Internal Love
ตอนที่ 37
I could be your one and only,
I could make you unlonely.
“โห แม่...จัดเต็มมากเลยครับ” เมืองแมนอุทานหลังจากเห็นมารดาของตัวเองเดินลงมาจากชั้นบนบ้าน คุณอุไรอยู่ในชุดผ้าไหมตัวเก่งสั่งตัดพิเศษที่เพิ่งเคยใส่ไปงานรับปริญญาของลูกชายมาแค่ครั้งเดียวแถมยังสวมเครื่องประดับเป็นชุดมุกเข้าชุด แต่งหน้าสวยพริ้ง
“ไม่ได้สิ วันสำคัญแบบนี้จะให้แต่งง่ายๆตามสบายได้ยังไงล่ะแมน หนูก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว แม่จำได้ว่าหนูก็มีเสื้อสูทไม่ใช่เหรอ ไปหามาสวมคลุมสิ” เธอว่า
“ต้องสูทเลยเหรอแม่ ไม่ขนาดนั้นมั้ง” พูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลงบันไดมา ร่างสูงใหญ่ของคนรักปรากฏกายขึ้นข้างตัวมารดา เพลิงกัลป์อยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ารูป ผมเซ็ทเอาไว้เนี้ยบกว่าปกติ “โอ้โห...” เมืองแมนอุทาน อ้าปากค้างด้วยความทึ่ง
“หล่อหรือยัง? โอ้โห คุณแม่วันนี้สวยสุดๆไปเลยครับ” ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งให้แม่ของคนรักสองนิ้วทำเอาผู้สูงวัยกว่ายิ้มกว้าง
“ขอบใจจ้ะ เอ้า...เร็วสิแมนไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ให้เพลิงไปช่วยเลือกก็ได้” มารดาหันมาไล่ลูกชายตัวเองให้ไปเปลี่ยนเสื้อ “วันก่อนก็เห็นไปซื้อเสื้อผ้ากันมาไม่ใช่เหรอ เร็วเข้าลูกเดี๋ยวที่บ้านเพลิงเขาจะมาแล้ว”
“โธ่แม่ นัดตั้งสิบโมง นี่เพิ่งแปดครึ่ง” แมนอุทาน แต่ก็ยอมเดินกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดข้างบนห้องโดยมีคนรักเดินตามขึ้นมาด้วย เพลิงกัลป์ผิวปากเป็นเพลงตลอดเวลาจนน่าหมั่นไส้ “ลงไปรอข้างล่างไป เดี๋ยวเปลี่ยนเอง”
“ไม่ได้ เดี๋ยวช่วยเลือกให้เอง แถมจัดทรงผมให้ด้วย ไว้ใจบริการเพลิงกัลป์ซาลอนได้เลย” ชายหนุ่มพูดแกมหัวเราะ อารมณ์ดีจนแทบจะบินได้แล้วมั้ง...เมืองแมนนึกค่อนอยู่ในใจ เมื่อคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่ลุกเดินกลับไปกลับมาอยู่นั่น ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา
แต่เพราะเขาเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เมืองแมนเลยไม่ได้พูดออกไปไม่งั้นเดี๋ยวโดนย้อน เขานั่งอยู่บนเตียงรอให้อีกฝ่ายเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อชุดออกมาให้
“ชุดนี้เลยครับคุณเมืองแมน” เพลิงกัลป์เลือกเสื้อกางเกงเข้าชุดกับสูทสีเทาของตัวเองเปี๊ยบมาให้ ชนิดที่ว่ามองลงมาจากดาวอังคารยังรู้ว่าจงใจแต่งให้เข้าคู่กัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายมีเซ้นส์แฟชั่นดีกว่าเขามาก ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาช่วยคนท้องแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ออก
เพลิงกัลป์ช่วยปลดกระดุมออกทีละเม็ด ผิวขาวผ่องเผยให้เห็นทีละนิดทำเอาคนช่วยปลดชักมือสั่น เริ่มจินตนาการไปเลยเถิด เพลิงกัลป์กระแอมออกมาหลายครั้งสุดท้ายก็หมดความอดทน รีบปล่อยมือจากชายเสื้อเชิ้ต
“ถอดไปนะ เดี๋ยวกูไปกินข้าวข้างล่างก่อน” พูดจบก็เผ่นออกมาตั้งหลักข้างนอกห้อง ขืนยังอยู่ช่วยถอดต่อล่ะก็มีหวัง...ไม่ได้ออกมาจากห้องแน่
เมืองแมนเงยหน้ามองอย่างงงๆแต่ก็ไม่ได้ท้วง เดาเอาว่าอีกฝ่ายคงหิวข้าวมากล่ะมั้ง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกจากตัวแล้วสวมชุดใหม่ที่แฟนเลือกให้กลับเข้าไป หวีผมใหม่นิดหน่อย ใส่เจลจัดทรงอีกนิด นึกโทษอีกฝ่ายในใจว่าตื่นเต้นมากไป เขาเลยต้องตื่นเต้นตามเลยเนี่ยดูซิ
พอกลับลงมาข้างล่าง แม่ก็บอกว่าเพลิงกัลป์ขับรถออกไปรับญาติผู้ใหญ่แล้ว เมืองแมนพยักหน้ารับ พยายามรักษาอาการไม่ให้ตื่นเต้นออกนอกหน้านัก ทำทีเป็นนั่งดูโทรทัศน์ทั้งที่ดูไม่รู้เรื่องเลย หูคอยแต่จะฟังเสียงล้อรถหน้าบ้านอยู่นั่นเอง
เสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านในที่สุด เมืองแมนผุดลุกขึ้นยืนใจเต้นตึกๆ อาสาจะไปเปิดประตูบ้านให้แต่มารดาไม่ยอม ให้เขานั่งอยู่ข้างในบ้าน
เสียงพูดคุยจากข้างนอกดังเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มนั่งบีบมือแน่น พอเข้ามาถึงตัวบ้านก็รีบเดินไปหยุดรอที่หน้าห้องรับแขก แม่เป็นคนก้าวเข้ามาในบ้านก่อนตามด้วยชายหญิงวัยกลางคนที่เมืองแมนจำได้ว่าเป็นพ่อแม่ของเพลิงกัลป์และผู้ชายสูงวัยอีกคนที่เขาไม่รู้จัก ปิดท้ายด้วยคนรักที่ปิดประตูบ้านตามหลัง
“สวัสดีครับ” เมืองแมนยกมือขึ้นไหว้ การพบเจอกันคราวที่แล้วจบไม่สวยเท่าไหร่ทำให้เขารู้สึกกังวลแกมตื่นกลัว
“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันเกือบเดือนเลย เป็นยังไงบ้างจ้ะ” แม่ของเพลิงกัลป์รับไหว้แล้วพูดออกมายิ้มๆ สายตาของเธอกวาดมองมาที่หน้าท้องของเมืองแมนเป็นอันดับแรก “สบายดีนะจ้ะ”
“สบายดีครับ” เมืองแมนยังเกร็งอยู่ เหลือบมองคนรักแทนการขอความช่วยเหลือ
“เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งไปหาหมอครั้งที่สองครับ หมอบอกว่าน้องแข็งแรงดี” เพลิงกัลป์พูด ขยับเข้ามาโอบไหล่ของคนรักเอาไว้ “เกือบเจ็ดเดือนแล้วครับ วันมะรืนนี้ครบเจ็ดเดือนพอดี”
“รู้หรือยังว่าเพศอะไร” เสียงห้าวดุของพ่อเพลิงกัลป์พูดขึ้นบ้าง
“ยังไม่รู้เลยครับ อัลตราซาวน์แล้วไม่เห็น น้องหนีบเอาไว้อยู่” ลูกชายตอบ “พ่อกับแม่อยากได้หลานผู้หญิงหรือผู้ชายครับ?”
“วุ้ย จะหญิงหรือชายพ่อกับแม่ก็รักทั้งนั้นแหละจ้ะ” แม่ของเพลิงกัลป์อุทาน
คุณจุไรนึกชมคนรักของลูกชายอยู่ในใจว่าเข้าใจยกเอาหลานขึ้นมาพูดก่อน ทำให้ท่าทางไว้ตัวนิดๆในตอนแรกของทั้งสองคนคลายลงไปแทบไม่มีเหลือ สายตาที่มองมายังลูกชายของเธอก็เริ่มมีแววเอ็นดูมากขึ้นด้วย
“หลานฉันจะออกกี่โลเนี่ย คุณแม่ตัวนิดเดียวเอง” คุณเพตราพูดต่อแกมหัวเราะ เอื้อมมือมาจับที่ต้นแขนของเมืองแมน “ต้องบำรุงเพิ่มอีกหน่อยนะจ้ะ ไปอยู่บ้านแม่แม่จะช่วยดูเรื่องอาหารให้เอง ไม่ต้องห่วง”
เมืองแมนเพียงแต่ยิ้มตอบอย่างสุภาพเท่านั้น
“เชิญในห้องรับแขกดีกว่าค่ะ ได้นั่งคุยกันสบายๆนะคะ” เจ้าของบ้านพูด พาแขกเข้าไปในนั่งในห้องรับแขกที่จัดเตรียมเอาไว้สวยงาม
ชายสูงวัยที่พ่อแม่เพลิงกัลป์พามาด้วยนั้นเป็นถึงอดีตผู้ว่าฯ เมืองเหนือและยังเป็นลุงแท้ๆของคุณไกรสรอีกด้วย เมืองแมนอดตกใจนิดๆไม่ได้เพราะไม่นึกว่าฝั่งนั้นจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ ได้แต่นั่งเงียบๆฟังทั้งสองฝ่ายโอภาปราศรัยกัน ท่าทางมารดาของเพลิงกัลป์จะเป็นคนเข้าสังคมเก่ง พูดจาไพเราะน่าฟัง ตรงข้ามกับบิดาที่ค่อนข้างดุ ไม่พูดเยอะแต่ตรงเข้าประเด็น
“เห็นเพลิงเล่าว่าได้ขอขมาคุณจุไรแล้ว พ่อกับแม่ก็ต้องขอโทษด้วยอีกครั้งนึงนะคะที่ลูกชายมาสร้างความเดือดร้อนให้” คุณเพตราพูด “เลยทำให้หนูเมืองแมนต้องลาออก ใช้ทุนไม่ครบเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันสุดวิสัยจริงๆ แล้วเด็กสองคนเขาก็รักกัน ฉันก็ไม่ว่าอะไร”
“ถ้าหลังคลอดแล้วหนูเมืองแมนจะกลับไปทำงานต่อก็ได้นะจ้ะ ที่บ้านมีคนเยอะช่วยกันเลี้ยงได้ค่ะ” เธอพูดต่อยิ้มๆ
“ผมตั้งใจว่าจะเลี้ยงเองก่อนครับ” เมืองแมนตอบเรียบๆ
“ได้เลยจ้ะ ดีมากเลยล่ะ อย่างเพลิงกัลป์นี่แม่ก็เลี้ยงเอง” คุณเพตราดูพอใจกับคำตอบของว่าที่ลูกสะใภ้มากทีเดียว “ลูกเราทั้งคน จะปล่อยให้ใครที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยงได้ยังไง ถูกมั้ยจ้ะ”
คุณจุไรเหลือบมองลูกชาย ชักเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาเมื่อจับได้ว่าพ่อแม่ของอีกฝ่ายก็คงกำลังประเมินลูกชายเธออยู่อย่างละเอียด ท่าทางคุณเพตราอะไรนี่คงไม่ได้ใจดีอย่างที่แสดงออกเท่าไหร่
เมืองแมนเองก็รู้สึกเช่นกัน แม่ของเพลิงกัลป์ถามมาอีกหลายคำแต่ชายหนุ่มก็ตอบคำถามฝั่งนั้นกลับไปตามที่คิด
“....เอาล่ะ นอกจากวันนี้เราจะมาขอโทษแทนลูกชายแล้วก็ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งนะจ้ะ” สุดท้ายมารดาของฝ่ายนั้นก็เลิกถามแล้วเกริ่นขึ้นมาแทน ชายสูงวัยที่มาด้วยกันพยักหน้ารับแล้วเริ่มทำหน้าที่เถ้าแก่ในการสู่ขอ คุณเพตราออกตัวว่าที่กรุงเทพฯไกลไปหน่อยเลยพาญาติๆมาด้วยกันไม่ไหว ส่วนเรื่องสินสอดเธอให้เต็มที่สุดแต่ฝ่ายเมืองแมนจะร้องขอมา
“เรื่องสินสอดฉันก็ไม่รู้จะเรียกเท่าไหร่ เรื่องเงินทองมันเป็นของนอกกายเลยไม่เคยคิดสักที ที่สำคัญก็คือความรักที่ลูกทั้งสองเขามีให้กัน เห็นลูกมีความสุข...คนเป็นแม่ก็มีความสุขไปด้วย แค่นั้นก็เพียงพอกับค่าน้ำนมแล้วค่ะ” คุณจุไรตอบเนิบๆ
“จริงที่สุดค่ะ เห็นลูกมีความสุขแค่นั้นก็พอแล้วจริงๆ แต่ว่าเราจะหมั้นลูกชายคุณเฉยๆไม่ได้ค่ะ ก็ต้องมีสินสอดตามธรรมเนียม พี่...ขออนุญาตเรียกตัวเองว่าพี่นะคะ พี่เลยเตรียมมาแล้ว ไม่มากไม่น้อยค่ะ”
สินสอดของเพลิงกัลป์เป็นเช็คหนึ่งใบกับโฉนดที่ดินอีกสามแผ่น แล้วก็แหวนอีกหนึ่งวงที่เมืองแมนสวมอยู่ที่นิ้วนาง คุณเพตราพูดกับเขาว่าเป็นแหวนของคุณปู่ทวดของเพลิงกัลป์ที่มอบให้คุณย่าทวดส่งต่อมาถึงคุณปู่ แล้วคุณย่าก็มอบให้คุณไกรสรมาใช้หมั้นเธออีกที
“ถึงเวลาที่แม่จะต้องให้เพลิงเอาไว้ มาหมั้นหนูต่อแล้วล่ะ...แหวนวงนี้จะเรียกว่าเป็นแหวนของตระกูลก็คงได้ เพชรลูกเม็ดนี้เป็นแบบเก่าน้ำงามมาก เคยมีคนมาตีราคาขอซื้อแม่ถึงสิบล้านบาทแต่แม่ก็ไม่ขายให้ ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ให้ลูกหลานต่อไปข้างหน้า”
เมืองแมนยกมือขึ้นไหว้
“ขอบคุณครับ ตัวแหวนมีมูลค่ามากก็จริงแต่ยังไม่เท่ากับประวัติความเป็นมา ผมจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกครับ” เขาพูด อดรู้สึกปลาบปลื้มแกมตื้นตันขึ้นมาไม่ได้
“นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากที่แม่อยากให้ เอาไว้ไปเลือกที่บ้านนะ” เธอพูดยิ้มๆ “แม่ก็รอว่าเมื่อไหร่ลูกชายแม่จะแต่งงานเสียที อยากมีหลานอุ้มเล่นจะแย่ พ่อเขาแน่ะไปดูฤกษ์ดูชัยหาชื่อให้หลานเรียบร้อยแล้วนะ”
“อ้าว..คุณ” คุณไกรสรอุทานที่โดนภรรยาเผาเอาดื้อๆ “คุณเองก็ไม่แพ้ผมหรอกน่า แม่เขาซื้อทองหยองรอรับขวัญหลานแล้วนะรู้หรือเปล่า” เขาพูดขึงขัง “ไหนจะให้ช่างมาทำห้องให้ใหม่อีก”
“เอ๊ะ ทำห้องใหม่นี่มันความคิดคุณไม่ใช่หรือ ทำไมมาโยนกันแบบนี้ล่ะคะ” คุณเพตราร้อง “ฉันแค่เลือกวอลเปเปอร์เท่านั้น” เธอพูดอุบอิบแล้วก็หัวเราะออกมากับความเห่อหลานที่ยังไม่เห็นหน้าของว่าที่ปู่ย่า
บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก การสนทนาเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่ก็เป็นแม่ทั้งสองคนที่พูดคุยกันโดยมีพ่อเสริมขึ้นบ้างเป็นระยะ เพลิงกัลป์กับเมืองแมนไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่สบตาเรียกกำลังใจกันเป็นระยะเท่านั้น
“แม่ไปดูฤกษ์แต่งงานมาแล้วนะลูก มีเดือนหน้าตอนปลายเดือนกับอีกทีนึงก็อีกสี่เดือนเลย หนูคิดว่ายังไงจ้ะ” เธอหันมาถามเด็กๆ คุณหมอทั้งสองมองหน้ากัน
“ผมแล้วแต่เมืองแมนครับ”
“จริงๆแล้ว...ถ้าผมอยากให้ลูกร่วมงานแต่งงานด้วยจะได้ไหมครับ” เมืองแมนพูดขึ้น “คงจะดีถ้ามีรูปลูกด้วย”
“อืม...ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะถ้าเป็นเดือนหน้าหนูก็จะท้องแก่คงออกงานไม่ไหวหรอก เหนื่อยแย่เลย....รอให้คลอดก่อนค่อยจัดก็ดีเหมือนกัน คุณว่าไงคะ” เธอหันไปถามสามี
“เอาที่สะดวก หลังคลอดก็ได้จะได้เป็นการฉลองหลานไปในตัว” คุณไกรสรตอบ “ถ้าอย่างนั้นหนูจะกลับเชียงใหม่พร้อมกับเราไหม หรือจะอยู่ที่นี่ก็เลือกเอา”
“อ้าว...ก็ต้องกลับเชียงใหม่พร้อมเราสิคะคุณล่ะก็” ภรรยาอุทาน
“จะไปบังคับเด็กได้ไง ถามเขาก่อนสิ...เขาอาจจะอยากอยู่ที่นี่ก็ได้ หมอเหมอเครื่องไม้เครื่องมือที่นี่ก็ดีกว่าที่นู่น พ่อไม่บังคับหรอกนะ หนูเลือกยังไงก็ได้ แล้วแต่หนู” ประโยคหลังเขาหันมาพูดกับเมืองแมนเนิบๆ
ถึงจะหน้าดุเสียงดุ แต่เมืองแมนกลับสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนใจดี เขายิ้มตอบกลับไป
“ผมคุยเพลิงแล้วครับ น่าจะไปเชียงใหม่ได้ แต่ขอไปคุยกับคุณหมอชาลีอีกทีก่อนเพราะต้องเดินทางแล้วก็ต้องหาคุณหมอที่เชียงใหม่ด้วย”
“ดีแล้วลูก มาอยู่ที่บ้านด้วยกันนี่ล่ะอบอุ่นดี เรื่องหมอนี่คงต้องเตรียมตัวกันให้พร้อมนะคะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะบ้านเราที่เชียงใหม่ก็อยู่ใกล้โรงพยาบาล รถราอะไรก็มีพร้อมค่ะ เกิดอะไรขึ้นพาหนูเมืองแมนไปโรงพยาบาลได้ทันแน่นอน” คุณเพตราหันไปพูดกับคุณจุไร “ติดตรงที่คุณหมอสูตินี่ล่ะ”
“อาจารย์คริส อาจารย์ที่ดูแลแมนตอนอยู่ใช้ทุนน่ะครับแกบอกว่ามีอาจารย์ที่เชียงใหม่จะแนะนำให้ เดี๋ยวผมจะติดต่อดูก่อน ถ้าได้เรื่องยังไงจะบอกอีกทีครับ” เพลิงกัลป์พูด
“เห็นเพลิงบอกวันก่อนว่าหมอเขาจะต้องผ่าคลอดนี่ใช่มั้ย” คุณไกรสรถาม
“ใช่ครับ ของแมนจะคลอดเองไม่ได้ เรื่องเครื่องมืออุปกรณ์ผ่าตัดอาจจะต้องลองถามคุณหมอทางนู้นดูก่อนว่าพร้อมไหม”
“ถ้าเครื่องมือที่กรุงเทพฯพร้อมมากกว่าก็ไม่ต้องไปนู่นหรอกลูก” คุณไกรสรพูด “พ่อเป็นห่วง ยังไงที่นี่มันต้องพร้อมกว่าที่เชียงใหม่อยู่แล้ว พ่ออยากให้ปลอดภัยทั้งลูกทั้งหลาน ไว้คลอดเสร็จแล้วย้ายไปนู่นกันก็ยังไม่สาย”
“แต่ตาเพลิงต้องไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือคะคุณ เห็นคุณบอกฉัน”
“คุณพ่อคุณแม่รู้เรื่องที่ผมได้ตำแหน่งที่นู่นหรอครับ ผมจำได้ว่ายังไม่ได้เล่าเลย” ลูกชายท้วงขึ้นมาทันที จ้องบิดามารดาอย่างสงสัย
ผู้ใหญ่มองหน้ากัน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดปากออกไป
“คือ...พ่อเขาน่ะไปวิ่งเต้นให้เพลิงได้ตำแหน่งที่นู่น พ่อกับแม่กลัวว่าหนูจะใช้ทุนไม่จบแล้วไม่ได้เรียนต่อ” คุณเพตราพูดเสียงอ่อย
“ผมก็ว่าแล้วว่าทำไมจู่ๆที่นู่นถึงเรียกตัว ก่อนหน้านี้ผมทำเรื่องขอย้ายไป โทรถามเท่าไหร่ก็เงียบกริบ ...ผมก็นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นพ่อแน่ๆ” ลูกชายพึมพำ
“ฉันขอโทษที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของแก แต่แม่แกเครียด กลุ้มใจทุกวันจนฉันรำคาญเลยต้องไปคุยให้” พ่อพูดเสียงห้าว
“ขอบคุณมากครับพ่อ” เพลิงกัลป์พูดสั้นๆ
พูดคุยกันอีกพักใหญ่ คุณจุไรก็ขอตัวไปเตรียมอาหารเที่ยงในครัวโดยมีคุณเพตราตามเข้าไปด้วย เสียงแม่แม่พูดคุยกันจุ้งจิ้งทำให้เพลิงกัลป์รู้สึกสบายใจขึ้นมาก จริงๆแล้วแม่ของเขาทำอาหารไม่อร่อยเลยแต่ชอบกินชอบทำ ได้ไปเข้าคู่กับคนทำครัวเก่งแบบแม่ของเมืองแมนก็นับว่าดี
ส่วนพ่อก็นั่งคุยกับเมืองแมนไปเรื่อยๆ ท่าทางพ่อน่าจะชอบเมืองแมนไม่น้อย ดูจากสินสอดที่มีโฉนดที่ดินผืนที่สามที่พ่อแถมมาให้ด้วยจากตอนแรกบอกว่ามีให้แค่สองผืน แถมยังเป็นที่ดินผืนงามติดริมแม่น้ำที่พ่อหวงแหนเป็นพิเศษ ยังไม่นับตัวเลขแปดหลักในเช็คเงินสดแสดงว่าคงจะเห่อหลานและลูกสะใภ้มากเอาการ
“...พ่อก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ที่บ้านมีห้องสมุดอยู่หนูน่าจะชอบ” ได้ยินเสียงพ่อพูดแว่วๆ ขณะที่เพลิงกัลป์ยิ้มตอบสนทนากับท่านอดีตผู้ว่าฯที่มีศักดิ์เป็นปู่ของเขา
อาหารกลางวันเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมืองแมนขอตัวลุกไปช่วยมารดาจัดโต๊ะอาหาร อาหารมื้อนั้นคุณจุไรตั้งใจทำสุดฝีมือ ทำเอาแขกเอ่ยชมไม่ขาดปาก โดยเฉพาะคุณเพตราที่ดูจะชื่นชมอีกฝ่ายมาก
“ฝีมือคุณจุไรอร่อยๆจริงๆค่ะ กลมกล่อมไม่หวานไปไม่เค็มไป พี่ชอบมาก...คุณคะลองชิมแกงเขียวหวานหรือยัง” เธอเลื่อนตักให้สามี “หลนปูก็อร่อย ผัดเปรี้ยวหวานก็รสดี โอ๊ย....อยากให้คุณไปเที่ยวที่นู่นจังค่ะ คุณจะต้องชอบแน่เพราะที่นู่นเราปลูกผักกันเองนะคะ เด็ดมาทำกันสดๆได้เลย”
“อยากกินฝีมือเขาอีกก็บอก” สามีดักคอ
“แหม คุณล่ะก็...” เธอหัวเราะ “เมืองแมนหนูโชคดีมากเลยนะลูกมีคุณแม่ทำอาหารเก่ง ของเพลิงนี่ถ้าวันไหนแม่ครัวไม่อยู่ เจอแต่หมูหย็อง ไข่เค็ม”
“เจอจนเบื่อ” ลูกชายพูด
“แม่ก็พยายามแล้วนะ แต่ไม่รู้เหมือนกันทำยังไงก็ไม่อร่อย ชักอยากมาเรียนกับคุณแล้วไง แล้วเรื่องเมืองแมนล่ะจ้ะ แม่เดาว่าต้องทำอาหารเก่งเหมือนคุณแม่แน่ๆ”
เพลิงกัลป์สำลัก ไอออกมาหลายครั้งจนเมืองแมนชักฉุน
“ก็พอกินได้ครับ”
“แมนถนัดทำสมูทตี้มากครับ มีทุกสูตรทุกแบบ กินให้ท้องเสียกันไปเลย” ชายหนุ่มพูดแกมหัวเราะ คนที่ท้องเสียก็ไม่ใช่ใคร เขานี่ไงล่ะผู้โชคดีต้องมานั่งชิมแต่ละเมนูสุดพิสดารแล้วแต่ว่าวันนั้นอีกฝ่ายจะสรรหาอะไรจากในตู้เย็นเอามาปั่นรวมกันได้ คนทำกินนิดเดียวก็เลิก แต่มาบังคับให้เขากินจนหมดเพราะเสียดายของแทน
“จริงหรือเปล่า ว่าแต่ท้องเสียนี่แปลว่าอร่อยหรือไม่อร่อยล่ะ” พ่อถามยิ้มๆ เพลิงกัลป์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆสบตาคนข้างตัวนิดหนึ่งแล้วก็ตอบเต็มปากเต็มคำ
“อร่อยครับ ผมกินหมดทุกที”
“ไอ้นี่อยู่เป็น” พ่อหัวเราะ “พ่อก็ตอบแม่เขาว่ายังงี้ทุกทีเหมือนกัน”
“เอ๊ะ...คุณนี่ ต้องวนมาที่ฉันอยู่เรื่อย” คุณเพตราร้อง
อาหารมื้อนั้นจบลงด้วยความชื่นมื่น พ่อกับแม่และเถ้าแก่สู่ขอพากันกลับไปในตอนบ่ายเพราะว่าบิดาของเพลิงกัลป์มีธุระในตอนค่ำ แพลนว่าจะบินกลับเชียงใหม่กันพรุ่งนี้
ส่วนเรื่องเมืองแมนจะต้องเคลียร์เรื่องการฝากครรภ์และคุยกับคุณหมอที่นู่นให้เรียบร้อยก่อนถึงจะไปได้ ตั้งใจว่าจะตามไปทีหลัง
“เพิ่งเจ็ดเดือน ขึ้นเครื่องได้อยู่แล้ว อีกอย่างไปเชียงใหม่นั่งแป๊บเดียวก็ถึงไม่น่ากลัว ถ้าหนูไม่ชัวร์ลองปรึกษาคุณหมออีกทีก็ได้” แม่ของเพลิงพูด “ส่วนเพลิงต้องไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลทางนู้นก่อน จะได้ทำเรื่องลาพักให้เรียบร้อยด้วย แม่ว่าเขาน่าจะให้พักนะ พ่อหนูเสียตังค์บริจาคสร้างตึกใหม่ไปตั้งเยอะแยะ”
“อ่ะแฮ่ม” บิดากระแอมเป็นเชิงเตือนไม่ให้พูดเยอะ มารดาเลยหยุดเพียงเท่านั้นแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“เพลิงจะไปพร้อมแม่เลยมั้ยหรือจะตามไปทีหลัง”
“ผมคิดว่าจะไปอาทิตย์หน้าครับ ขอจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยก่อน” เพลิงตอบเรียบๆ
แม่ของเขาพยักหน้าแล้วเข้ามากอดเมืองแมน ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวเลยยืนนิ่งอย่างตกใจ
“ยินดีต้อนรับนะจ้ะ มาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก่อนหน้านี้ถ้าพ่อกับแม่ทำให้อะไรให้หนูไม่สบายใจก็ต้องขอโทษด้วยนะ พ่อกับแม่ตกใจมากไป ไม่ได้ตั้งใจจะตั้งแง่หรือรังเกียจอะไรหนูหรอกนะ หนูทำให้ตาเพลิงเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้พ่อกับแม่ก็ดีใจมากแล้ว ต้องขอบคุณหนูมากๆ ไหนยังจะหลานในท้องอีก ดูแลตัวเองดีๆนะคะ” เธอพูด ลูบหลังลูบไหล่ลูกสะใภ้ไปมา
“โชคดีนะหนู เจอกันที่นู่นนะ พ่อกับแม่จะรอรับ” คุณไกรสรพูดเสียงอ่อนที่สุดนับตั้งแต่ได้ยินมา
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณจุไร พี่รับรองว่าถ้าหนูเมืองแมนไปอยู่ที่นู่นเมื่อไหร่พี่จะดูแลอย่างดีเหมือนลูกอีกคนเลยค่ะ ยังไงเรียนเชิญไปพักที่บ้านด้วยกันนะคะ ที่นู่นอากาศดีน่าอยู่ค่ะ” เธอหันไปพูดกับคุณแม่ของเมืองแมน
“ยินดีค่ะ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเหนืออยู่เหมือนกัน รอลูกสาวอีกคนปิดเทอมก่อนนะคะแล้วจะขึ้นไปเยี่ยม”
เพลิงกัลป์ขับรถออกไปส่งญาติผู้ใหญ่ เมืองแมนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเกร็งขนาดนี้ก็ตอนที่ทุกคนกลับไปแล้วนั่นแหละ เหนื่อยจนต้องลงนอนบนโซฟา
“อ้าวลูก...เป็นยังไง เวียนหัวเหรอ” แม่เขาตกใจ เข้ามาหา
“เปล่าครับ ผมแค่...เหนื่อยๆ สงสัยเครียดที่บ้านเพลิงจะมาล่ะมั้ง” ชายหนุ่มเดา “ตอนแรกก็ว่าจะไม่อะไร ยังไงก็ได้ แต่พอมาจริงๆก็อดคิดมากไม่ได้”
“ไม่แปลกหรอกลูก เป็นกันทุกคน” แม่หัวเราะเบาๆ “แม่ยังเครียดเลย เห็นมั้ยแม่บอกแล้วว่าให้แต่งเต็มที่ ฝั่งนั้นเขาก็ไม่น้อยนะ จัดเต็มมาเหมือนกัน เขาก็คงอยากมาดูบ้านเราด้วยนั่นแหละ ถ้าไปอยู่นู่นแล้วเขาเสนออะไรให้แมนอย่าเพิ่งไปรับนะลูก ขนาดแหวนวงนี้แม่ยังว่ามันแพงไปหรือเปล่า ยังดีที่เขาเล่าว่ามีประวัติความเป็นมานู่นนี่”
“โธ่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แมนไม่ได้เห็นแก่เงินอยู่แล้ว”
“แม่ไม่ห่วงแมนเรื่องนี้หรอก แม่สอนลูกมาเองทำไมจะไม่รู้ว่าหนูเป็นคนยังไง แต่แม่ห่วงว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงกับแมนก็แค่นั้นแหละ คนเราอาจจะมีพวกปากเสียได้ เราต้องทำใจปล่อยๆไป อย่าเก็บมาใส่ใจนะลูก” มารดาเตือนล่วงหน้า เธอพอจะเดาออกได้เลยว่าที่บ้านของเพลิงกัลป์จะเป็นยังไง แล้วลูกชายของเธอจะต้องเจอกับขี้ปากคนอย่างไรบ้าง
“แมนจะจำไว้ครับ”
วันรุ่งขึ้นเพลิงกัลป์พาเมืองแมนไปพบคุณหมอชาลีที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าเมืองแมนสามารถขึ้นเครื่องบินได้ ส่วนการจะย้ายไปคลอดที่เชียงใหม่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ว่าควรจะต้องติดต่อคุณหมอที่ไว้ใจได้ก่อนให้เรียบร้อยแล้วค่อยไป
“อาจารย์คริสแนะนำให้ไปฝากกับอาจารย์ไชยันต์ครับ”
“อ๋อ ไชยันต์หรอ..เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมเอง เรียนจบมาด้วยกัน มันก็มีฝีมืออยู่...แต่เหมือนได้ข่าวว่าช่วงนี้ลาพักไปต่างประเทศสามเดือนไม่ใช่เหรอ เห็นว่าจะเอาลูกไปเรียนซัมเมอร์หรือไงนี่ล่ะ” หมอชาลีพูด “ลองติดต่อดูก่อนแล้วกัน ได้ความว่ายังไงก็มาบอก เดี๋ยวผมจะเขียนใบบันทึกข้อความไปให้จะได้ดูแลกันต่อเนื่อง”
เมืองแมนกลับบ้านพร้อมกับความกังวล เพลิงกัลป์เป็นคนโทรไปเช็คให้แล้วว่าคุณหมอไชยันต์ออกตรวจหรือเปล่า คุณพยาบาลทางนั้นบอกว่าอาจารย์ไชยันต์ลาพักสามเดือนจริงๆตรงตามที่หมอชาลีว่าเอาไว้
“อย่าเพิ่งเครียด เดี๋ยวลองติดต่อคุณหมอคนอื่นดูก็ได้” ว่าที่คุณพ่อพูดปลอบใจ “เย็นนี้กินอะไรดี คิดเมนูมาซิ จะได้พาคุณแม่ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศด้วย”
เมืองแมนค่อยยิ้มออก
พวกเขาใช้เวลาติดต่ออาจารย์หมอที่เชียงใหม่อีกสองวันเต็มๆ คนที่ว่างเพลิงกัลป์ก็บอกว่าผ่าไม่เก่งบ้างล่ะ เคยมีคดีความฟ้องร้องว่าทำคลอดแล้วเด็กตายบ้างล่ะ เมืองแมนเลยยิ่งกลุ้มใจ
“มีอีกสามคนที่เก่งๆ แต่คนนึงกำลังจะไปเรียนต่อ อีกคนลาคลอด คนสุดท้ายไปเที่ยวใต้อยู่จะกลับมาเดือนหน้าพอดีชื่ออาจารย์สุชาติ คนนี้ก็เก่งอยู่ กูเคยเข้าเคสด้วย ใจเย็นแล้วก็ฝีมือดี”
“งั้นคงต้องเป็นอาจารย์สุชาติคนนี้ล่ะ” เมืองแมนพยักหน้ารับ ยกมือขึ้นลูบท้อง เพราะหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันทำให้เขาเริ่มนอนหงายไม่ได้ ต้องนอนตะแคงตลอด น้ำหนักของครรภ์ก็ถ่วงลงทำให้ปวดหลังปวดขาไม่ว่าจะอยู่ในท่าไหน แถมตัวมดลูกที่ขยายใหญ่ยังเริ่มจะกดทับลำไส้ของเขาแล้วด้วย เมืองแมนเริ่มท้องผูกหนักจนต้องแอบพึ่งยาระบายในบางครั้ง
“แต่กว่าแกจะกลับมาก็อีกเดือน ถึงตอนนั้นก็อายุครรภ์แปดเดือนกว่า จะเดินทางได้หรือเปล่า” เพลิงกัลป์พูดอย่างกังวล “ถ้าไปอยู่ที่นู่นก่อนแล้วเกิดปุ๊บปั๊บอะไรขึ้นมาจะไม่มีหมอผ่าให้น่ะสิ”
“งั้นก็คงต้องอยู่ที่กรุงเทพฯไปก่อนนั่นล่ะ” เมืองแมนสรุป “แล้วมึงต้องไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้า แต่ไม่ต้องห่วงนะ กูจะรีบไปรีบกลับสามวันพอ ไม่โอ้เอ้นานหรอก” เพลิงกัลป์พูด ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง ดึงตัวเมืองแมนมากอดเอาไว้หลวมๆ “เป็นห่วงตายเลย ทิ้งมึงอยู่ทางนี้คนเดียว”
“อยู่คนเดียวอะไรเล่า มีแม่อยู่ด้วย อาทิตย์หน้าเมย์ก็กลับบ้าน ไม่น่ากลัวหรอก” เมืองแมนพึมพำ หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน