10.แม้รู้ดีไม่ว่าจะยิ้มหรือหัวเราะมากแค่ไหน ส่วนหนึ่งในใจก็ยังคงเศร้าอยู่เสมอ..ถึงปากจะบอกว่าขอโทษ แต่นับจากวันนั้นมันก็เอาแต่สร้างสงครามประสาทกับผม ไม่ว่าจะทั้งต่อหน้าหรือทางโทรศัพท์ มันก็ต้องหาเรื่องมาแขวะมาว่าผม ไม่เว้นแม้กระทั่งวันนี้
“เจอหน้ากันทั้งวันแล้วยังจะมาอาลัยอาวรณ์กันอีก”
ผมพ่นลมหายใจ ก่อนจะดึงประตูรถปิด “กูคุยกันเรื่องรายงาน”
“เดี๋ยวนี้จับคู่กันทำรายงานแล้วด้วย”
ผมมองหน้าคนชอบหาเรื่อง ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ “ถ้าหิวก็รีบไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“กูดูเหมือนหิวข้าวหรือไง”
“กูหิวเองก็ได้” มันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เงียบไป “วันนี้ไม่ทะเลาะได้ไหม กูเหนื่อยอะ”
ผมเห็นมันถอนหายใจ ก่อนจะยอมพยักหน้า “สเต๊กไหม ?”
“รู้ใจกูจริง ๆ” ผมพูดเอาใจมัน “ร้านเดิมนะ”
“อืม”
มันพาผมไปกินสเต๊กร้านโปรด สั่งนู้นนี่ให้เหมือนพยายามเอาใจคืนบ้าง ผมเลยแกล้งทำเป็นลืม ๆ เรื่องที่เราทะเลาะกันตลอดหลายวันที่ผ่านมาไป กระทั่งกินอิ่ม มันก็บอกผมว่าวันนี้จะกลับไปนอนค้างที่หอด้วย แต่ต้องแวะไปเอาหนังสือที่ต้องใช้เรียนพรุ่งนี้ก่อน
“กูนึกว่ามึงไปนอนที่ห้องน้องนอสซะอีก”
มันส่ายหน้า ก่อนจะตอบ “เปล่า”
“แล้วทำไมมานอนที่คอนโดคนเดียวอะ”
มันมองหน้าผม “เบื่อมึง”
“เบื่อกู” ผมขมวดคิ้ว “ขนาดเบื่อแม่งยังหาเรื่องมาทะเลาะด้วยทุกวัน”
“...” มันเงียบ ไม่ได้ตอบโต้อะไรผม
“ห้องก็ดูโคตรสบาย” ผมมองไปรอบ ๆ “คิดไงไปเบียดอยู่ในห้องเล็ก ๆ กับกูวะ”
“เฝ้ามึงไง” พูดแล้วก็หยิบหนังสือยัดใส่กระเป๋า “กลัวมึงแรด”
“ไอ้ภาค”
เสียงมันหัวเราะ “กินขนมไหม มีน้ำอัดลมอยู่ในตู้เย็นด้วยนะ”
“ด่ากูแรงขนาดนี้ยังกล้าเปลี่ยนเรื่อง” ผมบ่น แต่ก็เดินไปเปิดตู้เย็นดู “ของกินเต็มตู้เลย”
“ช่วงนี้ลองทำกับข้าวดูอะ” มันว่าแล้วเดินมายืนใกล้ ๆ ผม “กับข้าวแถวนี้ไม่ค่อยอร่อย”
“มึงอยู่นี่ตลอดเลยสินะ”
มันพยักหน้า “ช่วงนี้นอสมันงี่เง่า”
ผมขมวดคิ้ว “ทะเลาะอะไรกันอีก”
“เรื่องเดิม ๆ” มันบอกอย่างนั้น “กินเสร็จไม่ต้องล้างแก้วหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่บ้านก็มาทำ”
“มีแม่บ้านด้วย ?”
“สบายดีไหมละ” มันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อย ๆ “ย้ายมาอยู่นี่กันไหม”
เห็นผมไม่ตอบ มันก็พูดต่อ “ได้เวลาเลิกกับมันแล้วมั้ง”
“...”
“เลิกแล้วก็ย้ายออกจากหอ มาอยู่คอนโดกู”
“อีกแค่เทอมเดียวเอง” ผมถอนหายใจ เมื่อนึกได้ว่าตัวเองใกล้จะเรียนจบแล้ว “เรียนจบค่อยเลิกไม่ได้เหรอวะ”
“ไม่ต้องมาต่อรอง” น้ำเสียงมันเข้มขึ้น “กูบอกแต่แรกแล้วว่าให้คบเพื่อที่จะตัดใจ”
“มึงคิดว่ามันง่ายเหรอ” ผมหันไปมองหน้ามัน “อีกอย่างเมธมันก็..”
“มันแค่ใจดี” มันพูดตัดบทผม “ทุกสิ่งที่มันทำให้ ก็เพราะว่ามันเป็นคนดี”
พอผมเงียบ มันก็ยิ่งพูดตอกย้ำผม “เผื่อมึงจะลืม ว่าทำไมมันถึงยอมคบกับมึงในสถานะนี้ได้”
“เรื่องของกู กูจะจัดการเอง”
“ไอ้ปั่น !”
“คืนนี้มึงนอนนี่ไปเหอะ” ผมเดินกลับมาหยิบกระเป๋าตัวเอง “กูกลับหอก่อน”
“กูไม่ให้ไป !” มันกระชากกระเป๋าผม “ทำไมเดี๋ยวนี้มึงดื้อ ไม่ฟังกู”
“กูแค่มีความคิดของตัวเองแล้ว” ผมเถียง “และกูเบื่อ ที่ต้องคอยมาทำตามทุกอย่างที่มึงอยากให้ทำ”
ถึงรู้ดีว่าพูดเกินความเป็นจริงไปมาก แต่ผมก็ไม่อยากจะทนฟังคำพูดของมันอีกแล้ว “เอากระเป๋ามา !”
“ไม่รู้ตัวหรือไง ว่าทำไมมึงถึงได้เป็นแฟนกับมัน” มันตะคอกผม “ถ้าไม่ใช่เพราะกูไปบอกให้มันรับผิดชอบ ถ้าไม่ใช่เพราะกูลากมันไปด่าบอกให้ทำตัวให้สมกับเป็นลูกผู้ชาย”
“...”
“มึงคิดว่ามันจะยอมเอามึงไหม”
ผมทิ้งตัวลงกับพื้น กอดเข่าตัวเองร้องไห้ออกมา “รู้สิ..ทำไมกูจะไม่รู้”
“ถ้ารู้แล้วทำไมมึงไม่เชื่อที่กูพูด” ถึงเสียงจะอ่อนลง แต่ก็ฟังดูรู้ว่ามันไม่ได้โมโหน้อยลงเลย “มันไม่ได้รักมึง เพราะอย่างนั้น..”
“หยุดพูดสักที” ผมสะอื้น “กูบอกแล้วไงว่าขอแค่เรียนจบ”
“จะยื้อไปเพื่ออะไร”
“ถ้าอย่างนั้นมึงจะปล่อยให้กูไปคบกับมันทำไมตั้งแต่แรก” ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน “จะปล่อยให้กูมีความหวังแบบนี้ไปทำไม !”
“มึงจะได้ตัดใจจากมันสักทีไง !”
“...”
“ชอบมันตั้งแต่เข้ามหาลัยปีแรก กระทั่งจะเรียนจบแล้วก็ยังไม่ยอมเลิก” มันขว้างกระเป๋าผมลงพื้น “เช่าหอเดียวกับมัน วิ่งเต้นขอให้ได้อยู่ห้องใกล้ ๆ กับมัน”
“...”
“ทั้งที่ฝึกงาน..ทั้งสืบว่ามันจะไปทำงานที่ไหนหลังเรียนจบ” มันเดินเข้ามากระชากผมให้ลุกขึ้น “อย่างนี้แล้วเมื่อไรมึงจะลบมันออกไปจากชีวิตได้”
“...”
“เมื่อไรมึงจะกลับมาเป็นของกูได้”
“กูไม่ได้ชอบมึง” ผมพยายามยื้อแขนตัวเองกลับมา “กูบอกไปแล้วว่าคิดกับมึงได้แค่เพื่อน”
“หุบปาก !” มันกระชากแขนผม พยายามลากผมเข้าไปในห้องนอน “กูจะไม่ใจอ่อนกับมึงแล้ว”
“ไอ้ภาค !” ผมยกแขนอีกข้างขึ้นทุบมัน พยายามยื้อตัวเองเอาไว้ไม่ให้ขยับไปตามแรงลาก “ปล่อยกู !”
“กูไม่เคยคิดว่าจะทำอย่างนี้” มันพูดแล้วเปลี่ยนมารัดตัวผมเอาไว้ในอ้อมแขน “ไม่เคยคิดว่าจะต้องขืนใจมึง”
“ไอ้เหี้ย” ผมดิ้นสุดแรง “ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ”
“อย่าให้กูต้องทุบมึงก่อนนะ” มันว่าแล้วทำท่าจะต่อยผมจริง ๆ “อยากเจ็บตัวใช่ไหม”
“ข่มขืนกูได้ กูก็ไม่ยอมเป็นของมึงหรอก” ผมขืนตัวหนักขึ้นเมื่อถูกอุ้ม “มึงเตรียมตัวออกไปจากชีวิตกูได้เลย”
น่าจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว..
น่าจะเลิกเป็นเพื่อนกับมัน นับตั้งแต่วันแรกที่รู้ตัวแล้วว่ามันคิดยังไง..Ma-NuD_LaW
ขอบคุณทุกความเห็นครับ