ตอนที่ 7
By moggy
-----------------------
วันนี้ลูกข้าวตื่นสายกว่าปกติมาก ภูธิปจึงลองเอามือจับที่หน้าผาก อุณหภูมิก็ปกติดี สงสัยจะแค่เพลียเท่านั้น เขาจึงโทรสั่งอาหารขึ้นมาที่ห้อง กว่าคนตัวเล็กจะตื่นก็คงอีกนาน ภูธิปจึงไปอาบน้ำ แต่งตัว เดี๋ยวกะจะลงไปดูงานเสียหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว
“ข้าว ตื่นครับ” ภูธิปปลุกคนที่อยู่บนเตียง เพราะรูมเซอร์วิสมาส่งอาหารแล้ว
“อือ...พี่ภู” เสียงเล็กงัวเงีย
“ลุกเร็ว กินข้าว เดี๋ยวจะพาไปเกาะ”
“อื้อ...จะ...เจ็บ” จังหวะที่ลูกข้าวเอี้ยวตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องลงไปนอนแมบอยู่ที่เดิม
“เจ็บหรอ ไหนพี่ดูสิ” ภูธิปเอี้ยวตัวจะตรวจดู แต่ลูกข้าวก็ไม่ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด
“บ้า พี่ภู” ลูกข้าวดันตัวเองนั่งพิงกับหัวเตียงพร้อมแก้มแดงๆ
“เจ็บมากไหม” พี่ภูเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดูกังวล
“นิดหน่อยครับ แต่เมื่อยตัวมากกว่า” ลูกข้าวตอบทั้งที่แก้มยังแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุก
“แล้วจะไปเกาะไหวไหม” ผมพยักหน้าเท่านั้น
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่พาไปห้องน้ำ จะได้กินข้าวกัน”
“ครับ” ผมรับคำ พี่ภูก็อุ้มไปที่ห้องน้ำ
“พี่ภูออกไปก่อน” ผมแย้งขึ้น เพราะคนหน้าเข้มไม่ยอมออกไปซะที
“เสร็จแล้ว เรียกพี่นะ”
กว่าผมจะจัดการตัวเองเสร็จ ก็ใช้เวลามากพอสมควรเลยครับ กว่าจะเอาอะไรๆ ที่มันคั่งค้างอยู่ในตัวออกก็เสียเวลาพอสมควร พี่ภูนะ พี่ภู เดี๋ยวต้องบอกให้ใส่ถุงซะแล้ว ลำบากผมมากเลย แต่จะให้ไปพูด ผมก็หน้าร้อนผ่าวๆ แล้ว ทำยังไงดีอ่า พอถึงเวลาจริงไม่กล้าพูดซะงั้น มันน่าอายนะครับ เวลาพูดเรื่องใต้สะดือ
“พี่ภู” คนหน้าเข้มเข้ามาอย่างเร็ว สงสัยรออยู่หน้าห้องน้ำอยู่แล้ว
“ไม่ต้องอุ้ม ข้าวเดินไหว” ผมรีบพูด เพราะพี่ภูถลาเข้ามาจะอุ้มท่าเดียว ผมต้องเบรคไว้ก่อน ผมดีขึ้นแล้วครับ ไม่ค่อยเจ็บแล้วถ้าเทียบกับครั้งแรกน่ะนะ พี่ภูแค่ประคองเท่านั้น
อาหารเช้าวันนี้ข้าวต้มปลาครับ กำลังอยากกินพอดีเลย รู้ใจนะเนี่ย นายโจรป่า อิอิ ไม่ได้เรียกพี่ภูแบบนี้นานแล้ว นี่พี่ภูก็โกนหนวด เล็มเคราให้สั้นขึ้นแล้วนะเนี่ย แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแตกต่างจากเดิมเลย เดี๋ยวกลับบ้านไปรอบนี้ผมต้องจัดการกับเจ้าตัวซะหน่อย นับวันยิ่งจะเหมือนโจรเข้าไปทุกวัน
ผมอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขาสั้นครึ่งต้นขาสีเขียวขี้ม้า แล้วก็หมวกอีกใบ ก็เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนพี่ภูเสื้อกล้ามสีขาวมีเชิ้ตสีฟ้าแขนสั้นทับ กับกางเกงขาสั้นประมาณเข่า พี่ภูขับสปีดโบ๊ทไปเอง รอพนักงานขนของและอาหารลงเรือเสร็จ เราก็ออกประมาณ 9 โมง ที่หมายแรกคือหาดไร่เลย์ หาดทรายขาว เนียน น้ำใส เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนมาถึงหาดถ้ำพระนาง ถ้ำสวยที่โดดเด่นด้วยความวิจิตรที่ธรรมชาติสร้างให้เกิดหินงอก หินย้อย สลับซับซ้อนเป็นชั้นแนว ภายในถ้ำมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวเรือและผู้คนท้องถิ่นมากราบสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นก็พาไปที่เกาะปอดะ เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียด นุ่มเท้า น้ำทะเลสีฟ้าใส ด้วยท่ามกลางบรรยากาศใต้ทิวสน ผ่อนคลายด้วยเสียงคลื่นและสายลม ร่มรื่นมาก เราพักกินข้าวกันที่นี่ ถ้าไม่ติดว่าต้องไปที่อื่นต่อ ว่าจะขอพี่ภูพักที่นี่ เพราะบรรยากาศน่านอนมาก เราไม่ได้มาในช่วงเทศกาลคนก็เลยไม่เยอะ ทำให้ผมชอบที่นี่เป็นพิเศษ
“ชอบหรอ” ดูท่าว่าคงไม่สามารถรอดพ้นสายตานายหัวภูธิปไปได้
“ข้าวชอบ ร่มรื่นดีจัง หาดก็สวย” สายตาที่กำลังชื่นชมกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าหันมาตอบคนหน้าเข้ม
“ไว้วันหลังพี่จะพามาอีกแล้วกัน”
“จริงๆ นะ”
“อืม” ภูธิปวางมือที่หัวเล็ก
“แตงโม”
“หื้ม”
“ข้าวอยากกินแตงโม” หลังจากของคาว ลูกข้าวก็ถามหาของหวานทันที ภูธิปจึงหันไปหยิบให้
“ขอบคุณครับ”
“ปากแดงหมดแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เพราะเขาเก็บของหมดแล้ว เหลือก็แต่ลูกข้าวที่นั่งกินแตงโมเกือบจะหมดกล่องอยู่รอมร่อ พร้อมเช็ดปากที่เลอะออกให้
“…” ลูกข้าวทำเพียงแค่หันมายิ้มให้เป็นการขอบคุณ
และเราก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง ไปที่ทะเลแหวกสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Unseen Thailand สวยสมกับที่เขาร่ำลือกันจริงๆ แต่เพราะเราไปเร็ว ทำให้ต้องรอน้ำลงอีกสักชั่วโมงได้ พี่ภูพาไปนั่งใต้ร่มไม้ที่โขดหินด้านหนึ่ง ผมก็นั่งกินผลไม้ไปเรื่อย ส่วนพี่ภูพักสายตาครับบนตักผมนี่แหละ
“พี่ภู” เห็นคนตัวโตนิ่งไปชั่วโมงกว่า ผมเริ่มเมื่อยๆ แล้วด้วย
“อืม” พี่ภูหรี่ตานิดหน่อย เพื่อปรับสายตา
“เห็นทะเลแหวกแล้ว” ผมชี้ให้คนหน้าเข้มดู
“อืม ป่ะ ไปดูกัน” พอพี่ภูลุก ผมก็ลุกตาม แต่ผมก็ต้องนั่งต่อ เหน็บกินครับ แง...
“เป็นไร”
“เหน็บกิน” แฮ่...ผมยิ้มแห้งๆ ส่งไป
“แล้วไม่บอก มา ขี่หลังพี่”
“บ้าหรอ พี่ภู คนเยอะแยะ”
“ก็คนเยอะแยะนี่แหละ มาเร็ว” ภูธิปเอื้อมจับลูกข้าวขึ้นหลังเรียบร้อย คนตัวเล็กจะทำอะไรได้ ก็ต้องคล้องแขนกับรอบคอสิ เดี๋ยวตกไปคงเจ็บแย่
“สวยอ่ะ พี่ภู” ลูกข้าวที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น พูดคุยไม่หยุด ชี้นั่น นี่ ให้ภูธิปดู แต่ร่างใหญ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหรือรำคาญเลยสักนิด กลับชอบเสียงหงุงหงิงอยู่ข้างหูเสียอีก
และการดำน้ำที่สุดท้ายก่อนกลับต้องยกเลิกไปเพราะลูกข้าวกลัว...
“ไม่ดำจริงหรอ...ข้าว สวยนะ” ภูธิปพยายามโน้มน้าว เพราะไหนๆ ก็มาแล้ว เขาไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น
“อื้อ...ไม่ดำ น้ำเขียวๆ น่ากลัว”
“เอ้า...ก็ตรงนี้เป็นแถบแนวปะการังและสาหร่ายทะเลนิ ก็ต้องสีนี้แหละ”
“ไม่เอา ไม่ดำ ข้าวกลัว กลับเถอะ ข้าวง่วงแล้ว นะ...พี่ภู นะ” นี่เรียกว่าอ้อนได้หรือเปล่านะ ภูธิปคิดในใจ
“โอเคๆ กลับก็กลับ”
สปีดโบ๊ทหันหัวเรือกลับทางชายฝั่งทันที กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่าย 3 โมงแล้ว ภูธิปรีบพาเจ้าตัวไปอาบน้ำทันที เดี๋ยวจะไม่สบายเอา แต่ก็นะ ยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งเสพติด
“อืม...พี่ภู อย่าสิ” ตอนนี้ลูกข้าวกำลังโดนรังแกโดยคนตัวโต
“อืม...นิดเดียวครับ” ลูกข้าวก็เสร็จคนเจ้าเล่ห์ไปตามระเบียบ หึหึ แค่รอบเดียวก็พอเดี๋ยวจะป่วยเอาเพราะแช่น้ำนาน
เช้าอีกวัน ภูธิปลงไปข้างล่าง เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและเอกสารนิดหน่อย
“สวัสดีครับ นายหัว” ประวิทย์ผู้จัดการที่นี่เอ่ย พร้อมส่งเอกสารให้ผู้เป็นนายดู
“เรียบร้อยดีไหม” ภูธิปก้มลงอ่านเอกสารในมือ พร้อมถามประวิทย์ไปด้วย
“เรียบร้อยดีครับ นาย”
“แล้วอีก 3 ที่ล่ะ” ผู้เป็นนายเอ่ยถามต่อถึงโรงแรมในเครืออีก 3 แห่ง
“เรียบร้อยทุกอย่างครับ เอ่อ...นายครับ เมื่อกี้คนที่ไร่ฝากซองนี้ให้นายครับ” ภูธิปขมวดคิ้วทันที แต่ก็รับซองเอกสารมา
“อืม”
“นายกลับวันนี้ใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมรถให้”
“อืม ช่วงบ่ายน่ะ”
“ได้ครับ”
“ยังไง ฝากด้วยแล้วกัน” ประวิทย์มองผู้เป็นนาย นายเป็นผู้มีพระคุณกับคนอย่างเขามาก เพราะด้วยอายุที่มาก บวกกับเรียนมาน้อย ไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับเข้าทำงาน นายให้ทั้งงาน ให้ทั้งชีวิตใหม่ แค่นี้เขากับครอบครัวก็ทดแทนไม่หมดแล้ว ถึงนายจะดูดุ แต่นั่นก็เพื่อให้ลูกน้องทุกคนอยู่ในกฏระเบียบที่มี การที่จะคุมคนเยอะๆ ทั้งที่อายุยังน้อย ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ภูธิปก็ทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย แต่คนที่นายพามานี่สิ สงสัยจะเป็นคนสำคัญ เพราะปกติไม่เคยเห็นภูธิปจะดูแล หรือใส่ใจใครอย่างนี้มาก่อน แค่เดินด้วยยังไม่เคยเห็นเลย นอกจากเจ้าตัวจะมากับคุณหญิงจันทร์เท่านั้นแหละ
“ครับ นาย” ประวิทย์รับคำ
ภูธิปกลับขึ้นห้องมาได้ ก็ตรงไปที่เตียงที่มีก้อนกลมๆ อยู่บนนั้น หึหึ...ขี้เซาจริงๆ เลย ใบหน้าขาวล้อมกรอบด้วยผมซอยสั้นระต้นคอ คล้ายๆ ทรงเห็ดมั้ง หึหึ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากไปที แต่เขาก็เข้าใจคนตรงหน้า ไหนจะไปทัวร์เกาะ ไหนจะโดนเขารังแกอีก ก็น่าเพลียอยู่หรอก ภูธิปยิ้มให้กับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าเขาจะรักใครได้ นอกเหนือจากงานแล้ว เขาก็มีแต่แม่เท่านั้น พอมาเจอกับลูกข้าว ระบบการใช้ชีวิตของเขารวนไปหมด ปกติเขาจะอยู่ทำงานในไร่จนเสร็จถึงจะกลับบ้าน ซึ่งไม่บ่อยนักที่เขาจะกลับ หรือไม่ก็ค้างที่บ้านต้นไม้ที่เคยพาเจ้าตัวไป หึหึ...นึกแล้วก็ขำ ที่เจ้าก้อนกลมกลัวความสูง หน้าซีดยิ่งกว่าอะไร น่าแกล้งมาก ตอนนี้เขากลับบ้านใหญ่ทุกวัน เลิกงานเป็นเวลา หรือเลิกก่อนด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดเลยว่ารวนมากจริงๆ ตอนเห็นลูกข้าวครั้งแรกบอกตามตรงว่าชอบตาโตๆ นั่นมาก พอพามาอยู่ด้วยแค่คืนเดียว เขาก็อยากให้เจ้าตัวอยู่ที่นี่ซะเลย และเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาสามารถรั้งเจ้าตัวไว้ได้ บอกเลยไม่อยากให้อยู่ห่างตัวเขาเลย กลัวจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก ยิ่งเจ้าตัวหน้าหวานคล้ายผู้หญิงอย่างนี้ ก็ทำให้เขายิ่งหวงมาก ภูธิปผละจากเตียงไปอีกห้องหนึ่ง เพื่อเปิดซองดูก็มีรูปถ่ายมากมายอยู่ในนั้น เขารีบติดต่อกลับทันที
‘ครับนาย’
“รู้หรือยัง เป้าหมายพวกมันคือใคร”
‘ยังครับ นาย...แต่ส่งรูปให้นายดู เพราะเห็นว่ามันไม่ได้แค่รวบรวมคน แต่เหมือนจะทำการใหญ่อะไรสักอย่าง เหมือนจะมีแบ็คด้วยครับ’
“อืม...ตามต่อไป”
‘ครับนายหัว’
พอวางจากสายหนึ่ง ภูธิปก็โทรไปอีกสายหนึ่งต่อทันที
‘อืม’
“ไอ้ชา สืบให้ที พวกมันทำอะไรกันอยู่”
‘ได้’ จากนั้นก็วางสายไป ภูธิปเดินไปที่เตียงอีกครั้ง ก็เห็นคนตัวเล็กตื่นแล้ว
“ตื่นแล้วหรอ”
“อื้อ...พี่ภู” พอเดินเข้าไปหา ลูกข้าวก็เข้ามากอดเขาทันที ทำไมช่วงนี้ขี้อ้อนจัง
“ครับ” ภูธิปกอดตอบ พร้อมหอมแก้มไปที
“ไป...ลุก อาบน้ำ เตรียมตัวได้แล้ว”
“อืม...พี่ภู” ลูกข้าวคราง และกอดเขาแน่นกว่าเดิม หื้ม!! น่าแปลกใจ ปกติลูกข้าวไม่เข้าหาเขาก่อนนะ
“ไปครับ พี่พาไปห้องน้ำนะ” ภูธิปอุ้มเจ้าตัวขึ้นแล้วพาไปที่ห้องน้ำ
“ไม่ลืมอะไรนะ” ภูธิปถามคนที่นั่งมองอยู่ที่เตียง เจ้าตัวแค่พยักหน้าเท่านั้น จากนั้นก็ลงไปข้างล่างกัน ซึ่งประวิทย์ได้เตรียมรถรอไว้ให้แล้ว
“ผมเอากระเป๋าขึ้นรถให้เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้จัดการเอ่ยขณะยืนรอส่งผู้เป็นนาย
“อืม ขอบใจมาก มีอะไรด่วนก็โทรหาฉันโดยตรงได้ตลอด”
“ครับนาย”
จากนั้นรถก็แล่นออกไปทางอ่าวลึก เพื่อไปรับนายแม่ก่อนกลับบ้านกัน
“พี่ภู ข้าวนอนนะ ง่วง”
“อืม” ภูธิปเอื้อมไปหยิบผ้าห่มที่อยู่เบาะหลังมาคลุมให้ลูกข้าว
ก่อนจะเข้าอ่าวลึก ลูกข้าวก็ตื่นขึ้น
“อื้อ...พี่ภู”
“ว่าไงครับ” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยกลับทันที แล้วเอามือไปลูบหัวลูกข้าว
“หิว” คำสั้นๆ ที่ทำให้ภูธิปถึงกับหัวเราะออกมา คนอะไรไม่นอน ก็กิน...ไม่กิน ก็นอน หึหึหึ
“เรานี่นะ...เดี๋ยวไปกินพร้อมแม่นะ จะถึงแล้ว” ภูธิปบอก แล้วเอามือโยกหัวคนที่บอกว่าหิว
“ครับ”
พอกลับมาถึงบ้าน นายแม่ขอตัวขึ้นไปพัก พี่ภูพาผมมานั่งเล่นหลังบ้านที่มีสวน กลิ่นดอกมะลิหอมโชยคละคลุ้งทั่วบริเวณ พระอาทิตย์กำลังตกสะกดสายตาของผม สวยมาก ผมไม่เคยมานั่งเล่นช่วงเย็นๆ อย่างนี้หรอกครับ
“ไม่เมื่อยหรือไง” ผมนั่งบนตักพี่ภู
“ไม่ ข้าวตัวเล็กนิดเดียว”
“ถึงข้าวจะตัวเล็ก แต่ก็ผู้ชายนะ น้ำหนักต้องมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว”
“หึหึ น้ำหนักน้อยกว่าแม่พี่อีกนะ รู้ตัวหรือเปล่า”
“จริงหรอ!! ข้าวไม่เคยอุ้มตัวเองอ่ะ” คนตัวเล็กเย้าหยอก
“หึหึ ให้พี่อุ้มคนเดียวก็พอ” เอ่ยเสร็จ ภูธิปก็เข้าคลอเคลียกับซอกคอขาว
“พี่ภู อย่าสิ”
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ภูธิปตอบแต่ยังไม่ได้ละจากซอกคอขาว
“ข้าว รู้สึกแปลกๆ หยุดก่อนนะ พี่ภู” ผมรู้สึกเสียววูบที่ช่วงท้องน้อย เหมือนความรู้สึกผมจะไวกว่าเดิมรึเปล่านะ
“แปลกยังไง” พี่ภูก็คือพี่ภู เอาแต่ใจจริงๆ บอกให้หยุดก็ทำต่อ
“พี่ภู อ๊ะ” เจ็บนิดหน่อย
“พี่ภูทำอะไร” ผมลูบคอตัวเองนิดๆ แล้วหันไปหาคนตัวโต
“เปล่านิ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดริมฝีปากบาง และบดจูบลงทันที ทั้งสองลิ้นคลอเคลียกันไม่ห่าง กว่าคนเอาแต่ใจจะหยุด ริมฝีปากบางก็บวมแดงขึ้นเล็กน้อยคล้ายลูกเชอรี่ พอภูธิปเห็นก็อยากจะกินเชอรี่ลูกนี้อีกเสียจริงๆ
******************
TBC.
**คำผิดแจ้งได้เลยค่ะ//
**เป็นไข้หวัด ต้องขอโทษที่มาต่อช้านะคะ
**ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนอย่างมากเลยค่ะ