16.หากมันย้อนคืนเธอกลับมาผมหมดข้ออ้างที่จะขออยู่ห้องเขาต่อ แต่ก็ยังกล้าพอที่จะขอไปกินข้าวเย็นกับเขาทุกวัน ซึ่งเมธเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรอย่างเคย ซ้ำยังคอยถามผมเสมอว่าวันนี้อยากกินหรืออยากทำอะไรเป็นพิเศษก่อนหรือเปล่า
“ถั่วพูสามารถเอามาผัดกระเพราได้อย่างถั่วฝักยาวด้วยนะ” เห็นผมทำหน้าแปลกใจ เขาก็รีบพูดต่อ “สูตรของแม่เราเอง ไว้จะทำให้กิน”
“ต้องรอกลับบ้านก่อนใช่ไหม”
พอผมถามอย่างนั้น เขาก็ยิ้ม “ถ้าว่างไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่..เดี๋ยวเราจะขนกลับมาให้”
“ใจดีจัง” เขาหัวเราะ ก่อนจะบอกว่าแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมเลยหันไปช่วยหยิบจานมาใส่ไข่เจียว “ซอสมะเขือเทศหมดหรือยัง”
“ซื้อขวดใหม่มาแล้วครับ รู้ว่าบางคนไม่กินซอสพริก”
“ใจดีแล้วยังน่ารักอีก”
“แทบจะอิ่มคำชมแทนข้าวแล้วเนี้ย” เขาหัวเราะ “เก็บไว้ชมวันอื่นบ้าง”
“ไม่เป็นไร เรามีเยอะ” เขาเลิกคิ้วมองผม “คำชมไง”
“อ๋อ..”
“ไม่รับมุกแบบนี้ เราเขินนะ”
“เขินแล้วน่ารัก”
ผมหันหน้าหลบสายตาเขาทันที “ตลกมากกว่ามั้ง”
“น่ารักจริง ๆ”
“เมธเอาข้าวเยอะไหม” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง “สองทัพพี ?”
“สองก็ได้ครับ”
เรานั่งกินข้าวกันไป คุยเรื่องเรียนเรื่องเล่นกันไปเรื่อยกระทั่งฟ้ามืดผมจึงได้ขอตัวกลับห้อง เมธเดินมาส่งผมที่ประตู ก่อนที่เราจะต้องชะงักไปทั้งคู่เมื่อเห็นว่าใครมานั่งฟุบอยู่ที่ประตู
“ภาค” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งที่ร่างกายเอนไปมา “เมา ?”
มันส่ายหน้า “ไม่สบาย”
“จริง ?” ผมหรี่ตามองมัน
“เราว่าจริงนะ” เมธเดินผ่านผมเข้าไปช่วยพยุงมัน “ตัวร้อน”
“อะไรนะ” ผมรีบเดินเข้าไปแตะหน้าผากมัน “ทำไมตัวร้อนขนาดนี้”
เสียงมันไอติด ๆ กัน “ไม่สบาย”
“เออ..กูรู้” ผมหันไปหาเมธ “ช่วยเราพยุงมันเข้าไปในห้องหน่อย”
ผมกับเมธช่วยกันพยุงมันเข้ามานอนที่เตียง ก่อนที่ผมจะแยกไปหากะละมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้มันทั้งที่ไม่แน่ใจว่ามันคือวิธีการดูแลที่ถูกต้องหรือเปล่า
“ในห้องมียาลดไข้บ้างไหม” เมธหันมาถามผม “ถ้าไม่มีเราจะได้ไปหยิบให้ที่ห้อง”
“เดี๋ยวเราไปเอาให้เอง” ผมรีบอาสา “รบกวนเมธช่วยเฝ้ามันให้เรา..”
“กูไม่สบายขนาดนี้ ไม่มีปัญญาไปทำอะไรมึงหรอก” จู่ ๆ คนป่วยก็พูดขัดขึ้นมา “แต่ถ้ามึงไม่ไว้ใจ กูกลับก็ได้”
“เราไปเอาให้เอง” เมธพูดแล้วรีบลุกขึ้นยืน “แป๊บเดียว”
ผมมองตามเขาไปจนถึงที่ประตู “จะตามไปด้วยก็ได้นะ..ปล่อยกูนอนตายอยู่ตรงนี้แหละ”
“คนจะตายจริง ๆ ไม่ปากดีอย่างนี้หรอก” ผมหันกลับมาบิดผ้าในกะละมัง “แล้วไข้หนักขนาดนี้ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล จะถ่อสังขารมาถึงนี่เพื่อหาคนที่ช่วยอะไรไม่ได้อย่างกูไปทำไม”
“เวลามึงเจ็บป่วย กูเคยทิ้งให้มึงต้องอยู่คนเดียวบ้างไหมปั่น”
เห็นสายตาของมันที่ส่งมาให้แล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจ “เดี๋ยวลองกินยา ถ้าไม่ดีขึ้นกูค่อยพามึงไปโรงพยาบาล”
“ขอบใจ” ผมพยักหน้า ขณะค่อย ๆ เอาผ้าเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอมัน “กูกลัวมากเลยว่าถ้ามาถึงแล้วมึงจะไม่สนใจ ปล่อยให้กูนั่งหนาวตายอยู่หน้าห้องคนเดียว”
“...”
“กลัวถึงขนาดที่ปล่อยให้ไข้มันสูงขึ้นจนแน่ใจว่าสภาพแบบนี้จะทำให้มึงสงสารจนไล่กูไปไหนไม่ลง”
“ไอ้ภาค” ผมได้แต่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “มึงจะใช้วิธีทำร้ายตัวเองแบบนี้เพื่อเอาชนะกูไปจนถึงเมื่อไรวะ”
“กูไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“แต่มึงก็ทำ” ผมโวยวายทั้งที่มือยังคงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้มันไม่ยอมหยุด “มึงทำเพราะมึงรู้ว่ากูไม่มีวันปล่อยให้มึงนอนป่วยอยู่คนเดียวโดยที่กูทำเป็นไม่สนใจไม่ได้”
“ปั่น..”
“ครั้งสุดท้าย” ผมจ้องตามัน “ต่อไปถ้ามึงทำแบบนี้อีก มึงก็ต้องลากสังขารตัวเองไปหาแฟนมึงไม่ใช่กู”
“กูเลิกกับนอสแล้ว”
“เออ..กูรู้” ผมขยำผ้าในกะละมังอีกครั้ง แล้วจัดการพับมาวางแปะไว้ที่หน้าผากมัน “น้องมันมาร้องไห้กับกูอยู่”
“งั้นเหรอ”
ผมเหลือบมองมันด้วยหางตา “ไม่เคยสำนึกเหี้ยอะไร”
“...”
“ดีแต่ทำร้ายคนโน้นคนนี้ไปทั่ว”
“เพราะใครล่ะ”
“โยนความผิดให้กู ?” ผมลุกขึ้นไปรับยามจากมือเมธ “เดี๋ยวเราดูแลมันเอง ขอบคุณเมธมากนะ”
“มีอะไรก็เรียก” เขาบอกอย่างนั้น ก่อนจะเปิดประตูเดินกลับห้องตัวเองไป
“มันรักมึงแล้วหรือไง” ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดมัน “ไม่แปลกที่จะถีบหัวกูส่ง”
“กินยาแล้วนอนไปเถอะมึง” ผมยื่นยาให้มันแล้วยื่นแก้วน้ำตามไป “พูดมากเดี๋ยวก็ไม่หาย”
“กูจะตายเป็นผีเฝ้าห้องมึง”
“เรียนจบกูก็ย้ายออกแล้ว” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจ “ไว้กูจะบอกให้นอสมาอยู่แทน”
“นี่กูรักคนแบบมึงไปได้ยังไง”
ผมยักไหล่ “มึงโง่ไง”
“ลุกได้ กูจะเอาผ้ามัดปากมึง”
“มึงลุกได้ กูก็ไม่อยู่ใกล้มึงแล้วล่ะ” ผมตอบกลับทันควัน “อย่าหวังว่าจะทำแบบนั้นกับกูได้อีก”
“กูปล่อยมึงให้รอดมาได้ยังไงวะ” มันพูดเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า “คงเพราะรักมากเกินไป”
“ก็ทั้งที่มึงเรียกมันว่าความรัก” ผมขยับตัวไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้มัน “แต่ทำไมถึงยังเจ็บปวดกับมัน จนทำเรื่องแบบนั้นล่ะ”
“...”
“มันไม่ควรมีใครต้องเจ็บปวดกับคำว่ารักเลยจริง ๆ” ผมถอนหายใจเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองพูดเรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน “กูภาวนาให้มึงเข้าใจสักทีว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันไม่ได้เรียกว่าความรัก”
“มึงจะมารู้ดีกว่าตัวกูได้ยังไง”
“กูไม่ได้รู้ดีไปกว่ามึงนักหรอก” ผมพูดเสียงแผ่ว “ไม่อย่างนั้นกูก็คงไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ต่างอะไรกับมึงเลยแบบนี้”
Ma-NuD_LaW
ขอโทษครับ ช่วงอาทิตย์นี้ยุ่งมากจริง ๆ จะไม่แก้ตัวเพิ่มครับ (ผิดจริง)
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
ปล.เดี๋ยวมาไล่ตอบคอมเม้นตอนหน้านะครับ