...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 507249 ครั้ง)

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เจ๋งฮามากอ่ะ ปกโดนจีบแบบงงอ่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ว่าจีบอยู่

ออฟไลน์ italy18

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ว่าจะไม่เข้ามาอ่าน...กะรอให้ลงจนจบแล้วอ่านรวดเดียวแบบ "วาระซ่อนเร้น" แต่น้องสาวสายวาย...พูดกรอกหูทุกวี่ทุกวันว่ามันเด็ดมากพี่...มันดีเหลือเกิน เจ๋งจูบปกแล้ว...ฮ่อยยย!!! ใครจะทนไหว...ต้องกลืนคำมั่นของตัวเองลงท้อง...แล้วมานั่งอ่านอยู่แบบนี้...ตายเลยเรา...คงต้องรอให้คุณ Dezair มาอัพตอนที่ 9 ไว ๆ แบบว่าจะขาดใจแล้วววววว   :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อยากซื้อยาแก้เจ็บคอเป็นของขวัญปีใหม่ให้เฮียเจ๋ง ตะโกนตลอดเวลา 555

ออฟไลน์ momaynadsini

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
โรแมนติกแบบโหดๆ อ่านะ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
จีบแบบนี้ก็ได้หรออออ  :ruready

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
จีบตามสไตล์เฮียเจ๋งจริงๆ  :mew1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เป็นการจีบที่ฮาร์ดคอร์แลดูกรรโชกทรัพย์มาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เจ๋งนี่มันเจ๋งจริงๆ เล่นเอาน้ำตาซึม

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โอ้โหห นี่รือการจีบ การปล้น หรือขู่ฆ่าคะเฮียย
ทำไมมันรุนแรงเหลือเกินนนนน
ปกจะได้มีความสุขกับเขาจริงๆซะทีนะ รักก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จีบแบบเฮียเจ๋งฮาร์ดคอร์สุดๆ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
เฮียเป็นคนตลก

อยากได้ดิษษษษ

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
 :hao7: ตอนล่าสุดทำไมต้องเขิลเพราะน้องยิ้มตามอิพี่เจ๋งด้วยก้ไม่รุ้ว้อยยยยย

น่ารักอ่ะฮรื้อออ อิพี่ก้จีบน้องได้ฮาร์ดคอร์มากจย้าา 65555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 เจ๋งนี่มันเจ๋งจริงๆ ทำไมเกรี้ยวกราดแบบนั้นล่ะ
ดีนะ คิดได้สักทีว่าจะจริงจัง จะถามให้ชัวร์ แต่กว่าจะคิดได้ ก็พากันผอมไปข้าง

ปกฉัตรไม่ต้องทำอะไรแล้วนะ อิพี่มาเองเลยทีนี้
ไม่ห่วงแล้ว ยิ้มได้แบบสบายใจสักที

ดิษคะ กวนประสาทมากระวังเฮียจะมาย้อนให้นะ

ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โคตรฮาร์ดคอร์ ถ้าน้องไม่มีใจ เฮียจะจีบติดไหมอยากรู้ 555 ดีใจกับน้องงงงง

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ถ้าเฮียเจ๋งจะเอาแต่ใจเบอร์นี้ ฮ่าๆๆ นี่คือจีบใช่ไหมคะเฮียฮาร์ดคอร์ดีแท้ไม่อยากจะคิดถึงตอนเป็นแฟนว่าจะขนาดไหน

ปล.บางทีก็เหนื่อยแทนกับความกระโชกโฮกฮากของเฮียจริงๆ

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ได้ยินความเอะอะโวยวายจากตัวหนังสือเลยค่ะ อ่านแล้วเหนื่อยมากอะเพราะเราดันใส่น้ำเสียงไปด้วย555555 ทายาทอสูรของโจ๊ก~~เป็นพระเอกที่เราอยากทุบทุกครั้งที่พี่แกพูดออกมาเลย ปกจะต้องอดทนขนาดไหนเนี้ยยยย ของขวัญการคบกันคงได้เป็นสเตร็ปซิลกับแพ็คเก็จการตรวจหูอะ 5555555

ออฟไลน์ ShinsHolic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดดดดดดด เป็นการจีบแบบงงๆ แต่ฮาร์ดคอมั่กกกก พี่เจ๋งงงงง สมชื่อเค้านะคะ555555 งานอ่อยของน้องปกประสบผลสำเร็จล้าวววววว ฮี๊วววววว

ฮือออออ เที่ยวให้สนุกนะค้าาา สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าด้วยค่ะ จะรอวันที่4นะคะะะ ♡♡

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
   ตอนที่ 9


   หมู่นี้เพื่อนพ้องของเจตน์ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมักจะเห็นหนุ่มตี๋ตาเรียวปากร้ายขี้หงุดหงิดกลายร่างเป็นมนุษย์อารมณ์ดีที่ยอมเดินฝ่าแดดเปรี้ยงตอนเที่ยงออกจากคณะ สายข่าวตาดีบอกว่าจุดหมายปลายทางของพ่อหนุ่มปี 2 คนนี้คือคณะที่ไม่ใช่บ้านใกล้เรือนเคียงแต่อย่างใด...คณะรัฐศาสตร์นั่นเอง


   เที่ยงวันนี้ก็เช่นกัน หนุ่มหล่อปากไม่ค่อยดีลงจากตึกเรียนแล้วก็บ่ายหน้าจะเดินออกจากคณะ แต่...ถูกดักไว้ซะก่อน


   “เชี่ยเจ๋ง แวะโต๊ะเพื่อนหน่อยครับ” เจ้าของเสียงคือธนทัตเพื่อนสนิทจากคณะข้างเคียงอย่างเศรษฐศาสตร์ที่วันนี้พาผองเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมอย่าง การุณและอิสระมาบุกคณะบัญชี เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเจตน์ลืมโรงอาหารคณะไปแล้ว


   “อ้าว พวกมึงมาได้ไง” เจ้าถิ่นที่ดี เจอเพื่อนต่างคณะแวะเวียนมาทั้งที่ต้องถามตามมารยาทแต่เท้าก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่คิดจะรอฟังคำตอบสักนิด เป็นธนทัต การุณและอิสระที่ต้องวิ่งไปขวางไว้


   “เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนของมึง คุยกับพวกกูก่อน” คนถูกขวางขมวดคิ้วชิด


   “คุยอะไร?! กูรีบ!”


   “งั้นกูถามแบบรีบๆก็ได้ เดี๋ยวนี้ไม่แดกข้าวคณะตัวเองแล้วเหรอ” ธนทัตถามไว ในขณะที่อีกสองเพื่อนทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม เจตน์ชะงัก กวาดตามองเพื่อนสนิทสามหน่อแล้วก็รู้ว่าเรื่องของเขาและปกฉัตรคงรู้ถึงหูพวกนี้แล้ว ถึงได้แห่กันมาถึงนี่


   ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิดอะไร เพราะเขาก็ตามรับส่ง แถมกินข้าวกับปกฉัตรอย่างเปิดเผย


...แต่...รู้สึกหมั่นไส้สายตาพวกแม่ง กูจะไม่บอกดีๆหรอก!...


   “กูจะแดกที่ไหนก็เรื่องของกูมั้ย”


สามเพื่อนซี้ทำปากซู้ดที่ถูกด่าว่าอยากรู้อยากเห็น


   “แดกที่ไหนก็เรื่องของมึงครับ แต่แดกกับใครนี่รบกวนบอกพวกกูด้วย” อิสระแหย่ เจตน์รู้ดีว่าพวกนี้ไม่จบเรื่องที่อยากถามอย่างไวแน่ หนุ่มตี๋แห่งคณะบัญชียกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เที่ยงห้านาทีแล้ว และใครบางคนรอทานข้าวกับเขาอยู่


   “พวกมึงอยากรู้ก็ตามมา!”


แล้ววันนี้ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ก็ได้ต้อนรับแขกต่างถิ่นเพิ่มอีกสามคน

...................

ปกฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจตน์ไม่ได้โผล่หน้าเข้ามาในโรงอาหารรัฐศาสตร์เพียงลำพัง แต่มีเพื่อนสนิทอีกสามตามหลัง สามคนนั้นเขาพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเคยเจอกันตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนมัธยม โดยเฉพาะธนทัตที่พักนี้ เจอกันทีไรก็มักจะชวนเขาคุยทุกที


“มึงสั่งข้าวรึยัง” เจตน์มาถึงก็ถามเรื่องอาหารกลางวันทันที ปกฉัตรยังงุนงงกับคนที่ตามหลังร่างสูงมาด้วยแต่ก็ยังส่ายหน้าเป็นคำตอบ


“แล้วทำไมไม่ไปสั่งไว้ก่อนวะ?! เดี๋ยวช้าแล้วมึงก็ไม่ได้กินกันพอดี! เรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ?!”


“ก็ไม่รู้ว่าพี่อยากทานอะไร”


“กูกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ! งั้นเดี๋ยวกูไปสั่งให้ มึงกินแบบกูแล้วกันจะได้เร็ว! อ้อ...ไอ้พวกนี้อยากมาแดกข้าวด้วย” ดูเหมือนเจตน์จะเพิ่งนึกได้ว่ามีพยานรักอีกสาม ปกฉัตรได้แต่พยักหน้ารับ หันไปส่งยิ้มจางๆเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกว่านี้


“งั้นพวกกูฝากสั่งด้วยแล้วกัน ไอ้เจ๋ง เอาแบบมึงกับน้องปก” อิสระกำลังจะหาทางได้ซักถามรุ่นน้องร่วมโรงเรียนมัธยมโดยปราศจากเพื่อน แต่เจตน์ตวัดสายตามาจิก มองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วเหมือนเห็น เสือ สิงห์ และกระทิงล้อมรอบลูกแกะตัวน้อยๆของเขา


...ถ้ากูไปสั่ง ก็เหลือไอ้ปกกับพวกนี้...


...ไม่ได้สิวะ! แกะของกู ใครอย่าแตะ!!!...


“พวกมึงสามตัวนั่นแหละไปสั่งข้าว” เรื่องอะไรจะทิ้งปกฉัตรไว้กับคนอื่น สู้ถีบคนอื่นออกไปแล้วทิ้งตัวเองไว้กับปกฉัตรดีกว่า!


“ก็มึงสั่งแทนพวก...”


“กูบอกว่าให้ไปสั่งข้าว! สั่งแทนกูกับปกด้วย!” คนที่ยังอยู่ในสถานะตามจีบ หวงก้างขนาดหนักชนิดไม่ยอมปล่อยปกฉัตรไว้กับเพื่อนสนิทของตนเองด้วยซ้ำ


“กันท่าแล้วคาบไปแดกตลอด” ธนทัตบ่น ก่อนจะพาผองเพื่อนอีกสองไปต่อแถวร้านขายอาหาร ในขณะที่เจตน์ยังยืนเฝ้าปกฉัตรอย่างกับเป็นเจ้าที่ก็ไม่ปาน


“แล้วพวกพี่ๆเขาจะทานน้ำอะไรกัน เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ร่างโปร่งหันมาถาม ตามประสาเจ้าบ้านที่ดี มีคนต่างถิ่นมาทานข้าวที่โรงอาหารทั้งที ก็ต้องต้อนรับกันอย่างมีมิตรไมตรี


“กูจะไปรู้เหรอ!” แต่คนที่ไม่มีไมตรีใดๆคือคนที่ยังหงุดหงิดเพื่อนซี้ ยิ่งเห็นสายตาพวกนั้นมองปกฉัตรกันระยิบ ก็ยิ่งรู้สึกหวงขึ้นมาถนัด หนุ่มปีหนึ่งคณะรัฐศาสตร์เห็นอารมณ์คนข้างกายก็ไม่อยากเซ้าซี้ ยอมเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินตามสามหนุ่มจากต่างถิ่นไปถามเอง


“พี่...จะทานน้ำอะไรกันครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ประโยคนั้นลอยเข้าหูคนขี้หงุดหงิดพอดิบพอดี


คำว่า ‘พี่’ สั้นๆคำเดียว เป็นคำที่ก่อนหน้านี้เจตน์รู้สึกระคายหูเพราะไม่เคยถูกใครเรียก แต่ปกฉัตรกลับเรียกเขา แล้วพอเริ่มคุ้นชิน มาวันนี้ก็ชักจะระคายหูอีกรอบ เพราะปกฉัตรเอาไปเรียกคนอื่น


ร่างสูงไม่รู้ว่าสามเพื่อนสนิทสั่งน้ำอะไรกันบ้าง เพราะเขากระแทกตัวลงนั่งอย่างงุ่นง่าน แต่พอปกฉัตรกลับมาที่โต๊ะพร้อมด้วยน้ำเปล่าสี่ขวดที่หอบมาด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือน้ำใบบัวบกมาวางลงตรงหน้าเขา อกก็เริ่มคันยิบๆ ส่วนความหงุดหงิดก็ชักจะถดถอยลง


“เป็นอะไร ทำไมหงุดหงิด” คำถามดังเบาๆจากคนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พอดวงตาเรียวเหลือบไปมอง เจ้าของคำถามกำลังเท้าคางมองมาที่เขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่...ทำให้เจตน์คันอกหนักกว่าเดิม


“พ...เพื่อนกูชื่อไอ้ไท ไอ้อิสแล้วก็ไอ้การุณ...”


ร่างโปร่งเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย เจตน์ดูดน้ำใบบัวบกสีเขียวเข้มปรื้ดใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ


“ถ้ามึงจะเรียกพวกมันว่าพี่ ก็เรียกพี่แล้วตามด้วยชื่อ ไม่ใช่เรียกพี่คำเดียวเหมือน...เหมือนที่เรียกกู...”


คิ้วเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคลายลงในวินาทีนั้น ทว่าดวงตายังจับจ้องคนพูดในขณะที่ริมฝีปากแย้มยิ้มจางอย่างเอ็นดู เป็นรอยยิ้มจางที่ไม่ต้องเก็บกดเอาไว้ข้างในอีกแล้ว เวลานี้...ปกฉัตรไม่ต้องกลัวที่จะซุกซ่อนความรู้สึกอีกแล้ว หากเจตน์ถามว่ายิ้มทำไม เขาก็จะตอบตามตรงว่ายิ้มเพราะเอ็นดูมาก


...เอ็นดูคนขี้หวงคนนี้มากๆ...


หนุ่มตี๋เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่นั่งข้างเขา อยากจะถามว่ายิ้มทำไม แต่...เพราะเป็นรอยยิ้มจากคนที่มักจะทำหน้าเฉยๆเป็นนิจ หัวใจของเขาบอกว่าไม่กล้าถามอะไรก็ตามที่จะทำให้รอยยิ้มนั้นหายไป


คนปากไวแถมปากไม่ค่อยดี เรียนรู้ที่จะหุบปากด้วยการโกยน้ำแข็งเข้าปากเยอะๆ จะได้ไม่พูดอะไรที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของปกฉัตรจืดจาง เขา...อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้นานๆ ถึงจะเป็นรอยยิ้มน้อยๆก็เถอะ


ระหว่างพวกเขากลายเป็นความเงียบ ความเงียบที่คนหนึ่งนั่งยิ้มน้อยๆจ้องมองคนที่เอาแต่ตั้งสมาธิอยู่กับการโกยน้ำแข็งจนเกือบหมดแก้ว ก่อนจะลดสปีดกลายเป็นการเขี่ยเข้าปากทีละก้อนแทน


“พี่...ไม่อยากให้ผมเรียกคนอื่นเหมือนพี่เหรอ”


ในที่สุดก็เป็นปกฉัตรที่ตั้งคำถามขึ้นมาก่อน หัวใจอุ่นๆในอกนี้อยากให้เจตน์หันมาสนใจกันมากกว่าจะให้ไปสนใจน้ำแข็งก้อนไหนเสียอีก


“...” ไม่มีคำตอบ แต่คนถูกถามหูกระดิกรับรู้ เขี่ยน้ำแข็งเข้าปากไปอีก จนมือขาวต้องยื่นไปจับข้อมือของคนที่กำลังยกแก้วชิดปาก เจตน์ชะงักไปในทันที ปรายตามองก็เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มน้อยๆมาให้


...แล้วยิ้มแบบนี้กูจะพูดอะไรได้!...


“เคี้ยวน้ำแข็งแบบนั้นเดี๋ยวฟันก็สึกหมดหรอก ผมเทน้ำให้นะ” มือของปกฉัตรไม่ต้องออกแรงเลยแม้นิด แค่แตะเบาๆให้เจตน์วางแก้วลง คนตัวใหญ่แถมแรงเยอะกว่าก็ยอมวางแก้วให้เขาเทน้ำเปล่าใส่อย่างง่ายดาย


น้ำดื่มจากขวดพลาสติกค่อยๆรินลงสู่แก้วที่มีน้ำแข็งนอนก้น สายตาของเจตน์ควรจะหยุดอยู่ที่แก้วของตนเองแต่เขากลับมองทวนขึ้นไปตามสายน้ำ สู่ปากขวด สู่มือขาว ไปยังข้อมือ ไล่ไปตามแขนจนถึงข้อศอก แม้แขนเสื้อจะขวางกั้น แต่สายตาของเจตน์ก็ยังไล่ไปยังไหล่ จนมาถึงคอปกของเสื้อเชิ้ตนิสิตปีหนึ่งที่เผยอออกจากกันเล็กน้อยเพราะไม่ติดกระดุมเม็ดบนและไม่สวมเนคไท


...คอขาว กระดูกไหปลาร้าโปนที่วับๆแวมๆ...


สายตาจากดวงตาเรียวไล่ขึ้นมาที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหนุ่มรุ่นน้อง และสิ่งที่ตรึงสายตายิ่งกว่าอะไรก็คือใบหน้าของปกฉัตรที่กำลังยิ้มน้อยๆในขณะที่เจ้าตัวตั้งใจเทน้ำให้เขา


ไม่ใช่แค่บริการเล็กๆน้อยๆ แต่น้ำใบบัวบกแก้วนี้ ปกฉัตรตั้งใจซื้อมาให้


“วันนี้กูมาช้า มึงไม่หิวเหรอ” เป็นคำถามเบาๆจากผู้ชายโผงผาง เจตน์รู้สึกว่าพวกเขานั่งใกล้กันมากพอที่จะคุยกันด้วยเสียงเบาๆได้แล้ว หรือถ้าปกฉัตรจะไม่ได้ยิน เขาก็ยินดี...ที่จะขยับเข้าไปหาอีกหน่อย


ขยับเข้าไปใกล้กันอีกนิด...ให้ไหล่ของเขาซ้อนอยู่ข้างหลังไหล่ของปกฉัตร


“ไม่หรอก ผมก็เพิ่งเลิกเรียนเหมือนกัน” เพราะใกล้กันมากขึ้น น้ำเสียงที่คุยกันก็พลอยเบาลงไปด้วย


“แล้วเย็นนี้อยากกินอะไร”


“คิดไม่ออก ข้าวกลางวันยังไม่ได้กินเลย” ปกฉัตรตอบ รอยยิ้มกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เรื่องทนหิวไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตนัก แต่สำหรับเจตน์ถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งทีเดียว หนุ่มตาเรียวกะพริบตาปริบๆ เหมือนจะเพิ่งนึกออกว่าส่งเพื่อนสนิทสามหน่อไปสั่งข้าว แต่ป่านนี้ยังไม่เห็นโผล่หัวกลับมาสักคนเดียว!


“เออ! แล้วพวกไอ้ไทแม่งไปสั่ง…” หันรีหันขวางจะมองหาเพื่อน แต่มือขาวกลับแตะแขนเรียกความสนใจจากเขาเสียก่อน


“ผมไม่รีบ รอได้” พอเจตน์หันกลับมามองหนุ่มรุ่นน้อง เสียงในคอที่เมื่อครู่จะโหวกเหวกก็หายวับเหลือเพียงเสียงเบาๆ


“แต่มึงจะหิว...”


“กินน้ำไปก่อนก็ได้...” แล้วเจ้าตัวก็หยิบแก้วน้ำที่เดิมเคยเป็นน้ำใบบัวบกแต่บัดนี้ถูกเติมน้ำเปล่าจนเต็มขึ้นมาดื่ม...ดื่มผ่านทางปากแก้ว ทั้งๆที่มีหลอด


เจตน์มองริมฝีปากที่กำลังดื่มน้ำแก้วเดียวกับเขาแล้วก็คันอกยุบยิบ ดวงตาเรียวพยายามอย่างยิ่งที่จะมองไปทางอื่น แต่ไม่รู้ทำไม จุดที่น่าสนใจจุดเดียวคือใบหน้าของปกฉัตรที่กำลังแตะริมฝีปากอยู่กับปากแก้ว ในขณะที่มุมปากยกขึ้นน้อยๆเหมือนกำลังยิ้ม


“ก...แก้วกูนะปก”


“ก็ไม่ได้ดูดจากหลอดนี่นา”


“ต...แต่เมื่อกี้กูกระดกน้ำแข็ง”


ปกฉัตรวางแก้วคืนตรงหน้าเจตน์ทั้งๆที่ยังยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องคนที่ทำเป็นมองไปทางอื่นด้วยหัวใจพองฟู


...พี่ที่กำลังเขินแบบนี้น่ะ น่ารักมาก...


“พี่เรียนบัญชีน่าจะคิดเลขเก่ง บอกหน่อยสิ...ปากแก้วเป็นวงกลมแบบนี้ มีกี่เปอร์เซ็นที่ปากผมจะทับรอยพี่...”


เกิดมาทั้งชีวิต เจตน์ไม่คิดว่าคณิตศาสตร์จะทำให้อกคันหนักขนาดนี้เลย!!!

......................

...พ่ายแพ้หมดสภาพ...


อย่าถามถึงสารรูปตอนนี้เลย เพราะหนุ่มเชื้อสายจีนผู้โผงผางแห่งคณะบัญชีคิดว่าตอนนี้ดีกว่าเมื่อตอนกลางวันมากแล้ว


ไม่รู้ปกฉัตรไปเรียนไอ้วิธีพูดเสียงเอื่อยๆแต่ตาพราวและยิ้มจางๆแบบนั้นมาจากไหน เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่ายิ้มจางๆนั่นหวานเสียจนเขาไม่อยากให้หยุดยิ้มแม้แต่วินาทีเดียว ไหนจะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นที่มองตรงมาที่เขาอีก ประกายระยิบในนั้น...ไม่อยากให้ละไปจากเขาเลย


แต่...ไม่ว่าจะรอยยิ้มหรือสายตา ยิ่งเห็น ยิ่งมองก็ยิ่งคันอกจนแทบบ้า


“มึงเป็นกลากเหรอกเจ๋ง กูเห็นเกาอยู่นั่น!” เสียงของญาติผู้พี่ที่หน้าตาคล้ายกันอย่างกับพี่น้องคลานตามกันมาดังขึ้น เจตน์เหลือบตาไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เจ้าของเสียงที่เดินผ่านไปยังห้องครัว


“ม่า ผมมาแล้วนะ”


“เล่นกับเจ๋งไปก่อน” เสียงตะโกนตอบกลับมาจากห้องครัวเป็นของหญิงชราเจ้าของอาคารพาณิชย์แห่งนี้ที่วันนี้ลงมือเข้าครัวเอง แถมด้วยการชักชวนหลานๆให้มาทานแหนมเนืองฝีมืออาม่าด้วย หลานรักรายแรกที่มาร่วมคือคนที่อาม่าเลี้ยงมาเองกับมือ อย่างเจตน์ซึ่งยอมกลับบ้านในวันธรรมดาหลังจากไปส่งปกฉัตรแล้ว ส่วนหลานรักรายที่สองซึ่งถูกอาม่าเลี้ยงมาพร้อมๆกันก็คือเจียระไน


“ม่าให้กูเล่นอะไรกับมึงวะ” หลานรักรายที่สองซึ่งโตเกินกว่าจะเล่นกับญาติผู้น้องหันมาถาม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ดูจะไม่สนใจเจตน์เลยสักนิด


“เฮีย...” แต่เจตน์จะไม่สนใจลูกพี่ลูกน้องรายนี้ก็ไม่ได้ เพราะถือเป็นญาติสนิทที่สุด และเวลานี้...เขาก็ต้องการศิราณีมากๆด้วย


เจียระไนเหลือบตามองเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ก่อนจะลดสายตาลงสนใจโทรศัพท์มือถือของตนเองต่อ


“คือ...เฮียคิดว่าไง ถ้าคนจีบกันกินน้ำแก้วเดียวกัน บ...แบบจงใจด้วยนะ”


ตาเรียวๆของญาติผู้พี่เหลือบมองคนมีศักดิ์เป็นน้องอีกที


“มึงถามเชี่ยอะไรเนี่ย?!”


“ก็...ก็...” เจตน์เองก็ไม่รู้ว่าถามอะไรออกไป


   “คนก่อนๆของมึงคงไม่ใช่แค่แดกน้ำแก้วเดียวกันหรอกมั้ง”


   “ก็ใช่...แต่...แต่คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น...” พอคิดถึงตอนปกฉัตรจรดริมฝีปากกับปากแก้วของเขาแล้วเจตน์ก็คันอกขึ้นมาอีก แถมตอนนี้ยังคำนวณเปอร์เซ็นที่รายนั้นถามค้างเอาไว้ไม่ออกเลย


   “ค...คือผมจีบมัน แต่...แต่อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าโดนมันจีบเอาๆ” คนฟังถึงกับชะงัก เพราะนอกจากน้องชายจะมีโอกาสได้จีบแล้ว มันยังกล้าพูดว่าถูกอีกฝ่ายจีบกลับด้วย


   ...เชี่ยเอ๊ย! อิจฉา!!...


    “มึงคิดไปเองรึเปล่า!” สาบานว่าอิจฉาของแท้ เจียระไนเลยหักดิบญาติผู้น้องซะเลย


   “ไม่หรอกเฮีย มัน...ดูเงียบๆก็จริง ไม่น่าจะจีบใครเป็น แต่...แต่ยังไงผมก็ว่าเหมือนมันจะจีบผมกลับ...” ฟังๆแล้วเจียระไนชักอิจฉาหนัก เพราะสิ่งที่เจตน์พูดมา ล้วนตรงกับเขาทุกอย่าง


   คนที่เขาหมายตาก็เงียบๆ ดูแล้วไม่น่าจะจีบใครเป็น แต่มันต่างกันตรงที่เจตน์ถูกคนแบบนั้นจีบกลับ ส่วนเขา!...อย่าว่าแต่โดนจีบกลับมาเลย! เอาแค่ให้ฝ่ายนั้นรู้ว่าเขาจีบก็ยากแล้ว!!


   “กูว่ามึงคิดไปเอง!!” เจียระไนย้ำชัด หน้าตาอิจฉาระดับสิบ เจตน์ชะงัก หันมองคนเป็นพี่ด้วยความงุนงง


   “เออ คิดไปเองก็ได้ เฮียจะใส่อารมณ์ทำไมวะ”


   “กูเปล่า! แต่กูว่ามึงคิดไปเอง! ก็มึงบอกกูอยู่เมื่อกี้ว่ามึงเป็นคนจีบ! แล้วคนที่มึงจีบจะมาจีบมึงกลับได้ไง! ถ้าเขาจีบมึงกลับก็แสดงว่าเขาก็ชอบมึงน่ะสิ! ถ้าแบบนั้นแม่งก็เป็นแฟนกันไปเลยสิวะ! จะจีบกันไปๆมาๆทำเชี่ยอะไร!!” เจียระไนใส่อารมณ์เต็มร้อยตามประสาคนไม่ประสบความสำเร็จในความรักสักที ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีหายเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงโล้งเล้งดังลั่น


   “ม่า! ผมหิว! ผมจะช่วยม่าทำ!”


   เจียระไนหารู้ไม่...คำพูดประชดประชันเมื่อครู่นี้ราวกับคัมภีร์เบิกเนตรน้องชาย


   ถ้าจีบก็แสดงว่าชอบ ถ้าปกฉัตรจีบกลับก็แสดงว่าปกฉัตรก็ชอบ


   ...เออ! ถ้าต่างคนต่างชอบกัน แล้วจะจีบกันไปจีบกันมาทำไม! เป็นแฟนกันเลยสิวะ ถึงจะถูก!!!...

.............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2018 20:22:52 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8


อย่าว่าแต่เพื่อนของเจตน์จะจับสังเกตความสัมพันธ์อันงอกเงยของเจตน์และปกฉัตรได้เลย ดิษกรที่แม้จะไม่ได้เจอเพื่อนสนิทบ่อยๆ แต่อาศัยว่าบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ยังเห็นความเป็นไปที่เกิดขึ้นในบ้านหลังข้างๆ ที่เดี๋ยวนี้มีรถหรูมารับมาส่ง บางวันคนขับก็สิงสถิตอยู่ที่บ้านหลังนี้จนมืดค่ำก่อนจะยอมกลับ บางวันก็แวะมาส่งดึกๆ และต้องรอจนกว่าเจ้าของบ้านจะปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ถึงได้กลับ หรือบางวันก็แวะมาส่งอย่างเดียว แต่ก็เห็นล่ำลากันในรถนานเป็นพิเศษก่อนคนถูกพามาส่งจะได้ลงจากรถ


   สบโอกาสเหมาะก็เย็นวันนี้ที่คนขับรถหรูคันนั้นไม่ลงจากรถ แถมส่งแล้วก็กลับไม่นั่งแช่อยู่ที่บ้านของปกฉัตรนานๆเหมือนทุกที


“อะแฮ่ม” ดิษกรผู้อยู่บ้านหลังข้างๆชะโงกหน้าข้ามรั้วเตี้ยๆเข้ามายิ้มแฉ่งส่งเสียงทักทาย


ปกฉัตรนิ่งไปเล็กน้อย เห็นจากรอยยิ้มของดิษกรก็พอรู้ว่าเพื่อนสนิทรายนี้คงรู้เห็นไม่ต่างจากเหล่าเพื่อนสนิทของเจตน์ที่พากันมาที่โรงอาหารคณะของเขาหรอก


แต่...คนทำหน้านิ่งเป็นนิจก็ยังทำสีหน้าเฉยได้เหมือนเคย ก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่ชะโงกหน้าข้ามรั้วมา


“วันนี้กลับเร็วเหรอ” ปกฉัตรถามก่อน


“ไม่เร็วก็ไม่ได้เห็นเพื่อนกูเปลี่ยนไปหรอก” ดิษกรหุบรอยยิ้มแล้วทำหน้าหงอย ทำเอาร่างโปร่งงงงัน


“เปลี่ยนไปตรงไหน”


“ก็ตรงที่เดี๋ยวนี้มีรถหรูรับส่ง ลืมรถญี่ปุ่นกูไงล่ะ” จากความงุนงงกลายเป็นชักจะเขินที่ถูกทักเรื่องนี้ แต่ปกฉัตรก็ยังอาศัยความนิ่ง มองไปทางอื่นแล้วตอบเสียงเบา


“ก็แค่มารับส่ง”


“แหม มึงพูดอย่างกับเฮียกูเป็นแท็กซี่” ดิษกรหยอก ค้ำสองแขนกับรั้วเตี้ยจับจ้องใบหน้าของเพื่อนรัก อีกฝ่ายดูมีความสุข อย่างน้อยๆในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ทำเป็นมองเมินไปทางอื่นก็บอกเขาแบบนั้น


“เล่าให้เพื่อนฟังได้ยัง ไปไงมาไง ทำไมมาลงเอยกัน”


“ลงเอยอะไร”


“ฮั่นแหน่ะ! มีปากแข็ง เรื่องเมื่อกลางวันที่โรงอาหารคณะมึงน่ะ อย่าคิดนะว่าจะไม่มีคนมาเล่าให้กูฟัง กูมีคลิปด้วย”


“คลิปอะไร” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกโตอย่างไม่เข้าใจ หวนคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรประเจิดประเจ้อ ก็แค่...หาเรื่องกินน้ำแก้วเดียวกับ ‘พี่’ แค่นั้นเอง


“คลิปอิงแอบแนบชิด” ดิษกรพูดแล้วยิ้มกริ่ม ก่อนจะเปิดโทรศัพท์มือถือให้ดู คลิปที่ปรากฏนั้นเป็นคลิปที่ถูกถ่ายจากด้านหลังปกฉัตรและเจตน์ ไม่เห็นมีอะไรเลยนอกจากไหล่ของเจตน์ซ้อนอยู่ข้างหลังเขา


นั่งใกล้กันจริง แต่ไม่ถึงขั้นอิงแอบแนบชิดสักหน่อย


“มีคนบอกกูว่าเฮียหูแดงเลย มึงทำอะไรเฮียเจ๋งของกู หึ?”


“ไม่ทำอะไรหรอกหน่า” เป็นว่ายังไงๆก็ไม่ยอมพูด แต่ถึงอย่างนั้นดิษกรก็ยังเอาคลิปนั้นมาเปิดดูซ้ำ แม้ในคลิปจะเห็นแค่ข้างหลัง เขาก็ดูไปยิ้มไป


“ยิ้มอะไรนักหนา ดิษ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเพื่อนสนิท ทำเอาปกฉัตรเขินขึ้นมาแล้วจริงๆ


“ขนาดเห็นแค่ข้างหลังยังรู้เลยว่ามึงมีความสุข” ดิษกรเอ่ยปากอย่างที่ทำเอาร่างโปร่งนิ่ง


...ความสุขหรือ...


...ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเวลาอยู่กับพี่แล้วมีความสุขขนาดที่แม้จะมองจากข้างหลังก็ยังรับรู้ได้...


...ความสุข...


จู่ๆภาพความสุขในอดีตที่ปกฉัตรเคยมี ภาพของครอบครัวของเขาที่มีพร้อมหน้าทั้งบิดามารดาและบ้านหลังนี้ ภาพของเด็กชายปกฉัตรที่ห้อมล้อมด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ภาพเหล่านั้น...ปรากฏขึ้นในสมอง


มันปรากฏแค่วูบเดียว ก่อนจะกลายเป็นภาพของบิดามารดาที่หายลับเข้าไปในเขตของผู้เดินทางออกจากประเทศ แล้วเหลือเพียงปกฉัตรคนเดียวที่นี่


“ปก?...ไอ้ปก...” เสียงดิษกรปลุกสติร่างโปร่งออกมาจากความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ความสุขที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยการจากลา ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย แต่ที่นี่...ที่บ้านหลังนี้ก็เหลือเพียงปกฉัตรคนเดียว


“เป็นไรวะ” สีหน้าซีดเผือดของเพื่อนสนิททำเอาดิษกรใจหาย ปกฉัตรส่ายหน้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่พอจะเดินหนีเข้าบ้าน แขนของเขากลับถูกคว้าเอาไว้


ดิษกรเอื้อมมือข้ามรั้วมาจับแขนเพื่อนรักเอาไว้แน่นราวกับจะไม่ปล่อยไปถ้าหากยังไม่ได้คำตอบ ปกฉัตรนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาอย่างแผ่วเบา


“ความสุข...จะอยู่กับกูอีกนานมั้ย” เป็นคำถามที่ทำเอาคนฟังตะลึงงัน


เพราะรู้จักกันมาแต่เด็ก เขารู้เห็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของเพื่อนคนนี้หลายอย่าง รวมไปถึงการเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวด้วย


“ปก...มึงกำลังกลัวเหรอ”


ไม่มีคำตอบจากปกฉัตร ทว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นไหวระริกและมองเมินไปทางอื่น


“กู...บอกมึงไม่ได้หรอกว่าความสุขจะอยู่กับมึงอีกนานมั้ย แต่ที่กูรู้...เฮียเจ๋งเป็นคนหนักแน่น จริงจัง และกูว่า...ความรู้สึกที่เขามีให้มึง มันจะทำให้มึงมีความสุขมากกว่าความทุกข์” หนุ่มตัวใหญ่ที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอออกปากด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ และเป็นความแน่วแน่ที่ทำให้ดวงตาของปกฉัตรต้องเหลือบกลับมามอง



ทว่า...ในดวงตาคู่นั้นกลับฉายชัดไปด้วยความหวั่นไหว



“ต่อให้จริงจัง...สุดท้ายก็คงจะไปจากกูอยู่ดี...”


“...ความสุข...ไม่เคยอยู่กับกูนาน...”


ระหว่างพวกเขาคือรั้วเตี้ยที่กั้นเอาไว้ ดิษกรมองข้ามรั้วนี้เข้าไปในบ้านของเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กจนโต เห็นตั้งแต่ปกฉัตรยังเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยพ่อแม่ เป็นครอบครัวอบอุ่น


แต่แล้ววันหนึ่ง...วันที่พ่อแม่ของปกฉัตรถูกส่งไปทำงานที่ต่างประเทศ เด็กชายปกฉัตรในวัยแตกเนื้อหนุ่มเสนอให้พ่อและแม่ไปเพียงสองคน ในขณะที่ตนเองจะอยู่ประเทศไทยเพื่อเรียนต่อมัธยมปลายและสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะด้วยกาารแสดงออกอย่างเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยเหตุผล หรือเพราะพ่อแม่ตามใจ สุดท้าย...ปกฉัตรก็อยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง


สามคนพ่อแม่ลูกไม่ได้บาดหมางกัน พ่อแม่ของปกฉัตรยังคงกลับมาเยี่ยมลูกชายทุกปี กลับมาจัดงานวันเกิดให้แทบทุกปี ยังส่งของขวัญตามเทศกาลมาให้ ยังติดต่อทางโทรศัพท์และการสื่อสารอื่นๆที่อำนวย ปกฉัตรเองก็ยังรักและคิดถึงบุพการีเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าตัวเคยหลุดปากบอกเพื่อนสนิทคือ ณ วันนั้น สิ่งที่ทำคือการลองใจ ระหว่างงานที่ต่างประเทศหรือลูกชายที่เมืองไทย บิดามารดาจะเลือกอะไร


หากย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ยื่นข้อเสนอให้พ่อแม่เลือกระหว่างงานและตัวเขาเลย


หากย้อนเวลากลับไปได้...จะไม่เติบโตขึ้นเพียงลำพังในบ้านที่มีแต่ความทรงจำของครอบครัวเลย


ดิษกรพูดไม่ออก และพลอยเป็นรั้งเพื่อนเอาไว้ไม่ได้อีก ปกฉัตรหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน ในขณะที่เขาทำได้เพียงยืนมองอยู่ที่เดิม


ถ้านี่คือความกลัว ก็ขออย่าให้มันทำลายความสัมพันธ์ของเจตน์และปกฉัตรเลย

................................

เมื่อเช้า ปกฉัตรดูแปลกๆ


เงียบ ซึม ต่อให้ยิ้มก็ยิ้มแบบที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นไม่ได้ยิ้มตามเลยสักนิด


เจตน์ตามรับส่งมาพักหนึ่งแล้ว ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเช้าวันนี้ของปกฉัตรไม่เหมือนก่อน ที่คิดๆเอาไว้ว่าจะขอเป็นแฟนตามที่ถูกญาติผู้พี่เบิกเนตรมาก็เลยต้องพับไปก่อน เพราะสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายดูแล้วน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง!


...หรือเที่ยงนี้จะพามันไปกินอะไรอร่อยๆดี...


...ไม่สิ มันปีหนึ่ง วิชาที่ต้องเรียนแน่นเอี้ยดอย่างกับหางว่าว! แดก! เอ๊ย! กินที่โรงอาหารคณะมันนี่แหละ!...


เจตน์ตัดสินใจเสร็จสรรพตอนเดินมาถึงคณะรัฐศาสตร์ เที่ยงนี้เขาก็ยังถูกเพื่อนๆยกย่องว่าเป็นมนุษย์อารมณ์ดีที่กล้าเดินฝ่าแดดตอนเที่ยงออกจากคณะมาได้โดยไม่หงุดหงิด


...ก็แน่สิ! จะมาเจอไอ้ปก จะหงุดหงิดทำพ่องรึไง?!!!...


คนปวารณาตัวว่าจะไม่หงุดหงิดยืนสถิตอยู่ที่เดิมอันเป็นที่ประจำที่เขามักจะมารอปกฉัตรตรงนี้ หรือไม่ปกฉัตรก็มารอเขา เป็นมุมเสาต้นหนึ่งที่โถงของตึกเรียนที่มีคนพลุ่กพล่าน


เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกห้านาทีจะเที่ยงแล้ว อีกฝ่ายคงใกล้จะลงมาแล้ว ดวงตาเรียวสอดส่ายมองหา ก่อนจะเห็นร่างสูงโปร่งเดินมาจากระเบียงทางเดิน พร้อมด้วย...หนุ่มลูกครึ่งแต่หน้าตาฝรั่งจ๋า! แล้วพอเหลือบไปมองปกฉัตรที่กำลังยิ้มแย้มก็นึกเข่นเขี้ยวคนที่เขาอุตส่าห์เป็นห่วง


...ทีเมื่อเช้าหน้าซึมฉิบหาย! พออยู่กับไอ้ฝรั่งนี่แล้วดี๊ด๊าเป็นปลาได้น้ำเลยนะมึง!!!...


เจตน์กำลังจะพุ่งตัวไปแทรกกลางก็ดันช้ากว่าหญิงสาวร่างป้อมผมหยิกที่วิ่งไปถึงก่อน


...ผู้หญิงมาจากไหนวะเนี่ย?!!...


เกือบจะได้ว้ากก่อนเที่ยงดูสักที แต่ปรากฏว่าปกฉัตรยกมือไหว้ผู้หญิงคนนั้น อารมณ์ที่กำลังจะได้ที่ของเจตน์เลยแทบมอดในวินาทีนั้น แล้วจัดลำดับหญิงสาวคนที่ปกฉัตรไหว้ให้เข้าไปอยู่ในหมวดหมู่ญาติผู้ใหญ่


...แต่...ถึงผู้หญิงจะผ่าน ไอ้ลูกครึ่งนั่นกูก็ไม่ให้ผ่าน!! ยืนข้างไอ้ปกแทบจะสิงกันอยู่แล้วนะเว้ย!!...


หนุ่มตี๋ที่เพื่อนๆคณะบัญชีบอกว่าหมู่นี้อารมณ์ดี ตีหน้าหงิกแล้วก้าวเร็วๆไปหาทันที แต่เพราะผู้คนมากมายในโถงตึก กว่าเขาจะแทรกผ่านกลุ่มขี้เม้าตรงนั้น หลบคณะนิสิตที่ห้อมล้อมอาจารย์รูปหล่อตรงโน้น แถมเกือบจะชนกับคนที่รีบวิ่งออกจากตึก กว่าจะไปปรากฏตัวในสายตาของปกฉัตรได้ หญิงสาวคนนั้นก็โบกมือลาแล้ว


“ดี จะได้กินยาวๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกพี่โซ่กับพี่เวฟก่อนนะ แล้วไว้เจอกันวันเสาร์นะปก” แต่ไม่วายก่อนไปก็ยังนัดแนะมาเข้าหูเจตน์อีก


“นั่นใคร?!” หนุ่มตี๋หน้าหงิกไม่เพียงแต่ก้าวเข้าไปยืนประจันหน้ากับปกฉัตร แต่ยังถามถึงหญิงสาวที่หายออกจากโถงตึกไปแล้ว


“อ้าว พี่มาแล้วเหรอ”


“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง กูถามว่านั่นใคร?!”


“เมื่อกี้พี่รหัส”


“ชื่อไร?!”


“พี่ฟาง”


“แล้วนัดอะไรกัน?!” ไม่ตะคอก ตะโกน ตะเบ็ง แต่ตาเรียวจิกหนักแถมเสียงแข็งโป้กอีกต่างหาก


“พี่ฟางนัดไปกินข้าวกับสายรหัส”


“เมื่อไร?!”


“วันเสาร์นี้...” ปกฉัตรตอบแล้วก็รู้สึกว่าถ้าเขาไม่บอกให้หมด เจตน์ก็คงถามทีละคำถามเพื่อเอาคำตอบจากเขาอยู่ดี


“...แต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหน พี่เขาบอกว่าจะไปคุยกับพี่ปีสามกับพี่ปีสี่แล้วจะมาบอกอีกที แล้ว...เดี๋ยวผมบอกพี่นะ” ประโยคหลังนั่นเหมือนเป็นประโยคบอกเล่า แต่สายตาจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายบางอย่างที่ทำเอาคนเสียงแข็งเมื่อครู่นี้ใจอ่อนยวบ


“เออ! บอกกูด้วย!” ใจอ่อนกับเรื่องหญิงสาวร่างป้อมคนเมื่อครู่นี้ก็จริง แต่ยังเหลือเรื่อที่ควรจะใจแข็งอีกเรื่อง


เจตน์ปรายสายตาไปทางหนุ่มลูกครึ่งที่ยังยืนเงียบอยู่ข้างปกฉัตร แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร หนุ่มลูกครึ่งรายนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


 “ไปโรงอาหารก่อนนะ” เป็นการบอกกับเพื่อนร่วมภาควิชา ก่อนจะเดินจากไปทันที ปกฉัตรมองตามด้วยความสงสัย เพราะเจฟฟรี่ที่คุยสนุกสนานตั้งแต่ออกจากห้องเรียนดูจะเงียบไปในทันทีที่พี่รหัสของเขาปรากฏตัว


“กูหิว!!” และเพราะเอาแต่มองตามคนอื่น ผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยต้องเรียกร้องความสนใจนิดหน่อย แต่...หนุ่มรุ่นน้องก็ยังไม่หันมาสนใจกันอยู่ดี


   “เฮ่ย! กูบอกว่าหิว!!” เป็นอีกครั้งที่เสียงของเจตน์ดังอย่างหงุดหงิด ปกฉัตรหันกลับไปมองคนหน้าหงิก


   “หงุดหงิดอะไร” เขาถามเรียบๆ แต่ร่างสูงพ่นลมหายใจแรง


   “ก็มึงให้กูมารอ! แต่เสือกคุยกับคนนั้นทีคนนี้ที! เห็นหัวกูบ้างมั้ยเนี่ย!!” มุมปากของปกฉัตรปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ถึงจะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำให้อีกฝ่ายต้องแบกท้องหิว แต่ก็...อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี


   ...ไม่อยากบอกเลยว่าเห็นหัวพี่คนแรกเลยตั้งแต่เดินมาถึงนี่น่ะ...


   “ยิ้มไร?! เห็นกูหิวเป็นเรื่องสนุกรึไง!”


   “เปล่า...พี่รออีกหน่อยได้มั้ย ผมต้องเอาเลคเชอร์ของเพื่อนไปซีร็อกก่อน” ร่างโปร่งบอกเงื่อนไขแล้วชูสมุดในมือให้คนหน้าหงิกดู


   “มึงจดเองไม่เป็นเหรอ ถึงต้องยืมคนอื่น!”


อันที่จริงก็ไม่ได้หิวจนหงุดหงิด แต่ที่ไม่สบอารมณ์สุดก็ตอนที่เห็นไอ้หนุ่มลูกครึ่งเดินขนาบข้างปกฉัตรมาต่างหาก เท่านั้นไม่พอ ยังมีผู้หญิงตัวกระปุกลุกวิ่งดุ๊กๆมาเกาะแขนอีก! นี่ยังดีนะว่ารายนั้น ปกฉัตรยกมือไหว้ จะไม่หึงก็ได้!


   “จดเป็น แต่ผมจดไม่ทัน” แต่ปกฉัตรก็ยังเย็นเหมือนน้ำ ตอบเรื่อยๆ ใบหน้าขาวก็ยังเรียบ ไม่บอกอารมณ์ แต่...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั่นระยิบระยับ เจตน์ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด


   ...ตอนมองไอ้ฝรั่งเมื่อกี้นั่นตาวิบวับแบบนี้เปล่าวะ?! แม่ง!!!...


   “ของไอ้เมื่อกี้ใช่มั้ย?!” เขาถาม เคืองสายตาแม้กระทั่งสมุดสีน้ำตาลในมือขาว


   “เขาชื่อเจฟ”


   ...สัด! ชื่อคล้ายกูด้วยนะ!!...


   “กูชื่อเจ๋ง!” ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกทำไม แต่เจตน์ก็อยากบอก ปกฉัตรเกือบหลุดหัวเราะ ดีว่าทำเป็นกระแอมทัน เขาตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ว่าตัวเองรู้เห็นในอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดและหึงเป็นบ้าแบบนี้


   “ผมรู้แล้วว่าพี่ชื่อเจ๋ง บอกผมทำไม” ปกฉัตรยังทำหน้าเฉยๆถามกลับไป เจตน์ยิ่งงุ่นง่านหนักกว่าเก่า เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกชื่อตนเองทำไม ที่รู้ๆคือชื่อหนุ่มฝรั่งเมื่อกี้ดันใกล้เคียงกับชื่อของเขา! แถมมันยังมาเกาะแกะปกฉัตรเหมือนเขาด้วย!


   …ไม่รู้ล่ะ! ยังไงกูก็จีบก่อน! ถือว่ากูเป็น first priority โว้ย!!...


   “ก็เดี๋ยวมึงลืม! แล้วจำไว้ด้วยว่ากูจีบมึงอยู่!” เจตน์ให้เหตุผลมั่วซั่วไปหมด แต่ก็ยังไม่วายย้ำประโยคเด็ดถึงสถานะระหว่างเขากับปกฉัตร


   “เรื่องนี้ผมก็รู้แล้ว...” ปกฉัตรพูดเสียงเบา ไม่ใช่เกรงว่าใครจะได้ยิน แต่กำลังเขินจนวาบหวามไปทั้งหัวใจต่างหาก


   “รู้แล้วก็ดี! ไปแดกข้าวได้แล้ว!” เจตน์คว้าหมับเข้าที่แขนของคนตรงหน้า แต่ปกฉัตรยื้อร่างเอาไว้


   “ซีร็อกก่อน” พูดแล้วก็โบกสมุดในมือไปมา หนุ่มบัญชีปีสองพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ ก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปที่ร้านถ่ายเอกสาร แต่แน่นอน...เรื่องอะไรจะปล่อยให้ปกฉัตรเดินไปคนเดียว แม้จะไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนคุยกันเมื่อกี้ แต่เจตน์ก็ยังเดินตามไปแสดงความเป็นเจ้าของด้วย


   กว่าจะถ่ายเอกสารเสร็จ มาถึงโรงอาหารก็ไม่มีที่ว่างแล้ว ในโรงอาหารแน่นขนัดไปด้วยนิสิตจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นปกฉัตรก็ยังเห็นเจฟฟรี่นั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อนในภาควิชาคนอื่นๆ เขาเอาสมุดเลคเชอร์ไปคืน ขอบอกขอบใจด้วยรอยยิ้มและไมตรีที่ดีต่อกันได้ไม่เกินหนึ่งนาที หนุ่มตี๋แห่งคณะบัญชีก็ไปยืนตีหน้าหงิกอยู่ข้างๆ เจฟฟรี่ไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าทำไมคนแปลกหน้าอย่างเจตน์ถึงไปยืนจ้องเขา แต่...ใครอีกหลายคนในโรงอาหารเข้าใจ


   ข่าวลือที่ว่าปกฉัตรมีแฟนเป็นหนุ่มต่างคณะแพร่สะพัดไปทั่วคณะรัฐศาสตร์


   “นั่นแฟนน้องปก ไออาร์”


“ปก ไออาร์มีแฟนแล้วเหรอ?!”



   “ใช่คนที่นั่งชิดกันในคลิปเปล่าวะ”


   “คลิปนั่นมีหลายมุมฉิบหาย มีมุมนึงแม่งอย่างกับซุกคอกัน!”


   “เฮ้ยๆ กูจำไอ้คนที่เดินกับน้องปกได้นะ นั่นเด็กปีสองบัญชีฯอ่ะ ชื่อเจ๋ง”


   “เจ๋ง บัญชีฯ? งั้นก็น้องไอ้โจ๊ก ปกครองน่ะสิ!”


   ในโรงอาหารนั้นเซ็งแซ่ แม้ใครจะพากันพูดเรื่องปกฉัตรและหนุ่มข้างกาย ก็อาจจะจับคำพูดได้ไม่มากนัก แต่ที่จับได้แน่ๆคือสายตาที่มองมาที่พวกเขา ปกฉัตรรู้ตัวอยู่แล้วเกี่ยวกับข่าวลือของเขาและเจตน์ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือเจตน์จะเลือกอะไร...ระหว่างเขาหรือข่าวลือพวกนั้น...


   “ผมว่า...เราไปกินที่อื่นกันมั้ย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองร่างสูงที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด


   “ทำไม?! มึงไม่อยากให้กูเห็นไอ้ฝรั่งนั่นรึไง?!”


   “ไม่ใช่สักหน่อย แต่...ที่นี่มีข่าวลือเรื่องผมกับพี่ เอ่อ...เมื่อวาน มีคนแอบถ่ายคลิปพวกเรา...”


   คลิปที่ดิษกรเคยเอามาให้ดู เคยออกปากว่าเห็นแค่ข้างหลังก็รู้ว่าปกฉัตรมีความสุข คลิปที่...ปกฉัตรไม่กล้าดูอีก เพราะกลัวว่าความสุขที่เขามี จะหายไปเมื่อรู้ตัว


   “คลิปไร”


   “ก็...คลิปที่เรานั่งข้างกัน”


   “แล้ว?” เจตน์ยังไม่เข้าใจ แค่คนนั่งข้างกันมันจะเป็นประเด็นอะไรนักหนา


   “ก็...อาจจะมีคนมองมาที่พี่ แล้วพี่จะ...อึดอัด...” เจตน์กวาดสายตามองรอบตัว ถึงได้เพิ่งสังเกตว่ามีสายตาหลายคู่ในโรงอาหารมองมาที่พวกเขา แต่พอเขาหันไปมองตอบ พวกนั้นก็ก็ลอยหน้าลอยตาหนี บ้างก็ทำเป็นตั้งหน้าตั้งกินข้าว


   “พี่...อาจจะทานข้าวไม่ลง ถ้า...มีคนมองแบบนี้”


   “เออสิ! กูไม่ใช่หมีในสวนสัตว์! ถึงต้องให้คนมาจ้องตอนกูแดก!”


   “งั้น...ไปกินที่อื่นมั้ย” ปกฉัตรถาม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเจตน์ต้องเลือกความสบายใจด้วยการไปทานที่อื่นแทนที่จะทนนั่งอยู่ในโรงอาหารนี้แล้วให้ผู้คนพากันมองแล้วซุบซิบนินทา


ทั้งๆที่รู้ว่าสุดท้ายเจตน์ต้องเลือกอย่างอื่นที่ไม่ใช่เขา แต่ก็อด...ใจหายไม่ได้อยู่ดี


   ร่างสูงหันมามองคนถาม ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู


   “เที่ยงสิบห้าแล้ว มึงจะไปแด...เอ่อ...กินไหนล่ะ กว่าจะไปถึง กว่าจะได้โต๊ะ กว่าจะสั่ง มึงจะกลับมาเรียนคาบบ่ายทันเหรอ”


   “แล้วอีกอย่าง...ถึงกูจะอึดอัดที่ถูกมอง แต่กูน่ะจีบมึงจริง ถ้าจะมีคนเอาเรื่องที่กูจีบมึงไปลือ แล้วพวกที่ได้ยินข่าวลือก็พากันมาจ้องกู กูว่ามันก็สมเหตุสมผลเปล่าวะ?!”


เจตน์คนจริง เป็นคนที่เอาจริงเอาจังอย่างห้าวหาญ ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจในโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ คำพูดทื่อๆเหล่านั้นไม่โรแมนติกเลยสักนิด แต่...สำหรับปกฉัตรแล้ว คำพูดของเจตน์กลับทำให้เขาร้อนผ่าวเหมือนถูกกอดแน่นๆซ้ำๆ


   “แล้วมึงจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย ไปสั่งข้าวสิ! มีเรียนบ่ายไม่ใช่รึไง?! ไม่สั่งเดี๋ยวก็ไม่ได้แดก...เอ้ย...กินสักทีหรอก!” เสียงของเจตน์ดังปลุกสติ ปกฉัตรพยักหน้าหงึกหงัก


   “งั้น...งั้นพี่หาที่แล้วกัน จะกินอะไร ผมจะสั่งเผื่อ”


   “เอาเหมือนมึงนั่นแหละ จะได้ไว” ร่างโปร่งพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปต่อแถวร้านอาหารตามสั่ง แต่ไม่วายหันกลับไปมองหนุ่มต่างคณะที่ไปด้อมๆมองๆโต๊ะที่ใกล้จะกินเสร็จ จนสุดท้ายก็ได้โต๊ะนั่ง


หนุ่มตี๋คณะบัญชีนั่งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสายตามากมายที่มองตรงไปที่คนแปลกหน้าของคณะรัฐศาสตร์ ถึงจะดูหงุดหงิดเพราะคิ้วขมวดชิดแต่ก็ไม่ทุกข์ร้อน เป็นคนจริงจังและหนักแน่นกับความรู้สึก ตั้งใจและมั่นใจกับสิ่งที่ทำ


   หัวใจเสี้ยวหนึ่งของปกฉัตรร้องบอกว่าฝากความหวังไว้ที่ผู้ชายคนนี้ได้


...ผู้ชายคนนี้...จะไม่ทิ้งกันไป แล้วปล่อยให้โดดเดี่ยวเหมือนที่แล้วมา


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ปกฉัตรเป็นคนชอบวัดใจคนอื่นค่ะ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่าง ‘การจะนั่งในโรงอาหารต่อไปมั้ย ถ้าจะมีคนมอง’ แต่น้องก็ไม่พร้อมจะเสี่ยงกับผลลัพธ์เลย เป็นคนที่สร้างเกมขึ้นมาเองแล้วก็เจ็บเอง ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้ตามที่คิดค่ะ

ส่วนเฮียเจ๋ง จะเห็นว่าพาร์ทนี้เฮียโชว์ความจริงจังและหนักแน่นของเฮียมาก ชื่อจริงของเฮีย “เจตน์” มาจากคำว่า “เจตนา = ความคิด ความตั้งใจ” นั่นเองค่ะ (ตั้งชื่อเอาเคล็ดจริงๆ บอกแล้ววววว)

เฮียชอบโวยวายก็จริง แต่เฮียน่ารักเนอะ เหมือนจะคล้าย “โจ๊ก ปกครอง” แต่น่ารักกว่าพี่โจ๊กเยอะเลยค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสฯหน้าค่ะ


ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
น้องปกลูก55555 ทำพี่เจ๋งเขินบ่อยๆ นะ ชอบเวลาคนเกรี้ยวกราดเขิน เอ็นดูแรงมว๊ากกกกก

ออฟไลน์ chnokky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมเอ็นดูตอนโจ๊กอยู่กับเจ๋ง ขำที่ม่าบอกให้ไปเล่นกับเจ๋งก่อน อิพี่โจ๊กคงงงจะให้เล่นอะไรกัน 555555555 อยากให้มีโมเม้นคู่ลูกพี่ลูกน้องเยอะๆ ชอบเวลาอยู่ด้วยกันน่ารักดี ... มาที่น้องปกบ้าง รุกแรงมาก เฮียเจ๋งเกือบไปไม่เป็นเลย แต่ปมน้องก็น่าสงสาร กลัวการโดนทิ้ง โอ๋ๆนะ เฮียเจ๋งไม่ทิ้งหนูหรอกลูก

ออฟไลน์ magic-moon

  • mgKapleGD
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 498
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Pretty Girls from your city for night

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เฮียหึงได้น่ารักอ่ะ อย่างว่าเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด
ยังไง น้องปกก็ไม่ไปไหนแล้วละ
 :really2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านตอนนี้แล้วอยากโอ๋ปกมากๆ โถลูกกกก พี่เจ๋งจะต้องเข้ามาเปลี่ยนอะไรในชีวิตหนูแน่ๆลูก

และแอบขำโจ๊กปกครองด้วยได้ไหม? ฮาาาาา สงสารเขานะคะ

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่เจตน์คือวิ่งวนในกำมือน้องปกมากเว่อ กี๊ดดดดดดดดด ปวดหัวตอนโจ๊กกับเจ๋งคุยกัน คือฮาร์ดคอมากเว่อ ยอม 55555555555

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
เห็นเจ๋งเขินแล้วเอ็นดู

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด