ยินดีที่ได้พบเธอ
by Haelee.gon
03.33 น.
Ham dada นอน
tao sato พ่อกูหรอไง
Ham dada เออ
tao sato olo
ก๊อก ก๊อก
ผมเดินไปเปิดประตูก็เจอไอ้คนที่คุยกันในแชทเมื่อกี้ มองไปยังหมอนที่อยู่ในมือของมัน แบบนี้มันคงมานอนห้องผมแหงๆ
“ห้องก็มี ทำไมไม่นอนว้า” ผมพูดก่อนจะปล่อยให้ไอ้คนหน้าห้องได้เดินเข้าในห้อง มันเดินเข้าไปในห้องนอนของผมโดยไม่พูดไม่จา สงสัยจะง่วงนอน เพราะเวลามันง่วงนอนจะเงียบไม่ค่อยพูด
“ห้องแอร์ไม่เย็น” เดี๋ยวนะ กูเพิ่งไปมาตอนเย็นก็ปกติดี แต่ช่างมันเถอะ มันคงจะเหงา อาจจะคิดถึงบ้าน ผมจะพยายามเข้าใจไอ้ติสต์นี้ก็แล้วกัน
“เออๆ นอนๆ”
ผมเดินไปปิดไฟแล้วเดินไปนอนข้างๆมันที่นอนหลับตาเรียบร้อย ผมมองดูใบหน้าของมันที่เต็มไปด้วยหนวด ก็ผู้ชายเรียนทางศิลป์อะเนอะ ผมก็ยาวถึงคอ …
“ฝันดี”
จู่ๆมันก็พูดออกมาก่อนจะลืมตาสบตากับผมที่มองอยู่ก่อนแล้ว ผมสะดุ้งตกใจก่อนหลับๆตาแล้วพยักหน้าๆ
“อือๆ”
“เต๋า นั่นแฮมนี่”
ผมมองตามมือของเพื่อนที่ชี้ไปที่แฮม มันกำลังเดินไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ผมไม่เคยเห็นมันไปกับผู้หญิงเลยตั้งแต่รู้จักกันมา
“มันมีแฟนหรอว่ะ?”
เพื่อนของผมยังทำหน้าที่เผือกต่อไป ผมส่ายหัวไปมา ไม่รู้จักจริงๆนี่หว่า เลยตั้งใจกินโกโก้เย็นในมือต่อ งานที่อาจารย์ให้ทำมันสำคัญกว่าเรื่องไอ้แฮมเป็นไหนๆ รีบทำต่อให้เสร็จดีกว่า
02:13
ก๊อก ก๊อก
“หิว”
หลังจากที่ผมเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงแหบๆของคนตรงหน้า
“มีมาม่าในห้อง กินมั้ย”
มันพยักหน้าแล้วเดินเข้ามา ผมเดินไปเสียบปลั๊กน้ำร้อน แล้วเดินมานั่งทำงานต่อ ส่วนแฮมก็เดินไปหยิบมาม่าที่วางบนชั้นวางหนังสือ ห้องของชายโสดอย่างผมเลยวางของรวมกันไปทุกที่ ผิดกับห้องของไอ้แฮม ห้องมันสะอาดมากแตกต่างจากบุคลิกอันโสโครกของมันมาก
“ได้โปรเจ็กต์ใหม่ละหรอ”
เสียงของมันที่นั่งลงข้างๆผม มันวางถ้วยมาม่าไว้ตามด้วยแก้วนม ผมเพิ่งสังเกตว่ามันถือนมมาด้วย มันเลื่อนนมมาทางผม เอามาให้ผมนั่นแหละเพราะมันว่าผมเตี้ย เลยชอบเอานมมาให้กินตลอด
“อือ มึงยังไม่ได้หรอ”
ผมยื่นมือไปเอาแก้วนมมาดื่ม นมกล้วยรสโปรดรองจากนมจืด
“ยัง โปรเจ็กต์ย่อยเพิ่งเสร็จ”
ผมร้องอ๋ออกมา ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมามันเงียบหายไป มันไม่ได้ทักมา ผมก็ไม่ได้ทักไปเพราะยุ่งๆ นิดหน่อยเรื่องช่วยงานพี่รหัส แถมยังชอบลากผมไปร้านเหล้าด้วยบ่อยๆ ไอ้ผมมันก็คนไม่ชอบขัดศรัทธารุ่นพี่ เลยเมากลับห้องแทบทุกวัน แต่มันก็รู้ตลอดว่าผมไปร้านเหล้า
“ดีหว่ะ งี้มึงก็ว่างไปสักอาทิตย์นึง”
มันพยักแล้วตั้งใจกินมาม่าต่อ มันเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ผมก็ไม่ได้อึดอัดเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“กูเห็นมึงเดินกับสาวเมื่อกลางวัน ใครว่ะ?”
มันเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยมาม่า ใช้ตะเกียบคีบเส้นมาม่าเข้าปาก ค่อยๆเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย มันชอบรสหมูสับ ผมไม่ชอบแต่ก็ซื้อมาเผื่อมันเพราะมันชอบมาเคาะห้องตอนดึกๆ
“เพื่อนสมัยมอปลาย”
“อ๋อ เพื่อนกูตกใจกันใหญ่ นึกว่ามึงมีแฟน ฮ่า”
“เหรอ นึกว่ามึงซะอีกที่ตกใจ” ผมมองหน้ามัน หน้านิ่ง ๆ ของมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ
“ตกใจทำไม ก็รู้อยู่ว่าใครคือแฟนมึง”
“เมื่อวานกูเจอไอ้แฮมไปกับหญิงอีกแล้ว” อยู่ๆ เพื่อนหนึ่งที่นั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมา มือที่กำลังคีบเส้นบะหมี่เข้าปากชะงักทันที
“เหยด เห็นนิ่ง ๆ คนเดียวกับวันนั้นป่ะ” เพื่อนสองร้องถามไอ้เพื่อนหนึ่งทั้งที่ข้าวเต็มปาก ผมตบหัวบ่นให้มันกินดี ๆ หน่อย โตแล้ว ไม่ใช่เด็กประถม
“ไม่ใช่ สวยกว่าคนนั้นอีก”ไอ้เพื่อนหนึ่งยกนิ้วโป้งทั้งสองข้าง สงสัยจะเด็ดจริง
“โหย ไอ้แฮมมันทำบุญด้วยไรว้า ไม่เห็นมันสนใจใคร แต่มีสาวเข้าหาตลอด ใช่มั้ยเต๋า” ไอ้เพื่อนสองหันมาถามผมที่นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ
“เออ ๆ กูก็ว่างั้น”
หลังจากได้คำตอบจากผมแล้วพวกมันสองตัวก็คุยกันเรื่องอื่น ซึ่งไม่เข้าหัวของผมเลย เรื่องที่คิดอยู่ในหัวคงไม่พ้นเรื่องของคนที่เพิ่งถูกเอ่ยถึงไปเมื่อกี้ แฮมมันเป็นเพื่อนกับผมตอนอยู่ปีหนึ่ง ผมสนิทกับมันเพราะทำกิจกรรมด้วยกันทั้งที่อยู่คนละสาขา มันเป็นคนหน้านิ่งแต่จะกวนตีนกับคนที่สนิท มันเลยทำให้ผมสนุกเวลาอยู่กับมัน แฮมมันเป็นคนหน้าตาดี ผิวที่ขาวจัด รูปร่างสูงโปร่ง ทำอะไรก็ดูดีไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้คนไม่ค่อยกล้าเข้าหามันคือมันยิ้มยาก พูดน้อย คนไม่รู้จักมันจะเมินทันที เลยทำให้บางคนเกลียดมันเพราะคิดว่ามันหยิ่ง แต่มันก็บอกว่ากูคัดคนที่เข้ามาในชีวิต ยอมให้เข้ามาแค่คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ วันนั้นผมก็รู้สึกดีไปทั้งวัน
สาว ๆ ที่เพื่อนผมเห็นมันคงอยากให้เข้ามาในชีวิตสินะ
“แปลกชิบหาย มึงชวนพวกกูมากินเหล้า” ไอ้เพื่อนหนึ่งยกแก้วเหล้าที่ชงเสร็จมาให้ผม
“มีอะไรหรือเปล่าว่ะเต๋า”ไอ้เพื่อนสองที่นั่งข้างผมหันมาถามทั้งที่มือกำลังจกกับแกล้มอย่างเมามัน ไอ้นี่เรื่องกินต้องยกให้มัน
“ฉลองโปรเจ็กต์เสร็จไง คลายเครียด” ผมยกแก้วขึ้นกินหมดแก้ว เพื่อนทั้งสองคนทำหน้าตกใจ
“ค่อยกินมึง ยิ่งคออ่อน กูขี้เกียจแบกกลับห้อง”
“แต่กูว่าปล่อยมันเถอะ นานๆที”เพื่อนสองพูด มึงเข้าใจกูดีจริง ๆ
หลังจากนั้นพวกเราก็กินกันไปเรื่อย ๆ วงดนตรีสดก็เล่นแต่เพลงอกหัก ทำให้ความรู้สึกของผมมันดำดิ่งลงไปอีก
“พี่แทน หวัดดีพี่”เสียงของไอ้เพื่อนหนึ่งทำให้ผมหันไปมองก็เห็นพี่รหัสของไอ้เพื่อนหนึ่ง ผมยกมือไหว้พี่รหัสของเพื่อน พี่แทนตอบรับมาโชว์ยิ้มกว้างที่เป็นเอกลักษณ์
“เมาแล้วหรอเต๋าตาเยิ้มเชียว” พี่แทนนั่งลงข้างผมที่แต่ก่อนเป็นที่นั่งของไอ้เพื่อนสอง ที่ตอนนี้ไปนั่งข้างไอ้เพื่อนหนึ่งตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“ยังพี่555555”คนเมาที่ไหนมนจะยอมรับว่าเมาว่ะ ผมรู้ว่าผมเมาเพราะถ้าผมเมาแล้วจะหัวเราะ ใบไม้หล่นยังหัวเราะเลย มีคนบอกผมว่าผมมันบ้า แต่ชอบเวลาผมเมาดูเข้าถึงง่ายดี
“หัวเราะแบบนี้มึงเมาชัวร์” พี่แทนพูดติดตลก ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนของผม แล้วหันมาพูดกับผมบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนี้ผมง่วงมาก คงเป็นผลจากการที่อดนอนมาหลายวันทำให้ง่วงนอนเร็ว ผสมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่ดื่มไปด้วย ผมขยี้ตาไปมา รู้สึกอยากเปิดวาร์ปทันที
“ง่วงหรอ” เสียงพี่แทนที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ผมลืมตาขึ้น ใกล้เกินไปแล้ว หน้าขาวๆของไอ้พี่แทนแทบจะชนหน้าผมอยู่แล้ว ผมเลยเขยิบออกมานิดนึง
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนนะพี่เลยง่วงเร็ว”พี่แทนขยับกลับไปที่เดิม ผมหันไปมองฝั่งตรงข้ามที่ตอนนี้ว่างเปล่า
“ไอ้สองตัวนั้นหายไปไหนอ่ะพี่?”
“ไอ้หนึ่งไปสูบบุหรี่ ส่วนไอ้สองไปเข้าห้องน้ำ”
“อ่อ”
“เต๋า มึงยังไม่มีแฟนหรอ?” มือที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มชะงักทันที ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมยกมือเกาหัวด้วยความประหม่า ทำไมอยู่ ๆ พี่แทนถึงถามขึ้น ปกติไม่เคยเห็นถามหนิ
“ยังพี่”
“5555” พี่แทนหัวเราะขึ้น ขำทำไมผมก็ไม่รู้ งงไปดิ พี่แทนยกมือขึ้นมายีผมของผมไปมา ผมรีบปัดทันทีเพราะไม่ชอบใครเล่นหัว เพราะผมมันจะเสียทรง และรู้สึกไม่หล่อเลย
“หัวเราะอะไรพี่”
“กูเห็นมีคนมองมึงนานแล้ว”ไม่พูดเปล่ามือพี่แทนจับหน้าของผมให้หันไปยังโต๊ะด้านหลัง ผมตาโตด้วยความตกใจ กลืนน้ำลายดังเอื้อก แฮม ไอ้แฮมตัวเป็นๆ กำลังนั่งจ้องผมนิ่ง เชี่ยแล้วไง มันมาได้ไง ปกติมันไม่ชอบเข้าร้านเหล้านี่นา เพราะไม่ชอบคนเยอะ
“มันจ้องมานานยังพี่” ผมหันหลับมามองคนข้าง ๆ อีกครั้ง ใบหน้านั้นยังยิ้มเหมือนกวนตีนผมอยู่นัย ๆ พี่มันรู้อะไรมาว่ะ ทำไมดูท่าทางเหนือ ๆ กว่าผมยังไงก็ไม่รู้
“ก็หลังกูเข้ามาไม่นาน” เชี่ยยยยยยย สองชั่วโมงกว่า ผมไม่ได้รู้อะไรเลย ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะเอายังไงกับคนที่นั่งอยู่โต๊ะหลัง ไอ้เพื่อนสองคนก็กลับมาพอดี
“มึงเป็นไรว่ะเต๋า หน้าซีดเชียว” ไอ้เพื่อนสองถามด้วยความงุนงง
“กูไปหาไอ้แฮมก่อนนะ”
“เดี๋ยวดิมึง”
ผมเก็บของแล้วลุกขึ้นทันที ผมหันหลังเดินไปหาคนที่อยู่โต๊ะหลัง หน้ามันที่นิ่งอยู่แล้วยิ่งนิ่งไปใหญ่
“ไงเต๋า” เพื่อนของมันทักผมทันทีที่เดินเข้าไปที่โต๊ะของมัน ผมมองไอ้แฮมที่ตอนนี้ยังนั่งทำหน้านิ่งไม่ทักผมสักคำ
“แฮมกลับ”
“ไม่”
“กลับ”
“ไม่”
“เดี๋ยวพวกมึงใจเย็น”เพื่อนของแฮมร้องห้ามพวกผมที่เถียงกันไปมา “คนมองกันใหญ่แล้ว” ผมหันไปมองคนรอบข้างที่มองมาด้วยความสนใจ ผมเลยเดินไปนั่งข้างที่ว่างข้างแฮม
“เอ่ามึงกินนี่ก่อน ค่อยๆ คุยกัน” เพื่อนไอ้แฮมยกแก้วที่ชงใหม่ ๆ มาให้ผม ผมกำลังจะปฏิเสธแต่คิดว่าถึงจะพยายามคุยกับมันไปก็ไม่มีผล แดกเหล้าก็ได้เว้ย ผมยกเหล้าครั้งเดียวหมดแล้วยื่นให้เพื่อนแฮมชงให้อีก ค่าเสียหายค่อยคิดวันหลังละกัน
ผมนั่งมาครึ่งชั่วโมงแต่มันก็ไม่ยอมพูดอะไรกับผม นอกจากเพื่อนมันที่ชวนคุยและคนที่มาขอเพื่อนชนแก้ว ผมมองมันด้วยความรู้สึก ไอ้เชี่ย คุยกับกูหน่อย มันยังเมินผม ชนแก้วกับผู้หญิงที่เขามาชนแก้วไม่ซ้ำหน้า ปกติมันเฟรนด์ลี่ที่ไหน เพื่อนในกลุ่มของมันร้องโห่เชียร์ด้วยความคึกคักเมื่อไอ้เสือยิ้มยากมันยอมเข้าสังคมสักที หรืออาจจะเพราะทำให้ผู้หญิงเข้ามาที่โต๊ะมันเพิ่มขึ้นก็ได้ ผู้ชายจะไปคิดอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องนี้
คุณอาจะคิดว่าทำไมผมไม่กลับก่อน ถ้าทำแบบนั้นผมจะได้คุยกับมันอีกคงหลายวันเพราะมันเป็นพวกไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว เนื่องจากแฮลกอฮอล์ที่ผมดื่มเข้าไปมาก ทำให้รู้สึกเมามากแล้ว ผมเลยลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่สนใจมัน หลังจากทำธุระเสร็จ ผมเดินตัวเซไปยืนอยู่หน้ากระจก ใบหน้าที่แดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ตาของผมหวานเยิ้มไปด้วย ผมเปิดน้ำล้างหน้าเรียกสติ ครั้งนี้ผมผิดก็จริงที่ไม่บอกมันว่ามาร้านเหล้า แต่เพราะด้วยความรู้สึกที่มันเครียดเรื่องโปรเจ็กต์มาหลายวัน นอนก็น้อย แล้วยังมาได้ยินเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจเลยทำให้ทำอะไรไปโดยที่ไม่ได้คิดให้ดี ผมเช็ดหน้าด้วยกระดาษทิชชู่แล้วเดินไปหาไอ้เพื่อนหนึ่งสองที่นั่งหน้าเคลิ้ม ๆ เพราะความเมา แต่ไม่เห็นพี่แทนแล้ว
“พวกมึงกลับตอนไหน?”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว มึงจะกลับกับไอ้แฮมใช่มั้ย” ไอ้เพื่อนสองที่ฟุบหน้ากับโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองผม
“คงงั้นแหละ”
“เออ ถามหน่อย พวกมึงเป็นไรกันว่ะ” เจอคำถามนี้เข้าไปทำให้ผมที่รู้สึกเกือบหายเมาทันที
“เพื่อนกันไง”
“ใช่หรอ ไม่เนียน”
“ไม่เนียนเหี้ยอะไร”
“ที่จริงกูอยากพูดเรื่องนี้นานแล้วอ่ะ”สีหน้าของไอ้เพื่อนหนึ่งที่ดูจริงจังกว่าปกติ “มึงจะปิดอะไรนักหนา กูรู้มึงไม่ชอบให้คนรู้เรื่องส่วนตัว แม้แต่พวกกู แต่พวกกูไม่ได้น้อยใจอะไรเพราะคบมึงมาตั้งนานรู้ว่าเป็นคนยังไง แต่กูว่าใครๆ ก็ต้องการความชัดเจน ถึงแม้คนนั้นจะเป็นไม่สนใจโลกอย่างไอ้แฮมก็ตามเถอะ คิดให้ดีนะเว้ยไอ้เตี้ย” มันจะซึ้งอยู่แล้วถ้าไม่มีประโยคสุดท้ายนะสัด ผมตบกระบาลมันไปโทษฐานด่ากู
“เออๆ ขอบใจที่บอก กลับกันไปได้แล้ว เดี๋ยวเมากว่านี้จะกลับไม่ได้”พวกมันไม่ตอบแต่ทำสัญลักษณ์โอเค ๆ พร้อมกับทำมือเหมือนไล่ผม ผมเลยแจกความมันไปหลายอัน ก่อนกลับไอ้เพื่อนสองมันขยับปากไม่มีเสียง ประโยคนี้ทำให้ผมลืมความเมาไปทันที ไอ้เพื่อนเหี้ย
ไปหาผัวมึงไป
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากที่ส่งไอ้เพื่อนสองตัวนั้นกลับเรียบร้อย ตอนนี้ข้างมันมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ สวยไม่เบา เธอกำลังนั่งคุยกับมันแต่มันก็ไม่ค่อยตอบ มันหันมาองผมนิดนึง ก่อนจะหันไปสนใจคนข้างกาย
“เต๋ามานั่งข้างเราก็ได้” เพื่อนของมันเรียกให้ผมไปนั่งด้วยเมื่อเห็นที่นั่งของผมไม่ว่างแล้ว ผมเดินไปนั่งลงอย่างเงียบ ๆ หยิบเอาโทรศัพท์ที่ไม่ได้ดูเลยตั้งแต่เมื่อเช้าขึ้นมาดู ผมเป็นพวกไม่ติดโทรศัพท์เลยไม่ค่อยสนใจโทรศัพท์ เห็นสายไม่ได้รับห้าสาย ห้าสายเป็นของพี่รหัสที่คงเรียกให้ไปช่วยงานหรือไม่ก็ชวนแดกเหล้า สายสุดท้ายเป็นของมัน และยังมีข้อความอีกหนึ่งข้อความ
หิว – H 8.00 pm
ผมเงยหน้าขึ้นมองแฮมเลยปะทะกับมันที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมมองมันด้วยสายตาขอโทษ ทุกสิ่งมันเกิดจากผมเอง มันเชื่อใจผมทุกอย่าง มันไม่เคยเรียกร้องอะไรแม้แต่แต่เรื่องที่ผมบอกให้เก็บเรื่องของเราให้รู้กันแค่สองคน ผมไม่ได้จะทำอะไรให้มันไม่ชัดเจน แต่เพราะนิสัยผมที่ไม่ค่อยชอบเปิดอะไรให้คนนอกรู้ ผมกับมันไม่มีเรื่องนอกใจอยู่แล้ว เพราะเจอกันตลอด และเป็นคนไม่ติดโทรศัพท์เลยไม่รู้สึกว่ามีอะไร อย่างที่ไอ้เพื่อนหนึ่งบอกว่าใครจะไปชอบความไม่ชัดเจน แต่ผมเป็นแบบนี้ ผมกลัวไปหมด กลัวว่าถ้าวันหนึ่งผมเสียมันไปผมไม่อยากให้ใครมาถามแล้วแฮมหล่ะ ผมกลัวการเสียใจเลยเลือกที่จะเห็นแก่ตัวโดยไม่นึกถึงคนที่รักผมเลย
ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหามัน
“ขอโทษนะครับ เต๋าขอโทษที่เป็นคนไม่ดี” ผมรู้ว่าตอนนี้คนในโต๊ะหันมามองผมหมดแล้ว แต่ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ผมกลัวคนตรงหน้าเสียใจมากกว่า
“ขอโทษนะครับแฟน กลับกันเถอะนะ”
“กูว่าแล้วไงไอ้เชี่ย” เสียงเพื่อนของแฮมตบขาเสียงดัง
“พวกมึงคบกันนี่เอง ว่าอยู่ทำไมไอ้เหี้ยนี่ติดหอจัง”
“ชวนไปไหนไม่ไป บอกขี้เกียจไอ้สัด”
เสียงเพื่อนมันพูดต่าง ๆ อีกมากมายไม่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ควรจะเป็น ตอนนี้ใจผมกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งเพราะรอคำตอบจากคนตรงหน้าที่นิ่งยังไงก็นิ่งอย่างนั้น มันลุกขึ้นเต็มความสูง จับมือผมแล้วเดินออกจากโต๊ะมาด้วยกัน โดยไม่พูดอะไรนอกจากยกนิ้วกลางให้เพื่อนให้กลุ่ม ผมหันไปมองใบหน้าของมันที่มุมปากยกขึ้น มันกำลังยิ้ม ผมรู้มันกำลังมีความสุขไม่ต่างไปจากผมหรอก
มันจูงผมมาเรียกแท็กซี่ พวกเรารอโดยไม่พูดอะไรกันตั้งแต่รอแท็กซี่ ความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด มีแต่ความอิ่มเอมใจเต็มไปหมด เราเดินจับมือกันไปยังหอของพวกเรา หอที่มีแต่เราสองคน มันพาผมไปยังห้องของมัน ห้องที่ตกแต่งเป็นสีดำเหมาะสำหรับคนชอบนอนแบบมัน เรานั่งลงที่เตียงของมัน โดยที่ไม่ปล่อยมือกัน
ผมโน้มตัวไปกอดมัน ปกติผมไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้หรอก แต่ครั้งนี้มันพิเศษเหมือนได้ปลดปล่อยทุกอย่าง แม้กระทั่งหัวใจของคนตรงหน้า มันกอดผมตอบ กอดผมทั้งตัว มันโน้มตัวผมลงบนเตียง
“ขอโทษนะ” เสียงอู้อี้ของผมที่ดังอยู่บนอกของมัน มันหอมผมของผมทำให้ใจของเต้นตึกตัก ดังไปแล้วนะโว้ย เหนื่อยยยยย
“คือวันนี้มันโกรธนิดหน่อย เรื่องไร้สาระ เราหงุดหงิดเลยไปร้านเหล้าโดยที่ไม่ได้บอกอ่ะ” ผมใช้คำแทนตัวเองว่าเราเวลาที่ต้องการพูดเรื่องจริงจังกัน ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าของมัน หน้านิ่งแต่ตายิ้มเว้ยยย ตลกชิบหาย
“เรากับพี่แทนไม่มีอะไรนะ”ผมรู้ว่ามันต้องคิดเรื่องนี้อยู่แล้ว เลยรีบบอกทันทีไม่อยากให้ค้างคา มันยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่
“รู้แล้ว พี่แทนเดินมาบอกแล้ว” ผมงงแต่ก็ไม่ได้ถามต่อมันเลยพูด “ส่วนเรื่องผู้หญิงคนอื่นไม่มีอะไรนะ เขาเข้ามาหาเราเองอ่ะ” ที่จริงผมรู้อยู่แล้ว นี่เป็นเหตุผลที่มันไม่ค่อยชอบไปร้านเหล้า เพราะไม่ชอบเวลาคนเข้าหา
“รู้แล้ว”
มันก้มลงมาหอมแก้ม แล้วก้มลงมาจูบปาก ค่อย ๆ ดูดปากของผมไปทีละนิด ความหอมหวานของรสจูบที่แม้เราจะคบกันมาเป็นปีที่สามแต่ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกเบื่อจูบของคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มือใหญ่ที่ลูบหลังทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้มาก มันชอบแกล้งผมเพราะรู้ว่าเป็นคนจั๊กจี้ง่าย ผมหัวเราะได้ไม่เต็มปากเพราะโดนครอบครองด้วยหมาหน้านิ่งที่เหมือนไปกระหายจูบมากไหนไม่รู้ แต่ช่วงนี้เราก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้เพราะงานที่เยอะอยู่แล้วทำให้สนใจเรื่องงานมากกว่า
การลงโทษของมันที่ผมชอบ ผมชอบทุกอย่างที่เป็นมัน ไอ้แฮมหน้านิ่ง
ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง แฮมทำหน้างงแต่ก็หัวเราะตามผม
ผมหยิบเอาโทรศัพท์มาเข้าไปที่แอพสีน้ำเงิน เลือกรูปที่ผมถ่ายมันกำลังวาดรูปสมัยปีหนึ่ง รูปที่มันเผลอและไม่รู้ว่าผมถ่ายมันไว้ พิมพ์แคปชั่นที่มีมาในหัว เป็นเพลงที่เหมาะกับเราสองคน เพลงที่เปิดเผยความสัมพันธ์ที่เก็บมาหลายปี จะได้เปิดเผยออกไปสักที
tao sato ยินดีที่ได้พบเธอ ยินดีที่ได้รักเธอ
[/i]
(8.3.2560)