[ เ ล่ น ข อ ง เ ตี้ ย ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ เ ล่ น ข อ ง เ ตี้ ย ]  (อ่าน 971472 ครั้ง)

ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
กล้าหาญบอย มิตรภาพผู้ไกล่เกลี่ย
ฉันว่าแล้วนางต้องคู่กัน #เชนหมูหัน ชูป้ายไฟรัวๆๆๆๆ

หลังจากไล่อ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ภายในหนึ่งวัน
คิดได้อย่างเดียว ตังอยู่ไหน จะซื้อออ  จะเอาาา

ออฟไลน์ Forbiddenlove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งือออออออ อยากให้มีพาร์ทเชน-หมูหันอีก
Please..... :-[

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เชนหมูหันน่ารักอ่ะ ขออีกๆ

ออฟไลน์ ฟ้าใสคนนอกโลก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เชนนนน หมูหันนนน
คือหวานอะ อย่าทำหมูหันเสียใจนะ
น่ารักกกก  :impress2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ชอบคู่เนนนน้ อยากอ่านเชนหมูหันเพิ่มเลยย
นายหญิงเริ่มเปิดใจให้กล้าแล้วสินะ เป็นสัญญานที่ดีนะเนี่ย
รอตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12



ตอนที่ 32
กล้าหาญ




   'พี่เซียน สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย'

   'มึงโทรหากูด้วยเหรอ'

   'ตอบคำถามผมก่อน'

   'มึงโทรหากู'

   'นี่'

   'มึงโทรหากู!'

   'โอ้ย จะบ้า'

   'สอบเสร็จแล้ว เมื่อตะกี้นี้เอง'

   'โอเค...ผมดำเนินตามแผนไปแล้วบ้างนิดหน่อย'

   'บอกตามตรงในฐานะเทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์...กูไม่ชอบแผนมึงเลย'

   '...'

   'แม่งชวนพราวฝันออกเดตเนี่ยนะ!'

   'พี่พูดเรื่องนี้กับผมเป็นแสนเป็นล้านครั้งแล้วนะ'

   'ถ้ามีครั้งที่หนึ่งล้านเอ็ดกูก็จะโวยวายเหมือนเดิม'

   'ไม่ทันแล้วครับพี่ ผมนัดเธอออกมาในอีกสองวัน'

   'แปลว่า...'

   'ถ้าพี่อยากช่วยผมล่ะก็...พี่ต้องเข้ากรุงเทพฯ กับ...'

   'ไป!'

   '...ผม เฮ้ย พี่ตอบเร็วจัง'

   'ก็บอกแล้วไงว่าจะจีบมึง มึงอยู่ไหนกูก็อยากอยู่นั่น'

   '...'

   'ฮั่นแน่ะ ทำเป็นเขิน'

   'ผมต้องวางแล้ว'

   'แล้วกูจะไปกรุงเทพฯ กับมึงยังไง'

   'เดี๋ยวไปรับถึงหน้าหอเลย'

   'เฮ้ย บ้า จะดีเหรอ กูเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ'

   ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

   'วางเร็วฉิบ ไอ้เด็กจีบยากเอ๊ย'









   ผมสอบมิดเทอมเสร็จแล้ว...

   บอกได้เลยคำเดียวว่าผมนั้นจะตายเสียให้ได้

   แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆ นั่นก็ต้องมาจากเนื้อหาความรู้ที่มากมายมหาศาลแต่ผมดันอ่านเอาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วัน เรียกได้ว่าอัดเข้าไปในสมองจนแทบล้นทะลัก ตอนเข้าไปสอบจริงๆ ก็เลยสติแตก จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็อย่างน้อยก็น่าจะทำได้มากกว่า 70%...ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ

   ส่วนสาเหตุรอง...มันมาจากนายท่านแฟนของผม ผู้ที่ใช้คำว่าแฟนคุ้มที่สุดในโลกทั้งๆ ที่เราคบกันยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ

   มันทำยังไงน่ะเหรอครับ มัน...มัน...มันเห็นผมเป็นอุปกรณ์คลายเครียดน่ะสิ!

   เราอ่านหนังสือกันอย่างจริงจัง ไม่มีสิ่งอื่นใดรบกวนจนกระทั่ง...

   'กล้า...มานี่หน่อยสิ'

   ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันคือประโยคกับดัก ผมเอียงตัวเข้าไปหามันทั้งตัวโดยใช้มันเป็นเตียง ก่อนจะหยิบชีทขึ้นมาอ่านไปด้วย...มันเป็นท่าที่สบายจนผมรู้สึกง่วงงุน เกือบจะหลับอยู่แล้ว ถ้านายท่านมันไม่เริ่มใช้ริมฝีปากนัวเนียใบหูของผม

   'ไม่เอาเว้ย...อ่านหนังสือไม่ทัน' ผมรีบร้องบอก เพราะรู้ดีว่าสัมผัสเหล่านี้จะนำไปสู่อะไร

   'กูเครียด ได้นัวเนียกับมึงแล้วหายเครียด' เสียงแม่งกระเส่าเย้ายวนผมเหลือเกิน

   แบบนี้ก็มีว่ะ... 'มันดีเว้ยท่าน มัน..ดี' เสียงของผมตกร่องไปเพราะเริ่มเคลิ้มกับการขยับของริมฝีปากของมัน 'แต่มันก็กินเวลา เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะ'

   'มันจะใช้เวลานานสักเท่าไหร่กัน'

   'อ่านหนังสือน่ะเหรอ ก็ประมาณ...'

   'ไม่ กูหมายถึงเรื่องนี้...' มือเรียวของมันเริ่มสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นของผม...นิ้วมือของมันสัมผัสถูกเป้ากางเกงของผมพร้อมกับลูบไปมา

   โอย...ตายห่า

   ที่แท้มันก็เรียกให้ผมมาเป็นเป้านิ่งในการถูกลวนลาม

   'ท่าน...ไม่เอา' ผมพยายามดึงมือมันออกไปจากส่วนล่อแหลม แต่มือของผมมันก็อ่อนระโหยโรงแรงอย่างน่าสมเพช

   'กล้าน้อยดูจะไม่เห็นด้วยนะ'

   'มันเห็นด้วยคงแปลก...แม่งตื่นทุกครั้งที่มึงอยู่ใกล้เกินหนึ่งเมตร'

   'หนึ่งเมตรเหรอ...น้อยจังวะ'

   มือของนายท่านออกแรงหนักไปกับส่วนนั้นของผม...ผมหายใจกระตุกและก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความต้องการของตัวเอง

   'ของกูนี่ตื่นตั้งแต่เห็นหน้ามึงไกลหนึ่งร้อยเมตรอ่ะ'

   ยอมแพ้เลย...

   นั่นคือจุดเริ่มต้นของอาการปวดตัวของผมครับ...นายท่านมันจะสะกิดผมทุกครั้งที่มันเห็นว่าการอ่านหนังสือเรียนนั้นน่าเบื่อหรือกินแรงมันมากเกินไป มันมักจะหาเหตุผลหรือข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อให้ผมยอม บางครั้งผมก็ทำใจแข็งปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาออดอ้อนของนายท่าน...ผมก็แพ้ทางมันทุกที

   และนี่คือสารพัดเหตุผลที่มันยกมาอ้างในเวลาที่มันสะกิดผมครับ บางอันก็เชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง...สารพัดจะอ้าง

   'มึงอยากใส่ขาสั้นเอง'

   'ก็วันนี้มึงใส่เสื้อกล้าม'

   'กูบอกแล้ว...กูเครียด'

   'ถ้ามึงเครียดมึงก็มาระบายกับกูก็ได้นะ...ระบายบนตัวกูเนี่ย ทำได้ทุกท่า เอ๊ย ทุกอย่าง'

   'ช่วยไม่ได้ ก็ตอนมึงมีสมาธิมึงเซ็กซี่นี่'

   'กล้า...ท่านอยากอีกแล้วง่ะ'

   'ถ้าได้ทำกับมึง...กูได้เอแน่เลย นะๆๆ มาช่วยให้กูได้เกรดเอ'

   'คัมม่อน เบ่บี๋...Come here (ตบเตียง)'

   ''ที่รัก ที่รักคร้าบ'

   บอกเลยว่าเป็นช่วงเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่ผมปวดตัวอย่างมาก...ดีนะที่แม่งรับผิดชอบ คอยหาอะไรอร่อยๆ มาให้ผมกิน ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ก่อนสอบนั้นอยู่ที่มอกับที่ห้อง ไปเรียนแล้วก็กลับมาอ่านหนังสือ ฉะนั้นผมจึงไม่มีเวลาที่จะมาสนใจคอมเมนต์ลบๆ ในโลกโซเชียลหรือแม้กระทั่งสายตาของคนอื่นที่มองผม

   กลับกลายเป็นว่าผมกับนายท่านเคยชินที่จะเป็นเป้าสายตา เราใช้ชีวิตกันอย่างปกติตามคำแนะนำของคุณแม่นายหญิง...จะว่าไปผมก็ได้คุยกับท่านมากขึ้นครับ ท่านเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด...ชอบทักไลน์มาถามผมว่านายท่านเป็นยังไงบ้าง ขยันอ่านหนังสือมั้ย ตั้งใจเรียนบ้างหรือเปล่า...มันเลยทำให้ผมรู้สึกแฮปปี้เป็นอย่างมาก

   เพราะผมกำลังมีความสุข ผมจึงทำข้อสอบได้มากกว่า 70% สาบานได้ว่าถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นกับผม ผมคงสอบได้น้อยกว่านี้มาก ดีไม่ดีอาจไม่ถึง 30% ด้วยซ้ำ

   อย่าลืมสิครับว่าผมกับเพื่อนแม่งชอบปรึกษาหารือกันในห้องเรียนระหว่างที่อาจารย์กำลังสอนจะตาย

   และแล้วในที่สุด...วันนี้ก็มาถึงครับ วันที่ผมจะเข้าไปหาคุณแม่นายหญิงอย่างที่ผมเคยลั่นวาจาเอาไว้

   หากจะถามว่าทำไมถึงช้า...ทำไมถึงไม่รีบไปก่อนหน้านี้ ผมมีเหตุผลหลายอย่างก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องที่ผมเป็นนักศึกษาฟูลไทม์ (โดดเรียนเมื่อไหร่...พี่สาวคงฆ่าผมตาย) ยุ่งทั้งเรื่องยุ่งทั้งเรื่องของการปรับตัวเมื่อเป็นแฟนของนายท่าน ลากยาวจนมาถึงเรื่องที่ผมได้รับผลกระทบเมื่อเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นใคร...นอกจากจะมีเรื่องที่ผมไม่มีเวลาแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังไม่สามารถขจัดออกไปได้สักที

   นั่นคือ...ผมกลัว

   เชิญต่อว่าผมว่าผมป๊อดได้เลย ผมไม่มีอะไรจะเถียง ผมกลัวว่าคุณแม่นายหญิงท่านจะเล่นแง่อะไรกับผมอีก จากนั้นก็ลงท้ายอีหรอบเดิมเหมือนคราวที่แล้วนั่นก็คือผมต้องเลิกกับนายท่าน...ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมทนไม่ได้แน่ๆ

   ฉะนั้นผมจึงต้องใช้เวลารวบรวมกำลังใจ ปรับตัวเข้าหานายท่าน ทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนนอกเพื่อที่จะได้ยืนอยู่ต่อหน้าคุณแม่นายหญิงอย่างมั่นคงและก็ไม่หวั่นเกรงอะไรใดๆ อีก

   มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ

   "มองถนนสิ" ผมเตือนสตินายท่านเพราะรู้ว่ามันกำลังแอบมองผมขณะขับรถ "กูมีผู้หญิงที่ต้องดูแลอยู่บ้านตั้งสี่คนนะ..."

   "กูแค่รู้สึกแปลกๆ" นายท่านมองไปที่ถนนข้างหน้าผ่านแว่นกันแดดที่โคตรเท่ของมัน ราคาก็แปรผันตรงกับความเท่นั่นแหละครับ (ผมแอบเสิร์ชกูเกิ้ลตะกี้...รุ่นนี้ราคาเกือบสองหมื่นแน่ะ)

   "แปลกยังไงวะ"

   "ดูมึง...แข็งแกร่งขึ้น"

   "..."

   "นึกถึงสมัยที่มึงเป็นหัวโจกคอยดูแลเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เลย"

   "จริงเหรอ" นี่ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าผมเคยมีฟีลแบบนั้น "เอาแล้วโว้ย กล้าหาญบอยคนนั้นกลับมาแล้วว่ะ!"

   "วิญญาณพี่หมูหันเข้าสิงมึงเหรอ"

   "มึงกำลังพูดถึงคนที่โดนซีเคียวริตี้ตามจีบอยู่ใช่มั้ย"

   เราสองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม

   "ที่ผ่านมากล้าหาญบอยคนนั้นหายไปไหนล่ะ"

   "หลบอยู่ในกระดอง กระดองที่อยู่ในกะลาอีกที"

   "ตอนนี้เป็นไง"

   "ใช้ตีนทุบกะลาจนแตกแล้วก็ออกมายืนอย่างสง่าผ่าเผย"

   นายท่านหัวเราะการเปรียบเทียบของผม "พี่หมูหันสวัสดีครับ...ผมอยากได้แฟนผมคืน พี่ช่วยออกไปจากร่างของแฟนผมได้แล้ว"

   "แม่ง กูเด็กน้อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ" ผมเกาศีรษะแก้เก้อ

   "นึกว่ากล้าหาญบอยคนนั้นหายไปเพราะไปเป็นเมียคนอื่นซะอีก"

   ดวงตาของผมหรี่มองนายท่านอย่างไม่ค่อยชอบใจ

   "เฮ้อ...รถติดจัง เมื่อไหร่จะถึงน้า" มันจงใจเปลี่ยนเรื่อง

   "ติดเหี้ยไร รถกำลังแล่นฉิวเลยเนี่ย"

   "ฮ่าๆๆ"

   อีกไม่นานคงจะถึงบ้านของนายท่านแล้ว ผมไม่ได้ถามข้อมูลจากปากของนายท่านเลยว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไง อยู่กันกี่คน น้องชายอยู่ครบมั้ย (ครับ...ผมเป็นห่วงกลัวนายกองมันจะไปโผล่ที่ชมพูทวีป) มีญาตินอกเหนือจากครอบครัวมาอยู่ด้วยในตอนนี้หรือเปล่า

   ผมแค่อยากรับมือกับบ้านของนายท่านแบบที่ผมไม่รู้อะไรมาก่อน เพราะถ้าผมอยากปรับตัวเข้าหาบ้านมัน ผมต้องพร้อมรับในทุกๆ สถานการณ์

   เป็นแฟนนายท่านไม่ได้ง่ายเหมือนเป็นแฟนลูกตาสีตาสาหรือลูกยายมียายมาเลย ให้ตายเถอะ...

   ใช้เวลาอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง...รถก็เริ่มที่จะเคลื่อนไปสู่ทางเข้าของบ้านอรุณกิตตินิวัฒน์ครับ ผมมองไปรอบๆ ทิศทางอย่างใจเต้นระรัว กลัวใจเหลือเกินว่าแม่นายท่านจะเปลี่ยนเป็นเกลียดผม แทนที่จะดีกับผมเหมือนอย่างในโทรศัพท์

   ผมไม่เคยไว้ใจคุณแม่นายหญิงคนนี้เลย...ผมพูดตรงๆ

   "เฮ้ย" นายท่านที่บังคับรถให้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในรั้วบ้านมองไปที่รถซึ่งตามหลังเรามา เป็นรถที่กำลังจะเข้ามาในรั้วบ้านของมันเหมือนกัน และคนขับก็กำลังคุยกับยามข้างหน้าอยู่ "คุณแม่มีปาร์ตี้ว่ะ"

   "หา!"

   ผมกำลังรู้สึกเหมือนเปิดกระดาษข้อสอบมาแล้วเจอโจทย์ปัญหาข้อแรกเป็นโจทย์แคลคูลัสที่คิดค้นโดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (?)...ผมยอมแพ้ โยนข้อสอบทิ้ง แล้ววิ่งหนีออกจากห้องสอบได้มั้ยเนี่ย

   ดูจากสีหน้านายท่านที่เริ่มเป็นห่วงผมแล้ว...ผมคงไปไหนไม่ได้

   บ้านของนายท่านนั้นใหญ่ตั้งแต่รั้วบ้านแล้วล่ะครับ ผมไม่อยากบรรยายให้เหนื่อยเพราะมันคือบ้านคน (โคตร) รวยทั่วๆ ไปที่มีลานหน้าบ้านกว้างเกือบเท่าสนามฟุตบอล รวมไปถึงโรงจอดรถที่จอดรถหรูเรียงกันเป็นสิบๆ คัน สิ่งแรกที่ผมเห็นทันทีที่รถนายท่านจอดสนิทก็คือเด็กในบ้านของนายท่านนี่แหละครับ มีประมาณสี่ห้าคนได้ ทุกคนเป็นผู้หญิงหมดและดูดีใจหนักหนาที่นายท่านกลับบ้านมา

   ผมลงจากรถ...ยืนนิ่งๆ มองดูนายท่านส่งเสียงทักทายพี่ๆ พวกนั้นอย่างนอบน้อม

   "คนนี้กล้าหาญครับ แฟนผม" นายท่านลากผมเข้าไป

   ทุกคนทักทายผมอย่างเป็นมิตรและมีมารยาท วางตัวผมไว้เหมือนผมเป็นแขกของที่บ้าน ไม่มีใครส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามผมเลยแม้แต่น้อย

   สายตาของผมไปสบตาเข้ากับสายตาคู่หนึ่งในบังเอิญ...นายพล อรุณกิตตินิวัฒน์กำลังยืนยิ้มมองดูผมอยู่

   ใจผมเต้นแรงขึ้นมา...นายพลทำให้ผมนึกถึงนายท่านเมื่อสมัยตอนอยู่มัธยม ถึงแม้สองคนนี้จะไม่คล้ายกันมากเท่านายท่านกับนายกอง แต่ก็ยังมีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่ดี

   "พี่กล้า หวัดดีครับ" นายพลยกมือไหว้ผมอย่างไม่ถือตัว เดินลงบันไดหน้าบ้านเพื่อเข้ามาทักทายผมกับนายท่าน เด็กในบ้านเริ่มกรูกันออกไปและก็ขนข้าวของของผมกับนายท่านออกไป

   "ปาร์ตี้ห่าไรวะ" นายท่านโวยวายกับน้องคนรองทันที "กูบอกคุณแม่แล้วนะว่ากูกับกล้าจะมา"

   "วันนี้วันครบรอบยี่สิบปีของค่ายเอสเอ็น..."

   "งานใหญ่นี่" ผมถลึงตา...

   "ปลื้มซะไม่มี" นายท่านเหลือบไปมองที่ด้านหลัง "คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ"

   "คุณพ่อคุยกับเพื่อนชมรมหมากรุก...ส่วนคุณแม่กำลังเตรียมจัดงานอยู่ในห้องโถงนู่น"

   บ้านแม่งมีห้องโถงด้วย...

   "เดินทางมาเหนื่อยมั้ยครับ" นายพลหันมาถามผม

   ผมรู้สึกเขินนายพลนิดหน่อยจึงสั่นหน้าเบาๆ "ก็...หมะ ไม่ค่อย"

   "ไปหาคุณแม่กัน" นายท่านเตรียมจะลากผม...

   "พี่ท่าน!"

   ตัวอะไรไม่รู้ขาวๆ วิ่งเข้ามาใส่อ้อมแขนแฟนผม...กระเป๋าเป้ที่คนคนนี้ทำตกลงบนพื้นมีเด็กมาเก็บให้อย่างทันท่วงที

   "ทำไมยังตัวเล็กอยู่เลย"

   ขอแนะนำให้ท่านพบกับ...นายน้อย อรุณกิตตินิวัฒน์

   "คุณแม่ไม่ยอมซื้อนมยี่ห้อโปรดให้...เซ็งมาก" นายน้อยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมด้วยดวงตาใสแจ๋ว "แฟนพี่ท่านเหรอครับ"

   ผมทำตาโตใส่นายท่านทันที บอกความจริงกับเด็กหรือโกหกเด็กต่อไปดี...เอายังไง

   "ใช่ครับ คนนี้ชื่อพี่กล้า เป็นแฟนพี่เอง"

   นายท่านคุยกับนายน้อยเหมือนคุยกับเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ตัดภาพมาที่ตอนมันคุยกับนายพลกับนายกองสิ...แม่งเหมือนคุยกับพวกอันธพาลครองเมือง

   ผมท่องเอาไว้ในใจ...หยาบกับนายพลและนายกองได้ แต่ห้ามหยาบกับนายน้อยเด็ดขาด

   "พี่สูงกว่าผมไม่เท่าไหร่เอง" นายน้อยกระตือรือร้นที่จะสำรวจผมมาก

   ผมหันไปยิ้มแห้งๆ ให้แฟน...ก่อนจะทำสายตาด่ามันเป็นเชิงบอกว่า 'มึงแอบสอนความกวนตีนให้น้องมึงเหรอ'

   "เข้าไปในบ้านกันดีกว่าเนอะ" นายพลโอบไหล่น้องชายคนเล็ก "พี่กล้าจะมาอยู่กับเราสองสามวันด้วย"

   "จริงง่ะ พี่กล้าอยู่แปลว่าพี่ท่านก็อยู่ด้วยใช่มั้ย"

   "แน่นอนอยู่แล้ว" นายท่านตอบ

   "ดีมากเลย อยู่กับพี่พลไม่สนุกเท่าอยู่กับพี่ท่าน"   

   "พี่น้อยใจนะแบบนี้" นายพลแสร้งทำหน้าน้อยใจ

   "พี่กองก็ไม่ค่อยคุยกับผม"

   "พี่กองเป็นพวกพูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจน่ะ" นายพลพยายามแก้ตัวให้น้องอีกคน

   ดูจากดาวอังคารก็รู้ว่าบรรดาพี่ชายนั้นสปอยล์น้องชายคนเล็กขนาดหนัก...โชคดีที่นายน้อยเป็นเด็กน่ารัก ไม่ใช่เด็กที่โดนตามใจจนเสียนิสัย จะว่าไปผมก็รู้สึกเหมือนน้องเป็นเทวดาน้อยๆ ของบ้านเลยครับ

   ดีไม่ดีอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ๆ อยู่บ้านหรือไม่ก็กลับบ้าน

   "เอาไปเลยหนึ่งพันบาทครับพี่...ไม่ต้องทอน"

   เสียงคุ้นหูผมทำเอาผมหันขวับไปมอง นายกองในชุดนักเรียนเพิ่งลงมาจากเบาะหลังรถของวินมอเตอร์ไซค์ มันทำหน้าดีใจทันทีที่เห็นผม

   นายท่านเดินเข้าไปขวางตอนที่มันกำลังจะวิ่งเข้ามาหาผม   

   "จ่ายค่าวินหนึ่งพันบาทเนี่ยนะ"

   นายกองกลอกตา "น้อยๆ หน่อย...นี่วินปากซอยหน้าบ้านเรา เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ลูกก็มีตั้งสามคน"

   เป็นไงล่ะ...ยกนี้นายกองชนะนายท่านครับ

   ผมหันไปมองรอบๆ ตัวผม...เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่น้องของนายท่านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ถ้าจะให้ผมพูดจริงๆ ล่ะก็...แม่งเหมือนแฝดสี่ที่มีขนาดตัวต่างกันและอยู่ในวัยต่างกันเป็นบ้า

   ความหล่อวิ้งที่แทงตากูไปหมด...

   "ผมเห็นที่คนอื่นด่าพี่แล้ว แม่งเหี้ยมาก" นายกองเริ่มฝอยกับผมทันที "ถ้าผมทำได้ ผมจะสั่งปิดเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์...และก็อินสตาแกรม"

   "กอง มึงพูดยังไงก็ได้ให้กูรู้สึกเหมือนมึงไม่ได้จีบแฟนกู" นายท่านกัดฟัน

   "กูไม่ได้จีบ" สายตาของนายกองที่มองมาเริ่มทำให้ผมขนลุก "แต่ถ้าพี่กล้าอนุญาต..."

   "กูจะบ้า...เข้าบ้านให้หมด" นายท่านไล่

   นายพลเอาแต่หัวเราะ ส่วนนายน้อยได้แต่ทำหน้างงๆ แต่แล้วเราทั้งห้าคนก็สะดุดเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่หน้าประตูเข้าไปในบ้าน

   คุณแม่นายหญิงนั่นเองครับผม...ตัวพีคที่สุดในเรื่องนี้แล้วมั้ง

   ผมยกมือไหว้ทันที...นายท่านเองก็เช่นกัน บางคนก็ไม่ได้ยกมือไหว้แม่ตัวเอง คนคนนั้นก็คือนายกองนั่นไง จะใครล่ะ

   "จะให้พี่กล้าเข้าบ้านเปล่า" นายกองเอ่ยถามแม่ตัวเองด้วยน้ำเสียงกวนประสาท "ถ้าไม่...พวกผมก็ไม่เข้าบ้าน"

   หา...อะไรนะ

   "อย่าไร้สาระหน่อยเลยกอง" แม่นายท่านโบกมือเรียกผมเข้ามา

   "ชัวร์นะ"

   นายพลเอามือขยี้ผมให้นายกองหยุดพูด...

   ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านอรุณกิตตินิวัฒน์อย่างเป็นทางการ








[ มีต่อนะคะ ]











ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12




   ภายในบ้าน เวลา 16.46 น.

   "ดอกไม้มาช้ามาก...นี่ถ้าช้ากว่านี้ฉันจะไม่อุดหนุนอีกแล้วนะ"

   "ให้ใครสักคนหาน้ำไปให้นักข่าวที่อยู่นอกรั้วด้วย กำชับทุกคนเลยนะว่าห้ามไลฟ์สดเด็ดขาด"

   "บอกเด็กโพสต์ลงเพจหรือยัง"

   "ทำไมผู้จัดการของแจสกี้ยังไม่โทรหาฉันอีก"

   "ตกลงติดต่อพลอย เฌอปรางได้มั้ย"

   "ต้องจัดห้องรับรองวีไอพีสำหรับพีดราก้อนด้วย"

   "ถ้าประธานค่ายจีวายมาให้มาตามฉันโดยตรงได้เลย ถึงแม้ว่าตอนนั้นฉันจะอยู่กับนายทุนต่างประเทศก็เถอะ"

   เหยด...เข้

   นี่คือบทสนทนาที่ผมได้ยินจากปากของคุณแม่นายหญิงตั้งแต่เข้ามาในบ้าน ท่านบอกให้ผมนั่งอยู่ในห้องรับแขกก่อนเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย การที่คุณแม่ท่านพูดแบบนั้นทำเอาลูกชายของท่านบางคนอยู่ไม่สุข

   คนแรกคือนายท่าน...มันต้องอยู่กับผมไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะมันเป็นแฟนผม

   คนที่สองก็คือนายกอง...ผมรู้ว่ามันอยู่เพราะมันต้องการเถียงแม่มันในระหว่างที่ผมเถียงสู้ไม่ได้

   คนที่สามคือนายพล...คนที่น่าจะอยู่เพราะอยากรู้เรื่องเฉยๆ

   ส่วนคนที่สี่ก็คือนายน้อย...คนนี้ไม่น่าจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรมากที่สุด แต่ก็อยู่เพราะพี่ๆ อยู่กันหมด

   กลายเป็นว่าผมต้องได้ยินเสียงคุณแม่นายหญิงเดินไปเดินมาสลับกับสบตาแฝดสี่ที่นั่งเรียงกันอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม...จะว่าไปก็เป็นภาพที่ตลกมาก ผมอยากจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้เป็นบ้า

   "ห้องวีไอพีสำหรับพีดราก้อน พรมลายเสือดาวสิยะ ลายเสือดาว!"

   เรื่องราวของดาราหลายคนที่ผมรู้จักออกมาจากปากของคุณแม่นายหญิง ผมรู้สึกแปลกปนตื่นเต้นตามประสาคนที่แอบติ่งอยู่บ้าง อย่างพีดราก้อนงี้ พี่พลอย เฌอปรางงี้ โอย...

   แฝดสี่ทำเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาได้ยังไงกันนะ

   "เอาล่ะ" ในที่สุดคุณแม่นายหญิงก็ได้ฤกษ์คุยกับผมสักที ท่านเพิ่งมีสติว่าลูกชายของท่านทั้งสี่คนก็อยู่ในห้องนี้ด้วย บอกเลยว่าท่านแลดูสวยมากและก็ดูมีบารมีมาก โดยเฉพาะเมื่อท่านมีผู้ช่วยสองคนที่คอยยืนจดโน้ตอยู่ข้างๆ ท่าน "แล้วนี่มานั่งกันทำไม"

   "ก็จะเสือก โอ๊ย!" นายท่านเตะหน้าแข้งนายกองทันที ดีนะที่นายน้อยเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ "จะมาเผือกครับ"

   "ลุกขึ้นไปแต่งตัวได้แล้ว" คุณแม่นายหญิงไล่นายกองเป็นคนแรก

   "งานเริ่มตั้งหนึ่งทุ่ม"

   "กองน่าจะรู้ได้แล้วนะว่าแม่พูดแบบนี้เพราะไม่อยากให้กองอยู่ฟังด้วย"

   "ปกติแล้วผมก็ไม่อยากฟังคำพูดคุณแม่เท่าไหร่...แต่สำหรับครั้งนี้...ผมจะอยู่ฟัง ขอโทษด้วยครับหากผมทำให้คุณแม่ไม่พอใจ"

   มึง...กล้าไฟต์กับแม่มึงได้ไง!

   ผมยอมใจนายกองมาก...ดูเหมือนพวกพี่น้องจะเคยชินกับนิสัยของนายกองดี ไม่มีใครมีสีหน้าผิดปกติไปจากเรื่องนี้เลยสักคน

   "งั้นแม่จะไม่เสียเวลา" คุณแม่นายหญิงหันมาหาผม "แม่จะขอพูดอะไรตรงๆ"

   "แป๊บ" นายท่านเอ่ยขัด ขยับตัวเดินมานั่งตรงพนักโซฟาของผม จากนั้นก็เอื้อมมือผมไปจับ "ว่ามาครับคุณแม่"

   นายกองกับนายพลส่งเสียงเชียร์ ส่วนนายน้อยก็ยังคงง่วนอยู่กับการเล่นโทรศัพท์ตามเดิม

   "วันนี้มีงานปาร์ตี้ที่ผ่าน แน่นอนว่าเราทั้งหมดต้องออกสื่อ ไม่มีการสัมภาษณ์นายกองอยู่แล้ว แม่รู้" คุณแม่พูดขัดก่อนที่นายกองมันจะโวยวาย "มันอาจจะเลี่ยงไม่ได้เรื่องตอบคำถาม ตรงนี้กล้าหนักใจที่จะตอบหรือเปล่า"

   เหยด...เป็ด

   "หมายถึง...ให้ผม...หมายถึง...ผมถูกนักข่าวจ่อไมค์ถามน่ะเหรอครับ" ผมอึ้งฉิบหายเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

   "ก็ขึ้นอยู่กับว่ากล้าพร้อมที่จะตอบมั้ย เพราะถ้ากล้าไม่พร้อม ท่านก็จะไม่ต้องตอบคำถามสื่อด้วย"

   มองเหลือบมองไปที่นายท่าน...สีหน้าของมันบ่งบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มันต้องพบเจอ

   "แต่มันก็คงดูปิดบังจนเกินไป ยังไงสื่อก็พร้อมรอถามแม่อยู่แล้วว่าแม่รู้สึกยังไงกับเรื่องลูกชายคนโตเปิดตัวแฟน เพราะฉะนั้น..."

   "ได้ครับแม่ ผมจะตอบ"

   สิ้นเสียงคำตอบของผม...ทุกคนดูอึ้งกันมากโดยเฉพาะคุณนายหญิง อรุณกิตตินิวัฒน์

   "ผมไม่อยากให้แม่ต้องไปแบกรับเรื่องนี้คนเดียว สาเหตุมันมาจากผม ผมต้องช่วยแม่แก้ปัญหา"

   นายท่านเปลี่ยนมือเป็นแตะไหล่ผม...ส่วนนายกองก็จ้องหน้าแม่เขม็ง

   "รู้มั้ยทำไมแม่ถึงเปลี่ยนใจ" คุณแม่กวาดสายตามองไปยังลูกชายทีละคน "เพราะแม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่กล้าที่ลำบากอยู่คนเดียว ท่านเองก็ด้วย"

   "อย่าห่วงแต่ผมสิ" นายท่านเอ่ยท้วง

   "ยังไงท่านก็จะไม่เลิกกับกล้าอยู่แล้ว...ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่คิดว่าแม่ควรที่จะเลือกครอบครัวแล้วหันออกไปสู้กับคนภายนอกดีกว่า"

   "ว้าว" นายพลเอ่ย

   "ฟังดูเหมือนบทละครอะไรสักอย่าง" นายกองพูดบ้าง

   "ผมขอไปเล่นเกมบนห้องผมนะครับ" นายน้อยวิ่งฉิวขึ้นไปบนบ้าน

   "แค่คุณแม่ยอมรับเรื่องที่ผมจะไม่เลิกกับกล้าก็พอ เรื่องอื่นผมไม่สน" นายท่านกล่าวส่งท้ายอย่างใจร้าย

   ผมไม่รู้จะแสดงสีหน้าอะไรออกไปดี...จึงได้แต่มองหน้าคุณแม่ด้วยตาละห้อย

   "แค่เช็กให้แน่ใจว่ากล้าจะไม่สติแตกก่อนเจอสื่อละกัน" พูดจบท่านก็ลุกขึ้นเดินหนีเพื่อไปเตรียมงานต่อในช่วงเวลาโค้งสุดท้าย   

   หัวใจผมเต้นตึกตัก...แม้จะรู้อยู่แล้วว่าผมคบกับแฟนที่มีสถานะหนึ่งในวงการแม้จะไม่ได้เป็นดาราโดยตรงก็ตาม แต่ว่า...ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าผมต้องตอบคำถามกับสื่อ

   ผมเป็นคนธรรมดา...เคยแต่เฝ้าดูพวกดาราตอบคำถามโดยมีไมค์นับสิบอันจ่อเข้ามาที่ปาก บางครั้งดาราบางคนก็ดูมีความสุขดี แต่บางครั้งดาราบางคนก็ร้องไห้

   ผมจะรับมือได้มั้ยวะ...

   หากเรื่องที่นายกองหนีออกจากบ้านแล้วไปหาผมคือบททดสอบของนายกอง ผมคิดว่าเรื่องที่ผมต้องตอบคำถามกับสื่อคือบททดสอบของคุณแม่นายหญิง

   มันจะลงเอยยังไง ลงท้ายยังไงกันนะ...










   ห้องนายท่าน เวลา 17.45 น.

   "นายพลมีสูทเยอะแยะเลย" นายท่านถือชุดสูทหรูชุดหนึ่งมาให้ผม "สีน้ำตาลอาจจะเหมาะกับมึง"

   ผมที่เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างขยับเสื้อนอกของสูทให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน...ตรงอกมีด้ายสีขาวปักเป็นตัวอักษรว่า 'KH'

   "มึงฉลาดเป็นบ้า" นายท่านเดินไปแขวนเสื้อไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า "แต่นายพลอาจจะฉลาดกว่านิดหน่อย แม่งสั่งตัดล่วงหน้ามาให้มึงได้ยังไง"

   "..."

   "แต่ก็เข้าใจได้ มันเป็นคนที่รู้เรื่องทุกอย่างของบ้าน รู้แม้กระทั่งว่าวันนี้คุณพ่ออาจจะไปตีกอล์ฟหรือไม่ก็ไปขี่ม้า เชื่อป่ะ กูไม่เคยรู้เลยว่าในวันวันนึงคุณพ่อทำอะไรบ้าง แต่นายพลมันรู้ว่ะ นี่ถ้า..."

   "ท่าน มานั่งนี่" ผมตบลงไปที่ที่ว่างข้างๆ เตียง "ใจเย็นๆ"

   แฟนผมมันเริ่มสติหลุดเหมือนกันกับผม ฉะนั้นผมจึงเรียกให้มันมาตั้งสติข้างๆ ผมก่อน

   "กูรู้จักเรื่องแบบนี้มาทั้งชีวิตนะ...กูถึงได้เป็นห่วงมึง" มันเอนศีรษะมาซบไหล่ผม

   "มีคำแนะนำมั้ย"

   ผมเห็นรอยยิ้มของนายท่านจากเงาสะท้อนจากจอทีวีอันใหญ่เบ้อเริ่มของมัน

   "ทำอย่างที่นายกองพูดกับพี่น้องเสมอ"

   "ยังไงวะ"

   "พูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด...อย่าตอแหล"

   ผมอดที่จะอึ้งไม่ได้ "อย่างนั้นเหรอวะ"

   "คนที่เราไม่ควรโกหกมากที่สุดก็คือตัวเอง เวลาที่พูดปดกับคนอื่นก็คือเวลาที่เราโกหกตัวเองนั่นแหละ ฟังดูแย่มั้ยล่ะ โกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าความจริงเป็นไง"

   "นายกองพูดจริงๆ เหรอวะ" แม่ง...ผมคิดว่าเด็กคนนี้ควรไปเขียนหนังสือสักเล่ม

   "จริง"

   "..."

   "แต่ก็เรียนรู้มาจากกู"

   ผมจับศีรษะของนายท่านให้ขยับออกห่างเพื่อที่จะได้เห็นหน้ามันชัดๆ

   "กูเป็นเหมือนคุณพ่อของน้องๆ ไปแล้ว" มันยักไหล่ "มึงก็น่าจะเห็น...ตั้งแต่เราเข้ามาในบ้าน คุณพ่อกูไม่เห็นจะทำห่าอะไรเลยนอกจากเล่นหมากรุก ส่วนคุณแม่กูก็วิ่งวุ่นเชียว"

   ผมไม่มีความเห็นใดๆ เพราะนี่เป็นเรื่องของครอบครัวนายท่าน

   "ตลกดีนะว่ามั้ย" นายท่านถอนหายใจ "คุณแม่กูแต่งงานกับคุณพ่อกูเพราะคุณพ่อเป็นบ่อเงินบ่อทองขนาดใหญ่ แต่ก็อยู่กันได้ยืดแบบนี้"

   "มึงดีนะนายท่าน...กูเชื่อว่ามึงเป็นพี่ที่ดี"

   "กูจะเป็นคุณพ่อที่ดีด้วยมั้ย" มันหันมาถามผมพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...ผมถึงได้รู้สึกใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา
 
   "มึงคิดจะมีลูกเหรอ" มึงแทบจะหุบยิ้มเอาไว้ไม่ได้

   "ก็ต้องถามคู่ชีวิตของกูก่อน"

   "ใครวะ"

   นายท่านหลุบสายตาลงต่ำ "คนที่นั่งเกาไข่อยู่เนี่ย"

   "เชี่ย" ผมไม่ได้เกาไข่...ผมแค่เอามือมาวางไว้ใกล้ๆ หว่างขาเฉยๆ ให้ตายสิ

   "นี่กูซีเรียสนะ เราสองคนมีลูกไม่ได้จนกว่านายน้อยจะเรียนจบ"

   ผมถึงกับหัวเราะออกมาเลยทีเดียว "แล้วแต่มึงเลย"

   "กูต้องดูให้แน่ใจว่าน้องชายกูทุกคนพึ่งตัวเองได้" นายท่านทำหน้าเคร่งเครียด "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..."

   "นายกอง" ผมเติมประโยคให้มัน "กูเชื่อว่าน้องมันดูแลตัวเองได้ เพียงแค่ทำตัวน่าเป็นห่วงไปเฉยๆ"

   "กูดีใจนะที่มึงเข้ากับน้องๆ ของกูได้ นายน้อยนี่ปลื้มมึงใหญ่ บอกว่ามึงเรียบร้อยน่ารักดี"

   โถ...นายน้อยเอ๋ย...พี่แค่ไม่ได้อยู่กับแก๊งชายโฉดโหดเยี่ยงหมาต่อหน้าน้องเฉยๆ

   "เห็นเล่นแต่โทรศัพท์"

   "รายนั้นเป็นเด็กฉลาด...รู้ว่าพี่ไม่อยากให้รับรู้ก็จะไม่สนใจเลย"

   "พูดจริงดิ" แม่ง...เด็กอัจฉริยะ

   "น้อยมันรู้ดีว่าพี่ๆ ของมันเลือกแต่สิ่งดีๆ ให้" นายท่านทิ้งตัวนอนลงไปกับเตียง ผมก็เลยทำตามบ้าง เราสองคนนอนข้างกันแล้วมองดูเพดาน "รายนี้น่าเป็นห่วงอยู่อย่าง...เพราะชีวิตไม่เคยต้องลำบากอะไรเลย อยู่บ้านก็สบาย อยู่โรงเรียนก็สบาย...คุณแม่ส่งไปเรียนโรงเรียนที่สอนแบบอเมริกันสไตล์น่ะ ทุกอย่างดูสวยหรูไปหมด"

   "เอาน่า...โตขึ้นเดี๋ยวน้องก็เรียนรู้ชีวิตได้เอง"   

   อีกฝ่ายเริ่มทำสีหน้าไม่แน่ใจ "นี่กูทำตัวเป็นคุณพ่อมากเลยใช่มั้ย"

   "นิดหน่อย" ผมเหลือบมองใบหน้าของมันด้วยสายตาภูมิใจ "มึงต้องเป็นที่พึ่งเป็นคุณพ่อให้น้อง เป็นทายาทของค่ายเอสเอ็นของที่บ้าน และมึงยังต้องมาแฟนกูอีก"

   "อย่างหลังนี่ลำบากที่สุดเลย" มันหันมาส่งยิ้มหล่อให้

   "สาด...ด่ากูว่าเหี้ยเลยดีกว่า"

   "มึงคือกำลังใจไงกล้า...อย่างอื่นคือหน้าที่ คือสิ่งที่ติดตัวกูมาตั้งแต่เกิดโดยที่กูไม่ได้เลือกและกูทิ้งไปไม่ได้ แต่มึงคือสิ่งที่กูเลือก"

   "..."

   "มึงต้องอยู่กับกูนานๆ นะรู้มั้ย"

   นายท่านก็เป็นซะอย่างงี้...

   เห็นทีว่าความน่ากลัวของการสัมภาษณ์ออกสื่อครั้งนี้...มันจะลดน้อยลงไปแล้ว








   ผมล้อเล่น

   เวลา 19.05 น. ห้องโถงในบ้านอรุณกิตตินิวัฒน์

   สติของผมเริ่มไม่เหลือตอนที่ผมเห็นคนในวงการบันเทิงเดินว่อนเต็มงานไปหมด...ออร่าของความเป็นดาราแทงตาผมจนผมรู้สึกเหมือนมันเป็นอาวุธอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมอ่อนแอลง ผิดกับนายท่าน...มันทักทายคนนั้นคนนี้ไปทั่วอย่างมีมารยาทตามแบบฉบับของมัน ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าตื่นๆ อยู่ข้างๆ นายท่านไม่มีโอกาสแนะนำผมให้ใครๆ รู้จักทั้งนั้นเพราะมีแต่คนเข้ามาหามันราวกับห่ากระสุน

   ไม่มีช่องว่างให้มันได้พูดเรื่องอื่น นอกจากคำว่า 'สวัสดีครับ...คุณเป็นยังไงบ้าง'

   ผมเริ่มมองเห็นการสัมภาษณ์ของสื่อที่บริเวณหน้าบ้าน ตรงจุดที่มีป้ายโลโก้งานฉลองครบรอบยี่สิบปีของค่ายเอสเอ็น (ประจักษ์ในความเก่งของคุณแม่นายหญิงก็คราวนี้...เวลามีแค่นิดเดียวแต่ก็สามารถจัดแจงให้ทุกอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีได้) ดาราหลายคนกำลังสัมภาษณ์กับสื่ออย่างไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน ทุกคนดูสบายใจและชิลเป็นอย่างมาก

   ผิดกับผมที่ตอนนี้นั้นฉี่ใกล้จะราด

   แม้ว่าจะยังไม่โดนถามหรือโดนใครลากไปยืนให้สื่อยื่นไมค์มาใส่...แต่ผมก็มือสั่นเป็นที่เรียบร้อย คนมันไม่เคยก็คือไม่เคย ไม่ว่าจะยังไงที่แบบนี้มันก็ไม่ใช่ที่สำหรับผม...

   มันเป็นที่ของนายท่าน

   ผมอยู่เพราะผมต้องการอยู่กับมัน...ผมไม่ได้อยู่เพราะเหตุผลอื่นเลย

   "พี่กล้า" นุกแห่งค่ายพีวายเจมาในชุดสูทยี่ห้อเหี้ยอะไรไม่รู้แต่ดูดีมาก ผมดีใจที่ในที่สุดผมก็ได้เห็นคนรู้จักนอกจากพี่น้องตระกูลอรุณกิตตินิวัฒน์สักที "เอาไปไว้ที่ห้องข้างๆ บันไดได้เลยครับ" นุกบอกให้คนที่เดินตามมาขนสูทสองตัวเข้าไปในบ้าน

   "ของใครน่ะ"

   "เทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์กับทิมค่ายจีวาย"

   "เฮ้ยยยย" ผมดีใจมาก "สองคนนั้นจะมาเหรอ"

   "ใกล้จะถึงแล้วล่ะครับ"

   "ขอบใจมากนะนุก"

   "เอ่อ..." นุกคงงงว่าผมขอบใจมันทำไม "อะไรที่ไอ้ท่านมันสบายใจ...ผมทำหมด พี่ไม่ต้องห่วง"

   "เป็นเพื่อนที่ดีมาก"

   "เปล่าหรอกครับ ขี้เกียจเห็นมันหงุดหงิด"

   ทำไมรู้สึกเหมือนสิ่งที่เพื่อนรู้สึกกับผมเลยครับ...

   "ทิมมันโทรมาบอกให้หาชุดให้น่ะ ดูเหมือนจะตัดสินใจมางานนี้กันกะทันหัน"

   "สองคนนั้นคืบหน้ากันแล้วเหรอ"

   นุกส่ายหน้า "ผมคิดว่ายัง"

   "แต่อย่างน้อยก็มาด้วยกัน"

   "นั่นแหละครับ"

   "..."

   "ไอ้ท่านบอกให้ผมมาทำให้พี่สบายใจ ผมควรทำยังไง" มันมองซ้ายมองขวา "พี่อยากดื่มอะไรหน่อยมั้ย"

   "ไม่เป็นไร"   

   ผมแค่ยืนอยู่เฉยๆ กับนุกผมก็สบายใจแล้ว...นายท่านเดินตามเข้ามาสมทบกับผมแล้วหันไปคุยอะไรกันไม่รู้กับนุก ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่จู่ๆ ไมค์ของนักข่าวก็หันมาหานายท่าน ผู้ช่วยของคุณแม่เดินเข้ามาดันตัวผมให้ไปยืนอยู่ข้างๆ

   ทุกคนพร้อมเอากล้องมาส่องหน้าและเอาไมค์มาจ่อปากผมกับนายท่าน

   รู้สึกได้ว่าแขกในงานหันมาสนใจเรากันหมด แม้กระทั่งแม่งานอย่างคุณแม่นายหญิง

   นุกค่อยๆ เฟดตัวออกไป...ตอนนั้นเป็นตอนที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมกำลังขาสั่น

   "แป๊บนะครับ กล้องยังไม่พร้อม"
   
   "น้องนายท่านขยับไปทางซ้ายนิดนึงนะครับ"

   "หาอะไรมาตั้งให้น้องกล้าเหยียบหน่อยดีมั้ย...ทำไมดูจมๆ"

   ...ขอบคุณครับพี่

   "แป๊บนึงนะครับน้องๆ"

   "สัมภาษณ์ได้แค่ห้านาทีนะครับ" นายท่านประกาศกับสื่อ...แม่งโคตรกร๊าว    

   ผมไม่อยากได้ยินประโยคถัดมาที่กำลังจะมีคนเอ่ยเลยจริงๆ...ผมรู้สึกไม่พร้อม

   "พร้อมแล้วครับ"

   ชะตามักจะเล่นตลกกับคนอย่างเราๆ เสมอ

   มันเริ่มขึ้นแล้ว...

   ผมเงยหน้าขึ้น มองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างตาลายเป็นที่สุด มันมีทั้งไมค์ นักข่าว กล้อง แสงไฟ และก็ผู้คนที่เข้ามายืนรุมดู
 
   ทำใจเอาไว้เลยว่าต่อไปนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมตอบนั้นสามารถถูกคนเอาไปพูดถึงได้ร้อยแปดพันเก้า ไม่ว่าคนคนนั้นเขาจะรู้ความจริงหรือไม่ก็ตาม

   "วันนี้ถือโอกาสเปิดตัวแฟนที่กำลังเป็นข่าวอยู่เลยหรือเปล่าคะน้องนายท่าน" ไมค์หลายตัวจะขยับไปหานักข่าวที่เป็นคนเอ่ยถาม จากนั้นก็ขยับมาหาคนถูกถามซึ่งก็คือนายท่าน

   นิ้วของมันเฉียดมาแตะนิ้วของผม จากนั้นมันก็ดึงนิ้วของผมไปเกี่ยวเอาไว้

   "ครับ...นี่แฟนผม กล้าหาญ เราเป็นแฟนกัน"

   เสียงฮือฮาดังขึ้นราวกับเรื่องนี้เพิ่งได้รับการยืนยัน หัวใจผมเต้นแรงไปหมดจนผมเริ่มรู้สึกยืนไม่ค่อยไหวเท่าไหร่

   "เจอกันเมื่อไหร่คะ"

   "น้องนายท่านจะบอกว่าตัวเองเป็นพวกรักเพศเดียวกัน?"

   "คุณนายหญิงมีความเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้คะ"

   ผมรู้สึกนับถือนายท่านที่ต้องมายืนตอบคำถามในบรรยากาศที่แสนจะกดดันนี้จริงๆ

   "เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมครับ ผมชอบเขามาตั้งแต่ตอนนั้น"

   "คุณแม่ว่ายังไงบ้างครับ"

   "ว่าครับ...แต่ตอนนี้ท่านก็เริ่มปรับตัวเข้าหาพวกผมได้แล้ว"

   นี่มันน่าปวดหัวเกินกว่าที่ผมจะรับมือไหว...

   "รู้สึกยังไงบ้างคะที่เมื่อก่อนคุณแม่บอกว่าน้องนายท่านโสด ทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็มีข่าวหลุดเรื่องน้องนายท่านกับน้องกล้าออกมาแล้ว"

   โอ้โห...นี่เรียกว่าคำถามเหรอ!

   "สงสัยคุณแม่อาจจะอยากทราบเรื่องจากปากของผมก่อนแล้วค่อยยืนยันกับพวกพี่ๆ น่ะครับ"

   นายท่านกำลังปกป้องแม่...

   "แปลว่าน้องนายท่านไม่เคยบอกคุณแม่เลยว่ามีแฟนแล้วซึ่งก็คือน้องกล้าหาญ...อย่างนั้นใช่มั้ยคะ"

   "ผมบอกตลอดครับ"

   แม่ง...มึงย้อนแย้งแล้ว

   โอ๊ยยย ผมไม่คิดว่าการตอบคำถามต่อหน้าสื่อมันจะยากขนาดนี้

   "คำถามต่อไปเลยค่ะ!" ผู้ช่วยของคุณนายหญิงตะโกนมาจากข้างๆ ของผม

   "คิดยังไงกับกระแสแอนตี้ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้หลังจากที่เปิดตัวแฟนออกไป"

   "เฉยๆ ครับ คนเราพูดในสิ่งที่อยากพูด วิจารณ์ในสิ่งที่อยากวิจารณ์อยู่แล้ว ผมชิลๆ"

   "น้องนายท่านไม่ได้คิดว่าตัวเองทำให้คนอื่นผิดหวัง?"

   "เขายังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผมต่างหาก"

   "แล้วน้องกล้าหาญล่ะคะ รู้สึกยังไงบ้างคะกับเรื่องแอนตี้"

   ไมค์หลายสิบอันนั้นขยับมาอยู่หน้าผมแทน...ผมทำตาค้างอย่างตกตะลึงงัน คำถามแรกที่จะถามผมแล้วให้ผมตอบกับสื่อก็คือเรื่องนี้เลยเหรอ เอาจริงดิ...นักข่าวพวกนี้อยากให้ผมมีที่ยืนอยู่ในสังคมบ้างมั้ย

   นายท่านมองผมอย่างเป็นห่วงจนปิดไม่มิด ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตอบ "ก็อย่างที่นายท่านพูดแหละครับ ผมควบคุมคำพูดคำวิพากษ์วิจารณ์ของใครไม่ได้"

   "แปลว่าน้องกล้าไม่แคร์คำพูดของคนอื่นๆ เลย?"

   แม่ง...บีบสัด "ครับ จะพูดอย่างนั้นก็ได้" แบบนี้คนต้องเกลียดผมเพิ่มขึ้นสี่ล้านคนแน่ๆ

   "รู้สึกยังไงบ้างคะที่ได้เป็นแฟนน้องนายท่าน"

   "ดีครับ มีความสุข" ขอโทษนะท่าน...กูจะตอบมากกว่านี้ตอนที่เราอยู่กันสองคน

   "รู้มาก่อนมั้ยคะว่าน้องนายท่านเป็นใครก่อนที่จะคบ"

   สมัยนั้นใครๆ ก็ต้องรู้จักมันอยู่แล้วป่ะวะ...นอกจากจะเป็นเด็กที่เพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่มา มันยังเป็นลูกของคนดังในวงการบันเทิงอีกต่างหาก

   "ครับ...ผมรู้จักมันมาก่อน"

   "เป็นความจริงมั้ยคะที่มีคนอื่นกล่าวว่าน้องกล้าหาญเกาะน้องนายท่านเพื่อหวังที่จะดัง"

   น้ำตาของผมปริ่มขอบตาทันที...ไม่ใช่เพราะผมตอบสิ่งที่เขาถามไม่ได้ แต่ผมกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกขยี้ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคุ้นเคย ผมไม่เคยรับมือกับมัน ไม่เคยต้องมาเผชิญหน้ากับมัน

   คนเหล่านี้ไม่มีใครเมตตาผมเลย...

   "มีคนแชร์คลิปน้องกล้าตอนเคยแคสต์ละครเมื่อสี่ปีก่อนด้วย น้องกล้าเคยแคสต์ละครจริงหรือเปล่าคะ"   

   ผมแค่ไปเป็นเพื่อนคนอื่น...ไม่ได้เข้าไปในห้องแคสต์เลยด้วยซ้ำ คลิปนี้คงเป็นสิ่งที่คนอื่นคิดว่าผมเกาะนายท่านเพื่อหวังที่จะเป็นดาราในอนาคตสินะ

   ปากของผมกำลังจะขยับเพื่อตอบ...แต่นักข่าวอีกหลายคนก็เริ่มยิงคำถามมาเพิ่มราวกับว่ากลัวเวลาจะหมด

   ครับ...ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากตอบ...แต่ผมไม่มีโอกาสตอบ

   "ชอบน้องนายท่านเพราะอะไรคะ"

   "คิดว่าจะคบกันยืดหรือเปล่า"

   "ก่อนหน้านี้เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนมั้ยคะ"

   "มีคนให้ความเห็นว่าอาจจะคบกันเพื่อชิงพื้นที่สื่อของค่ายเอสเอ็น...น้องกล้าช่วยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยได้มั้ยคะ"

   "พวกพี่ถามแฟนผมยากไปครับ" ไมค์หลายสิบอันนั้นหันไปจ่อใต้ปากของนายท่าน... "นี่ไม่ใช่การชิงพื้นที่สื่อ เราคบกันก็คือเราคบกัน มันจะต้องมีเรื่องอะไรมากกว่านั้นอีกเหรอครับ"

   "ไม่ใช่การโปรโมตอะไรบางอย่างของค่ายแน่ใช่มั้ยคะ"

   "ครับ งานคุณแม่ก็ส่วนงานคุณแม่ ชีวิตผมก็ส่วนชีวิตผม"

   "น้องนายท่านรู้หรือเปล่าคะว่ามีแฟนคลับบางคนทำร้ายตัวเองเพราะน้องนายท่านเปิดตัวว่าเป็นเกย์"

   สิ้นเสียงคำพูดเสียงแหลมของนักข่าวผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นไปทั่วทันทีเพราะไม่มีสื่อคนไหนใช้คำว่าเกย์มาก่อน
 
   นายท่านกำหมัดแน่น...มันกำลังรวบรวมสติหนักมาก...

   "ทุกคนต้องเข้าใจนะครับว่าโลกของเรามีมนุษย์อยู่หลายล้านคน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากใช้ ผมชอบกล้า ผมเลือกที่จะคบกับกล้า...ใช่ อาจจะมีคนนิยามมันคือเกย์ แต่แล้วยังไง...ผมเป็นเกย์แล้วผมไม่ใช่คนเหรอ แฟนคลับครับคุณต้องตั้งสตินะ คุณชอบผมเพราะสิ่งที่คุณเห็นในทีวี ในหน้าจอโทรศัพท์ ในไอแพด หรืออาจจะในแท็บเล็ตอะไรบางอย่าง แต่ผมขอบอกไว้ ณ ตรงนี้ว่าสิ่งที่คุณเห็นที่ผ่านมานั้นมันไม่ใช่เศษเสี้ยวตัวจริงของผมเลย..."

   "น้องท่านคะ พอได้แล้วค่ะ" ผู้ช่วยของคุณแม่เริ่มลากนายท่านออกไป ผมเองก็โดนลากเช่นกัน นายท่านพูดต่อไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวอย่างชัดเจน

   "อย่ายึดติดกับสิ่งที่คุณเห็นเพียงแค่เสี้ยวของมันสิครับ ผมก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจคนหนึ่งนะ!"

   ผมไม่รู้ว่าไมค์พวกนั้นจะได้ยินเสียงของนายท่านหรือเปล่า แต่ผมได้ยินเต็มๆหู...

   ความปวดร้าวของผมเริ่มก่อตัว...เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ที่ผมคบกับนายท่าน

   ที่แบบนี้...มันไม่ใช่ที่ของผมเลยจริงๆ






[ มีต่อนะคะ ]








ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12

   ห้องข้างบันได เวลา 20.50 น.

   'นรกขุมที่หนึ่งเป็นไงบ้างครับพี่กล้า'

   'นี่น่ะเหรอ'

   '...'

   'นี่คือสิ่งที่เรากับพี่เราต้องเจอจริงๆ น่ะเหรอนายกอง'

   '...ครับ'

   'อยู่กันมาได้ยังไง'

   '...'

   'อยู่กันมานานจนถึงป่านนี้ได้ยังไง'

   'เรียกว่าจำใจที่จะอยู่ดีกว่า'

   นั่นคือบทสนทนาเมื่อสิบนาทีก่อนตอนที่ผมเดินสวนกับนายกอง...ผู้ที่ใช้ชีวิตสวนทางกับอุดมการณ์ของแม่อย่างสุดขั้ว มันอยู่ในชุดนอน ในมือถือถ้วยป๊อบคอร์น ท่าทางคงจะดูหนังอย่างสบายใจเฉิบถึงแม้ว่าชั้นล่างของบ้านจะเต็มไปด้วยดาราหลายร้อยชีวิตก็ตาม

   สีหน้าสบายใจของมันเป็นอันต้องสะดุดเมื่อเห็นสภาพของผมเข้า

   ผมต้องมานั่งปลดปล่อยอารมณ์เจ็บปวดอยู่ในห้องใต้บันได ลูบแหวนที่นิ้วกลางเล่นๆ มองดูนายท่านที่นั่งเงียบและมีสภาพไม่แตกต่างกัน นุกนั่งอยู่ระหว่างพวกเราซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกัน มองดูผมกับนายท่านสลับไปมาพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเป็นห่วง

   "กล้า..." นายท่านเอ่ยหลังจากที่เรานั่งเงียบกันมานานมาก "กูขอโทษ...กูไม่ควรพามึงมาเจอเรื่องแบบนี้"

   จะให้ผมบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไร...ผมคงโกหก

   "ดราม่ามันกำลังร้อนอยู่...ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอคำถามจี้" นุกพยายามพูด "แต่พี่กับท่านทำดีที่สุดแล้ว"

   "เป็นไง" ผมหันไปถามนุก

   "ครับ?"

   "กระแสสังคม"   

   ผมรู้ว่านุกเช็กแล้วผมจึงได้ถาม...นุกทำสีหน้าเจ็บปวดที่จะตอบ

   "พี่อย่ารู้เลย"

   "กูพยายามแล้วนะเว้ย...กูรู้ว่าความจริงเป็นยังไง ในใจกูอยากพูดออกไปมาก...แต่พอไปอยู่ตรงนั้น"

   "..."

   "มันแย่มาก...กูยังไม่ทันได้ตอบก็ยิงคำถามทำร้ายจิตใจกูมาอีกแล้ว"

   "..."   

   "ทำไมร้ายแบบนี้วะ"

   ผมรู้สึกอยากหลอมละลายหายไปจากตรงนั้น คนที่เจ็บปวดมากกว่านุกเห็นทีจะเป็นนายท่าน...

   "กูขอโทษ"

   "..."

   "กูขอโทษ"

   มันเอาแต่เอ่ยปากขอโทษผม...ผมไม่มีแรงแม้แต่ที่จะสบตามัน

   "กูมาแล้ว เฮ้ย" เซียนที่เพิ่งมาถึงโผล่เข้ามาในห้อง...มันตกใจทันทีที่เห็นสภาพผม ไม่ต่างอะไรจากทิมที่ตกใจเมื่อเห็นสภาพนายท่าน

   มันสองคนรีบวิ่งเข้ามานั่งข้างๆ เพื่อนตัวเอง

   "ไหวมั้ย" เซียนถามผม

   "มึงโอเคหรือเปล่า" ทิมถามนายท่าน

   ...แล้วทั้งสองคนก็หันมามองหน้ากัน

   "นุก กูต้องฝากเชี่ยท่านไว้กับมึงว่ะ" ทิมลุกขึ้นไปหาชุดที่นุกเตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้ "กูมีเรื่องที่ต้องไปสะสาง"

   "อะไรวะ" นุกถาม

   "เดต" เซียนกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า "กับคุณหนูพราวฝัน"

   นายท่านเงยหน้าขึ้นมามองหน้าทิม "ฝันมางานนี้นะ นี่มึงเอาจริงใช่มั้ย"

   "กูไม่ให้เอา!" เซียนร้องขัด

   "ไม่ใช่อย่างนั้นครับพี่"

   "กูแค่ต้องการให้เขาเลิกส่งข้อความมากวนพี่กล้าสักที"

   การที่ทิมเมนชั่นถึงชื่อผม...มันทำให้ผมรู้สึกซึ้งใจขึ้นมา

   "ขอโทษที่ทำอะไรโดยที่ไม่บอกนะครับพี่กล้า...แต่ผมคุยเรื่องนี้กับท่านแล้ว ผมอยากจัดการเรื่องนี้ให้จริงๆ" ทิมทำสีหน้าเกรงอกเกรงใจ

   "กูเองก็ช่วยมันคิดอีกแรง" เซียนตบไหล่ผม "มึงกับท่านเจอแต่เรื่องหนักๆ ก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวกูจัดการเอง"

   "เขาก็ไม่ได้ส่งข้อความมานานแล้ว..." ผมพูดเสียงเบา

   "ต้องทำให้ไม่กล้าส่งมาอีก"

   ทิมมุ่งมั่นกับเรื่องนี้จริงๆ มันหยิบชุดไปเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ผมหันไปมองนายท่านที่ยักไหล่ตอบผมกลับมา สงสัยผมคงต้องปล่อยให้ทิมมันจัดการเรื่องนี้ให้จริงๆ

   ถ้าไม่มีเพื่อน...ผมกับนายท่านคงเละเทะมากไปกว่านี้

   "แล้วมึงไม่ไปช่วยทิมเหรอ" ผมถามเซียน "ชุดมึงก็แขวนอยู่นี่"

   "มึงดูแย่ขนาดนี้กูจะไปได้ยังไง" เซียนชกหัวผมเบาๆ

   "แฟนกูก็อยู่" ผมแค่อยากให้มันไปอยู่ใกล้ๆ กับน้องทิมของมัน

   "แฟนมึงอยู่ในสภาพแย่เหมือนกันกับมึง จะให้กูทำยังไง"

   นายท่านทำสีหน้าขอบอกขอบใจไอ้เหี้ยเซียน...

   "ผมขอยกเพื่อนผมให้"

   "มึงพูดแล้วนะท่าน" เซียนนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมา "พูดอีกรอบดิ๊ กูจะกดอัดเสียง ป้องกันมึงเปลี่ยนใจ"

   ประโยคที่นายท่านพูดต่อมา...มันพูดทั้งๆ ที่ดวงตาของมันมองจ้องมาที่ผม...ผมเพียงคนเดียว

   "ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจ"

   เป็นความทุกข์ใจ...ที่จู่ๆ ก็มีความเขินอายมาเจือปน







   Tim_Gy : กูอยู่กับฝันแล้วนะ
   Tim_Gy : มึงโอเคมั้ย
   Naaytan_Lkh : กูไม่รู้จะขอบคุณมึงยังไง
   Tim_Gy : คนเรามันก็มีเพื่อนไว้เพื่ออะไรแบบนี้แหละ
   Nooknick_Pyj : มึงสองคนนี่ลืมหรือยังว่ากูก็เพื่อนคนหนึ่ง
   Tim_Gy : เชี่ยนุก มึงคือเดอะเบสต์!
   Naaytan_Lkh : ขาดมึงไปจะเป็นแก๊งคุณชายค่ายละครได้ยังไง มันต้องมีสามค่ายดิ
   Nooknick_Pyj : ก็จริง
   Nooknick_Pyj : ท่านมึงโอเคแน่นะที่พี่กล้าขอนอนแยกห้อง
   Naaytan_Lkh : ก็เพื่อนเขามา เขาคงอยากคุยกับเพื่อนอ่ะ
   Tim_Gy : นี่มึงสองคนคุยกันต่อหน้าพี่กล้าไม่ได้?
   Naaytan_Lkh : ใช่
   Nooknick_Pyj : ก็เออไง
   










TBC*

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
สงสารทั้งสองคนเลย สู้นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดูปาวฟัน ว่าจะทำอะไร  :katai1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คำถามสื่อนี่ก็นะ  ขยี้ ๆ แถมไม่เว้นจังหวะให้ตอบ

นิสัยไม่ดี  สันด-นเฬว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
สื่อมันก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องเข้มแข็งอดทน และสู้ๆ นะ นายท่าน กล้าหาญบอย 

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พี่กล้าาาาาา :mew2:

ออฟไลน์ skysky

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
ทำไมตอนนี้มีทั้งความละมุนของนายท่าน อ่านแล้วเขิน
แล้วอ่านไปเรื่อยๆ หน่วงใจมากกกกก ฮืออออ
เป็นกำลังใจให้ทั้งนายท่านและกล้าหาญนะ
มีกำลังใจอยู่ทางนี้นะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
กล้าต้องสู้นะ ต้องข้ามผ่านไปด้วยกันให้ได้ ฮือออ เจ็บแทนเลยอะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตบสื่อได้มั้ย

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ทำได้แค่เป็นทีมส่งกำลังใจอยู่หน้าจอค่ะ
ฮืออออ สงสารทั้งคู่เลยอะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลยนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เด็กๆสู้ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ท่าน กล้า   สู้ๆๆๆๆๆๆๆ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
สื่อก็อย่างนี้แหละ เจาะลึก เข้าประเด็นฉับๆๆๆๆๆๆ
ปากกล้า ปากหมา ทำร้ายจิตใจคนถูกสัมภาษณ์
แค่เพราะตัวเองเป็นสื่อ ลองตัวเองถูกกระทำแบบนี้ล่ะ ชอบมั้ยๆๆๆๆๆๆ   :fire: :fire: :fire:

เพื่อนนายท่านน่ารักจริงๆ นุก ทิม
ทำทุกอย่างให้นายท่านเพราะไม่อยากให้ท่านหงุดหงิด  :mew1: :mew1: :mew1:
น้องๆนายท่านก็ดี เป็นตัวของตัวเองดี แต่ตัวพ่อ แปลกๆนะ
หวั่นๆว่าทิม จะจัดการฝันร้ายสำเร็จมั้ยนะ  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
นี่อยู่ในดงนักข่าวหรือมือปืน  คำถามทะลุทะลวงซ่ะเลือดท่วม

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กล้านี่แค่ครั้งแรก ยังต้องเจออีกเยอะ สู้ๆทั้งสองคน :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด