ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering วิศวกรรมอุตสาหการ ]
เขียนโดย Boorina
ตอนที่ 2
สกิลเนียน
“ไอ้เอกหัวหอม...”
ผมเรียกชื่อติดคำสร้อยห้อยท้ายชื่อโหลๆ ของเพื่อนกลุ่มพันธมิตรซึ่งนั่งประจำแถว F ด้านหลังผมภายในห้อง Slope200 ของตึกภาควิศวกรรมอุตสาหการ ตามด้วยหันขวับไปมองหน้าแล้วเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน
“วิชาอังกฤษอาจารย์บอกหลังมิดเทอมมีงานกลุ่มสามคนให้ทำอีกแล้วว่ะ มึงจะแยกมาอยู่ด้วยกันอีกไหม”
ปกติวิชาภาษาอังกฤษควรเรียนครบทั้งสามตัวเก้าหน่วยกิตตั้งแต่ปีสอง แต่เนื่องจากมหา’ลัยของผมเหมาจ่ายค่าเทอมและมีหน่วยกิตเหลือ ผมจึงเลือกลงวิชาสปีคกิ้ง โดยไม่คิดว่าไอ้เพื่อนกลุ่มพันธมิตรจะเลือกตาม เวรกรรมจริงๆ
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไอ้เอกพยักหน้าเออออทันที ทำเอากลุ่มเพื่อนที่นั่งขนาบข้างเจ้าตัวซ้ายสองคนขวาหนึ่งคนเริ่มหันมองกัน สีหน้าราวกับกำลังเผชิญหน้ากับล่องความกดอากาศต่ำ ไม่ทันจะได้เอ่ยปากแย่งโควต้าที่เหลืออีกหนึ่ง ไอ้คนที่ฟุบหลับอยู่ก็ผงกหัวชูคอเสนอหน้าหล่อกระซวกใจขึ้นมากระแทกใส่ตาผม
“พี่เทียนคร้าบบบ... น้องเซียนอยู่ด้วยคนน้าาา...” ทำเป็นลากเสียงแบ๊วยาน เพิ่มความน่าเห็นใจด้วยสายตาหมาหงอย คิดว่ากูคนนี้จะหลงกล?
“เหอะๆ”
“เทอมก่อนโน้นเราก็ทำงานกลุ่มเดียวกันนะ มาเทอมนี้ไม่ชวนกันเลย บางทีก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งอ่ะ”
อื้อหือ พ่อรูปหล่อเดือนวิศวะสุดหล่อ โอ๊ย! ดูทำหน้าเข้า แลดูรันทดน่าสงสารจัง แหวะ!
“มึงไม่ต้องฉะอ้อนออเซาะฉอเลาะเป็นเด็กน้อย... งานกลุ่มก็ว่ามึงเป็นปลิงแล้ว งานเดี่ยวยังจะเกาะหนึบอีก สำนึกน่ะมีบ้างไหมวะฮะถามจริง”
หน้าตามันไม่มีหรอกที่จะแสดงความสำนึก ไร้ยางอายได้ถึงขั้นสุดนั่นแหละคือไอ้เซียน ใครที่มองมันเพียงผิวเผินอาจหลงไปด้วยภาพลักษณ์ แต่ลองได้ใกล้ชิดสักนิดจะรู้ซึ้งถึงความด้านได้อายอด ตอนที่นึกด่ามันไปร้อยแปดพันเก้า ไอ้เซียนกำลังหยิบๆ ล้วงๆ อะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ให้ผมสงสัย
“บ่นเป็นพ่อใส่มันขนาดนั้น งั้นก็มีที่ว่างสำหรับกูแล้วอ่ะดิ”
ผมคลี่ยิ้มให้ไอ้คนถามที่นั่งข้างไอ้เอก ก่อนจะรับของที่ถูกส่งมาจากไอ้เซียน
“เคยมีด้วยเหรอปิง” ตอกใส่หน้าคนที่ชอบฝันลมๆ แล้งๆ ก่อนจะโบกสะบัดตั๋วฟุตบอลรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย ไทย-ญี่ปุ่น โซน N อวดมัน เสร็จก็ยื่นมือไปลูบหัวไอ้เซียนอย่างเอ็นดูในความน่ารักเหมือนเด็กน้อย “งานดีมากไอ้เซียน แบบนี้กูยอมให้มึงเกาะจนวันตายเลย”
“เอ็นดูกูนานๆ นะครับไอ้เทียน กว่าจะได้ตั๋วใบนี้มากูนั่งรีเฟรชหน้าจอทั้งวันเลยนะโว้ย”
เอาของฟาดหัวผมสำเร็จมันก็สลัดสรรพนามที่แสนละมุนหูทิ้ง กลับมาสถุลมึงกูตามสันดานเดิม พร้อมฉีกยิ้มหล่ออวดรอยบุ๋มที่แก้มเพิ่มความอปป้าให้หนังหน้า ก่อนยื่นมือมาวางแหมะลงบนหัวของผม ถูไปมาจนรู้สึกว่าชักจะแรงเกินไป แต่ผมรึจะยอม แรงมาเท่าไหร่ก็รีเอฟเฟกต์กลับไปเท่านั้น
“ไอ้เชี่ยเซียน ปล่อย ผมกูเสียทรงหมดแล้วไอ้ห่า!”
“มึงเล่นหัวกูก่อนอ่ะ กูเอาคืนโว้ย”
“คืนบ้านโพ่งมึงสิ หนังหัวกูจะหลุดหมดแล้ว” ร้องโวยพลางง้างมือของมันที่กำเส้นผมจุกใหญ่ของผมไว้ “ไม่ปล่อยกูฉีกตั๋ว”
“ฉีกก็เรื่องของมึง กูไปดูคนเดียวได้ แต่มึงรับของๆ กูไปแล้ว ฉะนั้นงานกลุ่มเทอมนี้มึงก็ต้องให้กูเกาะด้วย ไม่งั้นกูไม่ยอม กูจะตามเกาะตามรังควานมึงจนอยู่ไม่สุขเลยคอยดู”
“เออ! ของมางานเดิน ว่าแต่ฟรีป่ะ?”
“ไม่ฟรีก็ต้องฟรีแล้วไหม ถามไม่คิด”
ตอนที่หันกลับมา ชีทเรียนวิชาดิฟอิเควได้ถูกเลื่อนกลับคืนมาจากไอ้เพื่อนเพลงที่นั่งข้างกัน มีข้อความเขียนด้วยลายมือที่ทำให้คิ้วผมต้องขมวดมุ่น
‘เนียนเลยเนอะ!’
ผมเพียงหันไปแสยะยิ้มปั้นหน้าเหนือชั้นใส่ไอ้เพลง ก่อนจะหันกลับมาก้มหน้างุดเพื่อยิ้มระรื่นให้กับผลลัพธ์ที่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บอกเลยว่าดีใจโคตรๆ ยิ้มแก้มปริจนหุบไม่ได้ ตัวผมแม้จะไม่ได้เก่งระดับหัวกะทิ มีดีแค่เอาตัวรอดสอบผ่านทุกวิชา แทบไม่มีวิชาไหนติดท็อป ไม่มีวิชาไหนตกมีน แต่มีวิชาหนึ่งที่ผมถนัดนั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษ ด้วยเพราะตอนม.ปลายเสล่อเรียนสายวิทย์-คณิต ภาคอินเตอร์
นอกจากนั้นแล้ว ภายใต้มาดมึน ไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรเลว ผมยังมีความแอบเนียนซุกซ่อนไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ไอ้ที่ทำทีเป็นถามไอ้เอกเรื่องงานกลุ่มนั่นแค่เปลือกที่เคลือบไว้ เพราะจุดประสงค์ที่ซ่อนไว้ก็คืออยากอ่อยให้บางคนเสนอตัวเข้ามาใกล้ผมเอง
บอกแล้วไงว่าแค่อยากใกล้ เรื่องที่จะให้มันมาตกหลุมรักผมนั้นแค่หลับฝันยังยากเลย
แล้วดูดิ ยังจะได้ไปดูฟุตบอลกับมันอีก ถึงจะมีเพื่อนคนอื่นพ่วงไปด้วยเป็นกระพวนก็เถอะ
งื้อ... ฟิลลิ่งนี้แหละ ใช่เลย
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมมีความสุขกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ จากคนด้านหลัง ตอนที่กำลังคิดย้อนหาจุดเริ่มต้นนั้น ผมได้แอบมองมันผ่านเงาสะท้อนจากเคสกระจกมือถือที่แสร้งทำเป็นส่องเบ้าหน้าหล่อน้อยของตัวเอง
“กูหล่อกว่า” เป็นเบ้าหน้าของคนชอบเสือกที่โผล่หน้าเข้ามาอยู่ในกรอบกระจกเดียวกัน แถมสะบัดหัวจนเส้นผมพลิ้วกระชากสายตาผมให้มองนิ่ง
“กวนตีนมากไปละ”
“ชอบด่ากู... ปากจัดนะเราน่ะ”
รู้สึกเกลียดดดดดดด สรรพนามสุดท้ายที่มันใช้เรียกผมจนเส้นประสาทที่ปลายเท้ากระตุก ไม่ใช่อะไรหรอก แค่รู้สึกหวั่นไหวไปชั่วขณะ เป็นดาเมจรุนแรงที่ปั่นป่วนหัวใจโคตรๆ คล้ายกับตอนนั้น
โมเมนท์ที่ 001...
‘หนักเหมือนกันนะเราน่ะ’
‘งั้นสลับกัน!’
‘นั่งไป ใกล้ถึงแล้ว’
ผมจำได้ดี... ครั้งแรกที่เราเจอกันบนรถกระป๊อในช่วงเวลาที่คนแน่นขนัด และต่างเร่งรีบเพื่อไปสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยให้ทันเวลา ผมจำต้องสละที่นั่งให้นักเรียนสาว ม.ปลายเพื่อย้ายก้นไปนั่งบนตักไอ้คนแปลกหน้าตามคำเชื้อเชิญซึ่งมีจุดหมายเดียวกัน
ท่ามกลางความรู้สึกประดักประเดิด รถได้ซิ่งผ่านลูกระนาดพาเอารถกระโดด ตัวผมกระเด้งสูง วินาทีที่คิดว่าหัวต้องกระแทกกับหลังคารถแข็งๆ กลับมีฝ่ามือหนึ่งกันไว้ ไอ้ยินเสียงหลุดร้องโอ๊ยออกมา ตอนที่เบือนหน้าไปมองจึงได้เห็นสกิลหนังหน้ามันชัดๆ
‘หล่อสวรรค์ล่มนรกสะเทือน’ นิยามสั้นๆ แค่นี้น่าจะพรรณาเบ้าหน้าของมันได้เป็นอย่างดีแล้ว
เมื่อถึงที่หมายเราต่างลงจากรถเพื่อจ่ายเงิน ผมแอบเหล่มองชื่อบนแฟ้มสะสมผลงานในมือมัน ‘ทัพเทพ ไทชนะ’ แล้วจำชื่อนั้นประทับติดไว้ในใจ ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่ฟาดฝ่ามือใส่หัวผมซะมึน!
อยากจะบอกเหลือเกินว่าปล่อยหัวกูกระแทกไปเถ๊อะ เพราะมันน่าจะเจ็บน้อยกว่ากว่ากันเยอะ
ในตอนที่ผมแทบจะลืมผู้ชายคนนั้นไปตามวันเวลาที่ผ่านไปตามเข็มนาฬิกาที่หมุนวน ผมได้เจอมันที่หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ในวันปฐมนิเทศน์อีกครั้ง เพื่อพบว่ามันจำผมไม่ได้แล้ว...
ช่างสิๆๆ
ค่อยๆ ตะล่อมเข้าหาแล้วกัน วันหนึ่งเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้ว มันจะได้ไม่ลืมผมอีก
ในตอนนั้น ผมคิดเพียงแค่นั้นจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุยกันนะ...^^
๑.ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์นิยายให้นะคะ ดีใจมากเลย และขอบคุณท่านที่ชอบสำนวนการเขียนมึนๆ แบบนี้ด้วยค่ะ
ฝากเพื่อนๆติดตามไปเรื่อยๆ จนจบด้วยนะคะ
๒.ขอตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับเสื้อช็อปของ คุณ areenart1984 น้า : คุณ areenart1984 ไม่ได้หลงเข้าใจผิดค่ะ บางคนก็มีสามตัวตามที่เข้าใจเลย แล้วแต่จะตัดจะซื้อเพิ่มเอาค่ะ ซึ่งบางมหาลัย จะมีเสื้อช็อปอย่างน้อยสองตัวค่ะ มีช็อปคณะ กับช็อปภาค แต่บางมหาลัยก็ไม่มีช็อปคณะ
บางคนแรกๆ ก็ใส่ตัวเดียว แล้วค่อยมีเพิ่มเอาตอนหลัง อาจด้วยสลับใส่ หรือน้ำหนักเพิ่มจนต้องมีเพิ่ม บางคนก็อยากปักลาย(อาทิ บางมด เสื้อช็อปจะมีรูปมด แต่ นศ.บางคนไปสั่งตัดร้านข้างนอกเพราะอยากให้เขาปักมดเอ็ก มดแดง มะตะนอย อะไรก็ว่าไป ซึ่งผิดระเบียบ ^^;)
สำหรับในบทที่เขียนไป เขียนในมุมมองคนซกมกเพิ่มสีสันค่ะ ซึ่งบางคนเขาก็รักษาความสะอาดเป็นปกติ แต่บางคนต่อให้มีสามตัวก็เหมือนจะสกปรกทุกตัว. มันขึ้นอยู่กับคนจริงๆ สำหรับภาคอุตเอง เสื้อช็อปจะเปื้อนเอาง่ายๆ ค่ะ เพราะวิชาช็อปค่อนข้างลุย ไม่เหมือนภาคคอมพ์เค้า
ในเรื่องอินทาเนีย จะมีบางฉากพูดถึงช็อปคณะ กับช็อปภาค ซึ่งต่างสีกัน ลองสังเกตดูนะคะ
หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ... บูค่ะ