ตอนที่ 10 : แผนซ้อนแผน
ตอนผมเดินตาปรือลงบันไดมาในช่วงเช้า นิฌานก็ฉีกยิ้มยืนรออยู่แล้ว
เสียแต่ภาพตรงหน้าไม่ค่อยแจ่มชัดเท่าไหร่ เพราะผมยังอยู่ในสภาวะงัวเงีย ย่นคิ้ว พยายามตั้งสติกับเสามีชีวิตที่ยืนขวาง ไม่รู้ว่านิฌานทำเพื่อกลั่นแกล้ง หรือตั้งใจบังทางลงเพราะกลัวผมกลิ้งตกบันไดกันแน่ จริงอยู่ไอ้ท่าทางขยี้ตาเดินมันน่าหวาดเสียว แต่กับบ้านที่ผมอาศัยร่วมสิบแปดปี ต่อให้หลับตาเดินยังได้เลย
พอไปต่อไม่ได้ผมก็หยีตาขณะเงยมองคนตรงหน้าพร้อมภาพแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
“อรุณสวัสดิ์ครับน้องเจ”
ผมปิดปากที่อ้าหาว ขยี้ตาอีกสองครั้ง ก่อนจะมีแก่ใจสังเกตอีกฝ่าย
นิฌานฉีกยิ้มเจิดจ้า ฟันขาวสะอาดเรียงสวย หน้าไม่หมอง ตาไม่คล้ำ แผ่ออร่าหลับเต็มอิ่มเป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนไม่ได้หนีเที่ยวไปเมาหัวราน้ำหรือโต้รุ่งกับใครที่ไหน
เห็นแก่เขาทำตัวดี ไม่โกหก ผมเลยพยักหน้าอย่างพอใจหนึ่งครั้งด้วยสีหน้าที่ยังมึนงงด้วยความง่วง
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ฌาน”
และน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนแมวครวญ
คล้ายจะเห็นคนตรงหน้าจับหัวใจเหมือนโดนบางสิ่งจู่โจมเข้าอย่างจัง แต่ผมเดินเลี่ยงออกไปก่อนแล้ว เลยไม่ได้ดูว่าหลังจากนั้นนิฌานเป็นตายร้ายดียังไง พอเข้าครัวก็เห็นแม่กับพี่ชายคนดีกำลังทำอาหารเช้า ผมหลับตา สูดดมกลิ่นหอม มองภาพอบอุ่นตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเข้าไปช่วยหยิบจับจานชามให้แม่
แค่ตื่นมาเห็นภาพนี้ทุกวันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่หวั่น!!
แต่...ทำไมแม่ต้องทำผัดผักด้วย แล้วยังแกงจืดต้มมะระนี่อีก ผมย่นคิ้ว มองกับข้าวที่แทบกินไม่ได้ด้วยความงุนงงว่าแม่ไม่รักผมแล้วเหรอ ทำไมถึงเหลือแค่ไข่เจียวหมูสับให้กันล่ะ แต่พอเห็นนิฌานเจริญอาหารก็เข้าใจ...พระเอกชื่อดังต้องรักษาหุ่น ดูแลสุขภาพ แม่เลยคิดค้นเมนูเอาใจชาย...นางจรวยครับ คุณจะเห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเองไม่ได้นะ!
แล้วผมก็เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงได้ลืมเลือนลูกชายคนนี้
“นี่ครับคุณแม่ รูปพร้อมลายเซ็นจากเรื่อง Love After Death ของนักแสดงนำทั้งสามคนที่คุณแม่อยากได้ ผมไปขอจิระกับดาวมาให้แล้วนะ”
“นิฌาน!!” แม่มองดาราตรงหน้าน้ำตาคลอ “ขอบคุณมากนะลูก”
ที่แท้แม่ก็รับลูกชายคนใหม่เข้าบ้านแล้ว!
ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นนางจรวยถือโปสเตอร์ทั้งสามใบราวของล้ำค่า ท่าทางคล้ายจะกรีดร้องดีอกดีใจปานวัยรุ่นนั้นยิ่งกว่าตอนได้น้ำหอมเป็นไหนๆ น่าโมโห! น่าโมโหที่ผมดันเข้าใจความรู้สึกนั้น!! เพราะหากมีคนให้โปสเตอร์พร้อมลายเซ็นของสามนักแสดงนำในซีรีส์เช็กเมทก็คงมือสั่น น้ำตาคลอแทบชักดิ้นชักงอเหมือนกัน
ไม้ตายครั้งนี้หนักหน่วงนัก มาบ้านแค่สองครั้งแต่ทำคะแนนพุ่งสูงทะลุปรอท!
พริบตาก็กลายเป็นลูกทูนหัวไปแล้ว!!
“แล้วของผมล่ะ ของผมล่ะ”
เดี๋ยวก่อน คนผิวคล้ำตัวสูงที่ยกไม้ยกมือข้างๆ ผมเกี่ยวอะไรด้วย
“พี่จิ พี่เป็นคนเขียนบทเรื่องนี้นะ! ถ้าพี่อยากได้ก็ขอจิระกับดาวเองสิ!”
“แต่...หลังถ่ายจบก็แทบไม่ได้เจอกันเลยนี่นา ตอนอยู่ด้วยกันไม่เห็นค่า แต่พอแยกจากถึงเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่เคยมีลายเซ็นของจิระเลย! วันนี้ไอ้จิได้เรียนรู้ถึงสัจธรรมแล้ว อาเมน”
“พี่จิ...” ผมมองพี่ชายที่จู่ๆ ก็เล่นบทโศกข้ามศาสนาแล้วไม่รู้จะตบมุกยังไงดี เลยตัดสินใจถือกระเป๋าสะพายเดินออกจากบ้าน นิฌานรีบยกมือไหว้แม่ โบกมือให้พี่ชายผมประหนึ่งคนในครอบครัว ก่อนจะรีบเดินตามหลังต้อยๆ ราวกับสุนัขแสนซื่อสัตย์ แต่คงไม่มีสุนัขที่ไหนมองผมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับสายตาสุดสยองอย่างนี้แน่!
“เมื่อวานพี่ฌานไปเจอจิระกับดาวมาเหรอครับ”
ขึ้นรถได้ก็ชวนคุยทันที เพราะผมอยู่กับเขาตลอดตั้งแต่รับงานผู้จัดการ แต่ไม่เห็นจะได้เจอจิระหรือดาวเลย งั้นเขาแอบไปขอลายเซ็นมาตอนไหนล่ะ หรือจะตั้งแต่สมัยเพิ่งเปิดตัวภาพยนตร์? ไม่มั้ง ผมนึกภาพนิฌานเที่ยวขอลายเซ็นคนอื่นมาเก็บไว้ชื่นชมเองไม่ออกเลย คนอย่างนี้จะทำอะไรสักอย่างต้องมีจุดประสงค์! แถมยังประสงค์ร้าย!!
“เมื่อวานน้องจิเห็นตารางงานว่าพี่จะไปงานเลี้ยง แต่ไม่รู้ล่ะสิว่าเป็นงานเลี้ยงของใคร”
“พี่ฌานจะไปเมาที่ไหนผมต้องรู้ด้วยเหรอ”
“จุ๊ๆ พี่ยอมรับว่ามีเที่ยวเล่นบ้าง แต่เมื่อวานเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของผู้กำกับเรื่อง Love After Death ได้เจอทั้งจิระและดาว โอกาสหายากอย่างนี้เลยให้พวกเขาช่วยเซ็นโปสเตอร์มาฝาก นี่ไง มีของน้องเจด้วยนะ”
ตอนได้ยินว่ามีของผมด้วย แวบแรกที่คิดคือโดนแล้วไง ไอ้เจเอ๋ย นายโดนฟาดไม้ตายทำคะแนนเหมือนนางจรวยแล้ว
แม้จิตใต้สำนึกจะบอกว่านิฌานทำเพื่อหวังผล หาได้มีความดีใดๆ ไม่ แต่วินาทีที่เห็นเขาเอี้ยวตัวไปหยิบโปสเตอร์จากหลังรถ ค่อยๆ คลี่มาตรงหน้าด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ผมก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก เบิกตามองภาพนั้นตัวแข็งค้างราวฝันไป ไม่จริงน่า...นั่นมัน...มิสเตอร์เอส!!
ผมมือสั่น แตะปลายโปสเตอร์แผ่วเบาเหมือนกลัวขาด มิสเตอร์เอส...คือหนึ่งในตัวละครของซีรีส์เช็กเมทที่ผมชอบมาก เรียกว่าติดงอมแงมดูซ้ำนับสิบรอบ บทนี้แสดงโดยจิระ และเป็นกองที่พี่จิเคยเข้าร่วมตอนซีซันหนึ่ง นับเป็นตัวละครที่ผมทั้งผูกพัน เพราะเห็นจุดเริ่มต้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดกอง ทั้งหลงใหล เพราะเป็นตัวละครที่มีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดตัวหนึ่งในซีรีส์ มิสเตอร์เอสได้รับทั้งบทดีและร้าย หลากหลายมิติและชาญฉลาด เป็นแฮกเกอร์มือฉกาจที่ไม่ว่าใครได้ชมเป็นต้องโดนตกทุกราย
ข้างในผมคลั่งไปแล้ว ต้องพยายามสูดหายใจเข้าลึกอยู่นานถึงจะตั้งสติรับโปสเตอร์นมาถือด้วยสองมืออย่างนิ่งสงบ ไม่ให้นิฌานได้ใจเกินไป แต่...
มิสเตอร์เอส...มิสเตอร์เอสเชียวนะ!
พอได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งเคลิ้ม นึกไกลถึงขั้นจะเอาภาพนี้ใส่กรอบ ตั้งไว้ข้างเตียง ที่ขาดไม่ได้คือต้องถ่ายรูปตั้งเป็นหน้าจอโทรศัพท์ด้วย!
“ไม่มีอะไรจะพูดกับพี่หน่อยเหรอครับ”
แม้นิฌานจะยิ้มได้น่าหมั่นไส้มาก แต่ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้นอกจาก...
“ขอบคุณครับพี่ฌาน” ยกมือไหว้พร้อมเอ่ยสุภาพด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ นิฌานถึงกับหาโปสเตอร์นี้ไปขอลายเซ็นในงานเลี้ยงวันเกิดของผู้กำกับ Love After Death ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับซีรีส์เช็กเมทเลย ผมย่อมซาบซึ้งความใจกล้าหน้าด้านของเขา
แม้อยากจะชื่นชมอีกสักนิด แต่ทนหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของนิฌานไม่ไหวจริงๆ ผมม้วนเก็บโปสเตอร์อย่างบรรจง ก่อนจะหาที่เก็บไม่ได้เพราะกระเป๋าสะพายเล็กเกินไป ให้ถือติดตัวก็เกรงว่าจะยับ หรือกลับไปเก็บในบ้านก่อนดีนะ แต่...นิฌานออกรถแล้วนี่สิ ไม่ทันแล้ว โปสเตอร์มิสเตอร์เอสของผมไม่ปลอดภัยแล้ว
“ไว้ในรถพี่ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวตอนเย็นพี่มาส่ง”
แลกความปลอดภัยของโปสเตอร์ด้วยความปลอดภัยของตัวเอง...ไม่คิดไม่ฝันว่าเจตรินจะมาถึงจุดนี้
ผมมองเขาอย่างรู้ทันแต่ไม่คิดแฉ ก่อนจะเอี้ยวตัวเก็บโปสเตอร์ไว้บนเบาะหลังอย่างว่าง่าย เพราะยังไงก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!
“น้องเจชอบซีรีส์เช็กเมทจริงๆ นะเนี่ย” นิฌานอดแซวไม่ได้ “ถ้ารู้ว่าพี่โดนทาบทามให้รับบทตัวร้ายในเรื่องนี้ไม่ตกใจเลยเหรอ”
“อะไรนะครับ!” ผมรั้งอารมณ์ตัวเองไม่ทันแล้ว ตะโกนไม่พอยังดึงแขนเสื้อนิฌานหลายที “พี่จะได้เล่นในซีรีส์เรื่องนี้ด้วยเหรอ ตอนไหน เดือนไหน ทำไมไม่เห็นมีในตารางเลย”
“ใจเย็นก่อนครับน้องเจ พี่ปฏิเสธไปแล้ว”
ผมเหี่ยวทันที เหี่ยวยิ่งกว่าพี่จิเมื่อวานหลายเท่า
“ตอนติดต่อมาเมื่อสองเดือนก่อนพี่ไม่สนใจจริงๆ น้องเจก็รู้ว่าพี่ไม่รับเล่นละคร แต่เน้นภาพยนตร์มากกว่า”
ผมก้มหน้าสลด หดหู่หัวใจเหลือเกิน อีกนิดเดียวจะได้เข้ากองในฝันอยู่แล้วเชียว!
“น้องเจไม่โกรธพี่นะ”
“ผมจะโกรธทำไม คนตัดสินใจคือพี่ฌาน ผมไม่ใช่คนแสดงสักหน่อย” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุดเสียดาย
“แต่เห็นน้องเจเสียใจแล้วใจพี่ก็เจ็บไปด้วย”
“...ไหนบอกเลิกหยอกผมแล้วไง”
“พี่ไม่ได้หยอก แต่พี่พูดความจริงนี่ครับ ”
ผมเงยมองคนข้างตัวด้วยสายตาว่างเปล่า อารมณ์ดีใจ เศร้าใจเมื่อครู่เหมือนระเหิดหายไม่เหลือ
“แล้วน้องเจเรียกพี่มารับทำไมเหรอครับ”
วกกลับมาเรื่องสำคัญ ผมขยับตัวนั่งหลังตรงทันทีพร้อมเรียบเรียงความคิด ที่เรียกเขามาไม่ใช่เพราะพิศวาส แต่ไม่อยากคุยในที่สาธารณะอย่างบริษัทเอ็มเอชเอ็นต่างหาก เกิดมีคนได้ยินรับรองว่าดังระเบิดแน่ ดาราลูกกตัญญูผิดใจกับมารดาบังเกิดเกล้า แค่คิดก็สยองแล้ว
“เมื่อวานผมโดนแม่พี่ลักพาตัว” พูดจบตัวผมก็เซวูบ ไม่ได้หน้ามืดกะทันหันแต่เพราะจู่ๆ รถก็เป๋ไปทางซ้าย! ผมร้องลั่น ตกใจจัด กลัวไม่ตายเพราะตัวแม่ก็ตายเพราะตัวลูกนี่แหละ
“ระวังชน! พี่ฌาน!! เข้าข้างทางก่อน เดี๋ยวนี้เลย!”
คนที่มักมีรอยยิ้มประดับเสมอไม่เหลือยิ้มแล้ว แถมยังดูหน้าซีดแปลกๆ ชอบกล ผมลุ้นแทบเป็นแทบตายตอนเขาเปิดไฟเลี้ยวค่อยๆ แทรกจอดริมฟุตบาท เจอเหตุการณ์นี้เข้าไป...บอกเลยว่ายังไงก็ต้องสอบใบขับขี่ผ่านให้ได้! ฝากชีวิตไว้ในมือคนอื่นหวาดเสียวเกินห้ามใจจริงๆ!
“พี่ฌานพร้อมฟังมั้ย” ผมเงยมองคนที่นั่งหลับตากุมขมับ เขาดูอ่อนล้า เสียศูนย์ แกมขลาดเขลาอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรครับน้องเจ...เล่ามาเถอะ”
“แม่พี่เสนอให้ผมลาออก”
“แล้วเราลาออกมั้ย” นิฌานลืมตา ถามกลับทันทีราวรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมมองตาของเขาแล้วพบความเจ็บปวดแฝงอยู่ในนั้น อย่าบอกนะว่าที่ใจหายเมื่อครู่เพราะกลัวถูกหักหลังน่ะ
“ถ้าลาออกผมคงไม่เรียกพี่มารับหรอก”
“แม่พี่เสนอเงินให้เยอะกว่าที่พี่ให้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ ดีกว่าเยอะมาก ผมเลยไม่ลาออก แต่เสนอตัวเป็นสายให้แม่ของพี่แทน” ผมยิ้มมีเลศนัย ตั้งใจให้เขาถาม แต่นอกจากนิฌานจะไม่ถามแล้ว...ยังมองผมอย่างผิดหวัง
เฮ้ๆ ผมดูเป็นคนเชื่อไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ! พูดเป็นนัยขนาดนี้ยังเข้าใจผิดอีกเหรอ!
“พี่ฌาน ผมบอกก่อนเลยนะว่าผมไม่ได้ทรยศพี่ แต่คิดดีแล้วว่าวิธีนี้ดีที่สุด พี่ฌานไม่ต้องหาผู้จัดการใหม่ แม่พี่เองก็ไม่ต้องไล่ตามเอาเงินฟาด อีกอย่างผมก็ทำงานนี้แค่สามเดือน ให้เป็นสายถือว่าพอเหมาะพอดี แล้วผมก็เตรียมแผนแล้วด้วย ผมจะให้ตารางงานพี่กับแม่พี่ล่วงหน้าแค่สามวันเท่านั้น เรื่องบัญชีก็ไม่ยุ่ง จะอ้างว่าพี่ไม่ให้ผมดูเพราะไม่ไว้ใจ หรือหากแม่พี่เริ่มสงสัย พี่ลองหลุดๆ ให้ผมบ้างก็ได้ หรือไม่ก็แสร้งให้ข้อมูลปลอม หลอกแม่พี่อีกชั้น แล้วผมจะทำทีเป็นโดนหลอกอีกที รับรองว่าสามเดือนนี้เราจะรอดปลอดภัยไปด้วยกัน”
ยิ่งพูด สายตานั้นก็ยิ่งจับผิด ผมเหมือนโดนไล่จี้ รีบอธิบายเร็วจี๋จนลิ้นแทบพันกัน
“จริงอยู่ว่าผมรับเงินจากแม่พี่ แต่...ถ้าพี่ฌานไม่สบายใจ คิดว่าผมทำด้วยเจตนาไม่ดี ผมจะเอาเงินนี้ไปทำบุญแทน” พูดแล้วก็เจ็บปวด แต่เพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดเลยยอมกล้ำกลืนปล่อยเงินก้อนนี้ไป “จุดประสงค์หลักที่ผมยอมเป็นสายไม่ใช่เพราะรับเงินสองต่อ นั่นเป็นแค่ผลพลอยได้ แต่จริงๆ แล้วผมทำเพราะไม่อยากลาออกจากการเป็นผู้จัดการ แม้จะติดต่อกับแม่พี่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าข้างเธอ ผมน่ะ...ผม...”
จู่ๆ นิฌานก็หลุดขำ
หลุดขำทั้งที่ผมน้ำตาแทบไหลเพราะเสียเงินก้อนใหญ่!
“พี่ฌาน!” ผมฮึ่มหนักมาก เขาคิดว่าเรื่องเงินเรื่องทองเอามาล้อเล่นได้รึไง เมื่อวานผมต้องตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ขนาดไหนเขารู้บ้างรึเปล่า!
“ใจเย็นๆ ก่อนครับน้องเจ จะรีบพูดไปไหนครับ พี่ยังไม่ได้โกรธ ไม่ทันว่าอะไรเลย”
“แต่ผมโกรธ”
“งั้นพี่ง้อ”
ผมเหลือบมองคนยิ้มกริ่มแล้วตัดสินใจยกประโยชน์ให้จำเลย ถึงเขาจะแกล้งแสดงตบตาให้ผมร้อนตัวสารภาพไปมากมาย แต่ปฏิกิริยาตอนแรกเป็นของจริง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษสายเลือดใจอ่อนทองคำดีนั่นแหละ
“หยุดหัวเราะได้แล้ว”
“แต่พี่มีความสุขนี่นา น้องเจยอมเป็นสายแต่ไม่ยอมลาออก แถมยังคิดหาทางรอดให้พี่ด้วย” พูดจบคนยิ้มแป้นเฉิดฉายท้าแสงตะวันก็เริ่มขับรถต่ออีกครั้ง “โชคดีจังน้าที่ได้น้องเจเป็นผู้จัดการ”
“แล้วคุณสมฤดี ลูกพี่ลูกน้องคนนั้น...ก็เป็นฝีมือแม่พี่ใช่มั้ยครับ” ผมแสร้งหูทวนลมกับสายตาหยอกกระเซ้าแฝงความนัยนั่นเพื่อให้ใครบางคนเลิกเล่นสักที
“ใช่ เป็นการก่อกวนเล็กๆ น้อยๆ ให้ประสาทเสียเล่นๆ น่ะ”
“พี่ฌานก็ยังอุตส่าห์สนุกกับมันนะ” ผมเหล่คนที่ไม่ยักจะสะทกสะท้านทั้งที่ก่อนหน้านี้หน้าซีดเผือด
“เพราะพี่รู้จักหาความบันเทิงใส่ตัวได้ดีกว่าใครต่างหาก” พูดจบนิฌานก็หรี่ตามองผมอย่างจับผิดเหมือนนึกอะไรออก “เดี๋ยวก่อนนะ น้องเจเล่าข้ามขั้นไปรึเปล่า เราโดนลักพาตัวได้ยังไง เล่าใหม่ตั้งแต่ต้นซิ”
“ไม่มีอะไรสักหน่อย แค่แม่พี่กะจังหวะตอนไม่มีคนลากผมขึ้นรถเอง”
“ไม่มีคน? แต่เมื่อวานน้องเจให้พี่จอดตรงป้ายรถเมล์ตอนหนึ่งทุ่มนี่ ตอนนั้นคนยังพลุกพล่านอยู่เลยนะ”
“เมื่อคืนผมติดธุระ กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว” ผมพูดเสียงเรียบ พยายามไม่กระโตกกระตาก นิฌานคล้ายจะจับความผิดปกติได้ แต่ก็ไม่กล้าเซ้าซี้เพราะกลัวโดนผมลากออกนอกทะเลจนลืมประเด็นสำคัญ
“แล้วยังไงต่อ”
“ก็แค่นั้นแหละครับ” แต่โทษที ผมขอตัดจบเพียงเท่านี้
“ไม่ๆ น้องเจอย่ามาหลอกพี่ พี่รู้จักแม่ตัวเองดี ถ้าน้องเจปฏิเสธไม่มีทางคุยกันยาวจนจบลงที่การเป็นสายโดยไม่มีอย่างอื่นกดดัน แย่ละ” นิฌานเลี้ยวรถจอดข้างทางอีกครั้ง เดี๋ยวขับเดี๋ยวจอด สงสารรถที่ขับตามหลังบ้างเถอะ
“พี่ฌานทำอะไร!”
แต่ผมสงสารตัวเองมากกว่า เพราะพอมือว่างปุ๊บนิฌานก็จับแขน พลิกศีรษะ เลิกเสื้อเปิดพุงกันซะงั้น
“สำรวจความปลอดภัย ถ้าน้องเจไม่พูด พี่จะสำรวจจนกว่าจะมั่นใจจริงๆ ว่าไม่มีรอยขีดข่วนตรงไหน ว่าไงจะพูดมั้ยครับ จะพูดมั้ย”
ผมเตะถีบกับเขาอยู่นานจนกลัวว่าจะไปไม่ทันงาน และดูจากท่าทางแล้วนิฌานก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เลยยอมสารภาพแต่โดยดีเพราะสู้มือปลาหมึกไม่ไหว
“แม่พี่เอาปืนจ่อผม” พูดจบก็หอบเหนื่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากปิดเป็นความลับ คงเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าผิดหวังกับแม่ตัวเองมากกว่านี้ คนที่อ่อนไหวกับเรื่องครอบครัวอย่างผมค่อนข้างกระดากใจอยู่เหมือนกันเมื่อตกอยู่ในวังวนอันน่ากระอักกระอ่วน “แค่จ่อ แค่ขู่ ไม่ได้ทำอะไร ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกรหรอกพี่ฌาน”
“กลัวมั้ยครับ”
ผมเผลอหลบตากับคำถามนั้นโดยไม่รู้ตัว
“กลัวใช่มั้ย โอ๋ๆ” นิฌานทำท่าจะโอบกอด แต่เรื่องอะไรจะให้เขาแต๊ะอั๋งกันล่ะ คนเจตนาไม่บริสุทธิ์อย่าหวังเลยว่าจะคิดเคลมกันง่ายๆ ผมปัดมือเขา ชี้นิ้วเป็นเชิงให้รีบไปทำงานได้แล้ว
นิฌานหัวเราะชอบใจ เสียงนั้นทำให้ผมพลอยกลั้นยิ้มไปด้วย ก็มันน่าตลกมั้ยล่ะ ไอ้เราตั้งใจอุบรายละเอียดเพราะอยากให้เขาสบายใจ แต่ไปๆ มาๆ โดนไล่ต้อนให้สารภาพไม่พอยังถูกปลอบอีกต่างหาก
“น้องเจไม่ต้องทำตัวเกินวัยมากก็ได้ครับ เกรงใจคนจะสามสิบอย่างพี่บ้างเถอะ” นิฌานพูดดัก “อ้อมกอดพี่ยังว่างเสมอนะ แสดงความกลัว ความอ่อนแอบ้าง เชื่อสิว่าจะน่ารักขึ้นเยอะเลย”
“งั้นผมยอมเป็นน้องเจที่ไม่น่ารักเหมือนเดิมดีกว่า”
ผมแสร้งมองข้างทางด้วยความโล่งใจอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อคนลอยชายอย่างนิฌานก็พึ่งพาได้เหมือนกัน
“พี่ฌาน” ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ไม่มั่นใจว่าจะพูดออกไปดีมั้ยเพราะค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่..มาถึงขนาดนี้แล้ว ยอมมีความลับกับครอบครัว ร่วมหัวจมท้ายกับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงสัปดาห์ ถ้าไม่เปิดใจคุยกันให้รู้เรื่องคงไปค้างคาใจตลอดสามเดือนแน่ๆ “พี่พอจะบอกผมได้รึเปล่าว่าแม่พี่ต้องการอะไร จะอยากรู้ตารางงานของพี่ไปทำไม จะรู้เรื่องเงินเข้าออกในบัญชีเพื่ออะไร อยากให้ผมช่วยยักยอกเงินหรืออยากให้เป็นสายคอยดูเฉยๆ ผมจะได้วางแผนรับมือถูก”
“ไม่มีใครกล้าให้เด็กอายุสิบแปดช่วยยักยอกเงินหรอก” นิฌานเอ่ยยิ้มๆ คล้ายอยากให้วางใจ
“แล้วพี่ฌาน...โอเคจริงๆ นะ”
“เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วสิ่งที่น้องเจทำให้พี่น่ะยิ่งกว่าโอเคอีก” นิฌานหันมาขยิบตาใส่ “เรื่องของพี่กับแม่มันซับซ้อน แต่เอาเป็นว่าแม่พี่จะเริ่มกระตือรือร้นจนเกินเหตุก็ต่อเมื่อพี่เริ่มกลับมาโด่งดังอีกครั้งน่ะนะ น้องเจก็อดทนหน่อยแล้วกัน”
“แค่เฉพาะช่วงนี้เหรอครับ”
“ใช่ พองานน้อยลงก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้จัดการ แม่พี่ก็แทรกแซงไม่ได้มากเพราะพี่มีเวลารับมือกับเขาอย่างเต็มที่”
เอ่อ...นี่แม่ลูกหรือศัตรูกันแต่ชาติปางไหน
“แต่ช่วงนี้พี่รับงานต่อเนื่องยาวเป็นเดือนๆ แค่ตั้งสมาธิกับงานก็เหนื่อยจะแย่ ให้คิดหาทางรับมือกับเขาอีกก็ไม่ค่อยไหว เจอโทรศัพท์ป่วนทุกวันถึงจะยิ้มออกแต่บางทีตอนอยู่คนเดียวก็เล่นเอาประสาทไปเหมือนกัน พอเป็นแบบนี้เลยต้องหาผู้จัดการมาช่วยดูแล ไม่งั้นคงถูกยัดเยียดคนใกล้ตัวไม่ก็เสนอตัวเข้ามายุ่งอีก หนักสุดเคยบุกมาหาถึงกองสร้างภาพแม่ที่ห่วงใยลูก ก็นั่นแหละครับ พี่เลยหาน้องเจมา ในช่วงเวลาจำกัดสามเดือนกำลังพอดีเลย”
“แต่ผมไม่เห็นจะช่วยพี่ฌานได้เยอะเท่าที่พี่คาดหวังนะ”
“เวลาเหนื่อยๆ เจอหน้าน้องเจก็หายแล้วครับ...ล้อเล่นน่า มีคนช่วยทวนตารางงานก็ดีแล้ว พี่จำได้ไม่หมดหรอก บางทีก็มีลืมบ้าง เล่นบ้าง อยากงีบก็มีคนช่วยปลุก หาอาหารมาให้กิน ช่วยจำเนื้อเพลง ดูทางให้ แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้วครับ”
ผมเงียบไปครู่หนึ่ง บางทีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นว่าไม่สำคัญก็นับเป็นการแบ่งเบาเกินคาด
“แล้ว...พี่ฌานประเมินว่าจะมีงานเข้าเยอะๆ แค่สามเดือนเองเหรอ”
“พี่ทำงานในวงการมายี่สิบปีนะน้องเจ ภาพยนตร์ Love After Death ออกจากโรงมาหลายเดือนแล้ว ที่ยังมีกระแสเพราะมีงานรับรางวัลย้อนหลังเลยทำให้คนกลับมาสนใจ จะหวังให้โด่งดังต่อเนื่องได้น่ะไม่มีทางเกินสามเดือนนี้หรอก อย่าลืมสิว่ายังมีละครหรือภาพยนตร์เรื่องใหม่เกิดตลอดเวลา พี่จะไปยืนยงดังเปรี้ยงปร้างคงกระพันได้ยังไง อย่างเช็กเมทเองก็เพิ่งเปิดกองและจะเริ่มลงจอในอีกสองอาทิตย์แล้ว ซีรีส์ติดอันดับหนึ่งเรตติ้งของช่อง คนรอดูกันทั้งประเทศ จากนั้นเทรนด์ก็จะเปลี่ยนไป จากพระเอกอบอุ่น สุภาพบุรุษ ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนรักแบบพี่ จะเปลี่ยนเป็นพระเอกผิวเข้ม มีซิกแพค บู๊ดุดัน รักพวกพ้องอย่างอัครเดช”
นิฌานพูดซะเห็นภาพ
“เอาเป็นว่าหลังจบสามเดือนตอนน้องเจทิ้งพี่ พี่ก็ไม่ต้องมีผู้จัดการแล้ว”
“แล้วทำไมพี่ฌานไม่รับงานละครหรือภาพยนตร์ล่ะ”
“พี่รู้สังขารตัวเอง ตอนนี้กำลังพีค คนอยากเห็นหน้า ถ้าเอาแต่หมกตัวถ่ายละครกว่าจะได้ออกฉายกระแสก็ซาแล้ว อีกอย่างงานอีเวนต์พวกนี้ก็ได้เงินไวกว่า จบงานก็รับเข้ากระเป๋าสบายๆ แถมยังทำงานเป็นเวลา เพราะส่วนใหญ่จะถ่ายทำช่วงกลางวัน ไม่มีใครถ่ายรายการหรือจัดงานกันตอนตีหนึ่งใช่มั้ยละครับ ถึงจะเหนื่อยตอนเดินทาง แต่เทียบกับเข้ากองถ่ายทั้งวันทั้งคืนนอนไม่เป็นเวลาแล้วดีกว่าเป็นไหนๆ พวกงานภาพยนตร์น่ะยังไงเดี๋ยวทางบริษัทก็ต้องหาป้อนให้พี่เอง แต่งานจิปาถะพวกนี้น่ะไม่ได้มีเข้ามาพร้อมกันแบบนี้บ่อยๆ หรอกนะ”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก นึกชื่นชมในความชำนาญการของนิฌานที่ประเมินผลล่วงหน้าตามประสาผู้คว่ำหวอด
“เพราะอย่างนี้ไงพี่ถึงต้องคอยหาความสำราญในชีวิต หยอกนิดจีบหน่อย คบคนโน้นเลิกคนนี้ ไม่งั้นคงเป็นโรคเครียดจนเป็นไมเกรน”
“พี่กำลังจะหาเหตุผลดีแตกเหรอ”
“พี่กำลังเรียกร้องความเห็นใจจากน้องเจต่างหาก ให้เลิกเสเพลแล้วเปล่าเปลี่ยวหัวใจ อยากให้คนข้างกายมาช่วยเติมเต็ม” นิฌานมองผมเหมือนหมาหงอย แต่โทษที ตาวาวระยับขนาดนั้นน่ากระทืบมากกว่าโอนอ่อน
“คนคนนั้นคงไม่ใช่ผมหรอก”
สรุปแล้วบอกให้เขาเลิกหยอกพร่ำเพรื่อ ก็มาโดนจีบพร่ำเพรื่ออยู่ดี ทำบุญไม่ช่วยอะไรเลยสินะเจเอ๊ย
“แล้วนอกจากตารางกับบัญชีของพี่ แม่ให้น้องเจจับตาดูอะไรอีกรึเปล่า”
“ก็มีเรื่องคนที่พี่คบหา คนที่สนิทสนมด้วยตอนนี้ กับที่ที่ไปบ่อยๆ” จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ผมที่กำลังกลอกตาหนีไปมองดินฟ้าอากาศรีบหันมาคุยกับนิฌานต่อแทบไม่ทัน
“แย่ละสิ”
“ทำไมครับ” ผมขมวดคิ้วมุ่นกับการอุทานเกินจริง
“ก็คนที่พี่สนิทสุดตอนนี้คือน้องเจ ที่ไปบ่อยๆ ก็คือบ้านของน้องเจ”
ผมใจหายวาบ กลัวที่สุดคือเรื่องบานปลายมาถึงครอบครัว
“ผมจะลาออก!”
“น้องเจอย่าเพิ่งทิ้งพี่! เอาอย่างนี้แล้วกัน...พี่จะไม่ไปบ้านน้องเจแล้ว”
ผมมองนิฌานพลางชั่งใจ กลัวอะไรไม่กลัวเท่าครอบครัวเดือดร้อน แต่แม่ของเขาเองก็อยากให้เก็บเป็นความลับ ยิ่งรู้น้อยที่สุดยิ่งดี หากนิฌานไม่มาแวะเวียนอีกก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องคอยตามเฝ้าตามดู ที่สำคัญ แม่ผมเองจะได้เลิกหลงผิด คิดรับใครมาเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพิ่ม! เจ้าส้มเองก็ปลอดภัย! พี่จิก็ไม่ทรยศกัน!!
“ดีครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงักๆ เหมือนตุ๊กตา ผลพลอยได้นี้ต้องรีบคว้าไว้!
“ส่วนเรื่องสนิทกับน้องเจ จะอ้างว่าเราเป็นฝ่ายพยายามเข้าหาเพื่อล้วงข้อมูลพี่ก็น่าจะใช้ได้นะ”
ผมพยักหน้าอีกครั้ง เรื่องนี้พอคิดไว้ตั้งแต่รับปากแม่เขาแล้ว
“หรือถ้า...บอกว่าพี่ตกหลุมรักน้องเจ กำลังจีบน้องเจก็ได้ครับ พี่ไม่ถือ”
“แต่ผมถือ!”