►เสี้ยวอสูร◄☾[จีนโบราณ]-บทส่งท้าย[28/03/61]-END!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►เสี้ยวอสูร◄☾[จีนโบราณ]-บทส่งท้าย[28/03/61]-END!!!  (อ่าน 94726 ครั้ง)

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตอนนี้เทคะแนนให้แม่ทัพงู อิอิ  :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ขอเพลงที่มีงูออกม------ผัวะ โดนตบ #fcคุณงู

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
อีเข้ปากดีมาก ทำตัวร้ายกาจจริง ๆ แต่ว่าไม่ได้แมวของเราก็ปากใช่ย่อย พอกัน แม่ทัพเจี้ยนสือหล่อมากตอนนี้ แม่ทัพหมายังไม่รู้ตัว อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว สนุกมาก ๆๆ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อืม ท่าทางน้องหมาจะไม่น่าอยู่สุขหลังจากนี้

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่อยู่ทีมแม่ทัพอีกต่อไปค่ะ มาอยู่กับเฉิงเฉิงดีกว่า ถ้าจะมาเอ็นดูแล้วไม่รัก คราวหลังก็ไม่ต้อง หึ โกรธ !  :serius2:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เฉิงเฉิง ขอให้เมินเจ้าหมาไปเลยนะ  :hao3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เคืองแม่ทัพหมาแรงมากกกก เชียร์แม่ทัพงู!!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อ่าววว แม่ทัพงูมีแผนไรป่าว หลอกเจ้าเหมียวออกมาด้วยเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nokkkey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณพี่เข้ก็ใจร้ายดุน้องเกินไปแล้วค่ะ!! โกรธคุณหมาดูแลน้องแมวดีๆหน่อยสิคะ น้องหนีไปเที่ยวกับพี่งูแล้ว :hao5:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
นี้พี่หมา เจ้าแมวหนีไปเที่ยวกับพี่งูแล้ว(และมีแววว่าจะไปด้วยอีก)พี่จะเอาไง? ระวังแมวโดนงูรัดนะ :katai3:

ออฟไลน์ Nov9th

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
[ตัวอย่าง] บทที่ 11: ของกำนัลจากอสรพิษ

วันนี้ไม่ได้อัปนะคะ แปะตัวอย่างไว้ก่อน ตัวเต็มมาพรุ่งนี้
เจิมรอกันไปก่อนนะคะ
-------------------

“พ่อบ้านเหลียงหรือ?” เบิกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “ก็ปากมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนยังอยู่บนสวรรค์ก็เป็นเทพที่จู้จี้เช่นนี้แหละ”
เจี้ยนสือดูไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร แต่ซิ่นเฉิงนั้นเบ้หน้าออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าจระเข้ที่เอาแต่พูดจาตำหนิใส่เขา

“แล้วเจ้าล่ะ ไม่มีพ่อบ้านคอยดูแลจัดหาฮูหยินให้บ้างหรือ?”

เจี้ยนสือเหลือบมองหน้าคนถามเล็กน้อย
“ข้ามีแต่พ่อบ้านคอยดูแลความเรียบร้อยในจวนเท่านั้น หาได้มาจุกจิกเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้”
“เพราะเจ้าไม่ชอบ?”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง ข้ารักสันโดษ อีกส่วนหนึ่งคือไม่มีสตรีนางใดกล้าเผชิญหน้ากับข้า”

จบประโยคนี้ ซิ่นเฉิงก็นิ่งงัน เขาพอจะเข้าใจสิ่งที่เจี้ยนสือพูด ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นงูจงอางดำมะเมื่อม นอกจากจะอัปลักษณ์แล้ว ยังน่าหวาดกลัวเสียจนไม่อาจกล้ามองหน้า แต่หารู้ไม่ว่าเจี้ยนสือในร่างของอดีตเทพที่นั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ตรงหน้าเขานั้นช่างเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ เขามั่นใจมากทีเดียวว่าหากสตรีนางใดเห็นเจี้ยนสือในแบบที่เขาเห็น ไม่แคล้วจะต้องยอมพลีเรือนร่างเป็นฮูหยินให้อย่างแน่นอน

“เจ้าก็ไม่คิดจะหาเช่นนั้นสิ?”
“ข้าไม่เห็นประโยชน์อันใดในการตบแต่งฮูหยินเข้าจวนเพื่อสร้างทายาทเข้ากองทัพเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำกันอยู่มันเป็นเพียงความขลาดกลัวของพวกเบาปัญญาก็เท่านั้น”

ซิ่นเฉิงอยากจะถามว่าขลาดกลัวเรื่องใดกัน ทว่าก็ไม่ได้พูดไปเมื่อเจี้ยนสือเอ่ยขึ้นมาอีก
“ที่สำคัญ ข้าไม่คิดที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงต้องเอาบ่วงมาคล้องคอ”
“เจ้าพูดราวกับว่าไม่อยากอยู่ที่แคว้นเฟิงฝูอย่างไรอย่างนั้น” ซิ่นเฉิงเอ่ยสวน

เจี้ยนสือเหลือบมอง ใบหน้าคร้ามคมมีรอยยิ้มประดับบางๆ
“ใช่ ไม่อยากอยู่”
“เพราะเหตุใด”

จังหวะที่สิ้นเสียง ก้อนเมฆก็เคลื่อนคล้อยมาบดบังแสงจันทรา ส่งผลให้ท้องฟ้ามืดมิดฉับพลัน มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงที่ปักอยู่บนผืนทรายเท่านั้นที่ส่องสว่าง ใบหน้าหล่อเหลาของเจี้ยนสือแปรเปลี่ยนเป็นดำทะมึน ศีรษะมนุษย์กลายเป็นศีรษะของงูจงอาง ไม่ว่าเห็นครั้งใด ก็ทำซิ่นเฉิงขนลุกได้ทุกคราจนต้องขยับถอยหลังไปด้วยตกใจ ซึ่งนั่นเป็นที่น่าอดสูสำหรับเจี้ยนสือเหลือเกิน

“อยู่ที่แดนมนุษย์ ข้าจะมีรูปลักษณ์เช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะอยากอยู่อย่างนั้นหรือ? อยู่กึ่งกลางระหว่างเทพและปีศาจ เจ้าคิดว่าข้าทรมานเพียงใด”

ซิ่นเฉิงได้สติกลับคืนมาในตอนนี้ พลันตระหนักได้ว่าอากัปกิริยาของตนช่างหยาบคายนัก ถึงใครต่อใครจะกล่าวว่าเจี้ยนสือเป็นอสรพิษร้าย แต่ในสายตาของเขา เจี้ยนสือกลับดูน่าสงสาร

เท่านั้น ซิ่นเฉิงก็รีบเก็บอาการให้เป็นปกติ ขยับเข้ามาใกล้ดังเดิม แล้วว่าออกมา
“เจ้าก็ไม่ได้อัปลักษณ์สักเท่าไร”
“แล้วเจ้าตกใจด้วยเหตุใด” เจี้ยนสือถามด้วยอารามขบขัน แต่ในดวงตาสีเหลืองอำพันกลับทอประกายความเจ็บปวด

ซิ่นเฉิงขมวดคิ้ว พลันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าเพียงแค่ตกใจที่จู่ๆ เจ้าก็เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ แต่ข้ายังคงยืนยันว่าเจ้าไม่ได้อัปลักษณ์”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้ากล้าสัมผัสข้าหรือไม่?”

คล้ายกับเป็นการท้าทาย ซึ่งแท้จริงแล้ว เจี้ยนสือก็แค่พูดออกไปเท่านั้น ขณะที่ซิ่นเฉิงสูดหายใจเข้าปอด แล้วยื่นมือออกไปสัมผัสที่ข้างซีกหน้าของเจี้ยนสือโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

ฝ่ามือหยาบกร้านแตะลงบนเกล็ดสีดำ สัมผัสลื่นๆ นั้นทำเอาซิ่นเฉิงกลั้นหายใจไปเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ละมือออก ครั้นเจี้ยนสือเหลือบมอง เขาก็พูดออกมา

“เหตุใดข้าจึงไม่กล้าสัมผัสเจ้ากัน”

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
โอ๊ะ ซิ่นเฉิงอ่อยท่านแม่ทัพจงอางซะแล้ว แถมยังคุยกันถูกคออีก งานนี้แม่ทัพหมาจะถูกลืมแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อร๊ายคุณงูจะหลงแมวน้อยอีกตัวหรือเปล่าาาา

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตายๆ เจ้างูหลงแมวแน่นอน

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อย่ามาแย่งเจ้าเหมียวกับท่านหมานะ

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
โถ่ พระเอกออกมาตอนที่11ก็ไม่บอก กร๊ากกกกก  //เราจะแปรพัก

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ice.sp0211

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เชียรท่านงูแทนได้ไหม 5555 #เรือเริ่มเอียง

ออฟไลน์ Kawaiichibi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ย้ายฝั่งมาหาแม่ทัพงู :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ Nov9th

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
บทที่ 11: ของกำนัลจากอสรพิษ

รู้ว่าการลอบออกจากจวนเป็นการละเมิดคำสั่ง เมื่อคืนนี้ที่เขาหนีออกไปก็ถูกพ่อบ้านเหลียงจับได้และถูกตำหนิเสียจนหูชาเพราะเขี้ยนสือเป็นผู้พาเขามาส่งถึงจวน แต่กระนั้นซิ่นเฉิงก็ยังทำในราตรีถัดมาตามคำชวนของเจี้ยนสือด้วยเห็นว่าเทียนอี้หาได้สนใจผู้ใดนอกเสียจากแม่นางผู้นั้นที่มาพำนักอยู่ที่จวนตั้งแต่เมื่อคืน และดูท่านางคงจะอยู่อีกหลายวันทีเดียวหากเทียนอี้ยังคงให้ความสนใจอยู่เช่นนี้

ไม่ใช่เพราะความน้อยใจหรอกที่ทำให้ต้องลอบหนีออกมายามวิกาล ออกมาเพราะเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ไร้ซึ่งอิสรภาพต่างหาก... ซิ่นเฉิงบอกกับตัวเองเช่นนั้นแม้ว่าในใจจะปวดหนึบทุกคราเมื่อเห็นว่าเทียนอี้ยังคงหมกตัวอยู่แต่ในห้องรับรอง สนทนาพาทีกับหญิงสาวในเรื่องที่เขาไม่รู้

น่ารำคาญใจนัก!

คิดแล้วก็ยิ่งหัวเสีย เมื่อหัวเสียก็ยิ่งทวีความเร็วในการเหาะเหินเดินอากาศมากขึ้น ก่อนจะต้องชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบดังกุบกับไล่ตามมา ครั้นหันไปมองก็พบว่าคนที่นั่งอยู่บนนั้นคือแม่ทัพผู้มีศีรษะเป็นงูจงอาง
“เจ้าจะหนีออกไปโดยไม่มีข้าตามไปด้วยอย่างนั้นหรือเจ้าเหมียว!”

ซิ่นเฉิงชะงักฝีเท้าบนหลังคาบ้านหลังหนึ่งทันที หายใจหอบโยนเล็กน้อย ขณะที่เจี้ยนสือเองก็ดึงบังเหียนให้ม้าหยุดวิ่งเช่นกัน
“ลงมาสิ ออกไปด้วยกัน”

ไม่ปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น ซิ่นเฉิงทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่าง ตรงเข้าไปหาเจี้ยนสือ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงขึ้นมานั่งบนหลังอาชาตัวเขื่อง และแน่นอนว่าเป็นอีกครั้งที่ถูกบังคับให้นั่งหน้าโดยมีเจี้ยนสือประกบข้างหลัง ก็พอเข้าใจเหตุผลของแม่ทัพผู้นี้อยู่หรอกถึงได้ไม่เอ่ยทักท้วงใดๆ ปล่อยให้เจี้ยนสือได้ควบม้าออกไปยังนอกประตูแคว้น

ไม่นานนักก็เข้าสู่ทะเลทราย เจี้ยนสือจำต้องตรวจตราความเรียบร้อยของทหารเวรยามในสังกัดจวนของตนก่อน เมื่อเป็นที่เรียบร้อยถึงได้พาซิ่นเฉิงมานั่งเล่นยังผืนทราย มือที่ถือคบเพลิงปักมันลงสู่พื้น แสงสว่างสีส้มพอจะทำให้มองเห็นรอบข้างได้บ้าง ดวงจันทร์ไม่ได้เต็มดวงดั่งเช่นคืนเทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่ก็ยังสว่างไสว ส่งผลให้ร่างกายของเจี้ยนสือแปรเปลี่ยนเป็นอดีตเทพ
ซิ่นเฉิงหาได้สนใจเท่าไรนัก แม้ว่าจะตะลึงงันทุกคราที่ได้เห็นร่างจริง แต่ก็หาได้แสดงออกใดๆ ด้วยในใจเขาว้าวุ่นเกินกว่าจะสนใจภาพงดงามเบื้องหน้า

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น สายตาทอดมองไปยังทะเลทราย น่าเสียดายนักที่ความมืดบดบังความสวยงามของบ้านเกิด ทำให้ซิ่นเฉิงไม่อาจมองเห็นสิ่งใดในทะเลทรายเวิ้งว้างนอกจากความมืดมิด สิ่งที่พอจะดึงดูดสายตาของเขาได้มีเพียงผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวพราวระยับ และ...ใบหน้าของคนข้างกายที่เพิ่งจะทรุดตัวลงนั่งเมื่อครู่

“วันนี้เจ้าอารมณ์ไม่ดีหรือไร สีหน้าดูไม่ดีนัก”

ซิ่นเฉิงหันไปมองก็เห็นสีหน้าร่าเริงของอีกฝ่าย ราวกับว่าเจี้ยนสือกำลังจะได้ฟังเรื่องสนุกอย่างไรอย่างนั้น
“พ่อบ้านเหลียง... จับได้ว่าข้าหนีออกจากจวน” กระนั้นซิ่นเฉิงก็พูดออกไป

ซึ่งใช่... มันเป็นสิ่งที่ทำให้ซิ่นเฉิงหัวเสีย ทว่าหาได้หัวเสียเพราะถูกพ่อบ้านเหลียงตำหนิ แต่เป็นเพราะการที่เทียนอี้ไม่มีปฏิกิริยาใดกับการหนีหายออกไปของเขาต่างหาก ถ้าพ่อบ้านเหลียงรู้ มีหรือที่จะไม่บอกแก่ผู้เป็นนาย แล้วการที่เทียนอี้ทำเมินเฉยเช่นนั้นก็หมายความว่าเขาหาได้สำคัญอีกต่อไป

สำคัญ... ปกติก็ไม่ได้สำคัญอยู่แล้ว แค่ทาสหายไปเพียงคนเดียว มันจะไปสำคัญอันใดกัน!

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ก่อนจะพูดต่อไม่หยุด
“ตำหนิติเตียนข้าราวกับว่าไปสร้างเรื่องร้ายแรงเอาไว้ น่ารำคาญนัก!”
“พ่อบ้านเหลียงหรือ?” เจี้ยนสือเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยรู้ดีว่าคนที่ถูกพูดถึงนั้นมีอุปนิสัยเป็นอย่างไร “ก็ปากร้ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนยังอยู่บนสวรรค์ก็เป็นเทพที่จู้จี้เช่นนี้แหละ”

เจี้ยนสือดูไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร แต่ซิ่นเฉิงนั้นเบ้หน้าออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าจระเข้ที่เอาแต่พูดจาตำหนิใส่เขา
“ข้าล่ะอยากจับมาแล่หนังเสียให้รู้แล้วรู้รอด เจ้ากี้เจ้าการ ล่วงเกินแม้กระทั่งนายตนเอง”

ประโยคนี้กล่าวถึงเทียนอี้ด้วย คนฟังพอจะเข้าใจความหมายเพราะตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เขาได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าพ่อบ้านเหลียงพยายามจะหาฮูหยินให้เทียนอี้มากเพียงใด

เสียงหัวเราะที่ดังเบาๆ เป็นคำตอบ ทำเอาซิ่นเฉิงที่มุ่ยหน้าอยู่หันไปถาม
“แล้วเจ้าล่ะ ไม่มีพ่อบ้านคอยดูแลจัดหาฮูหยินให้บ้างหรือ?”

จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ทำให้คนถูกถามมองอีกฝ่ายนิ่งไปครู่ก่อนจะตอบ
“ข้ามีแต่พ่อบ้านคอยดูแลความเรียบร้อยในจวนเท่านั้น หาได้มาจุกจิกเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้”
“เพราะเจ้าไม่ชอบ?”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง ข้ารักสันโดษ อีกส่วนหนึ่งคือไม่มีสตรีนางใดกล้าเผชิญหน้ากับข้า”

จบประโยคนี้ ซิ่นเฉิงก็นิ่งงัน เรื่องรักสันโดษก็พอจะเดาออก เพราะเจี้ยนสือดูไม่ไปมาหาสู่ผู้ใดสักเท่าไร ต่างจากหมิงจูและเทพอสูรชั้นสูงตนอื่นๆ ที่แวะเวียนมาหาเทียนอี้ทุกวี่วัน แต่เขาหาได้เคยเห็นเจี้ยนสือเลยหลังจากที่พาเขากลับไปส่งยังจวนในคืนนั้น และก็พอจะเข้าใจสิ่งที่เจี้ยนสือพูดอีกด้วย ...เพราะรูปลักษณ์ที่เป็นงูจงอางดำมะเมื่อม นอกจากจะอัปลักษณ์แล้ว ยังน่าหวาดกลัวเสียจนไม่อาจกล้ามองหน้า แต่หารู้ไม่ว่าเจี้ยนสือในร่างของอดีตเทพที่นั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ตรงหน้าเขานั้นช่างเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ เขามั่นใจมากทีเดียวว่าหากสตรีนางใดเห็นเจี้ยนสือในแบบที่เขาเห็น ไม่แคล้วจะต้องยอมพลีเรือนร่างเป็นฮูหยินให้อย่างแน่นอน

“เจ้าก็ไม่คิดจะหาเช่นนั้นสิ?”
“ข้าไม่เห็นประโยชน์อันใดในการตบแต่งฮูหยินเข้าจวนเพื่อให้กำเนิดทายาทเข้ากองทัพเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำกันอยู่มันเป็นเพียงความขลาดกลัวของพวกเบาปัญญาก็เท่านั้น”

เรื่องให้กำเนิดทายาท ซิ่นเฉิงก็พอจะเข้าใจเช่นกันด้วยรู้ว่าเทพอสูรมีแต่บุรุษ บางส่วนที่ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ในครั้งนั้นก็สูญสลายไปบ้างแล้ว เหลืออยู่เพียงกระหย่อมหนึ่ง แต่เรื่องความขลาดกลัวนั้น เขาหาได้รู้เลยแม้แต่น้อย อยากจะถามเหมือนกันว่าขลาดกลัวเรื่องใด ทว่าก็ไม่ได้พูดไปเมื่อเจี้ยนสือเอ่ยขึ้นมาอีก

“ที่สำคัญ ข้าไม่คิดที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงต้องเอาบ่วงมาคล้องคอ ต่อให้อยู่มาแล้วหลายร้อยปี แต่ไม่ว่าอย่างไร แดนมนุษย์ก็หาใช่ที่ของข้า”
“เจ้าพูดราวกับว่าไม่อยากอยู่ที่แคว้นเฟิงฝูอย่างไรอย่างนั้น” ซิ่นเฉิงเอ่ยสวน

เจี้ยนสือเหลือบมอง ใบหน้าคร้ามคมมีรอยยิ้มประดับบางๆ
“ใช่ ไม่อยากอยู่”
“เพราะเหตุใด”

จังหวะที่สิ้นเสียง ก้อนเมฆก็เคลื่อนคล้อยมาบดบังแสงจันทรา ส่งผลให้ท้องฟ้ามืดมิดฉับพลัน มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงที่ปักอยู่บนผืนทรายเท่านั้นที่ส่องสว่าง ใบหน้าหล่อเหลาของเจี้ยนสือแปรเปลี่ยนเป็นดำทะมึน ศีรษะมนุษย์กลายเป็นศีรษะของงูจงอาง ไม่ว่าเห็นครั้งใด ก็ทำซิ่นเฉิงขนลุกได้ทุกคราจนต้องขยับถอยหลังไปด้วยตกใจ ซึ่งนั่นเป็นที่น่าอดสูสำหรับเจี้ยนสือเหลือเกิน

“อยู่ที่แดนมนุษย์ ข้าจะมีรูปลักษณ์เช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะอยากอยู่อย่างนั้นหรือ? อยู่กึ่งกลางระหว่างเทพและปีศาจ เจ้าคิดว่าข้าทุกข์ทรมานเพียงใดกัน”

ซิ่นเฉิงได้สติกลับคืนมาในตอนนี้ พลันตระหนักได้ว่าอากัปกิริยาของตนช่างหยาบคายนัก ถึงพ่อบ้านเหลียงจะเคยกล่าวว่าเจี้ยนสือเป็นอสรพิษร้าย แต่ในสายตาของเขา เจี้ยนสือกลับดูน่าสงสารนัก

เท่านั้น ซิ่นเฉิงก็รีบเก็บอาการให้เป็นปกติ ขยับเข้ามาใกล้ดังเดิม แล้วว่าออกมา
“เจ้าก็ไม่ได้อัปลักษณ์สักเท่าไร”
“แล้วเจ้าตกใจด้วยเหตุใด” เจี้ยนสือถามด้วยอารามขบขัน แต่ในดวงตาสีเหลืองอำพันกลับทอประกายความเจ็บปวด
ซิ่นเฉิงขมวดคิ้ว พลันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าเพียงแค่ตกใจที่จู่ๆ เจ้าก็เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ แต่ข้ายังคงยืนกรานว่าเจ้าไม่ได้อัปลักษณ์”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้ากล้าสัมผัสข้าหรือไม่?”

คล้ายกับเป็นการท้าทาย ซึ่งแท้จริงแล้ว เจี้ยนสือก็แค่พูดออกไปเท่านั้น ขณะที่ซิ่นเฉิงสูดหายใจเข้าปอด แล้วยื่นมือออกไปสัมผัสที่ข้างซีกหน้าของเจี้ยนสือโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

ฝ่ามือหยาบกร้านแตะลงบนเกล็ดสีดำ สัมผัสลื่นๆ นั้นทำเอาซิ่นเฉิงกลั้นหายใจไปเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ละมือออก ครั้นเจี้ยนสือเหลือบมอง เขาก็พูดออกมา

“เหตุใดข้าจึงไม่กล้าสัมผัสเจ้ากัน”

ดวงตาของทั้งคู่สบประสานนิ่ง ชั่วขณะหนึ่ง ความอบอุ่นก็พร่างพรายในอกของเทพอสูรราวกับสุริยันสาดแสงยามเช้า นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้ถูกผู้อื่นสัมผัสเช่นนี้

สิบปี... ห้าสิบปี... หรือร้อยปี...

เขายังคงคิดถึงฝ่ามืออันอบอุ่นของคนผู้นั้นที่อิงแอบซีกหน้าทุกครั้งที่ปลอบประโลมเขาได้เสมอ ก่อนที่ใบหน้าอสรพิษร้ายนั้นจะแปรเปลี่ยนกลับคืนสู่ใบหน้าของอดีตเทพเมื่อแสงจันทร์ทอประกายลงมาอาบร่างอีกครั้ง กลายเป็นว่าในยามนี้ ซิ่นเฉิงกำลังสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอีกคนอยู่ ขณะที่เจี้ยนสือยกยิ้มออกมา

“ความอ่อนโยนของเจ้า...ช่างเหมือนกับคนผู้นั้นนัก ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากผู้อื่น” จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปสัมผัสยังปลายเครื่องประดับผมของซิ่นเฉิงที่มีเขี้ยวของสุนัขป่าห้อยอยู่ “ไม่แปลกใจเลยหากเทียนอี้จะเอ็นดูเจ้าถึงเพียงนี้”

ซิ่นเฉิงไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ก็ไม่ใคร่คิดจะถามเพราะพอจะเดาได้ว่าเจี้ยนสือหมายถึงผู้ใด

ก็คงจะเป็น ‘ใครคนนั้น’ ที่ใครต่อใครพากันพูดถึงอย่างไรล่ะ บัดนี้คงจะเป็นสตรีที่ชื่อว่าหลิวซูกระมัง

“ข้าก็คือข้า ไม่ใช่ผู้อื่น” ซิ่นเฉิงดึงฝ่ามือกลับมา น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิด ไม่พอใจกับการถูกเปรียบเทียบสักเท่าไร

ทว่า...ดึงมือออกห่างได้เล็กน้อย เจี้ยนสือก็คว้ามือนั้นไปจับมั่น ครั้นซิ่นเฉิงขมวดคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร คนตัวการก็เอ่ยออกมา

“เจ้าอยากได้เขี้ยวของข้าไว้ประดับผมบ้างหรือไม่”

เขี้ยวของงูจงอาง...

ซิ่นเฉิงไม่เอาด้วยอย่างแน่นอน ทว่าพอจะปฏิเสธด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เจี้ยนสือก็กลั้วหัวเราะออกมา

“ข้าก็หยอกเจ้าเล่นไป มีใครกันบ้างเอาเขี้ยวของงูจงอางมาประดับผม”

คล้ายกับว่าคนข้างกายของเจี้ยนสือจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก กระนั้นก็ต้องหันไปมองอีกฝ่ายนิ่งเมื่อเจี้ยนสือยังไม่หยุด

“แต่ข้าก็มีของจะให้เจ้า ไปที่จวนข้าสิ แล้วข้าจะบอกเจ้าว่าจะมอบสิ่งใด”

ไม่ควรไป... ต่อให้เจี้ยนสือน่าสงสารเพียงใด แต่ก็หาได้สนิทสนมกันถึงขนาดไปเยือนถิ่นอย่างนั้น ทว่า...ต่อให้เขาไป แล้วผู้ใดจะสนใจกันล่ะ ความสนใจทั้งหมดทั้งมวลนั้นตกไปอยู่ที่หลิวซูแล้ว

“ไปสิ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้ามีสิ่งใดจะให้” ตอบรับไปโดยไม่ครุ่นคิดในเสียเวลานานนัก

เทพอสูรงูจงอางหัวเราะในลำคอ เผยอยิ้มออกมา มองผ่านๆ ช่างดูเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์นัก แต่ซิ่นเฉิงก็เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าหากถูกกลั่นแกล้งก็จะสู้จนตัวตาย โดยหารู้ไม่ว่ารอยยิ้มนั้น...เป็นธรรมชาติของเจี้ยนสือ เขามักมีรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างนี้เสมอ
เมื่อชายหนุ่มทะเลทรายตอบรับ เจี้ยนสือก็เดินนำไปยังอาชาซึ่งผูกอยู่กับเสาโดยมีทหารเทพอสูรตนหนึ่งดูแล ครั้นขึ้นไปนั่งกุมบังเหียนได้ ก็ร้องเรียกให้ซิ่นเฉิงเข้ามาใกล้ ฉุดอีกฝ่ายขึ้นนั่งแล้วควบกลับเข้าไปในแคว้นเฟิงฝู มุ่งหน้าสู่จวนของตนทันใด




 
ไม่นานนักก็มาถึงยังที่หมาย จวนของแม่ทัพใหญ่เจี้ยนสือหาได้แตกต่างจากจวนของเทียนอี้แม้แต่น้อย เพียงแต่แลดูเงียบสงบกว่า อีกทั้งบรรดาคนรับใช้ในจวนก็ดูจะนอบน้อมกว่าเสียด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...พ่อบ้านที่ดูจะไม่จุกจิกจู้จี้ดังเช่นพ่อบ้านเหลียง แลยำเกรงผู้เป็นนายกว่าเทพอสูรผู้มีใบหน้าเป็นจระเข้อยู่โข

เจี้ยนสือเชื้อเชิญแขกยามวิกาลของจวนเข้าสู่ห้องรับรอง คนรับใช้ยกน้ำชาและขนมจำนวนหนึ่งมาต้อนรับ ก่อนจะถูกผู้เป็นนายไล่ออกไปด้วยเขาต้องการจะพูดคุยกับซิ่นเฉิงตามลำพัง

“หากข้าต้อนรับเจ้าได้ไม่ดีนักก็ต้องขออภัยด้วย ข้าเชิญเจ้ามากะทันหันเกินไป”
“ไม่ต้องมากความ เจ้ามีสิ่งใดจะให้ข้าก็จงรีบนำมา”

ซิ่นเฉิงไม่ชอบพิธีรีตอง อีกอย่าง เขาไม่ค่อยสนิทใจเท่าไรนักกับการมาอยู่ที่นี่ ก้าวเข้าจวนของเจี้ยนสือก็เหมือนเหยียบย่างรังงูพิษ จะทำใจให้สบายได้อย่างนั้นหรือ? ยิ่งในตอนนี้ เจี้ยนสืออยู่ในร่างของเทพอสูรด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่ไว้ใจมากขึ้นไปใหญ่

เจ้าของจวนเห็นแววตระหนกในดวงตาสีนิลก็พอจะรับรู้ได้ว่าซิ่นเฉิงวิตกเพียงใด แม้จะแสร้งทำเป็นปกติ แต่ก็ไม่อาจตบตา เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายหวาดกลัวตนนักหรอก จึงเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นเจ้าจงรอที่นี่ก่อน ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”

จากนั้นก็หายออกไปจากห้องรับรอง อึดใจหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับกล่องไม้ไม่ใหญ่นักในมือ ซิ่นเฉิงมองตามกล่องไม้ที่ถูกมาวางไว้ตรงหน้า พลันขมวดคิ้วมุ่น
“สิ่งนั้นคือ...”
“เปิดดูสิ”

ถามยังไม่ทันจบ เจี้ยนสือก็เอ่ยสวนมาแล้ว ซิ่นเฉิงจึงจำใจต้องเปิดกล่องไม้นั้นดู เมื่อเห็นของที่อยู่ภายใน เรียวคิ้วก็ขมวดมุ่นมากกว่าเดิมด้วยไม่เข้าใจนัก

“นี่มัน...”
“มีด”

ซิ่นเฉิงรู้ ตามีก็เห็นอยู่ว่ามันคือมีดสั้นที่บริเวณด้ามถูกสลักด้วยลวดลายวิจิตร พินิจมองดีๆ ก็จะเห็นว่ามันเป็นลวดลายของงูเลื้อยพันโดยรอบด้ามมีด

“แล้วเจ้าจะมอบสิ่งนี้ให้ข้าด้วยเหตุใด” ซิ่นเฉิงถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้
“เพราะมันเป็นของเจ้า”
เมื่อได้ยินเจี้ยนสือตอบ ซิ่นเฉิงก็หันไปมองด้วยไม่เข้าใจ
“เป็นของข้า?”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่ของเจ้า แต่ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าควรได้ครอบครองมัน”

พูดบ้าอะไรของเจ้ากัน...

ซิ่นเฉิงย่นคิ้วยู่ ไม่เข้าใจความคิดอ่านของเทพอสูรผู้นี้เท่าไร เจี้ยนสือเห็นความฉงนในสีหน้าอีกฝ่ายก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะไขข้อสงสัยให้

“มันเป็นของคนรักของข้า”
“เช่นนั้นจะเอามาให้ข้าทำไมกัน”
“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก”

เจี้ยนสือหมายความดังที่พูด เขาเพียงแค่รู้สึกว่ามีดเล่มนี้ควรให้ซิ่นเฉิงเป็นผู้ครอบครองหลังจากที่เจ้าของเดิมลาลับไปนานหลายปี อาจเป็นเพราะถูกชะตาหรือมีวาสนาต่อกันก็ได้ เขาถึงได้สนใจซิ่นเฉิงมากเป็นพิเศษ

คำพูดกำกวมทำให้คนฟังยู่หน้า ก่อนเอ่ยสวนออกมา
“หากเจ้าไม่มีเหตุผลใดที่จะมอบมีดเล่มนี้ให้ข้า ข้าก็จะไม่ขอรับไว้ ในเมื่อมันเป็นของคนรักของเจ้า ไยถึงไม่เอาไปให้คนผู้นั้นกันเล่า มาให้ข้าทำไม”

ได้ยินคำถาม เจี้ยนสือก็นิ่งไปครู่
“คนรักของข้า... ตายไปแล้ว” จากนั้นก็พูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของซิ่นเฉิง “ข้าเป็นผู้สังหาร”
“เจ้า...”

ใคร่จะถาม แต่เมื่อเห็นแววตาของเจี้ยนสือแล้วก็เปล่งเสียงไม่ออก นัยน์ตาคู่นั้นประกายความเจ็บปวดออกมาจนซิ่นเฉิงที่มองอยู่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ยิ่งเจี้ยนสือเอ่ยปากออกมาด้วยแล้ว อีกฝ่ายก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด

“ข้าสังหารคนรักถึงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อครายังเป็นเทพบนสวรรค์ ครั้งที่สองเมื่อจุติยังโลกมนุษย์”
“คนรักของเจ้า...เป็นเทพอสูรเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่... เป็นเพียงเทพชั้นผู้น้อย เมื่อลงมายังแดนมนุษย์ก็กลายเป็นมนุษย์เพราะความเป็นเทพดับสูญ”

ซิ่นเฉิงไม่เข้าใจเลย ยิ่งได้ยินเจี้ยนสือถามก็ยิ่งอยากรู้ แต่การถามออกไปก็ใช่จะเป็นมารยาทที่ดี แม้เขาจะเกิดและเติบโตที่ทะเลทราย ทว่าก็หาได้ไร้ซึ่งกาลเทศะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดถึงคนรักที่จากไป ก็เหมือนกับการที่มีใครถามถึงมารดาเขานั่นแหละ หากเขาไม่อยากเล่า แต่ถูกเค้นถาม มันก็สร้างความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย

แต่สำหรับเจี้ยนสือ เขาหาได้คิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้น เห็นสีหน้าใคร่รู้ของซิ่นเฉิง ก็ยอมเปิดปากเล่าออกมาทั้งที่ไม่ได้พูดถึงมานานนับแรมปีแล้ว

“เจ้าคงพอได้ยินมาใช่หรือไม่ว่าเหตุใดเทพอสูรถึงมาอยู่ที่แดนมนุษย์”
คนถูกถามพยักหน้ารับน้อยๆ “แต่ก็หาได้รู้ลึกซึ้งนัก ข้ามีชีวิตอยู่ในทะเลทราย แค่เรื่องของตนกับคนในเผ่าก็มากมายพออยู่แล้ว หาได้ใส่ใจเรื่องของพวกเจ้า”

พูดมาเช่นนี้ เจี้ยนสือก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นสัญญาณบอกให้เขาเล่าออกมา ดังนั้นเขาจึงเปิดปากอย่างไม่รีรอ

“เมื่อครั้งยังเป็นเทพ ข้ากับเทียนอี้ได้รับคำสั่งจากองค์เง็กเซียนให้นำทัพไปปราบกบฏที่เมืองบาดาล ด้วยเทพมังกรวารีได้ให้ที่พักพิงแก่ปีศาจที่สังหารมนุษย์ หากแต่ข้ากับเทียนอี้ได้ตบตาองค์เง็กเซียนด้วยการแสร้งทำลายเมืองบาดาลแล้วทูลความเท็จ เมื่อถูกจับได้จึงถูกลงโทษด้วยการจองจำชั่วกัปชั่วกัลป์ ส่วนคนอื่นๆ ในกองทัพถูกเนรเทศลงมายังเมืองมนุษย์และจุติเป็นเทพอสูร แต่คนรักของข้า...ได้ช่วยข้ากับเทียนอี้ออกมา”

“เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้ากับเจ้าหมานั่นลงมาที่แดนมนุษย์ภายหลัง?”
“ใช่ แต่การที่ข้ากับเทียนอี้รอดพ้นการดับสูญมานั้น มันต้องแลกด้วยชีวิตของคนรักข้า”

ถึงตรงนี้ ซิ่นเฉิงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจี้ยนสือถึงได้บอกว่าตนเป็นผู้สังหารคนรักของตนเอง

“มีดเล่มนี้เป็นของกำนัลที่คนรักมอบให้ข้าเมื่อครั้งที่เขามาจุติเป็นมนุษย์ ซึ่งในครั้งนั้น...ข้าก็เป็นผู้สังหารเขาเช่นกัน... ด้วยพิษของข้า”
“เขา... เจ้าหมายถึงบุรุษ?”

ซิ่นเฉิงเอะใจ ไม่ได้สนใจเลยว่าเทพชั้นผู้น้อยผู้นั้นมาเกิดในเมืองมนุษย์แล้วมีจุดจบอย่างนั้นได้อย่างไร จะสนก็แต่คำแทนตัวที่หลุดออกจากปากของเจี้ยนสือเท่านั้น

“ใช่ บุรุษ”

เมื่อถูกถาม ก็ยอมรับตามตรง ทำเอาซิ่นเฉิงถึงกับอดบริภาษในใจไม่ได้

เจ้าอมนุษย์พวกนี้วิปลาสกันไปแล้วหรือไร ถึงได้เสพสมกับบุรุษด้วยกันอย่างนั้น...

แต่จะก่นด่ามากก็ไม่ได้ เพราะคิดดูดีๆ แล้ว เขาเองก็ไม่ต่างอะไรจากพวกเทพอสูรวิปลาสเหล่านี้แม้แต่น้อย เพราะเขาเองก็เคยเผลอไผลให้กับเทียนอี้...ซึ่งเป็นบุรุษเช่นกัน

“ข้าอยากให้เจ้าเก็บมีดเล่มนี้ไว้ จงใช้มันป้องกันตนเองเมื่อถึงคราวมีภัย มันควรอยู่กับเจ้ามากกว่าอยู่กับข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องตายเพราะข้าอีกเพราะมันจะช่วยเจ้าปลิดชีวิตข้าก่อนจะถูกข้าสังหาร”

ความคิดนั้นมลายหายไปเมื่อเจี้ยนสือพูดขึ้น ก่อนจะถูกซิ่นเฉิงสวนกลับ
“ข้าหาได้เคยตายเพราะเจ้า”
“คงจะเป็นเช่นนั้น เพราะข้าเองก็หาได้เคยรู้จักเจ้ามาก่อน มาพบพานก็ตอนที่เห็นเจ้าหนีออกจากจวนของเทียนอี้ครานั้น” เจี้ยนสือหัวเราะในลำคอ “แต่กระนั้นเจ้าก็จงเก็บมันไว้เถิด ถือเสียว่าเป็นของกำนัลจากข้า”

ซิ่นเฉิงอยากจะปฏิเสธ ทว่าเจี้ยนสือรู้ทัน จึงนำมีดด้ามนั้นยัดใส่มือของอีกฝ่ายเสียก่อน เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเองนักว่าเหตุใดถึงยกของต่างหน้าของคนรักให้กับชายที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอย่างซิ่นเฉิง รู้สึกแต่เพียงว่าชั่ววูบหนึ่งเขากลับคุ้นเคยกับชายหนุ่มผู้นี้อย่างไร้เหตุผล

“หากเจ้าคะยั้นคะยอถึงเพียงนี้ ข้าก็จะรับไว้” ซิ่นเฉิงว่าพลางเหน็บมีดนั้นไว้ที่ข้างเอว เมื่อเสร็จสิ้นก็มองหน้าอีกฝ่าย ครานี้ไร้ซึ่งความกลัวเกรงแล้ว อาจจะเป็นเพราะเริ่มคุ้นเคยก็เป็นได้ “ขอบน้ำใจเจ้ามาก”

เจี้ยนสือยิ้มรับ เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรในรูปลักษณ์เทพอสูร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมอบรอยยิ้มให้มนุษย์หนุ่มผู้นี้
“เสร็จสิ้นธุระแล้วก็กลับเถิด ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่จวนเทียนอี้ คราวนี้ข้าจะส่งที่กำแพงจวนแล้วเจ้าก็ปีนกลับเข้าไปเอง ระวังอย่าให้ผู้ใดเห็นล่ะ จะได้ไม่ถูกพ่อบ้านเหลียงตำหนิอีก”

ตระหนักได้ในตอนนี้ว่าการนำซิ่นเฉิงไปส่งถึงหน้าประตูจวนมันสร้างความเดือดร้อนเพียงใด ซึ่งซิ่นเฉิงก็เห็นดีด้วยกับคำพูดนั้น ก่อนจะก้าวออกจากห้องรับรอง ตรงไปยังหน้าจวนโดยมีแม่ทัพงูจงอางก้าวตามหลัง ครั้นจะขึ้นหลังม้า ซิ่นเฉิงก็หันมาเสียก่อน

“เจ้างู”

เจี้ยนสือซึ่งบัดนี้กลายร่างเป็นเทพสวรรค์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดต่อ

“ขอบน้ำใจเจ้าที่พาข้ากลับสู่ทะเลทราย แม้จะเป็นเพียงเวลาเสี้ยวถ้วยชา แต่ก็ทำให้ข้าคลายคิดถึงบ้านได้ดีทีเดียว”

เป็นอีกครั้งที่ซิ่นเฉิงเอ่ยขอบคุณ ทำเอาคนฟังยิ้มออกมา

“ข้าบอกเจ้าแล้ว สวนสวยในจวนหาได้เหมาะกับเจ้า ทะเลทรายต่างหากที่เป็นที่ของเจ้า”

ซิ่นเฉิงเองก็ยิ้มรับกับคำพูดนั้นเช่นกัน ก่อนที่จะเป็นคนแรกที่ปีนขึ้นหลังม้า พลางออกปากเรียก
“ขึ้นมาสิ ข้าจะขี่ม้าให้เจ้าเอง”

สนิทกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ...

เจี้ยนสืออดคิดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใด นอกจากจะปีนขึ้นไปนั่งซ้อนแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายควบม้าออกไปเท่านั้น

สายลมพัดผ่าน เส้นผมไร้ซึ่งการรวบของซิ่นเฉิงปลิวไสว เจี้ยนสือคว้าเอาปลายผมนุ่มมาไว้ในมือ สูดดมด้วยพลั้งเผลอ เมื่อได้กลิ่นทะเลทรายก็พลันคิดถึงอดีตคนรักขึ้นมา

ไยเจ้าช่างอุปนิสัยเหมือนกันนัก นอกจากคนผู้นั้นแล้ว ก็มีเจ้านี่แหละที่ไม่หวาดกลัวข้า
หรือว่าเจ้า... จะเป็นคนผู้นั้นกัน?

ไร้ซึ่งคำตอบ เจี้ยนสือก็ไม่คิดจะเอ่ยถาม รูปลักษณ์ไม่ใช่ เพียงนิสัยคล้ายคลึง แต่ในใจลึกๆ เขากลับภาวนา

ขอให้ได้พบพานอีกสักครา ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก... ข้าสัญญา

ซูซู...
-----------------------------
ตอนนี้ให้พระเอกของเรื่องออกโรงเต็มๆ เลยค่ะ #ผิด
ไหนๆ ขอเมนต์ที่มีงูออกมาหน่อยค่า //สแครชแผ่น 555
ปมซับซ้อนมาก แต่เรายังไม่บอกว่าซับซ้อนยังไง เดี๋ยวจะค่อยๆ มาเฉลย
ส่วนตอนหน้า...ถ้ายังไม่รีบตีตื้น พี่หมาได้หัวเหม็นเน่ากว่าเดิมแน่ๆ
 
ใครทีมใครบ้างคะ บอกหน่อย
#ทีมแม่ทัพหมา
#ทีมแม่ทัพงู

เพิ่มตัวเลือกให้อีกช้อย
#ทีมวิ่งบนน้ำไปได้ทุกเรือ 555

พรุ่งนี้อัปตัวอย่างตอนหน้าให้นะคะ ^^




ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#ทีมแม่ทัพงู ค่าาา อบอุ่นซะลืมไปเลยว่าหัวงู

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ยยย ย้ายทีมด่วนๆค่าาา555

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดี๋ยวๆ เจ้างูก็เพ้อถึงซูซูหรอ ซูซู นี่ใคร แล้วน้องแมวไม่ใช่ตัวแทนใครนะ :katai4:

มาม่ามาที่ละน้อยสินะ

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ทีมแม่ทัพงูจ้าาาา   พี่งูของเราคูลเหลือเกิน  ช่างเป็นคาเเร็คเตอร์ที่ดูเหมือนพระรองซีรี่ย์เกาหลีซะจริง   แต่ทางนี้ก็บังเอิญเป็นคนที่เททั้งใจให้พระรองตลอดอยู่แล้ว   พี่งูอ๊ปป้า <3

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ซูซูอีกแล้ววว ใครกันเนี่ยยย
ทีมงูเลยได้ไหม 5555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ทีมงูแม้จะรู้พี่งูเป็นแค่พระรอง หุหุ เจ้าหมาต้องโดนซะบ้างเจอสาวแล้วลืมแมวเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด