14.บอกว่าพอแล้วมันเดินลากแขนผมไปตลอดทางกระทั่งถึงที่รถ เมธเองก็ตามมาด้วยความเป็นห่วง ผมยืนนิ่งตอนที่มันเปิดประตูรถให้ ก่อนจะแสดงท่าทีกดดันจนมันต้องยอมให้เขาไปด้วยกัน
เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าหอพักของพวกเรา
“กูอยากคุยกับมึงแค่สองคน” มันพูดแสดงความต้องการอย่างชัดเจน “ให้มันไปรอที่ห้องตัวเอง”
ผมหันไปมองเมธ “เราไม่อยากอยู่กับมันสองต่อสอง”
“ไอ้ปั่น !”
สีหน้าเขาดูกระอักกระอ่วน “ค่อย ๆ คุยกันดีไหม”
“อย่าเสือก” // “ไอ้ภาค”
มันหันมาจ้องหน้าผมทันที “กูยอมมึงมาเยอะแล้วนะปั่น”
“งั้นก็เปิดประตูคุย” ผมตัดสินใจ “กูไม่ยอมอยู่กับมึงแค่สองคนแน่ ๆ”
“ย้ายไปอยู่ร่วมห้องกับมันได้ แต่ไม่ยอมอยู่กับกูสองคน” มันแค่นยิ้ม “แรดจริง ๆ”
“ไอ้เหี้ย !”
“ใจเย็นกันหน่อยได้ไหมทั้งสองคน” เมธเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเรา “เกรงใจคนอื่นเขา”
“ให้เห็นกันเยอะ ๆ ก็ดี” มันพูดแล้วมองไปรอบ ๆ “จะได้อายจนอยู่ต่อไม่ได้”
“ถึงย้ายกูก็จะเอาเมธไปอยู่ด้วย” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ “ถึงเรียนจบแล้วกูก็จะขอตามกลับไปอยู่ที่บ้านกับเมธด้วย”
มันกัดฟันกรอด “จะให้กูบ้าให้ได้เลยใช่ไหม”
ผมสะบัดแขนที่โดนมันกระชากไป “อย่ามาจับ”
“ใจเย็นหน่อยภาค”
“น่ารำคาญ !” สิ้นเสียงมัน เมธก็ล้มลงไปกองกับพื้น “ทำเป็นคนดี พูดดีอยู่ได้”
“...”
“ทำไมไม่พูดออกมาตรง ๆ เลยว่าให้ตายยังไงมึงก็ไม่เอามัน” มันกระชากตัวผมเข้าไปใกล้ แล้วตะคอกถามเขา “มองมันสิ..มองแล้วบอกกูด้วยว่ามึงเคยมีอารมณ์อยากจะกอดจะจูบมันสักครั้งไหม”
“ปล่อยกู” ผมสะบัดแขนตัวเอง พยายามจะสลัดมือมันให้ออก “บอกให้ปล่อยไง”
“เห็นมันร้องไห้อย่างนี้ มึงคิดอยากจะรักหรือรู้สึกอย่างอื่นกับมันนอกจากคำว่าสงสารบ้างไหม” มันบีบแขนผมแน่นขึ้น “แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกเลิกมันสักที”
“มึงจะทำอะไรน้องกูไอ้ภาค” ผมหันไปมอง ก่อนจะถลาเข้าไปในอ้อมกอดพี่ปูนทันทีที่ภาคมันปล่อยมือ “เล่นซะแดงเป็นรอยมือเลยนะ”
“พี่ปูน”
“ยังเรียกกูพี่อยู่เหรอ” น้ำเสียงพี่ปูนดูหงุดหงิด “ทำน้องกูร้องไห้ขนาดนี้”
“ผม..”
“เสียแรงที่พ่อแม่กูฝากฝังปั่นมันไว้กับมึงจริง ๆ” พี่ปูนรวบถุงในมือเข้าไว้ด้วยกัน แล้วยื่นมือข้างที่ว่างมาจูงผม “ขึ้นไปคุยกันบนห้อง”
“...”
“เราด้วยนะ” ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าให้เมธทำตามที่พี่ปูนบอก “เดี๋ยวถึงห้องแล้วพี่จะดูแผลให้”
“ครับ” เมธรับคำแล้วลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นแตะแผลที่โหนกแก้มเบา ๆ “แต่ห้องปั่นไม่มีอุปกรณ์ทำแผล..”
“งั้นไปเอาที่ห้องเรามา” พี่ปูนสรุป “ทำแผลเสร็จแล้วจะได้คุยกัน”
ผมเดินตามแรงจูงขึ้นมาจนถึงหน้าห้อง ไม่วายแอบมองเมธก่อนเข้าห้อง เลยได้เห็นว่าเขาเองก็กำลังมองผมอยู่เช่นกัน “มัวแต่มองอะไรกัน”
ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ปูน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้เมธ “รีบมานะ”
ได้ยินเสียงภาคมันส่งเสียงงึมงำในลำคอขณะไขกุญแจห้อง “ไอ้นี่ก็ยังไม่เลิกแล้ว”
“พี่ปูน..” พี่ชายผมทำท่าไม่พอใจมันสักเท่าไร แต่ก็ยังใจเย็นมากพอที่จะหันมาคุยกับผม “มานี่ได้ยังไง”
“แม่ใช้ให้เอาของฝากมาให้” ว่าแล้วก็ชูถุงในมือขึ้น “ยายส่งมาให้”
ผมพยักหน้า ก่อนจะรับทุกอย่างมาถือเอาไว้ “เดี๋ยวปูนเอาไปเก็บก่อน..”
“จะเอาไปเก็บที่ไหน” พี่ปูนถามเมื่อผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ห้องเมธ” ผมบอกเสียงอ่อย “ตอนนี้ปูนย้ายไปอยู่ห้องเมธชั่วคราว”
ได้ยินที่ผมพูด พี่ปูนก็เลิกคิ้ว “ถึงขั้นแยกห้องกันเลย”
“...”
“ทะเลาะอะไรกันขนาดนั้น” ถามแล้วก็มองผมสลับกับมองมัน “ใครจะเป็นคนเล่า”
พอพวกเราเงียบ พี่ปูนก็เลือกจะตัดสินใจเอง “มึงเล่า..ส่วนปั่นเอาของไปเก็บ”
“ไว้นี่ก่อนก็ได้” ผมรีบพูด “ปั่นเล่าเอง”
ภาคมันหันมาทำหน้าแปลกใจใส่ผม “จริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมาก..แค่เถียงกัน แล้วภาคมันก็ขว้างแจกันลงพื้น”
“...”
“ปั่นกลัว..ก็เลยแยกไปอยู่ห้องเมธก่อนระยะนี้”
“แค่นั้น ?” เห็นผมพยักหน้า พี่ปูนก็ไม่ซักต่อ “อ้าวเมธ..เดินมานั่งก่อน พี่จะทำแผลให้”
“จริง ๆ ผมทำเองก็ได้ครับ”
พี่ปูนหัวเราะ “พี่เป็นหมอนะ”
ผมพยักหน้าสนับสนุน “ให้พี่ปูนทำให้เถอะ”
“สำออยชิบหาย” ภาคมันยักไหล่เมื่อทุกคนหันไปมอง “ปลายหมัดเฉียดไปโดนเอง”
“มึงมันอันธพาล” ผมด่า “ชอบใช้กำลัง”
มันเลิกพูด คงเพราะเข้าใจว่าผมไม่ได้ว่ามันเฉพาะเหตุการณ์ในวันนี้ แต่หมายความรวมถึงสิ่งที่มันเคยทำเอาไว้กับผมด้วย
“หยุดหาเรื่องกัน แล้วนั่งรอให้พี่ทำแผลเมธให้เสร็จก่อนเถอะ” พี่ปูนพูดปราม “เดี๋ยวได้คุยกันยาวแน่”
พี่ปูนซักความกับเมธแค่ไม่กี่คำก็ไล่ให้กลับห้องไปเมื่อรู้แล้วว่าเขาแทบไม่ได้มีส่วนร่วมในการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพวกเราเลย ผมเลยรับหน้าที่เป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมด โดยเลือกจะเว้นในส่วนที่อาจทำให้พี่ชายของตัวเองไม่พอใจจนเอาเรื่องภาคมันได้ไว้
พี่ปูนพยักหน้าเป็นครั้งคราว ก่อนจะอบรมชุดใหญ่เมื่อผมเล่าจบ ภาคมันไม่ได้โต้แย้งอะไรสักคำตอนที่พี่ปูนเอ่ยปากไล่มันกลับคอนโด กระทั่งพี่ปูนสั่งห้ามไม่ให้มายุ่งกับผมอีก มันก็ยังไม่เถียง
“ตัดใจสักทีเถอะภาค” พี่ปูนตบบ่ามันเบา ๆ “คนที่เหมาะสมกับมึงมากกว่ามันก็มี”
พอมันเดินหายลงบันไดไป พี่ปูนก็หันมาบ่นกับผม “จะปักใจอะไรกันนักหนา”
“...”
“น้องชายพี่มันมีดีอะไรวะ” ผมถอนหายใจเป็นคำตอบให้ “สงสาร แต่ก็ค้างด้วยไม่ได้หรอกนะ”
“...”
“ถ้าไอ้ภาคมันวอแวอีกก็ให้รีบโทรบอก” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นลูบหัวผม “ถ้าไม่เกรงใจกันอีก คงต้องขอให้พ่อกับแม่จัดการให้”
“ปล่อยมันไปเถอะ” ผมบอกทั้งที่ยังเหนื่อยใจ “เดี๋ยวมันเหนื่อยก็เลิกไปเองแหละ”
“พี่ไม่เคยเห็นมันเหนื่อยสักที”
คิดดูแล้วมันก็จริงอย่างที่พี่ปูนว่า..
ภาคมันไม่เคยเหนื่อยที่จะวิ่งตามผมเลย..
“ว่าแต่ที่เราบอกว่ามีแฟน คือเมธคนนี้เหรอ” เห็นผมพยักหน้า พี่ปูนก็ยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่ปั่นจะชอบ”
“...”
“เห็นแล้วก็ทำให้คิดถึงพ่อของพวกเราเลย”
พอพี่ปูนพูดอย่างนั้น ก็ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ “เขาเป็นคนดีมากจริง ๆ นะครับ”
“นิสัยคล้ายพ่อมากจริง ๆ นั่นแหละ” ผมหลับตาลงเมื่อถูกลูบหัวอีกครั้ง “เจอคนดีขนาดนี้แล้ว ก็รักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ”
“ครับ”
ผมรับคำทั้งที่รู้ว่าคงทำไม่ได้..
เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน..
เมธก็ไม่เคยมีท่าทีว่าจะรักผมตอบกลับมาบ้างเลย..
Ma-NuD_LaW
เอาเป็นว่า "ปัจจัย" ถึง..คนเขียนก็จัดการให้ ภาค มันเป็นพระเอกได้
ให้คนอ่านตัดสินใจกันเอาเองครับ เพราะคนเขียนยังไงก็ได้
ขอบคุณทุกความเห็นจ้าาาา