พี่หมีและตุ๊กตาหมีของเขา
บ่ายวันนี้เขาเปิดประตูรถเข้ามานั่งข้างคนขับในรถยนต์เจ็ดที่นั่งคันใหญ่อย่างเคย แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอไอ้หมีในลุคสวมแว่นกลมไม่เหมาะกับความโหดร้ายของมัน
“หมีอะไรเอ่ยใส่แว่น”
“หมีพ่อง”
“ทำไมใจร้าย”
คนมาใหม่ว่าก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย วันนี้ไอ้หมีมารับเขาไปเรียนช้ากว่าปกติเพราะเมื่อคืนหมีนั้นงมกับโปรเจคชิ้นใหญ่ของสาขาวิชาออกแบบภายในจนแทบจะไม่ได้นอน
“ทำไมวันนี้ใส่แว่น”
คนนั่งถามคนขับขณะที่เคลื่นรถออกถนนใหญ่ เจ้าของรถมองซ้ายขวาอย่างชำนาญพร้อมกับตอบ
“แสบตา เมื่อคืนเพ่งจอคอมนาน”
คนที่นั่งข้างคนขับจ้องแว่นที่เลนส์ค่อยๆเปลี่ยนแสงเมื่อโดนแสงแดด โชคดีที่ไอ้หมีผู้วันๆเอาแต่ทำงานหน้าคอม อ่านหนังสือและตัดโมแค่ตาแพ้แสงนิดหน่อยยังไม่ถึงกับสายตาสั้นแบบที่ต้องใส่แว่นตลอดเวลา เขาได้ยินหมีมันบ่นตั้งแต่เมื่อวานว่าแสบตา
“ไปหาหมอไหม”
เขาถามพร้อมๆกับที่อีกคนส่ายหน้า
“หยอดตาก็หาย เป็นบ่อย”
เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มลงพิมพ์แจ้งเตือนในมือถือว่าหลังเลิกเรียนให้ซื้อยาหยอดตาให้หมีมันด้วย
“วาเลนไทน์หมีจะให้อะไรเค้า”
ว่าแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมกับแบมือขอของขวัญจากอีกคน แต่อีกคนกลับหาสนใจไม่
“ทำไมต้องให้”
“มึงไม่โรแมนติคเลย”
คนขับเหลือบมองหน้ายู่ๆคนข้างๆก่อนจะตอบ
“อะไรติคๆคล้ายๆพลาสติกไหม”
ละแล้วหน้าตาน่ารักเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นสลดอย่างเห็นได้ชัด
“กระติกมั้ง สัด”
ไอ้หมีกลั้นขำก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้น และสายที่ว่าก็คงไม่พ้นต้องคุยงานกับลูกค้าและสถาปนิกอีกเช่นเคย ด้วยความที่เขาเรียนไปด้วยรับงานเขียนแบบไปด้วยชีวิตเลยวุ่นวายไปหน่อย และพอเลี้ยวรถเข้ามาจอดในอาคารจอดรถของคณะแล้วถึงพึ่งได้วางสาย
เจ้าของรถกดปลดล็อครถก่อนจะหันไปบอกคนข้างๆ
“ไปเรียนไป เจอกันที่สนามบอลตอนเย็น”
คนตัวสูงบอกพร้อมกับเอื้อมหยิบกระเป๋าตัวเองที่วางไว้เบาะหลัง แม้ชีวิตจะยุ่งแค่ไหนเขาก็ไม่เคยละเลยการไปเตะบอล เพราะนอกจากได้ออกกำลังกายแล้วเขายังใช้มันเป็นกิจกรรมคลายเครียดพปปะกับเพื่อนๆด้วย
“ขอให้ฝั่งมึงแพ้”
อีกคนว่าพร้อมกับแยกเขี้ยวให้
“เดี๋ยวโดนเตี้ย”
เขาขยี้หัวทุยๆมันไปทีก่อนจะถดมือออกเมื่ออีกคนจ้องหน้านิ่ง
“อะไร”
เขาถามเมื่อเห็นท่าทางนิ่งงันของอีกคน ปากอิ่มเม้มเป็นเส้นตรงเหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่แล้วก็ยิ้มกว้างให้เช่นเคยก่อนจะโบกมือให้ก่อนจะลงรถไป
เตยหรือไอ้เตี้ยที่หมีมันชอบเรียกกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องเรียนเพราะวันนี้นัดกับประธานรุ่นที่ใครๆเรียกว่าเจ้แว่น ว่าจะมาช่วยเก็บกวาดห้องปฏิบัติการก่อนเข้าเรียนวิชาการปั้น
“เจ้แว่น”
คนถูกเรียกหันมาหรี่ตาก่อนจะพูด
“แว่นพ่อง กูชื่อนานา”
“ทำไมวันนี้มีแต่คนด่าผมวะ”
คนพึ่งมาถึงเดินไปหยิบไม้กวาดในห้องแล้วลงมือช่วยเจ้แว่นเก็บกวาดเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ในห้องเรียนเพื่อเตรียมห้องให้พร้อมสำหรับคาบเรียนต่อไป
“ทำไม พ่อด่ามารึไง”
“อือ แม่งไม่สนใจอะไรผมหรอก”
เธอยิ้มขำไอ้คนที่ทำหน้าบูด
“น้อยอกน้อยใจ”
ส่วนคนที่ถูกขำหันมาทำหน้าหงิกใส่เพื่อน
“เพราะรูปเมาตอนปีใหม่แหละ”
เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะตอนปีใหม่เพื่อนที่สาขาชวนกันกันไปเที่ยวรีสอร์ทใกล้เขาใหญ่ ซึ่งวัยรุ่นและเหล้านั้นย่อมเป็นของคู่กัน ไอ้เตยเมาเป็นหมาแล้วดันบังคับให้เจ้แว่นถ่ายรูปตัวเองอัพโหลดลงไปที่เพจสินกำ อักลี่บอย เพราะคิดว่าตัวเองหล่อโดยที่เอาจริงๆทำไปเพราะเมาแล้วจำอะไรไม่ได้เลย
สามอาทิตย์ให้หลังไม่รู้ไอ้หมีมันไปค้นเจอได้ยังไง งานเลยงอกกันยาวๆเพราะมันเองก็รู้ว่าไอ้หมีไม่ดื่มและไม่อยากให้ดื่ม และไอ้เตี้ยที่เอาหมดทั้งเหล้าและบุหรี่ ทำคุณหมีตัวใหญ่งอนไปหลายวัน
"แต่นั่นเพื่อนหรือผัว”
เพื่อนสาวหันมาถาม
“ผัวมั้ง”
มันตอบอย่างเซ็งชีวิต แม้เตยจะรู้จักไอ้หมีดีกว่าใครมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนต่างก็ติดภาพหมีของมันเป็นพี่คินรองประธานคณะหนุ่มสถาปัตย์ อย่างน้องผู้หญิงในคณะเขานี่พอรู้ว่าเขากับมันรู้จักกันก็คอยมาถามหาแต่พี่คินๆ จนอยากจะบอกไปเลยว่านั่นแฟนพี่ แต่ถึงบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะทุกคนต่างก็คิดว่าพวกมันสองเป็นแค่เพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“นี่กูเริ่มเชื่อจริงๆละนะ”
แม้แต่นานาที่เป็นเพื่อนกันเข้าปีที่ 3 ก็ยังไม่เชื่อมันเลย
“เชื่อเถอะเจ้ กูไหว้ล่ะ”
เตยมันยกมือไหว้พร้อมกับไม้กวาดทางมะพร้าวที่ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือ
“ตอนเย็นเล่นบาสป่าวเตย หรือพ่อมึงตาม”
มีคนที่เชื่อเรื่องมันกับไอ้คินอยู่คนนึง คนที่ว่าก็คือไอ้นนเพื่อนสาขาเดียวกันและมีงานอดิเรกคือการเล่นบาสเหมือนกัน
“ต้องไปรอพ่อว่ะ”
นนทำหน้าตาเซ็งก่อนจะตอบ
“เออ กลับบ้านไปเถอะ”
ความจริงนนเองก็ไม่เคยเชื่อว่าเพื่อนตัวเองกับคินหนุ่มหล่อสถาปัตย์จะเป็นแฟนกันแบบที่ไอ้เตยมันกล่าวอ้าง จนเจอไอ้คินขับรถมาลากไอ้เตยจากวงเหล้าที่บ้านนั่นแหละ จะให้เล่าก็ยาว เอาเป็นว่าเกือบทำผัวเมียเขาบ้านแตก
“รีบไปเฝ้าพ่อมึง แถวนั้นสาวอักษรสวย”
นนว่าพร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะใกล้ตัว เตี้ยมันทำตาโตใส่เพื่อนพร้อมกับด่าด้วยถ้อยคำอันสุภาพไพเราะ
“ไอ้เหี้ยนน”
“นู่นๆผัวกูมา”
และแล้วเจ้แว่นก็ไม่สนใจเรื่องราวของไอ้เตี้ยแต่หันไปโฟกัสรุ่นพี่ผู้ไว้เคราเฟี้ยวและเรียนสาขา fine art แทน พี่เขายืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าประตูห้องเรียน ซึ่งจากสายตาไอ้เตยดูยังไงก็ไม่หล่อและเท่เท่าไอ้หมีของมัน
“เจ้ มึงก็ชอบแบบนั้นนะ”
เตี้ยเหนื่อยใจ
“สเปคค่ะ เดี๋ยวกูจะไปติดสติกเกอร์หัวใจให้เขา วาเลนไทน์พอดีเลย”
นานาบอกก่อนจะวางไม้กวาดและเดินออกไปหน้าห้องโดยไม่ได้สนใจเพื่อนสองคนที่มองหน้ากันด้วยความเอือมระอา
****
วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ มันเป็นวันไม่สำคัญสำหรับคนโสดแต่เป็นวันที่คนมีแฟนกำลังเฝ้ารอของขวัญอย่างเช่น ดอกไม้ ช็อคโกแลต หรือไม่ก็ตุ๊กตาหมีอันใหญ่แบบนี้
“อ้าวหมี มึงไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่”
เจ้าของตากลมโตถามคนตัวโตที่หอบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มาหลังจากเตะบอลเสร็จและพร้อมที่จะกลับบ้าน เตยอดแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับของขวัญที่หมีมันได้มา
“กูจะเอากลับบ้านยังไงวะ”
คนแบกมาบ่น ส่วนคนที่นั่งรออยู่ข้างสนามบอลนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มกว้างเช่นเคย
“เดี๋ยวมึงแบกหัว กูแบกขาแล้วเอาไปยัดในรถ”
คนพูดบอกเจือเสียงขำ แต่คนที่หอบตุ๊กตามาไม่ได้ขำตามแม้แต่น้อย
“กลับยัง ป่ะ”
สรุปแล้วการขนหมีก็ไม่พ้นช่วยกันแบก แล้วยัดมันไว้ที่เบาะหลัง แปลกไม่น้อยที่ไอ้เตี้ยปกติจะรื่นเริงถามนั่นนี่วันนี้กลับไม่คุยพูดอะไรไอ้หมีเองก็ไม่ได้พูดถึงของที่ได้มาแม้แต่น้อย
“เตี้ย”
คนที่กำลังขับมุ่งหน้ากลับบ้านหันไปหาคนข้างตัวก่อนจะพบว่าคนที่เรียกกำลังมีสายเข้า เตี้ยรับโทรศัพท์สายจากเพื่อนสาวที่จู่ๆก็โทรมาทั้งๆพึ่งแยกกัน แต่ก่อนที่จะได้ทักทายเจ้แว่นก็พูดขึ้นมาก่อน
“เตยมึงฟังกูนะ”“อะไรเจ้”
“ไอ้พี่เคราแม่งขอเบอร์กู”แค่ฟังเสียงก็รู้ว่าปลายสายกำลังตื่นเต้นมาก
“เหี้ยยยยยย”
และมันก็ตกใจมากไม่แพ้กัน เพราะเห็นว่านานาแอบชอบพี่คนนี้มานานมากแล้ว ไม่คิดว่าการหน้าด้านเดินไปติดสติกเกอร์รูปหัวใจให้เขาจะทำให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปได้
“ใครบอกวาเลนไทน์กูจะนก ไม่จริงเลยค่ะ”มันขำเพื่อนตัวเองก่อนจะบอก
“พรุ่งนี้เลี้ยงน้ำผมด้วย อยาลืมสัญญาที่บอกว่ามีแฟนจะเลี้ยงน้ำ”
พวกมันคุยกันได้อีกไม่กี่คำเจ้แว่นก็วางไปเพราะพี่เคราโทรมา เตี้ยขำตามหลังเพื่อนตัวเองก่อนจะหันมาเจอหน้าตาสงสัยของคนข้างๆที่ดูก็รู้ว่าต้องอธิบาย เพราะถ้าหมีโกรธแม้มันจะแกล้งตายก็คงไม่รอด
“จำเจ้แว่นได้ไหม”
คินนึกอยู่หน่อยก่อนจะถาม
“ใคร”
“คนที่ลงรูปกูเมาที่เขาใหญ่แล้วมึงทักแชทไปขู่เขา”
เห็นภาพเลยทีเดียว...ที่ต้องเรียกว่าขู่เพราะไอ้คินมันขู่จริงๆว่าถ้าไม่ลบรูปจะตามไปถึงคณะ
“แล้ว?”
“เจ้แกแอบชอบรุ่นพี่คนนึง วันนี้เห็นเป็นวันวาเลนไทน์เลยเดินไปติดสติกเกอร์เขา แล้วพี่คนนั้นก็ขอเบอร์เจ้”
คนฟังทำตาโตก่อนจะยิ้มน้อยๆดูก็รู้ว่าตื่นเต้นตามไปด้วย
“จริงๆแล้วแว่นก็สวยนะ”
คินพูดตามความจริง
“จริง กูบอกให้เจ้ถอดแว่นแล้วแต่งหน้าดีๆมันก็ไม่เอา”
เตยสนับสนุนอีกเสียง เพราะเป็นเพื่อนกันถึงได้เห็นว่าจริงๆแล้วนานาทั้งสวยทั้งเก่ง น่าเสียดายที่ไม่ยอมทำตัวสวยๆบ้าง วันๆเอาแต่เรียนแล้วโขกสับมันกับไอ้นน
“หมี มึงเคยด่าเจ้แกว่าเสือกด้วย กูจำได้”
คนขับรถแอบขำก่อนจะอธิบาย
“ก็อยู่ดีๆแชทมาถามว่ากูเป็นอะไรกับมึง แล้วช่วงนั้นกูคิดว่าเขาชอบมึง”
เรื่องเมาตอนปีใหม่มันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะไอ้คินมันทักแอดมันเพจสินกำอักลี่บอยที่ลงรูปไอ้เตี้ยเมาไปเพื่อขอให้ลบรูป แต่แอดมินไม่ยอมลบแถมบอกว่าไอ้เตี้ยให้ถ่ายเอง นอกจากนั้นยังส่งรูปที่ถ่ายรูปคู่กันมาให้ดูอีกเป็นกระบุง เรียกได้ว่าแรงมาแรงกลับ จนเกือบจะได้ตีกันจริงๆ จนไอ้เตี้ยมาบอกว่าแอดมินเพจคือเจ้แว่นแถมวันนั้นมันเมาแล้วขอให้เขาเป็นคนถ่ายรูปเองเรื่องถึงจบ จบแบบตลกเพราะคินเองดันจำเจ้แว่นตอนไม่ใส่แว่นไม่ได้ คิดว่าแอดมินเพจเป็นสาวสวยถ่ายรูปซบกันกับไอ้เตี้ยมาเย้ย เรียกได้ว่าโมโหฟรีอยู่นานเลย
“เขาก็ควรถามไหม อยู่ดีๆไปบอกให้เขาลบรูปในเพจ”
เตี้ยว่าก่อนจะโดนสายตาคาดโทษ
“เดี๋ยวโดน”
หมีหันมามองหน้าคาดโทษอีกคน ก่อนจะคุยกันสัพเพเหระ ดีกว่าตอนขึ้นรถมาใหม่ๆที่เตยเอาแต่ถามคำตอบคำ เขาวกไปส่งเตี้ยที่บ้านอย่างเคย
“พรุ่งนี้จะมารับกี่โมง”
เตยถามพร้อมกับมองหน้าบ้านตัวเองที่มืดเพราะไม่มีคนอยู่
“เที่ยง เดี๋ยวมากินข้าวด้วย”
เตี้ยพยักหน้ารับก่อนจะคว้ากระเป๋าตัวเองจากเบาะหลัง
“เอ้อ ลืม”
คนตัวเล็กกว่ารื้อของในกระเป๋าเป้ก่อนจะยื่นบางอย่างให้
“อะไร”
“ยาหยอดตา”
คินรับมาพร้อมกับพลิกดู เห็นเป็นยาหยอดตายี่ห้อจากญี่ปุ่นที่กำลังดังเรื่องความชุ่มชื้น
“ซื้อมาตอนไหน”
เขาถามคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างกัน เตยมันกอดกระเป๋าเป้ตัวเองไว้พร้อมกับตอบ
“ตอนมึงเตะบอล”
“ขอบใจ”
คินยิ้มให้อีกคน แต่ก็ยังไม่เท่ากับยิ้มกว้างที่คนใจดีส่งมาให้
“ขับรถดีๆ”
เตี้ยมันบอกพร้อมกับลงจากรถ
“ครับ"
เขาขานรับก่อนจะวนกลับบ้านตัวเองพร้อมกับหมีขนสีน้ำตาลตัวใหญ่เท่าคนตรงเบาะหลัง เขามัวแต่มองกระจกหลังจนไม่ได้เห็นว่าคนที่พึ่งลงรถไปยืนมองรถของเขาจนลับตา
เตยมันอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อกับแม่แยกทาง แม่ไปอยู่อเมริกากับคุณลุงฝรั่ง ส่วนพ่อก็แต่งงานใหม่ มันเคยไปอยู่กับพ่อแต่ก็พบว่าตัวเองเข้ากับแม่ใหม่ไม่ได้ ส่วนอเมริกานั้นไม่เคยมีความคิดว่าอยากจะไปอยู่ มันแค่ไปเยี่ยมแม่บ้างก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นบ้านหลังที่อยู่จึงเป็นบ้านเก่าที่เคยอยู่กับพ่อแม่ แต่ตอนนี้มีมันแค่คนเดียว แม้จะไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เหงา ดีที่มีไอ้หมี...ถึงหมีมันจะมารับส่งเกือบทุกวัน แต่นานๆครั้งถึงจะมาค้างด้วย แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว เพราะหมีมันเองก็มีพ่อแม่ มีครอบครัวของตัวเอง
แต่เดิมพวกมันสองคนไม่เคยสนใจวันสำคัญเช่นวันครบรอบหรือวันวาเลนไทน์อะไรนัก อาจจะเพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ปีนี้กลับแปลกไป เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งนานไม่เคยเห็นคินมันรับของจากใคร ทั้งยังคิดไม่ตกว่าของขวัญชิ้นนั้น ใครกันที่เป็นคนให้มา ทำไมคินถึงได้รับมาง่ายๆ เขาเลยทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกผิด เพราะสุดท้ายแล้วเขาเองก็ไม่ได้เตรียมอะไรให้คินเลย
...แต่สรุปแล้ววันนี้ก็ยังเหมือนวันธรรมดาที่ผ่านๆมา...
****
“หมี กูอยากกินมาม่าเผ็ด”
ไอ้เตี้ยเริ่มงอแงเมื่อเห็นว่าอีกคนซื้อผัดผักกับต้มยำเข้ามากินที่บ้านทั้งๆที่มันไลน์ไปบอกให้ซื้อมาม่าเผ็ดของเกาหลีมาให้หน่อย
“ไม่มีประโยชน์”
หมีไม่เคยตามใจพอๆกับที่เตยไม่เคยเลิกเอาแต่ใจ เตี้ยมันเดินเข้ามากอดแล้วบ่นไปคลอเคลียไป คินไม่ชอบนักกับการทำตัวแบบนี้ในที่สาธารณะเพราะไม่ชอบเป็นจุดสนใจ แต่ไอ้เตี้ยเองชอบวิ่งเข้ากอดที่สนามบอลบ้าง หน้าคณะบ้างโดยมีเหตุผลเดียวคืออยากกวนโมโหเขา พอเขาโมโหได้ก็จะดีใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาเองก็ชอบความพยายามบ้าๆของมันเหมือนกัน
“มึงใจร้าย”
คนตัวเตี้ยกว่าเอาหัวซุกอกเขา
“หายซึมแล้วเหรอ”
คินถอนหายใจก่อนจะ กอดอีกคนไว้แน่นก่อนจะโยกไปมา เมื่อวานตรงสนามบอล...ดูก็รู้ว่าอีกคนกำลังน้อยใจเรื่องตุ๊กตาหมีอยู่แน่นอน แต่เขาเองก็ผิดที่ไม่พูดอะไรให้ดีขึ้น
“ใครซึม”
คนตัวโตอมยิ้มเล็กๆก่อนจะอธิบายสิ่งที่ควรทำตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่ทำ เหตุผลก็เพราะเขาอยากเห็นว่าเตี้ยมันจะโวยวายไหม ถามไหม หึงไหม... สรุปน้องเตยก็ซึมลงไปถนัดตาโดยไม่ปริปากอะไรสักนิด
“หมีตัวเมื่อวานน้องที่คณะให้มา เขารวมตังค์กันหลายคน เหมือนขอบคุณที่ช่วยไปติวหนังสือด้วย วันวาเลนไทน์ด้วย กูเลยรับมา”
ไอ้เตี้ยเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วก่อนจะยิ้มเช่นเคย
“ไม่รับสิกูจะตีมึง เดี๋ยวน้องๆเสียน้ำใจ”
และแล้วก็เป็นแบบที่คิด เตยมันก็เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นการที่เขาจะได้เห็นมันหึงรึหวงแบบจริงจังนี่คงไม่มีทาง เพราะถ้าขืนเล่นแรงไปคนที่ต้องมาปวดหัวคงเป็นเขาเองมากกว่า
“กล้าตีกูเหรอทุกวันนี้”
ที่ไอ้เตยเรียกคินเรียกว่าพ่อมีแค่เหตุผลเดียวคือหมีนั้นดุเยี่ยงหมีควาย แต่ไอ้เตยกลับบอกนนเพื่อนยากว่าเขาเรียกเกรงใจเขาไม่ได้เรียกกลัว
“เดี๋ยวโดน”
เจ้าของบ้านล้อคำพูดที่หมีมันชอบพูดอยู่บ่อยๆโดยที่ยังกอดเขาไว้แน่นเหมือนเดิมพลางเงยหน้าถามเรื่องเมื่อวาน
“ตาหายแสบยัง”
คินยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เขาก้มลงเอาปากแตะที่มุมปากอีกคนก่อนจะออกคำสั่ง
“ล้วงเข้าไปในกางเกงให้หน่อย”
“อะไร”
เตี้ยมันหรี่ตาทำหน้าตาไม่ไว้ใจ เขาขำก่อนจะเร่ง
“เร็ว มือกูไม่ว่าง”
แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมทำตามคำสั่ง
“ไม่ว่างยังไง”
เตี้ยมันถาม ซึ่งอีกคนก็ยักคิ้วให้พร้อมกับปล่อยมือที่กอดออกจากเอวมัน
“ไม่เอาๆกอดไว้ เดี๋ยวล้วงให้ เอาอะไร ยาหยอดตาเหรอ”
เตี้ยงอแงพร้อมกับจับมือพี่หมีโอบไว้ที่เดิมก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงสแล็คขายาว
“ล้วงให้ถูกนะมึง ข้างในมีงู”
เจ้าของกางเกงว่า ส่วนอีกทำหน้าตาเจ้าเลห์เกินเหตุ ถ้าขืนเล่นต่อคงโดนไอ้เตี้ยมันล้วงอย่างอื่นแน่นอน
“ทำหน้ากวนตีน หยิบขึ้นมาดีๆ”
คนที่เนียนลูบขาเขาอยู่สักพักหยิบซองกระดาษเล็กๆขึ้นมาจากระเป๋ากางเกงของอีกคนแล้วเปิดออก
“อะไร สร้อย”
มันว่าพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย คนที่ซื้อสร้อยเส้นเล็กมากอดเจ้าของบ้านแรงๆทีนึงค่อยพูด
“แฮปปี้วาเลนไทน์ครับ”
แทนที่จะได้ยิ้มหวานกลับมาเป็นคำขอบคุณน้องเตยกลับถอยกรูดพร้อมกับทำหน้าตาไม่เชื่อใจ
“มึงเมาอะไร”
“ฮ่าๆ กลับมา”
เขาหัวเราะแล้วกวักมือเรียกอีกคนที่ถอยห่างออกไป
“นี่แกล้งใช่ไหม”
ทำยังไงก็เหมือนเตยมันจะไม่เชื่อ จนคนซื้อต้องทำหน้าดุ
“ลีลา เดี๋ยวกูเอาคืน”
“สาดดด ไม่”
แม้จะไม่เชื่อแต่ก็ยังหวงของ เตี้ยมันรีบแกะแล้วสวมเข้าคอตัวเอง แต่ลำบากอยู่หน่อยเพราะสร้อยคอมันสั้น
“มา เดี๋ยวใส่ให้”
คินถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหาอีกคน
“ห้ามเอาคืน”
ดูคนหวงของ...
“กูจะเอาคืนมาทำไม มันชื่อมึง”
เขาดึงตัวมันเข้ามาใกล้ก่อนจะสวมสร้อยสีเงินเส้นเล็กให้ ใบหูขาวของอีกคนแดงจัดแบบที่รู้ว่ากำลังเขิน
“ขอบคุณครับ”
แล้วไอ้คนที่เสียงดังอยู่เมื่อกี้ก็ขอบคุณเสียงเบา สักพักก็เริ่มตัวสั่น...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้เตี้ยของเขาร้องไห้ทำไม
“โอ๋นะเตี้ย สั่งไปนานแล้ว กะจะให้เมื่อวานแต่มันพึ่งส่งถึงวันนี้”
ยืนกอดปลอบกันอยู่สักพักไอ้คนงอแงถึงเลิกร้องไห้ ตาโตๆกับปลายสมูกแดงจนน่าสงสาร คินมันยืนจ้องหน้าอีกคนก่อนจะยิ้มบาง
จริงๆแล้วเขาเองก็เป็นพวกแข็งทื่อ ไม่ค่อยสนใจหรือใส่ใจอะไรเท่าไหร่ เลยไม่เคยให้ของอะไรเตยเลย คิดแต่ว่าจะพยายามเป็นแฟนที่ดีแต่พอเห็นเพื่อนซื้อของขวัญให้แฟนก็อยากให้บ้าง ให้เพื่อขอบคุณ เพราะเตยมันเป็นแฟนที่น่ารัก คอยช่วยเหลือกันอยู่ข้างๆ มันใส่ใจและมันใจดีดิดถึงใจเขาใจเรากับทุกคน ไม่เคยขออะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เคยเรียกร้องเวลาแม้จะไม่ค่อยมีให้ ไม่เคยงี่เง่าและเข้าใจกันมาตลอด แต่จะให้เฉยๆคนอย่างเขาก็ขี้เขินเกินไป...เพราะฉะนั้นวาเลนไทน์จึงเป็นทางเลือกที่ดี แม้ของขวัญชิ้นนี้จะส่งมาไม่ทันก็ตาม
แทนที่อีกคนจะดีใจแล้วหยุดร้องไห้ได้แล้วกลับกลายเป็นว่าสะอื้นยิ่งกว่าเดิมอีก เตี้ยมันลูบสร้อยเส้นบางๆมีจี้ชื้อตัวเองพร้อมกับบอกเสียงสั่น
“ขอโทษนะ ไม่ได้ซื้ออะไรให้เลย”
ว่าแล้วว่าเรื่องต้องออกมาแนวนี้ คนตัวสูงหัวเราะ
“ใครบอก”
เขากระชับกอดพร้อมกับก้มจูบแก้มของอีกคนแรงๆก่อนจะพูดยืดยาวผิดกับเวลาปกติ
“มึงซื้อเยอะแยะ ยาหยอดตาเมื่อวาน เกลือแร่หลังเตะบอลทุกวัน ขนม ข้าว นม ซื้อยาเวลากูไม่สบาย กระดาษรายงานยังซื้อ ผมก็พาไปตัดทุกเดือน รวมแล้วเยอะกว่าสร้อยอันนี้หลายเท่า”
เจ้าตัวว่าติดขำแต่อีกคนกลับไม่หยุดร้องง่ายๆ
“ไอ้ที่มึงทำให้ทุกวันทำให้กูไปเรื่อยๆก็พอ ไม่ต้องซื้ออะไรมาให้หรอก กูแค่อยากขอบคุณเฉยๆเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่เมื่อวานปิดโปรเจคได้แล้ว เดี๋ยวจะมาอยู่ด้วยจนมึงรำคาญเลยดีไหม”
พอยิ่งพูดกลับยิ่งร้องไห้หนักไปอีก คนพูดเลยถอดหายใจซะยาวก่อนจะเลิกกอดแล้วขยี้หัวมันแรงๆ
“เตี้ยเอ้ย พอแล้ว ไปกินข้าว”
คนที่ยังร้องไห้อยู่เงยขึ้นมาบอก
“ไม่กระติกเลยมึง”
คินขำก่อนจะแก้มุขให้มัน
“โรแมนติคไหมเตี้ย”
...สรุปแล้วหลังวันวาเลนไทน์ปีนี้ก็ต่างจากเดิมนิดหน่อย...
[END]
_____________________________
ชีวิตเตี้ยดีขึ้นกว่าเดิมแต่เรายังแก้บัคอยู่ที่เดิม 555
Happy Valentine ย้อนหลังค่ะ
กอดคนอ่านแรงๆเหมือนพี่คิน