อๆอย่างนี้แหละ

“หึๆ ฮ่าๆ” จู่ๆไอ้บีมก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาหน้าตาเฉย อะไร? หัวเราะกู?

“เห้ย...คุยไรกันอะ”

“กูเห็นคุยงุ้งงิ้งๆกันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน้าาา”

“ตั้งแต่ในไอจีละ ฮั่นแหนะ!”

               
แหน่ะโพ่งง...


“พวกมึงก็แซวน้อง แกอย่าแกล้งน้องดิบีม น้องตกใจหมดแล้ว” น้ำตาลแก้ต่างให้ผม แต่ก็หัวเราะผสมโรงกับเพื่อนไปด้วย ยิ้มหวานจัง...

“น้ำตาล เอ่อ...สบายดีไหม” ถามอะไรของกูวะเนี่ย...

“หือ สบายดีสิ แต่ช่วงนี้ก็ยุ่งๆหน่อย จะมิดเทอมก็งี้แหละเนอะ”

“อื้ม...” ผมก้มหน้าลงเอานิ้วตัวเองเขี่ยกันไปมา ไม่รู้จะถามอะไร...

“แล้ววันนี้เพื่อนไม่มาด้วยเหรอ”

“เปล่าหรอก พอดีมีธุระกับเฮียตั้มนิดหน่อยน่ะ” ชิบหาย เฮียตั้มหายไปไหนแล้ววะ เฮียจะปล่อยกูเดียวดายในท้องเลไม่ได้นะโว้ยยย

ผมพยายามมองหาเฮีย ก็เห็นว่ามันเดินไปคุยกับอะไรซักอย่างกับนักร้องบนเวที เฮียแม่งทิ้งกู!!

“เหรอ...งั้นอยู่นั่งด้วยกันก่อนไหม เดี๋ยวแนะนำเพื่อนให้รู้จัก”


ไม่ๆเราไม่อยากรู้จักใครนอกจากเธอ


“เอ่อ..คือ-” ยังไม่ทันจะเอ่ยห้าม น้ำตาลก็เรียกให้เพื่อนหันมาสนใจก่อนจะแนะนำตัวให้ผมรู้จักทีละคน

“หัวเทานี่ชื่อก้าน ตาตี่ๆชื่อนิว ส่วนไอ้นิ่งๆนี่กำปั้น ส่วนบีม ก็รู้จักแล้วเนอะ”

“กูจะไม่ทักน้องแล้ว กูงอน!” คนชื่อนิวตีหน้ายุ่งกอดอกพลางสะบัดหน้าไปอีกทาง เออ กูก็ไม่ได้อยากคุยกับมึงหรอก

“ไม่มีใครอยากคุยกับมึงอยู่แล้ว”

“เชี่ยปั้น...นี่กูเพื่อนมึงไง”

“ฮ่าๆ”

ผมได้แต่นั่งมองความสวยของน้ำตาลอย่างไม่รู้จะพูดอะไร มือก็กระดกแก้วเหล้าเข้าปากเอาๆ เหล้านี่ก็เข้มชิบ ชงงี้ให้กูแดกเพียวๆเลยดีกว่า สัดเอ้ย

คนอะไรจะนั่งยืนเดินก็สวยทุกมุมทุกองศา แล้วพอได้มาเจอกันผมก็ไม่รู้จะชวนเธอคุยยังไงอีก ทุกคนเป็นไหมครับเวลาอยู่ใกล้กับคนที่ชอบแล้วเราจะแดกจุดพูดไม่ออก


แม่ง ไม่กล้าว่ะ


เขินขนาด...ฮึ่ย


นั่งมองใบหน้าด้านข้างของน้ำตาลไปซักพักใหญ่ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี พอหันหน้ามาอีกทางก็เจอกับไอ้บีมจ้องผมอยู่ หมดอารมณ์เลยกู


โค๊ะ!


“ยิ้มไร” ผมถามมัน เชี่ยแม่ง...ทำไมร้านเฮียแม่งมันหมุนๆวะ

“มึงตลกดี กูชอบในความพยายามที่จะจีบน้ำตาลของมึง”

“กูเท่มากสินะ..” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ะ

“ปัญญาอ่อนชิบเป๋ง” อ้าว!

“รำคาญมึงอะบีม ถามจริงมึงชอบกูปะเนี่ย วอแวกูจัง”

“แล้วชอบได้ปะ”

“ไม่ให้”

“ทำไมล่ะ”

“มึงจะชอบต่อไม่ได้ มันคือรักสามเศร้า”

“หะ?”

“คือกูชอบน้ำตาลแล้วมึงก็ชอบกูแล้วน้ำตาลชอบมึง เนี่ยสามเศร้าเลย!”

“นี่มึงเมาเหรอน้องมุ่ย”


มึงพูดอะไรบีม! ใครเมา! บ่ามี!


“แต่ชีวิตมันก็งี้แหละ” ผมเอื้อมมือไปคล้องคอบีมแล้วตบบ่าอย่างเห็นใจ “มึงต้องเรียนรู้ที่จะอกหักเว้ย อกหักดีกว่ารักไม่เป็นไง!”

               
ทำไมภาพมันดูช้าๆวะ สโล้วสโลว โว้ๆเย้ๆ

                .

                .

                .


“บ่าได้เมา! ไผเมา! บ่ามี!”

“โลกมันดีเลย์ หันก่อ?”

บีมมองไปยังไอ้เด็กน้อยที่กำลังเมาได้ที่ มือข้างนึงยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกๆเอา อีกข้างก็จับแขนเสื้อบีมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หน้าเน่อแดงไปหมดแล้ว

“น้ำตาล! เปิ้นจะอู้กับตั๋วตรงนี้เลย!” จู่ๆมุ่ยก็คว้าแขนน้ำตาลให้หันมาหาตัวเองจนทุกคนบนโต๊ะตกใจ

“เปิ้นหนา...ฮักเมาตั๋วมาเมินขนาด อึ่ก เปิ้นตั้กหาตั๋วตลอดเลย ตั๋วกะบ่าเกยตอบกลับซักเตื้อ...”

“อะ...”

“แชทเฟสมันบ่าขึ้นหรือตั๋วบ่าสนใจ๋...อึก”

“...”

“แม่นแล้วก๊า เปิ้นมันบ่าสำคัญ ไค่ถ่ายรูปตั๋วก่บ่าไค่โตย เปิ้นต้องมาถ่ายบีม! แม่งมันนะ...หล่อขนาด!” คนตัวเล็กกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะดังปึ่ก หันมองบีมทีมองน้ำตาลที

“คือ...”

“ตั๋วจะยะใด ตั๋วอู้มาเลย...อึ่ก” ไม่พูดเปล่า ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกรอบ จนถึงกับสะอึกออกมา

“เอ่อคือ...”

“เปิ้นฮู้ว่าตั๋วฮักบีม! แต่เปิ้น...เปิ้นไค่ได้น้อง...เปิ้นไค่ได้น้อง...เปิ้นไค่ได้น้องก๊า!” คราวนี้เจ้าตัวหมุนตัวเผชิญหน้ากับน้ำตาลตรงๆ ข้างหลังก็มีบีมนั่งซ้อนอยู่

ทุกคนบนโต๊ะมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก กว่าจะจับใจความที่ฟ้ามุ่ยพูดออกมาได้ มีแค่บีมคนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกใจ กลับกันยังนั่งเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง

“พี่ว่า...น้องมุ่ยเมามาก เมามากๆเลย ยังไง...ใจเย็นก่อนนะคะ ค่อยพูดค่อยจากัน” น้ำตาลหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อมุ่ยเสียงดังขึ้นจนโต๊ะรอบข้างมองมา

“ฮึก...”

“บีม! มึงดูน้องหน่อย น้องเมามากแล้วเนี่ย” น้ำตาลชะโงกหน้าเพื่อจะคุยกับบีมที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังฟ้ามุ่ย เธอไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไงกับคำสารภาพรักที่โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วดูน้องมันตอนนี้สิ นั่งโงนเงนจะล้มแหล่มิลมแหล่ ตาปรือๆคู่นั้นก็ยังจ้องมาที่เธออย่างต้องการคำตอบ เสียงสะอึกเบาๆ ที่แทรกขึ้นมานั่นอีก ความรู้สึกไม่ได้สับสนกับการที่น้องมาบอกรักแล้ว ตอนนี้น้ำตาลพูดได้คำเดียวว่าเอ็นดูน้องมากค่ะ!

“เชี่ย...น้องแม่งพูดเหนือแล้วน่าเอ็นดูว่ะ โอ้ยยยน่าร้ากกกก” นิวที่เพิ่งหายจากอาการตะลึงพูดออกมาอย่างมันเขี้ยว

“น้องมันสารภาพรัก จะเอายังไงอะตาล” บีมจับไหล่ฟ้ามุ่ยไว้ไม่ให้ล้มลงแล้วเอนตัวโผล่หน้าตรงแถวบริเวณไหล่ของน้องพลางถามน้ำตาลด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“อย่ามากวนตีนไอ้บีม” น้ำตาลชี้หน้าไปทางบีมอย่างเคืองๆ เธอพอรับรู้ได้ว่าทั้งสองคนไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ แล้วเหมือนดูจะหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยหลังจากที่เธอผิดนัดในครั้งนั้นจนต้องวานให้บีมไปแทน

“กูยังไม่ได้ทำไรเล้ย! มุ่ยมันก็เมาของมันเอง” บีมยักไหล่ขึ้นอย่างเสียไม่ได้ คำพูดที่ออกมาดูเหมือนจะไม่สนใจ...ใช่ถ้าคนอื่นมองมาล่ะนะ แต่กับเพื่อนโต๊ะนี้รู้โดยทันทีว่าไม่ใช่แบบนั้น

แค่แววตาเป็นประกายเหมือนนึกสนุก กับรอยยิ้มชั่วๆที่เพื่อนกันเท่านั้นถึงจะดูออก ก็เดาได้เลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ

“เหอๆ กูว่าพาน้องมันไปส่งบ้านเถอะ ดูท่าจะไม่ไหวแล้ว” ก้านพูดพลางพยักเพยิดไปทางฟ้ามุ่ย

“เดี๋ยวกูพากลับเอง”

“มึงรู้จักบ้านน้องเขาเหรอบีม”

“กูไม่ได้พามันกลับบ้าน”

“อ้าว แล้วมึง...”

“เด็กๆ! เป็นไงกันบ้าง...นั่น ไอ้มุ่ยมันเมาเหรอวะ” เสียงเฮียตั้มแทรกเข้ามา พร้อมกับตัวเจ้าของที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี

“ใช่ ผมว่าจะพาน้องมันกลับ”

“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกๆ ให้มันนอนที่ร้านเฮียเอา”

“ได้เหรอเฮีย น้องมันอยู่คนเดียวนะ” ก้านทักขึ้นมา เพราะเห็นว่าการจะให้น้องมันนอนเรื้อนอยู่ที่ร้านคนเดียวมันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

“ปกติเวลาแก๊งไอ้เด็กนี่เมาเละกันจนกลับไม่ไหว เฮียก็ให้มันนอนที่ร้านนี่แหละ” เฮียตั้มโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แต่ในใจแกก็หวั่นๆนิดหน่อย เพราะครั้งนี้มุ่ยไม่ได้อยู่กับแก๊งเพื่อนตัวเอง ยิ่งหน้าตาแบบนี้ก็กลัวจะโดนใครลากไป ตัวเขาเองก็ไม่มีเวลามาดูแลขนาดขั้นด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกเฮีย เดี๋ยวผมพาน้องกลับไปนอนที่ห้องผมเอง พรุ่งนี้เช้าตื่นมาเดี๋ยวผมไปส่ง” บีมกระชับร่างของฟ้ามุ่ยให้ลุกขึ้นพร้อมกัน แต่มีหรือที่น้องมันจะอยู่นิ่งๆ

“น้ำตาล! ตั๋วยังบ่าตอบเปิ้นเลย!” ฟ้ามุ่ยโวยวายทั้งที่ตาจะปิดอยู่รอมร่อ มือไม้ก็ปัดป่ายไปมา จนบีมต้องจับรวบไว้ให้อยู่นิ่ง


กลายเป็นว่าบีมกอดฟ้ามุ่ยจากด้านหลัง


“แหมมม มีกอดดดดดด กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่”

“ก็น้องไง”

“หราาาาาา”

บีมส่ายหัวเล็กน้อย เมื่อเพื่อนทำเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ นี่คงคิดว่าเขาชอบเจ้าเด็กนี่สินะ หึ


ใช่ เขาชอบ


แต่เป็นชอบในฐานะน้องชาย บีมมองว่ามุ่ยเป็นคนตลก คิดอะไรก็พูดอย่างนั้นแสดงออกทางสีหน้าหมด เห็นแล้วเอ็นดูเหมือนน้องนุ่ง ทั้งที่เจ้าตัวก็บอกว่าอายุเท่ากันเพราะซิ่วมา ถึงจะสูงแต่เพราะมันตัวบางมากเลยทำให้ดูตัวเล็กตัวน้อย แล้วยังมาโวยวายเหมือนเด็กแบบนี้อีก

ตัวเขาเองก็มีน้องชายแต่ว่าไม่ได้อยู่ในสถานะน่าเอ็นดูเท่าไหร่ พอเห็นมุ่ยแล้วก็รู้สึกขำทุกครั้ง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เวลาเจอหน้า ในหัวมันก็จะคิดว่าเด็กนี่จะมาไม้ไหน จะมาเล่นตลกอะไรให้เขาดูอีก

“แต่เฮียว่า...”

“ผมไม่ทำอะไรมันหรอก ที่ห้องน้องผมมันก็อยู่”

“อืม..โอเค แต่ถ้าถึงห้องแล้วก็โทรมาบอกกูด้วยละกัน กูห่วงมัน” ถึงจะบอกว่าไม่ไว้ใจยังไง แต่ก็ดีกว่าให้มุ่ยมันนอนที่นี่คนเดียว

“เค งั้นผมกลับละครับ พวกมึงก็กลับได้แล้ว...” บีมผงกหัวให้เฮียตั้มเป็นเชิงบอกลา เพราะสองมือตอนนี้ต้องคอยจับมุ่ยที่ยืนโงนเงนจวนจะล้มไว้และหันไปบอกกับกลุ่มเพื่อน

“ขับรถดีๆนะมึง” กำปั้นเอ่ย

“เออ ขับรถดีๆล่ะเอ็ง” เฮียตั้มโบกมือ ในหัวก็คิดว่า พรุ่งนี้ไอ้มุ่ยต้องมาฆ่าตัวเองแน่ๆที่ปล่อยให้กลับกับคนที่มันไม่สนิท แต่ก็ยังดีกว่าโดนใครที่เขาไม่รู้จักมาลากไปล่ะวะ

                .

                .

                .

                “กูว่านะ...”

                “เอ้อออ ใช่มะ! คิดเหมือนกู”

                “จึๆ นี่คือสายเนียนที่แท้ทรู”

                .

                .

                .



“ไอ้น้องมุ่ย...ฮึบ เดินเข้าไปดีๆสิวะ”

“น้ำตาล...น้ำตาลมีไหน!?”

“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวจะโดน”

กว่าจะพาคนเมากลับมาห้องได้เขาต้องใช้ความอดทนที่มีมาทั้งหมดกับคนนี้ พอพาขึ้นรถได้ก็ปีนข้ามไปมาเบาะหลังเบาะหน้า ไม่ยอมให้คาดเข็มขัด ปากก็ร้องว่าให้บีม เกรี้ยวกราดว่าจะเอาพวกมารุมตีเลย กว่าเขาจะปรามให้นั่งนิ่งๆยอมให้คาดเข็มขัดได้ก็แทบจะหมดแรง แต่ยังไม่วายเอื้อมมือมาขยุ้มแขนเสื้อเอาไว้ซะแน่น จากที่ตะโกนออกมาเรื่อยๆก็นั่งบ่นพึมพำจับใจความไม่ได้ เขาถึงจะขับรถออกจากร้านมาได้

“ที่ไหนเนี่ย...แล้วมึงเป็นใคร โอ๊ย! เจ็บนะ” บีมพยุงตัวมุ่ยจากหน้าประตูมาจนถึงห้องนั่งเล่นก็ปล่อยเจ้าตัวลงกับโซฟาทันที

“ทำไมโลกมันหมุนๆงี้ กูเมาใช่ไหมวะ อึก” บีมสะบัดแขนข้างที่ประคองมุ่ยมา เมื่อยไม่หยอกเลยจริงๆเห็นตัวบางแค่นี้ เขายืนมองคนเมาที่นั่งพิงพนักโซฟาชูนิ้วสองข้างขึ้นมาคลึงขมับไว้ แต่ดูเหมือนจะยึดแรงเกินไปทำให้ใบหน้านั้นตึงไปหมด ตาคู่นั้นตี่ลงแล้วก็ตวัดขวับหันมามองเขาที่ยืนอยู่ ทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง


อ้าว แล้วแว่นเจ้าเด็กนี่หายไปไหนแล้ว

สงสัยคงตกอยู่บนรถ

เฮ้อ


“นี่ไผ ฮู้ก่อ?” จู่ๆมุ่ยก็ลุกขึ้นทำให้เจ้าตัวเซนิดหน่อย มือสองข้างก็ยังไม่ลดลง พอมั่นใจว่าไม่ล้มแน่ ก็ยื่นหน้าโพล่งถามบีมขึ้น

“ไม่ใช่น้องมุ่ยเหรอ?” บีมยกยิ้มมุมปากอย่างนึกขันในท่าทีนั้น เอ่ยถามอย่างล้อๆ ดูดิ้ จะแผลงฤทธิ์อะไรอีก

“บ่าใจ้! นี่นินจานารูโตะ ชึบๆ ขวับๆ”

“หะ...”

“ฉึบๆ แฮร่! เหมือนมะ!?”

“อุบ! ฮ่าๆ” สุดท้ายเขาก็กลั้นขำไม่อยู่ จนหัวเราะออกมาอีกระลอกจนได้ มุ่ยทำท่าทางเลียนแบบการ์ตูนนินจา มือไม้พันกันจนยุ่ง ตัวก็หมุนไปมา แล้วทำเป็นเก๊กท่าให้เขาดู


เชี่ยเอ้ย!


น้องแม่ง น่าเอ็นดูสัดๆ

               
เมาแล้วล้นกว่าเดิม เล่นใหญ่กว่าเดิม


“พี่ทำไรอยู่วะ แล้วนั่น?”

บีมหันไปตามเสียง ก็พบน้องชายของเขาเปิดประตูห้องออกมา ใบหน้าสงสัยกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า บูคิดว่าตัวเองตาฝาดแน่ๆ เห็นใครก็ไม่รู้ทำท่าจะแปลงร่างยืนอยู่หน้าพี่ชายเขา

“ยังไม่นอนเหรอ”

“มากินน้ำเฉยๆ”

“อืม ไม่มีอะไรหรอก คนเมาน่ะ”

“อ่อ”

บทสนทนาจบลงแค่นั้น บูเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ บีมถอนหายใจนิดหน่อยอย่างอ่อนใจ นับวันเขากับน้องยิ่งพูดคุยกันน้อยลงเรื่อยๆจนเขาไม่รู้จะทำยังไง


บีมนวดขมับตัวเองเบาๆพลางหันกลับมาสนใจกับเจ้าคนเมา อ้าว! หายไปไหน


“กินไร! กินด้วยดิ นี่ใครวะ? รู้จักเปล่า นินจาจอมคาถาอ้ะ!”

“เหี้ย!”

บูแทบจะสำลักน้ำที่ดื่มไปออกมา จู่ๆไอ้คนที่จะแปลงร่างก็มาโผล่ตรงหน้าเขาทันทีที่เขาปิดตู้เย็น แถมยังทำท่าทางพิลึกพิลั่นให้เขาดูอีก

“ไอ้น้องมุ่ย! แม่งเอ้ย...เมาแล้วชอบแปลงร่างเหรอวะ ฮ่าๆ” บูมองพี่ชายเขาเดินมาลากคนบ้าออกไป เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบีมหัวเราะ


หัวเราะเนี่ยนะ?

พี่แม่งไม่ชอบคนเมาไม่ใช่เหรอ


ครั้งที่แล้วแทบจะถีบพวกพี่นิว เพราะพี่แกไม่ชอบแตะตัวคนที่ดื่มเหล้าเมาๆมา แล้วนี่มัน...


ไอ้การกอดพยุงร่างคืออะไรวะ?

               
“ไม่มีอะไรหรอกบู ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” บูพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องตัวเองแต่ยังไม่วายหันกลับมามอง ก็เห็นว่าพี่เขายังหัวเราะอยู่เลย

“จะอาบน้ำไหมเรา” บีมพูดกับคนตัวเล็กกว่าเมื่อเห็นว่าเขาทั้งคู่ควรจะนอนกันได้แล้ว

“งืมๆ” ฟ้ามุ่ยที่ดูเหมือนโดนปิดสวิตช์ เจ้าตัวล้มตัวนอนกับโซฟาทันทีที่บีมพยุงเขากลับมา

“ตัวมึงเหม็นเหล้ามากเลยน้องมุ่ย” เขาพูดพลางใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ปิดหน้าออกให้น้อง ตัดผมแม่งโคตรเข้ากับหน้า กวนตีนดี

“เนี่ย เดี๋ยวให้นารูโตะมาจัดการ...กระสุน...งี้เล้ย!” ถึงแม้ตาจะหลับ แต่มือไม้ก็ทำท่าปล่อยพลังใส่เขา บีมอดขำไม่ได้

“ไหน ยังไงนะ ขออีกทีดิ้” บีมยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าแอพพลิเคชันอินสตาแกรมแล้วกดไปที่กล้องถ่ายไอจีสตอรี่ แล้วเริ่มกดอัด


“กระสุน...งี้เลยยย...พุ่งนะ...ฟิ้วๆ ตู้มมมมมม!”

“เหรอๆ แล้วนี่เป็นใครนะ” บีมใช้นิ้วจิ้มไปที่เหม่งของน้อง แต่กลับโดนปัดออกไป

“นินจา! เป็นนินจาาาา โว้ๆ” มีทำมือประสานอินด้วยนะ

“ไอ้น้องมุ่ย เด็กตลกเอ้ยย ฮ่าๆ” เวลาอัดวิดีโอหมดพอดี เขากดแชร์เรื่องราวออกไป มองที่น้องอีกทีก็เห็นว่าหลับไปแล้ว เขาปัดปอยผมบางส่วนบนใบหน้าไปทัดไว้หูอีกครั้ง แล้วก้มหน้าลงไปพิจารณาหน้าคนเมาอีกครั้ง


เวลาหลับนี่...ก็ยังดูกวนตีนเหมือนเดิม ฮ่าๆ


แต่หน้าใสชะมัด...


บีมดีดหน้าผากมุ่ยเบาๆอย่างมันเขี้ยว ให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าพรุ่งนี้เขาต้องมารับมือกับมุ่ยเวอร์ชันแฮงค์หนักมาก ไม่อยากจะคิดสภาพเลยกู

               
หึ!

               
แต่ตอนนี้ก็...

               
ฝันดีนะครับ ไอ้น้องมุ่ย









************************************************************************************

ตอนนี้เราชอบที่พี่บีมแทนมุ่ยว่าน้องมากเลย เอ็นดู~

มาอัพให้แล้วจ้าาาา ตอนนี้จะยาวหน่อยนะคะ ภาษาเหนือของเราอาจจะมีแปร่งๆเพี้ยนๆไปบ้างก็ต้องขออภัยจริงๆ เราค่อนข้างจะคลุกคลีอยู่กับภาษาเหนือมาบ้าง แต่ก็พูดไม่เป็นเลยอาศัยถามเพื่อนเอา ต้องขออภัยจริงๆนะคะถ้าบางคำอ่านแล้วมันขัดหู แฮ่ๆ

เราไม่ค่อยมั่นใจกับการเขียนในมุมมองของบุคคลที่สามเท่าไหร่แต่จะพยายามให้เต็มที่ค่ะ ฮึบๆ ขอให้ทุกคนอ่านอย่างมีความสุขไปกับพี่บีมน้องมุ่ยนะคะ ไม่เครียดค่ะไม่เครียด5555

เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ ช่วงนี้เรามิดเทอมหนักมาก ขอหายไปซักแป้ปนึงเดี๋ยวจะกลับมาตอบนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุดยอดวิวยอดอ่าน ขอบคุณมากๆจริงๆ ไว้เจอกันค่าาาา ฮี่~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 9
ไม่เจ็บแล้วนะ




“เขายังไม่ตื่นอีกเหรอ”

“ปล่อยนอนไปเถอะ”

“อืม”

เสียงคนคุยกันดังแทรกเข้ามาในหูผม ใครแม่งมางุ้งงิ้งๆ แต่เช้า คนจะนอนโว้ย


อื้อ~


ผมพลิกตัวไปอีกฝั่งอย่างรำคาญ เอ้า! ทำไมเตียงผมมันแคบๆ เอามือปัดป่ายไปมา หมอนข้างก็ไม่มีด้วย ใครเอาหมอนกูไปวะ

“เหมือนจะตื่นแล้ว ทำไมไม่ลืมตาวะ”

“หมอนข้าง...” ผมอ้าแขนกระดิกนิ้วเรียกหมอนข้างแต่ก็ยังไม่ลืมตา มืออีกข้างก็ยกขึ้นเกาพุง เสียงคุยกันเมื่อกี้น่าจะเป็นพวกไอ้เจ๋ง มากันทำเชี่ยไรแต่เช้าวะฮึ

“อะไรนะ”

“เชี่ยเจ๋ง...หมอนข้างกู...” ผมเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อหมอนข้างไม่มาหาซักที แต่ผมก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลืมตา

“นี่ไม่ใช่ แล้ว...หมอนข้างก็ไม่มีด้วย”

ไม่มีด๋อยอะไร ห้องกูมีตั้งสองอัน โมโหแล้วนะโว้ย!

“หมอนข้าง! เอาหมอนข้า-”

“อือ ไม่มี”


“อะ...” พอลืมตาลุกขึ้นนั่งเตรียมโวยวายใส่ไอ้เพื่อนเวรแล้งน้ำใจ แต่กลับกลายเป็นหน้าใครไม่รู้โผล่เข้ามาในระยะสายตาพอดี เหี้ย! ใครวะน่ะ!

ผมสะบัดหัวอย่างแรงไล่ความมึนออก สายตามองไปรอบๆ ห้องด้วยความมึนหัวอยู่นิดหน่อย


ห่า หรูขนาดนี้ไม่ใช่ห้องกูแล้ว


พอก้มมองก็เห็นว่าตัวเองกำลังนอนบนโซฟาโดยมีไอ้คนเมื่อกี้มันนั่งกับพื้นกำลังกินอะไรซักอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกทรงเตี้ย


ห้องกูไม่มีแบบนี้...


“พี่บีม เพื่อนพี่ตื่นแล้ว” คนตรงหน้าที่นั่งพิงโซฟาตัวเดียวกับที่ผมนอนอยู่เลิกคิ้วมองผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตะโกนบอกใครซักคน

“อะ...” ผมได้แต่นั่งอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจ เชี่ย...


กูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย!


ฉิบหายแล้วไอ้มุ่ย...


“มึง...มึงใครอะ...” ผมยื่นนิ้วไปสะกิดไหล่ มันก็หันมามองผมหน้านิ่งแล้วตอบคำถาม

“น้องคนที่พาพี่มานั่นแหละ ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำดิ” พูดแค่นั้นมันก็หันตัวกลับไปดูทีวีต่อ

“ตื่นแล้วเหรอน้องมุ่ย” ผมหันขวับไปตามเสียงก็เห็นร่างสูงของผู้ชายที่ผมเกลียดขี้หน้ามากที่สุดกำลังเดินยิ้มร่ามาทางนี้ มือข้างหนึ่งก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเปียกๆ ของตัวเอง

“บีม...” ผมพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ คือ...เดี๋ยวก่อนนะ ขอกูตั้งสติ เมื่อคืนกูไปหาเฮียที่ร้าน น้ำตาลมา บีมมา กูแดกเหล้า แดกอีก แดกเยอะอีก ละ...แล้วกูเมา


กูเมาแล้ว...แล้ว...


“ไปอาบน้ำไปมึงอะ ตัวมีแต่กลิ่นเหล้า”

“กูอยู่นี่ หอมึงเหรอวะ...”

“เมื่อคืนมึงเมามากน้องมุ่ย เรื้อนอีกนิดกูทิ้งไว้ข้างถังขยะหน้าปากซอยละ”

“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!” ผมตะโกนออกมาอย่างรับไม่ได้ ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยย

“หูจะแตก” ไอ้เด็กข้างตัวยกมือขึ้นอุดหูไว้แล้วทำหน้าเนือยส่งมาให้ผม ไอ้เด็กนี่แม่งก็ไม่สนสี่สนแปดใดๆ เอาแต่นั่งจ้องการ์ตูนในทีวีอยู่นั่นแหละ มึงไม่เข้าใจกู...

“นี่กูเมา...” ผมยกมือขึ้นทั้งขยี้ทั้งดึงทึ้งผมตัวเองให้หายเบลอ แล้วหันหน้าไปถามบีม

“ตกใจที่กูพามาเหรอ กูว่าแล้วว่าแม่งต้อง-”

“นี่กูเมาต่อหน้าน้ำตาลเหร้ออออออออออออ” ผมตวัดผมห่มขึ้นมาคลุมตัวก้มลงมุดโซฟา นี่กูเมาต่อหน้าน้ำตาล! ต่อหน้าสาวที่ชอบ! เวรเอ้ยยย เวลาผมเมามันจะมีหลายเลเวล ถ้ากรึ่มๆ ผมจะง่วงแต่ยังคุยได้ปกติ ถ้าช่วงกลางๆ ผมจะง่วงมาก แต่ถ้าหนักสุดผมจะเป็นผีบ้า เรื้อนแม่งสุด ตอนดื่มกับเดอะแก๊งกาก ตอนนั้นฉลองอะไรผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่าเละเหี้ยๆ เดอะแก๊งผมบอกว่าเหมือนเอาร้อยมุ่ยพันมุ่ยมารวมกัน เรื้อนยิ่งกว่าหมา ทำให้ผมไม่ค่อยดื่มหนักอีกเลย กลัวไปทำเหี้ยใส่คนอื่นเขา


แต่เชี่ยเอ้ย...


หมดกัน...


ภาพพจน์ (?) ที่ผมสั่งสมมา...


ไม่เหลือแล้ว ฮรอลลลลลลลลลลลล


“หะ เดี๋ยวนะ มึงไม่ได้กังวลเรื่องกูพามาห้องงั้นเหรอน้องมุ่ย” ผมลุกขึ้นนั่งเกาะพนักโซฟาโผล่ออกจากผ้าห่มมาแค่หน้า มองไปที่ไอ้บีมอย่างคาดแค้น

“ทำไม่มึงไม่พากูออกมาเร็วกว่านี้!”

“เอ่อ...ห้ะ?” บีมหยุดเช็ดผมแล้วมองหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจ

มึงไม่เคยเข้าใจอะไรซักอย่างนั่นแหละโว้ยยยยย

“น้ำตาลเห็นกูเมาเลย! มึงเห็นไหม! กูเมาต่อหน้าเขาอะ!” บีมทำหน้างงกว่าเดิมแล้วเดินก้าวเข้ามาหาผม จนตอนนี้จากที่มองหน้าบีมตรงๆ ได้ผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเพราะบีมเดินมาหยุดตรงหน้าผมระหว่างเรามีพนักโซฟากั้นไว้

“คือมึง...ไม่โวยวายที่กูพามาห้อง?” บีมถามพลางยื่นมือมาทาบหน้าผากผมครู่หนึ่งแล้วดึงออกไป

“มึงเบี่ยงประเด็นอ๋อ? แล้วกูจะต้องโวยวายเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่กูที่เมาเรื้อนต่อหน้าเขา! โอ้ยยยยยย ไอ้เหี้ยยย ภาพพจน์กูอะบีม!”

“หึๆ”

“เนี่ย ถ้ามึงพากูออกมาเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดมันก็จะไม่เลวร้าย บีม! มึงแม่ง!”

“หึๆ ฮ่าๆ !” จู่ๆ บีมก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น มันเย้ยผมอะคุณ คุณดูดิ!

“กูก็คิดว่าน้องมุ่ยจะโมโห ฮ่าๆ ที่พามาห้อง...เด็กบ้าเอ้ย ฮ่าๆ” มึงขำอะไรนักหนาเนี่ย กูแซดอยู่เห็นไหม หือ!

“มึงต้องไปแก้ตัวกับน้ำตาลให้นะบีม บอกเขาว่านั่นไม่ใช่กู” ผมยื่นมือออกมาคว้าชายเสื้อบีมแล้วกระตุกยิกๆ ให้มันฟังผม

“น้ำตาลคงเชื่อหรอกนะ ฮะๆ”

“ผีสิงกู!”


ผลัก!


“โอ๊ย! ผลักหัวกูทำไม” แม่งผลักแรงจนผมเหวอเผลอปล่อยมือที่กำผ้าห่มที่คลุมตัวปิดหน้าไว้เลื่อนหล่นลงไปกองกับพื้น ดีนะผมจับเสื้อมันไว้อยู่เลยไม่ล้มลงไปด้วย

“บอกเขาว่ากูยังเป็นคนดีของเขาเหมือนเดิม” ผมดึงๆ ชายเสื้อให้มันมองลงมาฟังที่ผมพูด มึงต้องบอกเขาให้กูนะเว้ยยยยย

“ดึงให้ขาดเลยไหม หืม?” บีมก้มตัวลงมาวางแขนสองข้างกับพนักโซฟาแล้วโน้มใบหน้าลงมาอยู่เหนือศีรษะผมทำให้ผมต้องแหงนหน้ามองมันอย่างช่วยไม่ได้ แล้วจากที่ดึงเสื้อบีมไว้ผมก็ย้ายมาจับที่แขนเสื้อมันแทน มึงจะท่ายากทำพรือ!

“รับปากเร็ว” ผมกระตุกแขนเสื้อเร่งบีมให้สัญญามา แต่ก็เอาแต่ยิ้มแถมยังยกมือขึ้นมาทาบหน้าผากผมอีกครั้ง ไม่วายใช้นิ้วเขี่ยปอยผมไปมาอีก

“ดีที่ตัวไม่ร้อนนะ”

“รับปาก! พูด!” อย่าลีลาได้ปะวะ รำคาญ!

“แล้วกูได้อะไร” บีมก็ยังไม่หยุดยุ่งกับหน้ากับผมของผม เขี่ยอยู่นั่นแหละห่ามึง ยิ้มชอบใจอีก

“มึงต้องได้ด้วยอ่อออออออ นี่คือการไถ่โทษโว้ย!” ผมแสยะยิ้มอย่างกวนตีนให้บีม ยักคิ้วให้ด้วยสองจึกเลยเอ้า!

“ไอ้น้องมุ่ย”

“รับปากละใช่ปะ ดีมาก มันต้องงี้ดิวะ แล้วมึ- “

“ปากมึงเหม็นมาก เด็กเวร ไปแปรงฟันไป!” มันยันหน้าผากผมอย่างแรงจนผมเสียหลักหงายท้องลงกับโซฟาแล้วกลิ้งตกลงมาที่พื้น แล้วเดินหัวเราะออกไป

“ไอ้เหี้ยบีม!!!! มึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” ผมม้วนตัวลุกขึ้นชี้นิ้วไล่หลังมันแต่กลับนึกสรรหาคำด่าไม่ออก


“เชี่ยพี่แม่ง...หล่นมาทับตีนกู”

.

.

.

.

.

[มหาวิทยาลัย]



“แว่นกูหาย”

“...”

“ตกอยู่ที่ห้องไอ้บีมแน่เลย”

“...”

“พูดแล้วแค้นไม่หาย อย่าให้กูเจ้อออ”

“...”

“สนใจกูดิ้!”

“แดกข้าวเฮ้อ กูขอ พี่ที่ชมรมนัดบ่ายสามครึ่งเนี่ย บ่นแม่งอยู่นั่น” ไอ้เจ๋งทำหน้าเหนื่อยใจส่งมาให้ผม ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ที่โรงอาหารในช่วงบ่ายเพราะเพิ่งเลิกเรียนพอดี มีผม เจ๋ง แก๊ป เจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมไอ้โป้มานั่งกินด้วย แต่ห่านี่เอาแต่นั่งแชทกับสาวข้าวปลาไม่กินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่นแหละ

“ว่าแต่กู ไอ้โป้ก็ไม่กินข้าวเหอะ เอาแต่นั่งหน้าแบ๊วตอบแชทอยู่นั่น” ผมพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้โป้ มันก็เงยหน้ามองเมื่อได้ยินชื่อตัวเองพร้อมทำหน้าหมางง

“มันไม่ได้มีนัดไหม”

“เออ แล้วคราวนี้สาวคณะไหนอีก” แก๊ปถามพลางยกชิ้นไก่จากข้าวมันไก่ของมันมาให้ผม ผมส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เอา อิ่มแล้วอะผม พูดไม่หยุดมาเป็นสิบนาทีกินข้าวได้แค่ครึ่งจาน เหนื่อยสัด

“ดาวนิติว่ะ” ไอ้โป้ยิ้มกริ่ม ตักข้าวเข้าปากสองคำใหญ่แล้วก็กลับไปพิมพ์แชทต่อ

“เบื่อพวกมีความรัก” เจ๋งทำปากยื่นแล้วตักไก่ในจานผมไปกินแทน

“หาไม่ได้อย่างกูแล้วมาบ่น”

“รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียนโว้ยยย”

“หน้าอย่างมันมีคนเอาด้วยเหรอ” แก๊ปถามหน้านิ่งพลางตักข้าวเข้าปาก

“เอื้อ...”

“เพื่อนแก๊ปแม่ง...”

“พอแล้วววววววว ไปไอ้มุ่ย! กูจะไม่คุยกับเพื่อนแก๊ปคนใจร้ายอีก! ไม่! ไม่ต้องมาง้อกู ฮึก!” เจ๋งฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น หันไปพูดกับแก๊ปอย่างตัดพ้อให้พวกผมขำกัน มือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ ทำหน้าหมาหงอย

“เนี่ย...มันก็เป็นซะอย่างนี้ไง” แก๊ปส่ายหน้าอย่างหน่ายใจแล้วโบกมือไล่พวกผมสองคน

“เก็บจานด้วย! ไปกันเถอะมุ่ยเพื่อนรัก!”

.

.

.

.

.

[ห้องชมรมถ่ายภาพ]

[CHENG’ s PART]



“เจ้! พวกผมมาแล้วววววววว หวัดดีครับพี่ๆ ทุกคน” ผมเดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องชมรมพลางจูงมือไอ้มุ่ยมาด้วย โห วันนี้อยู่กันครบเลยแฮะ ผมสะกิดไอ้มุ่ยแล้วยกมือไหว้ทีละคน จนถึงพี่แดน แหมมม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะเจอมุ่ยมันเนี่ย

ใครๆ ก็รู้ครับว่าพี่แดนน่ะชอบไอ้มุ่ยมัน แต่ใครๆ ที่ว่าก็มีแค่พวกผมกับพี่ในชมรมนี่แหละ น่าจะเป็นช่วงแรกที่ผมลากมุ่ยมันมาที่ชมรมเป็นเพื่อน ไอ้นี่แม่งก็บ้าๆ บอๆ ไม่อยากเข้าซักชมรมแม้แต่ชมรมถ่ายภาพที่เป็นงานหากินของมัน ถ้าไม่มีเรื่องกีฬาเข้ามานะคงไม่กระวีกระวาดอย่างนี้หรอกครับ แม่งเกลียดกีฬาจะตายมันอะ เอ้า เข้าเรื่องพี่แดนต่อ พี่เขาก็ดูสนใจมันตั้งแต่แรกเลยนะผมคิดว่า ชอบแอบถ่ายไอ้มุ่ยเวลามันเผลอ บางครั้งก็มาเลียบเคียงถามผมเรื่องไอ้มุ่ยนู่นนั่นนี่ เอาจริงๆ คือถ้าเป็นคนอื่นคงรู้แล้วล่ะว่าถูกแอบชอบอยู่ พี่แดนเขาก็แสดงออกเยอะมุ่ยมันก็ไม่สนใจ ผมบอกรึยังว่าไอ้นี่มันเป็นคนที่ขึ้นกล้องสุดๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็เหมือนมันโพสต์ท่าอยู่ตลอด


อะ กูเว่ออีกละ


จริงจริ้ง ถ้าในสายตาผมอะนะ มันเป็นคนสูงผอมแขนขายาวเรียวแต่ก็ไม่ได้ดูเก้งก้างจนเกินไป หุ่นนายแบบผอมๆ เทือกนั้น วันนี้มาในชุดเสื้อยืดสีเหลืองลายกราฟฟิคทับในด้วยกางเกงยีนขายาวปลายรุ่ยที่สั้นเต่อตรงข้อเท้า บวกด้วยรองเท้าแบรนด์ชั้นนำหูคีบตราช้างดาวที่โคตรเยิน ยิ่งตัดผมทรงนี้ทำให้มันดูเถื่อนแบบกากๆ มันเป็นคนแต่งตัวดีอันนี้ผมปรบมือให้เลย ไม่ตามแฟชันแต่ตามใจตัวเอง ก็ต้องยอมรับว่าเข้ากับหน้ามันชิบ แล้วมุ่ยมันก็ชอบเหม่อเหมือนคุยกับแม่ซื้ออยู่ตลอดเวลา ฮ่าๆ เวลาโดนแอบถ่ายก็ไม่รู้เรื่องหร้อก อีกอย่างมันไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปตัวเองด้วยถ้ามุ่ยรู้ว่าพี่แดนแอบถ่ายนะ...มันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ถ่ายก็ถ่ายไป คนแอบถ่ายมันเยอะจะตาย มุ่ยเคยบอกว่าแค่ไม่ชอบเฉยๆ

แต่ว่านะ...แม่งจำพี่แดนได้รึเปล่าเห้อะ เชี่ยนี่แม่งจำคนไม่ค่อยได้ช่วงรับน้องใหม่ๆ ผมต้องแนะนำตัวเองกับมันเกือบสิบรอบกว่ามันจะจำผมได้ บ้าบอ



“กว่าจะมากันนะพวกแก”

“ไอ้มุ่ยเลย เค้าไม่เกี่ยวนะ” ผมชี้นิ้วไปทางไอ้มุ่ยที่ทำหน้านิ่ง เพื่อนเวรนี่ก็อย่างนี้ตลอด ชอบทำหน้าเนือยๆ เวลาอยู่กับคนไม่สนิท

“น่าเจ้ วันนี้เรียกมามีไรอะ” ผมเดินไปนั่งตรงโซฟาที่ว่างพร้อมกับไอ้มุ่ย ดูเหมือนหรูปะห้องชมรมผมมีโซฟงโซฟา ก็หรูจริงอะแหละครับ มหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงหูฉี่แบบนี้จะมาไก่กาอาปาจะเฮ้ไม่ได้นะครับ

ห้องชมรมจะเป็นห้องที่แยกมาจากสตูดิโอถ่ายภาพที่ใหญ่โคตร มีไว้เพื่อประชุมงานหรือมานั่งๆ นอนๆ เล่นก็ได้ ขนาดห้องก็ไม่เล็กไม่ใหญ่ จัดห้องโดยพี่โทพี่ในชมรม มีโต๊ะทำงานสองโต๊ะไว้จัดการเอกสารต่างๆ กับโซฟาตัวยาวเอาไว้นอนเล่นส่วนใหญ่เน้นพื้นที่ใช้สอย แค่นี้แหละไม่มีอะไรมาก

“เจ้จะคุยเรื่องจัดบูธช่วงเปิดโลกกิจกรรมอะแหละ...” เจ้แกก็ว่าไป คุยกันเรื่องที่จะเปิดโลกกิจกรรมทั้งที่ยังอีกตั้งน๊านนาน แต่แกก็บอกว่าคุยกันไว้แต่เนิ่นๆ เพราะบางคนในชมรมทั้งเรียนทั้งงานทั้งโปรเจ๊กต่างๆ ก็เยอะกลัวว่าจะไม่มีเวลากัน แกว่าให้พวกผมเก็บภาพที่เป็นแนวของตัวเองเรื่อยๆ แล้วก็บลาๆ



“โอเค เท่านี้นะ แยกย้ายได้จ้า” สิ้นเสียงเจ้จิ้บผมก็ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา โห ห้าโมงครึ่งแล้วเหรอวะเนี่ยไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้ ผมใช้ศอกยันข้างตัวไอ้มุ่ยสองสามครั้งให้มันตื่น ไอ้นี่แม่งหลับไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้วครับ มันงัวเงียซักพักก็พยักหน้าให้ผม เราเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่พี่แดนก็เรียกไว้ซะก่อน


“น้องมุ่ยครับ” ไอ้มุ่ยหยุดกึกแล้วหันไปตามเสียงเรียก

“หะ...ครับ?”

“กลับกันยังไง พี่ไปส่งไหม” พลางส่งยิ้มหล่อกระชากใจส่งมาทางนี้...คือให้ไอ้มุ่ยนั่นแหละว่ะ

“อ้อ เอารถมาอะพี่ ขอบคุณครับ” มุ่ยพูดเสียงสบายๆ ผงกหัวนิดหน่อยเป็นเชิงขอบคุณ แล้วเดินลิ่วออกไปโดยไม่รอผม แม่งพี่แดนยิ้มหน้าแห้งโบกมือค้างเลย ฮ่าๆ

“พยายามเข้านะพี่นะ” ผมส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้พี่เขาก่อนจะเดินออกมา โอ๊ยยยย กูสงสารพี่เขา







[Stadium Outdoor]

[FAHMUI’ s PART]



“มึงเดินให้มันเร็วๆ ดิ้สัดเจ๋ง กูรีบโว้ย” ผมโวยวายไอ้เจ๋งที่ทำเป็นเดินเอื่อยเฉื่อยตามหลังผมมา

“มึงก็ไปก่อนเด้ กูกำลังดื่มด่ำบรรยากาศ” มันพูดพลางอ้าแขนสูดออกซิเจนเข้าเต็มปอด ทำหน้าสดชื่นอย่างกับอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนา (?)

“กูเขิน!” จะไม่ให้เขินได้ไงครับ เมื่อกี้แก๊ปไลน์มาบอกว่าเจอน้ำตาลซ้อมลีดอยู่ข้างสนามกีฬา จากที่ไปนั่งง่วงๆ ฟังเจ้แกพูดเรื่องบูธเบิธอะไรซักอย่างเป็นชั่วโมงนี่ตื่นเลย ผมก็เลยรีบบึ่งรถจากชมรมมาที่นี่ ไม่วายกลับหอไปหยิบกล้องตัวโปรดมาด้วยเผื่อเก็บภาพแฟน อิอิ


“ชิบหาย ไปเจอพี่เขาแล้วก็เอาแต่นั่งเขินไม่ทำไรซักอย่าง กูว่าอีกสิบปีพี่แกยังไม่รู้เล้ยว่ามึงชอบอะ”

“มึงอย่าดูถูกกูดิวะ”

“อ่อนสัดๆ เพื่อนกู”

ผมเบ้หน้าลง ผมก็มีความคืบหน้านะเว้ย ตอนเจอน้ำตาลที่ร้านเหล้าก็รู้สึกได้ภูมิคุ้มกันมาหน่อยนึง เนี่ย มือไม่สั่นแล้วด้วย เมื่อกี้ส่องกระจกหน้ารถหน้าก็ไม่แดง เอาว่ะ

“มึงช่วยกูหาแก๊ป...” ผมพูดกับไอ้เจ๋งให้มันช่วย อันดับแรกต้องหาเพื่อนแก๊ปก่อน มันมาวิ่งที่นี่ตอนเย็นประจำแหละ สเตเดียมเอาท์ดอร์เป็นสถานที่ที่นักศึกษามาออกกำลังกายกันบ่อยๆ บ้างก็เป็นคฑากรมาฝึกโยนไม้ป้อกแป้กๆ คราวก่อนแม่งร่วงลงมาเกือบโดนหัวตอนผมกำลังกดชัตเตอร์พอดีเฉี่ยวหูไปนิดเดียว บ้างก็มีลีดของคณะต่างๆ มาซ้อมอยู่ข้างสนาม โอโห แล้ววันนี้คนมันคึกอยากออกกำลังกายอะไรนักหนา อ๋อ มีพวกมาเล่นบอลโชว์สาวนี่เอง กูว่าแล้วววว ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเลยโว้ย แว่นก็หาย มองก็ไม่ค่อยจะชัด

“นู่นๆ ไอ้แก๊ป!” เจ๋งสะกิดให้ผมหันไปตามที่มันชี้พร้อมกับโบกมือเรียกเพื่อน ไอ้แก๊ปพยักหน้าให้พวกผมก็เลยรีบเดินไปหามัน ไม่ใช่อะไรนะ กูกลัวไม้คฑาร่วงลงมาฟาดหัวอีก บ่าเอาแล้ว!

“ไหนน้ำตาล” พอมาถึงผมก็ถามหาแฟน (ในอนาคต) ทันที ตรงที่ที่ไอ้พวกเราอยู่เป็นสนามหญ้าข้างลานวิ่งเป็นจุดพักนักกีฬารวมถึงเป็นพื้นที่ว่างให้สาวๆ มาซ้อมหลีดกัน

“ไหนน้ำกู”

“แก๊ป เพื่อนมาหาสาวอะ”

“กูฝากพวกมึงซื้อน้ำ ไหนน้ำกูเล่า”

“อยู่กับไอ้เจ๋งไง! เชี่ยเจ๋งมึงเอาน้ำมาให้เพื่อนรักกูดิ้ โมโหจนหัวเถิกแล้วเนี่ย!”


ผัวะ!


“โอ๊ย! ตบเค้าทำไม!” ผมโวยลั่นเมื่อไอ้เชี่ยแก๊ปตบหัวผมจนหน้าเกือบทิ่ม ไอ้ชิบหาย!

“ว่ากูหัวเถิก มึงดูตัวเองก่อน ไอ้เหี้ย กูว่าแล้วทำไมขนาดตอนเย็นอากาศมันยังร้อน หน้าผากเรืองแสงของมึงนี่เอง”

“ฮ่าๆ วันนี้พี่แก๊ปเราท็อปฟอร์มว่ะ โอยยย กูขำหน้าผากเรืองแสง ฮ่าๆ” ไอ้เจ๋งยืนหัวเราะจนตัวงอจนผมหมั่นไส้ยื่นมือไปผลักหัวมันจนแม่งล้มลงไปยังไม่หยุดหัวเราะอีก พอเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นคนรอบข้างยิ้มขำๆ ให้กับพวกผม อย่ามาหัวเราะหน้าผากคนอื่นนะโว้ย!

“เชี่ยแก๊ป! มึงจะเอาอ๋อ!” หูยยยย กูนี่ขึ้นเลยๆ มาว่าน้องเหม่งของผมได้ไง เขาเรียกคนโหงวเฮ้งดี ไอ้สัดเอ้ย!

“โน่นพี่น้ำตาลซ้อมให้รุ่นน้องอยู่ฝั่งโน้น ไปไหนก็ไปมึงอะ กูร้อน” ผมถกแขนเสื้อขึ้น หักนิ้วกรอบแกรบเตรียมวางมวยกับเชี่ยแก๊ป แต่ยังไม่ทันทำอะไร มันก็ส่ายหัวเบาๆ พร้อมโบกมือไล่ผม แล้วหันหลังไปคุยกับเพื่อนวิ่งมันต่ออย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไป

ผมมองไปตำแหน่งที่มันชี้ก็เห็นลางๆ ว่าเหมือนมีคนซ้อมอะไรกันซักอย่าง แม่งอยู่อีกฟากของสนามนู่น พอเพ่งให้ชัดอีกทีก็คิดว่าต้องเป็นหลีดคณะของน้ำตาลแน่นอน

“จะให้กูไปด้วย...อ้าว! แล้วมึงพากูมาทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” ไม่ทันจบประโยคไอ้เจ๋งผมก็วิ่งออกมาทันทีโดยไม่รอมัน เสียงหัวใจมันเรียกหาอะครับ โทษที




ผมวิ่งมาเกือบจะถึงตรงที่น้ำตาลซ้อมอยู่ ขาก็หยุดกึกทันที กู..จะไปหาเขาง่ายๆ อย่างนี้เหรอวะ ไม่มีอะไรไปให้ซักอย่าง แม่งเมื่อกี้ก็ลืมคิดไป

ผมยืนคิดอย่างช่างใจ สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายตัวเล็กใส่แว่นหนาเตอะถือขวดน้ำเปล่าที่ยังไม่ได้แกะเดินผ่านมาทางนี้พอดี


อืม...


กูว่าได้!


“เห้ย!”

“เชี่ย...อุบ ขะ ขอโทษครับ” ผมขยับตัวไปขวางหน้าไอ้แว่นทันทีทำให้มันผงะไปเล็กน้อย พอจะเงยหน้าขึ้นมามองผมมันก็ทำหน้าเหวอก้มหน้าลงไปอีกครั้ง เป็นไรของมัน กูยังไม่ทันได้ทำอะไรเล้ย

“เอาน้ำมึงมา”

“อะ อะไรนะครับ” หูหนวกไงวะเห้ย


หมับ!


“นะ น้ำผม...” มันทำหน้าตกใจเบะปากเหมือนจะร้องไห้ กลัวว่าแม่งจะแหกปากผมเลยรีบควักเหรียญออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง นับดูจนครบค่าน้ำก็หยอดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ตมันพลางตบปุๆ สองสามที

“กูขอ มึงไปซื้อใหม่เลย แต๊งกิ้วนะแว่น!” ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาหันกลับไปโบกมือบ๊ายบายให้แว่นน้อยกับความมีน้ำใจของมัน คนเราอะมันต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ครับ คนไทยเหมือนกันๆ




พอมาถึงจุดที่น้ำตาลซ้อมอยู่ผมก็เดินเลี่ยงมาอีกทางเพื่อรอให้ถึงเวลาพักก่อนค่อยเข้าไปหา คนอะไรโคตรสวยเลย...

ง้อววว น้ำตาลลลลลลลลลล

ขาขาวจัง...


ผมหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาถ่ายรูปน้ำตาล คนอะไรขนาดขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งยังสวยขนาดนี้ โอ๊ยยย ใจบ่าดีเลย มองจากรูปที่ถ่ายมาได้นี่ก็โคตรจะสวย ใบหน้าของน้ำตาลเป็นอย่างหนึ่งที่ดึงดูดใจของผมตั้งแต่แรกเจอ เป็นหน้าแนวนางแบบในนิตยสารชื่อดังที่จะเห็นได้บ่อยๆ แต่น้ำตาลจะมีสัดส่วนของความหวานละมุนมากกว่า ทำให้มองกีทีก็เฮ้อ...แม่ของลูกชัดๆ


“น้องมุ่ย”


“แหก!”


“หืม...ฮะๆ ไม่มีอะไรแหกนะครับ อุทานซะน่ากลัวเชียว” ไอ้เชี่ย! เดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียง กูกำลังซุ่ม เอ้ย! กำลังเก็บภาพสวยๆ ของน้ำตาล ห่ามึงเอ๊ย!

“น้องมุ่ยมาทำอะไรที่นี่อะ มาหาไอ้บีมเหรอๆ” คนตรงหน้าผมทำหน้าสนอกสนใจหรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเสือก แล้วกูถามจริง


มึงใครวะเนี่ย?


“งั้นเดี๋ยวพี่เรียกมันให้นะ...ไอ้บีม! ไอ้บีม! น้องมาหา!” ผมยังไม่ทันพูดอะไรจู่ๆ ไอ้หัวเทานี่ก็ตะโกนเรียกชื่อไอ้ตัวร้ายที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม รึเปล่าวะ เห็นลางๆ ให้หันมาสนใจทางนี้


กูพูดซักคำไหมว่าอยากเจอมัน! หื้อ!!



ต่อข้างล่างจ้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2018 03:07:09 โดย chanadbears »

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ต่อตรงนี้จ้า


“นี่ใคร ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่ได้มาหาไอ้หน้าเมือกนั่นด้วย นี่มาหาน้ำตาลต่างหากเล่า!” ผมโวยใส่มัน

“พี่ชื่อพี่ก้านไงครับน้องมุ่ย เราเคยเจอกันที่ร้านเฮียตั้มครั้งนู้นไง แต่น้องคงจำไม่ได้อะน้องเมา ฮ่าๆ” คนที่แนะนำตัวว่าชื่อก้านหัวเราะจนตาปิด ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะถอยหลังมาสองสามก้าว ปรับมุมกล้องนิดหน่อยแล้วกดชัตเตอร์ทันที...เออๆ สวยดี

“อ๊ะ นี่น้องมุ่ยแอบถ่ายพี่เหรอครับ เป็นเกียรติสุดๆ เลยอะ พี่ติดตามเพจน้องมาตลอดเลย รูปสาวๆ สวยๆ ทั้งนั้น พี่ชอบบบบบ” ผมปล่อยให้คนหัวเทาพล่ามต่อไป ตัวผมเองก็กดถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ผมชอบแสงวันนี้ดีจังสวยสุดๆ ไปเลย


แล้วไอ้คนตรงหน้าผมมันมาแอ็คท่าเผลอเก่งอะไรของมันวะ


“เก๊กทำไมอะ”

“เอ้า ก็น้องถ่ายรูปพี่ไม่ใช่เหรอ พี่ขอซักอัลบั้มนะครับ เอาหล่อๆ เลย”

“เราไม่ได้ถ่ายนายซักหน่อย” ผมโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ

“หะ...ครับ?”

“เราถ่ายวิวหลังนายต่างหาก” ผมยื่นปากไปทางข้างหลังให้หัวเทาหันไปมองตาม มันก็ทำหน้าเอ๋อไปสองวิ ก่อนจะร้องออกมา

“ง่ะ...น้องงงงงงงงงงงงงง”

“ใครบอกจะถ่ายวะ ยังไม่ได้พูดซักคำเลย”

“น้องงงงงงงงงงงงงงงงงง”

“ทำไรกันอยู่อะ” เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยดังขึ้น แม่งเง้ย...ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครง่ะ

“น้ำตาล...”

“อ้าวน้องมุ่ยนี่เอง พี่ว่าละเห็นหลังคุ้นๆ มาออกกำลังกายเหรอ” น้ำตาลยิ้มหวานส่งมาให้ผม ทำให้ใจเต้นตึกตักอยากยกกล้องกดถ่ายแต่ก็ต้องระงับความตื่นเต้นไว้ วันนี้พี่มุ่ยจะไม่กากเว้ยเห้ย!

“แกมาทำไมเนี่ยตาล จะไปไหนก็ไปปะ” อย่าไล่แฟนกูนะหัวเทา!

“เรื่องฉันดิ เนอะน้องมุ่ย” งุ้ย อย่ามายิ้มใส่เค้าแบบนี้นะ~

“เรา...มาหาเพื่อนน่ะ เพื่อนเราซ้อมวิ่งอยู่ฝั่งโน้น เราก็เลย...มาเดินเล่นเก็บภาพเฉยๆ” อยากบอกมากว่าพี่ตอแหลครับ! ความจริงพี่มุ่ยมาหาน้องนั่นแหละครับ!

“เหรอ...สนใจถ่ายพี่ไหมคะ ฮ่าๆ ตอนนี้พักซ้อมหลีดสิบห้านาที พี่ว่าพี่พอจะเป็นแบบให้ได้อยู่นา ชดเชยคราวนั้นที่พี่ไม่ได้ไปด้วยเลยเป็นไง” น้ำตาลยิ้มเล็กๆ อย่างน่ารัก พลางโพสท่าให้โดยไม่เคอะเขิน เขาอนุญาตให้ผมถ่ายด้วยอะครับ โง้ยยยยยยยย

ผมพยักหน้ารัวๆ ด้วยความดีใจ เตรียมยกกล้องขึ้นแชะภาพนางฟ้า สายตาก็เหลือบไปเห็นขวดน้ำในกระเป๋ากล้องที่ผมตั้งใจว่าจะเอามาให้เธอ แต่ยังไม่ทันจะเรียกชื่อน้ำตาลเพื่อจะเอาน้ำให้ก็มีมือมารคว้าขวดน้ำออกจากมือผมตัดหน้าไป


“น้ำตา-”

“น้ำกูเหรอครับน้องมุ่ย! ดีใจว่ะ” ไอ้บีมที่มาจากไหนก็ไม่รู้คว้าขวดน้ำไปจากมือผม แถมยังเปิดดื่มอึกๆ อย่างหน้าตาเฉยจนแทบหมดขวด


ไอ้เหี้ยยยยยยย


กูไม่ได้ให้มึงงงงงงงงงงงงง


“บีม! แกอย่าบังเฟรมฉันดิ น้องมุ่ยจะถ่ายรูปให้เนี่ยโว้ย”

“มาตอนไหนวะไอ้บีม” หัวเทาถาม เออ! มึงวาร์ปมารึไงกูยังเห็นมึงเล่นบอลกากๆ อยู่ตรงนู้นอยู่เลย ไอ้ตัววุ่นวายมาทางไหนไปทางนั้นเลยนะโว้ย!

“ตอนที่เห็นนี่แหละ ไอ้นิวเรียกมึงอะ โน่น”

“เออๆ งั้นกูไปก่อน น้องมุ่ย! พี่งอนนะครับ เชอะ!”

“บีม! อย่าบังดิ้!” ผมจิ้ปากอย่างขัดใจพลางผลักมันให้หลบออก แต่แม่งเหมือนเอามือยันตึกไม่เขยื้อนเลยไอ้เวร

“น้ำตาล เพื่อนแกเรียกไปซ้อมแล้ว”


ดะ เดี๋ยว ยังไม่ได้ถ่าย...


“เฮ้ย...เออ งั้นพี่ไปก่อนนะคะ เราค่อยนัดกันวันหลังเนอะ” น้ำตาลโบกมือบ้ายบาย วิ่งเหยาะๆ กลับไปอย่างน่ารัก


ไอ้บีม!!!!!!!


“ทำอะไรของมึงอะบีม!” ผมตวาดเสียงดังใส่มันที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอย่างน่าหมั่นไส้

“ซื้อน้ำมาให้ไม่ใช่เหรอ ก็ดื่มให้แล้วนี่ไงครับ” มันยิ้มกว้างให้ผม


ไม่ได้ให้มึงเลยยยยยย


“ซื้อมาให้น้ำตาลต่างหาก!” ผมว่ากลับไปอย่างไม่ยอม

“เหรอๆ” บีมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม ก่อนจะยกขวดน้ำดื่มต่อหน้าจนหมดขวด ทำเอาผมอ้าปากค้าง ไอ้เชี่ยนี่! แม่งมันเย้ยกู!

“บีมอย่ามากวนตีนดิ้เห้ย กูยังไม่ได้สะสางเรื่องที่มึงผลักหัวกูทิ่มเลยนะ! มึงกล้ามาก! รู้ไหมว่าเหม่งน้อยกูทิ่มเต็มๆ กับพรมสกปรกๆ ในห้องมึง-”

“เหย่งย้อยหยองยูยิ่มเย็มหยับยมใยย้อง แบะๆ” บีมพูดเลียนแบบผมแถมทำหน้าตาล้อเลียนอีก จนผมแทบเลือดขึ้นหน้า


มันล้อผม!!!!


ไอ้เชี่ยนี่แม่งโว้ยยยยยย!!!


“ไอ้บีม!!”


“หืม ว่าไงครับน้องมุ่ย อย่าทำหน้าเครียดดิ ฮ่าๆ”

“มึงนะ! มึงมาแย่งอย่างนี้ได้ไง กูตั้งใจเอาน้ำมาให้น้ำตาลอะ แล้วมึงมาทำงี้เลย! แม่ง! กูเอามาให้น้ำตา- วะ...เหวอ!” มือคนตรงหน้าเอื้อมมาคว้าข้อมือผมไปแล้ววิ่งนำไป ทำเอาผมที่ยังตั้งตัวไม่ทันเกือบจะล้มหน้าทิ่ม

“จะพากูไปไหนเนี่ย ปล่อยเว้ย!” ผมทุบๆ มือมันที่กำข้อมือผมอยู่ให้ปล่อย แต่มันยิ่งกระชับให้แน่นเข้าไปอีกจนผมเจ็บ


ตุบ!


ฟุ่บๆ


เสียงแรกคือมันเหวี่ยงผมให้นั่งลงกับเก้าอี้พลาสติกข้างสนาม เสียงที่สองคือบรรดากระเป๋าคาดอก กระเป๋าสตางค์ นาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์ของตัวเอง ที่ไอ้บีมคว้าเอามาจากเพื่อนที่เหมือนจะนั่งเฝ้าของๆ พวกที่เตะฟุตบอลอยู่มาโยนลงบนตักผมทั้งหมด อะ...อะไรของมันอี้ก!

“เฝ้าของไว้ดีๆ ล่ะ หมดนี่ถ้าหายน้องมุ่ยหมดตูดเลยนะครับ” ผมหน้าเหวออ้าปากค้างกับการกระทำของมัน ไอ้บีม! คือมึงลากกูมาเฝ้าของเหรอวะ แล้วทำไมต้องเป็นกูด้วยอ้ะ!?

“บีม! นี่ไม่ได้มาเพื่อเฝ้าของให้มึง!” ผมว่าให้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระชาก ขาข้างหนึ่งเตะไปข้างหน้าอย่างโมโห

บีมหัวเราะกว้างกับการกระทำของผม ก่อนจะก้มตัวลงมาใกล้จนผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ปนกลิ่นเหงื่อของมันจางๆ

“ครับๆ” บีมตอบอีกทั้งรอยยิ้มขันที่ยังระบายอยู่บนใบหน้านั้นถูกส่งมาให้ผม รู้สึกถึงออร่าวิ้งๆ กระจายบนหน้ามันเหมือนพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งในเทเลทับบี้


ชัวร์เลย!


จากที่เจอหน้ามันมาสองสามครั้ง


ผมแพ้รอยยิ้มมันอะ...


ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ้มสวยชะมัด...


“ถ่ายกูด้วยล่ะน้องมุ่ย” มันใช้มือตบแปะเบาๆ บนเหม่งน้อยของผม แล้วก็วิ่งเหยาะๆ กลับเข้าสนามไป ส่วนตัวผมก็ได้แต่ทำหน้างงกับข้าวของที่บีมฝากไว้ มองไปข้างตัวก็เห็นผู้ชายอีกคนใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบคนเดียวกับที่นั่งเฝ้าของก่อนหน้านี้ส่งยิ้มแหยๆ มาให้ผมโดยไม่พูดอะไร


แง่ง!


อยากฆ่าคนโว้ยยยยยยย!





“อ้าว! น้องมุ่ยยยยยยยยยยยย” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น ผมจึงเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ก็เห็นกลุ่มคนเดินออกมาจากสนามตรงมาทางนี้ ผมเบะปากให้เมื่อเห็นไอ้บีมมองมา

สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปไหนนั่งเฝ้าของให้ไอ้ตัววุ่นวายอยู่เป็นชั่วโมง! ถ่ายรูปจนเบื่อก็นั่งไถโทรศัพท์เล่น เมื่อกี้เพื่อนแม่งก็ไลน์มาบอกถามว่าผมอยู่ไหน ผมก็ตอบมันไปว่าเฝ้าของให้หมาอยู่ พวกมันเลยขอกลับก่อน ผมก็เลยเออๆ ไป ถ้าผมกลับไปตอนนี้แล้วของมันหายผมก็ซวยสิครับ ของแต่ละชิ้นของมันถูกซะที่ไหนโดยเฉพาะนาฬิกาที่นอนโง่ๆ อยู่บนตักผมนี่


ถ้าหายก็ขายคลินิกเฮียครามมาใช้นี่มันนี่แหละ


“กูบอกแล้วว่าน้องมุ่ยมาหาเชี่ยบีม” คนหัวเทาที่ผมลืมชื่อมันไปแล้วพูดกับคนตาตี่ข้างๆ พลางพยักเพยิดมาทางผม

กูมาหาน้ำตาลเถอะสัด!

“เออว่ะ แม่งมาเฝ้าของให้ไอ้บีมมันด้วย เห๋ยยยยยยยย”

มันบังคับกู!

“พูดมาก หน้าน้องจะแดกหัวพวกมึงอยู่แล้ว”

กูพร้อมแดกมาก! หัวใครก็ได้ตอนนี้ แง่ง!!

“วุ่นวายว่ะพวกมึง” ไอ้ตัวดีทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะรับผ้าสะอาดจากเพื่อนอีกคนมาเช็ดหน้าตัวเอง หลายเรื่องแล้วนะมึงน่ะ! ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ข้อมือกูเป็นจ้ำเลยที่มันลากผมมา

“เตะบอลเสร็จแล้วก็เอาไปเลย! ของมึงเนี่ย!” ผมโวยเสียงดัง จะลุกก็เดี๋ยวของหล่นได้แต่ใช้แขนขากวักเรียกมันเข้ามา

“น้องมุ่ย วันนี้กลับด้วยดิ ไม่ได้เอารถมา” มันบอกด้วยเสียงเหนื่อยๆ ทำหน้าน่าเห็นใจ มือก็เก็บของจากตักผมไปอย่างช้าๆ


กลับด้วยห่าไรสัด


“วันนี้กูจะไปส่งน้ำตาล มึงน่ะเดินกลับเอง” ผมพูดด้วยความมั่นใจ ยักคิ้วสองจึกให้ด้วย

ผมหมายมั่นปั้นมือว่าวันนี้จะขอพาน้ำตาลซ้อนท้ายแล้วไปส่งเขาให้ได้ มันจะโรแมนติกเวลาผมเร่งเครื่องแล้วเขาก็วาดแขนเข้ามากอดเอวผมแน่นๆ ด้วยความตกใจกลัวอะครับ! ผมก็จะลูบมือปลอบน้ำตาลเบาๆ ว่าไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว พี่มุ่ยอยู่นี่แล้ว โอ้ยยยยยย ใจ๋บ่าดีบ่าเฮ้ย!


แปะ!


“โอ๊ย! ตบเหม่งกูอีกแล้ว! เอาไปเล่นบ้านเลยดีไหมไอ้เชี่ย!” มันตบหัวผมอีกแล้วครับ เป็นเหี้ยไรกับเหม่งน้อยของกูเนี่ย ถึงมันจะกว้างแต่มันไม่ได้มีไว้ให้ใครมาตบแปะเล่นนะเฟ้ย!

“เว่อจริงๆ น้ำตาลกลับไปตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเหรอครับน้องมุ่ย ดูดิๆ” บีมชี้ไปทางที่หลีดคณะน้ำตาลซ้อมกันอยู่ ผมมองตามก็พบว่า เฮ้ย! หายไปไหนหมดแล้วอะ ก่อนหน้านี้ไม่ถึงสิบนาทีผมยังเห็นอยู่เลย!

“หายไปแล้ว!”

“เออครับ ยังงี้มึงก็ต้องไปส่งกูแล้วล่ะ กูไม่ได้เอารถมานะน้องมุ่ย ใช่ไหมพวกมึง” บีมหันไปถามเพื่อน

“อะ อ๋อ เออ ใช่! เชี่ยนี่แม่งเดินจากหอมาสนามเลยครับน้องมุ่ย!” เชื่อก็ควายแล้วไอ้ตาตี่

“พวกพี่เอามอ’ ไซกันมา ซ้อนสามไม่ได้นะครับตำรวจจับเอา” แล้วที่กูเห็นซ้อนกันให้พรึ่บพรั่บหน้ามอคืออัลไล

ผมหน้ามุ่ยรอบีมมันเก็บของจนหมด เลยรีบคว้ากระเป๋ากล้องแล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปทันที มันก็จับข้อมือข้างเดิมที่ผมเจ็บอยู่ไว้ซะก่อน


ซี้ด~~ เจ็บอะครับ


ผมย่นหน้าลงนิดหน่อยด้วยความเจ็บ บีมก็ชะงักไปนิดแล้วคลายแรงที่จับอยู่ให้หลวมขึ้นกว่าเดิม

“จะไปไหนเล่า รอก่อนดิ บอกว่าจะกลับด้วยนี่ไง” ไอ้นี่มันรั้นจังเห้ย!

“กูไม่ให้คนเหม็นเหงื่อมานั่งซ้อนท้ายกูหรอก ไปไกลๆ ตีนเลย” จะสะบัดมือออกก็ไม่ได้เพราะเจ็บ ตอนที่มันลากผมมามันจับเบาที่ไหนล่ะ ตัวผมก็ยื้อด้วยอีก

“ไปครับๆ กูไปก่อนนะพวกมึง เจอกัน” บีมโบกมือให้เพื่อนพลางจูงมือผมให้เดินตามไป ผิดคาดแฮะ คิดว่าแม่งจะกระชากเหมือนตอนพามา ตอนนี้เสือกมือเบา

“เออๆ เจอกันมึง”

.

.

.

“ไอ้ชิบหาย! กูบอกแล้วไอ้บีมมันเอาแน่!”

“ไอ้ควาย! ตากูไม่ได้บอดเถอะสัด”

“กูจะจิ้นจนกว่ามันจะได้กัน!”

.

.

.



“ถึงแล้ว! ลงไปไป๊” ผมจอดรถตรงหน้าหอบีมปากก็ไล่มันด้วย ตอนขี่มาแม่งยังมาลำบากให้ผมจอดแวะซื้อข้าวซื้อขนมซื้อนู่นนี่นั่น ไม่จ่ายค่าน้ำมันให้กูซักกะบาท ไอ้เลว!

“ค่าน้ำมันก็ไม่ช่วยซักบาท น้ององุ่นกูต้องเหนื่อยมาส่งมึง ขอบคุณซักคำยัง?”

“บ่นจังเล้ย” บีมยกมือขึ้นขยี้ผมจนผมที่มัดไว้คลายออก ปอยผมบางส่วนร่วงลงมาทำให้ผมรำคาญจนต้องเสยขึ้นอย่างหงุดหงิด

“ไปไหนก็ไปเลยไอ้ตัววุ่นวาย อะ โอ๊ย! ทำเหี้ยไรเนี่ย” จู่ๆ บีมก็คว้าข้อมือข้างที่ช้ำไปดูจนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แถมยังพลิกไปมาด้วยสีหน้าเครียดๆ

“เจ็บแล้วทำไมไม่บอก น้องมุ่ย” มันเงยหน้าถามผมหน้าดุพลางใช้นิ้วโป้ลูบเบาๆ ตรงรอยที่เริ่มจะช้ำ กูนี่ก็อ่อนแอจริงๆ ผมเป็นคนช้ำง่ายครับ โดนนิดโดนหน่อยก็ขึ้นเขียว ตามขานี่ก็จะเห็นบ่อยไม่รู้ไปโดนอะไรมาแต่สองสามวันก็หาย

“มึงทำ” ผมว่าเสียงขุ่น มึงจะมาทำหน้าดุใส่กูไม่ได้นะโว้ย

“พี่ขอโทษครับ ไม่คิดว่าจะขึ้นรอยง่าย” ผมเลิกคิ้วทำหน้าเหลอหลากับคำขอโทษของบีม เสียงหล่อๆ นั่นทุ้มลงอีกจนหน้าใจหาย แถมทำหน้าซะน่าสงสารเลยเหมือนหมาเวลาโดนดุอะ หูนี่ลู่เลย ฮ่าๆ

“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหม หะ ห๊า ห๊า!” ผมเปลี่ยนท่านั่งจากที่คร่อมมอ’ ไซอยู่หันมาทางบีม ขาข้างนึงก็ยันกับพื้นไว้กันตัวเองร่วง มือข้างนึงก็ถูกบีมที่ยืนพลางค้อมตัวลงมาเล็กน้อยกุมไว้ นิ้วโป้ของมันก็ยังไม่หยุดลูบ ทำผมรู้สึกดึ๊กดึ๋ยแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งพอเหลือบตามองมันก็เห็นมันยังจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่ผมแม่ง...


“ปล่อ...ปล่อยเลย จะกลับแล้ว” ผมพยายามยื้อแขนตัวเองกลับมาแต่บีมก็ไม่ปล่อย แถมยังเปลี่ยนมาทำหน้าดุอีก อะไรของมันวะ

“อย่าดึงกลับสิ เดี๋ยวก็เจ็บกว่าเดิม”

“กูจะกลับหอแล้ว”

“กูต้องทำยังไงให้น้องมุ่ยหายเจ็บดี หืม?”

“อย่าทำตาวิบวับๆ ได้ปะ น่ารำคาญ!” ผมโพล่งออกไป เนี่ยๆ ไอ้ตายิบยับๆ วิบวับๆ ของมันทำผมรู้สึกดึ๊กดึ๋ยอะ หน้าก็ร้อนขึ้นอีก ไอ้เหี้ย

“แล้วจะให้ทำไงอะ”

“ปล่อยดิ”

“อืม...ถ้าทำอย่างนี้จะหายไหมนะ” บีมทำหน้านึก ก่อนจะทำบางอย่างที่ทำเอาผมตาค้างพูดไม่ออก


จุ๊บ~


อะ...


ไอ้บีมมึง...


ผมตาเหลือกด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่บีมทำ มันใช้ริมฝีปากแตะเบาๆ ตรงข้อมือผม แถมยังเป่าลมออกมาเบาๆ เหมือนกำลังปลอบเด็กเล็กที่หกล้มเป็นแผลแล้วร้องไห้รอคนใจดีมาโอ๋

หน้าที่ร้อนอยู่แล้วรู้สึกร้อนขึ้นไปอีกเหมือนภูเขาไฟกำลังจะระเบิด ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ มองสลับไปมาระหว่างข้อมือตัวเองกับหน้าบีม

“ฟู่~ หายเร็วๆ นะน้องมุ่ย พี่ขอโทษนะครับ ไม่เจ็บแล้วนะ” บีมเงยหน้าขึ้นมามองผมแถมเหยียดรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้


ปุ๊ง~


“หน้าแดงเชียว น่าเอ็นดูจริงๆ”


ตึกตักๆ


ไผก่อได้...จ้วยโทตวยหมอจิม...


ฮือ...


มุ่ยบ่าไหวแล้ว...








*******************************************************

หายนานอีกแล้ว ขอโทษกั๊บบบบบ -/\-

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
มุ่ยน่ารักอะ  :-[

ออฟไลน์ KS.F

  • มือใหม่หัดแต่งนิยาย ช่วยแนะนำด้วยน่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนพิเศษ

กระทงหลงทาง




“น้องมุ่ย ทำอะไรอยู่ครับ” ผมทักเขาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นแผ่นหลังเล็กๆนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่กับพื้นแถวโซฟา หลังจากเลิกเรียนผมก็ตรงกลับเข้าห้องเลย โดยไม่ลืมที่จะซื้อข้าวไข่เจียวร้านโปรดกลับมาให้มุ่ย เมื่อวานน้องมันหอบข้าวของมานอนที่ห้องผม เห็นว่าโดนตัดน้ำตัดไฟเพราะลืมจ่ายจนต้องระเห็จมาที่นี่ กูล่ะเชื่อมึงเลยครับน้องมุ่ย แถมยังบอกด้วยนะว่าโดนแทบจะทุกเดือนเพราะลืม ต้องไปนอนที่บ้านบ้างหอเพื่อนบ้าง ผมถามแล้วเขาไม่ไล่ออกเหรอ น้องมันก็ตอบว่าไม่รู้ เพราะเฮียครามมาจัดการให้ทุกที



แต่ก็ดีเหมือนกันครับ ได้นอนกอดไอ้ตัววุ่นวายทั้งคืน



“ทำกระทงดิ วันนี้วันลอยกระทง” ผมเดินเอากล่องข้าวไปวางไว้ที่โต๊ะทานอาหาร ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องมันพอเข้าไปใกล้ ก็ต้องขมวดคิ้วให้กับคำตอบ เห็นมีแต่ดอกไม้หลากชนิดกระจัดกระจายทั่วบริเวณที่มุ่ยนั่งกับเหยือกน้ำเปล่า อ่อ มีธูปเทียนกับขันใบขนาดกลางวางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโทรทัศน์ด้วย

“ไม่เห็นมีใบตอง” ผมวางกระเป๋าลงกับโซฟาแล้วนั่งยองข้างน้องมุ่ย เจ้าตัวเสยผมที่หลุดจากการมัดอย่างลวกๆขึ้นไปเหมือนจะรำคาญ ผมจึงอาสาดึงยางมัดผมให้หลุดออกมาอย่างเบามือเพื่อที่จะมัดใหม่ มุ่ยไม่สนใจอะไรนอกจากดอกไม้ตรงหน้า

“เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้ใบตองแล้วบีม เชยว่ะ” พอมัดเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะลูบแก้มน้องเบาๆ มีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างแล้ว ผมปรับพฤติกรรมการกินของเขาใหม่ให้ดีขึ้น มุ่ยก็ค่อนข้างเจริญอาหารมากกว่าแต่ก่อน อย่างน้อยก็มีร้านตามสั่งแถวหอผมที่มุ่ยมันชอบโดยเฉพาะข้าวไข่เจียว

“แล้วจะทำยังไงวะ?” ผมดึงมือกลับแล้วทรุดนั่งขัดสมาธิพลางหยิบดอกไม้ที่มุ่ยมันวางเรียงไว้ขึ้นมาดู พอหันไปสบกับใบหน้าคนตัวบางก็เห็นคิ้วน้อยๆขมวดยุ่งเม้มปากอย่างคิดไม่ตก มือก็หยิบดอกไม้เข้าๆออกๆจากกองข้างตัวแล้วเอามาเรียงไว้


“ช่างหัวเรื่องนั้นไปก่อน บีมมาช่วยคิดก่อนดิ้”

“หืม?”

“คิดว่าจะใส่แค่กุหลาบกับดอกปีป แต่ก็อยากใส่มะลิ ชบา ดอกเข็ม ดาวเรือง ดอกพุด แล้วก็ดอกพวกนี้ๆด้วย”

“จะให้กูเลือกเหรอ”

“เออ แต่ยังไงก็ต้องใส่ดอกปีป” มุ่ยเคาะลงกับพื้นให้ผมเห็นเจ้าดอกปีปที่วางอยู่บนสุด

“ทำไมอะ”

 “ก็เป็นดอกไม้ที่กูชอบ...”

“อ่าฮะ” ดูเหมือนน้องจะไม่พอใจกับคำตอบรับผมเท่าไหร่ มันเลยหยิบกลีบดอกกุหลาบมาปาใส่หน้าผม

“แล้วเป็นดอกไม้ที่ถ่ายคู่กับมึงครั้งแรกไงบีม เป็นดอกไม้พิเศษๆของมึงกับกูสองคนไงวะ โง่จังเลยบ่าเฮ้ย”

“อ๋อ...” พอฟังคำเฉลยแล้วก็ทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาด้วยความรู้สึก..

               

     
อ่า...หลงรักน้องมุ่ยมากขึ้นอีกแล้ว

 

 
เป็นเด็กที่โรแมนติกจริงๆ

 


“น่ารักจัง แฟนใครครับเนี่ย” ผมอดไม่ได้ที่จะกระเถิบตัวไปซ้อนหลังมุ่ยแล้วกางขาออกเพื่อนที่จะกอดให้ถนัดขึ้น กดจูบเบาๆที่หลังคอขาวอย่างมีความสุข

“รำคาญมึงว่ะบีม ไม่ช่วยแล้วยังมาวุ่นวายอีก ไอ้ตัววุ่นวาย!” บ่นครับ แต่เห็นนะว่าเขิน แก้มขาวๆนั่นขึ้นสีแดงเรื่อ มือบางก็พัดไปมาเหมือนร้อนทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ

“อยากใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะน้องมุ่ย มึงจะมาเครียดกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้เว้ย” ผมวางคางตัวเองลงกับลาดไหล่ของมุ่ย หลับตาพริ้มสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากคนในอ้อมกอดที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ง่วงเลยว่ะ

“ไปนอนดีๆเด่ะ นี่จะทำกระทง ไม่เสร็จไม่ได้ลอยนะโว้ย!” มุ่ยขยับตัวพลางใช้ศอกดันมาข้างหลังเพื่อจะหลุดจากวงแขนผม แต่ผมก็ยังกระชับแน่นไม่ปล่อยง่ายๆ


“ไม่เสร็จก็ไม่เสร็จดิ ไม่ลอยก็ได้” ผมว่าอย่างเอาแต่ใจ

“มึงอย่ามากวนตีนดิ้ กูอยากไปลอย! มึงก็ต้องไป!”


“น้องมุ่ย...” ผมเรียกเสียงอ่อย จนน้องมันหันกลับมาสบตากับผมกลอกตาขึ้นบ่นพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ไม่ถึงสามวิมุ่ยก็ทำให้ผมยอมโอนอ่อนลุกขึ้นไปนอนบนโซฟาอย่างง่ายดาย

               


จุ้บๆ!

 

อะ...

 

“รำคาญหน้ามึงอะบีม งอแงสัด”

 

จุ้บๆ!

 

“ลุกขึ้นไปนอนดีๆก่อนกูจะเอาขันฟาดหัวมึง”

 

คนในอ้อมแขนโหย่งตัวลุกขึ้นแล้วจูบหน้าผากผมแรงๆหลายครั้ง แล้วผละออกมาว่าให้ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากผมอีกหลายทีพลางใช้มือน้อยๆดันหน้าผากผมแล้วเจ้าตัวก็ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของผม หน้าแดงๆนั่นมองผมอย่างรำคาญ

             


อ่า...

 


เชี่ยแม่งเอ้ย...

 


ผมยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างยอมจำนน หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆไม่ต่างจากน้องมุ่ยมันหรอก

 

ชอบ...ทำอะไรแบบนี้ให้ผมใจสั่นอยู่เรื่อย

 

“อ้าวๆ เขินใหญ่ กิ้วๆ ฮ่าๆ” ปากน้อยๆนั่นยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจทั้งๆที่หน้าแดงไม่ต่างจากผมก็ยังจะแซว

 
“กูจะนอนก่อนละกัน เสร็จก็ปลุก”

 
“ชิ่วๆ”

 


ยอมแล้วครับ...

 



ยอมคนนี้คนเดียว

 

 

 





“เดินให้มันเร็วๆบีม! กูเย็นมือจะตายอยู่แล้วโว้ย!” มือบางกำข้อมือผมให้เดินตามตัวเองมา ความรีบของมุ่ยต้องช้าลงเพราะคนอัดแน่นเต็มบริเวณงานลอยกระทงที่จัดขึ้นในมอ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงของเหล่าแม่ค้าและนักศึกษา ปลายทางคือบ่อน้ำสร้างขึ้นเองจากพลาสติกเป็นจุดลอยกระทงที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ทางมอไม่อนุญาตให้ลอยในอ่างเก็บน้ำของมหาลัยน่ะครับ ก็เลยต้องสร้างขึ้นมาเองแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกันครับ ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งผมทั้งน้องโดนเบียดไม่ต่างกันทั้งๆที่ก็รีบแท้ๆ



“ละลายแล้วบีมๆ ห่ามึงเอ้ย!”

“ถึงแล้วนี่ไงๆ โวยวายจริงว่ะ” ผมหลุดยิ้มให้กับความกระวนกระวายของคนข้างตัว ในที่สุดเราสองคนก็พากันเดินมาอย่างทุลักทุเลจนถึงที่ว่างข้างๆสระน้ำพลาสติก กระทงของคนอื่นๆลอยว่ายอยู่ในน้ำหลากหลายแบบแล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน ผมก้มลงมามองกระทงของคู่ตัวเอง สุดท้ายดอกไม้ที่มุ่ยนั่งคิดไม่ตกว่าจะเอายังไง สุดท้ายก็...

 


‘แม่งเง้ย! ไม่คิดแล้ว ใส่ๆมันให้หมดนี่แหละ’

 


นั่นแหละครับ...สุดท้ายก็ออกมาเป็นดอกไม้ทุกดอกที่มุ่ยเตรียมมาถูกจับโยนๆใส่ขันโดยไม่ลืมให้ดอกปีปเด่นชัดที่สุด

“จุดไฟแช็คๆ” มุ่ยล้วงไฟแช็คออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วส่งให้ผม เราสองคนทรุดนั่งยองๆกับพื้น เห็นหน้ามุ่ยแล้วขำว่ะ หน้ามันจริงจังจนผมต้องหลุดหัวเราะออกมา

“ขำไร จุดเร็วๆสิบีม”

“โอเคๆ”

พอผมจุดไฟลงกับปลายไส้เทียนและธูปที่ปักกับกระทงน้ำแข็ง เราสองคนก็จับกระทงไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อขอขมาและอธิษฐาน

“ขอขมาแม่คงคาในสิ่งที่ผมเคยได้ทำให้สกปรกทั้งตั้งใจไม่ตั้งใจ....” ผมหลับตาขอขมาแม่คงคาและอธิษฐานยังไม่ทันเรียบร้อยดี เสียงเล็กๆก็ดังขึ้น จนผมต้องลืมตาขึ้นมาดู

“ขอให้แม่คงคาดูแลรักษาแม่น้ำของประเทศเราตลอดไปเลยนะครับ สาธุๆ” ผมหลุดขำกับคำขอประหลาดๆของมุ่ย

“ขอให้เตียกับม๊าของผม พ่อกับแม่ของบีม เฮียคราม ฟ้าใส ลุ้ย พี่พระนาย น้องบู ญาติๆเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ผมรู้จักทุกคนมีความสุขมากๆ อย่าเจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพร่างกายแข็งแรง ส๊า...ธุ” มุ่ยหรี่ตาขึ้นมาข้างนึงเหมือนจะแอบดูผม เจ้าตัวสะดุ้งนิดๆเมื่อรู้ว่าผมมองอยู่



“เสร็จแล้วใช่ไหม”

“ยังสิ”

“แต่น้ำแข็งจะละ-”

 


“อะแฮ่ม! ขอให้คนชื่อบีมกับคนชื่อมุ่ยมีความสุขมากๆ!!”

 

 

!!!

 

 

“ขอให้สองคนนั้นรักกันไปนานๆเลยนะครับแม่คงคา!!!”

 

 

เชี่ย...

 

 

“อะ เสร็จละ ลอยได้” ตัวดีหันมาฉีกยิ้มกว้างให้กับผมหลังจากตะโกนโพล่งคำขอเมื่อกี้จนทุกคนหันมามองอย่างตกใจ บางคนซุบซิบแล้วชี้มาทางเราสองคน

 



อย่าว่าแต่คนอื่น

 



ผมก็ช็อคกับความเล่นใหญ่ของไอ้น้องมุ่ย

 



“หมั่นไส้พวกมีคู่โว้ยยย!!!”

“ไอ้มุ่ยไม่เคยทำให้กูผิดหวังจริงๆ ฮ่าๆ!”

“อิจฉาพวกแม่งงงงงงงง”

 



เสียงคุ้นเคยจากคนรู้จักแว่วมาให้ได้ยิน ทั้งผมและมุ่ยมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ผมขยี้ผมน้องอย่างเอ็นดูเจ้าตัวหัวเราะแหะ ก่อนจะเอ่ยออกมา



“กูกลัวแม่คงคาไม่ได้ยินอะ แหะๆ”

 

“น้องมุ่ย...”

 

“ว่า...”

 

“จะให้กูรักมึงไปถึงไหนกัน”

 

“อืม..”

 

“...”

 

“ก็นานๆไปเรื่อยๆนั่นแหละ”

 

“เนอะ”

 

เราทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนจะค่อยๆวางกระทงลงน้ำแล้วดันมันเบาๆให้ลอยออกไป มุ่ยเกาะขอบพลาสติกมองดูกระทงของตัวเองที่ค่อยๆละลายเมื่อน้ำกับน้ำแข็งเจอกัน

ผมคิดมาตลอดว่าวันลอยกระทงเป็นวันที่น่าเบื่อ เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อขอขมาแม่น้ำคงคา โดยการนำกระทงไปลอย ผมว่ามันสร้างขยะในแม่น้ำให้มากกว่าเดิมซะอีก ผมมองว่าเราจะขอขมากับน้ำที่ไหนก็ได้นั่นแหละ ผมเลยไม่ค่อยแคร์กับความสำคัญของวันนี้เท่าไหร่ แถมยังเป็นวันที่เหมือนจุดประสงค์เปลี่ยนไปเรื่อยๆโดยเฉพาะหนุ่มสาววัยรุ่นบางกลุ่มที่ทำให้ประเพณีดีๆต้องกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้

พล่ามมาซะนาน เอาจริงๆผมแค่จะบอกว่าลอยกระทงปีนี้กับมุ่ยทำให้ผมมีความสุขที่สุดกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา

 


กระทงน้ำแข็งนั่นก็ส่วนหนึ่ง...

 



ที่สำคัญคือผมได้ฟังคำอธิษฐานที่น่ารักที่สุด...

 



จากคนที่ผมรักที่สุดเช่นกัน...

 



...

จบจ้า




แวะมาส่งตอนพิเศษวันลอยกระทงค่า หวังว่าทุกคนจะชอบเน้อ เขียนฉากหวานๆยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่น้องจะพยายาม ฮืบบบบบ เอ็นดูน้องมุ่ยกับพี่บีมด้วยนะค้าๆ

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันลอยกระทงนะคะ รักๆ

ปล.กำลังปั่นเนื้อเรื่องอย่างขมักเขม้นนะคะ อาจจะมาช้าแต่มาแน่นอนครับผม! 

 

 

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ชอบนะ
ถ้าหวานมากคงไม่ใช่มุ่ย 55

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 10

ทัวร์ติดชีวิตกากๆ




“ฮา~”

ผมโถมตัวลงกับที่นอนอย่างหมดแรง เหลือบตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่า ผมถอนหายใหญ่ออกมาเฮือกใหญ่พร้อมบิดตัวอย่างเกียจคร้าน หมดแรงแล้วครับ

“งึ่ย~” ผมปั้นผ้าห่มผืนใหญ่ให้เป็นก้อนๆ แล้วซุกหน้าลงกับมัน แล้วใช้ขาตวัดผ้าห่มผืนที่เล็กกว่าขึ้นมาคลุมตัว ชีวิตบนเตียงผมต้องมีหมอนสองใบกับใจเหงาๆ หมอนข้างและผ้าห่มสองผืน ผมเป็นคนติดผ้าห่มมาก ไม่ว่าจะร้อนจะหนาวก็ต้องห่มผ้า ติดมาตั้งแต่เด็กละครับไม่เคยแก้นิสัยนี้ได้

ผมมีนัดถ่ายงานกับรุ่นพี่คณะมนุษคนสวยในเช้าวันนี้ทำให้ต้องรีบตื่นแต่เช้า ถึงจะหนาวจนปากสั่นก็ต้องขี่รถออกไป แต่ตัวผมก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิกับมันซักเท่าไหร่เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสอง ไม่ต้องเดาสาเหตุให้วุ่นวายนะครับทุกคน รู้ๆ กันอยู่


ไอ้ศัตรูตัวร้ายนัมเบอร์วัน!


หลังจากที่มันกระทำมิดีมิร้ายกับมือของผม จนผมระเบิดกลายเป็นโกโก้ครั้นทำอะไรไม่ถูก เท้างามๆ เลยกระตุกใส่ขาบีมอัตโนมัติจนมันหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น มันมองหน้าผมอย่างเหวอๆ ไปสามวิ แล้วก็โพล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นจนผมทำตัวไม่ถูก ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นมองมาที่เราสองคนกันใหญ่ ผมจึงก้าวขาไปที่รถรีบสตาร์ทเตรียมหนี ด้วยความหมั่นไส้มันเลยไม่ลืมที่จะส่งนิ้วกลางให้แล้วบิดหนีออกมา


ผมจะไม่ทนกับบีม ผมพูดเลย


ทำอย่างนี้ได้ยังไง!


มันต้องเอายามาทาให้ผมสิครับ!


เอาปากมาแตะยังงี้ บ้านไหนสอนมึ้ง! มันจะหายไหม?


คิดดู๊! กลับหอมาผมต้องไปควานหายาทาแก้ฟกช้ำที่อยู่ซอกหลืบไหนก็ไม่รู้มาทารอบๆ ข้อมือ แล้วกูมันคนเหี้ยอะไรข้อมือบ๊างบาง อะไรนิดอะไรหน่อยก็ช้ำ ผมเบื่อมาก

คิดแล้วก็อยากทุบๆ ไอ้บีมให้ข้อมือมันหักไปเลย ทำผมเจ็บแล้วยังมาหัวเราะใส่ คนดีๆ เขาไม่ทำมีแต่คนเห้อย่างมันนี่แหละครับ





Rrrrrrrrrrrrr



“โหล!” ผมกดรับสายโดยที่ยังไม่ได้มองหน้าจอโทรศัพท์ว่าใครโทรมา

(นี่เอ็งรับสายเฮียงี้อ่อวะ?)

“โทรมาไมอะเฮีย ข้าอารมณ์ไม่ดีอยู่โว้ย” เฮียแม่งก็โทรมาไม่รู้เวล่ำเวลาเลยจริงๆ

(เอ็งบอกใสว่าจะกลับวันนี้ไม่ใช่เรอะ เดี๋ยวเฮียไปรับเปล่าๆ) เสียงอารมณ์ดีเชียวนะ หมั่นๆ

“เอ้า! เออ ลืมเลยว่ะ” ผมชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องเรียกให้กลับบ้าน เกือบไปแล้วไหมละมุ่ยเอ๊ย ถ้าอาทิตย์นี้ผมไม่กลับบ้านนะไอ้ใสเอาผมตายแน่ อย่าว่าแต่น้องเลยครับ เตียกับม๊าจะลงมาหาอันนี้สยองสุด

(ยังไง จะให้เฮียไปรับหรือว่าจะมาเอง)

“มารับหน่อย ขี้เกียจขี่รถอะ โคตรหนาว”

(ซักสองทุ่มได้ป้ะ ข้ามีเดทว่ะ อิอิ) หมั่นไส้มันจังครับ เสียงนี่กระดี๊กระด๊าไปไหน

“หูยยย จะฟ้องพี่พระนาย”

(เอาเล้ยๆ) แหม๊! จะลองดีว่ะเห้ย

“นี่พิมพ์แชทละนะ...”

(มุ่ย นี่เฮียเอง เฮียว้อเว่น ข้าสารภาพตรงนี้ว่าจะไปหาซื้อของขวัญให้พระนายมัน เฮียไม่ได้มีเจตนาจะนอกใจแม้แต่น้อยแต่นิดลิทเติ้ลบิทลิทเติ้ลมอเลย วอนน้องมุ่ยลบแชท เฮียขอ)

“ฮ่าๆ ๆ” ผมหัวเราะเสียงดังลั่น แม่งไม่แน่จริงนี่หว่า หน้าไหนขอให้บอก! ตัวๆ ยังได้! สู้ได้ทุกคนครับ! ยกเว้นคนเดียว เฮียครามเก่งแค่ไหนก็ต้องแพ้พี่พระนายฮีโร่ของผม พูดเลย

(มุ่ยยยยยย อย่าบอกมันนะเว้ย เฮียจะเซอไพรส์อะ)

“วันนี้ข้าต้องเข้าไปที่โรงเรียนพี่เพลินอะ เฮียเสร็จธุระแล้วก็รอหน้าหอละกัน”

(นี่เอ็งให้คนอย่างเฮียครามรอเหรอวะ?)

“พี่-พระ-นาย-มุ่ย-มี-เรื่อง-จะ-ฟ้อ-” ผมทำเป็นกระแทกเสียงเหมือนกำลังพิมพ์อยู่

(ถ้ามุ่ยให้เฮียดำน้ำ เฮียก็จะถามว่าให้ดำลึกแค่ไหน ถ้ามุ่ยบอกให้เฮียรอ เฮียจะถามมุ่ยว่าให้รอแค่ไหน ฮรึก...)

“เค้ๆ”

ผมกดวางสายหลังจากแกล้งเฮียมันจนหนำใจ นี่แหละครับคุณหมอฟ้าครามผู้แสนจะเท่เนี้ยบ สุขุมนุ่มลึกเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่ มันก็จะกากๆ หน่อยแบบนี้ล่ะ ฮ่าๆ

ผมว่าผมจะงีบซักแป้ปนะทุกคน ตอนบ่ายผมต้องเข้าไปหาพี่เพลินที่โรงเรียนสอนศิลปะอีก มาครับ มาทัวร์ชีวิตวันนี้ของผมกัน!







“ผมถึงละ เดี๋ยวจอดรถแป้ปๆ เคๆ” ผมวางสายหลังจากคุยกับพี่เพลินเสร็จระหว่างนั้นก็บิดกุญแจดับเครื่องน้ององุ่นในลานจอดรถขนาดกลางของ Plearn Studio Art&Design กระชับกระเป๋ากล้องกระเป๋าคาดอก สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเล็กน้อย แล้วเตรียมเดินเข้าร้านไป

Plearn Studio Art&Design คือชื่อโรงเรียนสอนศิลปะขนาดกลางตั้งอยู่ใจกลางเมืองของจังหวัดมีผู้คนที่สนใจทางด้านศิลปะเข้ามาสมัครเรียนกันมากมาย เป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่อยู่มานานมากแล้วแต่ก็ยังคงเจ๋งอยู่ ก่อตั้งขึ้นโดยคุณตาของพี่พระนายที่เป็นอาจารย์ชื่อดังในแวดวงศิลปะ ดูแลมาเรื่อยๆ จนถึงยุคของพี่พระนายที่ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของโรงเรียนนี้ และมีพี่เพลินกับพี่ขันเพื่อนสนิทพี่พระนาย เข้ามาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ด้วย โรงเรียนแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อสอนศิลปะให้กับทุกวัยตั้งแต่เด็กจนถึงโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะทั้งคอร์สวาดเส้น คอร์สสถาปัตย์ คอร์สออกแบบต่างๆ คอร์สเพนท์ติ้ง คอร์สการ์ตูน คอร์สศิลปะเด็ก บลาๆ โรงเรียนจะไม่รับเด็กเยอะจนเกินไปเน้นความรู้ความเข้าใจที่ทั่วถึง ครูอาจารย์ที่มาสอนก็เก่งๆ กันทั้งนั้น ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่โรงเรียนสอนศิลปะแห่งนี้เป็นที่สนใจมากๆ

ถามว่าผมรู้จักได้ยังไง เคยเรียนเหรอ ก็...ไม่เชิงครับ พี่ทั้งสามคนเขาเป็นเพื่อนกับเฮียครามตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว ผมก็เลยได้วิชาความรู้เล็กๆ น้อยๆ จนพอจะเข้าคณะนี้ได้นั่นแหละ



กรุ๊งกริ๊ง~



“อ้าว! น้องมุ่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยอะ คิดถึงจัง” พอเปิดประตูเข้ามาก็เจอกับพี่เนยครูสอนศิลปะเด็กแฟนพี่เพลินพอดี

“แค่สองอาทิตย์กว่าๆ เองครับ ฮ่าๆ พี่เพลินเรียกผมมาช่วยงานอีกแล้วง่า” ผมมุ่ยปากบ่นกับพี่เนย ผมมักจะมาช่วยงานที่นี่บ่อยมากครับช่วงที่ยังไม่เข้ามหาลัย มาช่วยดูเด็กให้บ้างช่วยสอนนิดๆ หน่อยๆ บ้างแต่พอเข้ามหาลัยได้ปุ้ปก็นานๆ มาที ผมมองไปรอบๆ ร้านอย่างสนอกสนใจ ดูเหมือนว่าจะมีตกแต่งเพิ่มขึ้นอีกแฮะ

แต่ถึงจะมีการตกแต่งเพิ่มมากแค่ไหนสไตล์ร้านก็ยังเหมือนเดิมคืออบอุ่นเหมือนบ้าน ผนังสีขาวตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลแทบจะทุกชิ้นประกอบกับเหล่าต้นไม้สีเขียวที่ถูกวางอย่างสะอาดตา ห้องต่างๆ ถูกแบ่งอย่างชัดเจนไม่ให้เกิดการรบกวนกัน แบ่งเป็นโซนด้วย ก็มินิมอลตามสไตล์พี่พระนายเขาแหละครับ ชั้นล่างนี่จะเป็นของเด็กๆ เขา ชั้นบนผมไม่แน่ใจว่าเพนท์ติ้งมั้งถ้าจำไม่ผิด

“อ๋อ สอนอยู่ข้างบนนู่นแหละ ขึ้นไปเลี้ยวซ้ายห้องขวามือนะ เข้าไปได้เลยจ้ะ”

“แหะๆ ขอบคุณครับ”

“ว่าแต่เราทานอะไรมารึยัง เอาคุ้กกี้ไหม?” ผมเพิ่งให้ความสนใจกับจานเล็กๆ ในมือพี่เนยที่มีคุ้กกี้วางอยู่

“ทานแล้วครับ แต่ก็อยากกินคุ้กกี้ฝีมือพี่เนยคนสวยจังเลย”

“นี่ก็แซวพี่ เดี๋ยวพี่เอาขนมไปให้เด็กๆ ก่อนแล้วเดี๋ยวจะเอาขึ้นไปให้นะจ๊ะ” พี่เนยโบกไม้โบกมือใหญ่อย่างเขินๆ พลางชี้ไปที่ห้องเด็กน้อยเป็นเชิงว่าจะเข้าไปก่อน ผมผงกหัวให้แล้วเดินขึ้นบันไดไปเลี้ยวซ้ายตามที่พี่เนยบอก เอ ห้องขวามือ อ้าว! นี่มันห้องสำหรับดรออิ้งนี่หว่า


ฮานี่หยังมาขี้ลืม โค้ะ!




ก้อก! ก้อก! ก้อก!


ผมเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต เสียงพี่เพลินดังออกมาจากในห้องแว่วๆ ว่าให้เข้ามาได้ ผมจึงเปิดประตูเข้าไปทันที

“พี่เพลิน! น้องมาแล้วว่ะ! ...ขอโทษจ้า” ผมร้องทักทายพี่เพลินเสียงดัง พี่แกก็ทำปากจุ๊ๆ ผมก็เลยเงียบเสียงลงแล้วหันไปมองสภาพในห้อง โอ๊ะ! เด็กๆ กำลังเรียนวาดเส้นกันอยู่นี่หว่า

ผมก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ พี่เพลินเลยขอตัวกับนักเรียนก่อนจะเดินมาทางผมแล้วชี้มือให้ออกไปข้างนอกห้อง

“เสียงดังมึงนี่! นักเรียนกูตกใจหมด” พี่เพลินโบกหัวผมไม่แรงนัก แต่กูก็สะเทือนอยู่ดีว่ะพี่

“เอ๋า ใครจะไปรู้ว่ากำลังสอนอยู่ พี่เนยบอกให้เข้าไปได้เลยอะ” ผมแย้ง

“เออๆ ว่าแต่...ไม่ได้เจอมึงนานเลยว่ะ คิดถึงมึงชะมัด” พี่เพลินคว้าคอผมเข้าไปกอดพลางขยี้ผมอย่างรุนแรงจนผมหัวสั่นหัวคลอน

“แค่สองอาทิตย์กว่าๆ เองป้ะเหอะ นี่ก็พอได้แล้วโว้ย! จะฟ้องพี่พระนาย” ผมกระชากตัวเองออก เบ้ปากให้พี่มัน มือก็ยกขึ้นจัดเผ้าจัดผมให้มันเป็นทรงดีๆ พี่เพลินหัวเราะกว้างเหมือนไม่เกรงใจห้องอื่นที่กำลังสอนอยู่

“อยู่ให้มึงฟ้องซะที่ไหน”

“ไปไหนอะ”

“ไม่รู้ว่ะ มันบอกขอพักผ่อนซักเดือน” คนตรงหน้ายักไหล่ขึ้นเป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าพี่มันไปไหน เห้ย...เห๋ย...แล้วเฮียมันรู้ป้ะนั่น ไม่ใช่ซื้อของขวัญให้พี่พระนายเก้อนะเว้ย

“ติสท์ว่ะ”

“พี่มึงอะ ฮ่าๆ รู้ตัวไหมว่ามึงเหมือนมันเข้าไปทุกทีแล้ว เหลือแค่หน้าตานี่แหละ” พี่มันหัวเราะกว้างขึ้น เอ่ยแซวผมอีก ผมมุ่ยหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก็คนมันจะเหมือนคนที่ตัวเองชอบก็ไม่ผิดปะครับ

“แล้วตกลงให้ผมดูห้องไหนให้อะ” ผมเข้าเรื่องทันที

“ห้องดรออิ้ง 3 วันนี้ไอ้ขันลาป่วย ยังไงก็ช่วยดูเด็กๆ ให้กูหน่อยละกัน กูเตรียมแบบไว้แล้ว” พี่มันชี้ไปทางห้องขวามือที่มีป้ายแขวนว่า ‘Drawing3’ ผมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเข้าใจ

“พวกพี่นี่ก็ทำเหมือนผมเก่งมากเนาะ ให้มาช่วยงาน ปีหนึ่งนะเว้ย”

“กูก็ให้มึงมาช่วยดูเฉยๆ เหอะว่ะ อีกอย่างคนมันไม่พอมึงจะให้กูทำยังไงห๊า”

“โด่ว”

“รำคาญมึงจริงๆ เอ้า! นี่เป็นคลาสที่ 3 นะ ส่วนใหญ่ก็รุ่นน้องมึงนั่นแหละมอห้ามอหก”

“โอเคๆ เออพี่ ขอถ่ายรูปบ้างได้ปะ เอากล้องมาแล้วอะ” ผมตบกระเป๋ากล้องตัวเองแล้วมองหน้าพี่เพลินเป็นเชิงถาม

“อืม แต่อย่าถ่ายจนไปกวนน้องมันล่ะ”

“เค้!” เมื่อแจงงานกันเสร็จแล้วผมก็เตรียมเดินไปที่ห้อง แต่พี่เพลินดันเรียกก่อน

“เอ้ยเดี๋ยวๆ รอกูตรงนี้แป้ป” พี่เพลินหันหลังเดินเร็วลงไปชั้นล่าง รอไม่นานพี่แกก็ขึ้นมาพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญมาให้ผม

“อะไรอะ” ผมรับมาแล้วพลิกกล่องเพื่อลองเดาดูว่ามันคืออะไร

“ของฝากจากพระนาย ครั้งที่แล้วมันไปเที่ยวญี่ปุ่นมา”

“รักพี่มันว่ะ” ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นกล่องของใคร เจอหน้าจะหอมซักสิบฟอด

“เอองั้นกูกลับเข้าห้องก่อน มึงก็ไปได้ละ” พี่เพลินโยกหัวผมเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องไป ผมแกะกล่องออกก็พบว่าเป็นฟิกเกอร์นารูโตะการ์ตูนตัวโปรด

“ฮือ กูคิดถึงพี่พระนาย” ผมโอดครวญออกมาไม่ดังมากกลัวจะไปรบกวนห้องอื่น ผมโคตรจะรักพี่มันอะ แม่งดูเหมือนไม่สนใจใครแต่รู้หมดว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร แล้วถนัดมากเลยนะกับการทำให้คนหลงรักเนี่ย โง้ยยยยย

ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ จึงเดินไปตรงสุดทางเดินวางเจ้าฟิกเกอร์กับขอบหน้าต่าง เปิดแอพพลิเคชั่นถ่ายรูปหามุมแจ่มๆ และพอได้รูปที่ต้องการผมก็อัพลงอินสตราแกรมทันที





Fahmuii123






ขอบคุณงับ หอมหัวเจ้าคนน่ารัก @Pranaai.In11




พอใจละ

ไปทำงานดีกว่า



แอ๊ด!

ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเด็กรุ่นน้องกำลังเตรียมอุปกรณ์ของตนเองนั่งอยู่หลังขาตั้งไม้วาดรูปโดยมีแผ่นกระดาษถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนนั่งล้อมเป็นวงกลมโดยที่ตรงกลางมีโต๊ะขนาดกลางที่วางคนโทน้ำขวดแก้วน้ำอัดลมและกระป๋องสังกะสีถูกจัดไว้ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หน้าต่างของห้องนี้ถูกออกแบบมาให้กว้างและโปร่งกว่าห้องเรียนคอร์สอื่นๆ เพื่อให้แสงที่ลอดจากหน้าต่างส่องเข้ามาอย่างเต็มที่ทำให้เห็นมิติของสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะได้อย่างชัดเจน

“อ่า...หวัดดีทุกคน นี่ชื่อฟ้ามุ่ยเรียนปีหนึ่งศิลปกรรมสาขาออกแบบนิเทศศิลป์ วันนี้จะมาช่วยดูแลแทนอาจารย์ขัน พี่แกไม่สบาย...”

“...”

“ก็ไม่ได้เก่งอะไร แค่มาช่วยดูเฉยๆ”

“...”

“ก็ลองวาดภาพแสงและเงาจากสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะดู สังเกตแสงที่เข้ามาให้ดีๆ ว่ากระทบตรงส่วนไหน ส่วนที่เป็นเงาก็ไล่สีเข้า เอาให้เจ๋งที่สุดเลยนะ”

“มองไรอะ วาดได้เล้ยๆ” ผมผายมือเชิญให้น้องมันเริ่มวาดได้แล้ว น้องๆ มองผมอย่างงงๆ แต่ก็เริ่มขยับมือเตรียมสเกตช์ภาพหลังพูดจบ

“ใครไม่เข้าใจตรงไหนยกมือนะ เดี๋ยวไปหา อ๋อ แล้วเราขอเก็บภาพหน่อยนะ โอเคกันไหม?” ผมเลิกคิ้วถาม

“...เอ่อ โอเค” เด็กๆ หันมองหน้ากันส่งสายตาเป็นเชิงปรึกษา ก่อนที่เด็กคนนึงจะตอบขึ้นมาทำให้ผมเหยียดยิ้มมุมปากขอบใจ

“งั้นก็ตั้งใจเข้าล่ะ” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานตรงมุมห้องเพื่อจะเตรียมกล้องเก็บภาพซักนิดหน่อย และก็หลบออกมาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิเด็ก

ผมปรับกล้องเล็กน้อยแล้วยกขึ้นถ่ายภาพ แต่ไม่ได้ถ่ายไปเรื่อยๆ อย่างที่เคยทำเพราะไม่อยากให้น้องมันเกร็งแล้วมันจะกลายเป็นการกวนสมาธิแทน

พอถ่ายไปได้ซักพักชักเริ่มจะง่วงแฮะ แอร์เย็นๆ กับแดดอุ่นๆ นี่โคตรทำร้าย


ง่วงจัง


ไม่ได้เว้ยไอ้มุ่ย! มึงมาทำงานนะ! ตั้งใจหน่อย!


ผมตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ เลิกถ่ายภาพแล้วเดินไปนั่งเช็ครูปตรงโต๊ะทำงาน


“พะ...พี่” ซักพักใหญ่เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยมาจากเด็กที่นั่งข้างหน้าเยื้องไปทางขวานิดหน่อย กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา


ห่า กูกำลังจะหลับเลย


“หืม? ว่าไง” ผมก้าวเดินเข้าไปหาน้องมัน ดีนะไม่ใส่ช้างดาวคู่ใจมา เดินทีนี่ดังแต๊บๆ เลย ฮ่าๆ

“ช่วยดูให้หน่อยดิ...” ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังก้มตัวลงเล็กน้อยพลางยื่นหน้าไปถาม น้องมันก็ผงะออกไปนิดหน่อยเหมือนตกใจ แต่ก็ชี้นิ้วไปยังภาพของตัวเอง

ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ อีกเพื่อมองให้ชัด แว่นหายยังไม่ได้ไปตัดใหม่เลยครับ ความจริงสายตาผมสั้นไม่มากแต่ก็ถือว่าสั้น พอต้องมองกับภาพแบบนี้เลยต้องเพ่งหน่อย ลำบากจริงๆ

“ลงน้ำหนักตรงที่แสงเข้ามากเกิน เบามือหน่อยเด่ะ เบี้ยวด้วย นายก็เขียนลูกศรไกด์ทางที่แสงเข้าไว้ก่อนก็ได้” ผมแนะนำให้ฟังอย่างใจเย็น ก่อนจะหันหน้าไปถามว่าเข้าใจไหม น้องมันก็พยักหน้ารัว ทำไมหูแดงวะ? ร้อนเหรอ

“ให้เราลดแอร์ให้ปะ ดูท่าจะร้อน”

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะพี่” ผมผละออกจากน้องหูแดงแล้วกลับไปนั่งที่เดิมต่อ นั่งได้ไม่นานก็มีน้องๆ เรียกให้ผมเข้าไปช่วยดูให้อีก ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับผมอย่าลืมว่าผมมันเด็กปีหนึ่ง แนะนำเท่าที่พอจะบอกได้เท่านั้นล่ะ







[BOO’ s PART]


“โอเค ทุกคนตั้งใจได้ดีมาก อาทิตย์หน้าพี่ขันก็จะมาสอนเหมือนเดิม วันนี้ก็แค่นี้แหละ ไปๆ กลับบ้านๆ” เสียงของผู้ชายร่างผอมสูงยืนพูดอยู่กลางห้องพูดจบ ทุกคนก็เก็บของเตรียมกลับบ้านกันทันที ไม่เว้นแม้แต่ผมที่รีบเก็บเหมือนกัน


ผมมีเรื่องต้องคุยกับเขา


“ไปเหอะ เดี๋ยวเรารวมงานเอง ไปไป๊” พี่มุ่ยไล่ทุกคนออกจากห้องอย่างไม่จริงจังนัก พวกผู้ชายแม่งมองตามตาละห้อย ผมเห็นผู้หญิงคนข้างๆ แอบถ่ายสตอรี่พี่มันไปด้วย


หมั่นไส้ว่ะ


หล่อสู้ผมก็ไม่ได้


แต่มีเสน่ห์มากอันนี้ไม่เถียง


รอทุกคนออกจากห้องไปจนหมดเหลือแค่พี่เขากับผม พี่มันก็เดินเก็บกระดาษวาดภาพของแต่ละคนไปเรื่อยๆ เก็บได้ภาพนึงก็ทำปากมุบมิบอยู่คนเดียว กูรอพี่มันเก็บเสร็จก่อนดีกว่า

ผมตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมานั่งกับขอบหน้าต่างบานใหญ่เพื่อรอเขาเก็บงาน


“กูบอกให้ลงเบาๆ โค้ะ! บ่านี่ มึงปาดสีทาบ้านเล่นรึไง”


“นี่ก็บางจ๊น ไหนเงาวะเนี่ย”


“จึๆ ถ้าพี่พระนายมาเห็นนะมึ้ง...”


ชิบหายแม่งกว่าจะเสร็จ ไม่ได้คุยมันละ


ผมลุกขึ้นทันทีเพราะรอไม่ไหว ตั้งใจเดินเข้าไปหา พี่มันชะงักเล็กน้อยยกนิ้วขึ้นถูจมูกอย่างงงๆ ว่าทำไมผมยังอยู่ต่อ

“เลิกคลาสละน้อง กลับได้แล้ว” ว่าแค่นั้นแล้วทำท่าจะเดินไปหยิบงานต่อ ผมก็คว้าข้อมือพี่มันไว้ก่อน

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

“อื้ม แต่ปล่อยก่อน ข้อมือเจ็บเห็นไหม” ร่างผอมบางบุ้ยปากไปตรงที่ๆ บอกว่าเจ็บ ผมก็คลายมือตัวเองออกทันที

“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน”

อ่าห้ะ”

“พี่ห้ามเอาเรื่องที่ผมเรียนที่นี่ไปบอกพี่บีม”

“ฮึ?” พี่มันหยุดเก็บงานแล้วหันมาขมวดคิ้วมองหน้าผมระคนสงสัย

“ถึงพี่จะเป็นเพื่อนพี่บีมก็เหอะ ห้ามเด็ดขาด”

“นี่? นี่เพื่อนบีม?” พี่มุ่ยชี้นิ้วไปที่ตัวเองพลางถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ก็ใช่ดิ พี่ต้องการอะไรว่ามา ผมรู้นะว่าพี่ชายผมให้พี่แอบสะกดรอยตามมา ผมไม่โง่นะโว้ย” ผมขึ้นเสียงขึ้นอีกนิดเมื่อพี่มันยังทำหน้าไม่เข้าใจ พี่แม่งงงไรวะ

“คือกูไม่...”

“ถ้าจะเอาเงิน ผมบอกเลย...”

“...”

“ไม่มี้! สักกะบาทก็ไม่มี้! ลงคอร์สหมดแล้ว!”

“เดี๋ยวๆ ไอ้น้อง มึงมึนไร แล้วบีมที่พูดถึงคือบีมวิศวะมอกู?”

“ก็มีบีมเดียวปะ?”

“ห่ามึง! กูไม่ใช่เพื่อนมัน ไอ้บีมน่ะศัตรูหัวใจกูเล้ย” จู่ๆ พี่มุ่ยก็โพล่งออกมาเสียงดัง แถมยังหน้าแดงทำหน้าเหมือนไปโกรธใครมา

“แต่อย่าว่างั้นงี้เลยนะ...”

“ทำไม”

“มึงเป็นใครวะ” อ้าว ชิบหาย..

“ห้ะ...นี่พี่จำผมไม่ได้?” หลอกกูรึเปล่าเนี่ย

“กูรู้จักมึงเหรอ ขอนึกก่อน...”

“ต้องนึกด้วยเหรอวะ” ผมพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำท่านึกอย่างจริงจัง

“เห้ย! นี่มึง!?” พี่มันยกมือข้างที่ว่างขึ้นปิดปากทำหน้าตกอกตกใจ

“เออ ผมเอง”

“มึง!? ...เป็นใครวะ” ไอ้เชี่ย! แล้วเล่นใหญ่ทำไม เดอะฟ้ากกก

“ผมชื่อบู! น้องพี่บีมไง จำไม่ได้จริงๆ เหรอวะ”

“บีมนี่รู้จัก...แต่มึง...”

“เออ ผมอะ ที่นั่งกินข้าวอยู่หน้าทีวีแล้วพี่นอนตายอยู่บนโซฟาในห้องพี่บีมไง” ผมขยายความเข้าไปอีก แม่งต้องจำกูได้แล้วไหม

“อ๋อออออออออออออออออ” คนตรงหน้าร้องอ๋อเสียงดัง ผมก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย นี่พี่มึงจำได้จริงๆ ปะเนี่ยเฮ้ย

“ที่อ๋อนี่จำได้จริงป้ะเนี่ย?” ผมหรี่ตามองพี่มันอย่างไม่เชื่อใจ

“ได้ดิ้~”

“เค งั้นก็อย่างที่ผมพูดไปนั่นแหละ”

“มึงว่าไงนะขออีกที” พี่มันเกาหัวแกรกๆ แล้วจูงมือผมไปตรงที่นั่งขอบหน้าต่างบานใหญ่ ยื่นหน้าเข้ามาจ้องผมแล้วขมวดคิ้ว

“เออหน้ามึงเหมือนบีมจริงๆ ว่ะ...แล้วตกลงมีไรจะคุยครับ?” แค่นั้นพี่มุ่ยก็เอนตัวกลับไปพิงผนังยกขาขึ้นมาวางข้างบนข้างนึง


คนเชี่ยไรวะขายาวชิบ...


“เอ้า สรุปยังไง”

“สรุปคือห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่บีมเด็ดขาด” ผมว่าด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“เรื่องที่มึงเรียนที่นี่...น่ะเหรอ?”

“อืม”

“เค้ แค่นี้ใช่ปะที่จะบอก”

“ก็ เออ แค่นี้” ผมอึกอักนิดหน่อยเมื่อพี่มันตอบรับด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่ถามซักนิดว่าเพราะอะไร

“งั้นก็กลับไปได้แล้วไป๊! กูจะเคลียร์ห้อง” คนตรงหน้าผมโบกมือปัดไปมา แล้วบิดตัวอย่างเกียจคร้าน

“พี่จะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าทำไมถึงไม่ให้บอก” ผมลองหยั่งเชิงออกไป พี่มุ่ยหยุดการกระทำของตัวเองพลางหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าแหยงๆ

“จะบอกอะไรให้นะไอ้น้อง หนึ่งคือกูกะบีมไม่ได้สนิทกัน ศัตรูอะรู้จักไหม ฮื้อ? แล้วสองกูแทบไม่รู้จักมึงเลย ที่เราเจอกันวันนี้ เห็นปะว่ากูจำมึงไม่ได้”

“กูค่อนข้าง...จำหน้าคนไม่ค่อยได้อะอย่างที่เห็น คือมันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องบอกบีม อีกสองสามวันกูก็ลืมหน้ามึงแล้วมั้ง...”

“กูไม่สนหรอกว่าทำไมมึงมาเรียนที่นี่ ไม่ใช่เรื่อง และไม่ใช่คนขี้เสือก”

“...”

“พอใจกับคำตอบยัง?”


พอใจสัดๆ พอใจมาก


“ครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ พี่มันเลยยิ้มกว้างออกมายื่นมือมาขยี้ผมของผมเหมือนแกหมั่นเขี้ยวอะไรซักอย่าง

“แต่ว่านะ...” พี่มุ่ยลุกขึ้นบิดขี้เกียจนิดหน่อย สายตามองผ่านกระจกออกไปเหมือนกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง


หืม?


“จะตัดสินใจทำอะไรก็คิดดีๆ มอห้าใช่ไหมเราน่ะ...” ผมพยักหน้า “ถ้าแน่ใจจริงๆ แล้วว่านี่คือทางที่ใช่ก็พยายามเข้า! ถึงจะไม่มีใครเชื่อแต่อย่างน้อยตัวมึงก็ควรจะเชื่อตัวเองนะ”

“...” แม่ง...พูดเหมือนรู้อย่างนั้นแหละ

ผมเสยผมตัวเองขึ้นอย่างลวกๆ มองพี่เดินไปหยิบกล้องที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้องแล้วเดินมาทางผม

“อ่อ ยังมีกูกับพี่พระนายด้วย ไม่รู้ว่ามึงเคยเจอฮีโร่ของกูรึยัง” ระหว่างพูดไม่ได้มองหน้าผมซักนิด เอาแต่ยกกล้องขึ้นถ่ายภาพนอกหน้าต่าง

“...พี่จะรู้อะไรวะ” ผมยิ้มเยาะให้กับตัวเอง อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ให้เชื่อเหรอ? เชื่อแล้วยังไง? ถ้าคนนั้นไม่พยายามที่จะเชื่อในตัวผมเลย

“โอ้ยยย กูรู้ทุกอย่างแหละ จุดที่มึงยืนอยู่กูก็เค้ย! แต่กูคงไม่เทียบหรอกว่าปัญหาของมึงหรือกูใครหนักกว่ากัน มันไม่คูล”

“ผมพูดเป็นสิบรอบแล้วเหอะ พี่มันฟังที่ไหน...” ผมพูดอย่างเซ็งๆ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าคน...แปลกๆ อย่างพี่มุ่ยก็เป็นบ้ากับเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน

“เอ้อ! ไอ้บีมนี่มันน่าทุบๆ ให้แบนไปเลย”


ปุๆ ~


พี่มันเอื้อมมือมาตบบ่าผมสองสามทีพลางทำหน้าเห็นอกเห็นใจผมซะเต็มประดา

“คนเหี้ยไรมึนชิบหาย กูนี่ยอมเลย ด่าไปเป็นร้อย หลบเหมือนเดอะแมทริกอะ ฟุ่บ! ฟุ่บ! แม่งไม่รู้สึกเหี้ยไรเลย” ผมยิ้มขำกับท่าทางที่คนตรงหน้าทำ แล้วปล่อยให้พี่มันถ่ายรูปของมันไปตามใจ บางครั้งก็ถ่ายผมบ้าง เห็นทำปากมุบมิบบ่นกับตัวเอง ‘เผลอเก่งทั้งพี่ทั้งน้อง’ แล้วก็พึมพำไปเรื่อย






“ผมว่าเราควรกลับแล้วว่ะพี่” ผมยกนาฬิกาข้อมือดูก็ปรากฏเป็นเวลาเกือบจะหกโมง ยิ่งหน้าหนาวยิ่งมืดเร็ว ผมช่วยพี่มันเก็บของจนเสร็จเรียบร้อย เราสองคนจึงเดินออกจากห้องมา แต่ยังไม่ทันเดินไปไหนก็เจอกับพี่เพลินพอดี

“อ้าว นี่...บู ใช่ไหม?” ผมพยักหน้า “ยังไม่กลับอีกเหรอ”

“ผม...”

“นี่ให้น้องมันอยู่เป็นแบบให้อะ เห็นแสงมันสวยพอดี”

“ไอ้นี่ก็ไปใช้น้องเขา โทษทีนะ มุ่ยมันไม่ได้ทำอะไรให้ลำบากใจใช่ไหม” พี่เพลินทำสีหน้าเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีพลางชำเลืองมองคนข้างตัวผมไปด้วย

“ไม่ครับ พี่มุ่ยสอนดี” ผมชมพี่มันกลับไปงั้นๆ

“อย่าไปยุ่งกับมันมากนะ เดี๋ยวเป็นบ้า” พี่เพลินเอามือป้องปากพูดกับผม เออ ทำอย่างกับพี่มุ่ยมันจะไม่ได้ยินอย่างนั้นแหละ

“บ้าก็บ้ารักน้ำตาลแหละว่ะ ฮ่าๆ” ผมผงกหัวเป็นเชิงลา เพื่อที่จะขอตัวออกมาก่อน



มันออกจะนอยด์หน่อยที่พี่มุ่ยทำเหมือนรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่หลังจากได้พูดคุยกันไม่กี่คำ ที่พี่มันพูดว่าเคยอยู่จุดนั้นมาก่อน ผมไม่อยากจะเชื่ออะ ดูเป็นคนที่ทำตามใจตัวเองมาตลอดแบบนั้นจะมาเข้าใจอะไร...


แต่ก่อนอื่นเลย...


กูจะกลับยังไงวะ ไอ้เหี้ยเอ้ย ลืมไปว่าให้เพื่อนมาส่ง


ต่อข้างล่างจ้า

ออฟไลน์ chanadbears

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ต่อตรงนี้จ้า


ปิ้น!


เชี่ย!


ผมสะดุ้งเล็กน้องเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ พอหันไปมองก็พบกับมอ’ ไซสกู้ปปี้สีม่วง มีเจ้าของนั่งคร่อมรถอยู่แถมกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหาอีก

“ไปส่งป่าวน้อง!”

“ไม่...”

“ขึ้นมาเล้ย เดี๋ยวพี่พาแว๊น แง๊นๆ แง๊น!”


ไม่ไปได้ไหมวะ...










“เอ้า! ถึงแล้ว”

“ชิบหาย! พี่มึงจะพากูไปลงคลองอยู่แล้ว! พี่ขี่ยังไงของพี่วะ โว้ย!!” พอก้าวขาลงมาจากรถถอดหมวกกันน็อคออกได้ ผมก็ว่าให้พี่แม่งเลย ไอ้เหี้ยเอ้ย ใจกูร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“ก็บอกว่าจะพาแง๊นๆ ไง พี่มึงก็เคยซ้อนไม่เห็นมันจะบ่นเลย โด่ว” พี่มุ่ยถอดหมวกกันน็อคออกมา แล้วทำปากยื่น

“นั่นมันพี่บีมไม่ใช่ผม! ไอ้พี่แม่งชอบขับเร็วพอๆ กันนั้นแหละ ไปอยู่ด้วยกันเลยเหอะ ให้ตายดิวะ” ผมเสยผมตัวเองขึ้นอย่างโกรธๆ ขี่แม่งเหมือนถนนไม่มีรถอะ ปาดซ้ายปาดขวา เหอะๆ แล้วอย่าหาว่าผมป๊อดถ้าคุณไม่เคยซ้อนไอ้พี่สองคนนี้ ใจจะวาย!

“โอ๋~ ฮ่าๆ”

“ไปเลยไป แล้วขี่ดีๆ ด้วยนะโว้ย บ้านมันไม่ได้รีบไปไหน โอเค้!” ผมไล่คนตรงหน้าให้รีบไป ใจนึงก็มันมืดแล้ว อันตราย อีกใจก็ไม่อยากให้พี่บีมมาเจอ ขี้เกียจตอบคำถาม

“เออๆ ไปละ” พี่มันสวมหมวกกันน็อคพลางโบกมือให้ผม พลางสตาร์ทรถเตรียมเร่งเครื่องออกไป เสียงเรียกชื่ออันคุ้นเคยทำให้ผมตัวแข็ง


“ไอ้น้องมุ่ย? บู?”


กูว่าแล้วไง...








[FAHMUI’ s PART]



“ไม่ต้องอิจฉานะ เฮียมันก็แค่เมียน้อย”

“ไอ้มุ่ย...”

“ฟิกเกอร์นารูโตะเชียวนะ ดูดิ ไปไหนก็ซื้อของฝากตลอด ต้องรักกันแค่ไหนวะเฮีย ถามจริง?”

“ข้าจะร้องไห้แล้วจริงๆ นะ...”

“รำคาญอะเฮียมุ่ย กินข้าวดิ้ ขิงมาตั้งแต่เข้าบ้านจนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด เดะทุบเลย”

“ฮ่าๆ”

ผมลั่นหัวเราะเสียงดังจนใสตีมือผมให้หยุด แต่มันหยุดไม่ได้จริงๆ อะ ฮ่าๆ ดูหน้าเฮียครามตอนนี้ดิ แม่งจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว โอ้ยยยยยย กูขำ!

“เฮียจะปิดคลินิกแล้ว! เฮียจะไปหาพระนาย เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!” เฮียทำท่าสะบัดสะบิ้งจะลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็ยังเหล่สายตามามองฟ้าใส ยึกยักๆ อยู่อย่างนั้น

“ใสจะไม่ห้ามเฮียหน่อยเหรอ...”

น้องผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าไม่สนใจแล้วตั้งใจกินข้าวต่อ เฮียครามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครง้อก็เลยมุ่ยหน้ากระแทกตัวลงนั่ง มองผมตาขวางพลางตักข้าวเข้าปากด้วย

หลังจากส่งน้องบีมเสร็จแล้ว ผมก็ขี่รถมาที่หอ รอเฮียครามมารับ พอขึ้นรถก็อดไม่ได้ที่จะขิงฟิกเกอร์ที่พี่พระนายให้มา เฮียแม่งทั้งโวยวายทั้งตัดพ้อผมใหญ่เลย จนผมต้องวิดีโอคอลไปหาพี่พระนายให้คุยกับเฮียเอง เฮียครามก็โดนด่าชุดใหญ่เลย


‘รำคาญครามว่ะ เรื่องแค่นี้’

‘ไม่ต้องมางอแง เดี๋ยวเจอทุบ’

‘ก็นายรักน้อง ครามจะทำไม?’


ก้ากกกกกกก! ให้มันรู้บ้างว่าใครเจ๋งที่สุด!


“กินเสร็จแล้วไปล้างจานกันด้วยนะ เออ ดูฮิลเฮาส์กัน ใสอยากดู”

“ใส! เฮียกลัวผี!”

“ก็ดูกันหลายคนปะวะ เฮียอย่าป้อด” ผมมองน้องสาวตัวเองยืนเท้าเอวทะเลาะกับพี่ชายคนโตด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ

“ก็เฮียไม่ชอบหนังผี...” เฮียครามก้มหน้าทำปากมุบมิบพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย ทำหน้าตาน่าสงสารหวังจะให้ไอ้ใสมันเห็นใจ

“ถ้ายอมดูด้วยเดี๋ยวจะขอพี่พระนายให้ เอาเปล่า?” ผมยกนิ้วโป้ชมน้องอย่างถูกใจ เรื่องที่จะขอก็คงไม่พ้นให้ไปหานั่นแหละครับ เฮียครามถูกพี่พระนายห้ามไม่ให้ไปหาเพราะจะเสียงานเสียการ


“โอ้ยยยยย! ไม่เห็นจะหน้ากลัวตรงไหน!”


“ไหน! หนังผีอะ ให้เฮียดูอีกสิบเรื่องเฮียก็สู้ว่ะ พูดเลย”


ผมมองพี่ชายกับน้องสาวตัวเองทะเลาะกันไปมาแล้วก็นึกขำ กลับมาเจอกันพร้อมหน้าทีไรก็เป็นอย่างนี้ โวยวายกันซะส่วนใหญ่ วนกันอยู่สามคนนี่แหละ บ้าบอ

“เฮียมุ่ยไม่ต้องมานั่งหัวเราะ ไปล้างจานเลย”

“เฮียครามด้วยดิ!” ผมว่าอย่างไม่ยอม

“ไปทั้งสองคน ถ้าใสอาบน้ำเสร็จแล้วเห็นว่ายังไม่ล้างจานกันนะ” ฟ้าใสทำหน้านิ่งยกนิ้วชี้ขึ้นทำท่าปาดคอ ทั้งผมทั้งเฮียเลยรีบกุลีกุจอเก็บจานบนโต๊ะกัน


“เฮียเป็นคนคูลๆ ไปเพื่อไรวะ...”


“ฮ่าๆ !”


วันๆ ของผมก็แบบนี้แหละครับ อิอิ





...


แฮร่! มาเร็วแปลกๆ เลยค่า เอามาส่งก่อนไฟนอลจ้าาาา ตอนนี้พี่บีมโผล่มาหนึ่งวิ เจอกับน้องบูไปก่อน น้องบูก็น่ารักน้าาา ก็จะมีประเด็นให้กระชับความสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ให้พี่บีมเขาใจแกว่งบ้างเนาะ เห็นมีแต่น้องมุ่ยเขินอยู่คนเดียว 5555 ไม่แน่ใจว่าก่อนปีใหม่น่าจะได้อีกซักตอนรึเปล่า ฮ่าๆ ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆ นะค้า เยิฟๆ เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด