IN CONTROL ... ในปกครอง : Special Chapter : NubNab : July 17, 18 : P.115
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: IN CONTROL ... ในปกครอง : Special Chapter : NubNab : July 17, 18 : P.115  (อ่าน 705974 ครั้ง)

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
นายเอกเรื่องอื่นมักจะชอบใจที่เป็นแหวนแบบเงินเกลี้ยงๆ แต่มูนนี่ไม่ใช่ ไม่มีเพชรแล้วโวยวายเลย เจิ้นต้องไปหาเพชรก้อนโตๆมาาาาา! 55555

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
รักลุงหยางเลยอ่ะ
เจิ้นยังร้ายกาจเหมือนเดิม
แบดมูนนี่...พระจันทร์ตัวกลม น่ารักกกก
ที่สำคัญ #ลุงหยางโจ้กเกอร์ที่แท้ทรู

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คู่นี้ก็นะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
 มูนนี่แรงเหมือนคุณกันติชานี่เอง

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ลูกไม้ตกไม่ไกลต้นจริงๆ มูนนี่แซ่บเหมือนตองนี่เอง

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราชอบเวลาพ่อตองอยู่กับลุงหยาง

โตยังไงก็ยังเป็นเด็กของพี่ซันอ่ะ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
NC พ่อ ตอง กับ ลุง หยางสักยก ก้อดีนะ

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ มูนนี่ ได้พ่อตองมาทั้งน้าน :z1:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
 :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
แหนะ ตองยังหนีตามลุงหยางเลย
แล้วทำไมเจ้าจันทร์จะยอมเจิ้นบ้างไม่ได้

เจ้าจันทร์น่ารัก เป็นคนดีที่ใจแตก ชอบให้เจิ้นยุบยิบ
แบดเจ้าจันทร์นี่แบดมากค่ะ ห้ามนะ ห้ามทุกอย่างเลย

อื้อหือความพ่อลูกนี้ ไม่ต่างกันค่ะ ชอบความแรง 5555


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: IN CONTROL ... ในปกครอง : Chapter XXIV : Engage : May 24, 18 : P.109
« ตอบ #3279 เมื่อ: 25-05-2018 21:40:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
มูนนี่ลูกพ่อที่แท้ทรู  o17

ออฟไลน์ MR.J

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: :pig4:

ออฟไลน์ HZtaoFan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คู่นี้แซ่บเว่ออออ

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คู่พ่อก็ไม่มียอมกันเลยนะคะ แต่ไม่เป็นไร เราชอบค่ะ 555

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
แหม่ลุงหยางแย่งซีน :z1:

ออฟไลน์ JanJanIsHappy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ววววววว ความฮอตมันอยู่ในสายเลือดจริงๆ

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ใกล้จะ happy ending แล้วสิ
ตลกความมูนนี่ คือน้องไม่ต้องทำอะไรเลยอยู่เฉยๆก็มีคนช่วยเอง
ลุงหยางก็ช่วยพูดให้ พ่อแม่ก็ช่วยพูดให้
เอาจริงๆเรื่องมันจะง่ายมากถ้าเจิ้นไม่ซับซ้อน 55555555

ออฟไลน์ bambooiihallo

  • ยู้ฮู >w<
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1503/-19
Chapter XXV Kanticha

   คุณแม่เจิ้นบอกว่าพ่อผมรู้เรื่องเจิ้นขอผมแต่งงานแล้วนะ คุณแม่บอกว่าถึงยังไงก็ต้องบอกไว้ให้พ่อผมได้เริ่มเตรียมตัวเตรียมใจ หัวใจผมเต้นแรงเป็นกลองรัวอยู่สองสามวันแรกแต่กลายเป็นว่าพ่อไม่โทรมาเลย แล้วผมก็ไม่กล้าโทรหาพ่อด้วย พ่อทำใจได้ในวันที่ห้า...พ่อก็ตัดสาย พอโทรย้ำๆกลายเป็นลุงหยางรับแทน



   “ตองน้อยใจหนีออกจากบ้านไปแล้ว”



   ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!



   พ่อโกรธไม่ก็งอนหรือน้อยใจผมเรื่องเจิ้น...คุณแม่เจิ้นบอกว่าต้องให้เวลาพ่อทำใจเพราะพ่อมีผมคนเดียวก็ต้องมีความรู้สึกหวงลูกหรือต่อต้านกันบ้าง เพราะถ้าผมแต่งกับคนอื่นที่ไม่ใช่เจิ้นคนทั้งเยว่ก็ต้องหวงผมเป็นอย่างมากอยู่ดี



   ผมพยายามให้เจิ้นพาไปหาพ่อ ไปปรับความเข้าใจแต่เจิ้นกลับไม่ทำอะไรทั้งนั้น คุณแม่ก็บอกอีกว่าเจิ้นกับพ่อผมกำลังทำสงครามประสาทกัน ให้ผมอย่าไปเครียด



   ก็อยากจะไม่เครียดหรอกแต่คนหนึ่งก็พ่อคนหนึ่งก็...ก็แฟน เอ้ะ เราเป็นแฟนกันแล้วหรือเปล่าอ่ะ...แต่ก็จะแต่งกันก็ต้องเป็นแฟน...หรือว่าเป็นสามีภรรยากันไปเลย



   เรื่องสถานะผมกับเจิ้นทำเอาผมหน้าร้อนฉ่า พอเจิ้นมาหาวันเสาร์ก็เลยอารมณ์ดีน้วยเจิ้นไปน้วยเจิ้นมาจนเจิ้นห้ามผมเข้าใกล้เพราะเขาไม่อยากยุบยิบผมในบ้านพ่อแม่ตัวเอง



   อีกเรื่องที่เจิ้นทำเนียนไม่พูดถึงคือแหวนเพชร...ที่ผมอยากได้เพชรเม็ดใหญ่ๆ อันที่จริงก็ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่แต่พอแกล้งพูดถึงแล้วเจิ้นชวนเปลี่ยนเรื่องทุกทีก็ขำอ่ะ



   เจิ้นไม่ได้ไม่อยากซื้อให้หรอก พี่เอ็มบอกว่ากลัวอันใหญ่ๆมันเกะกะผมแล้วถ้าเกิดเพชรมันหลุดจะกลายเป็นว่าผมเสียใจอีก...แล้วก็กลัวว่าเพชรอันใหญ่มันจะล่อโจรด้วย ถึงผมจะคิดว่าชีวิตผมโคตรจะมีความปลอดภัยสูงก็เถอะ แต่ความเป็นห่วงของเจิ้นผมก็ไม่ควรมองข้าม



   ยิ่งอายุเยอะขึ้นเจิ้นก็ยิ่งเป็นปลาหมึกแก่ขี้กังวล ผมว่าคนบ้านผมทุกคนมีนิสัยนี้สืบทอดตามกรรมพันธุ์ ทั้งปู่ ทั้งพ่อผม คุณพ่อคุณแม่เจิ้นทุกคนเวอร์เรื่องผมกันหมดเลย



   ผลกระทบของการแยกบ้านกันอยู่แล้วพ่อผมกับเจิ้นงอนกันก็คือ...ผมต้องแบ่งเวลาไปให้ทุกคนโอ๋อย่างเท่าเทียม เดี๋ยวไปกินข้าวกับปู่ เดี๋ยวต้องไปให้เจิ้นยุบยิบ เดี๋ยวต้องไปข้างนอกกับคุณพ่อคุณแม่ ก่อนพ่อจะไม่หลบหน้าผมก็ต้องไปกินข้าวกับพ่อกับลุงหยาง



   คือลองสำรวจตัวเองกี่รอบต่อกี่รอบก็พบว่าชีวิตผมเหมือนจะ...ไม่ต้องท้าทายอะไรเลย ทุกคนตามใจผมกันหมด อยากได้อะไรก็ได้ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน อยากกินก็ได้กิน อยากดรอปก็ได้ดรอป ผมเป็นลูกรัก หลานรัก คนรักของเยว่บวกลุงหยางสุดๆ



   ตอนโทรไปบ่นให้คิวฟังคิวก็บอกว่าผมรู้ตัวช้ามาก ตอนเจอผมแรกๆคิวบอกว่านึกว่าตัวเองเลี้ยงลูก เขาบอกอีกว่าชีวิตผมมันหน่อมแน้ม เครียดสุดก็แค่ไม่มีขนมให้กิน ไม่จริงสักหน่อยเหอะ



   “แล้วทำไงดีอ่ะ”



   “ก็...หาอะไรท้าทายทำมั้ง? ชีวิตก็ต้องแข่งขันกันบ้างถึงจะสนุก”



   คิวยกตัวอย่างเรื่องงานของตัวเองให้ฟัง ตอนนี้คิวต้องสู้กับสังคมการทำงานอย่างมาก เขาเรียนจบแล้วต่างจากผมที่กำลังรอวันเปิดเทอมสองแล้วจะกลับไปเรียนอีกครั้ง



   “แต่จันทร์ไม่ต้องคิดมากหรอก จันทร์ไม่ได้ถูกตามใจจนเป็นเด็กใจแตกหรือเด็กแสบอะไรหรอก พีคสุดก็แค่หมกมุ่นเรื่องชมรมวิจัยกระต่ายอะไรนั่นอ่ะ คนอื่นหนีเรียนไปกินเหล้า ไปเที่ยว ส่วนจันทร์หนีไปดูกระต่าย”



   จะว่าไปช่วงน้องนุ่มท้องผมก็หนีเรียนไปดูน้องนุ่มจริงๆนั่นแหละ ช่วงสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่ผมยังเข้าหน้าพ่อไม่ติด ตะแง้วเจิ้นก็ไม่ได้ผมเลยเอาเรื่องความท้าทายในชีวิตที่คิวบอกมาลองคิดเล่นๆ



   ผมจะหาอะไรท้าทายทำดีอ่ะ? เรื่องเรียนไม่ต้องแข่งผมก็แพ้อยู่แล้ว เกรดต่ำเตี่ยเรี่ยดินเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เด็กยันเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องงานทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยจะได้ทำงานเพราะเจิ้นชอบมาแอบดักผมตามมุมตึกอยู่เรื่อย...ทำอาหารก็ได้แค่ทำในบ้านตัวเองไม่ได้ไปทำร้านอะไร



   กลายเป็นว่า...ผมไม่ได้ทำอะไรสำเร็จสักอย่าง! ขนาดไปเรียนภาษาผมยังหนีกลับก่อนเพราะมาหาเจิ้นเลย คิดแล้วก็ได้แต่เอาหัว
โขกสินเชื่อ



   “จันทร์ทำไงดีอ่ะ...จันทร์เป็นคนล้มเหลวร้อยเปอร์เซ็นต์เลยอ่ะ”



   การที่อายุยี่สิบเอ็ดแล้วแต่ยังทำอะไรไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างถือว่าน่าเศร้ามากเลย ผมไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตอะไรชัดเจนมากนักด้วยนอกจากเรื่องเจิ้น...แต่เจิ้นก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากผมมากนักอยู่ดีก็เขามีเลขาตั้งสี่คนแล้ว



   ผมโทรไปบ่นกับคิวอีก คิวก็บอกว่าเพราะชีวิตผมมันง่ายดายไปหมดเลยขาดความกระตือรือร้น ให้ผมลองทำอะไรแบบตั้งใจสุดๆดู...และย้ำด้วยว่าที่ไม่ใช่เรื่องเจิ้น



   หัวสมองผมมืดแปดด้านไปหมดเลย ก็เลยโทรหาลุงหยาง...ทนฟังลุงบ่นอีกรอบเรื่องทำพ่อนอยด์ถึงได้ขอคำปรึกษาจากลุง



   “เดินด้วยเท้าตัวเอง ลงมือทำงาน ก่อร่างสร้างตัว”



   “ยังไงอ่ะ”



   “ก็หางานทำที่ไม่ใช่ของเยว่ ไปเป็นลูกน้องคนอื่น”



   “แต่ยังเรียนไม่จบเลยอ่ะ”



   “ก็เป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานพาร์ทไทม์ไปซะ สตาร์บัค แมคโดนัลด์ เคเอฟซี”



   มันก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่พอเล่าให้คุณแม่เจิ้นฟังคุณแม่กลับไม่ยอม แถมโทรไปบ่นลุงหยางอีก ผมคิดว่าจริงๆองค์ประกอบหนึ่งที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะพวกผู้ใหญ่นี่แหละ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็เช่นเรื่องเจิ้น



   คนบ้านเราอาจจะไม่ค่อยปกติ... พ่อก็เป็นวัยรุ่นตัวแสบ พอมาเจิ้นก็เป็นคนซับซ้อน ส่วนผมก็เป็นคนหน่อมแน้ม หรือว่าที่บ้านเรากิจการเติบโตเป็นเพราะดวงชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ ดวงล้วนๆแบบว่าอาจจะฟ้าเห็นใจที่บ้านเราเพี้ยนๆก็เลยให้ความโชคดีมาเยอะหน่อย



   ผมเล่าเรื่องแม่เจิ้นโทรไปบ่นลุงหยางให้คิวฟัง ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่กลับมา คิวเลยสรุปว่าผมควรจะหาความท้าทายในงานของตัวเองแทน เช่น...จากการถ่ายเอกสารแบบเชื่องช้าก็เพิ่มสปีดให้ตัวเอง เหมือนเป็นจุดมุ่งหมายของแต่ละวัน หรือทำมิชชั่นเล็กๆอย่างการทักทายคนให้ได้อย่างน้อยวันละยี่สิบคนอะไรแบบนั้น



   แต่พอผมจะทำจริงๆก็กลายเป็นเจิ้นไม่ชอบใจที่พนักงานบางคนคุยกับผมนานเกินไปอีก...คือชีวิตผมคงไม่ได้เอียงซ้ายเอียงขวาอะไรแน่ๆเลย ได้แต่หยุดนิ่งอยู่ตรงกลางเพราะคนรอบข้างไม่ให้กระดุกกระดิก



   ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาได้ยังไงนะตั้งยี่สิบเอ็ดปี อาจจะยี่สิบปีกว่าๆไม่นับตอนอยู่อเมริกาที่ผมชอบไปปาร์ตี้ก็ได้ คิวรับรู้ถึงความห่อเหี่ยวของผมเพราะผมโทรไปบ่นกับคิวบ่อยมาก คิวเลยเสนอว่าให้ผมไปหาคอร์สเรียน การออกไปเรียนอาจจะดีขึ้น ผมอาจจะฟุ้งซ่านเพราะอยู่ว่างๆ



   ก็เลยได้ไปเรียนขับรถที่ตั้งใจไว้ตอนแรก...แต่ผู้ใหญ่บ้านผมก็เวอร์อีก เจิ้นจะซื้อรถให้ทั้งๆที่บ้านเราก็มีรถตั้งสามคันแล้ว เจิ้นมีรถสปอร์ตของเขา มีเบนซ์สำหรับรับส่งผมไปเรียน แล้วยังมีรถตู้ที่ทำเบาะเป็นกึ่งๆเตียงนอนได้อีก



   คุณแม่เจิ้นก็อยากให้ผมขับมินิคูเปอร์คันเล็กๆ ปู่ก็จะให้เอาสีถูกโฉลก จะเอาทะเบียนประมูลอะไรก็ไม่รู้ ลุงหยางยิ่งแล้วใหญ่บอกว่าเป็นผู้ชายแมนๆต้องขับกระบะหรือจะลองเป็นเด็กแว๊นขี่บิ๊กไบค์...พ่อก็ด่าลุงหยางหาว่ายุให้ผมไปเสี่ยงชีวิต



   การเป็นคนหน่อมแน้มของทุกคนทำเอาผมเริ่มหงุดหงิด...ทุกอย่างมันช่างอึดอัดไปหมด ผมก็แค่อยากทำอะไรแปลกใหม่ ได้ลองทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง...



   การกลับไปอยู่หออาจจะดีที่สุดแต่มันก็อีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะเปิดเทอม ผมคิดว่าตัวเองเริ่มเป็นมูนนี่ขี้โมโหไปแล้ว ผมบ่นกับพี่เอ็มบ้างคราวนี้เพราะกลัวคิวเบื่อซะก่อน



   “เข้าสู่วัยต่อต้านหรือเปล่าครับ? เหมือนเวลาเข้าสู่วัยรุ่นที่อยากจะเป็นตัวเอง ใจร้อน แล้วก็ไม่ชอบให้ผู้ใหญ่ยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่ส่วนมากจะเป็นกันตอนอายุสิบสี่สิบห้านะครับ คุณจันทร์อาจจะ...โตช้าไปนิดหน่อย”



   วัยต่อต้าน? เข้าสู่วัยรุ่น?



   “มูนนี่ของพี่กำลังโตขึ้นนี่เอง”



   เจิ้นขำการเข้าสู่วัยต่อต้านของผม แต่ผมงอแงที่เขาทำเหมือนล้อเลียนเขาก็เลยยอมเลิกแกล้งแล้วบอกว่าจะให้พื้นที่กับผมมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่เจิ้นก็ดูตกใจปนขำ ปู่ก็ขำ ลุงหยางก็ขำ ยิ่งพ่อยิ่งตื่นเต้นใหญ่เลย



   แต่เพราะทุกคนทำเหมือนมันแปลกนี่แหละผมเลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ก็แค่โตช้าอ้ะ! แล้วทำไมต้องตื่นเต้นกันด้วยก็ไม่รู้



   “ก็จันทร์น่ารัก...”



   “แต่จันทร์หงุดหงิดมากเลย”



   “ทุกคนรักจันทร์...ก็เลยอยากเห็นทุกการกระทำของจันทร์ไงครับ ทำให้จันทร์อึดอัดเพราะพวกเราดูจะเป็นห่วงจันทร์มากเกินไป จันทร์เป็นความรักของทุกคนนะ...ไม่อยากให้ทุกคนรักจันทร์หรอ”



   เจิ้นยิ้มแล้วดึงมือผมไปหอม วันนี้วันเสาร์เขาได้รับอนุญาตมานอนกลิ้งหน้าทีวีกับผมที่บ้านคุณพ่อคุณแม่



   “ก็เข้าใจ...แต่จันทร์อายนี่...แล้วจันทร์ก็อยากทำอะไรด้วยตัวเองด้วย จันทร์จะแต่งงานแล้วนะแต่ทำไมเหมือนตัวเองยังไม่โตเลย”



   “แล้วจันทร์อยากทำอะไรหืม”



   พอเจิ้นถามแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเป้าหมายเดียวในชีวิตของผมก็แบบว่า To be with เจิ้นอ่ะ แบบ Only เจิ้น เอฟวรี่เดย์เลยแบบพี่เอ็มอ่ะ พี่เอ็มรู้เรื่องเจิ้นทุกอย่างเลยนะ ความลับนั่นนี่โน่น แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เจิ้นจะบอกผมสักหน่อย



   “ว่าไงครับ...อยากทำอะไร”



   “จันทร์....อยากเป็นพี่เอ็ม”



   เจิ้นชะงักแล้วขมวดคิ้ว เขาทำหน้าเหมือนผมบังคับให้กินผักขม



   “จะอยากเป็นเอ็มทำไม ไม่เห็นน่ารักเลย...สู้จันทร์ของพี่ก็ไม่ได้”



   “ก็พี่เอ็มดูเป็นคนพิเศษของเจิ้นนี่”



   “พี่ไล่มันออกทุกวันมันก็ไม่ไป จันทร์อยากโดนไล่หรอ?”



   ผมเบิกตากว้างเพราะรู้สึกสงสารพี่เอ็ม ทั้งๆที่ดูแลเจิ้นดีขนาดนี้เจิ้นยังจะไล่พี่เอ็มออกอีกหรอ แล้วถ้าผมไปทำงานกับเจิ้นผมไม่โดนเจิ้นไล่ออกนอกประเทศเลยหรอ



   “จันทร์...คิดอะไรอยู่ พี่แค่จะบอกว่าจันทร์เป็นคนพิเศษของพี่ในแบบที่เอ็มก็ทำไม่ได้ พี่รักจันทร์ไม่ได้รักเอ็ม จันทร์จะไปอยากเป็นเอ็มทำไม...เป็นมูนนี่ของพี่คนเดียวก็พอแล้ว”



   เจิ้นดึงผมไปกอด ผมสบายใจขึ้นนิดหน่อยที่ตัวเองสำคัญกว่าพี่เอ็ม จริงๆก็รู้แหละว่าตัวเองต้องสำคัญสุดๆอยู่แล้วแต่ผมกลับทำอะไรไม่ได้เลย



   “จันทร์แค่...แค่กังวล”



   “จันทร์เก่งในแบบของจันทร์...มูนนี่ของพี่เก่งจะตาย”



   “จันทร์ทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักอย่าง ไม่เห็นเก่งเลย”



   “สำเร็จสิ...พี่เป็นสมบัติของจันทร์ไปแล้ว จันทร์ให้พี่ทำอะไรแทนทุกอย่างได้หมดเลย จันทร์ไม่ต้องทำอะไรเอง หน้าที่ของผู้บริหารก็คือวานแผนและใช้คนให้เหมาะกับงานไม่ต้องลงมือทำเองสักอย่าง”



   “เจิ้นเป็นลูกน้องจันทร์หรอ?”



   “ก็...อาจจะ”



   คำอธิบายของเจิ้นทำให้ผมพอจะเห็นภาพ เจิ้นเป็นเจ้าของธนาคารแต่เจิ้นก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของพนักงานทุกอย่างนี่นา เจิ้นก็นั่งอยู่ห้องทำงาน ประชุม ออกงาน วางแผนอะไรยุบยิบๆกับพี่เอ็ม



   “งั้นจันทร์ก็เก่งกว่าเจิ้นใช่ไหมอ่ะ เพราะจันทร์ไม่ต้องหาเงินเองเลยให้เจิ้นหาให้อย่างเดียว”



   เจิ้นเริ่มขมวดคิ้วอีกรอบ ผมพอจะเข้าใจสิ่งที่เจิ้นจะสื่อแล้ว...เขาก็แค่อยากให้ผมสบายใจแต่มันเข้าทางผมพอดีเลย ทำไมเกมต้อนเจิ้นเข้ากรงของผมมันถึงเหมือนจะกลับมาอีกรอบทั้งๆที่ผมเลิกเล่นไปแล้ว



   “เก่งสิ มูนนี่ของพี่เก่งที่สุด”



   “งั้น...ถ้าจันทร์ใช้ชีวิตแบบของจันทร์อย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เป็นไรใช่ไหม แบบว่าจันทร์ไม่ต้องเครียดไรเลย ไม่ต้องเป็นพี่เอ็มด้วย”



   “พี่สร้างทุกอย่างให้จันทร์ได้ จันทร์จะไปสร้างเองอีกทำไม เรามีกันแค่สองคนนะจันทร์ แค่ช่อฟ้า...ก็เหลือเฟือ ไม่ต้องเป็นเอ็มหรอก เป็นจันทร์ของพี่ มูนนี่ของพี่ก็พอ”



   “เป็นมูนนี่แล้วช่วยงานเจิ้นได้ไหม มีประโยชน์กับเจิ้นหรือเปล่า จันทร์อยากเป็นคนที่เจิ้นพึ่งพาได้เหมือนที่จันทร์ก็พึ่งพาเจิ้นได้ แบบว่าช่วยคิดช่วยทำอ่ะ เป็นคนที่เจิ้นภูมิใจจะอยู่ด้วย”



   เจิ้นดึงผมไปกอดบนตัก อ้อมกอดของเจิ้นอบอุ่นสำหรับผมเสมอ ผมชอบเวลาที่ตัวเองจมไปในอ้อมแขนเจิ้นแบบนี้ที่สุดเลย



   “จันทร์ก็อยู่ข้างพี่มาตลอด...พี่มีทุกอย่างแล้วจันทร์ แต่มีสิ่งเดียวที่พี่ยังขาดแล้วมีแค่จันทร์ที่ให้พี่ได้...ความรัก แค่จันทร์รักพี่ไปทุกวัน ไม่ทิ้งพี่ไป ดูการ์ตูน กินอิ่ม นอนหลับ อยู่ในที่ๆพี่มองเห็น”



   “อันนั้นจันทร์ทำอยู่แล้วทุกวันเลย”



   “แล้วจันทร์เบื่อหรือเปล่าถึงอยากจะทำอะไรอย่างอื่นเพิ่ม?”



   “ไม่ ไม่เบื่อ จันทร์แค่คิดว่ามันน้อยไปไหมอ่ะ ดูมีประโยชน์น้อยจัง”



   เจิ้นหัวเราะที่ผมพูดแบบนั้น



   “มีสิ...จันทร์เป็นกระปุกความสุขของพี่ไง ขาดจันทร์ไปพี่ไม่มีความสุขเลย หัวใจพี่เจ็บปวด พี่นอนไม่หลับ...แล้วพี่ก็ไม่สบาย พอจะเห็นประโยชน์ของตัวเองหรือยังหืม มูนนี่?”



   “งื้อ จันทร์เป็นพลังงานสำรองของเจิ้นใช่ไหม แบบว่าเป็นพาวเวอร์แบงค์อันใหญ่”



   “ผิด เป็นพลังงานหลักต่างหาก ไหน...วันนี้โรงงานมูนนี่ผลิตพลังงานให้พี่หรือยัง?”



   “โหย ผลิตทุกวันเลยยยย ให้เจิ้นคนเดียว”



   แล้วหน้าที่ของโรงงานผลิตความสุขให้เจิ้นอย่าผมก็โดนสูบพลังจนเบลอไปหมด เพราะเรายังอยู่บ้านคุณแม่เจิ้นเลยไม่ได้ทำอะไรนอกจากจูบ จูบสูบวิญญาณที่ทำผมเกือบตาย



   “เจิ้น...เมื่อไหร่จะไปคุยกับพ่อจันทร์หรอ จันทร์...ไม่อยากให้พ่อโกรธนานเลย”



   ผมอาศัยช่วงเวลาเจิ้นอารมณ์ดีถามเขาอีกครั้งเพราะผมกังวลเรื่องพ่อจริงๆนะ คือทำแบบนี้เหมือนผมแฮปปี้คนเดียวแต่พ่อไม่ได้แฮปปี้ด้วยอ่ะ พ่องอนผมแน่ๆ ถึงพ่อจะยอมคุยด้วยแล้วแต่ก็แบบยังดูงอนๆอ่ะ ต้องไปง้อพ่อนะ พ่อมีผมเป็นลูกคนเดียวด้วย เดี๋ยวพ่อรักลุงหยางมากกว่าผมอ่ะถ้าผมไม่ง้อ



   “เดี๋ยวดูวันว่างๆก่อน”



   เขาตอบแบบ...แบบไม่ชัดเจนให้ผมอ่ะ แต่ผมก็ไม่อยากตื้อเจิ้นเยอะเท่าไหร่



   “งื้อ จันทร์กังวลจัง”



   “ไม่ต้องห่วง...พี่จะทำทุกอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกัน”



   อยู่ด้วยกันในความเข้าใจของผมก็คือ อยู่ด้วยกันแบบแฮปปี้ทั้งบ้านนะ เพราะผมเป็นมูนนี่ญาติเยอะไปแล้ว ถึงเจิ้นจะเบื่อญาติทุกคนเลยก็เหอะ









   เจิ้นพาผมมาหาพ่อที่คอนโดลุงหยางในอาทิตย์ต่อ จริงๆเจิ้นไม่ได้อยากมาแล้วพ่อก็ไม่ยอมหายงอนง่ายๆ ซึ่งมันทำให้ผมอึดอัดมากคุณแม่เลยบอกให้เจิ้นเลิกทิฐิได้แล้ว ถึงเจิ้นจะชอบเล่นสงครามประสาทกับพ่อผมแค่ไหนก็ต้องเห็นใจผมด้วย



   คุณแม่บอกว่าเจิ้นกับพ่อชอบเล่นอะไรแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ชอบเอาชนะกัน ทำเป็นสร้างสงครามเย็นแต่จริงๆโกรธกันไม่นานหรอก...แต่ แต่ผมก็อึดอัดอยู่ดีอ่ะ



   คุณพ่อกับคุณแม่บอกให้เจิ้นไปตกลงกับพ่อผมก่อนให้เรียบร้อยพวกท่านถึงจะพาเจิ้นมาสู่ขอตามธรรมเนียมอีกที ผมตื่นเต้นหน่อยๆตอนที่ลิฟต์เรามาถึงชั้นลุงหยาง



   “ไม่เป็นไร พี่จัดการเอง”



   มือที่กุมมือเจิ้นชื้นเหงื่อหัวใจผมเต้นรัว แต่เจิ้นดูสบายๆมากเลย แถมมีรังสีออร่าของการเอาชนะเต็มเปี่ยม หรือจะเป็นอย่างที่คุณแม่เจิ้นบอก....เจิ้นกับพ่อผมชอบแข่งกัน



   “เชิญครับ”



   คนที่รออยู่หน้าลิฟต์ไม่ใช่ลุงหยางหรือพ่อ แต่เป็นผู้ชายในชุดสูทสีดำสนิททรงผมเปิดหน้าที่มีเอกลักษณ์ของคนจีนชัดแจ๋ว แถมพูดสำเนียงไทยแปร่งหูนิดหน่อย



   “ไม่เจอนานนะ”



   “มีงานด่วนของหยางครับ”



   “เมื่อไหร่หยางจะกลับ?”



   “ไม่ทราบครับ”



   หยาง...เจิ้นกับคุณคนนี้เรียกลุงหยางว่าหยางเฉยๆ บางทีลุงหยางอาจจะเป็นคนชื่อเยอะแบบผม แบบที่มีทั้งศศิมณฑล เจ้าจันทร์ จันทร์ มูนนี่ เจ้าลูกกระต่ายอะไรทำนองนั้น ส่วนลุงหยางก็เป็นคอลเล็คชั่นพระอาทิตย์ สุริยะ หยาง มิสเตอร์หยาง ลุงหยาง พี่ซันที่พ่อเรียก แล้วก็หยางเฉยๆ



   จริงๆเจิ้นนี่ก็ดีเนอะ แค่เจิ้นเฉยๆ ไม่ต้องคิดมากเพราะผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองจะมีชื่อเยอะแยะไว้ทำไม พ่อก็ยังมีแค่ตองเฉยๆเลยอ่ะ ทำไมพ่อเป็นใบตองแล้วผมไม่เป็นกล้วย?



   “จันทร์?”



   ผมกระพริบตาเรียกสติเมื่อเห็นว่าเจิ้นเดินนำไปก่อนแล้วหันมามองผมที่หยุดชะงัก



   “จันทร์คิดอะไรนิดหน่อย”



   “เรื่องนี้หรอ? พี่บอกว่าอย่าคิดมากไง”



   “ไม่ใช่ จันทร์แค่คิดว่าทำไมจันทร์ชื่อจันทร์ ทั้งๆที่พ่อก็ชื่อตอง จันทร์อาจจะเป็นกล้วยก็ได้ แบบว่าใบตองกับน้องกล้วย ก้านกล้วย ต้นกล้วยอะไรแบบนี้อ่ะ มูนนี่ก็เปลี่ยนเป็น...บานานา”



   ผมทิ้งหางเสียงให้เหมือนเพลงของมินเนี่ยน บาน๊าน่ะ เจิ้นขมวดคิ้วแล้วทำหน้าแปลกๆ ทำให้ผมขำ ชื่อกล้วยก็ดีจะตาย กล้วยอร่อยด้วย แบบว่าบานาน่ามิลค์เชค



   “สงสัยกลับไปต้องขอหอมหน่อย...ว่าพระจันทร์ของพี่หอมกลิ่นกล้วยไหม”



   เจิ้นทำตาวิบวับ...เขาคิดอะไรยุบยิบอีกแล้วแน่เลย ฮึ่ยย คนทะลึ่ง!







   เราเจอลุงหยางที่ห้องทานข้าว แต่ไม่เจอพ่อ ลุงบอกว่าพวกเรามาเช้าไปพ่อยังไม่ตื่นทั้งๆที่ตอนนี้มันก็จะเที่ยงแล้ว คือผมกับเจิ้นนัดแค่ลุงหยางไว้กะว่ามาเซอไพรส์พ่อไปเลย เพราะช่วงนี้พ่องอนไม่ยอมคุยกับผมตั้งแต่รู้เรื่องเจิ้นมาขอผมแต่งงาน



   “กินไรหน่อยไหมลูกกระต่าย? มีคุ้กกี้อยู่ เอาชามาด้วย”



   คนจีนที่รู้จักเจิ้นด้วยคนนั้นไปจัดการมาให้ ชงฉากาใหม่ให้เจิ้นแล้วก็มีนมอุ่นของผม ท่วงท่าการเดิน การหยิบจำของต่างๆเขาดูดีมากเลยเหมือนในหนัง



   “มองอะไร?”



   “เขาดูดีอ่ะ”



   เจิ้นบีบแก้มผมแบบไร้สาเหตุ แต่ลุงหยางดันหัวเราะชอบใจ ส่วนคุณคนที่ผมชมแค่ยกยิ้มมุมปากนิดหน่อยเท่านั้น



   “เจ้าลูกกระต่ายถูกใจชิวซีหรือไง? ยกให้ไม่ได้หรอกนะคนนี้”



   “เปล่าสักหน่อย ลุงขี้หวง!”



   “ยกให้ก็ได้ แต่ไปอยู่จีนด้วยกันนะ”



   “มิสเตอร์หยาง”



   เสียงเจิ้นเข้มขึ้นมาเลย ลุงหยางคงกะจะกวนประสาทเจิ้นเล่นๆแล้วเจิ้นก็คงหงุดหงิดที่ผมทำท่าเหมือนสนใจพ่อบ้านของลุงหยางเป็นพิเศษ



   “พี่ซัน หิว...”



   “ตื่นแล้วหรอ?”



   ผมหันขวับไปมองพ่อที่เดินเข้ามา เสียงเอื่อยๆ ตาปรือ ผมฟูและ....ทั้งตัวพ่อมีแค่กางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่ไม่ติดกระดุม และ และ.........



   “พ่อ!”



   “จันทร์?....จันทร์!”



   พ่อดึงสาบเสื้อตัวเองปิดแต่มันไม่ทันแล้ว ผมเห็นชัดแจ๋วเลยว่าพ่อมีรอยจูบกับรอยฟันบนตัว เหมือน...เหมือนที่เจิ้นทำกับผมเลย! เหมือนมาก มากมากเหมือนเห็นตัวเองเลยอ้ะ



   แล้วใครจะไปทำอะไรแบบนั้นบนตัวพ่อได้ถ้าไม่ใช่ลุง!



   พ่อหันตัวเดินหนีออกไป ส่วนผมช็อคไปแล้ว....ก็ ก็รู้ว่าลุงกับพ่อก็คงหนุบหนับกันแต่...แต่พอมาเห็นตรงๆแล้วผมก็ค่อนข้างตกใจ ละ แล้ว แล้วผมก็หน้าร้อนผ่าวไปหมด



   “ตามสบายนะ เดี๋ยวมา”



   ลุงหยางลุกออกไป ส่วนผมกระพริบตาปริบๆมองเจิ้น แล้วก็ยิ่งเขินเพราะเจิ้นยิ้มกรุ้มกริ่ม



   “ตกใจทำไม...ออกจะปกติ”



   จะเถียงว่าไม่ปกติก็ไม่ได้เพราะผมก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ



   “งื้ออออทำไมพ่อรุนแรงจัง”



   ผมเอียงตัวไปซุกหน้ากับไหล่เจิ้น เขาหัวเราะเบาๆแล้วดึงผมไปนั่งตัก



   “จันทร์ก็รุนแรง....สำเนาถูกต้องเลย”



   “ง่ะ...จันทร์อายจัง”



   “ไม่ต้องอาย...พี่ชอบให้จันทร์รุนแรง”





   (ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ bambooiihallo

  • ยู้ฮู >w<
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1503/-19
(ต่อจากด้านบน)



มันต้องใช้เวลาพักใหญ่ๆเลยกว่าพ่อกับลุงหยางจะลงมาจากชั้นสอง คราวนี้พ่อแต่งตัวมิดชิดใส่ชุดจีนคอตั้งแขนยาวขายาวไม่เห็นอะไรเลย



   ผมไม่ค่อยได้เห็นพ่อใส่ชุดจีนแบบนี้นัก แต่พ่อใส่แล้วก็ดูดี...แค่ขัดใจตรงที่ลายบนชุดมันเป็นพระอาทิตย์กับก้อนเมฆแบบจีนเหมือนของลุงหยาง...



   แก้มพ่อยังแดงๆ ต่างจากลุงที่ทำหน้าอารมณ์ดีแถมยกแขนพาดไปบนพนักโซฟาเหมือนจะโอบไหล่พ่อกลายๆ หงุดหงิดอ่ะ ถึงมันจะเหมือนที่เจิ้นทำกับผมก็เหอะ ก็แบบว่าผมไม่พอใจเลยที่ลุงทำยุบยิบกับพ่อ



   “ลุงเขยิบออกมาจากพ่อเลยนะ”



   “เพื่อ?”



   “ไม่รู้แหละ ไม่อยู่ใกล้ๆได้ไหม”



   “ทำมาหวงพ่อตัวเอง แล้วคิดว่าตองไม่หวงเธอมั่งหรือไงตอนอยู่กับเจิ้น”



   คำพูดของลุงหยางทำให้ผมหยุดคิด หรือว่า...อารมณ์พ่อที่ไม่พอใจเจิ้นก็จะคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน แบบว่าไม่พอใจที่ผมตัวติดกับเจิ้น เพราะพ่อก็หวงผม ส่วนผมก็หวงพ่อกับลุงหยาง



   “มากันทำไมล่ะ”



   พ่อตัดบทขึ้นมาลุงหยางเลยหยุดทำหน้ากวนประสาทใส่ผม ผมว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลุงหยางเองก็แปลกๆ เพราะผมมีอะไรก็ไปหาลุงแต่ผมก็เบื่อลุงอ่ะ



   “ผมกับจันทร์จะแต่งงานกัน อยากให้อาตองอนุญาตด้วยครับ”



   “ถึงไม่อนุญาตก็จะแต่งกันอยู่ดีนี่ ยังไงคำพูดของฉันก็ไร้ความหมายมาตั้งนานแล้ว อะไรที่บอกว่าห้ามก็ทำ ไม่ต้องมาขอหรอก แต่งกันไปเลย”



   “พ่อ...มะ ไม่ใช่นะ”



   พ่อเบือนหน้าหนีผมแล้วทำท่าจะลุกหนีแต่ลุงหยางก็ดึงพ่อไว้ก่อน



   “ตอง ไปประชดลูกทำไม ตัวเองทำแล้วก็เสียใจเอง”



   “พ่อ ผมขอโทษ...”



   “อาตอง ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ แค่เราสองคน”



   เจิ้นพูดขึ้นมาตอนที่ผมกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ พ่อไม่ยอมรับข้อเสนอของเจิ้นแต่เป็นลุงหยางที่ชวนผมไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้านล่าง



   “ไม่ต้องห่วง...พี่จัดการเอง ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ทะเลาะกับพ่อจันทร์”



   เจิ้นยิ้มเหมือนปัญหานี้มันง่ายนิดเดียว...ผมกอดเจิ้นแน่นเพราะต้องการกำลังใจให้ตัวเอง หวังว่าเจิ้นจะทำให้พ่อใจอ่อน แล้วพ่อก็จะหายโกรธผม
   





   “มีบุหรี่สักตัวไหม?”



   กันติชาเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน เจิ้นพยักหน้ารับและทั้งคู่ก็เดินออกไปที่ระเบียงด้านนอกพร้อมกัน ผู้ชายสองคนยืนพิงขอบระเบียงพ่นควันสีเทาลอยละล่องไปในอากาศ



   “สูบด้วยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ?”



   “ก่อนอาจะมีจันทร์...”



   “พอรู้ว่าจะมีลูกอยู่ๆก็อยากเป็นคนดี”



   เสียงหัวเราะเครียดๆดังออกมา



   “เราต่างอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกันหมด พอน้องมาอยู่ด้วยก็ไม่ได้นอนดึกอีกเลย”



   กันติชาชะงักมือที่กำลังส่งมวนบุหรี่จรดเรียวปาก



   “รู้ใช่ไหมว่าไม่ได้ห้ามเรื่องจันทร์”



   “รู้... เราไม่ได้เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน อาอยากได้อะไร”



   “ให้จันทร์เรียนจบก่อน แค่ปีสองปีก็จบแล้ว ให้จันทร์ได้ทำอะไรสำเร็จในชีวิตสักอย่าง...เขาอยู่กับเจิ้นทำให้เขามีความสุข แต่อาอยากให้จันทร์ได้สัมผัสช่วงเวลาที่วัยรุ่นทั่วไปเขาได้เจอบ้าง...ให้จันทร์เครียดเรื่องเรียนบ้าง พยายามบ้าง โลกของน้องคับแคบมากเจิ้น ชีวิตเขามีแค่พวกเรา ให้เวลาน้องหน่อย”



   “ครับ แบบนั้นก็ได้ ผมรู้ว่าอาห่วงแล้วก็หวง แต่อยากให้อาวางใจว่าผมดูแลน้องได้ น้องจะมีความสุข แถมร้ายกาจขึ้นทุกวัน...ล่าสุดจะเอาแหวนเพรช จะให้เงินผมวันละร้อย”



   กันติชาหัวเราะเบาๆ จินตนาการยามลูกตัวเองพูดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าจริงจังออกราวกับเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตรงหน้า



   “แล้วฝึกงานเป็นไงบ้าง?”



   “จันทร์ทำงานไม่ได้หรอก อาจจะได้แต่ไม่ใช่ที่ธนาคาร การทำงานธนาคารในสำนักงานใหญ่มันเครียดและจริงจัง จันทร์ตามไม่ทันด้วย ที่เขาทำได้ก็จะเป็นงานง่ายๆทั่วไป ถ้าให้เขาทำงานยังไงผมก็ต้องพาน้องมาอยู่ใกล้หูใกล้ตา ความสามารถของคนรอบตัวที่มากกว่าจะทำให้จันทร์อึดอัด จันทร์บอกว่าตัวเองอยากเป็นเหมือนเอ็ม แค่นั้นก็รู้แล้ว เพราะเอ็มทำได้แต่น้องทำไม่ได้ หรือถ้าให้จันทร์ไปเป็นพนักงานตัวเล็กๆ เขาก็ไม่โดดเด่นในหมู่เพื่อนร่วมงานอยู่ดี สุดท้ายก็เกิดความกดดันเพราะคนจะเปรียบเทียบน้องกับผม”



   “อืม...แต่ถ้าไม่หาอะไรให้จันทร์ทำ น้องจะเสียใจนะเจิ้น ให้มาทำงานที่ร้านชาก็ได้”



   “ให้เขาเลือกอีกทีตอนเรียนจบก็ได้ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ช่อฟ้า ผมไม่อยากให้จันทร์เครียด”



   กันติชาบี้มวนบุหรี่ลงกับกระถางต้นไม้แล้วถอนหายใจ จะว่าเตรียมใจมานานแล้วเรื่องเจิ้นกับจันทร์มันก็ใช่ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ใจหาย ถึงทุกวันนี้จะเหมือนทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วแต่มันก็แค่ไม่กี่ปีมานี้เองทีความรู้สึกของจันทร์กับเจิ้นเปลี่ยนจากพี่กับน้องไปเป็นอะไรที่มากกว่านั้น



   “อาตอง...จันทร์กับผมเราไม่กันอาตองออกไปหรอก เราก็ยังเหมือนเดิม น้องก็เหมือนเดิม อาตองจะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ น้องจะมานอนกับอาหรือจะไปไหนกับอาก็ได้ มันก็แค่สัญญาใจระหว่างผมกับจันทร์ที่มากขึ้นเท่านั้นเอง จันทร์เขาเครียดนะเรื่องอา”



   “ก็แล้วทำไมไม่ทำให้มันถูกต้องแต่แรก...กับแค่แยกกันอยู่แปปเดียว”



   “มันเป็นไปไม่ได้ ผมเมื่อปีก่อนๆที่ยอมรอน้องได้กับผมตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ผมรักจันทร์ขึ้นทุกวันและจันทร์ก็เป็นคนของผมแล้ว ผมจะห่างจากคนของผมได้ยังไง...เรื่องนี้อาก็รู้ มิสเตอร์หยางก็ไม่ยอมห่างจากอาเหมือนกัน”



   “เฮ้อ...”



   ไม่รู้จะเถียงอะไร เพราะสุริยะ หยางใจร้อนยิ่งกว่าเจิ้น ถ้าให้เทียบกันสิ่งที่เจิ้นทำยังห่างไกลกับที่สุริยะ หยางทำอยู่หลายขุม



   “เดี๋ยวจันทร์ก็เปิดเทอมแล้ว ยังไงก็มีระยะห่างระหว่างผมกับจันทร์อยู่ดี ผมรอได้”



   “อืม...อาขอถามเป็นครั้งสุดท้าย...เจิ้นจะยอมน้องใช่ไหม รู้ใช่ไหมว่าจันทร์จะเป็นที่พึ่งให้เจิ้นไม่ได้ น้องทำงานไม่เป็น เป็นคู่คิดให้เจิ้นไม่ได้ ทำได้แค่อยู่กับเจิ้นเท่านั้นเอง จะไม่มองน้องไม่มีค่าใช่ไหม”



   “อาตอง...อาอย่ากังวลเรื่องพวกนี้เลยเพราะเป็นผมต่างหากที่กลัวจันทร์ไม่รัก ผมต่างหากที่เป็นลูกไก่ในกำมือ ไปไหนก็ไม่ได้ ทำได้แค่พยายามเป็นคนที่ดีที่สุด เป็นคนโง่เลี้ยงนกเลี้ยงกระต่ายให้น้องไปเรื่อยเปื่อย ไม่กล้าห้ามด้วยซ้ำถ้าน้องจะเลี้ยงอะไรเพิ่ม ขนาดตุ๊กตากระต่ายเน่านั่นผมยังสำคัญสู้มันไม่ได้ ไม่กล้าพูดกับจันทร์ด้วยซ้ำว่าหึงตุ๊กตา โฉนดช่อฟ้าถ้าจันทร์จะขอผมก็ยกให้ได้ ตำแหน่งเจ้าบ้านเยว่ผมก็ยังยกให้ได้ถ้าจันทร์อยากได้ อยากดูข่าวก็ดูไม่ได้ถ้าจันทร์จะดูการ์ตูน ไม่อยากกินไอติมก็ต้องไปกับจันทร์ทุกครั้ง ถ้าผมอยากได้คู่คิดผมคงไม่จ้างเลขามาช่วยคิดถึงสี่คน ผมก็แค่อยากอยู่กับจันทร์....อาตองน้องขาดผมได้ น้องเคยทิ้งผมไปอเมริกาด้วยซ้ำ ก้าวออกไปจากผม ไปอยู่หอก็ตัดสินใจเอง... เจ้าจันทร์เข้มแข็งกว่าที่อาคิดครับ น้องเคยจะฆ่าตัวตายแต่น้องกลับไม่เหลือแผลใจอะไรไว้เลยแต่เป็นผม...ผมที่นอนไม่หลับ ผมที่จะเป็นจะตายเพราะคิดว่าน้องไม่อยากอยู่กับผมแล้ว...ผมต่างหากที่ไปไหนไม่รอดเพราะผมขาดน้องไม่ได้”



   กันติชาเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นเจิ้นในมุมที่ไม่เคยเห็น โดยเฉพาะเรื่องนกเรื่องกระต่าย แถมยังตุ๊กตากระต่ายที่ฟังแล้วมันก็...ตลกเป็นบ้า



   “อดทนหน่อยนะ...”



   ความกังวลกลายเป็นความเอ็นดูปนเห็นใจ ก็เพราะเจ้าจันทร์โตช้าแบบนี้ไงทำให้เจิ้นที่โตกว่าต้องมาเจอเรื่องราวปวดหัวแบบเด็กๆ การตัดสินใจแบบเด็กๆ แล้วเจ้าจันทร์ก็ชอบเครียดกับเรื่องกระต่ายเรื่องการ์ตูนของกินไปเรื่อยเปื่อยจริงๆนั่นแหละ



   “ยกเจ้าจันทร์ให้ผมเถอะครับ อาหาคนที่ดีกว่าผมให้จันทร์ไม่ได้แล้วในโลกนี้”



   “เฮ้อ...เออ ให้จันทร์เรียนจบก่อนนะค่อยพาแม่มาขอ”



   บทสนทนาเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นอย่างง่ายดาย จนกระทั่งรู้สึกว่ามีอะไรกระดุกกระดิกอยู่ด้านข้าง...ทำให้สายตาสองคู่หันไปมองคนที่โผล่หน้ามาจากหน้าต่างห้องครัวที่บังเอิญอยู่ตรงกับระเบียงตรงนี้พอดี ตากลมโตแป๋วจ้องกระพริบปริบๆทำเป็นแอบอยู่หลังบานหน้าต่างอย่างไม่แนบเนียนสุดๆ



   “ไปหาจันทร์ไป”



   “อาไปเถอะ...เขาอยากคุยกับอามากกว่าคุยกับผม”



   “ขอบคุณ...ขอบคุณที่เข้าใจ”



   เจิ้นมองตามกันติชาที่หายเข้าไปในห้องแล้วก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่หรอก...ไม่ได้อยากจะเข้าใจ แต่กันติชาเป็นคนสำคัญของเจ้าจันทร์ แค่ทำเป็นไม่อยากคุยกับกันติชาเจ้าจันทร์ก็หน้าหงอยไปทั้งอาทิตย์จนต้องมา



   ไม่ได้อยากจะดึงเวลาไว้หรอก แค่ช่วงนี้งานเยอะแล้วมันจะเยอะไปทั้งเดือน ถ้ารอหลังจากนั้นเจ้าจันทร์คงร้องไห้ทุกวัน ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้นคงไม่ต้องทำงานทำการกันพอดี

   ------

ได้แต่งแล้วจ้า แต่มูนนี่ขยันเรียนให้มันจบไวๆนะลูก พี่เจิ้นแก่แล้ว 555

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นเจ้าหนูตัวดีของครอบครัว ไข่ในหินเวอร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: IN CONTROL ... ในปกครอง : Chapter XXV : Kanticha : May 29, 18 : P.110
« ตอบ #3289 เมื่อ: 29-05-2018 16:45:22 »





ออฟไลน์ Gugii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โหหหห
อยากได้แบบเจิ้นสักคนต้องทำไงอะ
รักเจิ้นมาก
อยากดูข่าวก็ดูไม่ได้จันทร์จะดูการ์ตูน
โอ้โหหห ปริ่มกับเจิ้นมาก 5555
 :pig4: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :o8:  :-[  :impress2:

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
พ่อตองบอกว่า พี่ซันแสบกว่าเจิ้นอีกอะ ตายๆๆๆ อยากรู้ๆ ว่าจะแสบขนาดไหน เจิ้นๆที่ว่าร้ายๆ แต่โดนมูนนี้ปราบง่ายๆ แล้วลุงซันจะโดนปราบยังงัยน้า ^^

มูนนี่ตอนนี้ก็น่ารักอีกแล้ว ^^

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
รักเจิ้น

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
2ปีผ่านไปตัดภาพไปที่จันทร์รับปริญญา

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ืออออออพระเอกของเน่รักเจิ่นมากๆค่ะขอบคุณไรท์นะคะเอาความสุขมาเสริฟอีกแล้ว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :pig4: เยสสสสสส

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สรุปว่าเรื่องนี้เจิ้นน่าเห็นใจที่สุด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด