ตอนที่1
หลังจบคลาสผมกับอัทก็แยกกัน ความจริงมันก็อยากตามผมมาด้วยแต่เพราะต้องไปส่งอรแถมมาก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเจ้าตัวมั้ยมันเลยเลือกส่งสาวมากกว่าส่องหนุ่ม ก่อนจากกันอรยังไม่วายบอกข้อมูลเกี่ยวกับพ่อหล่อในตำนานเสริมให้ผมอีกข้อหนึ่ง
คู่หมั้นพี่กิตต์เรียนอักษร ตอนนี้เธออยู่ปี4 แถมเคยเป็นดาวมหาลัยซะด้วย
อืม...
ผมไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ผมมานั่งอยู่ตรงแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลมหาลัยนานแค่ไหนแล้ว 1ชั่วโมง ไม่สิ น่าจะ2ละ เพราะท้องผมเริ่มร้องประท้วงว่ามึงหยุดเสือกแล้วหาอะไรแดกซะ
โอเค ยอม
ไปหาไรกินหน้ามอดีกว่า
หน้ามหาลัยผมมีร้านอาหารเยอะมากแต่เพราะตอนนี้เป็นเวลามื้อเย็นของทุกคนแต่ละร้านจึงอัดแน่นไปด้วยผู้คน แต่ผมขี้เกียจซื้อใส่ถุงกลับไปกินที่ห้องเพราะมันต้องล้างจานผมก็เลยยอมยืนต่อคิวรอร้านสเต็กร้านหนึ่ง
“มาคนเดียวใช่มั้ยคะ”เพิ่งมาต่อคิวเมื่อกี้ก็มีพนักงานมาทักซะแล้ว ทั้งๆที่มีนักศึกษาอีกสามสี่กลุ่มต่อแถวอยู่หน้าผม
“ครับ”
“พอดีลูกค้าส่วนใหญ่มาเป็นกลุ่ม น้องมาคนเดียวไปนั่งรวมโต๊ะกับคนอื่นได้มั้ยคะ เป็นโต๊ะสำหรับสองที่ อีกคนก็มาคนเดียวเหมือนกัน”
“อ่า ...ได้ครับ”ผมไม่ชอบกินข้าวกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ แต่ที่ไม่ชอบกว่าคือยืนต่อแถวรออะไรนานๆผมจึงตามเจ้าหล่อนเข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย
“ตรงนี้เลยค่ะ นี่เมนู อีกสามนาทีเดี๋ยวพี่มานะ ไปเสริฟโต๊ะนู้นก่อน”
ผมกวาดสายตามองรายการอาหารไปอย่างงั้น มาร้านนี้ทีไรผมก็สั่งแต่สเต็กปลาแซลมอนกับน้ำเขียวทุกที พอได้เมนูในใจแล้วผมจึงวางคว่ำใบเมนู จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็สะดุ้งตัวโยนเหมือนเจอผี
หล่อเหี้ยๆ
ผู้ชายตรงข้ามผมส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนหันไปสนใจมือถือของตัวเองต่อ ผิดกับผมที่จ้องเขม็งไปยังเครื่องหน้าทุกชิ้นของอีกฝ่าย
“พี่กิตต์?”
“ครับ?”เขาเลิกคิ้วเหมือนจะถามผมว่าเรียกเขาอยู่เหรอ
“อ๊ะ ไม่มีอะไรครับ”ผมเกาแก้มตัวเองเก้อๆ เดาว่ามันคงขึ้นสีหน่อยๆ มีอย่างที่ไหนไปเรียกเขาเหมือนทักคนสนิท
พอตั้งสติได้ผมก็หันกลับมาใหม่ จ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ถ้าตาผมเป็นเครื่องถ่ายเอกสารมันคงกำลังก็อปปี้หน้าพี่เขาใส่กระดาษสักร้อยรีม หล่อกว่าในรูปอย่างที่อรบอกแต่ก็ยังไม่หล่อถึงขั้นเทวดาจ๋า ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่สูง แถมเป็นมนุษย์กวนๆเสียด้วย
“มองขนาดนี้ยืมตัวพี่กลับบ้านสักวันก็ได้นะ พี่ไม่ถือ”
“ใครๆก็มองเหอะ”ผมบุ้ยหน้าไปยังลูกค้าโต๊ะอื่นหรือแม้กระทั่งพนักงานในร้านที่ชำเรืองตามองพี่แกอยู่ แต่พอพี่แกหันกลับไปมองบ้างทุกคนก็ก้มหน้าหลบกันพรึบพรับ
“ไม่เห็นมีใครมองสักคน”
“อ้าว”งี้ผมก็หมาดิ ได้ไง พอพี่หันกลับมาพวกเขาก็แอบมองกันใหม่ ผมรู้นะว่าพี่รู้ตัวอย่ามาแอ๊บ
ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่าพี่เขารู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้?
ก็เพราะพี่แกกลั้นขำไปพลางมองหน้าเหรอหราของผมที่หันไปเขม่นโต๊ะข้างๆอย่างคนต้องการหาที่ลงนะสิ!
“ชื่อไรอ่ะเรา”พี่กิตต์ในตำนานถามขึ้นหลังจากพนักมารับเมนูของผมเสร็จ
“นิทานครับ”
“ชื่อแปลกดี อย่างงี้ชื่อจริงชื่ออะไรล่ะหืม?”
“ก็นิธานเหมือนกันครับแต่เป็นธ ธงสะกด”
“ชื่อเก๋ดีว่ะ แปลว่าอะไรเหรอ”
“เก็บไว้ ตั้งมั่นครับ ยายเป็นคนตั้งให้”ผมเสริมให้นอกเหนือจากคำถามเพราะพี่แกตั้งท่าจะเอ่ยปากถามต่อ ใบหน้าหล่อเหลาจุดรอยยิ้มขึ้นตรงมุมปากอย่างถูกใจ
“ไม่ถามชื่อพี่บ้างเหรอ”
“รู้อยู่แล้วครับ”ผมตอบเสียงเรียบ คนที่อยู่ตรงหน้าผมผิวปากชอบใจ
“รู้แล้วจริงอ่ะ”อย่ายื่นหน้าเอียงคอมาถามใกล้ๆขอร้อง มันไม่ดีต่อใจ เห็นหน้านิ่งๆอยู่นี่เมื่อกี้ใจแอบกระตุกนะครับ ส่วนสาวๆโต๊ะข้างๆนี่เขินตัวบิดเป็นเลขแปด เม้มปากแน่นจนส้อมแทบหักคาฟัน
จะเขินอะไรขนาดนั้นครับแม่คุณ เขาคุยกับตัวเองอยู่รึก็ไม่?
เสต็กของพวกเรามาเสริฟในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่รู้ว่าเมนูผมมันทำง่ายหรือซี่โครงหมูบาบีคิวของคุณชายอีกท่านมันทำยากทั้งๆที่พี่กิตต์มาก่อนผมแต่พวกเรากลับกินเสร็จพร้อมกัน
พวกเราต้องเช็คบิลรวมกันเนื่องจากเลขโต๊ะเป็นเลขเดียวกัน พี่เขาออกให้ก่อนแต่ไม่ใช่ว่าพี่เขาจะเลี้ยงผมนะ อันนั้นก็ป๋าเกิน พวกเราออกมาเก็บตังกันหน้าร้านอีกที แน่นอนว่าเหล่านักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาเหลียวหลังมองพ่อหล่อในตำนานของมหาวิทยาลัยกันคอแทบหัก
“นี่ครับร้อยสี่สิบ พี่ทอนผมสิบบาท”ค่าเสต็กกับค่าน้ำของผมมันร้อยสามสิบบาทแต่ผมไม่มีเศษจึงยื่นแบงค์ร้อยกับแบงค์ยี่สิบสองใบไปให้อีกฝ่าย
“พี่ไม่มีเหรียญ นิทานมีมั้ย”
“ไม่มี งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปซื้ออะไรแตกแบงค์ในเซเว่นละกัน พี่รอตรงนี้นะ”
“ไม่ต้องก็ได้ พี่ยกให้ สิบบาทเอง”พี่กิตต์คงเห็นคนในเซเว่นเยอะเลยขี้เกียจรอ แกจึงยื่นแบงค์ยี่สิบคืนมาให้ผมหนึ่งใบ
“ได้ไงอ่ะ พี่นั่นแหละเอาไปร้อยสี่สิบไม่ต้องทอน”
“เห้ย ไอ้หนูนี่แม่งหาเรื่องว่ะ แบมือมาซะดีๆเลย”
กลายเป็นสงครามเด็กอนุบาลเกี่ยงเงินสิบบาทกันซะงั้น ผมยืนยันที่จะจ่ายเขาร้อยสี่สิบ ส่วนเขาก็จะเอาแค่ร้อยยี่สิบอยู่นั่นเรื่องมันก็ไม่จบสักที
สาวๆกลุ่มนึงที่ยืนอยู่ใกล้ๆหันไปหวีดกันใหญ่ว่า พี่กิตต์น่ารักอ่ะแกรรรร
ได้ยินนะเว้ยยยย ไม่ชมผมบ้างอ่ะ ถ้าไม่รู้ชื่อเดี๋ยวบอกให้ ผมชื่อนิทานครับ ชมสิว่านิทานก็น่ารักอ่ะแกรรร
“เออ พอๆ เลิกเถียงพี่ สิบบาทนี่พี่เอาเองก็ได้ แค่บอกมาว่าเรียนคณะอะไรปีไหนแล้วพี่จะไม่ตื๊ออีก”
ผมขมวดคิ้วงงๆแต่ก็ยอมตอบไปแต่โดยดี”บัญชีปีหนึ่งครับ”
“เซค?”
“2ครับ”
“โอเค พรุ่งนี้เจอกัน บาย”พูดจบมือหนาก็เก็บเงินร้อยสี่สิบใส่กระเป๋ากางเกง โบกมือก่อนเดินหล่อๆจากไป แม่ง ท่าเดินยังกับอยู่บนแคทวอล์ค ดูดีทุกอย่างก้าว คนห่าอะไร เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงดัง ว่าแต่คนเรียนหมอเขานิสัยแบบนี้เหรอนึกว่าจะเงียบๆใส่แว่นคงแก่เรียนซะอีก
เอ...ว่าแต่เมื่อกี้พี่เขาพูดว่าอะไรนะ
เจอกันพรุ่งนี้?
จะไปเจอกันได้ยังไงวะ?
“เออ เมื่อวานมึงเจอพี่กิตต์ป่ะตกลง”สิ่งแรกที่ไอ้อัททักผมคือเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสารทุกสุขดิบของผมแม้แต่น้อย
“เจอ”เจอเต็มๆ ถ้าเป็นผีก็เป็นผีที่โผล่มานั่งอยู่ปลายเตียง ใกล้ชิดระดับเอ็กคลูซีฟสุดๆ
“หล่อป่ะ”
“สัสๆ”
“เห็นมะ กูบอกแล้ว”ไอ้หล่อข้างผมมันยักคิ้วหรี่ตาอย่างภาคภูมิใจ”อยากเจอมั่งว่ะ ไปรพ.วันนี้จะได้เจอมะ”
“พอเหอะ ไม่อยากไปนั่งรอผู้ชายแล้วว่ะ กูรู้สึกมันทะแม่งๆ”
“เออจริง”อัทเพื่อนรักพยักหน้าหงึกหงัก มันเงียบไปพักใหญ่เหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะมีไลน์เข้ามา มันกดอ่านก่อนแววตาใสๆของมันจะเป็นประกายระยิบระยับ
“อรพิมพ์มาบอกว่า
‘มีคนเจอพี่กิตต์ที่คณะอักษรอีกแล้ว ถ้านิทานยังไม่เห็นให้ไปส่องได้’ เห้ยยย ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยมึงเห็นแล้วแต่กูยัง แปปนึงๆ นะๆๆๆๆ”
“เออๆๆ ไปก็ไป”ผมมีโอกาสปฏิเสธซะที่ไหน โดนลากตัวลากไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย พวกเราฉุดกระชากลากถูกันมาจนถึงใต้ถุนของตึกเป้าหมาย ณ สถานที่แห่งนี้ยามปกติจะเป็นแหล่งรวมของหนุ่มๆที่หมายมั่นปั้นมือจะมาจีบสาวคณะอักษร แต่บัดนี้ กลับเต็มไปด้วยสาวๆกองกำลังคนรักพี่กิตต์ เจ้าชายลับแลผู้นานๆครั้งจะปรากฎโฉม
“เซเลปไปอีก”ผมส่ายหัวอย่างระอา ไอ้อัทที่ค่อนข้างสูงพยามเขย่งปลายเท้ามองหาพี่กิตต์ เมื่อมันเจอเป้าหมายก็รีบสะกิดผมยิกๆ”นั่นไงมึงๆๆๆ หล่อออร่าสัสๆ มาดผู้ดีกระแทกเบ้าตากูแทบบอด แล้วดูดิ แฟนพี่แกอย่างสวยอ่ะ มานั่งพลอดรักกันไม่เกรงใจชาวบ้านช่างช่อง อื้อหือออออ ปกติกูต้องอิจผู้ชายที่ได้เมียสวยนะมึ๊งงงงงง แต่เคสนี้กูอิจทั้งคู่ว่า กิ่งทองใบหยกสัสๆ ที่จริงผู้ชายแม่งดูดีกว่าด้วยซ้ำ อ๊ากกกกกกก พี่กิตต์ป้อนขนมแฟนด้วยมึ๊งงงง ดู๊ววววววววว”
อัท มึงต้องตั้งสติ คิดถึงอรเอาไว้ให้มากนะเพื่อน กูว่ามึงเริ่มไปละ ถ้ามึงก้าวข้ามเส้นนั้นไปมึงจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วนะเพื่อน
“อรเล่าให้กูฟังเมื่อคืนเว้ย ว่าพี่กิตต์กับแฟนคบกันตั้งแต่ตอนเรียนมอปลาย พี่กิตต์เป็นฝ่ายจีบก่อนด้วยนะเว้ย สุดท้ายเป็นยังไงมายังไงไม่รู้ปีที่แล้วมีข่าวว่าทั้งคู่หมั้นกันซะงั้น สาวๆในมหาลัยร้องกันละงม”
ไอ้สาวกพี่กิตต์ฝอยไม่หยุด ตั้งแต่คณะอักษรยันกลับมาถึงบัญชีมันยังไม่หยุดปาก
แต่เท่าที่สัมผัสมากับตัวเมื่อวานพี่กิตต์ไม่ได้นิสัยเพอร์เฟคขนาดนั้นนะ ติดจะกวนๆด้วยซ้ำ
เอ...หรือปากต่อปากมากเกินไปจากคนธรรมดาเลยกลายเป็นเทวดาเดินดิน?
“อัท นิทานๆๆๆ ทางนี้ๆ”หืม ทำไมวันนี้อรกับเพื่อนๆอารมณ์ดีกันจัง กวักมือเรียกพวกผมใหญ่”นี่ที่อัท นี่ที่นิทาน เราจองไว้ให้”อรกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อัทส่งกล่องดินสอที่อรวางจองไว้ให้คืนเจ้าของผมจึงส่งถุงเซเว่นที่วางอยู่บนโต๊ะให้เธอบ้างแต่เธอกับโบกมือปฏิเสธ
“อ๊ะๆ อันนี้ของนิทาน ไม่ต้องคืนเรา”
“ของเรา?”ผมหยิบของด้านในขึ้นมาดูด้วยสายตางุนงง
น้ำผลไม้ดอยคำ?
“ใครซื้อให้เหรอ”ไม่ใช่อรแน่นอน คงมีสาวสักคนฝากมาจีบผมพวกอรถึงส่งยิ้มล้อเลียนผมตั้งแต่เข้ามา
“ให้ทาย”
“เรารู้จักด้วย? แจนเหรอ!!”คนโดนพาดพิงสะดุ้งโหยง
“เวลามีอะไรเลิกโยนมาทางเราสักทีเถอะ ไม่ใช่ย่ะ ทายดีๆ เมื่อวานไปทำให้ใครติดหนี้ไว้”แจนช่วยใบ้เสริม
“พี่กิตต์...เหรอ?”
ผมตอบอย่างไม่มั่นใจนักทว่าแก๊งค์สี่สาวกับประสานเสียงขึ้นพร้อมกันว่า
“ปิ๊งป่องงงง!!”เสียงดังจนคนหลังห้องสะดุ้ง
“อะไรวะมึง”ไอ้อัทถามแบบงงๆ มันคงยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“คืองี้ เมื่อวานพี่กิตต์เขาติดหนี้กูอยู่สิบบาท เขาคงคืนเป็นน้ำนี่แทน”ผมแกะหลอดจิ้มกล่องน้ำผลไม้ซึ่งถูกใช้ต่างสินทรัพย์ใช้หนี้
อืม อร่อยดีแฮะ ไม่เคยกินน้ำยี่ห้อนี้เลย เห็นคนรีวิวน้ำมะเขือเทศไว้ยี๊มากเลยพาลไม่กล้ากินน้ำอื่นๆของเขาไปด้วย
“แต่น้ำนี่มันสิบสี่บาทนะนิทาน”อรยังคงส่งยิ้มแป้นแล้นมาให้
“หือ?”
ก่อนผมจะงงไปมากกว่านี้อรก็ยื่นโพสอิทมาวางบนโต๊ะให้ผมกับไอ้อิทได้อ่านพร้อมๆกัน
“
เกินไปสี่บาท ใช้คืนพี่ด้วยนะครับ”ไอ้อัทอ่านออกเสียง“เหยดดดดดดดดดดดดดดดด ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนแล้วและรักกันมากกูคงคิดว่าพี่เขาจีบมึงอยู่”
“ใช่มั้ยอัทคิดเหมือนอรเลย ตอนที่พี่กิตต์เดินงกๆเงิ่นๆเข้ามาใต้ตึกคณะเราแล้วถามว่ารู้จักคนชื่อนิทานที่อยู่ปีหนึ่งมั้ยยย เรานี่แบบ หืมมมมม เกิดมาไม่เคยเป็นสาววายแต่จะเป็นก็วันนี้แหละ เนอะแจนเนอะ”สาวๆหันไปหวีดกันใหญ่ ส่วนผมก็นั่งเงียบๆดูดน้ำผลไม้จนเกลี้ยงกล่อง
เดินเอาของที่ดื่มหมดแล้วมาทิ้งถังขยะหน้าห้องน้ำแต่โพสอิทเอาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ของสี่บาทมันหาง่ายซะที่ไหนครับพี่กิตต์ แทนที่จะยกสี่บาทเป็นค่าดอกเบี้ยเน๊อะ ทีอย่างงี้ล่ะทำมาเป็นคิดเล็กคิดน้อย เมื่อวานยังจะยกให้ตั้งสิบบาท
_________________________________
เราเคยบอกไว้สมัยแต่ง 38องศา ว่าไม่อยากให้ตัวละครหญิงได้บทแย่ๆในนิยายวาย
แต่ในเรื่องนั้นเราก็ยังแต่งผู้หญิงออกมาเป็นนางร้ายวี๊ดๆ รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ 555
ฉะนั้นเรื่องนี้เราขอแก้มือใหม่ อยากให้ทุกตัวละครมีเหตุผลรองรับ ไม่รู้จะทำได้ดีมั้ย TT
ยังไงก็ขอฝากติชมด้วยนะคะ
ปล. พี่กิตต์ของทุกคนเป็นไบโพล่า