Calorie ที่ 13 มาร์ชแมลโลว์ทั้งสอง
โรล ' ก็อกๆ ก็อกๆ '
อืออ อะไรฟะ แม่บ้านเหรอ แต่วันนี้วันอาทิตย์นะ บอกแล้วว่าให้มาวันที่ไปเรียนไงเล่า กวนใจจังโว้ย
ผมที่ชอบนอนตื่นสายในวันหยุด แต่ก็ต้องหัวเสียสุดๆ ที่โดนปลุก แบบนี้ต้องไล่ออก ผมหงุดหงิดรำคาญใจ แต่ตื่นแล้วก็ต้องลุกเลย เฮ้อ
ผมเดินผ่านกระจกบานใหญ่ตรงทางเดิน และก็พบว่าที่คิ้วมีรอยช้ำนิดๆ แฮะ แต่แบบนี้ก็ดูเท่ห์ดี ผมยังจะมีเวลามาเก็กหล่อหน้ากระจกอีกสักครึ่งนาที และเดินกระฟัดกระเฟียดต่อไปยังประตูห้อง
ต้องด่า ต้องด่าให้ยับเลยคอยดู
ผมเปิดประตูและอ้าปากเตรียมตัวสวดเต็มที่ แต่ภาพที่เห็น ทำให้ผมต้องรีบปิดประตูทันที ชิบหายแล้วววววว
ผมกรีดร้องในใจ ทั้งดีใจและตกใจ แต่ว่าที่ชิบหายนี่คือ รูปครับ แม่งเต็มห้องเลย น้องเขาต้องหาว่ากูโรคจิตแน่ๆ คิดสิ คิดสิโว้ย ไอ้โรล เกียรตินิยมมึงไม่ได้ซื้อมานะโว้ย
ผมวิ่งไปมารอบห้อง แกะและยัดทุกอย่างเข้าไปในตู้เสื้อผ้า อย่าเพิ่งไปนะที่รัก ขอเวลาพี่แปบนึง แปบนึงจริงจริ๊งง
" ทำอะไรอยู่เหรอครับพี่โร... " ผมตกใจช็อคสุดขีดแม่งเมื่อกี้ไม่ได้ล็อคประตูเหรอฟะ ผมหันไปมองไอ้น้องเมี่ยงที่มองผมพลางทำหน้างงๆ และมองรูปเพื่อนรักในมือผมแบบตื่นตะลึง ดีนะที่ลี่ยังไม่ได้เดินเข้ามาในห้องนอน แต่จะให้เข้ามาตอนนี้ไม่ได้ อ้ากกก
ผมจัดการยัดทุกอย่างเข้าตู้ ทุกอย่างจริงๆ ครับ
" เอ่อ คือขอโทษที่มากวนครับ " เสี้ยววินาทีเท่านั้น ผมเหงื่อตก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ลี่โผล่หน้าเข้ามาทักและมองไปทั่วห้องนอนของผม ดีนะที่ผมเก็บทุกอย่างทันครับ แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
" พี่เห็นเมี่ยงไหมครับ อยู่ดีๆ มันก็หายไป " ผมที่ยืนพิงตู้เสื้อผ้าอยู่และออกแรงดันเอาไว้ แต่ก็ทำหน้ายิ้มๆอย่างอ่อนโยนไปให้ลี่
" ห้องน้ำมั้ง ลองไปดูสิ " ผมเพยิดหน้าไปอีกทางของห้องนี้ ลี่ยังคงลังเลและมองมาที่ผมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
' ปึ้ง ปึ้ง '
หลังผมที่พิงตู้เสื้อผ้าอยู่สั่นน้อยๆ ไอ้ห่านี่ เงียบๆ สิวะ เดี๋ยวพ่อฆ่าปิดปากซะนี่
' ปล่อยนะโว้ย!! ไอ้พี่โรล '
" ฮ่าๆๆๆ " ผมอยู่ดีๆ ก็หัวเราะกลบเกลื่อนเสียงดัง ทำให้ลี่สะดุ้งตกใจเลยทีเดียว แต่ก็เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ทางขวามือไปแล้ว
ผมเปิดตู้เสื้อผ้าและดึงคอเสื้อไอ้เมี่ยงออกมา
" ห้ามบอกลี่ " ผมพูดด้วยเสียงจริงจัง
" ผมไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่ไอ้หมอนข้างนี่หมายความว่าไง! " ผมตกใจรีบแย่งหมอนข้างที่สกรีนรูปลี่ในมือไอ้เมี่ยงและโยนกลับเข้าไปในตู้เหมือนเดิม
" เราตกลงกันได้ใช่ป่ะ " ไอ้เมี่ยงมองผมและหรี่ตาลง
" เงินซื้อผมไม่ได้ " มันพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่สักพักก็ครี่ยิ้ม จีบนิ้วมือยกขึ้นมาอย่างกวนบาทา
" ถ้าไม่มากพอ " กูอยากฆ่าเด็กหมกตู้ก็วันนี้ล่ะ
" ไม่เห็นมีเ.. อ้าว ไอ้เมี่ยงไปไหนมาวะ " ลี่ที่ออกมาจากห้องน้ำก็ทำหน้ามึนๆ เพราะเมี่ยงยืนอยู่กับผมครับ
" ตู้..อื้ออื้อ " ผมปิดปากไอ้เมี่ยงได้ทัน ไอ้เด็กนี่ มันตั้งใจกวนทีนผมแน่ๆ
" ตรงนั้นไง ระเบียง " ผมพูดและชี้ออกไปยังระเบียงห้องนอน ลี่เลิกคิ้วขึ้นแล้วก็พยักหน้ารับรู้ โอเค น่ารักจริงๆ
ผมแอบตบกะบานไอ้เมี่ยงไปหนึ่งทีและล็อคคอมันออกจากห้องนอน พาทั้งสองคนไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี และขอตัวล้างหน้าแปรงฟันสักครู่ แล้วจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
" ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะมา คือผมไม่มีเบอร์พี่ " ผมรีบแบมือขอโทรศัพท์จากลี่และยิงเข้ามือถือผมเลยครับ ยะฮู้ ลัคกี้
" เป็นห่วงพี่ใช่ป่ะ " ผมคิดว่าเพราะผมโดนต่อยครับ น้องคงรู้สึกผิดเลยมา
" ผมมาทวงรางวัลต่างหาก ผมได้ตำแหน่งนะ แล้วพี่บอกว่าอยากได้อะไรจะจัดให้ไง " ผมหรี่ตามองไอ้เมี่ยง อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไอ้เด็กเปรต ใจแป้วเลยกู
ผมมองลี่ด้วยสีหน้าหมองเศร้า นี่ลี่แค่มาเป็นเพื่อนมันใช่ไหม ทำไมถึงทำกับพี่ได้ ฮืออ
" พี่เป็นยังไงบ้าง " ลี่หน้าขึ้นสีนิดๆ บิดตัวหน่อยๆ เฮ้ยๆๆ แบบนี้มีหวังว่ะ ฮ่าๆ
" โอ้ยย ยังเจ็บอยู่เลย " ผมที่รู้สึกว่าควรจะตอแหลเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นน้องอาจจะกลับเร็วก็รีบเลยครับ โอดครวญให้เธอเห็นใจ
" แหลมากอ่ะพี่ ผมหน้าปูดขนาดนี้ยังชิลๆ เลย " ผมแอบเหยียบทีนไอ้น้องเมี่ยง หนอยย อยากเป็นศัตรูกับพี่สินะไอ้น้อง เดี๋ยวจัดให้
" มึงมันหน้าด้านไง " โอ้นางฟ้าของพี่ ฮ่าๆ ไอ้เมี่ยงที่โดนเพื่อนรักด่ารีบหันไปทำตาขวางเลยครับ สมน้ำหน้า ลี่เข้าข้างผมครับ ฟินอ่ะ
ทั้งสองคนคงจะจำได้ว่าผมอยู่ที่นี่ตอนนายมาส่งคืนแรกสินะ แต่ช่างเถอะ ผมมีความสุขจัง ลี่ตัวเป็นๆ นั่งอยู่ตรงหน้าผม ถึงจะมากับเอ่อ ไอ้ก้างขัดขวางความสุขก็เถอะ
วันนี้ลี่ใส่กางเกงขาสามส่วนสีกรม เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาว สะพายกระเป๋าน่ารักๆ แก้มแดงๆ ที่ไม่ต้องแต่งเติมเสริมแต่ง ดูแล้วลี่ไม่น่าจะใช่คนไทยครับ
จากที่ผมดูชื่อลี่เต็มๆ แล้ว คิดว่าเป็นคนจีนแท้ๆ เลยล่ะ ถึงว่าผิวดีจังเลยนะ ผมก็เป็นคนผิวขาวมากๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูขาวใสสุขภาพดีแบบลี่ครับ แบบผมนั้นเขาเรียกขาวซีดแบบผีดิบนั่นแหละ
" เหมี้ยววววว " ผมมองตามเสียงก็พบว่ามาร์ชตื่นแล้ว และมาอ้อนขอข้าวแบบทุกวัน
" เหมียวๆๆ น่ารักจัง " ลี่ที่เห็นมาร์ชก็รีบเดินไปลูบและอุ้มขึ้นมาเล่นบนตักครับ ผมถึงกับมือสั่น รีบยกกล้องมือถือถ่ายรัวๆแบบคนไร้สติเลยทีเดียว แอบถ่ายนะครับ ทำเหมือนถือมือถือเฉยๆ แต่ถ่ายรัวเลยแหละ ฮ่าๆ
ช่างเป็นภาพที่สุดยอดจริงๆ ผมปราบปลื้มจนน้ำตาแทบเล็ด ที่รักทั้งสองของผมกำลังอยู่ด้วยกัน กำลังหยอกล้อคลอเคลียกัน ผมที่ชอบวาดรูปก็หยิบสมุดสเก็ตภาพขึ้นมาทันที ต้องไม่พลาด ช็อตในตำนานแท้ๆ
" พี่เป็นเอามากนะเนี่ย " ไอ้เมี่ยงแอบเหร่มองผมและทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อเลยทีเดียว
" ชอบแมวเหรอ " ผมไม่สนใจและถามลี่ต่อด้วยรอยยิ้ม
" ครับ แต่ม๊าไม่ยอมให้เลี้ยง " ลี่ยังคงลูบขนมาร์ชเบาๆ น่ารักทั้งคนทั้งแมวเลยน้า
" มันชื่ออะไรเหรอครับ " ลี่ถามไปด้วย คลอเคลียมาร์ชไปด้วย
" มาร์ชแมลโลว์ " ผมพูดพลางวางสมุดสเก็ตลงและมองลี่ที่ชะงักไปแต่ก็กลับมายิ้มอีกที
" อ๋อ แบบนี้นี่เอง " ผมไม่เข้าใจที่ลี่พูดเท่าไหร่
ลี่มองไปรอบๆ คอนโดของผมด้วยสีหน้าที่ดูแปลกไป ผมทำอะไรผิดหรือเปล่านะ ลี่ดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าหึงพี่กับมาร์ชใช่ไหม
" พี่ยังไม่ได้คำตอบเลยนะ " ผมลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ ลี่ และพูดเบาๆ กับลี่ที่กำลังเกาคางมาร์ชอยู่
" ตอบอะไรเหรอครับ " ซะงั้น นี่แกล้งลืมเหรอ
" ในเพลงที่พี่ร้อง มันมีคำถามนะ " ลี่หน้าขึ้นสีทันที และกำลังหลบตาผมอยู่
" ไม่เห็นรู้เรื่องเลย " อ๊าวว โธ่ อย่าแกล้งพี่ได้ไหม นี่สินะคนน่ารักมักใจร้ายยย
" อะแฮ่ม ผมหิวอ่ะพี่โรล เลี้ยงข้าวหน่อย " ไอ้เมี่ยงมึงนี่ขัดลาภจริงๆ
" ลงไปซื้อดิ " ข้างล่างคอนโดมีของกินเยอะแยะครับ ผมพูดโดยไม่หันไปมองไอ้เด็กเมี่ยงเลยทีเดียว
" หมอนข้าง.. "
" ฮ่าๆ อยากกินอะไรโทรสั่งเลยพี่เลี้ยง พิซซ่าไหม ไก่ย่างไก่ทอด สุกี้สั่งมาให้หมดเลย " ผมรีบวิ่งไปตะครุบปากไอ้เด็กตัวแสบที่มันกำลังพยายามจะแฉผม เดี๋ยวเถอะมึงไอ้เมี่ยง
ผมเห็นลี่ยิ้มกว้างเลยครับ และมองผมแบบขำๆ มองแบบนี้พี่ละลายกลายเป็นไอน้ำทำไงน่ะ
" พี่พูดยาวอีกแล้ว " ลี่พูดพลางหัวเราะชอบใจ สงสัยผมคงต้องเปลี่ยนนิสัยการพูดของตัวเองแล้วละมั้ง เพราะดูแล้วลี่จะชอบมาก
ระหว่างที่ไอ้เมี่ยงยืนโทรสั่งของกินผมก็ฉวยโอกาสตะล่อมๆเข้าไปใกล้ลี่ที่กำลังป้อนขนมให้มาร์ชครับ
" พี่อยู่คนเดียวเหรอ " ลี่ถามผมแบบไม่ได้มองหน้าผมครับ
" ใช่ อยากมาอยู่กับพี่ไหม " ผมแหย่เล่น ผมชอบดูคนเขิน น่ารักดี
" ไอ้บ้า " นั่นไงอายม้วนเชียว ใช่พี่บ้า บ้ารักไง แต่ผมไม่กล้าพูดครับ เสี่ยวเกิ๊น ฮ่าๆ
" แล้วพ่อแม่พี่ละครับ " ผมหุบยิ้มลงเล็กน้อย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากพูดถึงเลยสักนิด
" พ่ออยู่รัสเซีย แม่อยู่ไทยนี่แหละ "
คุณพ่อของผมท่านเป็นลูกครึ่งไทยรัสเซีย ผมจึงเป็นลูกเสี้ยว ผมใช้นามสกุลคุณแม่ เพราะทั้งสองคนนั้นหย่ากันแล้ว และคุณแม่ก็ป่วยเรื้อรังสุขภาพไม่แข็งแรง แต่ก็ยังคอยเจ้ากี้เจ้าการสั่งโน้นสั่งนี้ให้ผมทำตาม ผมเกลียดที่จะต้องฟังคำสั่ง จึงหนีออกมาอยู่คนเดียวที่นี่
ผมแทบจะไม่ใช้เงินจากที่บ้าน ถึงแม้ผมจะมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ผมก็เลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ผมถึงไม่มีรถ ใช้ชีวิตติดดิน จะมีก็แต่คอนโดที่ผมเพิ่งซื้อด้วยตัวเองจากการทำงาน ผมอยากเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ
อิสระที่จะได้เลือกคนรักด้วยตัวเอง