ตอนที่ 49
ถุงขนมที่ซื้อมาจากห้างถูกวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวตรงโซนครัว ผมหันมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาบ่ายห้าโมงเย็น ดูท่าว่าวันนี้เจ้าของห้องก็คงกลับมาอีกทีคือช่วงตีสามหลังเลิกงานเหมือนเดิม จะว่าไปตั้งแต่มีชีวิตมาบนโลกใบนี้และได้รู้จักใครสักคนที่ได้ขึ้นว่าแฟน ไม่ว่าจะเป็นทั้งของตัวเองหรือเพื่อน ก็รู้สึกได้เลยว่าความรักของผมกับพี่เจช่างเป็นอะไรที่เรียบง่ายเสียเหลือเกิน และมันก็เรียบง่ายแบบชนิดที่ผมเองยังนึกกลัว
เพราะเคยอ่านประโยคหนึ่งในหนังสือที่เขียนไว้ ว่ารักที่ไม่มีความตื่นเต้นเลย จะมีความเบื่อหน่ายต่อกันในท้ายที่สุดแล้วก็เลิกรากันไปแบบไร้เหตุผล ไม่ได้นอกใจ ไม่ได้เสียใจ เป็นความรู้สึกเพียงแค่ ก็ไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกันอีกแล้ว ก็เลยแยกทางกัน
คุณเจตฎ์ ผู้ชายที่ทำหน้าที่ด้านการตลาดและ PR ของผับดังอย่าง throw up ท่าทางภายนอกที่ดูเหมือนจะคนคลูแบบเท่ห์ๆที่ใช้ชีวิตแบบเข้าหาคนอื่น รักการสังสรรค์ เอาใจคนเก่ง และมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่เอาเข้าจริง เพื่อนสนิทคนเดียวที่มันมีคือ พี่อาฟ เจ้าของผับ พี่เจไม่ใช่คนชอบเอาใจใคร และสิ่งเดียวที่มันรัก คือ การอยู่บ้านแบบชิวๆ
วันหยุดของพี่เจไม่มีอะไรมากกว่าการที่เราจะทำอาหารกินด้วยกัน เลือกหนังจาก netflix ดูสักเรื่อง เบื่อหน่อยก็ออกไปเดินตามสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้คอนโดแล้วปั่นจักรยานกันไปรอบๆนั้น ใช้หูฟังคนละข้างจากเพลย์ลิตต์ที่เราตั้งไว้ด้วยกันเพราะชอบเพลงสไตส์เดียวกัน แล้วก็นอนดูวิวท้องฟ้าด้วยการหนุนตักผม ต่อด้วยการหาร้านอาหารอร่อยๆ กินด้วยกัน จากนั้นก็กลับเข้าบ้านมาดูหนังอีกสักเรื่อง อาจจะต่อด้วยเซ็กส์ในบางครั้ง แล้วเราก็หลับไป
มันเป็นผู้ชายที่เรียบง่ายมาก จนผมเคยพูดกับพี่เมดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ‘ มันเรียบง่ายขนาดนี้ได้ยังไงกันวะ ’ แล้วตอนนั้นพี่ชายผมก็แค่หัวเราะก่อนจะพูดขึ้น
‘ อย่าให้ต้องตื่นเต้นมากเหมือนชีวิตกูเลย อะไรแบบนั้นมันก็ดีแล้ว เชื่อเถอะ ’ ในตอนนั้นผมเถียงออกไป
‘ เหรอวะ ’ แต่ปลายสายก็แค่ตอบรับว่า
‘ อื้ม ’ เบาๆในคอ ‘ ความรักมันเป็นอะไรแบบที่ว่า ถ้ามึงคิดว่ามันน่าเบื่อ มันก็จะน่าเบื่อตามความรู้สึกของมึง ’
‘ ก็คงจริงแบบนั้นมั้ง คือตอนที่กูคิดถึงว่าอยู่กับพี่เจแล้วได้ทำอะไรบ้างมันก็เบื่อนะ เพราะมันเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่พอได้ทำจริงๆ กูกลับรู้สึกว่า มันก็ดีแล้วนะอะไรแบบนี้น่ะ แล้วก็โคตรแปลกที่คนอย่างกูจะมาชอบอะไรแบบนี้อะพี่เมด ’
‘ มึงก็แค่ชอบเจ ’ อีกคนบอกแบบนั้น ‘ บางทีมึงก็ไม่ได้ชอบสิ่งที่มึงทำกับมันหรอก แต่มึงแค่อยากอยู่กับมัน ก็เลยกลายเป็นว่ามึงทำอะไรก็ได้แค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอ กูพูดถูกมั้ย ’ ยอมรับว่าเผลอเบะปากแล้วได้แต่ยิ้มไม่หุบกับสิ่งที่ได้ยิน ใบหน้าที่ร้อนจัดของผมมันเขินจนต้องทำทีเป็นชวนไปคุยเรื่องอื่น
‘ ตั้งแต่คบกับพี่อาฟ รู้สึกพี่มึงจะพูดจี้ใจดำเก่งขึ้นนะ ’
‘ แน่นอน เพราะความเป็น throw up มันหล่อหลอม ’ พี่เมดที่หัวเราะออกมาตอนนั้น ผมเองก็เผลอยิ้มกว้างไปด้วย อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่พูดเก่งขึ้นหรอก แต่พี่เมดหัวเราะเก่งขึ้นด้วย แล้วก็มีความสุขในทุกครั้งที่เราคุยกันเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่คุยกันทุกครั้งก็มีแต่เสียงถอนหายใจแบบเบื่อหน่ายที่ไม่ค่อยจะความสุขสักเท่าไหร่
ผมเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักใจในตอนที่เผลอคิดถึงพี่ชายตัวเอง ทุกความคิดในอดีตนั้นถูกกดหยุดลงราวกับมีปุ่ม เพียงเพราะผมแค่คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อช่วงเที่ยงวัน
ภาพของพี่จิงเพื่อนสนิทพี่เมดกับไอ้เชี้ยบินคนรักเก่า บทสนทนาที่ได้ฟังไม่ต้องฉลาดมากก็พอรู้ว่าเรื่องราวนั้นเป็นยังไง คล้ายความรู้สึกชวนอาเจียนที่แน่นอยู่ในอกผม มันกระอักกระอ่วมอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่คิดว่าเรื่องนั้นคือเรื่องจริง ก็ขยะแขยงความเป็นมุนษย์ที่เหมือนจะมีน้อยนิดของผู้กระทำ
“ จะเล่าหรือไม่เล่าดีวะ ” หยิบมือถือขึ้นมาตอนที่พูดขึ้นกับตัวเองอย่างงั้น พี่เจเคยบอกผมไว้ว่า เวลาจะพูดไม่ดีกับใครให้เราคิดว่าถ้าเราเป็นคนฟัง เราจะอยากฟังมันมั้ย ถ้าไม่ ก็ให้เงียบปากไป ไม่ต้องพูด “ แต่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีไม่ใช่เหรอวะ มันก็แค่ความจริงที่ฟังแล้วอาจจะรู้สึกแย่นิดๆหน่อยๆ ...หรือว่ามาก ” ถอนหายใจออกมากับตัวเองอีกครั้งกับความคิดสุดท้ายที่พูดออกมา ก่อนจะเกาหัวอย่างแรงเพราะไม่รู้จะทำยังไง “ แต่ถ้ารู้แล้วไม่บอก วันหนึ่งพี่เมดโดนไอ้เชี้ยบินพูดว่า กูเอาพวกมึงมาทั้งกลุ่มแล้ว พี่เมดก็ต้องรู้สึกแย่นะเว้ย แต่ว่าพี่เมดก็มีพี่อาฟอยู่ก็อาจจะไม่เป็นไรแล้วก็ได้ อารมณ์ไม่แคร์ ” มองโทรศัพท์ตัวเองอีกครั้ง ในห้วงความรู้สึกหนึ่งผมก็แค่กลัวว่าพี่เมดจะโดนทำร้ายอีก ผมไม่อยากให้พี่เมดเป็นเหยื่อของคนพวกนั้น ไม่อยากให้ต้องมามีเรื่องทะเลาะกับพี่อาฟด้วย แล้วยังไงการรู้ความจริงมันก็เซฟกว่า “ เอาว่ะ! เป็นไงเป็นกัน พี่ชายกูจะโง่ไม่ได้สิ พี่ชายกูต้องรู้เท่าทันพวกแม่ง ”
หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกในตอนนั้น ผมรอสายอยู่ไม่นาน เจ้าของเบอร์ก็รับแต่ทว่าเสียงตอบกลับมากับไม่ใช่เสียงทักทายกันแบบปกติ แต่กลับเป็นเสียงหัวเราะที่กำลังมีความสุขอยู่
“ ฮ่าๆ ไอ้สัดอาฟ ไอ้เหี้ย ฮ่าๆ อย่า แกล้ง กู ปล่อยก่อนวิวโทรมา ” สิ่งที่อยากพูดถูกกลืนลงไปในคออย่างอัตโนมัติทำได้แค่ยิ้มแห้งๆกับตัวเองในตอนนั้น “ ว่าไงวิว ”
“ ทำอะไรกันอยู่วะ ดูมีความสุขกันสุดๆ ”
“ ไอ้เชี้ยอาฟแม่งกวนตีนกูอยู่น่ะสิ เอามาตอหนวดมาถูคอกู.. ฮ่าๆ จักกะจี้ ไอ้สัด ฮ่าๆ กูจะคุยกับน้อง มึงแม่งอย่าทำตัวไร้มารยาทสิวะอารยะ ”
“ ไม่มีอยู่แล้วจะแคร์อะไร ” พี่อาฟพูดเข้ามาในสาย ผมก็ได้แต่ยกยิ้ม แล้วตอนนั้นผมก็พูด
“ ก็จริงของพี่มันนะพี่เมด ”
“ ไอ้วิวบอกว่า ก็จริงของมึงอะ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะดังในท้ายประโยคของอีกฝ่ายเงียบไปสักพักก่อนเสียงจูบดูดดื่มแบบเบาๆจะดังขึ้นมาแทน จนทำให้ผมได้แต่เม้มริมฝีปาก
‘ แต่คือการที่กูเห็นด้วยว่าพี่มึงไม่ต้องแคร์เพราะไม่มีมารยาทอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าพี่มึงจะมาจูบกันผ่านสายให้กูได้ยินได้นะเว้ย! ’ ผมคิดอยู่ในใจแล้วทำทีเป็นเงียบอยู่แบบนั้นจนพี่เมดพูดขึ้นเสียงไม่เบานัก
“ พอแล้วสัด ไปโกนหนวดได้แล้วไป เดี๋ยวต้องออกไป throw up อีก ”
“ นั่นยังไม่ไปผับกันอีกเหรอวะ ”
“ ยัง ไอ้เชี้ยอาฟขี้แตก สุดแสนจะเรื่องมากให้ขี้ที่ร้านข้าวก็ไม่ขี้ ต้องกลับมาขี้คอนโด ”
“ นี่พี่มึงพูดเรื่องนี้แบบธรรมดาได้ไงวะ ”
“ ทำไมอะมึง เรื่องขี้มันก็ธรรมดานะ ใครๆต่างก็ต้องขี้ทั้งนั้น ” อีกคนบอกเสียงใส ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วทำทีเป็นพูดเรื่องอื่น
“ แล้วคือตัดภาพมาที่แฟนกูไปตั้งแต่ยังไม่ห้าโมง ส่วนเจ้าของผับกับแฟนของเค้ายังไม่เข้าไปเลย งั้นปลายเดือนก็อย่าลืมเพิ่มโบนัสให้พี่เจของกูด้วยนะ ”
“ อะไรของกูนะ ” พี่เมดแซว
“ กวนตีนละไอ้พี่เมด ” ผมบอกปัดปลายสายก็หัวเราะถูกใจที่ได้แกล้งกัน เอาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่คิดจะเล่าเพราะอยากให้มีความสุขต่อ แต่ตอนนี้เริ่มหมั่นไส้มันละ เป็นความรู้สึกสุขแบบที่ ‘ มึงมีความสุขมากใช่มั้ยพี่เมด ได้เลยเดี๋ยวกูเล่าความทุกข์ให้ฟังเองจ๊ะ ’
“ แล้วโทรมามีอะไรครับน้องวิว ” แต่พออีกคนถามขึ้นมาจริงๆ ผมก็ได้แค่ยิ้มกับตัวเอง
“ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงพี่เมดอะ ” ยังไงก็คงไม่กล้าเล่าอยู่ดี และต่อให้มีความสุขจนน่าหมั่นไส้มากกว่านี้ก็ยังอยากให้พี่เมดมีความสุขต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ ไม่อยากจะให้มาทุกข์ใจกับเรื่องอะไรเลย
“ คิดถึงมึงเหมือนกัน หรือว่าเราไปดูหนังกันมั้ย ”
“ ไม่เอาอะ วิวขี้เกียจออกไป ” แต่ความจริงก็คือกลัวหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกไปมากกว่า “ แค่โทรมาบอกว่าคิดถึงเฉยๆนั่นแหละ ช่วงนี้มีความสุขดีใช่มั้ย ”
“ มีความสุขดี มีเรื่องเข้าใจผิดกับอาฟนิดนึงแต่กูสองคนเคลียร์กันไปละ ตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว ”
“ งั้นก็ดีแล้ว ”
“ แล้วมึงอะเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าววันนี้ไปกินข้าวกับน้องเดย์ ”
“ สุขสบายดีไม่มีอะไรเพิ่มเติม เหมือนเดิมแบบที่เคยบอกพี่เมดไป ส่วนวันนี้กูแทบจะหักคอน้องเขยของพี่มึง กวนตีนกูจัง แถมยังแดกดุชิบหาย ดีนะมันเลี้ยงไม่งั้นกูก็ไม่มีตังค์หารจ้า ”
“ อ้าว แล้วทำไมไม่บอก เท่าไหร่ๆเดี๋ยวกูไปจ่ายน้องเดย์เอง ”
“ ไม่ต้องหรอกมั้ง เห็นพี่เดย์บอกกูว่าพี่อาฟให้เงินมาอีกทีอะ ตอนแรกจะมากันสามคนแต่พี่อัยย์เสือกขี้เกียจเพราะอยากกกสาวมากกว่าเลยเทพวกกูสองคนไม่ออกมาซะงั้น”
“ เหรอ ” พี่เมดพูดเสียงเบา ก่อนที่ผมจะได้ยินอีกคนถามพี่อาฟ “ อาฟ วันนี้ให้เงินน้องเดย์ไปเลี้ยงข้าววิวเหรอ ”
“ เปล่า ” เสียงอีกคนตอบกลับมาผมก็ได้แค่ขมวดคิ้ว “ เงินไอ้สัดเจไม่ใช่เงินกู ”
“ อ้าว ” เสียงพี่เมดสบถออกมาตามสาย “ แล้วทำไมน้องเดย์ต้องบอกว่าของมึง ”
“ ถามไอ้เจสิ กูใช่ไอ้เจที่ไหน ”
“ สัด ” สบถใส่แฟนตัวเองก่อนกลับมาพูดต่อกับผม “ เจคงให้เพราะเห็นว่าเดย์กับอัยย์เป็นคนพามึงไปนั่นแหละ มันเลยจ่ายให้พวกมึงจะได้กินกันเต็มที่ มันคงกลัวแฟนมันไม่สนุกเวลาไม่มีมันไง ”
“ นี่ก็อวยเก่งจริงๆ ” ผมบอก “ แต่วิวก็คิดว่างั้น ไอ้เจแม่งชอบทำแบบนี้เวลาวิวไปไหนกับพี่เดย์พี่อัยย์เพราะไปกับพี่มันไม่ได้ มันชอบให้ตังค์บอกจะได้กินกันสนุกๆ แต่ที่กูไม่เข้าใจอะ ทำไมมันไม่เอาเงินให้กู กูจะได้เอาไปหารกับพวกพี่มัน แล้วนี่เงินทอนอยู่ไหน ได้กูมั้ย ก็ไม่ ได้พวกพี่มัน คือเหมือนพี่เจให้ทิปมันที่กวนส้นตีนกูเก่งทั้งวันอะพี่เมด ผีมากจ้า ”
“ นี่ก็บ่นเก่งจริงๆ ”
“ งั้นกูโทรไปหาพี่เจก่อนละ แค่นี้ก่อนนะพี่เมด ไว้คุยกันครับ ”
“ โอเค มีอะไรโทรมา ”
“ โอเคครับ ” ผมตอบรับแต่ก่อนจะวางสายก็ไม่ลืมเอ่ยถามอีกคน “ นี่พี่เมด ตอนนี้พี่เมดมีความสุขมั้ย ”
“ ถามทำไมวะ ก็ต้องมีสิ ”
“ เปล่า วิวแค่มีความสุขม๊ากมาก เลยอยากให้พี่เมดมีความสุขด้วยไง ก็วิวไม่ค่อยได้โทรหาพี่เมดเลยเพราะมัวแต่แบบอยู่กับพี่เจ กลัวพี่เมดมีอะไรไม่สบายใจมั้ย เป็นห่วงอะ ”
“ คิดมากน่ามึง กูตอนนี้มีความสุขม๊ากมาก ” อีกคนเลียนแบบเสียงผมก่อนจะหัวเราะ “ อีกอย่างนะถ้ามึงมีความสุขกับการอยู่ตรงนั้น กูโอเค ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่ว่าถ้าไม่สบายใจอะไรถึงแม้จะแค่นิดเดียวกูอยากให้มึงคิดถึงกูนะ เข้าใจที่พี่เมดจะพูดมั้ยครับน้องวิว ”
“ เข้าใจครับผม รักพี่เมดนะ ”
“ รักเหมือนกัน ” สายโทรศัพท์ของเราถูกวางไปหลังพูดจบ ผมลดมือถือลงแล้ววางมันลงที่บนโต๊ะและไม่ได้โทรไปหาพี่เจอย่างที่บอกอีกคนไป
ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องบอกเล่านั่นก็จริงอยู่
แต่ความจริงที่คนฟังต้องเสียใจ ยิ่งเรารักเค้ามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไม่อยากเล่ามากเท่านั้น
ช่วงเวลาตีสามกว่าที่ภายนอกห้องนอนมีการเคลื่อนไหว ผมขยับตัวเองที่กำลังนอนดูซี่รีส์ยาวจากช่องโปรแกรมรายเดือนเบือนสายตาไปมองประตูห้องนอนที่ถูกเปิดออก เจ้าของห้องขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่เห็นว่าผมยังไม่หลับ พี่เจยกยิ้มก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเค้าหย่อนตัวลงนั่งตรงเตียงฝั่งตัวเองก่อนจะโน้มตัวมาจูบลงที่ริมฝีปาก
“ ทำไมยังไม่นอน ” พูดแค่นั้นก่อนจะหันไปมองทีวี พี่เจยิ้ม “ ไม่ปวดตารึไงไอ้เด็กติดซีรี่ส์ ”
“ นิดนึงอะ ” มือเรียวเอื้อมขึ้นจับแก้มก่อนจะยิ้มในตอนที่ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมา “ แล้ววันนี้ที่ผับเป็นไงบ้างอะ ”
“ โคตรยุ่ง ” บอกแบบนั้นก่อนจะขยับตัวบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะพูดทั้งที่มือก็ขยับถอดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ “ วันนี้มีทั้งโปรโมตเหล้าตัวใหม่ แล้วไหนจะมีวงดนตรีมาอีก ”
“ งั้นก็รีบไปอาบน้ำจะได้มานอน ”
“ ครับๆ ” อีกคนตอบ “ แต่พรุ่งนี้กูไม่มีเรียนนะ เราไปไหนกันดี ” ผมทำท่าคิดก่อนจะส่ายหน้าบอกอีกคน
“ ยังคิดไม่ออก ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน ”
“ โอเค ” ตอบรับกันสั้นๆพี่เจก็หายเข้าไปในส่วนของห้องน้ำ ในตอนนั้นผมก็ปิดทีวีที่กำลังดูนั่นลงก่อนจะขยับตัวนอนรออีกคนที่ก็อาบน้ำไม่นานและเรียกได้ว่าน่าจะเดินผ่านน้ำมากกว่า ชุดนอนแบบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นอย่างที่ใส่ประจำเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนทันที
“ นี่พี่เจ ”
“ ว่าไง ” อีกคนตอบรับเสียงในคอแต่ทว่าดวงตานั้นกลับไปไม่ได้ลืมขึ้นมามองกันแต่อย่างใด มือที่เอื้อมมือมากอดผมก่อนจะดึงเข้าไปใกล้ ลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่เหนื่อยมาจากการทำงานทำให้ผมเลือกที่จะเงียบแทนที่จะพูดปรึกษาในสิ่งที่กำลังคิดไม่ตกจนนอนไม่หลับแล้วก็ทำได้แค่ขยับตัวเข้าไปซุกในอกของอีกคน
“ นอนเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ” เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน
แดดจัดจากข้างนอกส่องผ่านทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องของเรา ผมเลือกขยับตัวเข้าไปซุกคนข้างตัวแทนที่จะลืมตาสู้กับแสงแดดนั่น แต่สุดท้ายก็เหมือนต้องพ่ายแพ้แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ผมผ่อนลมหายใจอย่างคาดโทษกับแสงแดดที่สาดลงมาบนเตียงพลางมองผ้าม่านในห้องที่ไม่ค่อยจะบดบังแสงแดดสักเท่าไหร่
ผมว่า ผมหาคำตอบได้แล้วสำหรับคำถามที่ว่า ‘ วันนี้อยากไปไหน ’ ที่อีกคนถามกันเมื่อคืน บอกได้คำเดียวเลยว่า ในสมองตอนนี้แค่คำตอบก็คือ ‘ ไปห้าง กูจะไปซื้อม่านใหม่! ’
“ นี่ก็นอนไม่สะท้านเลย ” ถอนหายใจออกมากับอีกคนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับไปไหน พี่เจเป็นพวกนอนหลับง่ายและหลับที่ไหนก็ได้โดยเฉพาะเวลามันหลับ ต่อให้ข้างๆพื้นที่คอนโดมีการเจาะเสาเข็มมันก็ไม่ตื่นขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เพราะงั้นแสงแดดแค่นี้ทำอะไรมันที่กำลังนอนไม่ได้ทั้งนั้น
จำใจลุกขึ้นจากที่นอน ผมหยิบเอายางผูกผมที่เส้นเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาผูกจุกผมตรงหน้าม้าที่ชอบยุ่งเหยิงไปมาในตอนที่ตื่นก่อนจะพาตัวเองไปล้างหน้าแล้วก็เข้าครัวไปหาอะไรกิน หยิบนมจากในตู้เย็นออกมาเป็นอย่างแรก ผมเจาะเปิดมันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขนมแบบเวเฟอร์ช็อกโกเล็ตที่ซื้อตั้งแต่เมื่อวานมาเปิดถุงออก แต่ในตอนที่ดูดนมเข้าไปแต่ยังไม่ทันกัดขนม มือเรียวของคนที่นอนข้างกันก็กอดเข้าที่เอวจากด้านหลังอย่างไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน
“ พี่เจ ” หันไปหาอีกคนแต่กลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมายกเว้นริมฝีปากของคนเพิ่งตื่นนอนที่แนบลงมาบนริมฝีปากของผม
เผลอเผยอปากรับลิ้นที่สอดเข้ามานั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เกลียวลิ้นของเรากอดเกี่ยวกันอย่างออกรสไม่ต่างอะไรกับฝ่ามือของคนที่กอดเอวผมอยู่ พี่เจไล่มันลงไปต่ำไปข้างเพียงข้าง เค้าสอดมือเข้าไปในขอบกางเกงนอนยางยืดของผมก่อนจะบีบเบาๆลงที่ก้นกลมแล้วใช้มืออีกข้างลูบขึ้นสูงมาที่ยอดอก นิ้วชี้ของเค้าสะกิดติ่งกลางอกในแข็งชันอย่างหยอกล้อ เป็นสถานการณ์ล่อแหลมที่ผมต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อนจะเกินเลยไปมากกว่านี้
“ พอเลยมึง ”
“ มีอารมณ์กับกูหน่อย ”
“ ไม่มีเว้ย ปล่อยเลยนะพี่มึง ” พูดแบบนั้นแต่อีกคนก็เพียงแค่ผละมือออกจากส่วนอ่อนไหวทั้งหมดนั้นแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นกอดเอวกันไว้หลวมแทนๆ ใบหน้าของพี่เจตั้งอยู่บนไหล่ผมก่อนจะหอมแก้มแล้วถาม
“ เมื่อคืนมีอะไร ”
“ อะไรมีอะไร ” ขมวดคิ้วตอนที่หันไปถามอีกคนก็ยกยิ้ม
“ ก็เมื่อคืนเหมือนมึงจะพูดอะไรสักอย่าง ”
“ ก็ยังจำได้นะ ” ผมแซวมัน “ ท่าทางมึงตอนนั้นคือโคตรไม่มีสติอะไร เหมือนจะหลับอย่างเดียวให้ได้ ”
“ กูเหนื่อยไง โทษทีที่ไม่ได้ฟังมึง ” อีกคนบอกยิ้มๆก่อนจะปล่อยมือจากเอวผมแล้วเดินไปหยิบนมจากในตู้เย็นมากินบ้าง
“ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เข้าใจอยู่แล้วเรื่องที่พี่มึงจะเหนื่อย ” บอกแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นไปนั่งบนเค้าเตอร์ครัวส่วนที่ว่างแล้วดึงขนมที่เปิดไว้นานแล้วขึ้นมากิน
“ แล้วมีอะไรจะพูดกับกู ”
“ กูมีเรื่องจะปรึกษา ” อีกคนพยักหน้ารับทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้ากัน “ เรื่องพี่เมด ” ใบหน้าเพิ่งตื่นหันมามองหน้ากัน พี่เจขมวดคิ้วตอนมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมา ตอนเห็นความไม่สบายใจที่ฉายอยู่บนหน้าผม
“ เรื่องเหี้ยถูกมั้ย ”
“ เหี้ยมากด้วย ” หลอดนมที่เจาะอยู่บนกล่องถูกชะงักที่จะดูดเข้าไปอีกคนเหลือบมองผม
“ ว่ามา ”
“ เมื่อวานตอนกูไปห้างระหว่างรอพี่เดย์อยู่ กูเจอไอ้เชี้ยบินกับเพื่อนพี่เมดที่ชื่อจิง มันสองคนคุยกันอยู่ที่ร้านหนังสือ ” ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่เล่า “ เนื้อหามันเหมือนว่า เชี้ยบินมาบอกเลิกกับพี่จิง เพราะจะจริงจังกับพี่ยีนส์คนที่ตอนนั้นพี่เมดเห็นว่าเอากันอยู่ในห้อง ” คนฟังขมวดคิ้วในตอนที่ผมเล่า “ แล้วพี่จิงก็พูดขึ้นว่า ‘ กูเองก็มีอะไรกับมึงลับหลังเมดเหมือนกันกับไอ้ยีนส์แต่ทำไมสุดท้ายถึงเลือกยีนส์แต่ไม่ใช่กูละวะบิน ’ ”
“ เชี้ย เดี๋ยวนะ ” พี่เจชะงักนมที่ถือ เค้านิ่งไปนานเหมือนกำลังประมวลผลในสิ่งที่ฟัง “ คือมึงจะบอกกูว่า นอกจากไอ้บินมันจะเอากับไอ้ยีนส์ มันก็ยังเอากับไอ้จิงด้วย ซึ่งตอนนั้นไอ้บินมันก็ยังคบกับไอ้เมดแล้วตอนนั้นไอ้สองคนนี้ก็คือยังเป็นเพื่อนที่ดีของไอ้เมดอยู่ถูกมั้ย ”
“ อื้ม ”
“ เชี้ย ” พี่เจสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ “ ต้องเหี้ยยังไงถึงทำได้ขนาดนั้นวะ แล้วนี่ยังไงบอกไอ้เมดรึยัง ” ผมส่ายหน้าไปมากับคำถามนั้น
“ ไม่กล้า เมื่อวานตั้งจะโทรไปบอกแต่ก็ไม่กล้า ” ก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมา “ พอพี่เมดรับสายจริงๆ เสียงเค้ามีความสุขมากเลยมึง กูไม่กล้าบอกอะ กูไม่อยากทำให้พี่เมดไม่มีความสุข แต่กูก็ไม่อยากให้พี่เมดโดนใครทำร้ายอีกเหมือนกัน กูกลัวว่าถ้าพี่เมดรู้ความจริงพี่เมดจะตกใจ กูกลัวอะไรหลายๆอย่างที่กูไม่รู้ว่าตอนนี้พี่กูรู้สึกยังไง กูกลัวว่าพี่เมดจะทะเลาะกับพี่อาฟด้วย ”
“ กูเข้าใจ ” คนที่ยืนอยู่ข้างกันเดินเข้ามากอดผมไว้ มือที่ลูบหลังของเค้าทำให้ผมเอื้อมมือไปกอดตอบอีกคนไว้แน่น
“ สงสารพี่เมดอะมึง ทำไมพี่กูต้องมาเจอเรื่องที่มันเหี้ยแบบนี้ด้วยวะ พี่กูไปทำอะไรให้พวกมันนักหนา ทำไมถึงจ้องแต่จะทำร้ายพี่กูด้วย ทั้งๆที่พี่ชายกูมีแต่ความหวังดีให้พวกมัน พี่กูไม่เคยเอาเปรียบใคร ถ้าให้อะไรได้พี่กูก็ให้ตลอด ตอนสอบพี่เมดก็คอยนั่งทำสรุปเก็งข้อสอบให้พวกมัน ต้องอ่านหนังสือเยอะกว่าใครเพื่อจะได้ไปสอนพวกมันอีกที แล้วมึงดูสิ่งที่พวกมันทำกับพี่กูสิ อึก.. ทำไม ทำไมมันเหี้ยกับพี่กูขนาดนี้ ทำไมใจร้ายขนาดนี้ อึก ทำไมวะพี่เจ ทำไม อึก ทำไมต้องทำให้พี่เมดเสียใจด้วยวะ ฮือๆ กูสงสารพี่เมดอะมึง ทำไมมันไม่สงสารพี่เมดบ้างเลย ”
“ ใจเย็นก่อน กูเข้าใจว่ามึงเสียใจ แต่ใจเย็นก่อน ไม่ต้องร้องไห้ ” มือที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้กัน อีกคนขยี้หัวผม “ กูรู้ว่ามึงรักพี่ชายมึงมาก ปกติถ้าเป็นมึงก็ต้องพูดออกไปแล้ว แต่ครั้งนี้มีคิดก่อนพูด ดีมากเลยกูขอชมนะวิว ”
“ กูแค่ไม่อยากให้พี่เมดเสียใจ ” เงยหน้าขึ้นเถียงอีกคนพลางปาดน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงข้างแก้มด้วยหลังมือ “ แล้วทำยังไงดี มึงว่ากูควรเล่ามั้ยพี่เจ พี่เมดควรรู้เรื่องนี้มั้ย หรือมึงคิดว่ายังไง ”
“ กูก็ไม่รู้ ” อีกคนบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจ “ เราไม่ใช่ไอ้เมดนะวิว เราไม่รู้หรอกว่ามันจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ฟัง อาจจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว หรือบางทีอาจจะรู้สึกมากเราก็ไม่รู้ เพราะงั้นการที่มึงคิดอย่างดีก่อนที่จะพูดแบบนี้ มันดีที่สุดแล้ว ความจริงไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดเสมอไปหรอก มันต้องดูอะไรหลายๆอย่าง เวลา ความรู้สึกของคนฟัง ” ผมพยักหน้ารับอีกคนในตอนนั้นพี่เจก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจ มันคงรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ไม่ต่างจากผม “ แต่ความจริงแม่งไม่ใช่สิ่งที่รู้แล้วจะดีเสมอไปจริงๆวะ บางทีความจริงแม่งก็เหี้ยมาก ส้นตีนจริงๆ ”
“ แล้วเราจะทำยังไง ไม่บอกแบบนี้น่ะเหรอ ”
“ กูบอกไอ้อาฟได้มั้ย ” คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง “ เพราะกูเชื่อว่า มันรู้ว่าต้องทำยังไง ”
“ แล้วถ้าตอนที่พี่อาฟเล่าแล้วพี่เมดเกิดเสียใจขึ้นมา พี่อาฟจะไม่คิดมากอีกเหรอวะ ว่าพี่เมดยังรักไอ้เชี้ยบินอะ ”
“ ไม่หรอก ” พี่เจบอกผม “ มันไม่ได้เพิ่งผ่านเรื่องเหี้ยๆนี่มา มันผ่านกันมาหลายครั้งแล้ว กูเชื่อว่าอาฟน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง มั่นใจในตัวพี่เขยมึงหน่อย ”
“ เหรอ ”
“ อย่าลืมสิวิวว่าตอนนี้คนที่ไม่อยากให้ไอ้เมดเสียใจไม่ได้มีแค่มึงคนเดียวแล้วนะ แต่มันมีไอ้อาฟเพื่อนกูด้วยจริงมั้ย ”
“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจอย่างเบาใจออกมาเพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น “ งั้นพี่มึงก็เล่าพี่อาฟนะ กูจะเล่ามึงแบบละเอียด มึงก็เอาไปเล่าให้พี่อาฟฟังแล้วกัน ”
นั่งเล่าเรื่องราวพวกนั้นให้พี่เจฟัง ผมอธิบายแม้แต่สายตาเจ็บปวดของพี่จิงที่ตัวเองได้เห็น ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกออกมาตอนที่เล่าจบ ก็อย่างที่พี่เจบอก ‘ พี่เมดยังมีพี่อาฟที่ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทำให้เสียใจ แล้วสำหรับเรื่องนี้เค้าคงคิดหาทางบอกให้พี่เมดรู้แบบไม่เสียใจ หรือไม่ก็เสียใจน้อยที่สุดแน่นอน ’
“ ว่าแต่ เป็นไอ้เหี้ยบินนี่ก็คุ้มดีนะ ได้หมดครบวงเลย มันแน่นอนจริงๆ ” พี่เจว่ายิ้มๆผมก็แต่แบะปากแล้วเหล่มองอีกคน
“ มึงอยากลองเป็นมันดูบ้างมั้ยละ แต่บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ใจดีนะ ไอ้โมเม้นท์แบบที่เห็นแล้วช็อกแบบที่เมดที่เดินออกไปมันจะไม่เกิดขึ้นกับกูหรอกนะ เพราะถ้าเป็นกู คือกูจะเดินไปหยิบมีดแล้วก็มันตัดKมึงทิ้งซะจำไว้ ”
“ ตัวแค่นี้ทำไมโหดจัง ” โดนพี่เจดึงเข้าไปกอดก่อนจะหอมแก้ม วินาทีนั้นผมมองหน้าอีกคนแบบหาเรื่อง “ กูไม่ทำหรอก กูไม่ใช่พวกวิตถาร ”
“ มึงว่าไอ้เชี้ยบินเป็นวิตถารเหรอ ”
“ แล้วคนปกติที่ไหนจะชอบเอากับคนใกล้ตัวแฟนแบบมัน คนเดียวยังพอว่าแต่นี่ทั้งสองคน งั้นแสดงว่ามันก็คงเป็นพวกชอบเซ็กส์แบบที่ต้องหลบๆซ่อนๆ มีอารมณ์กับคนใกล้ตัวแฟนแต่กับแฟนตัวเองก็ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่รึเปล่า ”
“ พี่เมดเคยเล่าว่ามันชอบชวนพี่เมดเอากันแบบในที่สาธารณะ พวกห้องน้ำห้าง ห้องน้ำมหาลัย แต่พี่เมดไม่ชอบเลยไม่เคยเอากับมันเลย แล้วมันก็เป็นพวกที่ชอบมีอะไรกับคนที่ยังไม่พร้อมอะ มันไม่เล้าโลมด้วยนะ คือเหมือนจะใส่ก็ใส่เลย พี่เมดเลยไม่ค่อยมีอะไรกับมัน เหมือนกลัวด้วยละ สี่ปีที่คบมาคงไม่ถึงห้าครั้งมั้ง แล้วเพราะแบบนั้นไง มันเลยนอกใจพี่เมดบ่อยๆ ”
“ ดีนะที่แม่งเลิกกันได้ ”
“ เออ กูแม่งโล่งอกโล่งใจ แล้วถึงพี่อาฟแม่งจะปากเหี้ยแบบไม่หน่อยแต่ก็เอาวะ ยังไงแม่งก็รักพี่เมดของกู รายนี้ถนอมยิ่งกว่าพ่ออีกมั้ง ”
“ แต่กูเองก็ไม่ต่างจากอาฟนะ ” มือที่เริ่มเลื้อยเข้ามากอดเอว พี่เจจูบลงบนริมฝีปากของผมที่ก็มองมันก่อนจะถาม
“ อะไรที่ว่าไม่ต่าง ”
“ ความรักที่กูมีให้มึงไง ”
“ งั้นพิสูจน์หน่อยสิ ” เอื้อมมือไปกอดรอบคออีกคนไว้ก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวเข้ากอดที่เอว “ พอดีกูเชื่อคนที่การกระทำมากกว่าคำพูด ”
“ งั้นคงต้องไปที่เตียง เพราะการทำให้ใครสักคนเชื่อใจ มันทำรอบเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ”
.............................................................