...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 507210 ครั้ง)

ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทำไงได้  ใจยอมมันไปหมดแล้ว  ยอมตั้งแต่คำพูดของมันแล้ว 
อร๊ายยยยย55555+พอได้อ่านประโยคนี้ก็สรุปได้ว่าเฮียเจ๋งแพ้ทางน้องปกทุกทางเลย
แล้วก็เราเข้าใจนะในมุมมองของอานิศด้วยความเป็นห่วงไงแล้วก็รักและเอ็นดูน้องปกเพราะตัวอานิศรู้จักเฮียเจ๋งแค่ผิวเผินแถมตอนมากินข้าวด้วยยังหน้าหงิกตลอดอีก  ยังไงเฮียเจ๋งก็เป็นคนจริงจังอยู่แล้วแค่แสดงออกอย่างชัดเจนผู้ใหญ่ต้องเข้าใจแน่ๆแล้วน้องปกก็คงไม่ยอมอะไรง่ายๆอยู่แล้วแน่นอนน้องมีความพยายามสูงมากด้วย
เราคงต้องลุ้นกับตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เฮียใจเย็นน้าาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
คุณแม่อาจจะไม่เท่าไหร่
คุณอานี่แหละ หมั่น!!

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อดอีกแล้วช่างน่าสงสารจริงๆ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ทำไมคุณอาถึงไม่ถามน้องปกก่อนเนี่ย  เรื่องจะยุ่งยากไหมเนี่ย แต่เจ๋งน่าจะรับมือได้แน่นอน เฮียเจ๋งคนจริงซะอย่าง

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
สงสารเฮียยย สู้ทั้ง2คน

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เฮียสู้ได้ เฮียสู้ๆ
จริงใจขนาดนี้ ตรงขนาดนี้
แถมกับผู้ใหญ่ก้มีมารยาทได้ขนาดนี้
เฮียต้องรอดด
เฮียต้องรอดไปรับรางวัลหลังสอบนะ!!!

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
เฮียเจ๋งอบอุ่นมากกกก เรื่องก๋วยเตี๋ยวน่ารักสุดๆ ^_^
เชื่อว่าทั้งคู่ต้องผ่านด่านพ่อแม่น้องปกได้ สู้ๆน้าาา
สุดท้ายสงสารเฮีย ร้องเพลงรอไปก่อนนะ 5555

ออฟไลน์ ichnuan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
อ้าวว แม่มาาา วงวารเฮียยย อิอิ
นี่ก็แอบเสียดายแต่ก็สาแก่ใจที่น้องปกยังไม่โดนกิน
สงสัยงานนี้ต้องไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการละค่าา

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
สงสารเฮีย อดไปอีก :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แม่! ทำไมเซอร์ไพรซ์งี้อ่ะ ถึงไวไปนะแม่ ถึงพรุ่งนี้เช้าแทนได้เปล่า ข้าวจะได้สุกก่อน อิอิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮียเจ๋งกับปกสู้ๆ ขอให้คุณแม่เข้าใจนะ

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เอิ่มมมมม เอาจริงๆนะถ้าคุณแม่ไม่ไว้ใจหรือเป็นห่วงลูกก็ไม่ควรทิ้งไว้คนเดียวตั้งแต่แรกอ่ะ  แล้วอะไรคือการกลับจากต่างประเทศแทนที่จะบอกตั้งแต่เครื่องออกดันบอกตอนจะถึงโคตรไม่เมคเซนส์ อย่างกับบินจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ โว๊ะ

ออฟไลน์ ppnplg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ก็ไม่อยากบอกว่าอาขี้เสือกนะ แต่ก็เค้าก็เป็นห่วง แต่ไม่ต้องยุ่ฃได้ไหมเนี่ย
เฮียเจ๋งทำได้อยู่แล้ว เฮียแกเจ๋งสมชื่อ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ดีนะกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว
เพราะไงก็ต้องรีบไปส่งปกที่บ้าน
จะรอดูคนจริงจังอย่างเฮียเจ๋ง
ตอนเจอครอบครัวของปก
ว่าจะเป็นอย่างไร

ออฟไลน์ italy18

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เอาล่ะเว้ย!!! พ่อแม่กลับมาแล้ว...ปกกับเฮียจะทำไงต่อไป??? ลุ้น ๆ  :katai1:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่รู้เราเป็นอยู่คนเดียวไหม พออ่าน
ตอนเจ๋งพูดทีไรเป็นต้องอ่านแบบเกรี้ยวกราดตาม 55555

เรื่องของปกก็ควรคุยกับปกก่อนไหม น้องโตแล้วด้วย รู้ว่าหวังดีแต่บางทีควรมีขอบเขต หวังดีกับเสือกมันมีแค่เส้นบางๆกั้นอยู่นะ โชคดีไปที่ปกคงมองเป็นอย่างแรก เป็นเราป้าข้างบ้านทำอย่างนี้คงมองดีไม่ได้เลย เหอๆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ทุกอย่างพอดีไปหมด
กำลังจะหวานชื่น ก็ต้องมาเจอเรื่อง

เจ๋งก็กำลังจะอิน และเตรียมฟินมาหลายวัน
ดับฟินมากเลยค่ะ

ปกน่าเห็นใจ ชอบที่น้องหัวไวมาก
คือเดาทางออกไปหมด ทันเกมส์ตลอด
อ้อนพี่ได้ตลอด จนพี่ยอมตั้งแต่มองหน้าละ

อานิศเป็นคนดีค่ะ แต่ดีมากไปก็นั่นแหละนะ
ดิษโทรมาไม่ทันการณ์แล้วจ้า

อีกครึ่งชม.เจอกันแล้วค่ะ จะอึมครึมไหมนั่น
เชื่อว่าเจ๋งทำได้

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
มารอนุ้งปกกะอิเฮียยยย

ออฟไลน์ Khanomni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
น้องปก ป้ามาปูเสื่อรอแล้วนะตะ :call:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เค้ามารอตัวนะ..เอ้อหน่ะ เอ้อหนะ  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Preenp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กางเต้นท์รอ :katai5:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
……………….
   ตอนที่ 15


   ครึ่งชั่วโมง


   จากคอนโดของเจตน์มาที่บ้านของปกฉัตรใช้เวลาราวๆนั้น แต่ตอนที่รถหรูของหนุ่มปีสองคณะบัญชีปราดเข้าไปจอดที่หน้าบ้าน บ้านที่ควรจะปิดเงียบเพราะไม่มีใครอยู่กลับเปิดประตู เปิดไฟ สว่างโร่


   “พ่อ...แม่...” ปกฉัตรก้าวเท้าเข้าบ้านแล้วก็ร้องทักบุพการีที่นั่งอยู่ในห้องอเนกประสงค์ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกอดชายหญิงวัยกลางคนที่ลุกขึ้นอ้าแขนรับทันที


   สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันชื่นมื่น คนเป็นแม่หอมแก้มลูกชายคนเดียวซ้ายทีขาวทีด้วยความคิดถึง มนุษย์เสียงดังโผงผางอย่างเจตน์ที่ตามเข้ามาด้วยได้แต่ยืนเงียบๆ จนกระทั่งมารดาของปกฉัตรเหลือบมาเห็นเข้า


   คราวนี้หล่อนคลายกอด แล้วมองตรงไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าในบ้านทันที เกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่ปกฉัตรจะแนะนำ


   “เอ่อ...นี่รุ่นพี่ปกเองแม่ วันนี้สอบเสร็จ ก็เลยไปกินข้าวด้วยกันมา”


เจตน์ยกมือไหว้


   “ผมชื่อเจ๋งครับ ที่เคยคุยกับคุณแม่ทางโทรศัพท์”


   “อ๋อ...ที่ว่าเรียนคนละคณะกับปกแต่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมน่ะเหรอ” สายตาของหล่อนยังมองตรงไปที่เจตน์ รูปตาแบบนี้ วิธีการมองแบบคาดเดาอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้แบบนี้ เหมือนปกฉัตรไม่มีผิด


   “ครับ” แต่ถึงอย่างนั้นเจตน์ก็ยังใจดีสู้เสือ ยืดอกพูดจาฉะฉาน


   “แล้วไปทานอะไรกันมา” คราวนี้คนเป็นแม่หันไปถามลูกชายตัวเอง


   “สเต็ก สลัดอะไรแบบนี้น่ะแม่”


   “งั้นก็อิ่มกันมาแล้วสิ นี่แม่ว่าจะชวนไปทานข้าวด้วยกันสักหน่อย พ่อกับแม่เพิ่งมาถึง ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” คำว่าชวนนั้น หล่อนหันไปมองชายหนุ่มรุ่นพี่ของลูกชายหล่อนด้วย


แน่นอนว่าโอกาสกินข้าวกับ ‘พ่อแม่แฟน’ ลอยมาอยู่ตรงหน้า หากเจตน์จะไม่กระโดดตะครุบก็เห็นจะยังไงอยู่


   “เราไม่ได้ทานกันอิ่มหรอกครับ จะไปทานกับคุณพ่อคุณแม่อีกรอบก็ยังได้” มารดาของปกฉัตรหัวเราะ หันมามองหน้าลูกชาย


   “รุ่นพี่ของปกคนนี้น่าจะกินเก่งเหมือนที่ปกบอกแม่จริงๆด้วยนะ แต่...ไม่เห็นหน้าหงิกเหมือนที่แม่ได้ยินมาเลย”


ปกฉัตรชะงักกึก มารดาของเขายิ้มจางทำเหมือนไม่ได้จงใจพูดให้เขาสงสัย แต่คนเป็นลูกมีหรือจะไม่รู้จักนิสัยของแม่ตนเอง


   ...แม่ต้องรู้อะไรมาแล้วแน่ๆ เผลอๆอาจจะรู้จักพี่ มากกว่าที่เคยคุยกันทางโทรศัพท์ด้วยซ้ำ...


   ...ไม่ไหวแน่ๆ ถ้าพี่เจอฤทธิ์ของแม่ ต้องไม่ไหวแน่ๆ...


   “พี่เขาเพิ่งสอบเสร็จวันนี้ ให้กลับไปพักดีมั้ย ส่วนพ่อกับแม่ ถ้าอยากกินอะไร เดี๋ยวปกพาไปเอง” ปกฉัตรหาทางกันคนรักออกห่างจากครอบครัวของเขา พ่อที่ไม่ค่อยพูดน่ะไม่เท่าไร แต่แม่ของเขานี่สิ...สายเจรจาชนิดที่เคยต่อราคาจนแม่ค้ามืออาชีพยังยกนิ้วให้


   แล้วถ้าเจรจายกเขาให้เจตน์ฟรีๆก็ไม่เท่าไรหรอก แต่กลัวว่าฟรีแบบมีเงื่อนไขเป็นหางว่าวนี่สิ!


   “ปก กู...เอ้อ...พี่ไหว!” แต่เจตน์ไม่ร่วมมือด้วยเลย หนุ่มร่างสูงออกตัวกับคนรักอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีก แน่นอนว่าคนที่หัวเราะก็คือมารดาของปกฉัตร


   “พี่เขาไหว ก็ให้พี่เขาไปด้วยกัน แหม...ดูท่าทางจะเจ๋งสมชื่อนะ”


ร่างโปร่งพยายามส่งสายตาบอกให้คนรักรู้ตัวว่าแม่ของเขาไม่น่าจะมาดี แต่ดูเหมือนเจตน์จะไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่ากำลังก้าวเข้าสู่สนามรบที่มีมารดาของปกฉัตรบัญชาการอยู่ฝั่งหนึ่ง


   อย่าว่าแต่ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่เลย ถ้าจะดูปกฉัตร ก็ควรดูมารดาของเขาด้วยเช่นกัน!

.....................................

   เยาวราช


   ตกค่ำ คนก็ยิ่งพลุ่กพล่าน ทั้งร้านค้า รถเข็นและผู้คนยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคัก สามพ่อแม่ลูกบวกด้วยตัวแถมอย่างเจตน์ยืนอยู่ริมถนน ปกฉัตรหันไปทางคุณศศิธรผู้เป็นมารดาของตนเองที่เสนอเยาวราชขึ้นมา


   “แม่อยากทานร้านไหน”


   “ขอแม่เดินดูก่อนแล้วกันนะ” แล้วหล่อนก็ก้าวเท้าเดินนำ ปกฉัตรชักใจคอไม่ดี เขาปล่อยให้บิดาเดินตีคู่ไปกับมารดา ส่วนตัวเองเดินตามหลังเคียงข้างเจตน์


   “มึงเป็นอะไรรึเปล่า” ร่างสูงหันมาถามคนรักที่สีหน้าไม่สู้ดีนับตั้งแต่ออกจากบ้านมา


   “ผมว่าแม่ต้องรู้อะไรมาแล้วแน่ๆ”


   “หมายถึง...รู้เรื่องกูกับมึงน่ะเหรอ” ประโยคนี้ของเจตน์เบาเสียงลงจนแทบไม่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นปกฉัตรก็พยักหน้ารับเป็นคำตอบ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ทำให้ร่างสูงอดไม่ไหว เขาจับมือคนข้างกายเอาไว้แล้วบีบแน่นๆ จนดวงตาสีน้ำตาลจางต้องหันมามอง


   “พี่...เดี๋ยวมีคนเห็น...”


   “ถ้ามีคนเห็น กูก็จะบอกว่ากูให้กำลังใจมึง” เป็นการให้กำลังใจด้วยการบีบมือแน่นเสียจนรับรู้ถึงความร้อนผ่าวของมือใหญ่นั้น สีหน้าที่เคร่งเครียดของปกฉัตรคลายลง ทว่าก่อนที่จะได้เผยรอยยิ้ม มารดาของเขาที่เดินนำหน้าก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา


   เจตน์ไม่ได้ปล่อยมือคนรักออก แต่เขาทำเป็นดึงมือของปกฉัตรหลบไปด้านหลัง แล้ว...ก็ยังจับอยู่แบบนั้น


   ดูเหมือนคุณศศิธรจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าลูกชายของตนเองยืนชิดกับหนุ่มรุ่นพี่แค่ไหน เพราะหล่อนยังยิ้ม...ยิ้มจางๆไม่บอกอารมณ์แบบเดียวกับที่ปกฉัตรชอบยิ้ม


   “แม่ไม่ได้ซื้อทองนานแล้ว ขอแวะร้านทองหน่อยนะ” แล้วจากนั้นหล่อนก็ควงสามีเดินฉับๆเข้าร้านขายทองใหญ่โตที่เปิดไฟสว่างจ้าทันที


   เหนือประตูกระจกของร้านคือป้ายตัวอักษรภาษาจีนขนาดใหญ่เขียนว่า陳金利เจตน์อ่านตัวอักษรทีละตัวอย่างช้าๆ ก่อนจะลดสายตาลงมองทะลุกระจกหน้าร้านเข้าไปข้างในอีกครั้ง


   มีลูกค้าอยู่จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือคุณศศิธรและคุณดิลก บุพการีของปกฉัตรที่เพิ่งเดินเข้าไป


   แล้วก็มีพนักงานขายอีกจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือหญิงชราหน้าตาใจดีที่...เจตน์คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง


   อาม่าของเขาเอง!!!


   นี่คือร้านทองของตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์!!


   ตั้ง กิม หลี!


   “พี่...มีอะไรเหรอ” ปกฉัตรถามเมื่อเห็นคนข้างกายยืนนิ่ง ตาค้าง แทบไม่หายใจ


   เจตน์กลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก แล้วหันมองคนรัก


   “กูรู้แล้ว...ว่าแม่มึงคิดจะทำอะไร”


   ถ้ามารดาของปกฉัตรรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา การที่คุณศศิธรเลือกที่จะมาเยาวราชและแวะร้านทองของแซ่ตั้งก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน


   นี่คือความตั้งใจของมารดาของปกฉัตร แต่เจตน์ก็จะแสดงความจริงใจของเขาให้อีกฝ่ายเห็นเช่นกัน!

.....................................

   แน่นอนว่าพอเจตน์เดินเข้าไปในร้าน ฐานะหลานชายสุดที่รักของอาม่าเจ้าของร้านก็ปรากฏ และคนที่ทำหน้าตาตกใจเหมือนไม่รู้มาก่อนเป็นคนแรกก็คือคุณศศิธร


   “พอดีเดินผ่านค่ะ! นึกอยากได้แหวนทองสักวงก็เลยแวะซะเลย ไม่รู้เลยนะคะว่าเป็นร้านของอาม่าของเจ๋ง!” หล่อนหันไปพูดด้วยสีหน้าตกอกตกใจกับหญิงชราเจ้าของร้านที่ยังยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะหันกลับไปมองหนุ่มร่างใหญ่ผู้ออกตัวว่าเป็นรุ่นพี่ของลูกชายของหล่อน


   “เจ๋งก็ไม่บอกแม่สักคำเลยนะว่ามีร้านของที่บ้านอยู่แถวนี้”


ปกฉัตรรู้สึกว่ามารดาของเขาใส่น้ำหนักในคำว่าแม่ที่เรียกแทนตัวเองยามพูดกับเจตน์พอตัวเลยทีเดียว


   “ผมไม่ทราบว่าคุณแม่จะซื้อทอง ก็เลยไม่ได้พูดถึง” แต่เจตน์ผู้จริงใจ ก็เรียกมารดาของปกฉัตรว่าแม่กลับไป ไม่กระดาก ไม่งุบงิบ ไม่หลบสายตาแต่อย่างใด


   “แม่จะเห็นแก่ความมีน้ำใจของเจ๋ง จะไม่เอาเรื่องที่ไม่บอก แล้วจะอุดหนุนด้วย!” ว่าแล้วหล่อนก็หันไปทางอาม่า ยิ้มแย้มการค้าไปหนึ่งทีก่อนจะพูดยาวเหยียด


“หลานชายอาม่าน่ารักมากเลยค่ะ วันนี้เพิ่งสอบเสร็จ แต่ก็ยังมีน้ำใจพาพวกเรามาทานข้าว อ้อ...ลืมบอกไป นี่ปกฉัตรค่ะ ลูกชายฉันเอง เห็นว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนมัธยมเดียวกัน แต่ก่อนก็ไม่เห็นรู้ว่าสนิทกันนะคะ พอเข้ามหา’ลัย เรียนกันคนละคณะก็ยังมาสนิทกันได้” คุณศศิธรแนะนำลูกชายตัวเองกับหญิงชรา แถมท้ายด้วยว่าสนิทกับหลานชายอาม่าอีกต่างหาก


“อ้อ ถึงว่า...อาม่าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน” อาม่าตอบก่อนจะเหลือบดวงตาเรียวหยีไปยังหลานชายของตนเอง เจตน์รู้ทันทีว่าหลังจากส่งครอบครัวปกฉัตรที่บ้านแล้ว เขาคงต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อเล่าความจริงบางอย่างให้อาม่าฟัง


คุณศศิธรไม่ได้สนใจสายตาของสองย่าหลาน หล่อนทำเป็นกวาดตามองแหวนทองในตู้กระจกแล้วหันไปหาลูกชาย


“ปก...อยากได้วงไหนล่ะลูก เลือกแหวนสักวงสิ ให้พี่เจ๋งเขาช่วยเลือก ผู้ชายเหมือนกัน น่าจะแนะนำกันได้ดี”


“ไม่เอาหรอกแม่” ปกฉัตรตอบเบา รู้สึกน้ำลายเหนียวคอไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักญาติของเจตน์ บรรยากาศเหมือนจะสรวลเสเฮฮา แต่กลับรู้สึกเหมือนไม่มีอากาศหายใจเลย


คำพูดของมารดาของเขาบอกให้รู้ว่าเขาและเจตน์สนิทกันแค่ไหน และเขาไม่รู้ว่าอาม่าของเจตน์จะยอมรับความสนิทของเขาและเจตน์ได้มากแค่ไหนด้วย


“เอาสักวงสิ ถือว่าเป็นของขวัญจากแม่ไง นี่แม่อยากซื้อให้เจ๋งด้วยนะ แต่มันคงจะแปลกถ้าซื้อของจากร้านอาม่ามาให้หลานชายอาม่า เอาไว้แม่กลับมาเมืองไทยอีกรอบ แล้วแม่จะซื้อของมาฝากเจ๋งแล้วกันนะ แต่ต้องชิ้นใหญ่หน่อย เพราะปกท่าทางจะไปรบกวนเจ๋งเอาไว้เยอะ บางทีโทร.หาปก ปกบอกว่าค้างคอนโดเจ๋งก็มีค่ะ รบกวนจริงๆ”


ประโยคหลังนั่น คุณศศิธรยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ของลูกชายตัวเองและหลานชายของอาม่าให้แน่นหนามากขึ้นไปอีก ปกฉัตรหน้าซีดเผือด มองเจตน์ด้วยสายตาขอโทษ แต่...หลานอาม่าคนนี้เป็นคนจริง เขาถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะพูดเรียบๆ


“ปก มานี่มา เดี๋ยวกูช่วยเลือกแหวน”


ไหนๆก็ไม่พ้นสายตาอาม่าแล้ว ไหนๆก็ต้องกลับมาอธิบายความสัมพันธ์ของเขาและปกฉัตรให้อาม่ารู้อยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว


เจตน์ไม่รอให้ปกฉัตรเดินตาม แต่เขาคว้ามือของอีกฝ่ายเดินไปยังตู้กระจกของแหวนทองสำหรับผู้ชาย สั่งพนักงานให้หยิบถาดแหวนมาให้เลือกให้ลอง แน่นอน...คนจริงอย่างหนุ่มตาเรียวคณะบัญชีคนนี้ช่วยเลือก ช่วยสวม ต่อหน้าธารกำนันรวมทั้งคุณศศิธรด้วย


“ที่ว่าจะมาทานข้าว ตั้งใจจะไปทานร้านไหนล่ะคะ” เสียงของอาม่าดังขึ้นเบาๆ ทำเอามารดาของปกฉัตรต้องหันมอง


“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะ”


อาม่าพยักหน้ารับรู้แล้วถามอีกคำถาม


“แต่ตั้งใจมาที่นี่ก่อนใช่มั้ยคะ”


คุณศศิธรยิ้มจาง แน่นอน...ว่านั่นคือคำตอบของหล่อน

.................................

   หลังออกจากร้านทอง ครอบครัวของปกฉัตรก็ไปทานข้าวต่อ เจตน์ยังคงติดตามไปด้วย ก่อนจะพากลับไปส่งที่บ้านแล้วกลับไป ที่บ้านของปกฉัตรเลยเหลือเพียงสามคนพ่อแม่ลูก


   ปกฉัตรยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของบุพการี ตลอดการรับประทานอาหาร มารดาของเขายังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนบิดาซึ่งเป็นคนเงียบๆก็ชวนเจตน์คุยบ้าง แต่ไม่มีใครเอ่ยถึงความสัมพันธ์อันแสนสนิทสนมของเจตน์และปกฉัตรเลย ทั้งๆที่...น่าจะดูออก


   โดยเฉพาะลูกอย่างปกฉัตรที่มีเพื่อนสนิทคนเดียวคือดิษกร และแทบจะไม่คบค้าสมาคมกับใครถึงขั้นไปไหนมาไหนกันเพียงลำพังแบบนี้


   “อ้าว ปก ทำไมยืนอยู่ตรงนี้” เสียงดังมาจากด้านหลัง ทำเอาร่างโปร่งสะดุ้งโหยงหันมอง บิดาของเขานั่นเอง คุณดิลกเป็นคนพูดน้อย ปกฉัตรได้นิสัยไม่ค่อยพูดมาจากบิดา


   “เอ้อ...ปก...อยากคุยกับพ่อแม่...”


คนเป็นพ่อมองลูกชายเพียงคนเดียวแล้วยิ้มอย่างใจดี


   “จะคุยกับพ่อแม่พร้อมกัน หรือจะคุยทีละคน” ใจดีก็จริง แต่พ่อก็เป็นคนสร้างตัวเลือกได้บาดใจลูกชายนัก


   “คุย...กับพ่อก่อนก็ได้...” คุณดิลกยิ้ม มองซ้ายมองขวา แต่บ้านหลังนี้มีเครื่องเรือนน้อยชิ้น โถงทางเดินชั้นสองไม่มีที่นั่งเลย สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินไปนั่งที่ขั้นบันได


   “อ่า...นั่งตรงนี้เลยเหรอพ่อ” ปกฉัตรถามบิดา หากใครมาเห็นคุณดิลกซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตนั่งบนขั้นบันไดแบบนี้ คงเป็นเรื่องให้คนเอาไปพูดปากต่อปากไม่จบแน่ๆ


   “ก็ไม่มีที่นั่งนี่นา ปกมานั่งสิ จะได้คุยกัน”


   พอบิดาว่าอย่างนั้น ปกฉัตรเลยเดินไปนั่งด้วย สองพ่อลูกนั่งกันที่บันไดขั้นบนสุดท่ามกลางบรรยากาศเงียบๆ คุณดิลกกำลังจิบน้ำร้อนที่ลงไปเอามาจากครัวอย่างใจเย็น ในขณะที่คนเป็นลูกถูมือเข้าหากันไปมาเหมือนกำลังรวบรวมกำลังใจ


   ผ่านไปนาทีที่หนึ่ง นาทีที่สอง และนาทีที่สาม


   คุณดิลกยังจิบน้ำร้อน ในขณะที่ปกฉัตรก็ยังถูมือตัวเองอยู่แบบนั้น


   “พ่อว่า...เราสองคนนี่ก็ใจเย็นดีนะ” แล้วในที่สุด บิดาก็พูดขึ้นมาก่อน


   “นั่นสิครับ แต่แม่ใจร้อน” คุณดิลกหัวเราะเบาๆ


   “มากเลยล่ะ ถึงกับจองตั๋วด่วนบินกลับมาเลย”


   “พ่อกับแม่...รู้เรื่องผมกับพี่เจ๋งใช่มั้ย” คำตอบคือการพยักหน้าน้อยๆ


   “รู้...มานานแค่ไหนแล้วครับ” เป็นคำถามที่พอถามออกไปแล้วเหมือนสูบลมออกจากร่างไปด้วย เพราะปกฉัตรรู้สึกเหมือนร่างกายเบาโหวงเหวง พร้อมจะสลายไปได้ทุกเมื่อ


   “ก็...รู้มาสักพัก แต่เพิ่งแน่ใจตอนที่แม่โทร.หาปกแล้วปกบอกว่าอยู่คอนโดเจ๋ง แล้วจากนั้นเจ๋งก็เอาโทรศัพท์ไปคุย”


   “เพราะว่า...อานิศบอกใช่มั้ย”


   “พ่อกับแม่ฝากนิศให้ช่วยดูแลปก เขาเห็นปกกลับบ้านช้าบ้าง ไม่กลับบ้านบ้าง เราน่ะทำให้เขาเป็นห่วงรู้มั้ย” คนเป็นพ่อกันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆเหมือนเดิม ใบหน้าใจดีก็ยังใจดีอยู่อย่างนั้น แต่กลับทำให้ปกฉัตรรู้สึกผิด


   “ตอนแรกที่พ่อรู้ พ่อคิดว่าปกแค่มีแฟน...ปั๊บปี้เลิฟ มันเป็นเรื่องของวัยรุ่น ปกเองก็พิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นมาหลายปีว่าปกดูแลตัวเองได้ดี แก้ปัญหาเองได้ แต่...วันที่แม่โทร.หาปกแล้วปกให้เจ๋งคุยกับแม่ วันนั้นพ่อกับแม่ก็เริ่มแน่ใจว่าปกจริงจังกับคนนี้ เพราะปกที่พ่อแม่เลี้ยงมาน่ะ เก็บความรู้สึก เก็บคนสำคัญ เก็บทุกอย่างมิดชิด แต่กับคนนี้...กลับยอมให้คุยกับแม่ ยอมให้แม่รู้จัก เราก็เลยคิดกันว่า...เจ๋งอาจจะไม่ใช่แค่ปั๊บปี้เลิฟ” คุณดิลกตอบด้วยน้ำเสียงราบเรื่อย ปกฉัตรเดาใจบิดาไม่ถูกว่าตอบคำถามเขาด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน คนเป็นลูกได้แต่เม้มปาก


   “แม่เขาก็เลยรีบเคลียร์งานทุกอย่าง แล้วบินกลับมาให้ไวที่สุด เราอยากมาเจอคนสำคัญที่ลูกของเราจริงจัง”


   “แล้ว...พอเจอพี่เจ๋งแล้ว พ่อ...ว่ายังไงครับ” ปกฉัตรทั้งประหม่าและหวาดหวั่น เขาไม่รู้ว่าบิดาจะเห็นเรื่องแบบนี้ในทิศทางไหน ลูกชายคนเดียวอย่างเขา กับ...คนรักที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน


   “พ่อเพิ่งเจอเขาวันแรก บอกไม่ได้หรอกว่าเขาเป็นคนยังไง”


   “ไม่สิ ปกไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ปกหมายถึง...พี่เขา...เป็นผู้ชาย แล้ว...แล้วปกก็...”


   “อ้าว ปกก็รู้นี่ว่าเขาเป็นผู้ชาย และปกเป็นผู้ชาย แล้วทำไมปกถึงเลือกเขาล่ะ” ปกฉัตรชะงักกับคำถามนั้น เขามองหน้าบิดาที่ยังมองตรงมาด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนเคย ไม่ว่าจะตอนดุ ตอนทำโทษ หรือตอนให้รางวัล สายตาของพ่อมักจะเป็นแบบนี้


   “ปก...ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่า...เวลามองเขา ปกเห็นตัวเองกำลังยิ้ม เขา...คงเป็นพลังแห่งความสุขของปก...เอ่อ...ไม่ได้หมายความว่าปกมองพ่อกับแม่แล้วปกไม่มีความสุขนะ เวลาปกมองพ่อแม่ ปกก็มีความสุขแบบนึง แต่...เวลามองพี่เขา ปกก็...มีความสุขอีกแบบนึง มัน...เป็นความสุขที่ไม่เหมือนเวลามองใครคนไหน...”


   คุณดิลกยังยิ้ม ยิ้มน้อยๆพร้อมด้วยสายตาที่อ่อนโยน


   “เขาเป็นความสุขของปกไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาเป็นความสุขของปก เขาก็เป็นความสุขของพ่อเหมือนกัน”


   ปกฉัตรพูดไม่ออก ความเต็มตื้นล้นหัวใจ


   “ขอบคุณครับพ่อ” คุณดิลกโอบลูกชายเข้ามากอดด้วยความรัก


   “เอาล่ะ คุยกับพ่อเสร็จแล้วก็ไปคุยกับแม่ด้วย”


   “แม่จะคุยง่ายเหมือนคุยกับพ่อมั้ย” คุณดิลกยิ้ม เป็นรอยยิ้มแบบเดิมที่มากับสายตาอ่อนโยนเช่นเดิม


   “แม่ของปกเคยคุยง่ายด้วยเหรอ” และเป็นการให้กำลังใจแบบเดิมๆ เหมือนสมัยปกฉัตรหัดถีบจักรยานแล้วล้ม แต่พ่อก็ยังบอกให้ลุกขึ้นมาขี่อีกครั้ง เพราะล้มครั้งไหนก็ไม่เจ็บเท่าล้มครั้งแรก


   ระหว่างพ่อกับแม่ ใครน่ากลัวกว่ากัน ปกฉัตรก็ตอบไม่ได้จริงๆ

.................................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8


คุณศศิธรกำลังอ่านเอกสารจากโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งใจมากเสียจนถ้าลูกน้องคนไหนมาเห็น ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นจริงจังขนาดนี้กับงานไหนเลย


   ...แน่ล่ะ จะมีงานไหนใหญ่กว่าเรื่องคนรักของลูกได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่แทบเหาะกลับมาเมืองไทยแบบนี้หรอก!...


   เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงหล่อนออกจากภวังค์ ทั้งบ้านมีคนอยู่แค่สามคน สามีของหล่อนไม่จำเป็นต้องเคาะประตูห้องนอน เพราะฉะนั้นก็คงจะเป็นลูกชายคนเดียว


   “เข้ามาสิ” ปากส่งเสียง นิ้วมือก็กดปิดหน้าจอ ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยคนที่หล่อนคิดเอาไว้


   ปกฉัตร


   “ปก...อยากจะขอคุยกับแม่หน่อย” เลือกเนื้อเชื้อไขของหล่อนเอ่ยปาก หน้าตาของเขาที่มักจะเรียบเฉย เวลานี้กลับไม่สามารถซุกซ่อนอารมณ์ใดๆได้เลย แค่ปรายสายตามองก็รู้แล้วว่าลูกชายของหล่อนทั้งกังวล ทั้งหวาดหวั่น ทั้งตกประหม่า


   อย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นวัยรุ่น! วัยรุ่นที่จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งก็ต้องเรียนรู้อารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่อะไรก็เฉยเมยไปซะหมดเหมือนปกฉัตรคนเดิม


   “แม่ขอพูดก่อนได้มั้ย ครั้งนี้แม่เสียใจมาก” คุณศศิธรพูดอย่างรวดเร็ว ทำเอาลูกชายถึงกับอ้าปากค้าง คำว่าเสียใจของมารดาฉุดหัวใจคนเป็นลูกให้ดิ่งวูบ


   “ปกไม่ค่อยเล่าอะไรให้พ่อกับแม่ฟัง อาจจะเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงหรืออะไรก็ตาม เรื่องนั้นพ่อแม่เข้าใจแล้วก็ขอบใจปกเสมอ ที่ปกไม่เคยสร้างภาระหนักใจอะไรให้พ่อกับแม่เลย แต่เรื่องนี้...ไม่ใช่ภาระ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปกโดยตรง ไม่ว่าพี่คนนี้จะเป็นอนาคตของปกมั้ย แต่เขาเข้ามาในชีวิตปก ในแบบที่ปกก็รู้ดีว่าเขาไม่เหมือนคนอื่นๆที่ปกรู้จัก อย่างน้อยๆเขาก็ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างให้ลูกของแม่ แต่!...ปกไม่บอกแม่ และให้แม่รู้เรื่องนี้จากคนอื่น”


ปกฉัตรได้แต่ก้มหน้านิ่ง เถียงไม่ออกสักคำ


   “หรือปกจะบอกแม่ว่าปกยังไม่แน่ใจในตัวพี่คนนี้?”



   “ไม่ใช่ครับ ปกแน่ใจ แต่...ปกกลัวว่าพ่อกับแม่จะ...” ปกฉัตรเป็น ‘ลูกชาย’ ของพ่อและแม่มาตลอด ความคาดหวังในคำว่า ‘ลูกชาย’ มีอะไรบ้าง เขาคิดว่าใครต่อใครก็คงรู้ดี


   มีคนรักเป็นผู้หญิง แต่งงานกับผู้หญิง มีลูก มีหลาน สืบสกุล


   แต่...คนรักของเขาเป็นผู้ชาย เจตน์เป็นผู้ชาย


   “นี่ก็อีกเรื่องที่แม่เสียใจ พ่อกับแม่ให้ปกเลือกมาตลอด ให้ปกเลือกว่าจะเรียนดนตรีมั้ย ให้ปกเลือกว่าจะเรียนสายอะไร แล้วกับเรื่องคนรักของปก ปกคิดว่าพ่อกับแม่จะไม่ให้ปกเลือกเองเหรอ” ปกฉัตรเหลือบมองมารดา ก่อนจะเอ่ยเบาๆ


   “แต่ตอนจะเรียนดนตรี แม่ก็ถามว่าปกจะเรียนไวโอลิน หรือเรียนกีต้าร์”


คุณศศิธรชะงักไปนิด “ก็!...แม่ชอบเสียงไวโอลินกับเสียงกีต้าร์นี่นา”


   “แล้วตอนจะเลือกสาย แม่ก็ให้เลือกแค่สายวิทย์-คณิตกับสายศิลป์ฝรั่งเศส”


คุณศศิธรชะงักไปอีกหน่อย “ก็!...แม่คิดว่าถ้าจะเรียนเลข ก็เรียนวิทย์-คณิตไปเลย หรือถ้าจะไปทางภาษา ก็ควรเป็นฝรั่งเศส เพราะจะต่อยอดภาษาตะวันตกได้ง่าย”


   “แต่ปกอยากเรียนจีน...” พอลูกชายคนเดียวพูดมาแบบนี้ คุณศศิธรก็เงียบกริบ เพราะสุดท้ายแล้วถึงหล่อนจะให้ปกฉัตรเลือกเองจริง แต่หล่อนก็เป็นคนกำหนดตัวเลือกให้เขา


   “คราวนี้ก็เหมือนกัน ปกไม่แน่ใจ...ว่าตัวเลือกที่แม่จะให้ปกเลือก กับสิ่งที่ปกอยากเลือก จะเป็นตัวเลือกเดียวกันรึเปล่า” สองแม่ลูกได้แต่มองหน้ากัน ในห้องนอนนั้นเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ ก่อนที่คุณศศิธรจะอ้าแขนออกเป็นสัญญาณให้บุตรชายเดินเข้ามาหา


   ปกฉัตรก้าวเท้าเข้าไปโอบกอดมารดาเอาไว้ เป็นกอดระหว่างแม่ลูกที่ซุกซ่อนความเสียใจและคำขอโทษที่มีให้กัน


   เรื่องบางเรื่องมันก็นานเกินกว่าจะรื้อฟื้นขึ้นมาแล้ว ความเสียใจจากอดีตที่ตกผลึกอยู่ในใจ จะตักออกก็ไม่ได้ ถ้าขุดขึ้นมาก็ยิ่งทำให้ขุ่นเคือง ความเงียบและอ้อมกอด...ดูจะเป็นการปลอบประโลมได้ดีที่สุด


   “ปกเลือกเถอะลูก...” เสียงของมารดาดังขึ้นเบาๆ


   “ความรักของปก คนที่จะอยู่กับปก แม่ให้ปกเป็นคนเลือก” คุณศศิธรรับรู้ถึงอ้อมกอดของบุตรชายที่รัดร่างหล่อนแน่นขึ้นอีก หล่อนเองก็กอดเขาแน่นจนรับรู้ถึงแรงสั่นน้อยๆ


   “ขอบคุณครับแม่...” เสียงนั้นฟังอู้อี้จนคนเป็นแม่ต้องผละออกมา ดวงตาสีน้ำตาลจางๆนั้นเอ่อคลอน้ำใส แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้ม


   เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่แค่ยิ้มจางๆเหมือนที่เขาชอบทำ แต่เป็นยิ้มกว้างที่แสนสวย


   ยิ้มแบบนี้ของปกฉัตร นานเท่าไรแล้วที่ไม่เห็น


   “สงสัยคนนี้จะได้มายาก พอแม่อนุญาตล่ะยิ้มแป้นเชียว”


   “ย...ยิ้มแป้นอะไร...” ปกฉัตรชักเขินจนต้องรีบหุบยิ้ม แต่คุณศศิธรยังจ้องตาไม่กะพริบ


   “แม่ถามจริง...ปกเริ่มก่อนรึเปล่า”


   “ถ...ถามทำไมล่ะแม่!” ปกฉัตรทำเสียงเข้ม พยายามกลบเกลื่อนความกระอักกระอวลในใจ


   “อ้าว ก็แม่อยากรู้ว่าปกสมเป็นลูกของแม่มั้ย สมัยพ่อกับแม่น่ะ แม่ก็จีบพ่อก่อนนะ” คุณศศิธรเอาเรื่องของตัวเองมาตะล่อมให้ลูกชายยอมปริปากพูด แต่ปกฉัตรทำเป็นมองเมินไปทางอื่นแต่หน้าแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินจัดทีเดียว


   ...แบบนี้แสดงว่าจีบก่อนแน่ๆ!...


   “อ่ะ! ไม่บอกก็ไม่บอก แต่ถ้าปกเริ่มก่อน แม่ก็ขอชมว่าลูกแม่ตาถึงมาก โปรไฟล์พี่เขาใช้ได้ ฐานะสมน้ำสมเนื้อกับเรา เกรดตอนจบม.6ก็ดี นี่แม่ให้คนสืบเกรดปี 1 ของเขาอยู่ แต่ดูโหงวเฮ้งแล้วก็เป็นคนฉลาด เรื่องความรับผิดชอบ แม่ก็ให้ผ่าน ส่วนนิสัย...เรื่องแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ แต่ดูๆวันนี้เขาก็เป็นคนจริงจัง จริงใจดีนะ ดูไม่เหลาะแหละโลเลอะไร”


   “เดี๋ยว...แม่รู้ได้ไง” จากตอนแรกที่เขินเพราะถูกแซ็ว ตอนนี้ปกฉัตรชักจะงงกับประวัติของเจตน์ที่ออกมาจากปากมารดาของเขา


   “ให้คนสืบไงจ๊ะ ง่ายจะตาย โทร.กลับมาเมืองไทยกริ๊งเดียว โปรไฟล์พี่เขาก็ถึงมือแม่แล้วจ้ะ!” สมกับเป็นคุณศศิธรของแท้ 


   “เอาเป็นว่าคนนี้แม่โอ.เค. ปกลุยเลยลูก! อย่าให้เขาปีนขึ้นมาจากหลุมที่เราขุดได้ล่ะ!”


   “ม...แม่! หลุมอะไรล่ะ ผ...ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นหรอก...” เห็นลูกชายทั้งเขิน ทั้งอาย หน้าแดงปากแข็งแล้วผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็ถึงกับถอนหายใจ การครองคู่ของคนรักนั้นไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะยาวนานแค่ไหน เพราะฉะนั้นนอกจากจะใช้ใจในการรักแล้ว สมองก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็น


   “ปกฉัตร...ทำตัวให้สมชื่อหน่อย ชื่อปกฉัตรสำหรับแม่ หมายถึงร่มเงาแห่งการปกครอง ครอบครองไปหมดทุกอย่าง...ทั้งตัว ทั้งหัวใจของเขา” ปกฉัตรตาค้าง รู้สึกขนลุกไปทั้งสันหลังกับการโน้มน้าวของมารดา


   “น...ไหนว่าชื่อผมมาจากต้นสกุลของแม่ไง...”


   “นั่นก็ใช่ แต่ความหมายก็ต้องยิ่งใหญ่ด้วยสิ! เอาล่ะ แม่ว่าปกควรจะโทร.ไปถามสารทุกข์สุขดิบพี่เจ๋งก่อนนอน ไม่รู้ว่าทางอาม่าของเขาจะโอ.เค.รึเปล่า”


   “นี่...แม่ตั้งใจพาผมกับพี่ไปร้านทองของอาม่าของเขาใช่มั้ย” คุณศศิธรยิ้มหวาน แต่นัยน์ตาร้ายลึก


   “แม่ไม่มีนโยบายยกลูกของแม่ให้ใครฟรีๆ แม่ไม่ได้อยากได้เงินทอง ไม่ต้องมีพิธีอะไรก็ได้ แต่ผู้ใหญ่ทางนั้นต้องรับรู้” ปกฉัตรไม่เชื่อว่ามีเหตุผลเท่านี้แน่ๆ คนอย่างแม่ของเขา คาดหวังผลลัพธ์สูงลิบลิ่วเสมอ


   “แค่นี้เหรอแม่...” พอถูกลูกชายถามย้ำ หล่อนก็ถึงกับหัวเราะ


   “ที่สำคัญคือ แม่รู้จักกับอาม่าของพี่เจ๋งแล้ว ถ้าจะมีใครรักๆเลิกๆ ไม่ฝ่ายไหนก็ฝ่ายหนึ่งต้องกลัวโดนถอนหงอกกันบ้างล่ะ” ไม่รู้จะเรียกว่าเอาผู้ใหญ่เป็นตัวประกันได้ไหม แต่ที่แน่ๆ...ถ้าเจตน์เป็นฝ่ายทำปกฉัตรเสียใจ คุณศศิธรคงบุกไปถอนหงอกผู้ใหญ่สักคนของครอบครัวเจตน์แน่นอนทีเดียว!


   สรุปว่า ระหว่างพ่อกับแม่ ปกฉัตรยกให้แม่น่ากลัวกว่าพ่อเยอะเลย!

.................................

   ในขณะที่ปกฉัตรทำความเข้าใจกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว เจตน์เพิ่งจะมาถึงอาคารสูงของตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์ นอกจากอาม่าจะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ยังมีลูกๆของอาม่าทั้ง 7 ครอบครัวอยู่ด้วย เจตน์เองก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนหลานคนอื่นๆ แต่ทุกสุดสัปดาห์ก็จะแวะกลับมาหาอาม่าและบุพการีเสมอ


   ทว่า...วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์ เจตน์มีเหตุผลอื่นถึงมาที่นี่


   “กับคนนี้ นานรึยัง” อาม่าเป็นผู้หญิงชราที่มีตาหยีเล็กแบบคนจีนแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ


   “ก็พักนึงแล้ว” ส่วนผู้ชายตัวใหญ่กว่าอาม่าเท่าตัวคือเจตน์ แต่ตอนนี้หลานชายตัวใหญ่คนนี้กำลังนั่งหงอคอตกให้สตรีอาวุโสสอบสวน


   “แล้วไปทำอะไรเข้า พ่อแม่เขาถึงร้อนใจพามาหาอาม่าถึงที่ร้าน” เจตน์เม้มปาก คิดๆดูแล้ว เพราะเคยพาปกฉัตรไปค้างอ้างแรมที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน แถมออกตัวดูแลด้วย พ่อแม่ที่ไหนก็คงต้องรีบกลับมากันทั้งนั้น


   “เขาคงเป็นห่วง คือ...ไอ้ปกมันอยู่เมืองไทยคนเดียว พ่อแม่มันทำงานเมืองนอกกันหมด แล้ว...ก่อนหน้านี้ผมก็เคยคุยโทรศัพท์กับแม่มันด้วย...” อาม่ามองหลานชายคนโปรดที่หล่อนเลี้ยงมากับมือ เจตน์เป็นหลานหนึ่งในสองที่อาม่าดูแลตอนยังเล็กๆ สายตาจากดวงตาหยีเล็กนั้นทำเอาเจตน์กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วแตะมือใหญ่ลงกับหน้าตักของสตรีอาวุโสอย่างแผ่วเบา


   “ม่า...โกรธผมรึเปล่า เอ่อ...ที่ไอ้ปก...เป็นผู้ชาย คือ...ผมจะมีหลานเหลนโหลนให้ม่าไม่ได้แล้วนะ” ดวงตาหยีเปล่งประกายแห่งความเอ็นดูก่อนที่เสียงหัวเราะของอาม่าจะดังขึ้นเบาๆ


   “อาม่าอายุขนาดนี้แล้ว ถึงเจ๋งจะมีหลานเหลนโหลน แต่อาม่าคงอยู่อุ้มเขาได้ไม่นานหรอก เผลอๆตายก่อนเขาจะจำหน้าอาม่าได้ เจ๋งต่างหาก...คิดไหมว่าถ้าคบกับคนนี้แล้วมีลูกด้วยกันไม่ได้ เจ๋งจะเอายังไงต่อ”


   “ก็ไม่เอาไงต่อ ก็อยู่กับมันไปเรื่อยๆ อยู่มองมันยิ้มให้ผมแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็คิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรให้มันยิ้มให้ผมอีก ไอ้ปกมันไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยบอก ผมเลยต้องพยายามมากหน่อย กว่ามันจะยิ้มแต่ละที”


   “พยายามมากๆไม่เหนื่อยเหรอ” คนเป็นหลานส่ายหน้าไปมา


   “มันพยายามมามากกว่าผมอีก”


   “แค่เขายิ้มให้ เจ๋งก็พอใจแล้วเหรอ”


   “แค่นั้นก็มีค่าแล้วม่า แค่มันยิ้มให้ผมก็พอแล้ว” อาม่าโอบร่างใหญ่ๆของหลานชายเข้ามากอด แน่นอนว่าหญิงชราร่างเล็กอย่างหล่อนย่อมโอบแผ่นหลังเขาไม่รอบ แต่ก็ยังโยกร่างเขาไปมาเหมือนกอดเด็กชายเจตน์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว


   “หลานของอาม่าโตแล้วจริงๆด้วย รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ตีค่าไม่ได้”


   “ผมก็โตมาตั้งนานแล้วนะ” หนุ่มตัวใหญ่ว่าอย่างนั้น อาม่าผละออกมายิ้มให้


   “แต่เจ๋งอย่าเพิ่งบอกป๊าม้าของเจ๋งนะ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป”


   “ม่าว่า...ป๊ากับม้าผมจะว่าไง” หญิงชราทำหน้าตาเด็ดเดี่ยว


   “ตอนอาม่าจะอยู่กินกับอากง ป๊าของเจ๋งไม่เห็นว่า ตอนป๊าของเจ๋งจะแต่งกับม้าของเจ๋ง เจ๋งก็ไม่เห็นว่า แล้วถ้าเจ๋งจะคบกับปก ทั้งอาม่า ทั้งป๊า ทั้งม้าของเจ๋งก็ไม่ควรว่าอะไรเหมือนกัน”


   “เดี๋ยวนะม่า ป๊าจะว่าอะไรได้ไง ก็ตอนม่าจะอยู่กับกง ป๊ายังไม่เกิด”


   “ก็ใช่ไง ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครอยู่กินกับใครแล้วมันจะดีหรือร้าย มันเป็นเรื่องของอนาคต เรื่องของเจ๋งกับปกก็เป็นเรื่องอนาคต อนาคตของเจ๋งกับปก ใครก็เป็นห่วงได้แต่ชี้เป็นชี้ตายไม่ได้ เอาเถอะ! เรื่องป๊ากับม้าของเจ๋งก็เป็นเรื่องอนาคตเหมือนกัน อย่าเพิ่งไปคิดมาก เจ๋งโทรไปชวนพ่อแม่ปกมากินข้าวกับอาม่าวันพรุ่งนี้ก่อน ผู้ใหญ่จะได้คุยกัน”


 ผู้ใหญ่ซึ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์พูดแบบนั้นก็เหมือนเปิดอุโมงค์อันกว้างขวางให้หลานชายมุ่งมั่นกับความรักครั้งนี้ เจตน์ยิ้มกว้าง กอดร่างหญิงชราอีกครั้งด้วยความรัก แต่ไม่วายถูกกำชับอีกหน


   “แล้วอย่าทำให้อาม่าถูกถอนหงอกนะเจ๋ง พ่อแม่ของปกน่ะ...ไม่ใช่เล่นๆนะ จะบอกให้”

.......................................

   เพราะเป็นการเดินทางกลับมาประเทศไทยอย่างกะทันหัน คุณดิลกและคุณศศิธรเลยอยู่กับลูกชายได้แค่ 3 วัน


   วันนี้ นอกจากจะมีนัดทานข้าวกับอาม่าของเจตน์ตอนเที่ยงแล้ว สามพ่อแม่ลูกเลยตื่นแต่เช้าไปทำบุญตักบาตรร่วมกัน พอกลับมา เพื่อนบ้านหลังข้างๆก็โผล่หน้ามาทักทายข้ามรั้ว


   “สวัสดีครับ พ่อ แม่” ดิษกรยกมือไหว้พร้อมด้วยรอยยิ้มแฉ่ง


   “ดิษ! เป็นยังไงบ้างลูก มาหาแม่เร็ว! มาให้แม่กอดที!” คุณศศิธรร้องเรียก แน่นอนว่าเพื่อนสนิทของลูกชายก็รีบวิ่งออกจากบ้านตัวเองมาที่บ้านของปกฉัตรทันที เขาเข้าไปกอดบิดามารดาของเพื่อน ราวกับเป็นลูกชายอีกคนก็ไม่ปาน


   “เข้ามหา’ลัยแล้วดูเป็นหนุ่มขึ้นเยอะเลย มาๆ แม่ซื้อของมาฝากดิษด้วยนะ” แล้วดิษกรก็เดินตามพ่อแม่ของปกฉัตรเข้าบ้านอย่างว่าง่าย ร่างโปร่งมองตามเพื่อนรักแล้วส่ายศีรษะอย่างเอ็นดู ก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของใครอีกคนที่อยู่บ้านหลังข้างๆ


   นิศรา


   หล่อนมองตรงมาที่เขาจากอีกฝั่งของรั้ว ปกฉัตรหมุนตัวเดินออกจากบ้านตนเองไปยังบ้านของหล่อน


   “เรื่องของพี่เจ๋ง...อานิศเป็นคนบอกพ่อกับแม่ผมใช่มั้ย” เพื่อนสนิทของหลานชายที่หล่อนเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน นิศราไม่ตอบ ได้แต่มองไปทางอื่น


   “อานิศ...ผมรู้ว่าอานิศหวังดีแล้วก็เป็นห่วงผมนะ” คราวนี้หล่อนหันมามองเขาเต็มสองตา


   “อาเป็นห่วงปกจริงๆนะ ปกก็เหมือนหลานอาคนนึง แล้ว...จู่ๆก็มีคนเข้ามาในชีวิตปกแบบ...แบบหน้าตาไม่ค่อยจะเป็นมิตร อาก็กลัว...เกิดวันนึงเขาทำอะไรปกแล้วไม่มีใครรู้ จะทำยังไง” นิศราห่วงใย ยิ่งเห็นปกฉัตรกลับค่ำบ้าง ไม่กลับบ้านบ้าง หล่อนก็ร้อนใจ หล่อนอาจจะละลาบละล้วงเรื่องของเขา แต่...หล่อนทำเพราะหวังดีทั้งนั้น


   ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆ จะกลับไปบอกเจตน์ว่าสีหน้าไม่สบอารมณ์ของผู้ชายตัวใหญ่ ทำให้อาของดิษกรกังวลหนักขนาดนี้


   “โธ่ อานิศ พี่เขาก็แค่หน้าหงิกไปหน่อย...”


   “หงิกไปหน่อยอะไรล่ะ! หงิกมากกกกก! ปกไม่รู้อะไร คนในซอยบ้านเราเขาพูดกันว่าบ้านปก...หมาดุ”


   “ผมไม่ได้เลี้ยง...อ่า...” ปกฉัตรเพิ่งนึกออกก็ตอนนี้เอง ถึงเขาไม่ได้เลี้ยงสุนัข แต่พักหลังมานี่ มีใครบางคนเข้ามาในบ้าน บางทีก็ช่วยรดน้ำต้นไม้ บางทีก็ช่วยกวาดเศษใบไม้ เดินไปเดินมารอบบ้านด้วยหน้าตาที่...ไม่เป็นมิตรเท่าไร


   “แต่ถ้าปกยืนยันว่าเขาหงิกแค่หน้า อาก็...ก็จะไว้ใจในระดับหนึ่งนะ” ปกฉัตรรู้ดีว่านิศราไม่มีทางปล่อยปละละเลยเรื่องของเขา เอาเถอะ...ถึงหล่อนจะชอบสอดส่องชีวิตของเขา แต่หล่อนก็หวังดีและห่วงใยโดยเนื้อแท้


   “ไว้ผมจะพาเขามาเจออานิศบ่อยๆ อานิศจะได้วางใจ”


   “ปก...ไม่โกรธอานะ”


   “ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าอาเป็นห่วงผม”


   “แล้ว...ถ้าอาจะห่วงต่อไปเรื่อยๆ?” คำว่าห่วงของหล่อน หมายรวมถึงการสอดส่อง


สำหรับนิศรา ปกฉัตรก็ยังเป็นเด็กชายปกฉัตรตัวเล็กๆวันยังค่ำ ในขณะที่อีกฝ่าย...รุ่นพี่ตัวใหญ่ หน้าตาหงุดหงิดเหมือนโกรธคนมาทั้งโลก


...น่าวางใจเสียที่ไหนล่ะ!...


ปกฉัตรหัวเราะจนตัวโยน ก่อนจะพยักหน้ายอมรับความห่วงใยของคุณอาข้างบ้าน แล้วชวนนิศราไปพูดคุยกับบิดามารดาของเขา พอตอนเที่ยง เจตน์ก็ขับรถมารับสามคนพ่อแม่ลูกไปทานข้าวกับอาม่า ให้ผู้ใหญ่สองบ้านได้พูดคุยทำความรู้จักกัน


วันนี้...เป็นวันแห่งความสุขที่ยาวนาน


เป็นวันที่ทั้งเจตน์และปกฉัตรมีแต่รอยยิ้ม


และชั่วชีวิตนี้ของพวกเขา จะไม่วันลืมเลือนมันเลย
...................................

ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ


สองสามีภรรยากำลังเตรียมตัวจะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจความปลอดภัยก่อนจะเดินทางออกจากประเทศ ปกฉัตรยืน
มองบิดามารดาเตรียมเอกสารอย่างเงียบๆ


   “พ่อกับแม่ไปก่อนนะ” คุณศศิธรหันมาบอกลูกชาย ปกฉัตรพยักหน้า ยกมือไหว้แล้วสวมกอดบิดามารดาทีละคน เจตน์เองก็ยกมือไหว้ลาเช่นกัน


   “แล้วไว้เจอกันนะจ๊ะ” คนเป็นลูกไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มจางๆแล้วปล่อยให้พ่อกับแม่เดินจากไป


พ่อกับแม่หายไปแล้ว พ่อกับแม่...ไปแล้ว


ร่างโปร่งได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ รอบตัวมีแต่เสียงอื้ออึงของความวุ่นวายในสนามบินขนาดใหญ่ของประเทศไทย พ่อกับแม่ไปแล้ว กลับไปทำงานแล้ว ส่วนเขา...ถึงจะเป็นลูกก็โตมากพอที่จะดูแลตัวเองแล้ว อยู่คนเดียวมาตั้งหลายปี แต่กี่ปีๆ กี่ครั้งๆ ทุกคราวที่มาส่งพ่อแม่ เป็นต้องรู้สึกแบบนี้ทุกที


ว้าเหว่ เหงา เปล่าเปลี่ยว


ไออุ่นของใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ ดึงปกฉัตรออกมาจากภวังค์ที่มีเพียงลำพัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบไปมอง รู้สึกตัวในตอนนี้ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ไม่ใช่เด็กชายปกฉัตรที่ต้องทำตัวให้เข้มแข็งมากๆ เพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้เขาเป็นปกฉัตรที่อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่มัธยมต้น แต่...มีคนอยู่ข้างๆแล้ว


“พี่...” เขาเรียกอีกฝ่ายแผ่วเบา รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่ได้รู้ว่าข้างกายของเขาคือเจตน์ ผู้ชายปากร้ายใจดี เป็นคนที่เอาใจใส่และรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของเขา


“อย่าบอกกูนะว่ามึงจะไปวิ่งตามเครื่องบินแล้วตะโกนเรียกชื่อพ่อแม่”


แต่บางทีก็เป็นคนที่ปากร้ายมากไปหน่อย จนคนฟังที่อยากได้กำลังใจ ชักระอา


“ใครจะทำยังงั้น” ปกฉัตรตอบ เขาหมุนตัวจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถ แต่ถูกคว้ามือไว้ก่อน คนคว้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายหน้าตี๋ตาเรียว ที่ทำเป็นมองเพดานที มองพื้นที


   “ไว้ปิดเทอมใหญ่ ไปหาพ่อกับแม่มึงด้วยกัน”


   “พี่...จะไปกับผมเหรอ” ดวงตาเรียวสีดำสนิทเหลือบมามอง


   “ก็กูบอกแล้วไง ว่าจากนี้มึงไปไหน กูจะไปด้วย” เจตน์พูดเรียบๆ ก่อนจะมองเมินไปทางอื่น แต่มือที่จับมือของปกฉัตรก็ยังจับอยู่อย่างนั้น


   “มึงไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ที่ข้างๆมึงน่ะ...มีกูอยู่ด้วย” เป็นผู้ชายที่ไม่มีความโรแมนติกใดๆ ไม่รู้จักวิธีพูดหวานๆ แต่...ไม่รู้ทำไม คำพูดของเจตน์ถึงทำให้หัวใจของปกฉัตรสั่นไหวนัก


   มือขาวที่ถูกจับ สอดปลายนิ้วเข้าประสานกับมือของร่างสูง เจตน์หันมามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มักจะอ่านอารมณ์ไม่ออกกลับเปล่งประกายแห่งความสุข ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยก็เผยรอยยิ้มสดใส


   หากผลประโยชน์ของความพยายามคือความรัก


ผลประโยชน์ของความรักก็คือรอยยิ้ม


เป็นรอยยิ้มของปกฉัตรที่มอบให้เจตน์ และเป็นรอยยิ้มของเจตน์ที่มอบให้ปกฉัตร


   ภายในสนามบินยังคงจ้อกแจ้กจอแจ ผู้คนพลุ่กพล่าน แต่...ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนคือการยืนข้างกันอย่างเงียบๆ เป็นความเงียบที่มีแค่รอยยิ้มและสายตา


   ด้วยความรักและความพยายาม


   แด่ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่และมีค่า


ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร


มันจะเติบโตบนมือของพวกเขาทั้งสองคน


   FIN

ส่วน ‘หลังสอบ’ ที่เฮียทวงแล้วทวงอีก จะมาพฤหัสหน้านะคะ เพราะฉะนั้น สัปดาห์หน้า เราจะยังเจอกันต่อค่ะ นี่มันจบยังไงเนี่ยยยย ฮ่าฮ่า

วันนี้ไม่ไหวแล้ว เหน็ดเหนื่อยกับเทศกาลตรุษจีนเหลือเกิน ตาจะปิดแล้ว

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้ากับ ‘หลังสอบ’ ของเฮียค่ะ


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อันนี้ยังไม่ end ใช่ไมหค่ะ

ออฟไลน์ nnnnnnni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :pig4: :pig4:


รอหลังสอบอยู่นะอิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งือออ ดึใจจจ คู่นี้ลงตัวมาก ชอบทั้งคู่เลยๆๆๆ

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
งื้อออจะจบแล้วววว เดะต้องอ่านอีกรอบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด