[เรื่องสั้นแบบต่อเนื่อ] อากาศของนาย4 {แอบรัก,กำลังใจ} UP21/1/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นแบบต่อเนื่อ] อากาศของนาย4 {แอบรัก,กำลังใจ} UP21/1/61  (อ่าน 1647 ครั้ง)

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึ

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


thaiboyslove.com.......................................                                                           


****************************************************************************************

เรื่อย่อ

'แอร์' นักร้องเสียงนุ่มสายละมุนสุดที่รักของสาวทั้งมหา'ลัย มาพร้อมกับรอยยิ้มแสนอบอุ่นที่ชวนให้อ่อนระทวย แต่คนที่อยากให้ระทวยดันไม่สะท้านเสียนี่ เพราะ 'นาย' รูมเมทมาดนิ่งมีแต่เรื่องช้ำๆ จนยากจะเปิดใจ แถมยังแจกบัตรเฟรนโซนให้อย่างเหนียวแน่น ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงไม่ดี แอร์เลยตัดสินใจใช้เสียงนุ่มๆ ของตัวเองค่อยๆ เปิดประตูหัวใจทีละเล็กละน้อย...

ผลงานเรื่องอื่น
Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์ แฟนตาซีแวมไพร์หมาป่า แนวเกมเข้าใจง่าย [จบแล้ว]
มิติมายา ผมกลายเป็นเงือก แฟนตาซีโลกเวทมนต์สลับโลกไฮเทค

ซีรีย์มหาลัย
หนุ่มวายยกกำลังสอง (เฟย์xปอนด์) [แนวโชตะ : จบแล้ว]
เป็นเกย์กันมั้ย? (ซันxโป้) [ฮาร์ดคอ : จบแล้ว]
Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) [ป๋าอิหนู: จบแล้ว]
??? (ริวxธัน) [coming soon]
??? (วาxเล่) [coming soon]


ติดต่อตบตีได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Silver-Fish/1539533922963776
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2018 03:44:19 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ฟังเพลงประกอบเพื่ออรรถรส
อากาศ Yokee Playboy
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อากาศ

   เสียใจตลอด เสียน้ำตาทำไม
   ถ้าคิดว่าไม่มีใครก็ให้บอก


   เสียงร้องเพลงแผ่วเบาดังคลอไปกับบรรยากาศเงียบสงบในตอนกลางคืน สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้าจนเรือนผมพลิ้วไหว ใบหน้าหล่อเหลาเข้ากับหางตาตกที่กำลังทอประกาศอบอุ่น มือข้างหนึ่งถือกระป๋องเบียร์ ส่วนอีกข้างกำลังกอดคอคนข้างกายพลางโยกไปเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก จนอีกฝ่ายเอนหัวซบอยู่บนไหล่ พร้อมความรู้สึกเปียกชื้นบนเสื้อนักศึกษา

   “เลิกร้องเพลงเถอะ หนวกหู” เสียงอู้อี้เอ่ยขัดบทเพลงแต่ไม่มีกระแสความหงุดหงิดอยู่ในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย คนถูกว่าเองก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร กลับหัวเราะเสียงนุ่ม แสงไฟจากระเบียงพอกระทบใบหน้าให้เห็นไฝตรงหางตาซ้าย

   “คงมีแต่นายที่บอกว่าเสียงนักร้องนำประจำมหา’ลัยน่ารำคาญ” นิ้วเรียวสวยอย่างคนเล่นดนตรีขยี้หัวเพื่อที่ย้ายจากไหล่มาซุกอกอย่างหมั่นไส้ ด้วยความที่ตัวพอๆ กันเลยไม่ลำบากอะไรนักเมื่ออยู่ในท่านี้

   “คนกำลังเสียใจ แทนที่จะปลอบกลับมานั่งร้องเพลงอะไรไม่รู้เนี่ยนะ” ยังคงบ่นแต่ไม่คิดเงยหน้าขึ้นมาเด็ดขาด เพราะตอนนี้ใบหูกำลังแดงก่ำด้วยความเขิน

   แอร์นักร้องนำผู้มีเสียงนุ่มชวนระทวยกับนายบุคคลผู้ปากหนักที่สุดในมหา’ลัย พวกเขาเป็นรูมเมทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แม้จะอยู่ต่างคณะมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังคงสนิทกันดีจนถึงปีสาม ที่สำคัญ เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน จากคนช่างพูดจะกลายเป็นผู้รับฟัง ส่วนคนปากหนักกลับช่างพูดจนลิงหลับ มันเป็นความลับเล็กๆ จากอีกหลายเรื่องของพวกเขาสองคน

   ช้ำใจเท่าไร เดี๋ยวก็ลืมมันไป
   ต้องทุกข์ไปนานเท่าไร เธอจะพอ


   นอกจากแอร์จะไม่ฟังคำบ่นแล้ว ยังร้องเพลงต่อหน้าตาเฉยจนนายทนไม่ไหว ดึงตัวออกเผยให้เห็นโครงหน้าคมคายเย็นชา ขัดกับตาแดงๆ เพราะเพิ่งร้องไห้ไปหมาดๆ มือที่ถือขวดนมยกสูงพร้อมขู่ด้วยเสียงเรียบเย็น

   “ถ้ายังไม่เลิก จะเอานมราดหัว”

   แอร์ยักไหล่ “ไม่เอาน่าเจ้าคนแพ้แอลกอฮอล์ ฉันกำลังร้องเพลงปลอบใจนายนะ เพลงนี้ถึงจะเก่าแต่เพราะมากเลย แถมความหมายก็ดีสุดๆ นายไม่คิดแบบนั้นเหรอ” ริมฝีปากได้รูปแย้มรอยยิ้มบางอย่างไม่สะทกสะท้านจนนายต้องเป็นฝ่ายถอนใจ

   “ก็เป็นซะแบบนี้...” นายบ่นพึมพำ

   “ยอมเปิดปากแล้วนี่ อยากระบายมั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันกลับมาถึงเห็นนายกำมือถือเหมือนสติหลุดอยู่ในห้อง” แน่นอนว่าระหว่างถามก็เปิดประตูกระจกเดินเข้าห้องเพราะเรื่องส่วนตัวไม่ควรมาคุยกันที่ระเบียงสักเท่าไหร่ แม้เวลานี้จะดึกมากแล้วก็ตาม แต่แอร์มั่นใจว่าสำหรับเด็กมหา’ลัยสายพันธุ์นกฮูก ต้องมีบางคนยังไม่หลับชัวร์

   นายเข้าใจเจตนาของแอร์ เลยเดินตามหลังปิดประตูกระจกแล้วลงกลอนไปนั่งประสานมืออยู่บนตักถอนหายใจอยู่บนเตียง เนื่องจากเป็นมหา’ลัยเอกชน หอพักเลยพอมีพื้นที่ให้หายใจ มีเตียงสองหลังซ้ายขวากับโต๊ะทำงานที่ปลายเตียง อาณาเขตของนายอยู่ฝั่งขวาจากประตูทางเขา ส่วนแอร์เป็นฝั่งซ้ายที่มีกีต้าร์โปร่งสีน้ำเงินเข้มวางไว้ตรงขาตั้งติดกำแพง หากไม่ติดว่าดึกดื่นค่อนคืน แอร์ก็อยากหยิบลูกรักมาเกาเพิ่มบรรยากาศเหมือนกัน

   ผ่านไปสักพัก นายก็ยังไม่ยอมเปิดปากพูด แอร์เลยร้องเพลงต่อซะเลย เป็นท่อนที่เหมาะพอดีด้วย

   มา มาบอกฉัน
   เอาความทุกข์ ที่เธอเก็บไว้
   มา มาแบ่งกัน ให้เธอรู้
   ไว้ว่านี่คือเสียง ที่รู้สึกข้างใน…

   
   “พอ ฉันยอมพูดแล้ว” ในที่สุดนายก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แอร์เลิกร้องเพลงทันทีและเปลี่ยนมานั่งตั้งใจฟังเมื่อนายเริ่มระบายความในใจออกมา

   “คนที่บ้านโทรมาหาฉัน...พ่อบอกว่าถ้าเรียนจบก็ให้ทำงานและหาที่อยู่ตามใจชอบได้เลย ท่านจะส่งเงินให้เป็นของขวัญ ส่วนรถกับห้องนอนของฉันตอนนี้ยกให้น้องชายไปหมดแล้ว ที่บ้านหลังนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉัน เริ่มหายไปทีละอย่าง...ทีละอย่าง...อีกไม่นานตัวตนของฉันก็จะหายไปจากพวกเขา...” นายก้มมองพื้นด้วยแววตาเจ็บปวด หากฟังโดยไม่รู้รายละเอียดแล้ว คงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ แต่คงไม่เล็กสำหรับนายที่ไม่มีสายเลือดของคนในครอบครัว

   นายกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เกิด เติบโตมากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งอายุหกขวบก็มีชายหญิงใจดีรับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ด้วยความที่พวกเขามีฐานะและยังไม่มีลูก ทุกสิ่งทุกอย่างเลยทุ่มเทให้นายจนหมด ไม่ว่าจะเป็นความรัก สิ่งของ การศึกษาและอื่นๆ อีกมากมายราวกับนายได้เกิดใหม่

   ชีวิตมีความสุขเหมือนเจ้าชายตัวน้อยในความฝัน ก่อนทุกอย่างจะค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อพ่อแม่ที่นายรักเหมือนพ่อแม่แท้ๆ ให้กำเนิดลูกชายที่มีสายเลือดของตัวเอง

   ทีแรกนายดีใจมากที่จะมีน้องชาย เพราะเขาเหมือนลูกคนเดียว ถ้ามีน้องอยู่เป็นเพื่อนในช่วงที่พ่อแม่ทำงานก็คงจะดี แต่ยิ่งน้องชายเติบโต ความรู้สึกดีๆ ก็เริ่มลดลง แม้พ่อแม่จะให้ความรักเท่าเดิม แต่ความเอาใจใส่ทุกอย่างกลับถูกทุ่มเทให้น้องชายคนใหม่ นายได้แต่ปลอบใจตัวเอง น้องยังเด็กเกินไป พ่อแม่จึงต้องดูแลมากเป็นพิเศษ

   กาลเวลาผ่านไป กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็เกิดช่องว่างภายในใจ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่นายได้แต่ยืนมองภาพครอบครัวอยู่ห่างๆ ราวกับเป็นคนนอก มองพ่อแม่แสดงความรักกับน้องชายที่แสนร่าเริงและช่างอ้อนที่อยู่ในที่ๆ เคยเป็นของนาย

   และผลจากนิสัยไม่กล้าเถียงพ่อแม่เพราะกลัวพ่อแม่ไม่รักที่ฝังใจแต่เด็ก ทำให้นายต้องระหกระเหินออกจากบ้านมาอยู่หอพักเพื่อดูลู่ทางให้น้องในอนาคต ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้ไกลจากมหา’ลัยเท่าไหร่ แต่น้องชายอยากมาอยู่ คนเป็นพี่จึงต้องเสียสละตัวเองมาลองยา

   นายยังจำคำพูดวันนั้นของพ่อแม่ได้ดี

   ‘นายสอบเข้ามหา’ลัยได้แล้วสินะ ดีเลย ไปอยู่หอซะสิ จะได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเต็มที่’ พ่อเป็นคนเปิดประเด็น

   ‘นั่นสิคะคุณ เท็นเองก็บอกว่าโตขึ้นอยากลองไปอยู่หอ คิดซะว่าไปดูลู่ทางให้น้องแล้วกันนะพี่ชาย’ แม่หัวเราะเข้าคู่กับพ่อ ตบบ่านายเบาๆ โดยที่นายได้แต่ฝืนยิ้มกับคำพูดเหล่านั้น ทั้งที่ในใจกรีดร้องว่าไม่อยากไป ไม่อยากกลับไปอยู่เพียงลำพังอีกแล้ว แต่สิ่งที่ทำได้คือการยอมรับและก้มหน้าก้มตาทำตามสิ่งที่พ่อแม่กับน้องชายต้องการเท่านั้น

   นายเป็นแค่ลูกบุญธรรมดา อีกฝ่ายเป็นผู้มีพระคุณมหาศาลที่ตอบแทนทั้งชาติก็ไม่หมด ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่กลับเจ็บในอก เพราะนายรู้ดี คนที่อยู่ในใจพ่อแม่ไม่ใช่นายอีกต่อไป

   คำพูดกับการกระทำมันต่างกัน ปากบอกว่ายังรักเสมอ รักเท่ากัน แต่สิ่งที่สัมผัสได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตัวตนของนายเริ่มจะถูกกันให้ออกห่างจากครอบครัวนั้นมากขึ้นทุกที ผู้ใหญ่คิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนมีอายุมากกว่า ประสบการณ์ชีวิตมากกว่า เลยมั่นใจในความคิดของตัวเองจนลืมความต้องการจริงๆ ของเด็ก ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครรับฟังเสียงร่ำไห้อย่างทรมาน

   พวกเขากลับทำในสิ่งที่นายกลัวที่สุด

   การถูกทิ้ง ให้อยู่อย่างเดียวดาย...

   ‘พวกฉันสัญญาว่าจะรักดูแลเธอเหมือนลูกแท้ๆ ต่อให้มีลูกของพวกเราจริงๆ ก็จะรักและให้ความสำคัญกับเธอเหมือนเดิม’

   คำสัญญาที่ถูกลืมเลือน แต่เด็กคนหนึ่งกลับจำได้ขึ้นใจ จึงเจ็บปวดเมื่อถูกทำร้ายอย่างไม่รู้ตัวจากคนที่รักที่สุด ยิ่งพูด น้ำตาก็ยิ่งพรั่งพรูออกมา แอร์ลุกไปประคองใบหน้าของผู้ชายที่ร้องไห้อย่างหมดสภาพ พลางช่วยเกลี่ยผมออกจากใบหน้าอีกฝ่าย มองสบเข้าไปนัยน์ตาเศร้าสร้อยที่เหมือนสะท้อนภาพของเด็กชายผู้ถูกทอดทิ้งกำลังกอดเข่าร่ำไห้ท่ามกลางความมืดและความว่างเปล่า

   เสียงนุ่มๆ เริ่มสื่อความรู้สึกผ่านทางบทเพลงอีกครั้ง เพราะแอร์เชื่อว่าเพลงเป็นสิ่งที่เยียวยาจิตใจผู้คนได้ดี

   อยากให้เธอรู้ อยากให้เธอรับฟัง
   ถ้าเธอรัก ถ้าเธออยากจะเชื่อฉัน
   ตอนเธอคิดถึงใครสักคนเวลาที่ทรมาน
   อยากขอเป็นใครคนนั้นที่เธอกำลังต้องการ
   ได้ไหม?


   “แอร์...”

   “ฉันขอเป็นคนนั้นได้รึเปล่า คนที่นายจะนึกถึงเมื่อเวลาเศร้าใจ”

   “ฉัน...”

   “ที่บ้านนายฉันไม่รู้ แต่ที่นี่นายยังมีฉัน ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างนายเอง” เสียงนุ่มที่ใครต่อใครชอบฟัง กับความจริงใจที่สื่อออกมาผ่านทางแววตาและการกระทำ ทำให้หัวใจของนายเริ่มอุ่นวาบ ขับไล่ความหนาวเหน็บไปทีละน้อย แม้จะยังเศร้า แต่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนคนนี้อยู่ด้วยเสมอ

   นายผ่อนลมหายใจราวกับจะระบายความหดหู่ออกมาพร้อมกัน เมื่อทุกอย่างเริ่มโอเคแล้ว ต่างคนต่างผละออกจากกัน นายยื่นมือไปบีบไหล่เพื่อนเป็นเชิงขอบคุณ

   “...ไม่จำเป็นต้องขอ เพราะนายเป็นคนนั้นมาโดยตลอดแอร์ เมื่อกี้ขอบคุณมาก พวกเราก็นอนกันเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า ไว้จะเลี้ยงข้าวเที่ยงตอบแทน” หน้านิ่งๆ ของนาย แม้จะไม่มีรอยยิ้มแต่ก็ดูผ่อนคลายไม่เหมือนคนที่แตกร้าวเมื่อก่อนหน้านี้ แอร์เห็นแบบนั้นก็วางใจ

   “ฉันต้องไปที่คณะของนายสินะ” แอร์พูดขำๆ

   “แน่นอน เพราะโรงอาหารคณะนายไม่อร่อย ราตรีสวัสดิ์” สิ้นคำนายก็ล้มตัวลงนอนพลางคลุมโปงจนถึงหัว พอความเศร้าบรรเทาสติก็กลับมา อีกฝ่ายคงกำลังเขินอยู่แน่ๆ ที่ร้องไห้ถึงสองครั้งในเวลาห่างกันไม่กี่นาทีต่อหน้าเพื่อน
   
   คืนนั้นนายได้คนร้องเพลงกล่อมจนหลับอย่างสงบตลอดทั้งคืน เพลงที่แฝงความรู้สึกที่แท้จริงของคนร้อง...

   ตรงนี้มีรักที่รอคอยเธอ
   เมื่อลมที่พัดอากาศ ให้เธอได้สูดเข้าไป

   อยากให้เธอรู้ อยากให้เธอรับฟัง
   ถ้าเธอรัก ถ้าเธออยากจะเชื่อฉัน
   ตอนเธอคิดถึงใครสักคนเวลาที่ทรมาน
   อยากขอเป็นใครคนนั้นที่เธอกำลังต้องการ
   ได้ไหม...


   “ฉันรักนาย ราตรีสวัสดิ์เพื่อนสนิทของฉัน”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2017 03:30:28 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
วุ้ย..ยยยย น้องนายน่าเอ็นดู แอร์อย่ามัวลีลา จีบเลย  :hao6:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
กอดนาย โอ๋ๆน๊าาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ฟังเพลงประกอบเพื่ออรรถรส
เบา เบา - Singular
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เบา เบา
   เสียงนุ่มๆ ของผู้ชายมากเสน่ห์จากคณะดุริยางค์ กำลังร้องผ่านไมค์ตรงพื้นที่ว่างใต้คณะคหกรรม ซึ่งกำลังจัดงานออกบูธเปิดร้านขายอาหารและของ DIY เพื่อหาเงินทุนซ่อมแซมห้องสมุดและสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล และถือโอกาสโปรโมทผลงานของเด็กคณะนี้ไปในตัว

   บางคนมาเพื่อเปิดร้าน บางคนมาหาซื้อของหรือหาอะไรกินในช่วงพัก แต่ก็มีคนแบบนายที่ถูกอ้อนแกมบังคับให้มาช่วยอุดหนุนขนมไทยแสนอร่อย

   “เป็นไงอร่อยรึเปล่า แป้งทำเองเลยนะ” สาวใสเอ่ยถามอย่างลุ้นๆ ขณะแฟนหนุ่มจิ้มขนมเสน่ห์จันทร์เข้าปากเคี้ยวด้วยใบหน้านิ่งเรียบตามปกติ ขนมเสน่ห์จันทร์มีรูปทรงคล้ายผลลูกจันทร์ที่เป็นวัตถุดิบหลักของขนมชนิดนี้ โดยรสชาติจะหอมละมุนกลิ่นผลจันทร์ผสมกับกลิ่นอบควันเทียน มีความนุ่มและไม่หวานมาก

   หลังเคี้ยวเสร็จนายพยักหน้าตอบ “อร่อย” แค่คำสั้นๆ พร้อมรอยยิ้มนิดๆ ตรงมุมปากก็ทำให้แฟนสาวหน้าขึ้นสี

   “นี่ๆ รู้มั้ย ขนมเสน่ห์จันทร์น่ะมีความหมายสมชื่อนะ เพราะจะทำให้คนมีเสน่ห์ มีแต่คนรักใคร่ แต่งานนี้แป้งคงอยากใช้แทนตัวเองมากกว่า” เพื่อนสาวแซวพลางหัวเราะคิกคัก

   “นิ้ง!!” จากที่เขินความหล่อของนายอยู่แล้ว มาตอนนี้ยิ่งหน้าแดงก่ำมากกว่าเดิมอีก พลางหันไปโวยวายใส่เพื่อนแก้เขิน พอจะหันมาแก้ตัวกับนาย ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังมองวงดนตรีสี่คนที่กำลังเล่นอยู่สร้างบรรยากาศคึกคักให้งาน

   “อ๊ะ จริงด้วยสิ นายเป็นรูมเมทกับแอร์นี่เนอะ” แป้งพูดอย่างคนเพิ่งนึกขึ้นได้

   “จริงเหรอ! งั้นนายก็มีเบอร์มือถือของแอร์น่ะสิ ขอหน่อยได้มั้ย อยากสละโสดแล้ว หรือแค่ไลน์ก็ยังดี” นิ้งเปลี่ยนเป้าหมายจากการแซวเพื่อนมาหานายแทน ซึ่งนายส่ายหัวแทนคำตอบ นิ้งเลยแสดงสีหน้าเสียดายอย่างไม่ปิดบัง แป้งกลัวว่าเพื่อนจะเข้าใจผิดเลยช่วยอธิบายแทนนายผู้ปากหนัก เพราะคบกันมาเกือบครึ่งปี ทำให้แป้งเดาใจนายได้บ้าง

   “นายเขาไม่ได้หวงหรอกนะ แต่ของแบบนี้ไปขอเจ้าตัวโดยตรงดีกว่า”

   นิ้งเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงคิดมาก เลยคล้อยตามแบบง่ายๆ ประจวบเหมาะกับมีลูกค้าเข้ามาที่ร้าน นิ้งกับแป้งจำต้องเลิกคุยเล่นไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เพราะมีแค่สองคนในร้าน ส่วนเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มกำลังถือกระทงใบตองใส่ขนมอันเล็กไปขายให้กับคนที่เดินผ่านไปมา

   “เดี๋ยวแป้งขอทำงานต่อก่อนนะ นายไปเดินเล่นเถอะ ไว้เดี๋ยวขายหมดจะโทรตาม” เจ้าตัวยิ้มน่ารักทำมือเป็นรูปโทรศัพท์ตรงหูท่าทางน่าเอ็นดู นายพยักหน้ารับเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะขอขนมเพิ่มและส่งเงินค่าขนมเกินราคาไปให้ ปล่อยให้แฟนสาวกอดขอบคุณสองทีถึงปลีกตัวไปร้านน้ำที่หมายตาไว้

   คงเพราะอากาศร้อนแถมพอกินอาหารแล้วก็ต้องนึกถึงน้ำ ที่ร้านเลยมีคนมากเป็นพิเศษ ระหว่างที่รอคิวนายเลยยืนฟังเพลงไปพลางๆ เป็นเช่วงที่แอร์ร้องเพลงใหม่พอดี

   ใจหนึ่งใจ จะต้องการอะไร
   ให้มันมากมาย ให้มันวุ่นวาย


   ใครบางคนไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่านักร้องคนเก่งเห็นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในงาน จนกระทั่งเวลานี้ก็ยังไม่ยอมละสายตา

   เพียงเธอนั้น ใส่ใจกันเบาเบา
   พอให้สองเรา ได้ทำอะไรมากมายในตอนนี้

   บางเวลา ไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
   บางเวลา ฉันเข้าใจ ถ้าลืมกันไป
   บางเวลา ไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
   ปล่อยมันไปก่อนนะ


   ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือเสียงนั้นดึงดูดให้นายหันไปสบตากับแอร์พอดี นักร้องคนเก่งคลี่ยิ้มบางคนสาวๆ ที่อยู่ใกล้แทบละลายอยู่ตรงนั้น

   คิดถึงฉันสักครั้ง เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
   ทำตัวตามสบาย ถ้าเจอกันในความฝัน
   มีเวลาดีๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
   ไม่มากเกินไปกว่านั้น ค่อยๆ รักกันเบาเบา

   
   ระหว่างที่ปล่อยให้กีต้าร์โปร่งเล่น แอร์ก็ขยิบตาซ้ายนับรวมกับไฝเสน่ห์เล่นเอาคว้าหัวใจใครต่อใครไปหลายคน แต่น่าเซ็งตรงที่ ไม่สามารถคว้าเอาหัวใจของคนที่ต้องการได้นี่สิ นายยกนิ้วโป้งชมทั้งที่ยังหน้านิ่งจนแอร์เกือบหลุดหัวเราะ ยังดีที่คุมเสียงตัวเองได้และเริ่มร้องเพลงอีกครั้งกระทั่งจบลง

   เพราะร้องเพลงเล่นดนตรีติดต่อกันมาเกือบชั่วโมง ตอนนี้เลยเป็นช่วงพักให้เหล่านักดนตรีไปหาอะไรใส่ท้องบ้าง ซึ่งความจริงก็ไม่จำเป็นต้องหาที่ไหนไกล นอกจากอาหารกับขนมที่คณะคหกรรมยกมาแทนคำขอบคุณ ก็ยังมีของจากแฟนคลับทั้งหลาย เรียกได้ว่ากองเต็มโต๊ะจนแทบล้น

   แต่แอร์ที่ตอนแรกหิวจนแสบท้องกลับไม่สนใจเลยสักนิด เลือกที่จะตรงดิ่งไปหารูมเมทที่เดินมาพร้อมแก้วน้ำเย็นๆ และขนมเสน่ห์จันทร์ในกระทงใบตอง

   “ขนม ชามะนาว” นายยื่นแก้วน้ำให้พร้อมขนมให้ เหมือนจะแค่ซื้อมาฝากธรรมดา แต่แอร์รู้ดีว่าอีกฝ่ายเห็นตัวเองร้องเพลงมานานเลยซื้อน้ำชามะนาวมาช่วยบำรุงให้ชุ่มคอ แถมยังมีของหวานเสริมอีกต่างหาก

   “ขอบใจ นายกินอะไรมารึยัง มากินกับพวกเรามั้ย ของกินเยอะมากกกก” ลากเสียงยาวๆ บ่งบอกว่าเยอะจริงๆ นายหลุดขำแล้วเข้าไปร่วมวงด้วย เพราะกว่าแฟนจะเลิกตัวเองก็ไม่มีที่ไป แถมนายสนิทกับทุกคนในกลุ่มของแอร์พอสมควร เพราะว่างเมื่อไหร่ แอร์มักลากไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนทุกที ขนาดไปนั่งฟังซ้อมดนตรีก่อนไปกินหมูกระทะยังเคยทำเป็นประจำ

   ส่วนเรื่องที่นายมาคณะนี้ แอร์ไม่คิดจะถาม ด้วยรู้ดีกว่าอีกฝ่ายมาเพื่ออะไร ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตอกย้ำตัวเองให้เซ็งเล่น พวกเขาเลยนั่งกินชวนกันคุยเพลินๆ โดยมีนายเป็นผู้ฟังเงียบๆ อย่างมากก็แค่ส่งเสียงอืมเมื่อถูกถาม ไม่ก็พยักหน้าส่ายหัวเหมือนทุกที ซึ่งแต่ละคนชินแล้ว

   ผ่านไปไม่นานแป้งก็สามารถปลีกตัวมาหานายได้สักที เลยพานิ้งมาชื่นชมความหล่อของวงดนตรีประจำมหา’ลัยพร้อมพาแฟนไปเดินทัวร์คณะด้วยตัวเอง ตรงนี้จึงเหลือแค่พวกแอร์ที่กำลังเตรียมตัวร้องเพลงอีกรอบเท่านั้น

   “ไอ้คุณนักร้องนำที่เคารพรัก อย่าร้องเพลงตามใจชอบอีกนะ เกิดพวกเราตามไม่ทันจะทำยังไง” ไม้มือกีต้าร์ถลึงตาใส่เพื่อนที่จู่ๆ ก็ร้องเพลง เบา เบา ของ Singular หน้าตาเฉย

   “ฉันมั่นใจว่าพวกนายเก่งอยู่แล้ว” นอกจากจะไม่สำนึกยังหันมายกนิ้วโป้งให้ท่าเดียวกับนายอีก พวกเพื่อนพากันกลอกตามองบน

   “ถามจริงเหอะแอร์ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ ไม่ลองสารภาพหรือรุกจีบซะเลยล่ะ” เก่งมือเบสถามเพื่อนเป็นรอบที่ล้านอย่างขัดใจ

   “ใช่ๆ จีบคนโสดศัตรูเป็นร้อย จีบคนมีแฟนศัตรูแค่คนเดียว ดังนั้นลุยๆ ไปเลย” แทงค์มือกล่องที่งานนี้ไม่ค่อยมีบทบาทส่งเสียงเชียร์อีกแรง ส่วนแอร์กลับส่ายหัวตามเคย

   “แบบนั้นก็เลวไป แป้งไม่ได้ทำอะไรผิดแถมยังนิสัยดี ที่สำคัญฉันไม่ทำร้ายผู้หญิง”

   “จ้า พ่อพระเอก พ่อยอดชายของสาวทั้งมหา’ลัย หมั่นไส้จริงๆ ทำตัวเป็นพระรองเนี่ย” ไม่ติดว่าไม่อยากให้ลูกรักเป็นรอย เก่งคงจะยกเบสฟาดหัวเรียกสติเพื่อนแบบชาวร็อคสักที

   “เรื่องของมันอย่าไปเซ้าซี้มันเลย” ไม้ตัดบทส่งสายให้เริ่มร้องเอาจริงกันได้แล้ว เพราะคนรอฟังมองกันตาแป๋ว ทุกคนเลยกลับมาตั้งใจกับหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง

   “คงคบกันไม่นานหรอก เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจนายเลยแม้แต่นิดเดียว” แอร์พึมพำที่ได้ยินอยู่คนเดียว ก่อนจะเปิดไมค์และเริ่มร้องเพลงขณะที่ดวงตายังจับจ้องแผ่นหลังของรูมเมทจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินจากคณะไปพร้อมกับแฟนสาว

   เธอกับฉัน ยังต้องเดินทางไกล
   คงไม่สายไป ให้เวลากับใจได้เรียนรู้

   บางเวลา ไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
   บางเวลา ฉันเข้าใจ ถ้าลืมกันไป
   บางเวลา ไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
   ปล่อยมันไปก่อนนะ

   คิดถึงฉันสักครั้ง เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
   ทำตัวตามสบาย ถ้าเจอกันในความฝัน
   มีเวลาดีๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
   ไม่มากเกินไปกว่านั้น ค่อยๆ รักกันเบาเบา


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กล้าๆหน่อยแอร์ เอาใจช่วย  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
3
   
   เสียงดนตรีเบาๆ ดังคลอกับเสียงของสายฝนที่ตกโปรยปรายด้านนอก ชายคนหนึ่งยังคงนั่งเหม่ออยู่เพียงลำพัง ดวงตาเรียบเฉยสะท้อนบนกระจกร้าน มองสายน้ำที่ไหลเป็นทางจนเกิดภาพพร่ามัว กระทั่งดวงตาคู่นั้นสะท้อนเงาร่างของชายอีกคนซึ่งกำลังถือร่มวิ่งตรงมาทางนี้พร้อมกับร่มอีกคันในมือ

   กริ้ง

   เสียงกระดิ่งกระทบประตูกระจกดังกังวานไปทั่วร้านที่เงียบสงบ ดึงดูดสายตาใครหลายคนให้หันมอง แต่น่าเสียดายที่ผู้มาใหม่เอาแต่หันซ้ายหันขวาจนสบเข้ากับชายคนแรก แล้วรอยยิ้มก็เผยออกมา

   “มาหลบมุมอยู่ตรงนี้เอง โทษทีนะ รอนานมั้ย” แอร์ขวัญใจของสาวมหา’ลัยส่งยิ้มทักทายรูมเมทตัวเองที่ยังคงใบหน้าไร้อารมณ์ได้อย่างคงเส้นคงวา แต่ถ้าคนสนิทกันระดับหนึ่งจะพอมองออกว่า มุมปากของนายมีรอยยิ้มเล็กๆ อยู่ แม้จะดูฝืนๆ ก็ตาม

   “ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่รบกวน ความจริงแอร์ไม่จำเป็นต้องเอาร่มมาให้ก็ได้ รอให้ฝนซ่าค่อยกลับก็ยังไม่สาย” นายตอบพลางยกมือเรียกพนักงานมาสั่งชามะนาวร้อนให้เพื่อน สภาพอากาศเย็นๆ แบบนี้สั่งแบบเย็นคงไม่เหมาะ ซึ่งแอร์เองก็ไม่คัดค้านอะไร เพียงแค่สั่งแซนวิสมารองท้องเพิ่ม

   “ไม่รู้ว่าจะหยุดตอนไหนนี่สิ อีกอย่างฉันถือโอกาสมาหาอะไรกินด้วย ไว้ฝนซาอีกนิดเราไปหาข้าวกินกัน” พูดพลางรับจานแซนวิสทูน่าจากพนักงานมานั่งกิน พอหมดไปหนึ่งชิ้นรูมเมทก็ยังเงียบ เลยใช้เท้าเขี่ยขาอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม อันที่จริงแอร์สังเกตเห็นว่าพักหลังนายดูเหม่อมากกว่าเดิม คิดว่าน่าจะมีเรื่องกลุ้มใจเลยพยายามเสนอตัวมาวนเวียนอยู่รอบๆ เพื่อเป็นที่ปรึกษา

   ของแบบนี้อาศัยความบังเอิญอย่างเดียวไม่ได้ ในเมื่อโชคชะตาไม่นำพา แอร์ก็ขอพาตัวเองไปอยู่ใกล้นายแทนแล้วกัน

   หลังลุ้นอยู่นานว่านายจะยอมพูดมั้ย สักพักก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ แล้วนายพูดว่า

   “ฉันเลิกกับแป้งแล้ว”

   “หือ?” ภายนอกแสดงท่าทีแปลกใจ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายในแทบอยากจะลุกมาโห่ร้องให้สมกับที่แอบร้องเพลงแช่งอยู่ทุกคืน

   “ไม่ถามเหรอว่าเลิกทำไม” นายอดไม่ได้ที่จะพูด เพราะคนอื่นๆ เอาแต่ถามคำถามนี้ซ้ำไปมา เนื่องจากคู่นายกับแป้งดูรักใคร่กันดี ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีเรื่องมือที่สามหรือตามหึงตามหวง ดูแลกันซะจนใครหลายคนพากันอิจฉา

   หนุ่มนักร้องผมสีคาราเมลส่ายหัวเบาๆ “มันเป็นการตัดสินใจของคนสองคน ฉันเป็นคนนอกจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ” แอร์ยังคงถือคติเดิมอย่างเหนียวแน่น จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเกินความจำเป็น เพราะแอร์เองก็ไม่ชอบให้ใครมาถามซ่อกแซ่กเรื่องส่วนตัวเช่นกัน

   นายพยักหน้า “คำตอบสมเป็นนายดี ถ้างั้นนายช่วยรับฟังฉันหน่อยได้มั้ย”

   “ได้สิ ฉันมาก็เพื่อเหตุผลนี้แหละ” หากปิดบังไปก็ดูจะเสแสร้ง ดังนั้นสารภาพไปตรงๆ ซะยังดีกว่า นายเองก็ไม่ว่าอะไรดูท่าทางอ่อนใจกับความเป็นคนดีของแอร์ด้วยซ้ำ

   เรื่องราวความสัมพันธ์ของนายกับแป้ง ค่อยๆ ถ่ายทอดออกมาผ่านน้ำเสียงไร้โทนอันเป็นเอกลักษณ์ของนาย แอร์นั่งฟังเงียบๆ อย่างตั้งใจ

   คนที่เลือกจบความสัมพันธ์ในครั้งนี้คือนาย แต่ปล่อยให้แป้งเป็นคนบอกเลิกแสดงความเป็นสุภาพบุรุษในแบบเจ้าตัว ส่วนสาเหตุคือแป้งทนคบกับนายเพียงแค่เปลือกนอกต่อไปไม่ไหว ประโยคสุดท้ายของแป้งเหมือนเสียงสะท้อนที่ดังก้องไปมาอยู่ในหัว

   ‘นายเทคแคร์แป้งดีทุกอย่างก็จริง แต่สิ่งที่แป้งต้องการคือตรงนี้ ไม่ใช่แค่การกระทำที่ว่างเปล่า ดังนั้นพวกเราจบกันแค่นี้เถอะนะ’ เธอพูดทั้งน้ำตา ไม่มีแววของความโกรธเคืยง ความรู้สึกที่สื่อออกมามีเพียงแค่ความเสียใจและผิดหวัง ’ขอให้นายมีสิ่งที่เรียกว่าหัวใจสักวัน นี่เป็นคำอวยพรสุดท้ายของแป้ง’

   ช่างเป็นคำอวยพรวันคล้ายวันเกิดที่ชวนให้ปวดร้าวจริงๆ หากไม่ติดว่านายไม่รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย อย่างมากก็มีแค่ความรู้สึกผิดที่ต้องทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจจนอดที่จะโทษตัวเองไม่ได้

   “ฉันไม่น่าเห็นแก่ตัว ยอมคบกับเธอเพื่อเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายของตัวเองเลย” นายจับแก้วกาแฟที่เย็นชืดยกดื่มอย่างไร้อารมณ์

   “เธอพูดผิด”

   “?”

   “ทุกคนย่อมมีหัวใจ แค่มันยังไม่ถึงเวลาที่หัวใจดวงนั้นจะเปิดออกเท่านั้นเอง” แอร์เงยหน้ามองคู่สนทนาด้วยแววตาจริงจัง นายอึ้งไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรแบบนี้ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าแอร์เป็นนักร้องคารมดีก็หลุดยิ้มออกมา คงคิดจะปลอบใจเขานั้นแหละ
 
   “งั้นเหรอ...ขอบใจนะ”

   คำขอบคุณเบาๆ เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับแอร์ แถมบรรยากาศหม่นๆ ในตอนแรกพอบรรเทาลงมาบ้าง แอร์เลยตัดสินใจวางเงินบนโต๊ะแล้วเรียกรูมเมทออกไปด้านนอกขณะที่ฝนพร่ำ

   “ฉันนึกออกแล้วว่าครั้งนี้จะร้องเพลงอะไรให้นายดี” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของแอร์เป็นประกาย ระหว่างส่งร่มให้เพื่อนหนึ่งคัน ก่อนจะพากันออกจากคาเฟ่ใกล้มหา’ลัย

   “ร้องเพลงอีกแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไง” ถามทั้งที่ขายาวก้าวตามอีกฝ่ายไปบนทางเดินที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน บางจุดมีแอ่งน้ำนองสะท้อนผืนฟ้าที่อึมครึมไปด้วยเมฆฝน ไม่ชวนให้รู้สึกดีเลยสักนิด โดยเฉพาะคนที่มีเรื่องทุกข์อยู่เต็มหัวใจ

   “ไม่เบื่อหรอก เพราะฉันเชื่อว่าเพลงคือเวทมนต์” แอร์ตอบพลางยิ้มทักทายเพื่อนร่วมมหา’ลัยที่ตัวเองไม่รู้จัก แค่ทางนั้นทักมาเลยทักตอบตามประสาคนอัธยาศัยดี

   “มันก็แค่เพลง” แม้จะเคยได้ยินคำว่าดนตรีบำบัดมาบ้าง แต่นายไม่คิดว่าเพลงจะมีเวทมนต์อะไร ก็แค่คลื่นเสียงและความหมายที่ทำให้ผู้ฟังคล้อยตามเท่านั้นเอง

   แอร์ไม่คิดไม่พอใจกับมุมมองเรื่องเพลงของนาย คนเราต่างคนต่างความคิด ไม่อาจบังคับให้ทุกคนคิดเหมือนกันได้ ถึงแบบนั้นแอร์ก็ยังยืนยันคำเดิม

   “เพลงคือเวทมนต์จริงๆ เพราะบทเพลงช่วยส่งต่อความรู้สึกของคนร้องไปถึงใจผู้ฟังได้ยังไงล่ะ มา ฉันจะร่ายมนต์ให้นายเอง”

   พอเห็นอีกฝ่ายหยุดเดินนายเพิ่งสังเกตว่าตัวเองเดินตามแอร์มาจนถึงสวนพักผ่อนของมหา’ลัย ที่มีต้นไม้ทั้งเล็กและใหญ่ลดหลั่นกันไป กับรอบข้างที่ไร้ผู้คน แอร์หุบร่มของตัวเองมาถือแทนไมค์และเริ่มฮัมเพลงออกมา

   ฉันเฝ้าถามความสุขอยู่ที่ไหน ชายที่เขาเดินผ่านฉันเข้ามา
   บอกกับฉันขอร่มสักคัน แต่ว่าที่มือเขาก็มีหนึ่งคัน
   ก็แปลกใจ ท่ามกลางหยดฝนโปรยปราย

   แอร์ยื่นมือไปด้านหน้าเพื่อขอร่มจากมือของนายตามบทเพลง และนายเองก็ยอมทำตามเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

   เขาก็ถามฉันว่าอยากสุขไหม ลองหุบร่มในมือสักพักหนึ่ง
   และเงยหน้ามองวันเวลา มองหยดน้ำที่มันกระทบตา
   ยังเปียกอยู่ใช่ไหม หรือไม่มีฝน

   นิ้วเรียวอย่างนักดนตรี ชี้ไปบนท้องฟ้าให้นายเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่เห็นคือละอองฝนมากมายและเมฆครึ้มที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ก่อนจะเผยให้เห็นแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สะท้อนบนละอองน้ำจนเกิดประกายระยิบระยับเสริมด้วยสีเขียวชุ่มฉ่ำของต้นไม้ที่ล้อมเป็นวงกลมเหมือนโอบพวกเขาไว้ตรงกลาง แอร์หลุดยิ้มเมื่อเห็นนายเบิกตากว้างและเริ่มร้องท่อนฮุกของเพลง

   บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
   เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
   อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
   สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน

   อย่าไปยึด อย่าไปถือ
   อย่าไปเอามากอดไว้ ก็จะไม่เสียใจ
   ตลอดชีวิต ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใคร
   จะทุกข์ จะสุขแค่ไหน ก็อยู่ที่จะมอง...

   เสียงเพลงที่อยู่ใกล้ ดึงดูดให้นายหันไปมองและพบกับรอยยิ้มกับดวงตาที่แสนอบอุ่น หลายต่อหลายครั้งที่รอยยิ้มนี้ช่วยทำให้นายผ่อนคลายและมีรอยยิ้มบางๆ จากใจเผยออกมาให้เห็นบ้าง

   ฮัดชิ้ว!

   บรรยากาศคงจะดีกว่านี้ ถ้านักร้องคนเก่งไม่หลุดจามออกมา

   นายหัวเราะ “ดูเหมือนเวทมนต์นี้จะไม่ช่วยป้องกันโรคหวัดนะ” สิ้นคำก็รับร่มจากมืออีกฝ่ายมากาง หลังจากยืนตากฝนกันอยู่ตั้งนานสองนาน

   “คงจะแบบนั้น น่าจะมีเวทมนต์ช่วยรักษาโรคด้วยนะ” แอร์ยกมือถูจมูกจนแดง คงเพราะโดนละอองฝนมากไป แถมยังเข้าออกห้องแอร์ คนกระหม่อมบางเลยพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ

   “มีสิ เวทมนต์ที่เรียกว่ายาแก้หวัดไง ไปเถอะ หาอะไรร้อนๆ กินกันจะได้กลับห้องไปอาบน้ำกินยา” คราวนี้นายเป็นฝ่ายเดินนำบ้าง เป้าหมายคือร้านหมี่เกี๊ยวไม่ใกล้ไม่ไกล ดูเผินๆ เหมือนนายไม่ค่อยอินกับฉากเซอร์ไพรส์ของแอร์ แต่ก็ยังเผลอฮัมเพลงเดียวกับที่แอร์ร้องในคอ ผลของการอยู่ด้วยกันมากๆ จนเริ่มติดนิสัยกันไปบ้าง

    ระหว่างรอหมี่ร้อนๆ นายก็ถือโอกาสถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย เพราะตอนนี้ความรู้สึกของเขาดีขึ้นมากแล้ว

   “นายรู้ได้ยังไงว่าตอนนั้นจะเป็นจังหวะเหมาะพอดี”

   “ไม่รู้หรอก ทีแรกแค่คิดจะให้ดูละอองฝนท่ามกลางต้นไม้ที่ล้อมเป็นวงกลม แต่สงสัยฟ้าจะเป็นใจมั้ง”

   “แอร์ดูรู้จักที่ตรงนั้นดีนะ ทั้งที่ใกล้คณะฉันแท้ๆ แต่ไม่ยักรู้ว่ามีที่ดีๆ แบบนี้อยู่” และนายก็มั่นใจว่าเพื่อนร่วมคณะอีกหลายคนก็เป็นเหมือนกับตัวเอง เพราะตรงนั้นไม่มีที่นั่งให้ทอดอารมณ์ได้ คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเดินผ่านไม่ได้สนใจสำรวจอะไร

   “ฉันก็แค่ชอบหาสถานที่ดีๆ ไว้บิ้วอารมณ์สุนทรีของตัวเองน่ะ”

   “อ่อ...” นายลากเสียงแบบไม่ติดใจอะไร ส่วนแอร์ก็ชวนคุยเรื่องอื่น

   บอกไม่ได้หรอกว่าตรงนั้นเป็นจุดหลบมุมสำหรับแอบมองใครบางคนอยู่บ่อยๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เทใจให้แอร์...ขอให้นายมองเห็นไวๆ   :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
4

   กิจวัตรประจำวันของเด็กมหา’ลัย ทุกวันไม่ต่างกันมากนัก ตื่นเช้ามาพร้อมเสียงนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปหามื้อเช้ากินแถวมหา’ลัย แต่สำหรับคนที่มีรูมเมท อาจจะมีกิจกรรมบางอย่างเสริมขึ้นมา

   อย่างเช่นเป็นนาฬิกาปลุกมีชีวิต...

   “แอร์ จะแปดโมงแล้ว มีเรียนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ” นายที่ตื่นเช้ากว่า ทำหน้าที่ปลุกเช่นเคย กับพ่อนักร้องขี้เซา

   ร่างในกองผ้าไม่หันมาขานรับอย่างทุกที กลับม้วนตัวเองอยู่ในผ้าห่มลายตัวโน้ตดนตรี แล้วกลิ้งเอาหน้าไปซุกตรงมุมกำแพง เพราะเตียงของแอร์ถูกลากไปชิดติดกำแพงตามความชอบส่วนตัว ในขณะที่เตียงของนายอยู่ด้านนอก และเว้นพื้นที่ไว้ตรงกลางสำหรับเดิน

   “แอร์”

   “…”

   “ตื่นเถอะ ฉันต้องรีบไปหาอะไรกินก่อนเข้าเรียนนะ” นายเป็นคนติดกินมื้อเช้า ถ้าตอนเช้าไม่ได้กินข้าวจะรู้สึกระส่ำระสายค้างคาใจไปทั้งวัน ดังนั้นเรื่องอาหารจึงสำคัญมาก ผิดจากใครอีกคน ขอแค่ให้ได้นอน รอกินรวบมื้อเย็นก็ยังได้

   นั่นหมายถึงตัวเองไง จะเสียสุขภาพแค่ไหนก็ไม่เป็นไร แต่ยอมให้นายอดข้าวไม่ได้เด็ดขาด แอร์เลยยอมฝืนถ่างตาหนักๆ หันมามองพร้อมโบกมือไล่

   “คาบเช้าขอโดด ไม่มีควิชอะไร นายไปกินข้าวเหอะ” เด็กเกเรยังคงนอนติดเตียงอย่างเหนียวแน่น สุดท้ายนายก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตบหนอนผ้าห่มตัวโต

   “ตามใจ จะให้โทรมาปลุกตอนเที่ยงมั้ย”

   “ไม่”

   “โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ”

   “อืม”

   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ นายลังเลนิดหน่อยเกรงว่าเพื่อนสนิทจะป่วย เพราะเมื่อวานดันโดนละอองฝนไปเต็มๆ แต่พอได้ยินเสียงกรนอย่างคนหลับสบายก็ส่ายหัว แล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ พลางปิดประตูให้เบาที่สุดจะได้ไม่รบกวนคนหลับ

   หลังจากนั้นก็เหมือนกับวันอื่นๆ ที่ผ่านมา นั่งวินเข้ามหา’ลัย กินข้าวเช้าพร้อมกับเพื่อนที่โรงอาหารรวมก่อนเข้าตึกคณะ เรียนจนถึงบ่าย เพราะคลาสนี้ต้องเรียนถึงสี่ชั่วโมงเต็ม สภาพนักศึกษาหลังจากถูกปล่อยตัวเลยง่วงเหงาหาวนอนตามระเบียบ บางคนยืนบิดขี้เกียจไม่เกรงใจอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องเลยด้วยซ้ำ

   “มะอะไรต้องรีบไปทำรึเปล่านาย เห็นจ้องมือถือตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย” แมวเพื่อนสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยทัก คนที่ยังจ้องมือถือไม่เลิก

   “นั่นสิ เก็บก่อนก็ได้มั้งถ้าไม่มีธุระอะไรจริงๆ เดี๋ยวก็ก้าวลงบันไดผิดขั้นจนหัวฟาดพื้นพอดี” เบสกอดคอเพื่อนตัวสูงกว่าแบบไม่เจียมสังขาร โดยมีปลื้มสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาเป็นเพื่อนกับนายมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทีแรกมีแค่สามหนุ่มเท่านั้น ก่อนที่แมวจะเข้าร่วมวงด้วยในภายหลังเพราะเธอเป็นเศษตอนทำงานกลุ่ม พองานเสร็จก็ไม่ยอมไปไหน เรียกได้ว่าอยู่ด้วยกันยาวจนปัจจุบัน

   ส่วนนาย นอกจากจะไม่เก็บมือถือตามคำเตือนแล้ว ยังอาศัยเพื่อนช่วยไม่ให้ล้มหัวแตก ขณะโทรหารูมเมท

   “ไม่รับสาย” เจ้าตัวเริ่มบ่นพึมพำแล้วโทรใหม่อีกครั้ง ทำแบบนั้นจนมาถึงโรงอาหาร ขนาดเพื่อนแยกย้ายไปสั่งข้าวจนมานั่งรวมแล้วนายก็ยังไม่ยอมปล่อยโทรศัพท์ เบสที่ไม่ชอบคนติดมือถืออดที่จะทักอย่างหน่ายใจไม่ได้

   “ถ้าเขาไม่รับก็แสดงว่าไม่ว่างนั่นแหละ ไปหาซื้อข้าวได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดก่อนหรอก” มหา’ลัยนี้มีคนเยอะมาก แถมแห่กันมาเวลาไล่เลี่ยกันหมด หากไม่รีบซื้ออาจจะไม่เหลืออะไรให้กินก็เป็นได้

   สุดท้ายนายเลยถอดใจ ยังไงคาบบ่ายไม่มีเรียน ค่อยกลับไปดูที่ห้องแล้วกัน ตัดสินใจได้ดังนั้นก็เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง เพราะเจ้าตัวพกมาแค่สมุดกับปากกาอย่างละหนึ่ง ยังไม่ทันจะได้ลุกไปซื้อข้าวก็มีคนโทรเข้ามา เลยทิ้งตัวลงนั่ง รับโทรศัพท์โดยไม่ดูชื่อ

   “ครับ?” นั่นคือการรับสายของนาย ที่เพื่อนๆ พากันส่ายหัว

   /นายใช่ป่ะ/

   “ใช่” ตอบไปพลางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทีแรกคิดว่าแอร์ซะอีก แต่กลับไม่ใช่

   /ไม้นะ เพื่อนแอร์/

   นายเคยไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนแอร์บ่อยๆ พออีกฝ่ายบอกปุบเลยนึกออกทันที

   “มีอะไรรึเปล่า ถ้าแอร์ล่ะก็เห็นว่าโดดคาบเช้านะ บ่ายน่าจะไปเรียน”

   /ก็คิดไว้แบบนั้น แต่อาจารย์สอนไปชั่วโมงแล้วมันก็ยังไม่โผล่หัวมา โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย เลยว่าจะถามนี่แหละ ว่าอยู่กับมันรึเปล่า ถ้าอยู่ช่วยบอกให้มันมามหา’ลัยที หลังเลิกเรียนมีประชุมสำคัญ มันเป็นนักร้องหลักไม่ควรโดด/ ไม้ผู้เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของวงร่ายยาวเป็นชุด ส่วนนายเริ่มขมวดคิ้วอย่างกังวล

   “ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เดี๋ยวดูให้”

   /อ้าว ไม่มีเรียนคาบบ่ายเหรอ ถ้ามีเรียนไม่ต้องโดดนะ ไว้พวกเราไปลากคอมันที่ห้องเอง/

   “ไม่มีๆ ไว้ได้เรื่องยังไงจะโทรไป”

   /โอเค ขอบใจมาก ฝากดูมันด้วยนะนาย/

   “ได้ ยังไงก็เพื่อนสนิทฉันอยู่แล้ว” คำว่าเพื่อนสนิทกระแทกหูไม้เต็มๆ คุณหัวหน้าวงนึกอยากถอนหายใจและยืนไว้อาลัยให้นักร้องนำตัวเองเหลือเกินที่ไม่หลุดจากเฟรนโซนสักที แต่ก็นั่นแหละ เรื่องของพวกมันไม้จะไม่ยุ่ง พอคุยธุระเสร็จเลยวางสายพร้อมผลักหัวเพื่อนร่วมวงที่เหลืออีกสองคนไปไกลๆ

   ทางฝั่งนายก็ล้มเลิกความคิดที่จะซื้อข้าวมากิน เจ้าตัวหันไปบอกพวกเพื่อนท่าทางรีบๆ

   “กลับก่อนนะ” พูดแค่นั้นก็เตรียมจะชิ่งหมุนตัวจากไป แต่แมวไม่คิดปล่อยไปโดยง่าย เรด้าสาวของเธอมันร้องเตือนเรื่องสนุกที่ไม่ควรพลาด!

   “จะรีบไปไหนนาย ข้าวก็ยังไม่กิน” สาวเจ้าแกล้งถามด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งที่ในใจอยากรู้มาก นายคนซื่อเองก็ตอบไปตามตรง

   “จะรีบกลับห้องไปดูแอร์ เมื่อเช้ามีอาการแปลกๆ แถมจนป่านนี้ยังไม่มาเรียนอีก” สุขภาพบุรุษอย่างนายไม่สามารถสะบัดแขนเพื่อนสาวหลุดได้ เลยรีบพูดจะได้รีบไป

   “เดี๋ยวๆ เพื่อนรัก รีบไปแบบนี้ถ้าเกิดแอร์ป่วยจริงจะทำอะไรได้ เอางี้นะ นายไปดูอาการของแอร์ก่อน เดี๋ยวพวกเราซื้อข้าวกับยาขึ้นไปให้” แมวเสนอให้อย่างใจกว้าง มีเบสกับปลื้มส่ายหัวอย่างระอา ผิดกับนายที่ตาเป็นประกาย

   “ลืมคิดไปเลย ขอบใจนะแมว ของฉันเอาเหมือนเดิม ส่วนแอร์...เอาเป็นข้าวต้มหมูสับแล้วกัน ถ้าถึงหอเมื่อไหร่โทรมา เดี๋ยวจะลงมารับ” สิ้นคำก็วิ่งฉิวออกจากคณะ ไม่ทันเห็นแววตาระยิบระยับของแมว

   “หาเรื่องไปหาผู้ชายในดวงใจน่ะสิไม่ว่า” เบสอดไม่ได้ที่จะแซะเพื่อนตัวเองสักที ความจริงแมวแอบปลื้มแอร์มานานแล้ว และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ยังอยู่ในกลุ่มอย่างเหนียวแน่น เพราะรู้ว่าเป็นรูมเมทของแอร์ ในที่สุดโอกาสก็มาถึง ให้แมวบุกไปหาชายในฝันถึงห้อง!

   “เร็วๆ รีบกินรีบลุกจะได้ไปซื้อข้าวให้นาย” แมวไม่สนใจแถมยังหันมาเร่งเพื่อนอีกต่างหาก

   “ถ้ารีบขนาดนั้นแมวไปสั่งข้าวรอเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันเก็บจานเอง” ปลื้มเสนอ แน่นอนว่าแมวไม่ปฏิเสธ แต่ดูจากจำนวนคนี่แห่มากินข้าวละลอกสองแล้ว คาดว่าพวกเขาคงใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะไปหอนายได้

   ในขณะเดียวกันนั้น นายลงทุนโบกวินกลับหอ ยอมจ่ายมากกว่าทุกทีเพื่อกลับมาดูเพื่อนร่วมห้อง ทันทีที่ไขประตูเข้าไปเห็นแอร์ยังนอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน นายหยิบมือถือขึ้นมาดูบอกเวลาบ่ายสอง ใครบางคนยังหลับอุตุไม่เลิกรา หนุ่มบริหารเลยตัดสินใจเดินไปนั่งข้างเตียงใช้มือแตะหน้าผากคนขี้เซา พบว่ามันร้อนจัดจนสะดุ้ง

   นายมองสำรวจคำป่วยพลางเรียบเรียงวิธีการปฐมพยาบาลในหัว ก่อนอื่นก็คงต้องเช็ดตัวระบายความร้อนก่อนล่ะนะ พอพวกแมวมาค่อยให้กินข้าวกินยาแล้วนอนพักผ่อนต่อ ตัดสินใจได้ดังนั้นก็หันไปหยิบกะละมังใบเล็กตรงระเบียง ใส่น้ำมาตั้งข้างเตียงพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กของตัวเอง เนื่องจากไม่กล้าไปรื้อตู้เสื้อผ้าของอีกฝ่าย เรื่องเกรงใจก็ส่วนหนึ่ง แต่ออีกส่วนคือ กลัวผ้าที่อยู่ด้านในจะถล่มออกมา เนื่องจากแอร์เป็นพวกนิสัยสวนทางกับหน้าตา เสื้อผ้าแต่ละตัวจับยัดเข้าตู้ พอจะใส่ค่อยรีด ผิดกับนายที่เป็นระเบียบสุดๆ

   “แอร์ ขยับหน่อยฉันจะเช็ดตัวให้” เรียกคนป่วยที่ขมวดคิ้วปรือตามอง ใบหน้าแอร์ขึ้นสีแดงจากพิษไข้ คงเป็นเพราะเจอละอองฝนเต็มๆ เมื่อวันก่อนแน่ๆ แล้วทำเป็นเก่งไม่ยอมอาบน้ำก่อน

   “เลิกเรียนแล้วเหรอ” แม้สมองจะมึนงงผสมปวดหัวตึบๆ เป็นระยะ แต่ก็พอแยกแยะออกได้ว่าอะไรเป็นอะไร ตัวเองน่าจะเป็นไข้แน่นอนจนนอนซม เลยได้นายมาช่วยดูแล ไม่รู้จะดีใจหรือเศร้าใจดี ดันหลุดมุมไม่เท่ให้อีกคนเห็นซะได้

   คิดไปพลางก็ถอดเสื้อไปพลาง ชุดนอนของแอร์คือเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงนอนขายาว เลยไม่ลำบากในการถอด

   “ใช่ ตอนนี้บ่ายสองแล้ว ทำไมป่วยแล้วไม่บอก” นายดุไปหนึ่งที มือก็บิดผ้าหมาดๆ แล้วเริ่มเช็ดตามลำคอกับข้อพับเพื่อระบายความร้อนก่อน ค่อยชุบน้ำบิดและเช็ดเหงื่อส่วนอื่นต่อ ในใจนายไม่คิดอะไรเลยสักนิด ผิดกับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่ใจเต้นรัวออกอาการเก้อเขินตามประสา

   “ทีแรกคิดว่าอากาศร้อนเฉยๆ เพิ่งมารู้ตัวว่าป่วยก็ตอนไม่มีแรงแล้ว” ปากพูดหงุงหงิงเสียงเจืออ้อน เป็นจังหวะเดียวกับที่นายดึงแอร์เข้ามาใกล้จนคางเกยบนบ่ากว้าง จุดประสงค์ของนายคือให้คนป่วยพิงตัวเองไว้จะได้ช่วยเช็ดด้านหลังให้ แต่คนคิดไม่ซื่อเผลอสูดกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของนายเข้าเต็มปอด เห็นแบบนี้ทุกเช้านายต้องโกนหนวดตลอด ผิดกับแอร์ที่นอกจากหน้ามันแผล็บตอนตื่นแล้ว ก็มีแค่ตอหนวดเหมือนเคราแพะตรงปลายคางสุดอนาถใจ

   ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ กับกลิ่นมาดแมนสุดเท่ในความคิด ปลายนิ้วของนายแตะตรงท้ายทอยเบาๆ ทำเอาสะดุ้งขนลุกซู่

   “คิดอะไรง่ายๆ เหมือนเดิม” บ่นเล็กน้อยตามนิสัยและพูดถึงรอยสักตรงท้ายทอยของแอร์ด้วยความสนใจ “ว่าจะถามนานแล้ว รอยสักนี่สักตั้งแต่เมื่อไหร่”

   ภายนอกที่ดูเหมือนผู้ชายอบอุ่นแสนสะอาด เบื้องหลังเสื้อนักศึกษาคือรอยสักรูปข้าวหลามตัดสีดำ ที่มีลายกราฟิกอยู่ข้างในสุดอาร์ต มันอยู่ตรงตำแหน่งท้ายทอยก็จริง แต่ปกติจะถูกคอเสื้อปิดไว้จนมิด ต้องถอดเท่านั้นถึงจะเห็นเหมือนในเวลานี้

   “แอร์?” เห็นอีกคนเงียบเลยเรียกซ้ำอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็ไม่อยู่เฉย จัดการช่วยเช็ดขาให้จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าไวๆ

   คนที่เจอเสียงทุ้มต่ำระยะประชิดหูค่อยหลุดจากภวังค์ แม้นายจะร้องเพลงไม่เก่ง แต่เสียงมีเสน่ห์มาก เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แอร์หลงใหล

   “สักช่วงวัยคะนองตอนม.ปลายน่ะ ฉลองก่อนเข้ามหา’ลัย” คิดย้อนกลับไปก็อดขำไม่ได้ พอครอบครัวรู้ว่าสัก นอกจากจะไม่ว่าอะไรแล้วยังชมว่าสวยดี แต่ก็ห้ามสักอีกเด็ดขาด โดยเฉพาะนอกร่มผ้า เพราะมันอาจจะมีปัญหาได้ทั้งในวัยเรียนและวัยทำงาน ซึ่งแอร์เองก็เข้าใจ เลยเลือกสักแค่นี้

   “เป็นการฉลองที่แปลกดี แต่ก็เหมาะกับนาย” ไม่รู้ว่านายจงใจหรือชอบรอยสักนี้จริงๆ เลยลูบเล่นเสียหลายทีไม่เกรงใจคนป่วยที่สยิวไปทั้งตัว ระหว่างที่คิดว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปดี หรือจะหาเสื้อมาสวมให้มันรู้แล้วรู้รอด ประตูก็เปิดผ่างออกมาพร้อมร่างคุ้นตาสามคน

   “ฉันมาแล้วจ้า!” แมวถือถุงข้าวยิ้มร่ามาก่อนใคร ตามด้วยเบสกับปลื้มที่อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า

   ผู้ชายสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันบนเตียง นายใส่ชุดเต็มยศก็จริง แต่แอร์เหลือเพียงอันเดอร์แวร์สีเข้มตัวเดียว เผยผิวขาวกระจ่างกับใบหน้าอิดโรยจากพิษไข้ ทำให้หางตาตกที่ดูเหมือนผู้ชายตาหวานอยู่แล้ว ยิ่งหยาดเยิ้มเข้าไปใหญ่ขนาดนี้เบสกับปลื้มผู้ชายทั้งแท่งยังอดหน้าแดงไม่ได้ พร้อมใจกันยกมือปิดตาเพื่อนสาวที่ร้องอู้หู้วออกมาไม่สมเป็นกุลสตรี

   นายรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเพื่อนแล้วรื้อเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขายาวมาให้แอร์ใส่แก้ขัดไปก่อน ด้วยความที่พวกเขาหุ่นพอๆ กันเลยยืมใช้กันได้สบาย แอร์เองก็ไม่คิดโชว์เรือนร่างไปมากกว่านี้ หากมีแค่นายคนเดียวก็ว่าไปอย่าง เลยรีบรับเสื้อผ้าที่นายโยนมาสวมเสร็จเรียบร้อยด้วยเวลารวดเร็ว

   “พวกนายขึ้นมาได้ยังไง” นายขมวดคิ้วถาม เพราะหอนี้หากคนไม่มีคีย์การ์ดจะไม่สามารถเข้ามาได้

   แมวที่ปัดมือเพื่อนทั้งสองออกเป็นฝ่ายตอบ พลางวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะ ดวงตามองแอร์ด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มจนแอร์ขยับไปหลบอยู่ด้านหลังนายแบบเนียนๆ “รอคนเปิดพวกฉันก็ตามเข้ามาไงล่ะ อีกอย่างนะ นายรีบเกินไปเลยไม่ได้ล็อกประตู พวกฉันเคาะตั้งนานไม่มีคนตอบเลยถือวิสาสะเข้ามาเลย ไม่คิดว่าจะได้เห็นของดี” สาวเจ้าเปลี่ยนเป็นยิ้มร่า ไม่ได้ดูสีหน้าแอร์เลยสักนิด

   นายสนิทกับพวกเพื่อนแอร์ก็จริง แต่แอร์ไม่สนิทกับเพื่อนของนายเลยแม้แต่น้อย ขนาดเจอกันเคยเจอกันไม่กี่ครั้งเองมั้ง บรรยากาศภายในห้องมันก็จะกระอักกระอ่วนหน่อยๆ

   เบสกับปลื้มเป็นผู้ชายทั้งแท่งเหมือนกัน เข้าใจดีว่าถูกผู้หญิงสาวแต่นิสัยไม่สวยอย่างแมวคุกคามแล้วมันอึดอัดแค่ไหน ปลื้มเลยเปลี่ยนเรื่องคุยดื้อๆ

   “นายไปเทข้าวใส่จานเหอะ แอร์จะได้กินยาด้วย”

   “ส่วนพวกเราก็กลับได้แล้ว จะได้ไม่รบกวนคนป่วย หายไวๆ นะแอร์ ผู้หญิงทั้งมหา’ลัยรอนายอยู่” เบสแจกยิ้มเป็นมิตรให้แอร์ ก่อนหันมาบอกเพื่อน “พวกฉันกลับก่อนนะ เรื่องเงินไว้คืนพรุ่งนี้!” สิ้นคำก็ลากแขนแมวออกจากห้องไปดื้อๆ ทั้งห้องเลยตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

   จู่ๆ แอร์ก็หลุดขำ “เพื่อนนายน่าจะไปเป็นประกันนะ มาเร็วเคลมเร็วจริงๆ” คนป่วยไม่เจียมเอ่ยแซวขำๆ นายเองก็หัวเราะเบาๆ แล้วดันให้แอร์นอนลง

   “พวกนั้นก็แบบนี้แหละ ส่วนคนป่วยนอนซะ เดี๋ยวฉันไปเทข้าวต้มมาให้ จะได้กินยา”

   แอร์ที่ถูกดึงผ้าห่มจนถึงคอ พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สายตาไม่ละจากแผ่นหลังของนายที่เดินไปมาในห้อง เปลี่ยนน้ำในกะละมัง แล้วบิดผ้ามาวางไว้บนหน้าผาก ค่อยเดินไปยังโซนครัวเทข้าวต้มกับข้าวของตัวเองใส่จานมานั่งกินด้วยกันข้างเตียงนอน เพราะถึงจะบอกว่าเป็นห้องใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนขนาดนั้น แค่ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่แบ่งมุมใช้สอยตามสมควร

   พอกินข้าวกินยาเสร็จ คนที่ควรนอนกลับเปิดเพลงมือถือฟังเฉย นายที่ยืนล้างจานอยู่ตรงระเบียงเลยได้ฟังไปด้วย

   นั่งมองดูตัวเราเอง
   นั่งฟังเพลงประจำตัวเรา
   ฟังแต่เพลงคนข้างล่างทุกวัน

   ได้แต่แหงนมองไปวันๆ
   ก็รู้ว่าคงจะไม่มีวัน
   ที่เธอนั้นจะมองเห็นกันสักที

   จังหวะที่นายหันมาพอดี สบตากับแอร์ที่แอบมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายไปเต็มๆ แอร์เลยยิ้มยักคิ้วให้ กลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง

   ทำได้แค่เพียงนั่งฝัน
   ว่าเธอจะมองคนอย่างฉัน
   และคิดไปไกลว่าสักวัน
   ที่สองเราได้รักกัน

   แต่ฝันก็คงไม่กลายเป็นจริง
   เพราะความจริงเธอนะอยู่บนนั้น
   แต่ฉันยังอยู่ตรงนี้
   อยากขอให้มีแค่สักวัน
   ที่เธอนั้นได้เห็นกัน
   และฝันก็คงได้กลายเป็นจริง

   เป็นเพลงที่ช่างตรงใจกับแอร์เวลานี้ พอถึงท่อนสำคัญเลยอดไม่ได้ที่จะร้องด้วยเสียงตัวเอง แม้จะแหบพร่าและขาดห้วง แถมยังฟังดูขึ้นจมูกไม่สมกับเป็นนักร้องคนเก่ง แต่สื่อด้วยใจไปเต็มๆ

   “เธอนั้นสูงเกินจะใฝ่
   อยู่ห่างไกลจากคนอย่างฉัน
   ก็รู้ดีว่าไม่มีวัน
   แต่จะทำยังไงก็ไม่หยุดรักเธอ…

   ก็เรานั้นมันคนละชั้น
   จะทำเช่นไรให้มองเห็นกัน
   ก็เธอนั้นอยู่คนละชั้น
   ได้แต่แหงนมองขึ้นไป”

   นายเช็ดมือเดินมานั่งข้างเตียงเปลี่ยนผ้าบนหน้าผากให้คนป่วยที่ตกอยู่ในห้วงรักจนตาพร่า เพลงจะเป็นยังไงผมไม่สนใจแล้ว ผมตัดข้ามไปร้องท่อนจบตามความต้องการของหัวใจ

   “อยากให้เธอมองมาสักที...”

   เสียงดนตรีที่ดังคลอ ไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกเขาในตอนนี้ แอร์ถือโอกาสว่าตัวเองป่วย ขยับหัวไปนอนหนุนตักแข็งๆ ของนายแต่ให้ความรู้สึกดีแบบสุดๆ

   “เพิ่งรู้ว่าเป็นพวกป่วยแล้วอ้อน”

   ไม่เลย เวลาแอร์ป่วย แอร์จะไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่ง เพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร แต่เวลานี้แอร์อยากให้นายอยู่ข้างๆ มากกว่า

   มือหยาบจากการเล่นดนตรี จับมือใหญ่มาโปะตรงหน้าตัวเอง พึมพำพูดเสียงแหบเป็ดจนน่าขำ “ขี้อ้อนสุดๆ ไปเลย ถ้าไม่มีใครให้อ้อนจะไม่ให้ป่วย ดังนั้นอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน” ไถๆ หัวตัวเองกับมือเย็น ท่าทางเหมือนเด็กผิดลุคเท่เป็นที่พึ่งแบบทุกทีทำให้นายหลุดขำ

   ที่ผ่านมานายเอาแต่พึ่งแอร์ในวันแย่ๆ ของชีวิต พอกลายมาเป็นที่พึ่งให้แอร์บ้าง เลยรู้สึกภูมิใจแบบแปลกๆ

   “เหนื่อยก็พัก อ่อนแอก็ไม่ต้องฝืน พึ่งฉันบ้างก็ได้ เหมือนที่ฉันพึ่งนาย จะได้แฟร์กับทั้งสองฝ่าย”

   ตึกตัก...

   แค่คำธรรมดา แถมเป็นคำที่แอร์เคยใช้พูดกับนาย พอหลุดออกมาจากปากอีกฝ่ายแบบนี้ หัวใจก็รู้สึกพองโตคล้ายจะล่องลอย ได้แต่กัดปากพยายามกลั้นยิ้มแล้วดึงผ้าห่มคลุมมิดหัว ทั้งที่ยังยึดขาชาวบ้านแทนหมอน

   เวลานี้นายอาจจะไม่ได้คิดอะไรจริงๆ นอกจากฐานะเพื่อ แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ย่อมดีกว่าความรู้สึกเกลียดชังอยู่แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าสักวัน จะได้อยู่ชั้นเดียวกันสักที

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพลงประกอบ
Jaonaay - คนละชั้น
https://www.youtube.com/watch?v=Lxeq3_uWib8

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เมื่อไหร่จะคืบหน้า..ออกมาจากคอมฟอร์ทโซนกันเถอะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด