Psycho (บทเดียวจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Psycho (บทเดียวจบ)  (อ่าน 1148 ครั้ง)

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Psycho (บทเดียวจบ)
« เมื่อ07-01-2020 23:05:50 »

โค๊ด: [เลือก]
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



[color=red]1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Psycho (บทเดียวจบ)
«ตอบ #1 เมื่อ07-01-2020 23:09:36 »

(OS) Psycho
“ผมควรจะทำยังไงกับคุณยังไงดี?”


   “ย—อย่า ขอร้องล่ะ!” ภายในห้องน้ำร้างของมหา’ลัยชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ ผมกำลังร้องขอเขาเสียงสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา เพราะหวาดกลัวคนตรงหน้าเหลือเกิน
   “โธ่….เพ่ย อย่าขอร้องอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้ไหม” เขาตอบกลับมา พลางกลั้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ราวกับคำร้องขอจากผม มันเป็นเรื่องน่าขัน
   “บางที…เราอาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็ได้นะ” ผมว่าต่อ หวังจะประวิงเวลารออะไรบางอย่าง แต่ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น เขากลับขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดร่างของสองเราก็แนบชิดติดกันและตัวผมก็ไม่สามารถหลีกหนีเขาได้อีกต่อไป
   “แล้วอะไรล่ะ? ไหนลองเสนอมาซิ….วิธีของนายน่ะ” เขาว่าต่อราวกับคนใจกว้างที่พร้อมจะรับฟังข้อเสนอจากผม  แต่ทว่าคำพูดที่แสนจะใจดีของเขา มันกลับสวนทางกับการกระทำของเจ้าตัว
   ดวงตาคมวาววับ มองผมราวกับเหยื่ออันโอชะและเขาก็ดูชอบใจที่ได้เห็นผมหวาดกลัว ซึ่งหลังจากที่พูดจบประโยค เขาก็เริ่มจูบพรมตามข้างแก้มและใบหู สัมผัสร่างกายของผม ทั้ง ๆ ที่ผมยังตัวสั่นเทาอยู่
   “โจโฉ…อย่า” ผมพูดเสียงแผ่วและยังคงเอ่ยห้ามเขาเหมือนเดิม นอกจากนี้ผมยังพยายามใช้มือยันตัวเขาไว้ เพื่อไม่ให้โจโฉขยับตัวเข้ามาใกล้กว่านี้อีกด้วย
   “งั้นก็พูดมาสิทีซี่ วิธีของนายน่ะ!” คราวนี้โจโฉขึ้นเสียงใส่ผมเล็กน้อย ราวกับหงุดหงิดเต็มทน
   “เงินไหม? นายอยากได้หรือเปล่า” ผมยื่นเสนอให้แก่เขา ก่อนจะละล่ำละลักอธิบายต่อ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชะงักไป “พ่อของฉันเป็นนักการเมือง เขารวยมากเลยนะ น—นายอยากได้เท่าไรก็สามารถโทรบอกเขาได้เลย แค่โทรไปบอกจำนวนเงินกับเขาแล้วปล่อยตัวฉันไป….”
   “ปล่อยตัวนายไปงั้นเหรอ!?” เขาทวนคำเสียงสูง ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างกับเพิ่งฟังเรื่องตลกจากผมเสร็จ
   “ไม่เอาหรอก เพราะฉันเองก็รวยเหมือนกัน แล้วอีกอย่าง…..” โจโฉเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพ่นลมร้อนใส่หน้าผมราวกับจะหยอกเย้า แล้วว่าต่อ “ฉันรักร่างกายนายมากกว่าเงินเสียอีก”
   “เหรอ….” ผมว่าเสียงแผ่ว
   “…..”
   “แต่ฝันไปเถอะ!”
    ไวเท่าความคิด! ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคดี ผมก็รีบยกเท้าขึ้นถีบยอดอกเขาอย่างเต็มแรง จนทำให้โจโฉถึงกับเสียหลักล้มลง ซึ่งทันทีที่เห็นเช่นนั้น ผมก็รีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เพียงเพราะหวังว่าตัวเองจะได้ออกจากที่นี่เร็ว ๆ
   ผมวิ่งตรงไปยังประตูห้องน้ำที่กลอนประตูขึ้นสนิมผุพังจนแทบไม่น่าสัมผัส พยายามจะเปิดมันออกอย่างสุดความสามารถ แต่เพราะกลอนประตูมันเก่าเกินไป มันจึงติดขัดจนน่าโมโห
   “โธ่เว้ย!” ผมสบถอย่างหัวเสีย แทบจะพังกลอนประตูอยู่รอมร่อ
   “จะไปไหน!” ทันใดนั้นเอง เสียงของโจโฉก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยลมหายใจร้อนกรุ่นของเขาก็รดรินหลังคอผม 
   และในวินาทีเดียวกัน ผมก็เพิ่งรู้ว่าพระเจ้าไม่เคยรักผมเลย
   “เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ แต่แรงเยอะใช่ย่อยเลยนะ ….สงสัยฉันประเมินนายต่ำเกินไป” เขาว่า พร้อมใช้มือข้างหนึ่งดึงมือผมให้ปล่อยจากกลอนประตู โดยมืออีกข้างก็กอดเอวผมไว้แน่น คงเพราะกลัวว่าผมจะสำแดงฤทธิ์เดชอีกรอบ
   “โจโฉ….ขอร้องล่ะ อย่าทำร้ายกันเลย” ผมเอ่ยทั้งน้ำตา ตัวสั่นงกเงิ่น เพราะรู้ดีว่าตัวเองคงไม่รอดพ้นจากเงื้อมือเขาเป็นแน่
   “ทำไมล่ะ มีอะไรกับฉันมันไม่ดีหรือไง” เขาถามกลับ พลางจูบเข้าที่หลังคอผมเบา ๆ
   “…..”
   “อันที่จริง….นายควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ฉันอยากมีอะไรกับนายอีก”
   “แต่ฉันไม่อยากมี!” ผมตะโกนเสียงดัง พยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดเขาอีกครั้ง
   “คิดดีแล้วเหรอที่พูดแบบนี้” คราวนี้โจโฉถามกลับเสียงเข้ม
   “…..”
   “นายกำลังพูดมัน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังหมดทางสู้เนี่ยนะ” เขาว่า พร้อมออกแรงกอดผมให้แน่นยิ่งกว่าเคย ซึ่งคำพูดของโจโฉ ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าตัวเองกำลังเป็นคนโง่ ต่อต้านเขาทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าโอกาสที่เขาจะปล่อยมันมีน้อยเพียงใด
   “ง—งั้นอย่าทำอะไรรุนแรงเลยนะ ฉันยอมแล้ว” เพราะรู้ตัวว่าตัวเองคงหนีไปไหนไม่พ้นแล้ว สุดท้ายผมก็พูดกับเขาทั้งน้ำตา ก่อนจะหันหน้ากลับไปหา เพียงเพราะหวังว่าโจโฉจะอ่อนโยนและเมตตาผมสักนิด
   สักเล็กน้อยก็ยังดี…






   “มีเซ็กส์กับใคร ก็ไม่ดีเท่ากับเพ่ยสักคน” หลังเซ็กส์และบทบาทระหว่างเราได้สิ้นสุดลง โจโฉก็เอ่ยชมผมเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้
   ใช่แล้ว….เมื่อครู่นี้เราเพิ่งจะสวมบทบาทตัวละครหนึ่งไป
   ผมรับบทเป็นเหยื่อ….ส่วนเขาก็เป็นผู้กระทำ





   
   ความสัมพันธ์แบบไม่มีชื่อเรียกระหว่างผมและโจโฉชายหนุ่มสุดฮอตประจำคณะ ได้เกิดขึ้นอย่างทุลักทุเลในค่ำคืนที่เราต่างไปร่วมฉลองวันเกิดของเพื่อนในสาขา
   มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น ผมจำได้แค่ว่าผมกำลังเครียดเรื่องเรียนแล้วไหนจะปัญหาหลาย ๆ อย่าง ที่เข้าจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวนั่นอีก พอมีโอกาสได้ปลดปล่อย นั่นจึงทำให้ผมเลือกที่จะดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากกว่าปกติ
   ผมและโจโฉ…เราบังเอิญเจอกันในงานเลี้ยง อันที่จริงก่อนหน้านั้นเราเองก็ต่างรู้จักกันแบบผิวเผินอยู่แล้ว เนื่องจากกลุ่มเพื่อนของเรารู้จักกันไปมาเป็นสายระโยงระยางไปหมด ซึ่งนั่นก็ทำให้เราพลอยได้รู้จักกันไปด้วย
   ตอนที่ผมได้บังเอิญเจอกับโจโฉ ณ ตอนนั้นผมก็กลายเป็นคนเมาไปเสียแล้ว ซึ่งในจังหวะที่เรากำลังจะเดินสวนกันนั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ผมก็สูญเสียการทรงตัวแล้วเซล้มไปทางเขา เดือดร้อนจนทำให้อีกฝ่ายต้องรีบปราดเข้ามารับร่างผมไว้
   ผมจำได้แค่ว่าโจโฉกอดผมไว้แน่น ก่อนที่เขาจะกระซิบอะไรบางอย่างได้ใจความว่าเขากลัวผมร่วงลงพื้น จึงต้องคอยประคองผมไว้อย่างนั้น
   ต่อจากนั้น โจโฉก็พยุงผมไปนั่งพักหายใจหายคอ เราได้มีโอกาสพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาก็ชวนผมออกไปด้านนอกอาคารเพื่อสูบบุหรี่ต่อ แล้วผมก็ไม่ปฏิเสธคำชวนจากเขา
   เราจูบกัน…หลังต่างฝ่ายต่างสูบบุหรี่กันคนละมวนเสร็จ แน่นอน…มันไม่จบลงแค่จูบเดียว เพราะหลังจากนั้นเราก็ไปมีเซ็กส์กันต่อในห้องน้ำชาย ด้วยความปรารถนาของเราทั้งคู่ เราเริ่มต้นที่นั่นแล้วไปต่อที่รถของเขา ก่อนรอบสุดท้ายจะจบลงที่ห้องของผม
   ซึ่งในคืนนั้นเอง ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ถูกเปลี่ยนตลอดกาล จากคนที่รู้จักกันผ่านกลุ่มเพื่อน ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าเพื่อนร่วมคณะ ก็กลายเป็นคนสนิทและรู้จักกันแบบก้าวกระโดด
   และเพราะเซ็กส์ระหว่างเรามันดีมาก ผมและเขาต่างชอบอะไรเหมือน ๆ กัน มีรสนิยมเดียวกัน มันจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะปล่อยมือกันไปง่าย ๆ
   ผมชื่นชอบการเล่นบทผู้ถูกกระทำ ในขณะที่เขาเองก็โปรดปรานกับบทบาทผู้กระทำเช่นกัน
   กว่าจะหาคนที่มีรสนิยมเดียวกันเจอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของเราถูกสานต่อกันมาเรื่อย ๆ เรามักจะไปเล่นสนุกกันตามสถานที่ต่าง ๆ สวมบทบาทในแบบที่เราอยากเป็น ไปมีความสุขกันที่ห้องของเขา ห้องของผม บนรถหรือในห้องน้ำร้างของมหา’ลัยที่ขึ้นชื่อเรื่องผี เรามีสถานที่ประจำ เรามีความสุขกับกิจกรรมของเรา
   ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นมานานแค่ไหน แต่สำหรับผม…ผมรู้สึกว่ามันนานมาก เนื่องจากมันเริ่มต้นตั้งแต่ที่ผมเรียนอยู่ปีสองยันผมใกล้จะจบปีสี่เต็มที ซึ่งในตอนนี้ผมก็คุ้นเคยกับร่างกายโจโฉดีพอ ๆ กับการรู้จักตัวเองไปเสียแล้ว
   เรารู้จักกันอย่างลึกซึ้ง รู้แม้กระทั่งความต้องการในส่วนลึกของกันและกัน แม้ว่าในสายตาของคนอื่น รวมไปถึงเพื่อนสนิทของเราจะยังมองว่าเราก็แค่รู้จักกันอย่างผิวเผินก็เถอะ
   ใช่….ความสัมพันธ์ระหว่างเรา นอกจากไม่มีชื่อเรียกแล้ว มันยังเป็นความลับอีกด้วย




   “เด็กคณะบัญชีมากินข้าวที่วิศวฯ ทำไมวะ ในเมื่อโรงอาหารคณะเขาใหญ่กว่าของเราอีก”
เสียงของเชอ เพื่อนในกลุ่มผมดังขึ้น เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นหญิงสาวต่างคณะที่ดูเหมือนจะเป็นคนดังของมหา’ลัยกำลังเดินเชิดฉายในโรงอาหารประจำคณะเรา
   ซึ่งการปรากฏตัวของเธอก็กลายเป็นจุดสนใจในทันที บางคนก็รู้จักเธอ บางคนก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนอย่างเพื่อนของผม แต่ผมจะไม่ให้ความสนใจเธอเลย หากผู้หญิงคนนั้นไม่นั่งลงข้างโจโฉ
   “อ๋อ มาหานายโจโฉนี่เอง….งั้นก็แสดงว่าผู้หญิงคนที่เขาลือ ๆ กันนี่ คือคนนี้งั้นเหรอ?” คราวนี้เชอหันไปถามพาย เพื่อนอีกคนในกลุ่ม
   “น่าจะใช่แหละ ผมบลอนด์เหมือนอย่างในคลิปเลยนี่”
   “…..”
   “อีกอย่าง.… มาแสดงความเป็นเจ้าของถึงในคณะ โจโฉไม่ผลักหล่อนออกด้วย ก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก”
   “เดี๋ยวนะ….ข่าวลือที่ว่านี่ข่าวอะไรเหรอ? แล้วคลิปอะไรอะ”
   หลังนั่งฟังเพื่อนในกลุ่มพูดอยู่นานสองนาน ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป เพราะดูจากท่าทีแล้ว พวกเธอคงไม่เท้าความเรื่องคลิปหรือข่าวลืออะไรนั่นให้ผมฟังเป็นแน่
   “อ้าว นึกว่าเพ่ยรู้เรื่องแล้วเสียอีก” คราวนี้พายหันมามองหน้าผมอย่างงุนงง ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ เพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่รู้เรื่องนั้นจริง ๆ นั่นจึงทำให้เธอต้องอธิบายต่อ
   “…..”
   “คือมีคลิปที่โจโฉกินกับสาวผมบลอนด์หลุดออกมาน่ะสิ อันที่จริง…จะเรียกว่าหลุดก็คงไม่ถูกเท่าไร เพราะโจโฉน่าจะตั้งใจถ่ายให้เพื่อนดูมากกว่า” พายเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง พลางคว้านหาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อเปิดมันให้ผมดู โดยที่เธอไม่ลืมที่จะปิดเสียงและหรี่แสงโทรศัพท์ให้มืดที่สุด
   ผมรับโทรศัพท์จากพายด้วยอาการมือสั่นเทา ก่อนที่ภาพของชายหญิงที่กำลังขยับตัวด้วยท่วงท่าล่อแหลมจะสะท้อนขึ้นในแววตาผม
   ใช่…ผู้ชายในคลิปคือโจโฉนั่นแหละ ผมรู้จักร่างกายเขาดี
   “จริง ๆ มันก็แชร์กันแค่ในกลุ่มของผู้ชายนะ แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนคลิปถึงได้หลุดออกมาและเพราะในคลิปโจโฉพยายามปิดหน้าหล่อนเอาไว้ ผู้คนเลยยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่”
   “……”
   “ซึ่งดูจากท่าทาง การแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแล้ว …หล่อนที่นั่งอยู่ข้างโจโฉตอนนี้ก็คงเป็นผู้หญิงคนในคลิปนั่นแหละ” เพียงแค่ได้ยินการบอกเล่าจากเพื่อนสนิท ผมก็ถึงกับหูอื้อตาลายกะทันหันและในวินาทีเดียวกันนั้น ผมก็เผลอขบกรามแน่น หลังรู้สึกโกรธโจโฉขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
   ผมโกรธ….ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา
   “แล้ว…ผู้หญิงคนนั้นเขารู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองถูกถ่ายคลิป” นานเกือบนาที กว่าผมจะรวบรวมสติได้แล้วเอ่ยถามกลับไป
   “เพ่ยก็ดูในคลิปสิ มันมีจังหวะที่โจโฉเผลอ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มองกล้องด้วยนะ เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะไม่รู้ แล้วอีกอย่าง….”
   “อีกอย่างอะไร” ผมถามต่อทั้งคิ้วขมวด
   “เขาน่าจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมีการถ่ายคลิป เพราะมันมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง” เพียงแค่ได้ยินคีย์เวิร์ดของพาย ผมก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างทันที
   “แปลว่า…ผู้หญิงคนนั้นเขาเต็มใจถ่ายงั้นเหรอ”
   “ก็คงงั้น มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นี่”
   “แล้วทำไมเขายอมวะ” ผมถามต่ออย่างไม่เข้าใจ
   “เพ่ย คนเราต่างมีเหตุผลของตัวเอง ไม่มีใครบนโลกเข้าใจเหตุผลของทุกคนหรอกนะ”

   สุดท้ายแล้ว ผมก็กลับบ้านมาด้วยอาการใจเหม่อลอย….
   จนกระทั่งตอนนี้ที่เป็นช่วงเย็นของวันแล้ว คำบอกเล่าจากเพื่อนก็ยังคงแล่นวนอยู่ในหัวผมอย่างไม่รู้จักสิ้น ผมเอาแต่คิดว่าจะจัดการยังไงกับโจโฉดี ผมกำลังร้อนรนกับเรื่องของเขา ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ซึ่งความรู้สึกที่ผมกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ มันก็ค่อนข้างจะชัดเจนว่าผมกำลังหึงหวงเขา…
    ผมไม่ได้โง่ ผมไม่ใช่คนที่ไม่ประสีประสากับความรัก ตรงข้ามกัน…ผมกลับรู้จักมันดีและผมก็รู้ตัวด้วยว่าความรู้สึกของผม มันกำลังอยู่ในเขตอันตราย
   ผมต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ ผมรู้แค่นั้น….
   ตลอดทั้งคืน…หลังจากกินอาหารฝีมือแม่ที่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไรเสร็จ ผมก็เอาแต่ขบคิดเรื่องของโจโฉ พยายามคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้ ผมเอาแต่หมกหมุ่นกับเรื่องของเขา จนผมไม่มีสมาธิแม้แต่จะอ่านชีตสรุปของตัวเองด้วยซ้ำ
   และเพราะผมเริ่มไม่สนุกกับมัน  เพราะเริ่มจะเป็นทุกข์กับเรื่องอะไรก็ไม่รู้ นั่นจึงทำให้ผมคิดว่าบางที….เราควรต้องทบทวนเสียแล้วว่าถึงเวลาหรือยังที่เราจะพอกับความสัมพันธ์บ้า ๆ นี้สักที




   เซคเช้าในวันจันทร์ เป็นเซคที่นักศึกษามักจะขาดเรียนบ่อยที่สุด เว้นแต่ผมที่มาเรียนเกือบทุกสัปดาห์ แต่ทว่าในวันนี้ผมกลับมาเรียนสายกว่าทุกครั้งและที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะความจงใจของผมล้วน ๆ
   หากผมไม่เดาใจโจโฉผิดไปนะ…
   ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โจโฉกระหน่ำส่งข้อความและโทรหาผมเกือบทุกชั่วโมง หลังผมไม่มีการรับสายหรือตอบกลับข้อความจากเขาสักประโยคเดียว
   หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าผมควรจะทำอะไรสักอย่าง ในที่สุดผมก็ตัดสินใจทดลองใช้ชีวิตโดยปราศจากสมาร์ทโฟน ผมใช้ช่วงเวลาในวันหยุดไปกับการอ่านหนังสือ ดูหนังและอ่านวรรณกรรมเรื่องโปรด โดยที่ผมพยายามให้ความสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองให้น้อยที่สุด
   สาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจทำเช่นนั้น ก็เพราะว่าผมอยากรู้ปฏิกิริยาจากเขาและความรู้สึกของตัวเองว่ามันจะเป็นอย่างไร หากเรากลับไปใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีกันและกันอีกครั้ง
   ซึ่งการทดลองของผม ก็ทำให้ผมได้รับคำตอบอย่างที่ต้องการแล้ว
   “ขออนุญาตครับ อาจารย์”
   ตัดกลับมาในโลกปัจจุบัน…หลังผมเปิดประตูเข้าไปในห้องบรรยายที่มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งนั่งเรียนอยู่ก่อนแล้ว ผมก็เอ่ยขออนุญาตอาจารย์ตามมารยาท แล้วสายตาของผมก็ได้สบประสานกับคนที่รู้จักกันดี….
   ทุกอย่างเป็นไปตามคาด วิชาแรกของวันจันทร์ที่โจโฉมักจะเข้าเรียนไม่ทัน เนื่องจากคนตัวสูงชอบใช้ช่วงวันหยุดไปกับการปาร์ตี้แล้วเกิดอาการเมาค้าง กลับมีเขานั่งอยู่หน้าสุดในวันนี้ ซึ่งที่ว่างข้างเขา…ก็มักจะเป็นที่ประจำของผมเสมอ
   อีกฝ่ายคงคาดหวังว่าเราจะได้นั่งข้างกัน แล้วเขาจะได้ถามว่าผมเป็นบ้าอะไร
   แต่เขาคิดผิด….
   เพราะในเมื่อเขานั่งหน้าสุด เพื่อที่จะได้คุยกับผม ผมก็จะนั่งหลังสุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอกับเขาเช่นนั้น ซึ่งเพียงแค่ผมตัดสินใจเช่นนั้น คิ้วเข้มของโจโฉก็ขมวดเป็นปมทันที ส่วนผมที่ทิ้งตัวลงหลังห้องก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา…อย่างชอบใจ
 
   หลังอาจารย์ประกาศว่าจบการบรรยายของวันนี้แล้ว โจโฉที่นั่งคิ้วขมวดมาตั้งแต่ต้นชั่วโมงก็ไม่ปล่อยให้เวลานั้นผ่านไปโดยสูญเปล่า เพราะทันทีที่อาจารย์ประกาศเช่นนั้น เขาก็รีบลุกขึ้น เดินจากหน้าห้องตรงมายังด้านหลังของห้องบรรยายทันที เพื่อที่เขาจะได้มาหยุดตรงหน้าผม
   “เพ่ยขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” เขาว่าเสียงเข้ม แสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังไม่สบอารมณ์เพียงใด
   “นายมี …แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย” ผมตอบเขาเสียงนิ่ง พลางก้มเก็บปากกาและสมุดของตัวเองลงกระเป๋าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
   “อย่ามาเล่นลิ้น นายเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันความอดทนต่ำแค่ไหน”
   “…อ๋อ เหรอ”
   คราวนี้โจโฉไม่พูดย้ำเป็นครั้งที่สอง เพราะเมื่อผมพูดออกไปเช่นนั้น อีกฝ่ายก็เลือกที่จะคว้าแขนผมขึ้นทันที หลังจับแขนผมได้ เขาก็ลากแขนผมออกจากห้องไปทันที ไม่ให้ผมได้มีโอกาสแม้แต่จะคว้ากระเป๋าของตัวเองเสียด้วยซ้ำ
   โจโฉดึงแขนผมอย่างแรง เขาบีบมันด้วยขณะที่กำลังลากผมให้เดินตามเขาไป โจโฉพาผมเดินลัดเลาะไปตามตัวตึกต่าง ๆ เขาพาเดินฝ่าผู้คนอย่างไร้มารยาท ขายาว ๆ ของเขาก้าวอย่างรวดเร็ว ซึ่งในขณะที่เขากำลังเดิน ผมกลับต้องวิ่งตามเขา…เพื่อไปยังห้องน้ำร้างที่ขึ้นเรื่องลี้ลับของเรา
   “โฉ…หยุด!” ผมออกปากห้ามเขาทันที หลังเราทั้งคู่ต่างเข้ามาด้านในแล้ว โจโฉผลักผมให้ชิดติดกับอ่างล้างมือ ซึ่งในเวลานี้เขากำลังโกรธผมเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากสันกรามที่ถูกขบจนนูนเด่นและการปล้ำจูบที่ไม่พูดจาของเขา
   “อยู่นิ่ง ๆ สักทีได้ไหม!” เขาว่าเสียงหงุดหงิด
   “โจโฉ หยุด!!”
   “เป็นบ้าอะไรขึ้นมา!” โจโฉตะโกนใส่หน้าผมอย่างเหลืออด หลังเขาถูกผมผลักอกอย่างเต็มแรง จนทำให้เขาถึงกับเซถอยหลังไปสองสามก้าว
   “นายนั่นแหละเป็นบ้าอะไรขึ้นมา!” ผมตะโกนกลับอย่างไม่เกรงกลัว พลางเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย เมื่อเขาทำท่าจะเข้ามาใกล้ผมอีกหน “อย่ามายุ่ง”
   “เพ่ย…”
   “อย่ามาจับ” ผมไม่ว่าเปล่า แต่ยังปัดมือที่กำลังยื่นมาใกล้ออกอย่างไม่ใยดีอีกด้วย ซึ่งการกระทำของผมก็ทำให้โจโฉถึงกับชะงักไป
   “ถ้าไม่ให้เราจับ เพ่ยก็บอกเรามาสักทีสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ยอมตอบข้อความ ทำไมถึงต้องหลบหน้า ทำไมถึงต้องเมินเราด้วย?” เขาว่าเสียงอ่อน พร้อมกับสรรพนามแทนตัวเองและตัวผมที่เปลี่ยนไป
   “…..”
   “ขอร้องล่ะ…. พูดอะไรสักอย่างได้ไหม จะลงแดงตายอยู่แล้ว”
   “งั้นเหรอ” ผมเอ่ยเสียงสูง พลางกลั้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับสมเพชเขาเกินทน
   อันที่จริง…ผมอยากจะหายโมโหแล้วกระโจนเข้าหาเขาเหมือนกัน แต่ทว่าเพียงแค่นึกภาพตอนที่เขากับยัยผมบลอนด์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกัน ผมก็นึกโมโหขึ้นมาอีกแล้ว ผมรับไม่ได้ที่เขาไปมีอะไรกับหล่อนและจะไม่มีทางรับได้เด็ดขาด
   เหมือนความโกรธนี้มันไม่มีจุดสิ้นสุด
   “เป็นอะไร ก็บอกมาสิครับคนดี” โจโฉพูดเสียงอ่อน ซึ่งดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัวว่าผมโกรธเรื่องอะไร
   มันก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เขามักจะอ่อนโยนเสมอ เวลาที่ผมไม่สบอารมณ์หรือเรากำลังมีปัญหากัน แต่พอถึงจุดที่ต้องพูดมันไป กลับเป็นผมเสียนี่ที่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะพูดมันออกไปดีหรือเปล่า
   เพราะถ้าผลสุดท้ายความสัมพันธ์ของเราต้องจบลง โจโฉเลือกผู้หญิงคนนั้น คบหาเธออย่างเปิดเผย แล้วผมจะทำยังไง?
   “เรา….หยุดความสัมพันธ์บ้า ๆ นี้ดีไหม” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจบอกโจโฉเสียงนิ่ง ผมสบตากับเขาไร้ซึ่งความลังเล หลังคิดแล้วว่าสิ่งที่ผมเลือก มันคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
   ต่อให้ไม่ถามตอนนี้ เรื่องพวกนี้ก็ต้องเป็นปัญหาของเราในอนาคตอยู่ดี เพราะผมรู้สึกดีกับเขา…มากกว่าคนที่มีรสนิยมเดียวกันไปแล้ว
   “หมายความว่าไง” ซึ่งเพียงแค่ผมพูดเช่นนั้นออกไป โจโฉก็รีบถามกลับทั้งคิ้วขมวดทันที
   “…..”
   “ทำไมต้องจบด้วย ที่ผ่านมา….มันก็ดีไม่ใช่เหรอ” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
   “ใช่ มันเคยดี…. มันเคยดีมาก” ผมว่าเสียงสั่น พลางหลุบตามองพื้น หลังจู่ ๆ ความอ่อนไหวก็เล่นงานผมโดยพลัน “แต่ตอนนี้มันกำลังทำร้ายเรา”
   “….”
   “ไม่สิ….มันอาจกำลังทำร้ายแค่ฉันคนเดียวมากกว่า”
   “แล้วทำไมคิดว่ามันกำลังทำร้ายนายล่ะ? ทำไมนายถึงคิดอย่างนั้น” เขาถามต่อเสียงเข้ม
   “ก็เพราะว่าฉันรู้สึกดีกับนายมากกว่าการเป็นคู่ขายังไงล่ะ ฉันหวงนายตอนที่ได้ยินว่านายไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่มีความสุขกับการที่เห็นนายใช้ชีวิตอย่างที่นายเคยทำมาโดยตลอด พอใจหรือยัง?” ผมพรั่งพรูความในใจทั้งน้ำตา ซึ่งคำพูดที่แสนจะยาวเหยียดของผม ก็ทำให้โจโฉถึงกับชะงักไปอีกแล้ว…
   “นี่เพ่ยกำลังสารภาพรักกับโฉเหรอ…โฉเข้าใจถูกมั้ย?”
   “…..”
    “เพ่ยตกหลุมรักโฉ” เขาสรุปเสร็จสรรพ พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาออกมา หลังเห็นว่าผมยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น
   “ไม่” เมื่อตั้งสติได้ผมก็รีบปฏิเสธเขาทันที แต่ทว่าคำปฏิเสธของผมกลับดูเหมือนจะไม่เป็นผลเสียแล้ว เมื่อโจโฉปักใจเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว
   “…งั้นเหรอ” โจโฉทวนคำเสียงสูง เขาพูด…คล้ายจะเลียนแบบผมเมื่อก่อนหน้านี้
   “ถ้าไม่ใช่การสารภาพรัก แล้วมันคืออะไรล่ะ?” เขาถามต่อ พลางเอียงคอเล็กน้อย ขณะที่กำลังจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม
   “….”
   “ถ้าเพ่ยไม่อยากให้โฉไปมีอะไรกับคนอื่น มีแค่กับเพ่ยคนเดียว เราต้องเป็นมากกว่านี้แล้วนะ…ถึงจะมีสิทธิ์” โจโฉว่าต่อ
   “ไม่หรอก…มันมีวิธีที่ดีกว่านี้” ผมตอบกลับไป หลังความคิดระหว่างเขากับผมไม่ตรงกัน ซึ่งคำพูดของผมก็ได้ทำให้โจโฉต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง
   “โอเค ฉันรู้สึกดีกับนายมากกว่าคู่ขา…มากกว่าคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน ฉันอารมณ์ไม่ดีตอนที่รู้ว่านายไปมีอะไรกับคนอื่น” ผมทวนคำที่เคยสารภาพกับเขาไปเมื่อครู่อีกครั้ง ก่อนจะว่าต่อ “ถึงฉันจะไม่ชอบ แต่ก็จะไม่ห้ามหรอกนะ”
   “…..”
   “นายจะไปมีอะไรกับใครก็ได้ ตราบใดที่นายต้องการ เพราะร่างกายมันคือของนาย” ผมบอกเขาเสียงใจดี ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยโทนเสียงที่ต่างออกไป “แต่ทันทีที่นายไปมีอะไรกับคนอื่น เราจะจบกันแค่เท่านี้…มันก็เท่านั้นเอง”
   “…จบกันแค่เท่านี้” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โจโฉก็ทวนคำพูดของผม คล้ายจะขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะว่าต่อ “แล้วนายยอมรับได้เหรอ ถ้ามันต้องจบลงจริง ๆ”
   “ฉันว่าเรื่องนี้ฉันคงต้องเป็นคนถามนายแล้วแหละ ว่าจะยอมรับได้เหรอว่ามันต้องจบลงจริง ๆ” ผมตอบกลับทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นไปไล้แก้มเขาเบา ๆ อย่างหยอกเย้า “ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา…นายเองก็น่าจะเห็นแล้วนี่ว่าใครกันแน่ที่ทนไม่ไหวก่อนกัน”
   “…..”
   “ต่อจากนี้จะทำอะไรก็คิดดี ๆ แล้วกันนะโจโฉ เพราะหลังจากที่นายตัดสินใจกระทำอะไรบางอย่างแล้ว ฉันจะถือว่านายคิดทุกอย่างดีแล้ว” ผมเอ่ยทุกอย่างด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางไปด้วย หลังมันถึงเวลาแล้วที่ผมจะออกจากห้องน้ำนี่เสียที
   “แล้วอีกอย่าง….” จังหวะที่จะเดินออกจากห้องน้ำไป เท้าของผมก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อผมเพิ่งนึกได้ว่าอยากบอกอะไรบางอย่างกับเขา
   “ฉันชอบเล่นบทผู้ถูกกระทำก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยินดีได้กับการถูกข่มขืนจริง ๆ หรอกนะ หากนายใคร่ครวญสักนิด….จะรู้ว่าสิ่งที่นายจะทำกับฉันเมื่อกี้ มันไม่ควร ขอบคุณครับ” เมื่อพูดสิ่งที่ต้องการจะสื่อจบแล้ว ผมก็เดินออกจากห้องน้ำไปทันที โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเขาเสียด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
Re: Psycho (บทเดียวจบ)
«ตอบ #2 เมื่อ08-10-2020 16:27:31 »

โอ้้ววเพ่ยคนจริง ใจแข็งเด็ดเดี่ยวมาก ชอบคนแบบเพ่ยอ่ะ ทำผิดไปคือไม่ของ้อ ไม่ขอรั้งรอ คือไปเลย โจโฉแล้วแต่นายแล้วนะ เอาที่สบายใจ คึคึ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด