***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***อสุรา ล่ารัก asura hunter***ep 24 4/5/61  (อ่าน 13810 ครั้ง)

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตื่นมาพี่ปีจะยังจำได้อ๊ะป่าวววว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปี รู้แล้วล่ะสิว่าใครคือคนที่ช่วยตัวเองจมน้ำตอนเด็ก
แต่ทำไมรู้นี่สิ มีอะไรทำให้หวนนึกถึงเพียวตอนนั้นได้

แต่โกรธกันนี่ เพียวงอนหนักมากเลย
ปี หึงมั่กมาก ที่เพียวสนิทกับทศ

เขื่อนรุกไวเต็มที่จนหัวแตกละมั้ง

คูที่มีความสุขที่สุดเป็นธาร ภู   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nomilkky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 14


ปี พาท



คุณเคยตื่นกลัวอะไรแบบสุดขีดไหม กลัวในสิ่งที่ตัวเองจินตนาการ ผมเป็นหนึ่งในนั้น ผมเคยจมน้ำตอนเด็กๆ และนั่นมันทำให้ผมกลัวน้ำลึก น้ำที่มีสีเข้ม หรือบริเวณที่ขาผมแตะพื้นไม่ถึง มันคือความหวาดกลัวที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ สติผมจะหลุดทันทีที่รู้สึก รู้สึกที่เหมือนมีอะไรมายึดขาผมและดึงผมจมลงสู่ใต้น้ำ ใบหน้าผู้ชาย หน้าตาน่ากลัวยังอยู่ในความทรงจำของผม ผมไม่ชอบน้ำลึกไม่ชอบเลย

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องสีขาวๆ ที่มีแต่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ มีใครบางคนนอนจับมือผมไว้แน่น ผมก้มมองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวและตาบวมช้ำด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก มัน นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายผม รู้สึกดีขึ้นมาอีกนิดจากตอนแรกที่โกรธมากๆ พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...

//พะ..พี่สาวว// ในความทรงจำผมเห็นเธอคนนั้น คนที่ผมตามหามาทั้งชีวิต รักแรกที่ฝังใจผม เธอกำลังช่วยชีวิตผม เหมือนครั้งนั้น ใบหน้าหวานสวย ผมยาว ดวงตาคู่สวย เหมือนกับเธอคนนั้น ผมพยายามจะเพ่งมองให้แน่ใจ

//หะ..หาเจอจนได้//

ผมมองหน้าของคนที่นอนอยู่อย่างพิจรณา มีส่วนคล้ายคลึงกันจนน่าตกใจ ทำไมผมถึงไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่ ผมยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ เพราะผมค่อนข่างมั่นใจว่าเธอคนนั้นไม่ใช่ผู้ชาย อีกอย่างยังจำวันที่ไปกินจิ้มจุ่มได้ไหม ตอนนั้นผมเห็นอะไรบางอย่าง ในเงามืด ถ้าสิ่งที่ผมเห็นก่อนหน้านั้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เป็นแค่ภาพลวงตา ภาพที่ผมเห็นคนไฟลุกไหม้จนสลายหายไป คนที่ยืนหันหลังให้ผมมีรูปร่างคลายเด็กเพียวนี่มาก และอีกคนที่ผมมองไม่ถนัดเพราะมันทั้งมืดและมีพุ่มไม้บดบัง ตั้งแต่นั้นผมก็พยายามจะทดสอบมันหลายอย่าง เช่น ตอนที่มันเข้าวัด ดูก็รู้ว่ามันตื่นๆ เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ผมเห็นมันยืนคุยคนเดียวตอนที่อยู่วัดด้วย แต่มันสามารถเข้าโบถ์ของวัดได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร มันเลยทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ ว่ามันเป็นคนหรือเป็นผี ยังจำตอนที่ผมจะตกบันไดได้ไหม มันมาถึงตัวผมเร็วมากมากเหมือนหายตัวมา ทั้งๆ ที่มันก็อยู่ที่บ้านของมัน ตกลงมันเป็นตัวอะไรกันแน่ ถามว่ากลัวไหม ไม่นะ บางทีผมอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้ อาจจะจะเมาหมูจุ่มอะไรแบบนี้

ขยับตัวเบาๆ จนอีกคนค่อยๆ ลืมตาตื่น มันมองหน้าผมด้วยแววตาสำนึกผิด

“พี่ปี..เป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี..กว่าตอนอยู่ในน้ำ” ไม่ได้ประชดแต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไอ้เพียวหน้าหมองลงทันที

“พี่ ผมขอโทษนะ ผมไม่รู้ว่าพี่จะกลัวขนาดนั้น”

“ยอมคุยกับกูแล้วเหรอ”

“พี่...คือ”

“ช่างเถอะ กูไม่อยาก ชวนมึงทะเลาะ กลับไปพักผ่อนเถอะ” ไล่มันกลับไปพักเพราะหน้ามันเหมือนคนไม่สบาย

“ผมไม่ไป จะอยู่เฝ้าพี่ที่นี่” มันช้อนตาบวมๆ ขึ้นมามองผม

“อย่าดื้อสิ”

“ฮึก..ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” จู่ๆ มันก็ร้องไห้ ออกมา

“.....”

“ผมไม่คิดว่าพี่จะเป็นแบบนั้น แบบที่กลัว จน ฮึก ขาแข็ง รู้ไหม ว่าผม กลัวแค่ไหน ตอนที่ปั๊มหัวใจให้พี่ ฮึก..”

“.....”

“ฮึก..ฮืออ”

“ห่วงกูขนาดนั้นเลยเหรอ” มันพยักหน้าตอบ

“คิดว่าอยากให้กุตายเสียอีก” ผมประชดด้วยการทำเสียงขึ้นจมูก

“ไม่เคยคิด..ฮึก.เลย ไม่ได้อยากให้พี่ตายสักหน่อย” ส่ายหน้าแรงๆ ใส่ผมแล้วโผเข้ากอดผมซะแน่นก่อนจะสะอื้น ปากก็พร่ำแต่ขอโทษผมไม่หยุด ร้องจนตาแดงจมูกแดงไปหมด สองมือผมโอบกอดมันโดยอัตโนมัติลูบหัวทุยๆ ที่ซุกอยู่ที่เอว

“พี่...ฮึก..ผมขอโทษนะ”

“เออ เลิกพูดคำนี้ได้แล้ว”

มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้รู้สึกว่าคนตรงหน้าก็มีมุมที่อ่อนโยนไม่น้อย ทั้งสีหน้าและแววตามันบอกได้ดีว่ามันห่วงผมมากแค่ไหน ผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจ มันแค่โกรธผมและอยากจะแกล้งผมเท่านั้น มันไม่ผิดหรอก ผิดที่ผมเองมากกว่าที่เอาชนะความกลัวนั้นไม่ได้สักที นั่งลูบหัวจนมันคลายสะอื้น จับคางให้เงยหน้าขึ้นมามอง

“ตาบวมหมดแล้ว” ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกให้ แล้วส่งยิ้มให้มัน เผื่อมันจะสบายใจขึ้น

“ฮึก...ต่อไปนี้จะไม่ ฮึก แกล้งแล้ว..ฮึก” สะอื้นจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง

“เห้ออ เดี๋ยวเวลามึงโกรธกูมึงก็แกล้งกูอีกกูรู้ เลิกร้องได้แล้ว เสื้อกูเปียกหมดแล้วเนี้ยะ” แกล้งดุมันเบาๆ มันพยายามจะไม่สะอื้น

“อึ๊บ...”

“ฮึก..ฮือ..อึ๊บไร..ฮึก ละ” ผมทำเสียงอึ๊บแบบเด็กๆ เวลาจะให้หยุดสะอื้นมันหันมามองค้อนแล้วก้มหน้าลงกับตักของผม ถูไถไปมา -*- นี่มันอ้อนหร้อแกล้งเช็ดขี้มูกวะ

“นี่อ้อน หรือแอบเช็ดขี้มูก”

“อึก..ทั้งคู่” ตกใจกับคำตอบมันไม่น้อย มาไม้ไหนอีก เมื่อวานยังงอนกันจะเป็นจะตายอยู่เลย

“ไม่โกรธกูแล้ว”

“ก็โกรธอยู่ แต่ห่วงมากกว่า” มันตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ ผมคงพูดแรงไป ไม่รุ้ตอนนั้นอะไรเข้าสิงถึงได้พูดจาแบบนั้นออกไป รู้ทั้งรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ ปากผมมันไว กว่าสมอง ถึงได้พลั้งปากไปแบบนั้น อยากจะขอโทษมันอยู่เหมือนกัน แต่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ถือว่าเจ๊ากันไปละกัน

“แล้วเรื่องไอ้ เอ่อ พี่ทศอะไรนั่นละ ตกลงหมั้นกันจริงๆ เหรอ” ถามอย่างที่ใจอยากถาม มันลุกขึ้นนั่งหลังตรงแล้วมองผมแบบจริงจัง

“ถ้าอกหักจากพี่ ผมก็มีพี่ทศ”

“อกหักจากกู”

“ใช่ ผมจีบพี่อยู่ แต่พี่บอกพี่มีคนที่รักแล้ว แบบนี้เค้าเรียกว่าอกหักรึเปล่าละ” น้ำเสียงมันสั่นจนผมอดสงสารไม่ได้

“แล้วถ้ากุบอกว่ากูมีคนที่รักแล้ว แต่ตอนนี้กุยังหาเขาไม่เจอมึงจะยังจีบกูอยู่ไหม”

“แล้วถ้าวันหนึ่งพี่หาเขาเจอ วันนั้นผมต้องทำยังไง ถ้าผมรักพี่ไปแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะบอกให้ผมเลิกรักพี่อย่างนั้นนะเหรอ” ดวงตาของมันสั่นไหวน้ำเสียงของมันเองก็ด้วย

“.....”

“เห็นแก่ตัวเกินไปไหม” มันพูดแล้วทำท่าจะลุกหนีผมเลยรีบคว้าตัวมันไว้

“กูก็ไม่ได้ บอกให้มึงไปไหนนิ อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนหรอก”

“แล้วอนาคตของพี่มันจะมีผมไหม อย่าให้ความหวังลมๆ แล้งกับผม เพราะผมจะทรมานกว่าพี่หลายเท่า” มันช้อนแววตาเศร้าๆ ขึ้นสบตากับผม ใจกระตุกเลย ดึงมันเข้ามากอด จับหน้าสวยๆ ของมันไว้ ก่อนจะก้มลงจูบกับปากสีสดนั่น อย่างแผ่วเบาไม่มีการลุกล้ำใดๆ มันทำตาโตคงเพราะตกใจและค่อยๆ หลับตาลงรับสัมผัสที่เหลือ สองมือเล็กของมันจบที่คอเสื้อผมเหมือนหาที่ยึดเหนี่ยว ใจมันเต้นแรงแข่งกันไม่หยุด เห้ออ ท่าทางผมคงจะหนีไอ้เด็กบ้านี่ไม่พ้นจริงๆ

“มีสิ” ผละจูบแล้วบอกออกไป ไอ้เด็กบ้านี่มันก้มหน้าลงซ่อนความเขินเอาไว้ ดูน่ารักน่าฟัดมากๆ แต่ผมคงต้องอดใจไว้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะ

“อืม..ละ แล้วพี่ หะ ..หิวรึยัง” น้ำเสียงอู้อี้ฟังดูตะกุกตะกัก กับมือที่บิดไปมา บอกให้รุ้ว่ามันเขินหนักมาก

“นิดหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปหาอะไรมาให้กินนะ” ผมพยักหน้ามันรีบหันหลังวิ่งออกจากห้องไปทันที สักพักมันก็กลับมา แต่ไม่ได้มาคนเดียว คนอื่นๆ ที่เหลือก็ตามมาด้วย ผมเห็นมันเดินรั้งท้ายคู่กับไอ้ทศ แค่เห็นหนังตาผมก็กระตุกทันที มันจูงมือเพียวเข้ามา แล้วผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที จ้องหน้าไอ้เพียวมันเขม็ง

“เพียวไหนละของกิน กูหิวแล้ว” ผมเรียกให้มันมาหา ความจริงก็ไม่ได้หิวมากเท่าไหร่แค่อยากจะแยกมันสองคนออกจากันเท่านั้น เห็นแล้วมันเกะกะลูกตา พอได้ยินเสียงผมเพียวมันก็ปล่อยมือจากไอ้บ้านั่นแล้วตรงมาที่ผมทันที แอบแสยะยิ้มใส่แล้วหันมามองเด็กหน้าซื่อๆ อย่างมัน

“ผัดซีอิ๊วกุ้ง กับ โอเลี้ยง” มันยื่นห่อข้าวพร้อมกับน้ำมาให้ผมดู เมนูอาหารมันดูคุ้นๆ ยังไงไม่รู้ ผมละความสนใจจากอาหารมาที่หน้าของไอ้เพียวแทน

“พี่เพียวไม่เอาใส่จานให้พี่ปีละครับ เดี๊ยวผมหยิบให้” ไวรัลเดินไปหยิบจานมาให้ คุณเขื่อน คุณภูและแฟนของเขานั่งมองพวกเราอยู่ที่โซฟา นี่คงถามไถ่อาการผมจากไอ้เพียวแล้วแน่ๆ พวกเขาถึงไม่ได้ถามอะไรผมมากมายและไม่รบกวนผม พวกเขาแค่นั่งมองผมกับเพียว อ่ออาจจะยกเว้นไอ้ทศไว้คน ที่เอาแต่มองไอ้เพียวจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ อยากจะจกตามันออกมากระทืบให้กลายเป็นวุ้น

“อ่า เอ่อ ขอบใจนะไว เดี๋ยวพี่ทำเอง” มันแย่งจานจากมือไวรัลไปถือไว้แล้วจัดของที่ซื้อมาใส่จาน มันเลื่อนเอาโต๊ะสำหรับทานอาหารของคนป่วยมาให้ผมแล้ววางจานผัดซีอิ้วตรงหน้า แล้วก็แก้วโอเลี้ยงเย็นๆ วางคู่กัน มันเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ ผม

“จะป้อนเหรอ” ผมไม่ได้หวังจะให้มันป้อนนะ แต่ถ้ามันจะทำให้ก็ไม่ได้ว่าอะไร แอบมองหน้ามันเหมือนกดดันมันนิดๆ

“อยากให้ผมป้อนไหมล่ะ” ผมถามเสียงซื่อ ซื่อบื้อสุดๆ

“ก็แล้วแต่” หันไปหยิบวรสารบนหัวเตียงมาอ่าน ไม่สนใจผัดซีอิ้วที่มันซื้อมา

“อ้าปากสิ” ละสายตาจากตัวหนังสือก็เจอกับช้อนที่มีผัดซีอิ๊วจ่อไว้ที่ปาก มันส่งสายตาให้ผมอ้าปากรับ

“หึหึ” อ้าปากรับแล้วมองมันยิ้มๆ เห็นมันทำปากขมุบขมิบอะไรสักอย่างแล้วก็แอบชำเลืองมองคนอื่นๆ

“คิกๆ” เสียงหัวเราะของไวรัลยิ่งกระตุ้นให้เพียวมันอายหนักมากกว่าเดิม จนหูเริ่มออกสีแดงๆ

“ป้อนอีกสิ”

“อะ...อื้อ” รับคำแล้วตักข้าวป้อน ดุเงอะงะ ประหม่าไม่เหมือนไอ้เพียวคนเดิมที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดุมั่นใจ แถมปากเก่งแบบสุดๆ เห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ มันน่ารักจริงๆ

“ผมพึ่งจะรู้นะครับว่าคนจมน้ำแล้วจะพิการแขนขาทำอะไรเองไม่ได้แบบนี้” น้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งล้อเลียนดังมาจากปากของคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าที่สุด ผมว่ามันตั้งใจจะว่าผม ผมเลยส่งยิ้มกวนๆ ไปให้มันก่อนจะใช้มือโอบเอวเล็กๆ ของเพียวให้เข้ามาใกล้ผมอีก มันมองตามมือมาจับมือแล้วทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันยังป้อนข้าวผมต่อ

“หิวน้ำ” มันยกโอเลี้ยงมาให้ผมดูด

“หมดแล้ว พี่อิ่มรึยัง” มันวางจานผัดซีอิ๊วที่ว่างเปล่าลงกับโต๊ะแล้วหันมาถามผม แอบอมยิ้มกับท่าทางที่ของมันที่ดูเอาใจใส่ผมดี ก่อนจะปรับหน้าให้นิ่งตอนที่มันหันมาหา

“อะ..อืม.เอาของพวกนี้ออกไปได้แล้ว” ใช้ให้มันเอาโต๊ะออกไป มันทำตามอย่างว่าง่ายแล้วยืนรอผมว่าจะให้ทำอะไรอีก ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ผมไม่ได้บังคับ หรือว่ามันฝืนใจทำ ไอ้ทศมองมาที่ผม แล้วจ้องตาดุใส่ผม เหอะ ไอ้ท่าทางดีนอกเน่าในแบบนี้ ผมรู้หรอกว่ามันหวังอะไรอยู่ ดูตาที่มันใช้มองไอ้เพียวสิ เป็นประกายวิบวับ ดูอยากจะกินมันไปทั้งตัว ผมแสยะยิ้มใส่แล้วจับมือเพียวเอาไว้ ไม่ให้มันไปไหน ไม่สนแม้กระทั่งสายตาคนทั้งห้องที่กำลังจ้องมองมาที่เราสองคน ก็อยากให้อยู่ใกล้ๆ ..มันต้องดูแลผมไม่ใช่เหรอ..



(จบ) *ช่วงต่อไปไรท์จะเขียนเป็นแบบบรรยายนะคะ*



ท่ามกลางห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลเอกชน ร่างแกร่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ดวงตาดุคมจ้องมองชายอีกคนที่เป็นเหมือนหนามยอกอก คนที่ร่างบางบอกว่าเป็นเหมือนคู่หมั้น ด้วยความหมันไส้ เขากุมมือเล็กๆ นั่นไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ส่วนอีกคนก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ อย่างไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตมองตามสายตาที่ร่างสูงมอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ปล่อยมือก่อนก็ได้มั้ง ไม่หนีไปไหนหรอก” ปากเล็กพูดออกไปและแกะมือตัวเองออก ปีมงคลส่งสายตาไม่พอใจมาให้ เขาแค่จับทำเป็นหวง

“อยากจับ ไม่ได้เหรอครับ” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนอีกคนทำหน้าเหวอ

“กินยาไม่เขย่าขวดเหรอพี่ อะไรแบบนั้น” น้ำเสียงออกจะหวั่นใจนิดๆ ที่จู่ๆ ปีมงคลพูดจาหวานเลี่ยนใส่แถมยังพูดเพราะซะจนขนลุก

“ตั้งแต่นี้ไปพี่ปีจะทำตัวดีๆ กับน้องเพียวนะครับ” นั่นปะไรขนลุกได้อีก เพียวมองคนตรงอย่างไม่เข้าใจและเริ่มงงกับท่าทีของเขา

“พี่..เล่นอะไรของพี่เนี้ยะ ขนลุก..”

“ไม่ได้เล่นแต่เอาจริง” ตาจ้องไปที่ยักษ์หนุ่มที่ยืนอยู่อีกมุมของห้อง

“....”

“อะ แห่ม..พูดจาอะไรเกรงใจคนโสดอย่างผมด้วยนะครับพี่ปี” เสียงหวานๆ ของไวรัล เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักกระแอม แซวพวกเขา

“อีกหน่อยก็ไม่โสดแล้วครับน้องไว พี่กำลังจีบน้องไวอยู่นี่ไงละครับ” เสียงของเขื่อนดังขัดขึ้นมาอีก ทำเอาไวรัลที่กำลังฉีกยิ้ม หุบลงทันที่ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ร่างสูงที่พยายามจะเกาะแกะอยู่ตลอดเวลา

“ฝันไปเหอะ ไอ้หน้าหื่น” ไวหันไปแว๊ดใส่แล้วเดินหนีมาหาปีมงคลกับเพียวทันที ส่วนธารกับภูผาได้แต่นั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้มขำ

“ท่าทาง ไอ้เขื่อนคงจะมีเด็กในปกครอง แต่ยากหน่อยกว่าจะได้ดูสิ น้องทำท่ารังเกียจมันขนาดนั้น” ภูผาหันไปกระซิบกับพรายน้ำผู้หล่อเหลา

“คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอกนะครับ” ธารตอบกลับเสียงนุ่ม เขากำลังมองทุกคนอย่างพิจรณา โดยเฉพาะ ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นคู่หมั้นของเพียวยักษ์หนุ่มที่กำลังตกเป็นประเด็น “คงจะเผ่าพันธุ์เดียวกันสินะ” เพราะเขาเห็นไอวิญญาณแบบเดียวกับเพียว แต่ของทศเข้มกว่า

“อยากให้สองคนนั้นได้กันไวๆ เหมือนกันนะพี่ธาร คึคึ เพียวมันจะได้เลิกกังวลเรื่องผม แล้วหันไปกังวลเรื่องผัวมันแทน” หนุ่มน้อยน่าซื้อเอ่ยกับคนรักด้วยอารมณ์ขบขัน

“ก็จริง หึหึ” เขาเห็นด้วยกับความคิดของคนรักด้วยเช่นกัน

ทางด้านเพียวที่กำลังออกอาการงงจัด ได้ไม่นานก็ถึงบางอ้อ เมื่อเห็นสายตาฟาดฟันกันระหว่างชายสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกันตั้งแต่แรกเห็น

“ทำประชดพี่ทศเหรอครับพี่ปี” ร่างบางใช้น้ำเสียงเข้มๆ เอ่ยกับร่างสูง

“ใครทำประชด จะประชดทำไม” เมื่อถูกจับได้ ก็ใช้น้ำเสียงแข็งๆ เหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เพียวได้ลุกไปไหน ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ในใจคิดว่าจะมาทำให้ใจเต้นเพื่ออะไรกัน

“เหอะ” นั่งทำหน้าบูดใส่

“ทำหน้าให้มันดีๆ”

“ดีที่สุดแล้ว” ตอบแบบห้วนๆ เพราะยังโกรธอยู่

“ที่กูพูดไปเมื่อกี้กูพูดจริงนะเพียว ต่อจากนี้ไปกูจะทำตัวดีๆ น่ารักๆ ให้มึงเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มร่างบางสบตามองก็เห็นแววตาที่จริงๆ ไม่ได้มีความล้อล้อเล่นอยู่ในนั้นสักนิด ทำให้เขาถึงกับใจสั่นไหวอีกครั้ง

“ทำเพื่อ” แกล้งถามออกไปอย่างนั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เขาเขินกับสายตาของปีมงคลจริงๆ

“เพื่อให้มึงหันมารักกูไง”

“!!!!!! ”
+++++++++++++

พี่ปีเค้าเปิดใจแล้วนะค่ะ อาการหึงหวงก็มา อยากจะจีบเค้าแต่ตัวเองดันอึนใส่ แหม่พ่อปากแข็ง ส่วนน้องจากที่เคยถอดใจเริ่มจะเห็นไอบางๆสีชมพูบ้างแล้ว คงต้องลุ้นนะคะท่านผู้โช้มมมมม ตอนหน้า จะปรับเข้าสู่โหมด พระเอกสายหื่นกับนายเอกสายโหด
คู่รองนี่คงต้องรอ อีกหน่อยนะค่ะ อ่านแล้วติชม คอมเม้น หรือแนะนำ คนเขียนได้ตามสบาย หรือจะกดติดตามเพจนิยายไว้ก็ได้ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนเขียน

ปล.เค้ารักตะเองนะ เอ็นดูเค้าเยอะๆนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2017 07:25:04 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3










ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 01

             การเกิดมาโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร ทำไมตัวเองถึงไม่มีพ่อกับแม่ พวกเขาไม่รัก ไม่ต้องการเราอย่างนั้นเหรอ หรือว่าเราเป็นตัวปัญหา การเติบโตมาด้วยคำพูดของเด็กวัยเดียวกันที่เรียกเราว่า ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไอ้พ่อแม่ไม่รัก มันได้สร้างรอยร้าวไว้มากมายในช่วงชีวิตของ ภูผา แต้มสูงเนิน เด็กชายตัวจ้อยที่หลวงตาบัวรับมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่อายุได้สองเดือน วันนี้เด็กตัวน้อยกลับมาพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันคือเด็กชาย เขตเขื่อน แต้มสูงเนิน นามสกุลของหลวงตาบัว ดวงตากลมโตสีดำขลับเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ข้างกายมีเพื่อนสนิทอย่างเขื่อนเดินตามต้อยๆ คอยปลอบ แต่เพื่อนของเขากลับไม่ยอมหยุดร้องสักทีขึ้นมาบนกุฎี ถอดรองเท้านักเรียนขาดๆ ยังไม่รวมถุงเท้าที่เป็นรูตรงหัวนิ้วโป้ง ถอดไปร้องไห้ไปจนหลวงตาบัวต้องออกมาดู

“ฮึก หลวงตาจ๋า ฮึก เค้าว่าภู เค้าว่าพ่อแม่ไม่รักภู ไม่รัก ฮึก ถึงได้ทิ้งไว้” เสียงสะอื้นดังจากปากสีชมพูอ่อนมือป้อมยกขึ้นปาดน้ำตา

“เห้ออ อีกแล้ว ข้าบอกเอ็งกี่ครั้งแล้ว เจ้าภูว่าอย่าเอาคำคนมาใส่ใจ ไหนมานั่งนี่สิ” เรียกเด็กน้อยสองคนให้มานั่งใกล้ เด็กน้อยคลานเข่าเข้ามาหา

“ฮึก...ภูอยากมีพ่อมีแม่”

“ข้านี่ไงพ่อแม่เอ็ง”

“ฮึก ฮรืออ ไม่ใช่ ภูอยากได้ที่เป็นแบบพ่อแม่จริงๆ สักหน่อย ฮึกอีกอย่างหลวงตาเป็นผู้ชายจะมาเป็นแม่ภูของภูได้ยังไง” ว่าออกไปตามประสาเด็กสิบขวบ

“เห้ออ เจ้าภูเอ้ยย” สองมือหยาบกร้านลูบลงบนหัวทุยอย่างเอ็นดูปนสงสาร

“ข้าตั้งชื่อให้เอ็งว่า ภูผา ภูผาคือหินผาที่แข็งแกร่ง มันไม่เคยล้มเมื่อโดนพายุพัด ไม่เคยย่อท้อแม้จะโดนทั้งฝน ทั้งลม ข้าอยากให้เอ็งเข้มแข็งดั่งภูผา จำไว้ เก็บน้ำตาของเอ็งไว้ใช้ตอนข้าตายดีกว่า” น้ำคำที่เอื้อนเอ่ยราวกับสายลมที่กำลังปลอบประโลมจิตใจของชายวัยเจ็ดขวบให้เข้มแข็ง

“อ่าวแล้วเอ็งละไอ้เขื่อนปากไปโดนอะไรมา” เด็กน้อยพอได้ยินเสียงหลวงตาถามเข้าก็ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาจับผิดทันที

“โดนประตูฟาดเอาครับหลวงตา”

“โกหกพระมันบาปนะเอ็ง” พอได้ยินเจ้าตัวแสบประจำวัดก็สะดุ้งโหยงทันที

“ฮึก เขื่อน ฮึก ต่อยกับไอ้กุ้งครับหลวงตา” เป็นภูผาที่แก้ไขให้ จะให้เรียกอีกอย่างก็คือฟ้องนั่นเอง

“อ่าวไอ้นี่ “หลวงตาหันไปเอ็ดใส่เด็กแสบที่เอาแต่นั่งทำปากขมุบขมิบว่าเพื่อว่า ไอ้ทรยศด้วยเสียงเบาๆ

“ก็มันมาว่าภูก่อนนี่ครับหลวงตา มันผลักภูด้วย” เด็กน้อยรีบแก้ตัวทันที เขาทำเพราะปกป้องภู

“แล้วข้าเคยสอนให้เอ็งตัดสินปัญหาโดยใช้กำลังรึไง”

“ไม่ครับ” เขื่อนก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด

“ทีหลังอย่าทำอีก”

“ครับหลวงตา”

13 ปีต่อมา

จากเด็กน้อยเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ที่ก้าวผ่านความยากลำบากและคำดูถูก มุ่งมานะฝ่าฟันจนเรียนจบได้ใบปริญญามาฝากหลวงตาที่เคารพรักดั่งบุพการีแท้ๆ ทั้งสองไม่เคยลืมบุญคุณข้าวก้นบาตรและบุญคุณของหลวงตาบัวที่ตอนนี้ชราภาพมากแล้ว ทั้งสองยังอาศัยอยู่ที่วัดดูแลปรนนิบัติหลวงตาไม่เคยห่าง งานการก็ได้ดิบได้ดี ได้ทำงานในบริษัทใหญ่โต ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่ทว่าจากหนุ่มน้อยกลายมาเป็นหนุ่มใหญ่กลับไม่มีความรักกับเขาเลยสักครั้งและนั่นทำให้เขาต้องทุกข์ใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่หล่อ แต่เขาเป็นแค่เด็กวัดจนๆ ใครมันจะสนเด็กวัดจนๆ อย่างเขากันละ

ร่างบางออกจากบริษัทใหญ่ เดินไปขึ้นรถแท็กซี่ บอกจุดหมายปลายทาง ที่ที่เขาชอบมานั่งรับลมเวลาเครียดๆ

ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จ่ายตังก็เดินดูอะไรเล่นๆ จนเพลิน จนมาเจอร้านขายลูกชิ้น อยากกินเลยล้วงหยิบกระเป๋าแต่ว่า

“เห้ย หายไปไหนวะ เมื่อกี้ยังอยู่เลย” วุ่นวายกับการหากระเป๋าเงิน ดีนะที่เขาแยกเงินไว้ใช้แต่ละวันไว้เลยหายไปไม่เยอะเท่าไหร่ เดินคอตกมานั่งที่บันไดที่เดิมที่เคยนั่งประจำ กะจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาให้เขื่อนมารับแต่แบทดันหมดอีก วันนี้มันจะซวยอะไรนักหนา

“เห้ออออ เหนื่อยจังเลยวันนี้” ดวงตากลมหันไปมองคนข้างๆ ก่อนจะหันกลับแล้วตะโกนออกมา

“แฟนก็ไม่มี หญิงก็ไม่แล ย๊ากกกกกกกกก” ร้องดังจนผู้ชายที่นั่งข้างๆ สะดุ้งตกใจ จนยกมือขึ้นจะเขกหัวเขา

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ” ภูผารีบบอก

“หะ เห็น ผม ด้วยเหรอ” ถามอะไรแปลกๆ มันก็ต้องเห็นอยู่แล้ว นั่งชิดกันขนาดนี้ภูผาคิด

“ฮ่าๆ พูดอะไรของคุณ ก็ต้องเห็นสิครับ”

“เป็นไปไม่ได้ หรือว่าฤทธิ์ข้าเสื่อม ไม่ได้การละ” พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว มองตาเขา สีหน้าที่ดูตกใจนิดๆ จะตกใจอะไรก็คนเหมือนๆ กัน

“คุณพูดอะไรตลกชะมัด แล้วจะไปไหน จะกลับแล้ว เหรอ คุณนี่ คุณ!!! อย่าคิดสั้น คุณ” สิ่งที่ดวงตาคุ่สวยเห็นคือผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นเดินไปที่ริมตลิ่งและ

ตู้มมมมม

“ว๊ากกกกกกก คนตกน้ำ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย” ภูผาเห็นคนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็สตอแตกทันที แหกปากร้องให้คนช่วยจนคนแถวนั้นตกใจ กว่าจะรู้ตัว ผู้ชายคนนั้นก็หายไปกับสายน้ำแล้ว

“ไม่จริง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นเขาโดดลงไปในน้ำ ผมเห็นจริงๆ นะแต่ทำไมไม่มีใครเชื่อผม ฮึก ฮือออออ

“น้องพี่ว่าน้องคงเจอดีเข้าแล้วละ แถวนี้นะเขาโดนกันบ่อย แล้วนี่ลุกไหวไหม” ผมส่ายหน้า

“น้องมีญาติไหมพี่จะโทรตามให้” พยักหน้าตอบพร้อมกับบอกเบอร์ไอ้เขื่อน

“ฮึกกก เขื่อนช่วยกูด้วย กูโดนผีหลอก” ภูผาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร เขากำลังช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานภูผาก็มารับตัวเขากลับไปที่วัด ให้หลวงตาเรียกขวัญกลับมา

++++++++++++++++

“ท่านพรายธาร กลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของกรกรรณ์พรายทาสที่คอยปรนนิบัติรับใช้เจ้าแห่งผีพรายมาหลายร้อยปีเอ่ยด้วยความดีใจ เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะนายท่านของเขาขึ้นบกไม่ยอมบอกเขานะสิ

“เออ เอ็งนี่พูดจาโบราณใส่ข้าอีกแล้ว ก็บอกให้แทนตัวเองว่าผมแทนข้าว่าท่านธาร พี่ธาร หรือคุณธารก็ได้ หัดเอาสำนวนมนุษย์มาใช้บ้าง ขึ้นไปบนบกเขาจะได้ไม่สงสัยเอา เห้อ กรกรรณ์เอ๊ยย” พรายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเทาผมน้ำเงินที่ยาวเลยแผ่นหลัง ใต้กรอบใบหน้าอันหล่อเหลามีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม กำลังจ้องมองทาสรับใช้ของตัวเองด้วยแววตาตำหนิ

“ขออภัยขอรับ เอ้ย ขอโทษครับคุณธาร”

“เออ! นั่นแหละ ! มันถึงจะฟังเสนาะหู”

“-*- (ตัวเองนี่พูดไม่โบราณเลยเนอะ) ” กรกรรณ์แอบบ่นเบาๆ กับตัวเองพรางลอบมองเจ้านายเหนือหัวด้วยความขัดแย้งในใจนิดๆ

“แล้วนี่ท่าน เอ้ย คุณธารออกไปทำงานมาหรือครับ ได้เรื่องไหม” พูดถึงเรื่องทำงาน ธารก้นึกขึ้นได้

“นี่กรกรรณ์ ปรกติแล้วมนุษย์สามารถมองเห็นเราได้ไหม”

“ไม่ได้ขอรับถ้าเราไม่อนุญาต”

“เหรอ แล้วทำไมวันนี้ข้าขึ้นไปบนบกมา แล้วเจอคนคนหนึ่ง เขามองเห็นข้า ได้ยินเสียงข้าด้วย” พรายธารทำหน้าสงสัยพร้อมกับสบตากับทาสผู้ซื่อสัตย์อย่างรอคำตอบ

“เห็นด้วย ได้ยินด้วยเหรอขอรับ!!!! ” กรกรรณ์เอ้ยด้วยนำเสียงตกใจ จธารถึงกับสะดุ้ง

“เออ เอ็งจะเสียงดังใส่ข้าทำไมเนี้ยะ”

“ขออภัยขอรับ เอ้ย ครับ” ไม่ชินปากสักที เขาแอบหงุดหงิดตัวเองนิดๆ

“นายท่านยังจำเรื่อง เจ้าสาวในตำนานได้ไหมครับ”

“เจ้าสาวของพรายน้ำนะเหรอ” ธารทำหน้าครุ่นคิด

“ครับ”

“ทำไม”

“อาจจะเป็นคนนี้ก็ได้นะครับ”

“บ้า ! ไอ้เด็กนั่นมันเป็นผู้ชายจะมาเป็นเจ้าสาวข้าได้ไง ฟ้าผ่าตายกันพอดี” เขาตะคอกลั่นเมื่อได้ฟังเจ้าทาสเอ่ยออกมา

“ก็ในตำราไม่ได้ระบุไว้นี่ครับว่าจะเป็นผู้หญิง” ร่างโปร่งโบกมือไปในอากาศเล็กน้อยก่อนตำราโบราณที่เปรียบเสมือคลังความรู้ของเหล่าภูตผีก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะพลิกหน้าหนังสือนั่นไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าของเจ้าสาวของพรายน้ำ

“นี่ไงครับ มันไม่ได้ระบุไว้ บอกเพียงว่า เจ้าสาวจะได้ยินและเห็นท่าน โดยที่ไม่ต้องได้รับการอนุญาตใดๆ จากเหล่าผีพราย จากดวงชะตาแล้ว เขาน่าจะเกิดวัน เดือน ปีเดียวกับท่านะครับ”

“อาจจะไม่ใช่ก็ได้ บางมันแค่อาจจะมีพลังวิเศษ มีสัมผัสที่หก แบบเห็นผีได้อะไรแบบนี้ เจ้าสาวข้าต้องเป็น ผู้หญิงที่ขาวสวย หมวย เอ็กส์ หน้าอก คัพดีดิวะ อย่าน้องไอซ์ อภิษฎา เท่านั้นเว้ยย” เจ้าแห่งผีพรายเอ่ยด้วยความมั่นใจ เขาไม่ยอมรับหรอกว่าคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองจะเป็นเพศชาย มีหนอนเหมือนกับเขา

“โห่ นายท่าน นายท่านเลือกได้ด้วยเหรอ” กรกรรณเอ่ยออกมาด้วยความเหนื่อยใจ คู่แห่งโชคชะตาเป็นอะไรที่ธารเลือกไม่ได้ คนไหนคือคนนั้น เปลี่ยนไม่ได้ด้วย นั่นแหละที่ทำให้ธารต้องทำอะไรสักอย่าง เขาต้องพิสูจน์ให้แน่ใจ เขาต้องรู้ให้ได้ว่า เด็กผู้ชายคนนั้น เป็นคู่ของเขาจริงรึเปล่า

“งั้นข้าจะไปพิสูจน์ ถ้าใช้ข้าก็จะยอมรับ แต่ถ้าไม่ หึหึหึ ข้าจะเอามมันมาเป็นทาสแทนเอ็งโทษฐานทำให้ข้าจิตตก!!! ”

“อ่าว..! .”

ตกดึกของคืนวันนั้น

      เสียงลมหวีดหวิวไปทั่วทั้งบริเวณวัด ยามดึกสงัดแบบนี้ไม่มีใครกล้ามาเดินอยู่ในวัดมืดๆ แบบนี้หรอก เสียงใบไม้ปลิวตามแรงลมเหมือนกับหนังสยองขวัญ ดังรอบๆ บ้านไม้หลังเก่า ทรงไทย ที่ตั้งอยู่ด้านหลังกุฎิของหลวงตาบัว เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำใบไม้แห้งยิ่งทำให้คนที่นอนไม่หลับได้แต่เงี่ยหูฟังด้วยใจที่สั่นกลัว ภาพชายหนุ่มที่กระโดดน้ำยังติดตาเขาไม่หายแล้วนี่..

บะ..บะ บรู้วววววว

“เฮือกกกก!! ” ร่างบางใต้ผ้าห่มหน้าสะดุ้งเฮือก เขาหลับตาแน่น เพราะเสียงหอนของหมาในวัดมันหอนรับกันเป็นทอดๆ และ เข้ามาใกล้บ้านของเขาเรื่อยๆ

“ไม่นะ ไม่นะ อย่ามานะ ฮรือออ” ภูผาได้แต่ภาวนาในใจ เขาขยับตัวเข้าไปใกล้กับเขื่อนที่นอนอยู่อีกฝั่งอย่างช้าๆ

“ขะ...เขื่อนน มึง..หมาหอน” เอ่ยด้วยเสียงที่ฟังเหมือนฟันกระทบกัน มือบางค่อยเลื่อนออกจากผ้าห่มไปสะกิดเพื่อนที่นอนหลับเป็นตายอยู่ด้านข้าง

“ขะ..เขื่อน มึงงง”

แกรกกก ปัง!!!

“เชี๊ยะ...เข้ามาได้ยังไงวะ” ภูผาแทบสิ้นสติเมื่อจู่ๆ ประตูห้องของพวกเขาก็เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงของพระจันทร์ที่สาดส่องลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“เจ้าเกิดวันที่เท่าไหร่!! ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยใจที่ร้อนรน

“ฮะ....คร๊อก” ยังไม่ทันที่เขาจะได้คำตอบร่างบางก็ช็อกสลบไปต่อหน้าต่อตาเขา

“ไม่ได้เรื่องจริงๆ เลยมนุษย์พวกนี้” การมาครั้งนี้ทำให้เขาเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ อุตส่าห์ดั้นด้นฝ่าดงพระมาเพื่อหาคำตอบ แต่ดันมาสลบไปก่อนแบบนี้เขาก็แย่นะสิ ร้อนจนหนังแทบไหม้ ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ร่างสูงจำใจต้องกลับก่อนที่เขาจะโดนเผาทั้งเป็น!!!

+++++++++++++++++++++

เปิดตอนแรกของคู่รองนะคะ ฝากพี่ธารกะภูผาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคร้าาา ฮิ้ววววว








ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
บอกให้ลูกน้องพูดกับตัวเองแบบมนุษย์ธรรมดา แต่พี่ธารไม่เค๊ยไม่เคยจะมาหาภูแบบมนุษย์ธรรมดาบ้างเล๊ยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ธาร เจอเจ้าสาวแล้ว
ภู เจอคู่ตัวเองและ

ธาร ภู  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
แอบหมั่นไส้ความมั่นหน้าของพี่ปี น้องยักษ์เพียวเสียใจนะ...เดี๋ยวก็เชียร์พี่ทศซะเลยนี่  :fire: :fire:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3





อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 15

หนึ่งวันให้หลัง ปีมงคลออกจากโรงพยาบาล พวกเขาเที่ยวต่ออีกหนึ่งวันก่อนจะกลับกรุงเทพ จุดหมายครั้งนี้คือตลาดเพลินวาน แหล่งกินเที่ยวช็อปสุดฮิตที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมไปเที่ยวกัน เพียวออกอาการตื่นเต้นนิดๆ เพราะเมื่อก่อนตอนเขายังเด็กๆพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นที่ดินรกร้างไร้ผู้คนอยู่เลย บ้านเมืองเจริญขึ้นเขาก็ต้องอัพเกรดตัวเองเช่นกัน ปีมงคลอาสาเอารถของโรงแรมซึ่งเป็นรถตู้คันใหญ่สามรถนั่งได้หลายคน ไปใช้ในการเดินทางครั้งนี้ ทุกคนไม่ปฎิเสธดีเสียด้วยซ้ำเพราะรถของโรงแรมนั้นกว้างกว่ารถของพวกเขาเป็นไหนๆ

พอไปถึงเพียวกับไวก็จับมือกันเดินนำไปก่อนไม่รอใครทั้งนั้น เพลินวานเป็นตลาดแนวย้อนยุค ให้คนได้ย้อนรำลึกถึงวัยเด็กดังนั้นที่นี้จะตกแต่งไปด้วยสิ่งของโบราณ ทั้งร้านค้าและแนวความคิด มีงานวัดตอนกลางคืนให้ได้สนุกกันด้วย ร่างบางเดินดุ่มๆ เข้าไปด้านในทันทีโดยไม่ลืมที่จะแวะถ่ายรูปป้านสัญลักษณ์ของเพลินวานเอาไว้ ทุกที่ที่กำลังเดินตามได้แต่อมยิ้มกับความโก๊ะของทั้งคู่ เพียวลากไวรัลไปยังร้านขนมร้านหนึ่ง

“ขนมเบื้องโคตรน่ากินอะไว ซื้อๆ ป้าครับเอาขนมเบื้องครับ” ร่างบางยืนจ้องขนมเบื้องด้วยความอยากกิน ขนมร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมยัวยวนจนเขาแทบจะทนไม่ไหว

“20บาทลูก”ป้าคนขายบอกอย่างเป้นกันเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จนคนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ พอได้ขนมมาก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียม กำลังจะขวักเงินจ่าย

“นี่ครับ20” ปีมงคลยื่นแบงก์สีเขียวส่งให้แม่ค้า เพียวหันมามองด้วยความสงสัยว่าร่างสูงมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมจ่ายเอง”ร่างบางรีบบอก แค่20บาทเขาจ่ายเองได้

“กูจ่ายแล้ว อยากกินอะไรก็บอกละกัน..อะ เอ่อ ไวด้วยนะอยากกินอะไรก็บอกพี่”อึกอักในตอนท้ายเพราะเขาลืมไปว่ายังมีอีกคนยืนอยู่ด้วย นี่เขาออกตัวแรงไปหรือเปล่า ก็เลยหันไปบอกไวรัลด้วยน้ำเสียงเก้อๆ เด็กน้อยของเขายิ้มกรุ้มกริ่มใส่แล้วรีบเดินแยกไปหาเขื่อนที่เดินตามมาไม่ห่าง เหมือนเงาตามตัว

“อ่าว ไวไปไหนละ” เพียวออกอาการตื่นนิดๆ เมื่อได้อยู่กับปีมงคลกันแค่สองคน ร่างสูงใหญ่แตะเอวบางให้เดินต่อ ทำแค่นี้ใจก็เต้นแรงไม่หยุด จะให้หยุดเต้นได้ยังไงเมื่อคนที่ชอบมากมากอยู่ใกล้ๆแบบนี้

“เดินต่อสิ” ปีมงคลบอกพร้อมกับก้าวเดิน ด้านหลังพวกที่เหลือก็เดินเป็นคู่ๆ เช่นกันเพียวเลยไม่ต้องกังวลหรือห่วงอะไรมาก พวกเขาเดินมาถึงโซนของกินและของที่ระลึก ซึ่งถึงตรงนี้คนเริ่มแน่นมากขึ้น ปีมงคลจึงคว้าเอามือบางของเพียวเอาไว้ เขาประสานมือผ่านรอยแยกของนิ้วแล้วกระชับแน่น การกระทำอุกอาจและน่าตกใจทำให้เพียวถึงกับลมหายใจสะดุด แอบกำมือที่ว่างด้วยใจที่สั่นหวิว นี่เขาต้องทนกับอาการผีเข้าผีออกของคนตัวแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ เขินเว้ย บอกเลย!!!

“อะ..เอ่อ ทำไมต้องจับด้วยละ”

“กลัวหาย ยิ่งโง่ๆ อยู่” อ่า นี่ห่วงใช่ไหม ร่างบางคิ้วกระตุกนิดๆกับมาดเข้มๆของอีกคน ไม่รู้จะปากแข็งไปไหน

“ก็ไม่ได้โง่ไปกว่าพี่นักหรอก ปล่อยเลยไม่ต้องมาจับ”แกล้งทำปึงปังใส่ ปีมงคลไม่ทำตามที่ร่างบางบอก เขายังคงจับมือแถมยังแน่นกว่าเดิม และนั้นทำให้เพียวแอบไปยิ้มกว้างอยู่คนเดียว

“เดินไปเฉยๆ เถอะ” บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เพียวเลยตั้งใจเดิน คือเดินแบบไร้ทิศ ไม่มีจุดหมาย  แวะร้านนั้นร้านนี้ไม่หยุด จนคนเดินตามเริ่มเหนื่อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมา เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดตามไรผม เขายกมือขึ้นปาดเบาๆ เท้าก็ยังก้าวตามแรงลากไปเรื่อยๆ ไม่มีปริปากบ่น ผิดวิสัยคนขี้ร้อนและหงุดหงิดง่าย ขนาดไวรัลที่รู้จักกันดียังต้องแอบทึ่ง พี่ชายของเขาเปลี่ยนไปมาจริงๆ

“เอาอันนี้” ชี้ไปที่ร้านขายน้ำซาสี่ น้ำอัดลมโบราณ ร่างสูงพยักหน้า เพียวหันไปสั่งน้ำแดงคนอื่นๆ ก็สั่งของตัวเองเช่นกัน

“อะ..ดูดสิ” เพียวดูดไปแล้วอึกหนึ่งก่อนจะจ่อหลอดไปที่ปากของปีมงคล ร่างสูงทำหน้าอึ้งนิดๆ แต่ก็ยอมก้มลงมาดูดน้ำจากมือของเพียว ภาพนี้เหมือนในนิยายรักไม่ผิดเพี้ยน ทั้งสีหน้าและแววตาที่สองคนใช้มองกันและกัน จนไวอดไม่ได้ที่จะแอบเก็บรูปเอาไว้

“อ่าส์..ชื่นใจดี” ร่างสูงร้องครางออกมาอย่างถูกใจร้อนๆ แบบนี้ได้น้ำเย็นๆ เข้าไปก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย เพียวดูดหลอดต่อจากเขา ร่างบางเองก็กระหายไม่น้อย พอปีมงคลเห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มนิดๆ เหมือนจูบกันทางอ้อม

“ยิ้มอะไรของพี่” เพียวหันมาเห็นเข้าก็เลยถามออกไป ปากก็ดูดน้ำซาสี่ไปด้วย ปากเล็กเริ่มฉ่ำแดง ปีมงคลมองแล้วรู้สึกอยากฟัดคนตรงหน้าขึ้นมาทันที

“หึหึ น่ารักนะมึงอะ” เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเพียวให้ได้ยินกันแค่สองคน พอได้ยินแบบนั้นร่างบางถึงกับสำลักน้ำ

“พูดอะไร ขนลุก” ความจริงเขาเขินมากว่า เขินจนหน้าแดง ปากก็เม้มแน่นไม่กล้ายิ้มออกมาตรงๆ กลัวอีกคนจะได้ใจล้อเขาอีก

“เขินเหรอ หึหึ เขินกูแล้วอย่าไปเขินให้ใครหน้าไหนละ อีกอย่างแก้มแดงๆ นั่นมันมีไว้ให้แค่กูคนเดียวจำไว้ด้วยละ” กอดคอคนตัวเล็กไว้จากทางด้านหลังอย่างแนบชิด กวาดสายตามองก็มีแต่พวกแร้งกาคอยมองแต่คนของเขา แบบนี้จะไม่ให้หวงได้เหรอ ไหนจะไอ้ก้างชิ้นใหญ่ที่โรงแรมอีก คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

“-///- พูดมากเกินไปแล้ว” จะเดินหนีแต่โดนรัดคอไว้ จำใจต้องยอมเดินในท่านั้นไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่เท่ากับว่าปีมงคลกำลังจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับคนตัวเล็กแบบเนียนๆ ร้ายไม่เบา

เดินเที่ยวเดินกินกันจนเพลิน ไวรัลซื้อทุกอย่างที่อยากได้แต่คนจ่ายเงินกลับเป็นเขื่อนที่ยอมเปย์เด็กน้อยของเขาอย่างเต็มที่เปย์จนกระเป๋าแฟบก็ยังยิ้มไม่หุบ ดูจากรอยยิ้มของคนทั้งคู่แล้วคงจะลงเอยในอีกไม่นาน หันมาที่อีกคู่ คู่ที่เพียวเรียกว่าคู่รักพิศดาล คนกับผี คู่นี้เหมือนปัญหาจะน้อยสุด และดูจะเข้ากันได้ดี ถ้าไม่ติดเรื่องสุขภาพของภูผา เพราะมนุษย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับภูตผีปีศาจคนๆนั้น จะถูกดูดพลังชีวิตไปเรื่อยๆ พวกเขาจะป่วยและตายไปในที่สุด

“แวะกินข้าวกันก่อนไหม” ปีมงคลถามทุกๆ คนเพราะตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้ว

“อื้อ ไวก็หิวแล้วพี่ปี” ไวรัลรีบบอก

“” โห่... ยังจะกล้ามาบอกว่าหิวอีกเหรอตัวเล็ก กินตลอดทางนี่กระเพาะคนหรือกระเพาะวัว!! ” เขื่อนอุทานลั่นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“ก็คนมันหิว พี่จะอะนักหนา ถ้าไม่กินก็ไปไกลๆ” ปากอมชมพูเอ่ยไล่พร้อมกับมองค้อนนิดๆ

“ใครบอก..^^ ละคร๊าบบแหม หิวสิหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี้ยะ อยากกินน้องไวรัลไวๆ” ประโยคหลังเขากระซิบลงที่ข้างหูของเด็กน้อย

“อะไรของพี่วะ บ้า!!! ” พูดจบก็เดินไปที่ร้านผัดไทยตรงหน้าทันที พวกที่เหลือยเลยต้องเดินตามกันไปตามระเบียบ

“ถามจริง ตกลงไอ้ไวคนใช้บ้านมึงนี่เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้มึงใช่ไหม ไอ้เพียว ดูทำเข้า” ภูผาหันมาถามเพื่อนรักก่อนจะเดินไปสมทบ

“กูก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน ตกลงมันหรือกูกันแน่ที่เป็นเจ้านาย” ร่างบางเอ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึหึ อย่าถือสาน้องเลย” ปีมงคลพูดยิ้มๆ

“เหมือนรู้จักกันดีเลยเนอะ” เพียวมองหน้าคนตัวสูงด้วยแววตาจับผิดนิดๆ

“ก็นิดๆ ไว้อะไรมันลงตัวมึงก็รู้เองแหละ”

กินเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางกลับที่พัก โดยที่แวะซื้อของไปทำมื้อเย็นส่งท้ายก่อนกลับด้วย พอมาถึงโรงแรมเพียว ภูผา และไวรัลก็พากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะเล่นน้ำ ส่วนพวกที่เหลือก็นั่งจิบเบียเย็นๆ ดูพวกเขาเล่นน้ำสามหนุ่มใหญ่นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดโดยที่หันหน้าออกไปทางทะเล

“ดูพวกเขาสิ ท่าทางมีความสุข” เขื่อน

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” ปีมงคล

“น่ารักดีนะครับว่าไหม” ธาร

“อืม/อืม/อืม”

สามหนุ่มเล่นน้ำกันสนุกสนานท่ามกลางหมู่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ และท่ามกลางสายตาของพวกเสือหิวทั้งหลาย รวมทั้งทศลักษณ์ที่กำลังเดนนมาทางนี้ด้วย ร่างสูงใส่เพียงเสื้อกล้ามที่ดำที่ตัดกับผิวขาวกับกางเกงสีเหลืองขาสามส่วน ใบหน้าอันหล่อเหลาถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดราคาแพง ทันทีที่เพียวหันมาเห็นทศลักษณ์ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าทันที

“พี่ทศ...^ ^” ยิ้มหวานส่งไปให้ตามลักษณ์นิสัยขี้เล่นและสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

“ให้พี่เล่นด้วยคนสิ” ร่างสูงทำเป็นขอทั้งๆ ที่ตั้งใจจะมาเล่นด้วยอยู่แล้วเขาตั้งใจมาหาน้องยักษืของเขาอยู่แล้ว

“ครับ? อ่าได้สิ คึคึ เล่นหลายๆ คนสนุกดี” ทันทีที่เพียวเอ่ย ไวรัลก็หันไปเรียกสามหนุ่มให้ลงมาเล่นด้วยทันที

“พี่ปี......” เรียกเสียงดังและลากยาวจนคนที่ยืนข้างสะดุ้งโหยง

“ไวเบาๆ สิ จะตะโกนทำไม” ภูดุออกมาเสียงเบา เพราะทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างหันมามองไวเป็นตาเดียว

“แฮร่..ก็ผมกลัวพี่ปีไม่ได้ยิน"หันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้ภูผา เพียงไม่ถึงนาที ร่างสูงเหมือนเสาไฟฟ้าของปีมงคลก็วิ่งหน้าตั้งมาหา บางทีไม่ต้องเรียกเขาก็ต้องรีบมาให้ไวอยู่แล้ว กลัวคนของตัวเองจะโดนคนอื่นงาบไปซะก่อน วิ่งมาถึงก็ยืนประกบเพียวไว้ทันทีแถมยังกอดไหล่เอาไว้ด้วย ดวงตาดุคมจ้องไปยังฝ่ายตรงข้ามพร้อมแยกเขี้ยวใส่ทันที

“พี่จะเล่นน้ำด้วยเหมือนกันเหรอ” เพียวหันไปยิ้มให้แล้วลากปีมงคลลงน้ำทันที ไม่ให้คนตัวโตกว่าได้ตังตัวสักนิด ออกแรงเพียงนิดท่ามกลางสายตาไม่พอใจของใครบางคนกลายเป็นะาตุอากาศเพียงชั่งพริบตา เพียงแค่ใครอีกคนก้าวมาเป็นส่วนร่วม เขาก็เหมือนโดนทิ้งไว้กลางทาง ชายหนุ่มอีกสองเดินตามลงมาโดยที่ไม่มีใครสักคนเอ่ยทักเขา "เหอะ"คำอุทานเพียงสั้นๆแต่รับรู้ได้ถึงแรงอารมณ์ที่มี

“เฮ้ยย เดี๋ยว แอ๊ก” คนตัวโตกว่า ที่โดนอีกคนเหวี่ยงที่เดียวก็ลอยละลิ่วลงน้ำ เสียงดังตูม!!! ร่างสุงใหญ่จมหายเพียงครู่ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดูตกใจ

“//เชี๊ยะ...ลืมตัว//” เพียวยืนเอามือปิดปากมองคนที่พลวดขึ้นมาจากน้ำด้วยแววตาสำนึกผิด ปีมงคลตาแดงก่ำเพราะจมน้ำ เขาเอามือเสยผมที่ใครดูแล้วก็ต้องใจละลายความเท่ของเขาเว้นเสียแต่ ร่างบางตัวต้นเหตุ จากสำนึกผิดกลายเป็นหัวเราะขำจนตัวงอ

“ลืมตัวบ่อยไปนะครับน้องเพียว” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยพร้อมกับฝ่ามือที่แปะลงบนหัวทุย เดินเข้ามาพร้อมกับทำตัวสนิทสนม เหมือนจะเอาชนะอีกคนที่อยู่ในน้ำก็ไม่ปาน

“อุ้ย พี่ทศเห็นด้วยเหรอครับ” ร่างบางเงยหน้ามองอีกคนแล้วหัวเราะแหะๆออกมา

“หึหึ เต็มสองตา”เขาทำเสียงล้อ เพียวถึงกับหลุดขำมาอีกรอบ ครั้งนี้คนที่มองอยู่ตั้งแต่เเรกเริ่ม หัวร้อนอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที

“ง่าส์..”

“เพียว!!!! เสียงเข้มตะโกนลั่นจ้องคนตัวเล็กด้วยแววตาที่แข็งกร้าว

“สงสัยจะโกรธมากแน่ๆ เลยอะพี่ทศ เดี๋ยวเพียวมานะผมไปง้อเขาก่อน” พูดจบก็วิ่งลงน้ำไปทันที

“หึหึไปง้อ อย่างนั้นเหรอ” เขากำมือแน่นพร้อมกับมองไปยังร่างบางที่กำลังวิ่งไปหาใครอีกคน

“พี่ปี...แหะๆ”

“แหะๆ พ่องง ไปยืนอ่อยอะไรมัน” ร่างสูงของปีมงคลถามเสียงขุ่น เขาไม่พอใจที่ทศทำตัวรุ่มร่ามกับเพียว

“-*-..อะไรของพี่อีกละเนี้ยะ”ผีออกอีกแล้วเหรอ ตามอารมณืไม่ทันแล้วนะ!

“ยืนคุยอะไรกัน ใครอนุญาตให้มึงคุยกับมันห๊ะ! ”เขาตะคอกใส่อึกคนอย่างลืมตัว

“แล้วทำไมต้องตะคอกด้วยเล่า พูดดีสิไหนว่าจะทำตัวดีๆ ไง พูดยังไม่ทันข้ามวันเลยนะ!!! ”

“ก็ใครใช้ให้ไปอี้อ๋อกะ มันเล่า! ”

“แล้วมันจะทำไม” เพียวเท้าเอวถามเชิดใบหน้าสวยๆใส่อย่างไม่ยอมนั่นสิทำไมร่างสูงถึงได้ชอบว่าเขาแบบนั้นนักหนา

“ก็กูหวง!!! O-O” พลั้งปากพูดออกไปเพราะคนตรงหน้ามันชวนทำให้เขาดมโหจนไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่

“หะ..หวงเหรอ -///- “คำที่กำลังจะพ่อนออกมาด่าถูกกลืนหายไป เพียงเพราะประโยคเดียว กับคำว่า “กูหวง”

“เออ กู หวง หวงมากด้วย อย่าให้กูเห็นว่ามึงเข้าใกล้ไอ้หมอนั่นอีกนะ ไม่งั้นกูจะแหกอกมึง!! -///-” สั่งเขาเสียงเข้มแต่หน้าหล่อๆ กลับแดงจนไม่เหลือพื้นที่สีขาวๆ ให้เห็น

“ละ..แล้ว ทำไมต้องหวงผมด้วยละ” ไม่อยากจะตั้งความหวัง กับคำตอบ เขาก็อดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้

“อะ..เอ่อ..คือ อย่าเสือกเลย” พูดจบก็หันหลังให้แล้วเดินทิ้งยักษ์ตัวน้อยขึ้นฝั่ง ใครมันจะกล้ามองหน้ากันละ ใครจะทนกับสายกลมโตที่จ้องเขาอยู่ได้ ใครจะทนต่อประกายความหวังที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นไหว ปีมงคลจะไม่ทน บอกไว้เลย หัวใจเขามันสั่นไหวอย่างรุนแรง โดนดามเมจจากเพียวไปเต็มๆ ถึงได้เดินหนีออกไปแบบนั้น ระหว่างเดินกลับเขาเหลือบมองผู้ชายอีกคนด้วยหางตา พร้อมกับแสยะยิ้มร้ายๆ ออกมา อีกคนก็ซ่อยพายุร้ายเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยนั้นไว้อย่างมิดชิด

“ไอ้สะเหล่อ” คือประโยคที่ปีมงคลฝากเอาไว้ก่อนจะเดินหายไป เพียววิ่งตามขึ้นมาโดยที่ไม่สนใจใครที่พยายามเรียกเขาไว้ ทั้งเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งทศลักษณ์..

วิ่งจนตามเขาทันก่อนจะดึงเสื้อที่เปียกชุ่มเอาไว้

“พี่..ชอบผมเหรอ” ในที่สุดก็ตัดสินใจถามออกไป เสียงเล็กแทบจะขาดหายไปกับคำว่า” ชอบ” ที่พูดกับร่างสูง ปีมงคลชะงักกึก กับคำถามของคนตัวเล็กที่อายุเกินร้อยปี พร้อมกับทบทวนความรู้สึกของตัวเอง นี่เขาชอบเด็กบ้าอย่างนั้นนะเหรอ ยังไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ว่า เขาก็ปฏิเสธความรู้สึกนั้นไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกที่เขา ชอบ เพียว ชอบมาก

“ไม่รู้ ปล่อยได้แล้วกูจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาบอกเสียงนิ่งๆ แต่แววตากลับดูเจ้าเล่ห์ชอบกล เหมือนจะมีความคิดอะไรที่มันร้ายๆ

“แล้วกัน.เพียวบ่นออกมาพร้อมกับทำปากอมลม ทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างนั่นไป

ทันทีที่เข้ามาในห้องร่างสูงก็ขาแทบทรุด เขายกมือขื้นกุมหน้าอกตัวเองไว้ หัวใจเต้นแรงสุดๆ

“ไอ้ปี นี่มึงแพ้ทางเด็กเหรอวะ ห่าเอ้ยย” ยกมือขึ้นตีหน้าผากตัวเองดัง เพี๊ยะ แล้วอมยิ้มขำ.. เพียวมันอันตรายต่อหัวใจเขาจริงๆ ด้วย

เพียวพาท

ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ ทบทวนคำพูดของเขา ไอ้มนุษย์หน้านิ่งปากแข็งคนนั้น ผมมั่นใจว่าเขาเริ่มจะหวั่นไหวกับผมบ้างแล้ว หรืออาจจะหลงรักผมไปแล้วก็ได้แต่ทำไมเขาไม่พูดมันออกมา แล้วผมจะหาอะไรง้างปากคนอย่างพี่ปีดี อยากจะยิ้มกว้างๆ แต่ก็ไม่กล้า เขาบอกว่าเขาหวงผม หวงผมจากใครละ พี่ทศเป็นพี่ชายที่ผมเคารพ ผมไม่มีทางคิดเกินเลยกับพี่ทศแน่นอน ตอนนี้ผมยอมรับได้เต็มปากเต็มคำ ว่า ผม ชอบ เขา อาจจะชอบมากกว่าที่เขาชอบผมก็ได้...

เดินตามคนปากแข็งเข้าไปในห้อง เขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้านหลังของกว้างอย่าบอกใคร แถมยังมีกล้ามเนื้อเป็นมัดพอสวยงาม ผมมองตาไม่กะพริบ คือ งานดี อยากจะมองนานๆ แต่เขาดันหันมาเสียก่อน

“....”

“พี่..”

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาสั่งแล้วเดินมาหา เรามองหน้ากัน เหมือนแข่งกันจ้องตา .. และเป็นผมที่ต้องแพ้สายตาเขาของเขา สายตาที่เหมือนจะกลืนผมลงไปทั้งตัวเหมือนไฟกำลังแผดเผาผม มันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ผมก้าวถอยหลังเพื่อที่จะหลบสายตาแบบนั้น แต่เข้าก็ก้าวตาม ผมถอย เขาตาม จนกระทั่งหลังของผมมันแนบชิดกับกำแพง พี่ปีกางแขนกั้นผมไว้ แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้

ผมหลับตาลงเตรียมรับสัมผัส กลิ่นลมหายใจกับสัมผัสร้อนๆ ที่หน้าผาก ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมา ผมคาดหวังมากเกินไปเหลือเนี่ยะ นี่ผมหวังอะไรอยู่ ตลกตัวเองชะมัด ผมหวังว่าเขาจะจูบผม แบบวันนั้นอีก แต่เปล่าเลย เขาทำตัวน่ารักใส่ผมอีกแล้ว สัมผัสอ่อนนุ่มยังติดอยู่ที่หน้าผาก ตอนนี้เขาดุอ่อนดยนไม่เหมือน ไอ้คุณปีปากปลาร้าคนเก่าเลย

“อย่าทำตัวน่ารักไปมากกว่าได้ไหม เดี๋ยวกูจะทนไม่ไหวเอา” พี่ปีกระซิบเสียงพร่า ผมมองเขาตาปริบๆ เขามองมาที่ผม ก้มหน้าลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้เขาก็จูบผมที่ปากเหมือนเขารู้ว่าผมอยากได้อะไร เราจูบกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วทำไมผมยังตื่นเต้นอยู่เลยละ พี่ปีสอดมือเข้ามาตามไรผมแล้วขยุ่มมันเบาๆ บังคับให้ผมหันหน้าไปตามเขา ท้องผมรู้สึกปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อเป็นร้อยๆ บินอยู่ข้างใน ลิ้นร้อนๆ กวาดต้อนผมอย่างไม่ลดละ จนผมต้องยอมพ่ายแพ้ และโอนอ่อนไปตามเขา ผมแลกลิ้นกับเขาอย่างไม่มีใครยอม และหยุดเมื่อลมหายใจของผมมันแผ่วลง พี่ปีผละออกมาแล้วมองตาผม อย่างสื่อความหมาย ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมไหม เพราะตอนนี้มันเต้นแรงมากๆ

“หึหึ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ก่อนที่กูจะทำอะไรมึงไปมากกว่านี้” อึ้งนิดๆ กับคำพูดของเขา ความจริงถ้าจะทำมากกว่านี้ ผมคงยอมเขาอย่างเต็มใจ เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาผมเขินจนไม่กล้าที่ยืนนิ่งๆ อีกต่อไป มุดหัวลอดแขนเขาออกมา แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า....

+++++++++++++++++++++++



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2017 08:09:22 โดย สามภพ »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 02

          หลังจากการพบกันในคืนนั้น ภูผาก็อยู่ในอาการหวาดผวา ใครจะร้องทักหรือแตะตัวก็ร้องลั่นโวยวายไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนใกล้ตัวอย่างเขื่อน

“ไหวไหมเนี้ยะ มึง” เพื่อนรักเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ภูผามีสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ วงหน้าสวยซีดเซียวไม่มีสีเลือด ดวงตาคล้ำลึกโหลและเหม่อลอย

“มึงงงง กูกลัวว” ลากเสียงยานๆ แล้วหันหน้าไปหาเพื่อนตัวเอง

“กลัวห่ออะไรกลางวันแสกๆ” เขื่อนว่าใส่อย่างเอือมๆ ที่เพื่อนเขากลัวอะไรเกินเหตุ

“กูอยากไปหาหลวงตา มึงพากูกลับวัดทีดิ” ร่างสูงเดินมาเขย่าแขนเพื่อน

“เออๆ ไปๆ กูไปส่ง ห่า..กลัวผีเป็นเด็กไปได้ แล้วซิสภาพมึงแบบนี้ยังกล้าเอาสังขาลเน่าๆ ของมึงมาบริษัทอีก”

“กูกลัวท่านประธานหักตัง...”

“ไอ้งก งานมึงกับกูมันไม่ได้เยอะแยะอะไรขนาดนั้น ฟรี อะฟรีเข้าใจไหม” หันไปดุคนที่ร่างบางกว่าอย่างเหลืออด พวกเขาเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทเครือ เตชะดำรงกุล ที่มีธุรกิจหลายอย่างทั้งโรงแรม โรงงาน เฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ ทีมเขามีอยู่ห้าคน คือ ตั้ม ลูกปลา และโมนา พวกเขามีหน้าที่เขียนโปรแกรมให้กับบริษัทงานไม่ถึงกับล้นมือ แต่ก็ไม่ได้ว่างขนาดนั่งกินลมชมวิวได้ วันนี้พวกเขาทำงานเสร็จลุล่วงไปแล้วหนึ่งโปรเจค แต่ก็เกือบจะล่มเพราะไอ้เพื่อนตัวดี ที่มันกรี๊ดสาวแตกใส่โมนาที่เอากาแฟมาให้มันตอนกำลังเข้าประชุมกับท่านประธาน ทำเอาคนอื่นสมาธิกระเจิงหมด

“ก็กูเก็บตังไว้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ตอนที่หลวงตาไม่อยู่แล้วไง หมดใบบุญหลวงตามึงจะหน้าด้านอยู่ต่อรึไง” เขื่อนทำหน้าคิดตาม ใช่ถ้าสิ้นบุญหลวงตาแล้ว พวกเขาคงต้องย้ายออกจากวัด

“เออ เรื่องนั้นกูรู้ แต่มึงเนี้ยะ ยืนนิ่งๆ จะได้ไหมวะ หลุกหลิกๆ อยู่นั่นละ กลัวเหี้ยอะไรนักหนา” รถแท็กซี่นี่ก็ไม่รู้หายไปไหนหมดพอเวลาจะให้ไม่โผล่มาสักคัน ร่างสูงของเขื่อนเริ่มจะหงุดหงิด เขาคอยจับภูผาไว้ไม่ให้เดินไปไหน

“มึงกูรู้สึกเหมือนเขาตามกูตลอดเลยอะ” ภุผาบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขามองไปทางไหนก็จะเห็นผีตนนั้นยืนมองเขาอยู่ตลอด

“เพ้อเจ้อ...ถึงวัดแล้วเดี๋ยวกูจะให้หลวงตารดน้ำมนต์ให้” ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเรื่องที่เพื่อนบอก สำหรับเขื่อนแล้วมันเป็นเรื่องปรกติ พวกเขาอยู่วัดมาตั้งแต่เด็กเรื่องแบบนี้ก็พบเจออยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่คิดว่าภูผาจะกลัวมากมายขนาดนี้

“เอาพระมึงมาให้กูใส่หน่อยสิเขื่อน” มือบางยื่นเข้ามาดึงพระที่คอหมายจะเอาไปเป็นของตัวเอง แต่เขื่อนรีบจับไว้ก่อน

“ไม่ได้หลวงตาบอกกูห้ามถอด” เขาโป้ปด เรื่องอะไรจะถอดให้ละถ้าเกิดถอดแล้วไอ้ผีตัวนั้นมันหันมาเล็กเป้าที่เขา เขาไม่ซวยเหรอ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ถอด

“เขื่อน อ่า..กูเพื่อนมึงนะ” ภูทำท่าเหมือนจะร้องไห้

“กูก็เพื่อนมึงนะ” เขื่อนดึงสร้อยกลับคืนแล้วซ้อนเอาไว้ที่อกแล้วลูบลงเบาๆ อย่างอุ่นใจ

“รถเมล์มาก่อนกลับรถเมล์เถอะมึง” พอรถจอดเทียบท่าเขาก็ฉุดเพื่อนตัวเล็กขึ้นไปทันทีล้าพากันหาที่นั่ง โดยที่เขื่อนให้ภูผานั่งด้านในส่วนเขานั่งด้านนอก

“หลับไปเลยก็ได้นะมึงถึงแล้วกูจะปลุก” สิ้นเสียงของเขื่อนก็เหมือนสับสวิชไฟ ภูผาเอนหัวพิงกระจกรถแล้วหลับลึกทันที

พอถึงป้ายที่ต้องลงเขื่อนก็ปลุกภูผาให้ตื่น ร่างสูงเดินลงบันไดด้วยความรู้สึกมึนๆ เขื่อนเดินนำไปก่อนแล้วจะเรียกก็เรียกไม่ทัน ไม่รู้จะรีบไปตายที่ไหน ดีหน่อยที่ ทางเข้าวัดมันอยู่ลึกพอสมควรยังดีที่เป็นแหล่งชุมชนมีตลาดและบ้านคน อยู่บ้างเลยทำให้เขาไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ระหว่างทางภูผาแวะซื้อผัดไทยเข้าไปกินด้วย

“ป้าครับ ผัดไทยทะเลสองห่อ” หันไปสั่งก็เดินไปซื้อน้ำปั่นที่ร้านใกล้ๆ จู่ๆ เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ลมเย็นพัดหวิวอยู่รอบๆ ตัว

“ข้าตามหาเอ็งเสียทั่ว!! ”

เฮือกกก!!!!

“เห้ยย ผี!! ” ร่างบางยืนขาแข็งก้าวไปไหนไม่ได้ มองไปทางไหนมันก็มืดมนไปหมดทั้งๆ ที่เมื่อกี้คนยังเดินพลุกพล่านไปหมด

“เออ ผี! ที่จะกำลังจะมาเป็นผัวเอ็งไง! ”

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกก” ภูผากรีดร้องออกมาสุดเสียง

หมับ!

“เอ็งจะร้องหาพระแสงอะไรนักหนา ยังไงซะวันนี้ข้าก็จะคุยกับเอ็งให้รู้เรื่อง บอกวันเดือนปีเกิดของเอ็งให้ข้ารู้บัดเดี๋ยวนี้ เร็วด้วย! ” ผีพรายรูปงามใช้มืออันเย็นชืดอุดปากร่างบางเอาไว้ จนได้ยืนแต่เสียงอู้อี้ลอดผ่านฝ่ามือหนา ภูผาดิ้นพล่านด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะโดนผีพรายสุดหล่อใช้สายตาดุๆ ถลึง เขาจึงหยุดดิ้น แค่นี้ก็กลัวจนฉี่จะราดแล้ว ทำไมต้องทำตาโตๆ ดุใส่กันด้วย

“12 เดือน ธันวาคม 2536” พอได้ยินคำตอบร่างสูงใหญ่ของพรายหนุ่มก็แทบจะหงายหลัง

“นี่เนื้อคู่ข้าเป็นผู้ชายจริงๆ เรอะนี่” ยืนลูบหน้าตัวเองแล้วถอนหายใจยาวๆ แม้จะทำใจมาได้สักระยะแล้วแต่เขาก็อดที่จะคิดมากไม่ได้ แม่ว่าบนโลกเรื่องที่เพศเดียวกันคบหากันฉันผัวเมียจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ในโลกของเขาก็ยังไม่ได้เปิดกว้างเท่าใด หมายถึงโลกทรรศน์ของเขานะ ส่วนใหญ่เวลาเขาเกิดกำหนัดก็จะเรียกใช้พรายผู้หญิงไม่อย่างนั้นก็มนุษย์ผู้หญิงบนบกแทน ไม่เคยลองกับเพศเดียวกันสักครั้ง

“ฮึก ผี ผีบ้า...เมียบ้าอะไร ปล่อยกูนะ ฮรือออ ไม่งั้นกูสวดมนต์ไล่นะ มึงอยากเจ็บตัวใช่ไหม!!! ” เป็นคำขู่ที่ทำเอาผีพรายอย่างธารถึงกับหลุดขำ

“คิดอะไรตื้นๆ นะเอ็งนะ ขนาดในวัดข้ายังบุกไปหาเอ็งได้ กะอีแค่สวดมนต์มันไม่ระคายผิวข้าสักนิด” โอ้อวดพวกมนุษยืมันไปอย่างนั้นแหละ ความจริงเขาต้องใช้พลังมากมายในการเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น

“ฮรือออ ปล่อยกูไปเถอะนะ แล้วจะอุทิศบุญกุศลไปให้ อยากได้อะไรก็ไปเข้าฝันนะ นะ ผมกลัวแล้ว” พนมมือหลับหูหลับตาขึ้นไหว้

“บุญอะไรข้าไม่เอาหรอก ข้าจะเอาเอ็งไปอยู่ด้วย”

“อะไรนะ ฮึก พึ่งรู้จักกันจะมาพูดกันแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ดี ฮืออ” พูดเสียงสั่นไปหมด

“หึหึ ไปอยู่เป็นเมียข้าซะดีๆ”

“ไม่ไป ยังไงก็ไม่ไปโว้ยย”

ผลัก!! ตั้งสติแล้วออกแรงผลักอีกฝ่ายได้ ภูผาก็วิ่งหน้าตั้ง มนต์พรายที่ร่ายไว้คลายออกทุกอย่างเลยกลายเป็นปรกติ ทุกคนมองภูผาที่จู่ๆ ก็วิ่ง เหมือนคนบ้า ปากตะโกน ร้องออกมาไม่เป็นภาษา

“เห้ยไอ้หนูผัดไทยได้แล้ว เห้ยย ไอ้เด็กนี่ สั่งแล้วไม่เอารึไง จะ ชักดาบเหรอวะ!! ” เสียงป้าคนขายผัดไทยตะโกนไล่หลัง ภูผาที่กำลังจะสติแตก วิ่งย้อนกลับมาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ยื่นมือสั่นๆ ไปรับห่อผัดไทยพร้อมจ่ายเงิน

“ขอโทษครับ นี่เงิน” ถึงจะกลัวผีแต่เขากลัวหิวมากกว่า เลยวิ่งกลับมาเอาผัดไทยที่สั่งไว้ ธารที่ยืนดูว่าที่ภรรยาของเขาด้วยสีหน้ากล้ำกลืนปนทึ่งนิดๆ

“ข้าไม่คิดว่าเอ็งจะสติไม่ดีขนาดนี้นะ เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยๆ รักษา” พึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะหายตัวไป

“หายไปไหนมาวะไอ้ภู กูมาถึงนานแล้วนะ” เขื่อนพึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวตามเนื้อตัวมีหยดน้ำเกาะพราว แสดงว่าเขาพึ่งจะอาบเสร็จ

“ฮึก...ฮึก...ไอ้เขื่อนกูโดนผีหลอก”

“ห๊ะ ผีหลอก หลอกตอนกลางวันนี่อะนะ”

“อืออ มาแบบ 4D หน้าห่างกันไม่ถึงคืบ” ภูเล่าไปเสียงสั่นไป เขายังจำภาพใบหน้าของผีร้ายตนนั้นได้เป็นอย่างดี ไหนจะคำพูดที่ชวนขนหัวลุกอีก

“มันจะมาเอากุไปอยู่ด้วย เขื่อน มึงต้องช่วยกูนะ พากูไปหาหลวงตานะๆ”

“เออๆ กูใส่เสื้อผ้าก่อนอย่างนั้น มึงก็รอนั่งรอตรงนี้” ภูผาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนั่งลงกับพื้นไม้ขัดมันแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง จนกระทั่งเขื่อนเดินออกมาจากห้องนอนของเขา

“ปะ” ทั้งคู่เดินออกจากบ้านพักเพื่อไปยังกุฏิของหลวงตาบัว บ่ายสี่โมงแล้วอีกไม่นานหลวงตาก้ต้องจำวัด

เดินไม่ถึงสองนาทีก็มาถึง หลวงตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงระเบียงไม้หน้ากุฏิพอดี พอขึ้นไปก็ก้มกราบหลวงตาบัวทันที

“ว่าไงพวกเอ็งเดี๋ยวนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยนะ” คำทักทายเชิงตำหนิของหลวงตาทำเอาสองหนุ่มหน้าสลดลงไปเหลือครึ่งนิ้ว เพราะตั้งแต่มีงานทำพวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนอย่างเคย หลวงตาบัวก็เลยมีอาการน้อยอกน้อยใจบ้างตามประสาคนแก่

“พวกเราขอโทษครับหลวงตา” เขือนยกมือไหว้

“แล้ววันนี้ลมอะไรหอบเอ็งมาถึงนี่ละ” หลวงตาบัววางหนังสือธรรมลงกับตักแล้วหันมามองเด็กๆ ทั้งสองคนที่เลี้ยงมากับมือด้วยแววตาสงสัย

“คือ ภูอยากให้หลวงตาอาบน้ำมนต์ให้ครับ”

“อาบน้ำมนต์ อาบทำไม?”

“ผมเจอผีตามรังควานครับ อึก มันบอกว่ามันจะเอาผมไปอยู่ด้วย อะครับหลวงตา” ภูผาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หลวงตาฟังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับผีตัวนี้ หลวงตานั่งฟังด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เรื่องบางเรื่องพระก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ในเมื่อเขาตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรมแล้ว

“เห้อ ถ้าเอ็งยืนกรานที่จะอาบข้าก็จะอาบให้ ไป นั่งตรงบันไดไป เขื่อนไปตักมาให้ข้าถังหนึ่งไป” สั่งทั้งสองคนเสร็จก็เข้าไปในกุฏิธูปเทียนออกมา เมื่อเขื่อนตักน้ำมาให้แล้วหลวงตาก็ทำน้ำมนต์ บริกรรมคาถาเสร็จสรรพก็สาดโครมใส่ไอ้คนที่นั่งพนมมือทันที

“อ๊ากก หลวงตา ไหนบอกว่าอาบไง” ภูผ้าร้องจ๊ากเพราะน้ำมันเย็น หลวงตาบัวยืนหัวเราะแล้วกล่าวกับคนทั้งสองว่า

“จะมาอง มาอาบอะไร สาดโครมแบบนี้แหละเสนียดจัญไรมันจะได้กลัว หึหึ เป็นไงรู้สึกดีขึ้นไหม”

“กะ ก็ดีครับหลวงตา ว่าแต่มันจะได้ผลใช่ไหมครับ”

“เอ๊ะนี่เอ็งไม่เชื่อในฝีมือข้าอย่างนั้นเรอะเจ้าภู” หลวงตาตบเข่าเสียงดังฉาดแล้วชี้หน้าภูผา อย่างไม่จริงจังนัก

“เชื่อครับหลวงตา เชื่อสิแหมหลวงตาบัวของไอ้ภูนี่เก่งที่สุด” ได้ทีก็ประจบสอพลอ เขื่อนเดินเอาผ้าเช็ดตัวมาให้เพื่อนรักห่อตัวเอาไว้

“เออ เสร็จแล้วก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะจำวัดแล้ว” หลวงตาเอ่ยไล่พร้อมกับถ่มน้ำหมากลงกระโถน เขื่อนคลานเข่าเข้ามากราบหลวงตาพร้อมกับภูผา ใบหน้าเหี่ยวย่นเจือความอ่อนโยนในสีหน้า

“ว่าแต่ หลวงตาจำพรรษาที่วัดนี้มานาน ยังจำวัดไม่ได้อีกเหรอครับ” เขื่อนเอ่ยแซวหลวงตาบัวก่อนที่จะรีบถอยออกมาให้พ้นรัศมีฝ่าตีนหลวงตา

“เอ๊ะไอ้นี่..!!! ลามปามนะเอ็ง”

“แหม่ หยอกเล่นเฉยๆ ครับหลวงตา” เขื่อนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาชอบแกล้งหลวงตาแบบนี้อยู่เสมอๆ สร้างสีสันในชีวิต

“กราบลาครับหลวงตา..เอ่อว่าแต่หลวงตาพอจะมีของดีสักชิ้นสองชิ้นให้พวกผมพกติดตัวบ้างไหมครับ” ภูผาไม่วายที่จะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มภัยตัวเองและเผื่อแผ่ไปถึงเขื่อนด้วย

“พระที่ติดตัวเอ็งแค่นั้นก็ดีถมถืดแล้ว จะเอาอะไรอีก”

“องค์นี้ผีมันไม่กลัวครับหลวงตา” ภูตอบหน้าซื่อๆ

“มันจะไปกลัวได้ยังไงละก็คนใส่กลัวขนาดนั้นพระที่ไหนจะเอาแรงไปสู้ ถ้าเอ็งไม่กลัวพผีมันก็ทำอะไรเอ็งไม่ได้ จำไว้”

“ครับหลวงตา”

กลับจากรดน้ำมนต์ภูผารู้สึกสบายใจขึ้นเดินยิ้มกลับมาที่บ้านพักพร้อมกับเขื่อน แต่เพื่อนตัวโตของเขากลับบอกว่าจะออกไปข้างนอก ภูผาเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว แม่จะรู้สึกหวั่นๆ แต่นี่มันเขตวัดและยังไม่มืดเท่าไหร่เขาเลยไม่กลัวอะไรมากมาย เอาผัดไทยที่ซื้อมาแกะใส่จานแล้วนั่งกินหน้าทีวี เปิดหารายการตลกๆ ดู จนกระทั่งตะวันตกดิน เขื่อนยังไม่กลับเขาเลยกะจะไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูห้องจู่ๆ ก็มีคนมาเรียกเขาจากทางหน้าบ้าน

“ภูผา ภูผา”

“ใครวะ” บ่นพึมพำแล้วออกไปดูว่าใครมา ตรงตีนบันไดปรากฏร่างของใครบาคนที่ยืนหันหลังให้ ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกรอเขาอยู่

“ใครนะ?”

“ข้าเอง” สิ้นคำร่างนั้นก็หันมาหาร่างบางทันทีใบหน้าอันหล่อเหลามีสีหน้าที่เครียดขรึม ภูผาตกตลึง อยู่ชั่วขณะ สมองสั่งให้เขารีบปิดประตู แต่ก็ช้ากว่าร่างสูง ที่พุ่งเข้ามาขวางประตูบานนั้น

“ออกไปคุยกันนอกวัดเถอะ” สั่งพร้อมกับกระชากตัวภูผาออกมาจากบ้าน อยากจะขัดขืนแต่เขาสู้แรงอันมหาศาลของผีตนนี้ไม่ไหว

“ไม่เอา ไม่ไป ปล่อยกูนะ”

“เอ็งจะดิ้นทำไมนักหนา ดิ้นไปก็เสียแรงเปล่า! ”

“จะพาไปไหน ไม่ไปนะโว้ยย กูยังไม่อยากตาย” ภูผาตะโกนลั่น แปลกทั้งๆ ที่มีพระอยู่รอบๆ บริเวณไหนจะลูกศิษย์

วัดอีก ทำไมไม่มีใครได้ยินเสียงเค้าสักคน

“ไม่พาไปตายหรอกน่า มันยังไม่ถึงเวลาของเอ็ง ตามข้ามาเงียบๆ เถอะ เสียเวลามามากแล้ว” ทั้งที่จริงวันนี้เขาตั้งใจแค่ตามดูเท่านั้น เท่านั้นแต่ภาพของมนุษย์คนนี้มันดันติดตาเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาเลยตัดสินใจลักพาตัว

“แล้วจะพาไปไหนเล่า”

“ไปทำงาน งานข้าเยอะแยะ” ลากมาจนพ้นเขตวัด พรายธารก็วาดมือไปในอากาศ เกิดช่องโหว่ขนาดพอคนลอดผ่านได้ เขาผลักภูผาที่กำลังสับสนและงง งวยให้เข้าไปก่อนที่ตัวเองจะเดินตามเข้ามา และปิดประตูมิติ

“ที่นี่ที่ไหน” เมื่อตั้งสติได้สิ่งที่เขาเห็นคือห้องทำงานของใครบางคน ห้องที่มีทุกอย่างที่จำเป็นในการทำงานทั้งโต๊ะ เครื่องถ่ายเอกสารคอมพิวเตอร์ ปลิ้นเตอร์ ทีวีจอยักษ์ แต่สิ่งที่ทำให้ภูผาอึ้งอ้าปากค้างคือหน้าต่างที่มองออกไปแล้วเห็นวิวใต้น้ำที่มีทั้งกุ้งหอยปูปลานานา ชนิดแหวกไหว้ไปมา

“วังบาดาล ที่ๆ เอ็งอยู่ตอนนี้คือห้องทำงานของข้าเอง” ภูผาทึ้งมากกับสิ่งที่เห็นจนลืมไปว่าตอนนี้เขาถูกผีพรายจับตัวมา

“ว่าแต่จับตัวผมมาทำไม” ถามแต่ตาก็ยังสำรวจไปทั่วบริเวณ

“เอ้าข้าก็บอกเอ็งไปแล้วนี่ว่าเอ็งเป็นเจ้าสาวของข้า ยังไม่ทันแก่หุตึงแล้วรึไงกัน”

“-*- ด่าผมเหรอ”

“ข้าด่าเอ็งตรงไหน ไปนั่งบนตั่งนั่นไปข้าจะทำงานแล้ว” พรายธาร แท้จริงแล้วมีชื่อว่าลำธาร ที่ว่ากันว่าคืต้นกำเนิดของแม่น้ำสายใหญ่ ร่างสูงเดินกลับไปนั่งที่แล้วเหลือบมองภูผาที่เดินไปนั่งตามที่เขาบอกอย่างเงอะๆ เงินๆ

ย้อนกลับไป ประมาณสองสามชั่วโมงก่อน

“กิจวันนี้มีงานอะไรด่วนรึเปล่า” เขาถามออกไปทั้งๆ ที่สายตายังคงจับจ้องที่เอกสารมากมายตรงหน้า

“ไม่มีแล้วครับ”

“อืม ดี เดี๋ยวข้าจะไปทำธุระบนแผ่นดินนิดหน่อย เอ็งมีอะไรก็ไปทำปะ”

“ไหนว่าเราไม่ควรพูดภาษาโบราณไงครับ” กิจเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

“เออ น่า รีบๆ ไป” เพราะบางทีก็ลืมเขาไม่ได้ขึ้นบกบ่อยๆ เสียหน่อยอีกอย่างดวงวิญญาณทุกดวงที่เขาตามเก็บก็ฟังเขารู้เรื่องไม่เห็นจะมีปัญหา

“ครับๆ” พอกิจออกไปแล้วเขาก็ขึ้นไปบนพื้นดิน แอบตามติดชีวิตว่าที่ภรรยาของเขาอย่างเงียบๆ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวของภูผา..ที่ดึงดูดเขา ทั้งวันเขาได้เห็นว่าภูผาเปิ่นแค่ไหนแถมยังใสซื่อ ออกแนวซื่อบื้อๆ นิดหน่อย แต่เวลาทำงานเขาจะดูจริงจังเป็นพิเศษ แถมยังชอบเล่นมุกตลกแป๊กๆ อีกต่างหาก ภูผาเป็นหนุ่มดอกไม้ในสายตาเขา ถ้าไม่ติดว่าเป็นผุ้ชายมีไข่เหมือนกับเขาคงจะทำใจง่ายมากกว่านี้ เขาตามภูผาไปทุกๆ อย่างไม่มีเบื่อ จนกระทั่งภูผาเริ่มรู้สึกว่ามีคนตามและเห็นารในทุกที่ที่ ที่เขาไป ภูผาทนไม่ไหวเลยให้เขื่อนพามารดน้ำมันกับหลวงตา โดยที่ระหว่างทาง ธารต้องการความแน่ใจเขาเลยใช่พลังพรางตากับภูผา แต่เจ้าตัวดันตกใจจนสติแตก ยังดีที่เขารู้วันเดือนปีเกิดของภูผาแล้ว และภูผาก็เป็นเนื้อคู่ของเขาอย่างแท้จริง ธารรรอให้ฟ้ามืดเสียก่อนเพราะพลังเขาจะเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากเท่าไหร่เพราะเขาอยู่บนบก ร่างสูงบุกไปยังที่พักของภูผาและพาตัวเขามาที่วังบาดาลเพียงเพราะว่า เขารู้สึกอยากใกล้ชิดร่างบางให้มากกว่านี้

กลับมาปัจจุบัน

ภูผานั่งเกร็งอยู่บนตั่งไม้สักบุนวม ใบหน้าหวานดูหวาดกลัวปนอยากรู้อยากเห็น ธารเห็นแววตาซุกซนของภูผาแล้วก็แอบยิ้มขำ เขาเดินมานั่งข้างๆ ว่าที่ภรรยา ภูผารีบขยับออกห่างทันที

“อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ” ภูผากำลังหวาดกลัว ร่างบางขดตัวอยู่มุมหนึ่งของตั่งเตียง รขยับเข้ามาใกล้อีก ตอนนี้ภูผากลัวจนตัวสั่น

“เอ็งกลัวข้าเหรอ” ช่างกล้าถามว่ากลัวไหม ใครบ้างจะไม่กลัว ผี

“ฮึก..มากก ออกไปไกลๆ ได้ไหม” ธารยิ้มขำกับท่าทีของภูผา

“เอ็งชื่อว่าอะไร ข้าชื่อลำธาร”

“ภูผา..ฮึก ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมกลัวแล้ว”

“จะมากลัวผัวตัวเองทำไม เอ็งต้องดีใจสิที่จะได้ข้าไปเป็นผัว สาวๆ ในน่านน้ำนี้ล้วนแล้วหมายปองข้าทั้งนั้น” แม้แต่ผีพรายยังโอ้อวดเรื่องผู้หญิง ภูผาส่ายหน้าหวือ ไม่ยอมรับ

“ไม่เอา ไม่อยากมีผัว ฮึก อยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้าน”

“อยากกลับเหรอ เอาสิ เดินออกประตูนั้นไปเอ็งก็กลับไปบนโลกมนุษย์ได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงนิ่งๆ พลางกอดอกมองใบหน้าหวานที่ดุมีความหวังขึ้นมา

“จะ จริงเหรอ คุณจะปล่อยผมไปใช่ไหม” ธารไม่ตอบ ร่างบางเลยค่อยๆ ขยับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อจะไปยังประตูบานนั้น ธารปล่อยให้ภูผาเดินเกือบถึงประตู

“อ่อข้าลืมบอกไป เจ้ากลั้นหายใจได้นานเท่าไหร่” ธารถามเสียงเครียดๆ

“หนึ่งนาที”

“อ่า ถ้าอย่างนั้นก็ยากหน่อยนะถ้าจะขึ้นไปด้านบน เพราะวังบาดาลข้าอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะสิบนาทีได้ เจ้ากลั้นหายใจไหวไหมล่ะ ถ้าไหวก็เชิญ” ธารผายมือไปที่ประตู ภูผาชะงักยืนตัวแข็งทื่อ อยากจะร้องไห้

“แล้วจะกลับไปได้ยังไงเล่า ฮึก คุณหลอกให้ผมมีความหวัง เป็นผีไม่พอ ยังเป็นผีขี้โกหกอีก เลวที่สุดเลย”

“ข้าไม่ได้โกหกสักหน่อยเจ้าทึกทักไปเองต่างหาก” เขาแค่บอกไม่หมด

“นี่ข้าใจดีอุตส่าห์ปล่อยเจ้าไปแล้วนะ จะมาโวยวายใส่ข้า แบบนี้มันไม่ถูก”

“ฮึก..ถามจริงคุณต้องการอะไรจากผม ทำไมไม่ไปหาคนอื่น ทำไมต้องเป็นผมด้วย”

“ข้อนี้ข้าก้ตอบเอ็งไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นเอ็งด้วย แต่เมื่อคู่กันแล้วคงแยกกันยากทำใจซะเถอะ”

“ใครมันจะไปทำได้” ตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง เขายังไม่อยากตายตอนนี้ เขายังไม่ได้ตอบแทนหลวงตาบังเลย

“อีกอย่างวังบาดาลมันมีไว้สำหรับภูติพรายมนุษย์แบบเอ็งคงอยู่ยาก ที่ของคนตาย คนตายเท่านั้นที่จะอยู่ได้ ถ้าเอ็งไม่อยากตายก่อนวันอันควรเอ็งก็ควรอยู่ใกล้ๆ ข้าไว้ละ พลังของข้าจะแผ่ไปถึงเจ้า” ธารบอกกับภูผาด้วยเสียงหน่ายๆ แต่แววตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา ภูผาไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้เขา ความจริงต้องห่างๆ เขามากว่า แต่ที่วังบาดาลเขาไม่จำเป็นต้องดูดพลังจากมนุษย์ เขาแค่อยากให้ภูผาอยู่ใกล้ๆ

“อึกแล้วจะเสือกพาผมลงมาด้วยทำไมวะ ฮรือออ” ร่างสูงโดนตวาดใส่แทนที่จะโกรธเขากัลบหัวเราะออกมา

“เอ้าก็ข้าจะเป็นผัวเองในภายภาคหน้า ข้าก็ต้องศึกษาเมียตัวเองไว้บ้างไม่เห็นจะแปลก ว่าแต่เอ้งเถอะ อยู่ห่างข้าขนาดนั้น อยากตายใช่ไหม ขยับเข้ามา” พอได้ยินว่าตัวเองจะตายเขาก็กระโดดมานั่งข้างๆ ธารทันที

“กอดข้าไว้ด้วย เอ็งจะได้พลังจากข้าเยอะๆ” ภูผากอดหมับทันทีพร้อมกับทำหน้าเหวอๆ

“ไม่เอา ไม่อยากตาย” ฮึกเขื่อนช่วยกูด้วยยยย ร่างโปร่งได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ตรงข้ามกับลำธารพรายผู้หล่อเหลาและแสนเจ้าเล่ห์

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 16



หลังจากกลับมากทะเล พวกเขาก็ต้องวุ่นวายอีกครั้งกับร้านรูปโฉมใหม่ ไฉไลกว่าเดิม จากร้านเล็กๆ ที่ใช้พื้นที่หน้าบ้านตอนนี้ขยายเข้าไปในตัวบ้านแล้ว ผลงานของช่างที่ปีมงคลส่งมาฝีมือดี ทำตามแบบที่เขาต้องการได้เป๊ะทุกอย่าง แถมยังราคาถูกกว่าที่ตกลงกันไว้อีกตั้งครึ่ง เพียวเดินสำรวจไปรอบพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มองร้านของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ชื่นชมได้ไม่นานรู้สึกเหมือนพายุจะเข้าแต่เช้า

ปิ้นๆ เสียงแตรรถยนต์ ดังขึ้นที่ประตูรั้ว รถยุโรปคันหรูราคาแพงจอดเทียบอยู่หน้าบ้าน ไวรัลที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่เห็นเลยรีบไปเปิดประตูรั้ว แล้วถามว่ามาหาใคร พอคนบนรถโผล่หน้าออกมา เด็กพม่าของเขาก็ทำหน้ายุ่งๆ เดินทิ้งมาเลย ไม่สนใจคนที่กำลังเดินลงจากรถสักนิด พอร่างนั่นเดินข้ามธรณีประตูมา เขาก็ถึงบางอ้อ

“พี่ทศ” ยิ้มแบบที่เคยยิ้ม แล้วรีบเดินไปช่วยถือของที่คนตัวสูงหิ้วมาฝาก มีทั้งขนมนมเนย น้ำผลไม้แบบที่เขาชอบ และเนื้อวัวชั้นดีของโปรดของเขา ร่างถือเอาไว้แล้วชวนพี่ชายคนสนิทเข้าบ้าน นั่งตูดยังไม่ทันร้อน ร่างสูงๆ ของปีมงคลก็ปรากฏตัวอยู่ในบ้านของเพียว ใบหน้าดูทะมึงถึง คิ้วเรียวขมวดยุ่ง ร่างบางที่เดินถือแก้วน้ำมาจากทางห้องครัว พอเห็นว่าใครอยู่ในห้องรับแขกก็ชะงัก เห็นรังสีทะมึนแผ่ออกมาจากคนทั้งคู่

“อะ เอ่ออ พี่ปี มาทำอะไรแต่เช้าครับ” ร่างบางวางไว้ที่โต๊ะรับแขกก่อนจะเดินมาจับแขนของปีมงคล ส่งยิ้มหวานไปให้

“มากินข้าว ไวรัลชวนมา” ตอบด้วยเสียงนิ่งๆ แต่ตากลับไม่ได้มองที่คนถาม มองผุ้มาเยือนที่นั่งหน้าสลอนอยู่ต่างหาก อารมณ์หวงตีขึ้นหน้าเขาอีกแล้ว

“งะ งันเหรอ ดีเลยถ้าอย่างนั้นอยู่ทานด้วยกันหมดนี่แหละเนอะ พี่ทศซื้อกับข้าวมาเยอะเลย” ร่างบางตอบยิ้มๆ แล้วเดินเลี่ยงบรรยากาศมาคุเข้าไปด้านในจนเจอไวรัลกำลังหัวเราะคิกคักอยู่ก็ส่งสายตาดุๆ ปรามเด็กพม่า

“คิกคิก พี่เพียวดูสองคนนั้นสิ ทำหน้าเหมือนอึไม่ออกเลยอะ” ไวรัลเห็นเป็นเรื่องสนุกในยามเช้า เพียวส่ายหัวไปมาอย่างจนใจ

“เพราะเรานะแหละ ไปตามพี่ปีมาทำไม ก็รู้อยู่ว่าสองคนนั้นเข้าไม่ค่อยจะลงรอยกัน” เพียวว่าเสียงดุ ไวรัลยักไหล่

“ผมไม่ยอมให้ใครมาทำคะแนนแซงหน้าพี่ปีหรอก เพราะพี่เพียวต้องเป็นของพี่ปีท่านั้น” ไวรัลพูดออกมาตามที่ใจคิด เพียวถึงกับหน้าม้าน ทันที

“แหมะพูดแค่นี้ทำเขิน” พอจัดอาหารใส่จานเรียบร้อยก็ตั้งโต๊ะ เตรียมทานมื้อเช้ากัน เพียวเดินมาตามผู้ชายสองคนที่เอาแต่จ้องหน้ากันไม่เลิก

“กินข้าวครับ” พูดแค่นั้นก็เดินหันหลังกลับไปในครัว ไวกำลังตักข้าวใส่จานอยู่ ปีมงคลเดินอ้อมมาอีกฝั่งของโต๊ะกินข้าวหมายจะนั่งข้างๆ ร่างบางแต่ก็ช้ากว่าทศลักษณ์ไปแค่ก้าวเดียว ร่างสูงของยักษ์ทศยิ้มเยาะมนุษย์อย่างปีมงคลแบบเนียนๆ โดยที่เพียวไม่ทันสังเกตเห็น ปีมงคลได้แต่เข่นเขี้ยวด้วยความหงุดหงิดใจ เป็นอันว่าเขาตั้งนั่งฝั่งตรงข้ามกับร่างบางแทน

“เพียวลองนี้ เจ้าดังเลยนะเมื่อก่อนเราชอบนิ” ทศลักษณ์ตักผัดโป๊ยเซียนใส่จานให้ร่างบางที่หันไปยิ้มขอบคุณ

“ไข่พะโล้มึงก็ชอบนิ” เขาตักไข่ใส่จานให้เพียวโดยที่เขี่ยผัดโป้ยเซียนของอีกฝ่ายไปข้างๆ จาน

“อะ..เอ่ออ”

“นี่ๆ ผัดผักดีต่อสุขภาพเช้าๆ ต้องกินผัก” ทศลักษณ์ไม่ยอมแพ้

“กินนี้ดีหว่าต้มยำกุ้ง”

“เป็ดย่างก็ดีนะเพียว ของโปรดเพียวด้วย” เมื่อคนหนึ่งตักอีกคนก็ตัก จนตอนนี้จานของเพียวล้นไปด้วยกับข้าวทุกอย่างบนโต๊ะ และดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ

“เอ่อ พี่ปี พี่ทศพอก่อนครับเพียวกินไม่ทัน เพียวตักเองดีกว่า พวกพี่กินกันเถอะครับ เพียวมีมือเพียวตักเองได้” ร่างบางยกมือห้ามทัพ ได้ทันก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ แค่นี้เขาก็กินไม่หมดแล้ว

“เยอะเพราะของมึงนั่นแหละ ไม่รู้จะบริการมันทำไม แฟนก็ไม่ใช่” ปีมงคลหันไปแขวะใส่

“แล้วทีคุณละครับ แฟนก็ไม่ใช่เหมือนกัน”

“อีกไม่นานหรอก” ปีมงคลยื่นหน้าเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามแล้วพูดเสียงลอดไรฟัน

“มั่นใจจังเลยนะครับ” อีกคนก็กระซิบเสียงเข้มเช่นเดียวกัน

“มึงจะไปรู้อะไร เพียวนะมันชอบกุจะตาย”

“น้องก็ชอบผมเหมือนกันแค่นี้ดูไม่ออกเหรอครับ” คำพูดที่ทำให้คิ้วของปีมงคลกระตุกแรง เขาจ้องหน้าทศลักษณ์ด้วยแววตาชิงชังไม่ต่างกับอีกคน เพียวกับไวรัลมองสองคนที่กำลังฟาดฟันกันทางสายตาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนหนึ่งก็พี่ชายแสนดีอีกคนก็คนที่ครอบครองหัวใจ จะหักหน้าใครตอนนี้ก็ถือว่าไม่ดีทั้งนั้น หันไปมองไวรัล ดูท่าทางจะมีความสุขอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า

“นานๆ ที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้จากพี่ปะครับ สีหน้าที่หึงหวงสุดๆ แบบนี้ พี่นี่โชคดีจังเลยนะครับ” ไวรัลเอามือเท้าคางแล้วหันมาสบตากับเพียวแล้วยิ้มออกมา

“งะ งั้นเหรอ..-///- นี่กุต้องดีใจใช่ไหมที่ผู้ชายสองคนกำลังแย่งกู เหอๆ” รู้สึกอึดอัดนิดๆ แต่ก็แอบดีใจกับท่าทีของปีมงคลที่มีต่อตนเอง มื้ออาหารมื้อนี้เรียกได้ว่ามื้อนรกก็ไม่ปาน จากตอนแรกก็เริ่มรู้สึกดีแต่สักพักร่างบางก็ได้รับรู้ว่าแรงหึงลมหวงของปีมงคลมันรับมือยากขนาดไหน หลังจากทานอาเช้ากันเรียบร้อยแทนที่ทศลักษณ์จะกลับเขากลับมาขลุกอยู่กับร่างบาง อาสาทำนั่นทำนี่ให้เพื่อเอาใจ ปีมงคลเองก็ไม่ยอมแพ้ อาสาทำงานบ้านให้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ค่อยจะเป็น ทศลักษณ์ซ่อมท่อน้ำหลังที่รั่วซึม แต่ใช้เวลาอยู่นานโขเพราะตัวเองใช่ว่าจะทำเป็นไปซะทุกอย่าง ปีมงคลแอบเดินมาดู เขาหัวเราะเยาะเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของท่อน้ำ ที่ตอนนี้มีน้ำพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ ยิ่งซ่อมก็ยิ่งเหมือนทำมันให้พังมากกว่าเดิมสุดท้ายโทรเรียกช่างมาทำให้ กว่าจะเสร็จก็บ่าย ทศลักษณ์เลยขอตัวกลับก่อน

“โทษทีนะ เพียว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดนิดๆ

“คึคึ ไม่เป็นไรหรอกพี่ เรื่องแค่นี้ ความจริงพี่สองคนก็ไม่น่ามาทำอะไรแบบนี้นะ ปล่อยให้พวกผมสองคนทำเองมันง่ายกว่านี้เยอะ” มันคงไม่เกิดเรื่องยุ่งๆ พวกนี้ตามมาทีหลัง เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา ปากสวยยกยิ้มนิดๆ

“งั้นพี่กลับก่อนดีกว่าท่าว่างแวะไปหาพี่ที่ร้านบ้างนะ” มือหนายกขึ้นมายีหัวทุยเบาๆ ปีมงคลที่เดินไปส่งช่างกลับมาเห็นเข้าพอดี ร่างสูงเดินมาปัดมือของทศลักษณ์ออกอย่างแรง

“หัวคนไม่ใช่หัวหมาลูบอยู่ได้” เขาพูดออกไปด้วยความรู้สึกที่หมั่นไส้ แถมยังส่งสายตาค้อนๆ ไปให้ร่างบางที่ยืนนิ่งให้เขาลูบอีกต่างหาก

“นี่ก็เหมือนกัน เป็นหมารึไงถึงชอบให้คนอื่นลูบหัวนะห๊ะ” ปีมงคลหันไปยีหัวอีกคนแรงๆ จนเพียวหัวยุ่งไปหมด

“พี่ปี!!! หัวยุ่งหมดแล้ว”

“มึงอะไหนว่าจะกลับ ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่ได้” ก็ยักษ์ไง ไม่เถียง ทศลักษณ์ยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะถ้าปีมงคลรู้ว่าสองคนนั้นเป็นยักษ์ตัวเป็นๆ คงจะช็อกน่าดู

“หึ..พี่ไปก่อนละกัน บายครับตัวเล็กของพี่” ส่งยิ้มหวานไปหาเพียวแล้วเดินออกไปทางหน้าบ้าน

“ของผมก็ไม่เล็กนะพี่ คึคึคึ” เอ่ยปากแซวคนที่เดินหันหลังให้แล้วหัวเราะ ปีมงคลได้ยินก็รีบเขกหัวอีกคนแล้วทำหน้าดุใส่

“อะ โอ้ย พี่ เจ็บนะ ว่าผมเป็นหมาไม่พอ ยังจะมาทำร้ายร่างกายกันอีก -3-” เพียวยู่ปากใส่

“ไปบอกมันแบบนั้นได้ไง อยากโชว์ให้มันดูเหรอ ถ้าอยากโชว์มาโชว์ให้กูดูนี่ แหม่” ปีมงคลบ่นออกมายาวแถมทำเสียงเหมือนคนแก่อีกต่างหาก

“อะไรของพี่ วู้ว ไล่แต่คนอื่นแล้วพี่ไม่มีงานไม่การทำไงมาขลุกอยู่แต่บ้านผมเนี้ยะ” โดนย้อนเข้าหน่อยก็ทำเดินหนี เพียวทำปากคว่ำใส่อย่างหมั่นไส้กับความขี้เก๊กของอีกคน ความจริงวันนี้เขาตั้งใจจะไปดูของมาตกแต่งร้าน พวกโต๊ะเก้าอีก อะไรทำนองนี้ แต่ดันมีแขกมาซะก่อนก็เลยต้องพับเก็บไว้ เอาไว้ไปพรุ่งนี้แทน ปีมงคลเดินมานั่งพักที่ศาลาไทย เพียวเดินตามมาทีหลัง

“พี่ไม่กลับบ้านหรอ” เขาเองก็อยากจะพักบ้าง

“บ้านอยู่แค่นี้” เขาชี้ไปที่บ้านของตัวเอง

“แต่ผมง่วง”

“ก็นอนสิใครว่าอะไร”

“-*- พี่เล่นนั่งไม่ไปไหนแบบนี้ใครจะหลับลง”

“งั้นกูกลับก็ได้ ไว้ตอนเย็นจะมาหาใหม่” ยังไม่ได้เชิญเลยนะครับพี่ เพียวกลอกตาบนอย่างจนใจ ตั้งแต่กลับมาจากทะเลพี่ปีของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แลดูจะติดเขาเป็นพิเศษ

“ครับ” พอต่างคนต่างแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ร่างบางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างโล่งๆ ดีที่วันนี้ไม่มีใครฆ่ากันตายในบ้านของเขา หันไปหาเด็กพม่าที่ไม่รู้หายไปไหน พอไม่เจอก็กะจะเดินเข้าบ้าน

“น้องเพียวววววว” เสียงแหลมแสบหูดังมาจากบ้านข้างๆ (อีกฝั่ง) ป้าอรยืนเกาะข้างๆ รั้ว สายตาภายใต้กรอบแว่นหนาๆ ของแกไม่สามารถปิดบังความขี้เสือกของแกได้ เพียวถอนหายใจแรงๆ เขาอยากจะพักมากๆ ตอนนี้ ร่างบางเดินไปหาคนอายุมากด้วยสีหน้าปั้นยิ้ม

“ครับป้าอร”

“วันนี้แขกเยอะดีนะคะ”

“อ่าครับ”

“เออ แล้วไปไหนหมดซะละค่ะ ป้าว่าจะแวะมาทักทาย” ถามพร้อมกับสอดสายตาไปทั่วๆ บ้าน มือเหี่ยวๆ ขยับแว่นไปมา

“กลับหมดแล้วครับ ว่าแต่ป้าอรมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมขอตัวไปพักผ่อน” เพียวตัดบท

“จะว่ามีก็มีนะค่ะคุณน้อง คืออย่างนี้ค่ะ ช่วงนี้ป้าอยากจะทำธุรกิจแต่ติดที่เงินทุน พอดีว่าป้ามีที่อยู่ผืนหนึ่ง อยากจะขายให้คุณปีเขา” แล้วทำไมไม่ไปคุยกับคุณปีเองละครับป้าจะมาผ่านผมทำไม ร่างบางคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ป้าเห็นว่าน้องเพียวสนิทกับคุณปีเลยอยากจะให้ช่วยพูดให้หน่อยนะคะ”

“เอ่ออ แล้ว..” ยังไม่ทันจะถามป้าอรก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“คือ ป้าเคยบอกขายที่คุณปีไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ราคาที่ตั้งไว้ นะคะ ตอนนั้นยังไม่ร้อนเงินเท่าไหร่ ตอนนี้เลยอยากจะขาย เอาราคาที่คุณปีเคยให้ก็ได้ น้องเพียวไปคุยให้ป้าหน่อยได้ไหมคะ” ป้าอรพูดเสียงอ่อน พร้อมกับทำสีหน้าอ่อนใจให้ดูน่าสงสาร

“เห้ออ ก็ได้ครับแต่ไม่รับปากนะครับว่าจะได้”

“แค่น้องเพียงรับปากว่าจะคุยให้ป้าก็มีความหวังแล้วละค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” พูดจบก็สะบัดตูดเดินหายเข้าบ้าน เพียวส่ายหน้าไปมา แล้วเดินเข้าบ้านเช่นกัน ร่างบางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จะได้สดชื่น ลืมเรื่องมื้อเที่ยงไปเสียสนิท ถึงว่าทำไมท้องมันร้อง เดินงุ่นง่านออกจากห้องก็เจอเด็กแสบที่จู่ๆก็หายไป นั่งยิ้มอะไรไม่รู้อยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“ยิ้มอะไร ไอ้พม่าเสินเจิ้น” แซวมันขำๆ ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ยกมือขึ้นยีหัวทุยนั่นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“ยิ้มอะไรป่าวยิ้มสักหน่อย” มันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ หลักฐานชัดอยู่บนใบหน้าขนาดนี้ เพียวส่ายหัว

“หิวยัง สั่งอะไรง่ายๆ มากินไหม”

“อยากกิน พิชซ่า” ไวหันมาทำตาวาวๆ ใส่

“คึคึ เออ ได้ๆ อยากกินเหมือนกัน” กดโทรศัพท์สั่งพิซซ่า เอาแบบจัดเต็ม รอไม่นานก้มาส่งถึงหน้าบ้าน ไวออกไปรับพร้อมกับจ่ายเงิน เดินยิ้มหน้าบานเข้ามา

“คนส่งพิชซ่าหน้าตาดีอะพี่ วันหลังเราสั่งอีกนะ ฮ่าๆ”

“แหม่ ออกนอกหน้าระวังเถอะ กูจะฟ้องไอ้เขื่อน”

“เกี่ยวไรกับพี่เขื่อนอะ ..- - “

“ถามตัวมึงเองดีว่ามั้งไอ้วายยยย กินๆ หิวไส้จะขาดแล้ว” ลงมือกินของที่สั่งมาจนเกลี้ยงแล้วนอนตีพุงอืดๆ เปิดซีรี่ย์สยองขวัญดูกันสองคนเจ้านายลูกน้อง จนถึงเย็น ก็ออกตลาด หาซื้อของมาทำกับข้าวตอนเย็น ได้ไก่ตัวใหญ่มากับมันฝรั่ง หอมใหญ่มะเขือเทศ วันนี้เขาตั้งใจจะทำซุปไก่ กับ ผัดพริกแกงหมูสามชั้น ไวรัลอ้อนอยากกิน หมึกยัดไส้ต้มเค็ม ร่างบางเลยเดินไปอีกล็อกเพื่อซื้อหมึกทะเลสดๆ สองกิโลคงพอทำอาหารได้หลายมื้อ แวะซื้อหมูสับกับเครื่องเทศอีกนิดหน่อยก็เดินทางกลับระหว่างทางมีแอบซื้อขนมไว้ล้างปากอีกสองอย่างคือวุ้นกะทิกับสังขยาฟักทองอีกลูก

กลับมาถึงบ้านก็เตรียมทำมื้อเย็นโดยมีไวรัลเป็นลูกมือ ลูกมือที่มือไม่หยุดจกกับข้าวขึ้นมาชิม เป็นอิปอบอย่างที่เพียวเอ่ยแซว พอทุกอย่างพร้อมเพียวก็ให้ไวไปตามปีมงคลมากินข้าว ไม่นานสองคนนั้นก็เดินเข้ามาในครัว วันนี้อากาศดีเลยจะตั้งโต๊ะที่ศาลา ระหว่างที่กำลังเตรียมจัดโต๊ะ จู่ๆ ไวมันก็เดินออกไปรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่ยุ่งๆ ปีมงคลมองตาม แววตาเขาสะท้อนถึงความกังวลออกมาจนเพียวต้องเอ่ยถาม

“มีอะไรกันรึเปล่าพี่”

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เราจัดโต๊ะกันต่อเถอะ เดี๋ยวไวมันก็กลับมากินเองแหละ” ร่างสูงบอกปัด เพราะเขายังไม่อยากให้เพียวสนใจเรื่องของไวมากนักเลยต้องหันเหความสนใจ ร่างสูงเดินไปประชิดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง เหมือนแบ็กฮัก เพียวตกใจจนเกือบทำหมึกต้มเค็มหล่นดีที่ร่างสูงประคองทั้งคนและอาหารไว้ทัน

“ทำอะไรของพี่อีกเนี้ยะ -*- “

“หึหึ จับดีๆ สิ” หัวเราะแบบบนี้อีกแล้ว ร่างบางหันไปมองค้อนใส่ด้วยความไม่ขอบใจ

“ต้องไปเอาอะไรอีกไหม”

“หม้อข้าวกับน้ำ” ปีมงคลพยักหน้าแล้วพากันเดินกลับเข้าไปด้านใน ร่างสุงใช้จังหวะที่เพียวกำลังเผลอ จับไหล่มนแล้วพลิกให้หันกลับมาทางเขาก่อนจะใช้ความเร้วในการช่วงชิงลมหายใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากอวบอิ่มโดนอีกคนบดขยี้ริมฝีปากลงมา ก่อนจะชอกชอนลิ้นเข้าไปในโพลงปากอุ่นอย่างชำนาญ ฝ่ามือล็อกเอาศีรษะของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้หันหนี เพียวทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมตามใจคนตัวโต เปิดปากรับเอาความหวานฉ่ำก่อนมื้ออาหารเข้าปากตนเอง เสียงหายใจฟึดฟัดบอกถึงอารมณ์ที่กำลังปะทุ หัวใจทั้งเขาและร่างสูงเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก สองมือที่ไม่รู้จะไปวางไว้ตรงไหนค่อยๆ ยกขึ้นคล้องคอหนาเอาไว้ปีมงคลเลื่อนฝ่ามือจากหัวลงมาสู่เอวคอดอย่างช้าๆ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปยังสะโพกนิ่มแล้วขยำเต็มแรง

“อื้ออ..อย่าทำแบบนี้สิเจ็บ” ละริมฝีปากบวมแดงออกมาแล้วว่าเสียงดุ ดวงตากลมมองค้อนนิดๆ ปีมงคลอมยิ้มขำก่อนจะหอมลงที่แก้มนุ่มอีกครั้งด้วยความเผลอไผล

“ทำโทษที่วันนี้พาผู้ชายเข้าบ้าน!!! ” ร่างสูงแกล้งทำเสียงดุพร้อมกับจ้องตาอีกฝ่ายไปด้วย เล่นเอาคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจ

“*0*ผมไม่ได้ขอเขามาเอง”

“ไม่รู้ละ กูหวง”

“หวง หวงทำไม? ชอบผมเหรอ” เป็นร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังไล้ต้อนให้อีกฝ่ายจนมุม ร่างบางเอียงคอถามพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ

“มีตรงไหนให้ชอบวะ” หันหน้าไปมองทางอื่นแล้วตอบแบบไม่เต็มเสียง เขาไม่อาจจะทนมองอีกคนที่กำลังทำสีหน้าแบบนั้นใส่ได้ สีหน้าที่ยั่วให้เขาตะบะแตก

“ถ้าไม่ชอบก็อย่างหวง อย่าออกอาการ อย่าออกนอกหน้าสิครับ คนมันติด^^”

“ก็คิดไปสิใครห้าม”

“ผมไม่ชอบความผิดหวัง แล้วไม่ชอบตัดโอกาสของตัวเอง อะไรที่มันดีผมก็สมควรจะคว้ามันไว้ไม่ใช่เหรอ” เหมือนเป็นคำถามที่ปูทางให้อีกฝ่ายเดินตกหลุม ยักษ์ตัวน้อยยิ้มพราย ก่อนจะพลิกตัวหนีอ้อมกอดของอีกคน

“กูก็กำลังจะให้โอกาสมึงแล้วนี่ไง รีบคว้าไว้สิวะ!! ” เขาตะโกนเสียงลั่นด้วยความตื่นเต้น มือหนารีบคว้าข้อมือของอีกคนไว้ก่อนที่จะหนีไป ร่างบางหันมาสบสายตาที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์

“มึงต้องเลือกแค่กูเท่านั้น”

“บังคับผมเหรอครับ พี่นี่ใจร้ายจัง” เพียวยิ้มออกมา ยิ้มร้ายๆ ที่ซ่อนความตื่นเต้นและดีใจเอาไว้ คำพูดของผู้ชายตรงหน้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการขอเป็นแฟน ไม่สิบังคับให้เขาเป็นแฟนมากกว่า

“ไม่มีโอกาสสำหรับคนอื่น ตัดทิ้งให้หมดแล้วมองแค่กู” เขาจ้องตาอีกคนนิ่งๆ อย่างเอาคำตอบ ร่างบางจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้ คนอย่างปีมงคลต้องโดนดัดนิสัยแย่ๆ สะบ้าง

“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับผมว่าผมจะตัดด้ายแดงฝั่งไหน จะตัดของพี่ (ยกมือขึ้นลูบแก้มสากเบาๆ) หรือของพี่ทศ ผมพอใจใครมากกว่าคนที่รักผมมากกว่า ผมก็จะเลือกคนนั้น” ออกแรงเล็กน้อยผลักคนตรงหน้าให้ถอยห่างแล้วเดินหยิบหม้อข้าวออกไปด้านนอก

“หยิบน้ำตามมาสิครับ จะได้กินข้าว หิวแล้ว^^”



-ปีมลคล-

“ร้ายนักนะ อย่าให้ต้อนจน จนมุมละกัน จะกินไม่ให้เหลือเลย”

-ไวรัล-

“พวกมัวไปทำอะไรกันอยู่ ปลูกข้าวอยู่เหรอ แล้วทำไมปากพี่เพียวเจ่อแบบนั้นละ หรือว่าแพ้สะตอ เอ๊ะ..*0* หรือว่า”

“หึหึหึ” ปีมงคล

“-////- “เพียว

“แดกข้าวครับทุกคน หิว!!!! ” น้องยักษ์ที่ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง กลบความงุ่นง่านของตัวเอง


++++++++++++++++++++++++++++
พี่ปีเขาก็มีมุมมุ้งมิ้ง ขี้หึง ขี้หวงเหมือนกันนะ ยังไม่ตายด้าน ฮ่าๆ
ถ้ารักน้องยักษ์ก็ให้กำลังใจคนเขียนด้วยน้าาาาาาาา
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3










อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 17


                     หลังจากตื่นนอน จากค่ำคืนที่แสนยาวนาน ผมตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้เขาจะไปดูเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งร้าน รีบอาบน้ำแล้วแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดคอวีกับกางเกงยีน เดิน ลงไปด้านล่าง เจอไวรัลพึ่งจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วผลุบหายเข้าไปในห้อง ผมเลยเดินเข้าครัวหาทำอะไรกินรองท้องไปก่อน แต่พอเปิดตู้เย็นก็แทบหงายหลัง เหลือแต่ปลาหมึกแค่สองตัวจะพอกินกันไหม ถามใจดู ส่ายหน้าเบาๆ ดีนะข้าวหุงไว้เมื่อเย็นยังเหลืออยู่บ้างเลยเอามาทำข้าวต้มซะเลย ง่ายดี กว่าคุณไวเค้าจะแต่งตัวเสร็จข้าวในหม้อก็คงพองได้ที่พอดี หั่นทุกอย่างใส่หม้อน้ำซุป รอปลาหมึกสุกก็ตักข้าวใส่ หรี่ไฟลง แล้วหันไปชงกาแฟกับอุ่นนมให้อีกคน ได้ยินเสียงเดือดปุดในหม้อก็เดินไปคนข้าวสองสามทีแล้ว ใส่เครื่องปรุงชิมรสแล้วดับไฟ ไม่นานไวก็เดินออกมาจากห้องตัวหอมฉุย มันแต่งตัวน่ารักตามประสาวัยรุ่นอยู่ด้วยมาก็เกือบจะสามเดือนแล้ว เปลี่ยนเป็นจากไว เด็กพม่าหน้าขาวเป็นน้องไวรัลของพี่เขื่อนไปซะได้

                  ลงมือกินมื้อเช้าก่อนจะออกเดินทางตอนเก้าโมง มุ่งตรงไปยังร้านที่ขายของที่เราต้องการโดยเฉพาะไวรัลเสนอชื่อร้านร้านหนึ่งที่อยู่ใจกลางเมือง พอไปถึงมันเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ ส่งออกนอก แวบแรกที่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะมันมีพื้นที่กว้างมากเหมือนห้างสรรพสินค้าที่มีแต่ของตกแต่งบ้าน เราเดินจนขาลาก ได้ของถูกใจมาหลายอย่าง จนเดินไม่ไหว เลยมานั่งพักดูแค็ตตาล็อกพวกโต๊ะเก้าอี้แทน นั่งได้สักพัก จู่ๆ ไวรัลมันก็ทำสีหน้าตกใจแล้ววิ่งหายไปไหนไม่รู้ทิ้งให้ผมเคว้ง นั่งเอ๋ออยู่บ่นม้านั่งไม้รูปทรงแปลกๆ พร้อมกับแฟ้มแค็ตตาล็อกในมือ จนมีพนักงานคนหนึ่งเอากาแฟมาเสิร์ฟให้

“ท่านประธานให้เอากาแฟมาให้ค่ะ แล้วท่านประธานฝากบอกว่าถ้าเลือกแบบได้แล้วให้เข้าไปพบท่านเป็นการส่วนตัวได้เลยค่ะ” ห๊ะ อะไรนะ คือแค่มาซื้อของเข้าร้านไม่ได้มาติดต่อทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องพบท่านประธงประธานหรอกมั้ง กำลังจะเอ่ยคำปฏิเสธ แต่ก็โดนขัดขึ้นมาอีก

“ท่านประธานบอกว่าจะลดราคาสินค้าให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยนะคะ” เออ แบบนี้คงต้องรีบไปพบท่านประธานแล้วละ ฮ่าๆ

“ครับ ขอบคุณครับ” นั่งยิ้มหวานส่งให้พนักงานสาวสวยจนเธอยืนบิดม้วนเป็นเลขแปด แสดงว่าเสน่ห์ผมยังพอมีอยู่บ้าง รู้สึกภูมิใจนิดๆ นะเนี้ยะ โปรยเสน่ห์เสร็จก็ทำหน้าเก๊กหล่อ จนหน้าเกร็ง

“คุณวารี !!! ไม่งานทำแล้วเหรอ” น้ำเสียงเข้มๆ ดังมาจากทางด้านหลังของผม น้ำเสียงมันดูคุ้นๆ ยังไม่รู้ กำลังจะหันไปหาคนต้นเสียง

“หลานปี” ปี?

“อ่าว ท่านเจ้าสัว ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” หันไปก็ตะลึงเลยครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่ปีที่นี่ ผมยืนมองทั่งคู่สนทนากันสีหน้าเจ้าสัวนั่นดูเครียดๆ

“นั่นสิ นานจนอาลืมไปเลยว่ายังมีหลานอยู่อีกคน” จู่ๆ สีหน้าท่านเจ้าสัวก็หมองลง

“คุณอามีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อาไวรัล อีหายตัวไป อาตามหาเขาจนทั่ว หายังก็หาไม่เจอ ที่อามาพบหลานวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ปีเห็นไวรัลบ้างไหม” ผมมองสีหน้าของพี่ปีเขาดูอึดอัดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงสีอะไรไปมากกว่านี้ จากที่ฟัง ชื่อไวรัล ไวรัล!!!

“อย่าบอกนะว่า เป็นไอ้เด็กพม่าที่บ้าน” ผมแทบจะหลุดเสียงออกไป กวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่เจอเด็กพม่าของผมแม้แต่เงา

“คุณอาใจเย็นๆ นะครับ น้องคงไปไหนไม่ไกล”

“เขาหนีไปเพราะทะเลาะกับที่บ้าน อาไม่คิดว่าไวรัลจะกล้าหนีออกจากบ้าน นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วย”

“เดี๋ยวน้องก้คงกลับเองแหละครับ ไวรัลเป็นเด็กลาดเขาเอาตัวรอดได้ ถ้าอาไม่สบายใจผมจะช่วยตามหาน้องอีกแรง”

“อาตัดเงินเขา อายัดบัตรเครดิตทุกอย่าง ยึดรถ แต่ไวรัล อีก็หนีไปจนได้ ออกไปแบบนั้นจะกินจะอยู่ยังไง” ผมเห็นสายตาเหนื่อยล้าและเป้นกังวลของท่านเจ้าสัว เขาคงห่วงลูกชายมากๆ แน่ ผมหันไปสบตากับพี่ปีนิดๆ ประหม่าเล็กน้อยตอนที่เขาส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ ว่าแต่ถ้าเป็นไวเดียวกับที่บ้าน ผมจะจับตีก้นให้ลายเลยคอยดู

“ผมจะช่วยตามหาอีกแรง ยังไงไวรัลก็เป็นน้องของผม”

“ขอบใจมานะหลานปี อาไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว” ท่านเจ้าสัวตบบ่าแกร่งของพี่ปี สีหน้าดูคลายกังวล เมื่อเห็นว่าพี่ปีรับปากว่าจะช่วย ท่านก็เอ่ยลา เพราะมีนัดกับลูกค้า ทีนี้ก็เหลือแต่ผมกับพี่ปี เขาเดินตรงมาที่ผม ร่างสูงใส่สูทผูกไท้ เซตผมอย่างดี ต่างจากที่บ้านที่แต่งตัวสบายๆ พี่ปีดูหล่อขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ผมยืนยิ้มให้เขาอย่างไม่ปิดบัง

“ตามมาสิ” พี่ปีจูงผมเข้าไปในห้องทำงานของเขา ห้องกว้างๆ ที่ตกแต่งโทนสีเข้มกับเฟอร์นิเจอสีอ่อนมีโซฟาเบทอยู่มุมห้องสงสัยเอาไว้นอนพัก ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นรูปครอบครัวของพี่เขา รูปใหญ่แขวนอยู่บนผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของเขา สามคนพ่อแม่ลูกยืนกอดกันมีพื้นหลังเป็นบ้านหลังหนึ่งที่ดูอบอุ่นมาก ผมมองรูปนั้นอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งโดนที่พี่ปีกอดเอาไว้จากด้านหลัง แล้วลากผมไปที่เก้าอี้ทำงานบังคับให้ผมนั่งบนตักเขา

“จะมาทำไมไม่บอก” เขาถามเสียงเข้มๆ

“ผมไม่รู้นี่ว่าไวจะพามาที่นี่” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม พร้อมกับมองหน้าเขา พี่ปีดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ผมชักอิจฉาความหล่อของเขาแล้วสิ

“กูไม่ได้หมายถึงที่นี่ กูหมายถึงจะออกมาข้างนอกกันสองคนทำไม่บอกกูบ้าง” อ่อเรื่องนี้เอง ผมยักไหล่

“ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องสักหน่อย พี่ก็ใช่จะว่างตลอด”

“จำเป็นสิ!! ไม่ว่ามึงจะไปที่ไหน กับใคร ยังไง มึงต้องบอกกูทุกครั้ง” เขากดเสียงลงต่ำเหมือนจะขู่บังคับผม

“ทำไมต้องรายงานพี่ขนาดนั้นด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย -3-” เชิดหน้าใส่เขาทันที ทำไมชอบบังคับกันจังนะ

“กูพูดขนาดนี้มึงยังไม่ เข้า ไม่เก็ทอีกเหรอ = = ”

“เก็ทอะไรละ พี่พูดมาแต่ละอย่างไม่ชัดเจนสักอย่างหนึ่ง แล้วจะผมเข้าใจอะไร” พูดจบเขาก็บีบเอวผมหนักๆ เจ็บชะมัด

“อะ เจ็บนะพี่จะบีบทำไม”

“บีบให้มึงรู้สึกไง นึกว่าไม่มีต่อมรับความรู้สึก กูส่งไปกี่รอบๆ มึงก็ไม่รู้จักรู้สึกตัวสักที ตายด้าน!!! ” เอ้ามาด่ากูทำไมเนี้ยะ

“ตายด้านอะไรละ พี่ไม่ชัดเจน ปากนี่อะ จะพูดออกมาไม่ได้เลยรึไง” ว่าใส่เขาแล้วสะบัดตัวลุกขึ้นยืน

“กูชอบมึง!! ”

“ห๊ะ..พี่ว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกที” ที่เขาพูดนะมันไม่ได้เบาหรืออะไรหรอกแค่ไม่แน่ใจ และยังตั้งสติไม่ทัน

“เห้ออ มึงหุตึงรึไงวะ กู บอก ว่า กู –ชอบ-มึง” ชัดเต็มสองหูเลยทีนี้เขาพูดพร้อมกับจับแก้มผมไว้ มันแสดงออกมาทั้งสีหน้าและแววตา คำว่าชอบ เขาไม่ได้โกหกผม แต่ คือแบบ จะบอกชอบ บอกรักกันทำไม ไม่ทำให้มันดรแมนติกกว่านี้แบบนี้มันปุบปับเกินไป ตั้งตัวไม่ทัน เขินมากด้วย -///-

“-////-พูดจริง ไม่หลอกให้ดีใจเล่นๆ นะ” ยืนบิดไปบิดมาด้วยความเขิน เกิดมายังไม่มีผู้ชายคนไหนมาบอกว่าชอบผมเลย ฮ่าๆ เขินทำตัวไม่ถูก อ๊ากก ร้องกรี๊ด ออกมาไม่ได้เกรงใจความแมนของตัวเองสักนิด นับวันยิ่งแรดนะผมเนี้ยะ ฮ่าๆ

“เออ นั่งลงมา” พี่ปีตบมือลงบนตักของเขาให้ผมนั่ง ผมทำตามอย่างว่าง่าย ไม่อิดออด ทรุดตัวนั่งลงยนตักนุ่มๆ ของเขา

“แล้วมึงละ คิดยังไงกับกู ชอบกูบ้างไหม” เสียงทุ้มนุ่มหูดังลอยวนอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา หันหน้าไปมองพี่ปี คำถามของเขาทำให้ผมพูดไม่ออก นี่เขาถามว่าผมรู้สึกยังไงกับอย่างนั้นเหรอผมเงียบไม่ตอบ แต่ผมจะให้คำตอบเขาด้วยภาษากาย ผมเอื้อมมือไปโน้มคอคนตัวสูงให้ลงมาแล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากอุ่น

จุ๊บ

“!!!!! ”

“ชอบที่สุด” ตอบออกไปดั่งใจคิด พี่ปียิ้มกว้างและหน้าแดง

                     หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ ริมฝีปากของเราไม่ออกห่งกันเลยแม้แต่นิด รสจูบที่หอมหวาน พี่ปีเหมือนผึ้งที่กำลังตักตวงน้ำหวานจากผม เขาไม่ปล่อยให้ผมพักหายใจ ผมเป็นยักษ์แต่ไม่ได้เป็นเดอะฮัคที่จะอึด ถึก ทน พยายามส่งสัญญาณให้เขาพักให้ผมได้หายใจบ้าง คนอะไรหื่นเป็นบ้า!! ออกแรงจิกที่ต้นแขนเขาแรงๆ จนเขายอมผละออก ผมรีบโกยอากาศเขาปอดทันที

“เฮือกกกก พี่!! ” หายใจได้ไม่ถึงนาทีพี่เขาก็จูบลงมาอีก ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้ผมขยับไปไหน เขาจูบผมอย่างเร่าร้อน ร่างกายผมมันอ่อนแรงไปหมด รสจูบของพี่ปีเหมือนมนต์สะกดยักษ์อย่างผมให้สงบนิ่ง ลิ้นร้อนของเราเกี่ยวพันกันไปมา อย่างโหยหา จูบที่ทำให้สติผมล่องลอยไปไกล

“อืมม อื้ออ”

ปัง!!!!

“พี่ปีแย่แล้ว!!! ” จู่ๆ ประตูห้องทำงานก็เปิดออกแล้วก็มีร่างของเด็กพม่า ไอ้ไวรัล ยืนหน้าซีดอยู่ การมาเยือนของมันทำให้ผมตกใจ ดีดตัวเองออกจากตักพี่ปี แล้วหงายหลังลงกับพื้นห้อง หัวโขกกับขาโต๊ะ ผมนอนกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บพี่ปรช้อนตัวผมขึ้นมาแล้วพามานั่งที่โซฟาเบท โดยที่ไวรัลมันยืนมองผมตาไม่กะพริบ

เรื่องใหญ่กว่าของผมก้ของพี่นี่แหละ นี่พวกพี่แอบมาจูบกันในห้องหรอ!!! ” เสียงมันไม่ได้เบาเลยที่พูดออกมาออกจะตะโกนใส่เสียมากกว่า พี่ปีส่ายหน้าแล้วทำตาดุใส่มัน แล้วหันมาดูหัวผมตรงที่โดน

“บวมนิดหน่อย เจ็บมากไหม” ความจริงก็ได้เจ็บอะไรมากหรอก แต่อยากสำออย อ้อนพี่ปี

“เจ็บ ฮึก....” มีแอคติ้งสะอื้น สกิลขั้นสูงไปอีกผม และมันก็ได้ผล พี่ปีดึงหัวผมไปเป่าเบาๆ เหมือนกับเด็กเล็กๆ ไวรัลยืนอ้าปากค้างไปอีก เป็นไงละ

“โอ้ มาย ก็อท....”

           หลังจากที่อึ้งกันอยู่พัก ไวรัลมันก็เปิดประเด็นขัดบรรยากาศผมอีกครั้ง มันเหลือบมองผมนิดๆ เหมือนไม่กล้าพูดต่อหน้าผมสักเท่าไหร่ มันคงมีชนักติดหลังผมรีบจ้องตามันบังคับให้มันพูดต่อหน้าผม

“มึงมีอะไรจะสารภาพกับกูไหม ไวรัล!! ” ผมเอ่ยถามมันเสียงเย็น

“คะ..คือ” มันหันไปหาพี่ปีอย่างขอความช่วยเหลือ พี่เขาส่ายหน้าแล้วบอกให้มันพูดออกมาเลย

“พูดเถอะ เพียวมันเจอป๊าแล้ว”

“งะ..แล้วพี่บอกป๊า รึเปล่าว่าผมอยู่ไหน” นั่นไงเป็นมันจริงๆ ด้วยถึงว่าทำไมคนพม่ามันถึงอ่านเขียนภาษาไทยได้คล่องขนาดนี้

“ไม่ได้บอกหรอก พี่ว่าเราติดต่อพ่อบ้างก็ดีนะ ดูท่าทางเขาเป็นห่วงเรามากเลยนะไว” ผมบอกกับมัน เพราะคิดว่าอย่างน้อยๆ มันก็น่าจะโทรหาพวกเขาบ้าง เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แบบนี้

“......” มันเงียบไม่ยอมตอบ ก้มหน้าอย่างเดียวตั้งแต่ที่ผมเริ่มพูดถึงพ่อของเขา

“ไว”

“ฮึก เขาไม่ห่วงผมหรอก เขากลัวผมไปทำความเดือดร้อนให้มากกว่า” มันยกมือขึ้นปาดน้ำตา เด็กหนอเด็ก ทำไมชอบแปลความเป็นห่วงของผู้ใหญ่เป็นแง่ร้ายอยุ่เรื่อย ผม กอดไหล่มันไว้หลวม

“ไวไม่คิดว่าเขาจะห่วงบ้างเหรอ คนเป็นพ่อเป็นแม่ เขาก็ห่วงลูกรักลูกกันทุกคนนั่นแหละ แล้วแต่ว่าเขาจะแสดงออกมามาแบบไหน” ผมพยายามกล่อมให้มันเข้าใจ

“คนอย่างป๊าไม่มีทางคิดกับผมในแง่ดีๆ หรอก มีแต่จะบังคับ ดุด่า ไม่เคยเข้าใจผม ไม่มีใคร ฮึกเข้าใจผมสักคน!!! ” จู่ๆ มันก็ลุกขึ้นแล้วตะโกนใส่ผม ก่อนจะพรวดพราดวิ่งหนีออกไป

“ไวรัล!!! ” พี่ปีร้องเรียกจะวิ่งตามแต่ผมรั้งเอาไว้

“ปล่อยให้เขาได้คิดได้อยุ่กับตัวเองก่อนเหอะพี่ เด็กวัยนี้พูดไปเขาก็ไม่ฟังหรอก เราคอยประคับประคองให้เขาเดินไปในทางที่ถูกที่ควรดีกว่า” พี่ปีนิ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เราเดินมานั่งที่โต๊ะรับแขก พี่ปีกอดเอวผมไว้ พร้อมกับมองหน้าผม

“ถามจริง พี่ไม่คิดจะไปทำงานบ้างเหรอ มานั่งจ้องผมอยู่แบบนี้ วันนี้จะได้กลับบ้านไหม”

“เดี๋ยวค่อยทำ พักบ้างก็ได้ไม่มีใครกล้าว่าหรอก”

“แต่ผมมีงานต้องทำ อีกสองวันร้านจะเปิดแล้ว ผมต้องหาของเข้าร้านอีก”

“ก็เลือกเอาสิ ของที่นี่มีตั้งเยอะ อยากได้อะไรก็เอาไป ไม่คิดตัง” พอบอกว่าไม่คิดตังหุผมนี่ผึ่งเลยครับ

“จริงอะ”

“หึหึหึ งกเอ๊ย อืม เลือกเอา หรือจะให้ช่วยเลือกให้” ในเมื่อเขาเสนอตัวมาช่วยผมก็ไม่ขัด พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา พี่ปีเดินไปหยิบไอแพดของเขามาแล้วเปิดหน้าเว็บของบริษัท เลือกชุดเก้าอีกออกมาสองสามชุดให้ผมเลือก ซึ่งแบบที่เขาเลือกมานั้นสวยไม่เบาแถมถูกใจและเข้ากับร้านผมมาก เลือกชุดเก้าอี้ไม้แบบวินเทจสีเบจ กับตู้โชว์เข้าชุดอีกสองหลัง เอาไว้ใส่ของสะสม กับรูปสวยๆ เลือกเสร็จก็ส่งต่อให้พี่ปีไปจัดการต่อ เขารับไอแพดไปแล้วกดโทรศัพท์หาเลขาที่อยู่หน้าห้อง

“ระริน รับไฟล์สินค้าที่ผมส่งไปให้ แล้วจัดส่งตามที่อยู่ให้ด้วย ลงบัญชีชื่อของผมไว้ อืม ขอบใจมาก” เขาสั่งแล้วหันมายิ้มให้ คือผมจำเป็นต้องใจเต้นแรงให้กับรอยยิ้มละมุนของเขาขนาดนี้ไหม ไอ้หัวใจบ้านี่ก็เต้นไม่หยุดสักที แอบเห็นมุมปากเขาขยับเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม นั่งเก๊กหน้าจนตีนกาแทบจะขึ้น แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมชอบอมยิ้มเอาไว้ เห็นแล้วอึดอัดแทน

“พี่ผมกลับเลยได้ไหม จะไปหาซื้อของอีกหลายอย่างเลย” พอบอกว่าจะกลับสายตาจากที่เพ่งแต่เอกสายหันมาตวัดใส่ผมทันที

“เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน”

“หืม ทำไม”

“จะเที่ยงแล้ว จะพาไปกินข้าว” เขาตอบเสียงเรียบๆ ก่อนจะรีบเซนต์เอกสารแฟ้มสุดท้ายในมือ

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมขอโทรตามไวก่อนได้ไหมเป็นห่วงมัน” พี่ปีพยักหน้าตอบผมรีบกดโทรศัพท์โทรหา

ตรู๊ดดดดดดด

“ (......) ”

“ไอ้ไว ตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน”

“มันอยู่กับกู” เสียงใครวะ

“มึงเป็นใครวะ มึงทำอะไรน้องกู!! ”

“ไอ้เหี้ยเพียวจะตะโกนหาพ่องมึงเหรอ กุเอง แค่นี้ทำเป็นจำไม่ได้”

“ไอ้เขื่อน!! ” ตกใจหมด ห่าเอ๊ย นึกว่าไวรัลโดนจับไปเรียกค่าไถ่

“เออกูเอง ไม่ต้องห่วงไอ้ไวมันหรอก มันอยู่กับกูที่วัด มึงจะทำอะไรก็ไปทำเหอะเย็นๆ กูจะมาพามันไปส่งเอง” ได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกสบายใจขึ้น พี่ปีเองก็เช่นกัน เราออกจากบริษัทในเวลาเที่ยงตรง พี่ปีขับรถพาผมไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานของเขา มันเป็นร้านเล็กๆ ที่คนไม่ค่อยเยอะมีคนเข้าออกตลอด รสชาติอาหารของที่นี่ อร่อยอย่าบอกใคร กินเสร็จเขาก็พาผมกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง ผมถามว่ากลับมาทำไม เขาก็บอกว่ากลับมาสั่งงานแล้วจะพาผมออกไปซื้อของเอง พอมาถึงเท้ายังไม่ทันได้ก้าวข้ามประตู จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มา

“พี่ปี!! หายไปไหนมาค่ะ มีนารอตั้งนาน” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟัน ชุดเดรสสั้นรัดติ้ว จนเห็นไปหมดทุกสัดส่วน โดยเฉพาะ ตรงส่วนนั้น ใหญ่เสียจนละสายตาไม่ได้ สายตาผมโฟกัสไปแค่จุดๆ นั้น จนกระทั่ง

“อะ..แฮ่ม กรุณามองหน้ากูด้วยครับ” น้ำเสียงเข้มๆ เรียกสติกับน้ำลายของผมให้กลับมา หญิงสาวที่ชื่อมีนามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยท่าทางเหยียดๆ เจอกันครั้งแรกก็สร้างความประทับใจอันดีต่อกันเลยทีเดียว ผมยิ้มจนตาเป็นสะระอิส่งให้ เดี๋ยวได้รู้ ว่ายักษ์นะมีฤทธิ์แค่ไหน ผมเห็นมือขาวๆ ทาเล็บสีแดงเกาะแขนพี่ปีไม่ยอมปล่อย แอบยิ้มเหี้ยมนิดๆ บังอาจมากมาเกาะแขนแฟนคนอื่นแบบนี้

“ใครอะค่ะพี่ปี เด็กฝึกงานเหรอ”

“ไม่ใช่ แล้วคุณมาที่นี่ทำไม” พี่ปีหันไปถามมีนาด้วยเสียงนิ่งๆ พร้อมกับแกะแขนของมีนาออก

“ก็มีนาคิดถึงพี่ปีนี่ค่ะ พี่ปีไม่โทรหามีนาบ้างเลย เราเป็นแฟนกันนะคะ” เธอพูดเสียงกระเง้ากระงอด ผมหันไปมองหน้าพี่ปีทันทีที่เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนกับเขา

“แค่ในนามเท่า ที่เหลือคุณคิดเอาเองทั้งนั้น หรือเรียกง่ายว่าสายมโน หยุดมโนหยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว” *0* คำพูดร้ายๆ ที่ไม่ได้ออกจากปากของผม แต่เป็นปากพี่ปี ผมเคยคิดว่าเขานะปากร้าย แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกับผู้หญิงด้วยแบบนี้ โคตร อึ้ง..มีนาหน้าสลดลงทันที พี่ปีใช้แค่หางตามองผู้หญิงคนนั้น แม่เจ้าโดนยิ่งกว่าผมเสียอีก

“พี่ปีทำไมพูดกับมีนาอย่างนี้ละคะ” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ พี่ปีหันมามองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนจะแสยะยิ้ม

“ทำไมจะพูดไม่ได้ เธอเป็นอะไรกับชั้น ชั้นต้องให้ความสำคัญ? !! ” แร้งงง มีนาหน้าถอดสี เธอคงไปสะกิดต่อมอสูรของพี่ปีเข้าแล้ว

“พี่ปี..มีนาจะฟ้องคุณพ่อ!! ”

“เชิญ ถอนหุ้นออกไปด้วยยิ่งดี” จบประโยคเขาก็ลากผมเข้าไปด้านในทิ้งให้มีนายืนหน้าแดงด้วยความโกรธ อยากจะถามพี่เขานะว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ไม่กล้ากลัวหัวหลุด เขาลากผมมาจนถึงห้องทำงาน พร้อมกับปิดประตู

“มึง..โอเคไหม” โอเคอะไรละ ผมยัง งง จะให้โอเคเรื่องอะไร

“เรื่อง?”

“มีนาคม พ่อของมีนาเป็นหุ้นของบริษัทนี้อยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ของกูหกสิบ กับกรรมการอีกคนละสองเปอร์เซ็นต์ เขาถือว่ามีหุ้นอยู่เยอะและใช้ลูกสาวเป็นหลักประกัน และหวังจะฮุบเอาหุ้นทั้งหมดจากกูไปทันทีที่กูตกลงแต่งงานกับมีนาหุ้นจะตกเป็นของพ่อมีนาครึ่งหนึ่ง ซึ่งกูยอมไม่ได้ ตอนนี้กูทำอะไรได้ไม่ค่อยมากเพราะพ่อมีนาปั่นหัวคณะกรรมการให้ขายหุ้นให้ และกำลังจะหั่นขาเก้าอี้กู ซึ่งกูยอมไม่ได้”

“แล้วพ่อมีนาเป็นใครอะ”

“เพื่อนของพ่อกู ชื่อ วิชาญ” ผมพยักหน้าเข้าใจและพอจะจับใจความสำคัญอะไรบางอย่างได้ ดูท่าพี่ปีจะเจอศึกหนักเอาการ

“เขาช่วยกันก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา แค่ช่วงแรก พอลุงวิชาญได้เงินปันผลเขาก็ยุติการทำงานของตัวเอง รอกินเงินปันผลอย่างเดียว พ่อกูเป็นคนลงแรง ลงทุนทุ่มเทให้กับบริษัทจนเติบโต ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจนมีทุกวันนี้ พ่อขยายจนทำเริ่มทำธุรกิจโรงแรม จนกระทั่ง พวกเขา....” พอมาถึงตรงนี้แววตาพี่ปีไหววูบเหมือนเก็บความเศร้าเอาไว้มากมาย มันสื่อออกทางดวงของพี่เขาจนหมด

“พวกเขาเสีย ตอนกลับจากปราณบุรี มีรถบรรทุกเบรกแตกพุ่งเข้าชนเขาตรงสี่แยกไฟแดง ตอนนั้นกูพึ่งเรียนจบ ปริญญายังไม่ได้รับเลย” น้ำเสียงเขาเริ่มสั่นเครือ ผมจับมือเขาไว้ พี่ปีเริ่มเปิดใจกับผมเขาเล่าเรื่องราวในชีวิตของเขาให้ผมฟัง

“พี่ถามผมว่าโอเคไหม ถ้ามีนาเขาจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องเขานะเหรอ”

“ไม่ คือกูหมายถึง ถ้ากูยังไม่สามารถบอกใครได้เรื่องของเรา”

“ห๊ะ..???”

“มึงจะโอเคไหม” ถามว่าโอเคไหมนะเหรอ มันก็ต้องไม่โอสิวะ!!!

“ไม่มีทาง..” ผมบอกเสียงแข็ง ใครจะยอมละ แค่บอกว่าเราเป็นแฟนกัน เป็นคนรักกันมันจะตายรึไงวะ ผมไม่ชอบสถานะที่คลุมเครือ

“ยอมเถอะ กูขอ” เขาหันมาทำสีหน้าจริงจังใส่ผม สีหน้าที่บังคับแกมขอร้อง ... กูขอนี่คือบังคับ แล้วกูก็ต้องยอมใช่ไหม ผมมองหน้าเขานิ่งๆ พยายามสูดลมหายใจเขาลึกๆ เพื่อให้ใจเย็นลง เราตกลงเป็นแฟนกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

“เพราอะไร ขอเหตุผลได้ไหม” กลั้นใจถามออกไป

“เพื่อความปลอดภัยของมึง”

“ความปลอดภัย? ความปลอดภัยอะไร” พูดบ้าอะไรของเขาเนี้ยะ พูดเหมือนจะมีคนมาฆ่าผม ถ้าฆ่าผมตายได้ก็เอา

“ศรัตรู ไม่ได้มีแค่ลุงวิชาญ แต่ยังมีญาติของกูอีกที่จ้องจะฮุบทุกอย่างไปจากกู พวกนั้นมันยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ในสิ่งที่มันต้องการ มึงเข้าใจใช่ไหมเพียว เหตุผลของกูมีแค่นี้” เข้าใจชัดเจน!!! ห่าจะมีผัวกับเขาทั้งทีทำไมต้องมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้ด้วยวะ!!

“แล้วเราต้องทำยังไง”

“ก็เหมือนปรกติ ที่เป็น” เขาส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้เมื่อเห็นผมเริ่มอ่อนลง

“เอาใจกู สนใจกู ห้ามขัดคำสั่งกู” !!! อันนี้ไม่ใช่ละ



+++++++++++++++++++++++++++++++




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ใครจะฆ่าน้องยักษ์ได้ล่ะพี่ปี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ตามมมท

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

ได้โปรดเรียกข้าว่าที่รัก 03


       นอนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน อย่างลืมตัว ร่างสูงเผยยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ เขาค่อยๆ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมเอ่ยคำปลอบประโลม

“ข้าก็ไม่ได้ว่าจะให้เอ็งมาอยู่ตอนนี้สักหน่อย เวลาข้าเรียกหาเอ็งก็ต้องมาก็เท่านั้น” ฝ่ามืออุ่นลูบลงบนแผ่นหลังที่กำลังสั่นไหวให้คลายความหวาดกลัว

“ข้าจะรอเอ็งจวบจนสิ้นอายุขัยเอ็งก็ได้ อีกไม่กี่ปีข้าไม่รีบแล้วก็ได้” อีกแค่ไม่กี่ปี? มันหมายความว่ายังไง !!

“ผมจะอายุสั้นเหรอ? ฮึกทำไมละ”

“อันนี้ข้าเองก็ไม่รู้ มันคงเป็นเวรเป็นกรรมของเอ็งมั้ง” คิ้วเรียวขมวดยุ่งกับคำว่าเวรกรรม เห็นทีว่าเวรกรรมของเขาน่าจะอยู่ข้างๆ นี่แหละ

“ผมยังไม่อยากตาย ฮึก ฮรือออ ยังหาพ่อแม่ไม่เจอเลย ยังไม่ได้บวชให้หลวงตาเลย ผมจะตายตอนนี้ไม่ได้นะ”

“ข้าก็บอกอยู่นี่ไงว่าให้อยู่ใกล้ๆ ข้า ช่วงนี้เอ็งนะดวงตกรู้ไหม มีข้าที่เป็นเนื้อคู่อยู่ใกล้ๆ ดวงเอ็งจะดีขึ้น” หลอกล่อด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่จริงจังดูน่าเชื่อถือ ภูผาเริ่มจะโอนอ่อนตาม

“จริงเหรอ?”

“ก็จริงนะสิวะ ข้าอายุปูนนี้แล้วจะมาโกหกเอ็งทำไม” หน้าตาก็ไม่ได้แก่ไปกว่าเขาสักไหร่แต่ทำไมพูดเหมือนคนอายุสักแปดสิบเก้าสิบ แถมยังใช้สำนวนโบราณๆ อีก ภูผาทำหน้ายุ่งๆ ด้วยความสงสัย

“ละ..แล้วคุณอายุเท่าไหร่แล้วละ”

“ถ้านับปีนี้ก็น่าจะ ห้าร้อยปีได้แล้วมั้ง”

“*0* โคตรจะแก่เลย” เขาเผลออุทานออกมาเสียงดังไม่ได้เกรงใจในพลังอำนาจของพรายน้ำสักนิด

“= _= “

“แล้วคุณกินอะไรเป็นอาหารละ ปลาเหรอ หรือว่าพวกของสด พวกไก่สด เครื่องใน อะไรแบบนี้ปะ” จากที่เคยกลัวๆ ตอนนี้กลายเป็นอยากรู้อยากเห็นไปซะแล้ว

“ข้าไม่ใช้ปอบ!!!! จะได้กินของสด เอ็งนี่คิดไปเรื่อย ข้ากินของเซ่นไหว้ เวลาพวกเอ็งทำบุญหรือบูชาเทพเจ้าแห่งสายน้ำนั่นแหละ บางทีถ้าหิวมากๆ ก็จับพวกมนุษย์ปากหมาลงมากิน! ” อันหลังเขาหันไปหาร่างบางที่กำลังมองเขาอยู่

“เห้ยจริงดิ กินคนด้วย น่ากลัวอะ” แหม่นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่เขาพูดประชด ประชดนะเข้าใจไหมลำธารส่ายหน้าไปมาอย่างหน่ายๆ

“เอ็งจะเป็นคนแรกที่ข้าจะจับกินระวังตัวไว้ละกัน” เขาแกล้งขู่ไปอย่างนั้นแหละถ้าจะจับกินคงกินแบบอย่างอื่นมากกว่า ดูตอนนี้สิ ปากแดงๆ นั่นทำเป็นปากยื่นปากยาวบ่นเขาขมุบขมิบ ว่าเป็นผีใจร้าย เอากับมันสิ เขาผละออกจากร่างบางที่นั่งตีหน้ายุ่งๆ แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน กะว่าเคลียเอกสารพวกนี้หมดแล้วจะกลับไปส่งภูผาที่วัด

“นี่คุณลำธาร” เสียงเรียกดังแผ่วทำให้พรายหนุ่มจำต้องเงยหน้าขึ้นมา

“มีอะไร?”

“ผมปวดฉี่ ที่นี่มีห้องน้ำไหม”

“มี อยู่ด้านหลังประตูบานนั้น รีบไปรีบกลับ อย่าไปเดินเผ่นพ่านละ”

 ภูผามองตามนิ้วที่ชี้ เขารีบวิ่งไปยังทิศทางนั้น ทันที พอเปิดประตูห้องน้ำ เขาก็ต้องอึ้งอีกรอบ เพราะมันเป็นห้องกระจกทั้งห้องมองเห็นวิวใต้น้ำได้อย่างชัดเจน เขาจัดการธุระของตนเองเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่เขาไม่ได้ก้าวกลับไปยังห้องๆ เดิม ภูผาเดินไปตามทางเดินโล่งๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ที่นี่เหมือนวังใต้น้ำ ที่หรูหรามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วยเทคโนโลยีของบนโลกมนุษย์จนเขาก็อดที่จะทึ้งไม่ได้ แต่ละย่างก้าวของเขาล้วนแล้วถูกจับตามองด้วยสายตาอาฆาตคู่หนึ่งที่แอบตามเขามาตั้งแต่ออกจากห้องของลำธารแล้ว โดยที่ภูผาไม่ทันได้สังเกตหรือรู้สึกสักนิดว่าอันตรายกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้จนจะถึงตัวอยู่แล้ว

ฟิ้ววววว ฉึก

“เห้ยย เชี้ยะ” วัตถุบางอย่างพุ่งแหวกอากาศผ่านใบหน้าเขาไปอย่างเฉียดฉิว ก่อนร่างทั้งร่างจะกระเด็นไปติดกำแพงอีกด้านด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น อาการจุกแน่นแล่น พล่านไปทั่วอก ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขาดอากาศหายใจ มีมือมืดที่ไม่สามารถมองเห็นกำลังบีบคอเขาจนแน่น

“บังอาจมายุ่งกับนายท่านของกูมึงต้องตาย!!! ” น้ำเสียงเย็นเยียบดังอยู่ข้างๆ หูเขา

“แค๊กๆ ..ปล่อยผมนะ แค๊กๆ ช่วย ชะ ช่วยด้วย” แม้จะพยายามเปร่งเสียงร้องออกมามากเท่าไหร่มันกลับเป็นเพียงเสียงลมแผ่วๆ มือบางไขว่คว้าไปในอากาศเพื่อหาทางรอด

“กูจะฆ่ามึง!!!! ”

“ไม่ อย่านะ แค๊ก ลำธาร...ธารช่วยภูด้วย!!! ” รวบรวมแรงครั้งสุดท้ายตะโกนมันออกมาจนสุดเสียง เพียงแค่ชั่งอึดใจ จู่ๆ ก็มีแรงลมเข้ามาปะทะร่างของเขา และปลดเปลื้องเขาจากทุกพันธนาการ ภูผาร่วงหล่นลงสู่พื้นด้านล่างเขากำคอตัวเองไว้แล้วไอโขลก อย่างทรมาน ดวงตากลมกวาดมองรอบๆ อย่างหวาดกลัว เขาเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของลำธารที่กำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมา

“ชบา เอ็งใครอนุญาตให้เอ็งเข้ามาในนี้ !!! ” เสียงเข้มตวาดกร้าว ฝ่ามือแกร่งกำรอบลำคอระหงของพรายสาว เจ้าหล่อนส่งสายตาแค้นเคืองมาที่ภูผา

“ข้าแค่อยากมาหานายท่าน”

“ข้าบอกแล้วว่าถ้าไม่ได้เรียกใช้ไม่ต้องสะเออะเข้ามา เอ็งอยากให้ข้าโมโหใช่หรือไม่!!! ” ลำธารเพิ่มแรงบีบที่คอของชบาเพื่อเค้นคำตอบ

“แต่ข้าอยากมาให้เห็นกับตาว่าคู่หมั้นของนายท่าน ไม่ใช่อีตัวที่ไหน ข้ามาก่อนมัน ข้าควรจะได้รับสิทธินั้น ไม่ใช่ไอ้มนุษย์หน้าโง่ ปัญญาอ่อนนี่!! ” ชบากรีดร้องออกมาอย่างหมดความอดทน เธอมาก่อนและรักลำธารก่อนที่เขาจะมาเสียอีก ภูผาหน้าเสียทันที

“นี่เอ็งลืมสถานะของตัวเองไปแล้วรึ ว่าเป็นแค่ที่บำบัดความใคร่ให้ข้า” ลำธารตอบกลับเสียงเย็นเยียบ บังอาจมาทำร้ายว่าที่เมียของเขาแบบนี้มันน่าส่งไปเกิดใหม่เสียจริงๆ

“แต่ข้าก็ได้ชื่อว่าเมียท่านคนหนึ่งเหมือนกัน!!! ”

“เพ้อเจ้อ ออกไปจากวังข้าเดี๋ยวนี้ก่อนที่ข้าจะเผาเอ็งจนไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ ออกไป!!!! ” ลำธารสะมือเหวี่ยงร่างของชบาออกไปอย่างแรง ก่อนที่เธอจะอันตทานหายไปต่อหน้าต่อตาเขา แวบเดียวที่เห็นคือสายตาอาฆาตของเธอที่มองมาที่เขา จนขนกายลุกชัน โดนผีอาฆาตแบบนี้มีหวังอยู่ไม่สุขอีกเป็นแน่

“ข้าบอกเอ็งแล้วใช่ไหมว่าอย่าเดินเพ่นพ่าน” ร่างสูงหันกลับมาตะคอกใส่คนตัวเล็กที่นั่งสั่นอยู่ที่พื้น

“ใครจะไปรู้ละว่าที่นี่จะมีผีเมียหลวง เฮี้ยนขนาดนี้ แคกๆ” ว่าไปนั่น ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่งกับคำพูดที่ถากถางเขา ดวงตากลมค้องควักใส่เขา

“ผีเมียหลวงอะไรข้ายังไม่ได้แต่งงาน มีแต่เอ็งนี่แหละที่จะต้องแต่งกับข้า ลุกขึ้นมาดูสิว่าเจ็บตรงไหนบ้าง” ลำธารพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสำรวจร่างกาย ด้วยความเป็นห่วง

“มีรอยที่คอแดงเถือกเลย” ลำธารใช้เสียงที่อ่อนลงพร้อมกับสัมผัสรอยแดงๆ รอบลำคอของภูผา

“อ๊ะ..แสบ” ต้องแสบสิมันมีรอยเล็บจิกด้วย ลำธารมองแล้วก็ถึงกับหัวเสียอีกครั้ง คอสวยๆ แบบนี้ไม่สมควรจะมีรอยที่ไม่ได้ทำจากฝีมือเขา

“กลับห้องเลยเถอะงั้น”

“ห้องผมเหรอ!! ”

“ห้องข้า!!! ” ไหนบอกว่าจะพาเขากลับบ้านไง ทำไมต้องพาไปที่ห้องด้วย ภูผายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

“ผมไม่ไป! ”

“เอ๊ะ เอ็งนี้ อย่าดื้อสิ”

“ผมจะกลับบ้าน!!! ” ภูผาไม่ยอมไปกับพรายหนุ่มง่ายๆ เขาสะบัดมือที่ถูกกุมอยู่ออก อย่างไม่ยอม

“จะพาไปทำแผลนี่ไง เอ็งจะกลับขึ้นไปในสภาพแบบนั้นนะเหรอ ไม่กลัวไอ้เขื่อนถามเอารึไง” นั่นสิ ภูผาคิดตาม ถ้าเขากลับไปสภาพแบบนี้มีหวังไอ้เขื่อนมันแจ้งความแน่ๆ เรื่องใหญ่อีก ตำรวจที่ไหนจะรับเรื่อง ข้อหาพยายามฆ่า โดนผีบีบคอ บ้าไปแล้ว เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงตกลงยอมไปที่ห้องของลำธารอย่างเสียมิได้

“ก็ได้ รีบๆ ทำด้วยผมอยากกลับบ้านแล้ว”

“เออ ตามมาสิหรือจะให้อุ้ม?”

“ไม่ต้อง!! ” เดินตามร่างสูงที่เดินนำไป ยังห้องนอน

“*0* สวยจัง” ใช่สิ งบในการสร้างมันมากโขกว่าจะได้ห้องสวยๆ แบบนี้ ห้องที่เป็นกระจกทรงโดมครอบทั้งห้องไว้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของโลกใต้น้ำที่เขาเนรมิตให้เหมือนดั่งอยู่ในท้องทะเล แสงแดด ส่องลงมาที่พื้นห้องสีขาวจนเป็นลายน้ำ มีสัตว์ทะเลแหวกว่ายไปมาโดยไม่สนใจพวกเขาสักนิด ภูผาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นจนลืมเรื่องที่ตัวเองเจ็บมาสิ้น

“กระจกใสแบบนี้ข้างนอกจะมองเห็นเราไหม”

“ไม่หรอก ถ้ามองจากข้างนอกเข้ามาก็จะเห็นเพียงท้องทะเล ข้าสร้างม่านพรางตาเอาไว้ บางทีก็มีพวกมนุษย์ดำน้ำว่ายผ่านมาบ้าง หรือไม่ก็ผีพรายที่ออกเที่ยว ผ่านมา”

“เขามองไม่เห็นใช่ไหม”

“ใช่ มานั่งนี่สิ” เขาตบมือลงบนเตียงแบบบิ้วอินทรงกลม ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ไหนละที่ทำแผล” ร่างสูงไม่ตอบเขาทำเพียงยิ้มมุมปากออกมา เมื่อร่างบางเดินมานั่งข้างๆ

“หลับตาสิ” หลับตาได้ เขาหลับตาลง ลำธารเผยรอยยิ้มออกมาอย่างคนมากเล่ห์ เขาลากนิ้วผ่านรอยแผลนั่นเบาๆ แต่ภูผาก็สะดุ้งอยู่ดี เพราะมันทั้งเจ็บและแสบ

แผล๊บบ!!!

“!!!!!!!! ”

แผล๊บ!!!

“อะ อื้ออ ทำอะไร ปล่อยนะ ไอ้ผีโรคจิต! ” ไหนบอกจะทำแผล แล้วมาเลียแผลเขาทำไม !!!

“อยู่นิ่งๆ สิ จะหายแล้ว”

“หายบ้าอะไรละ น้ำลายสกปรกจะตาย อื้ออ อย่าเลีย!!! ” ขนเขาลุกไปหมดทั้งร่าง ไม่ใช่ว่ากลัวนะ มันรู้สึกเสียวๆ ที่ช่องท้องมากกว่า ความรู้สึกปั่นป่วนมวลๆ ท้องแบบนี้เขาไม่ชอบเลย

“ก็จะรักษาให้ไง” ธารยิ้มหื่นออกมาอย่างไม่ปกปิด ภูผาถึงกับผงะถอยหนีทันทีเขารู้สึกว่าผีพรายตรงหน้าเริ่มไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่

“ทำไมต้องมองแบบนั้น คิดอกุศลอยู่ใช่ไหม อย่าเข้ามานะ ไอ้ผีบ้า!!! ” ยิ่งขยับหนีไอ้ผีบ้านี่มันก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ไม่ได้เกรงใจพระที่คอเขาสักนิด

“น่า จะหายแล้วขยับเข้ามาสิ=,,=”

“เข้าไปก็โง่แล้ว นี่!!! ” จะให้หนียังไงก็ไม่พ้นมือลำธารหรอก เขารวบเอาเอวบางแล้วออกแรงลากเข้ามาหาตัว

“อยู่นิ่งๆ สิ” เรื่องอะไรที่จะต้องฟังคำสั่งของผีขี้หื่น ภูผาขืนตัวเอาไว้ มือบางเหนี่ยวรั้งของเตียงไว้สุดชีวิต ราวกับว่ามันคือสิ่งเดียวที่เหลือในชีวิตเขา

“ปล่อยนะ เว้ย ไม่ปล่อยจะสวดมนต์นะ”

“= =, ก็บอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไม่ใช่ผีชั้นต่ำพวกนั้นถึงจะได้กลัวบทสวดมนต์ เลิกดื้อแล้วก็ยอมข้าซะดีๆ จะได้ไม่เจ็บตัว” เขาออกแรงดึงเพิ่มขึ้นอีก ลำธารไม่คิดว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ นี่จะแรงเยอะแบบนี้

“ไม่ ไม่ ผมจะไม่ตกเป็นของคุณ เด็ดขาด ความบริสุทธิ์ที่อุตส่าห์เก็บรักษามาผมจะมอบให้กับคนที่ผมรักเท่านั้น!!! ” ร่างบางประกาศกร้าวท่ามกลางการยื้อยุดฉุดกระชาก

“เหอะ! เอ็งนะหมดสิทธิ์รักแล้ว เอ็งนะมีสิทธิ์รักแค่ข้าผู้นี้ผู้เดียวรู้ไว้ซะด้วย” เขาพูดออกไปตามแรงอารมณ์ เพราะยังไงซะไอ้ตัวเล็กในอ้อมกอดเขาตอนนี้ก็ต้องรักแต่เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น ภูผามาหันมามองคนตัวโตกว่าอย่างอึ้งๆ

“ขี้ตู่...ใครจะไปรักกับผีได้กันละ ปล่อยผมได้แล้ว มันอึดอัด อื้ออ จับอะไรนะ อ๊ากกก” ลำธารเลื่อนฝ่ามือจากเอวบางไปยังหน้าท้องที่แบนราบไร้ก้อนไขมันรวมไปถึงกล้ามท้อง แล้วสอดมือเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่ายทันที

“หึหึ เล็กขนาดนี้เอ็งจะไปทำอะไรกับใครได้ มาเป็นเมียข้านะดีแล้ว” เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบ แต่เล่นเอาคนที่ฟังคำวิจารณ์ถึงของสงวนของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย เขาอยากจะเอารองเท้าที่ใส่มาฟาดปากไอ้ผีบ้านี่สักที

“เล็กแล้วไง!! ของตัวเองใหญ่ตายแหละ เหอะ แล้วก็เอามือออกไปจากเป้าผมด้วย ไอ้ลามก!! ” ลำธารผละออกจากร่างกายที่แสนบอบบางนั่นแล้วยักคิ้วใส่

“เอ็งนี่เถียงข้าคำไม่ตกฟากจริงๆ หึ อยากรู้ไหมว่าของข้าใหญ่แค่ไหน หึหึ” ร่างสูงหัวเราะหึหึในลำคอ ดวงตาที่จับจ้องไปยังภูผาเหมือนเสือร้ายที่จ้องจะขย่ำเหยื่อ

“ไม่อยาก!!! ”

“แต่ข้าจะให้เอ็งดุ เอ็งจะได้รู้ว่าได้ข้าเป็นผัวมันนิพานขนาดไหน”

พรึบ!!!!

“อ๊ากกกกกกกกกกก ไอ้ผีบ้า ไอ้โรคจิต ไอ้สมองเสื่อม ไอ้ผี...อึก...ทำไมกูต้องมาเจอผีแบบนี้ด้วย” ภูผารีบค่ำหน้าลงกับที่นอนพร้อมกับดีดดิ้นอย่างหงุดหงิดใจ สองมือทุบลงบนที่นอนเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง

“เอ้าทำไมไม่มองละของดีนะเนี้ยะ” ร่างสูงส่ายเอวไปมา เขาแค่อยากแกล้งเด็กดื้อขอวเขาเท่านั้น ร่างสูงยังใส่บ็อกเซออยู่ไม่ได้ถอดหมดสักหน่อย เขาแอบหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วย

“ดีบ้านพี่คุณสิ ใส่กางเกงเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ไม่จนกว่าเอ็งจะหันมามองของของ ข้า นี่หันมาสิ มันเป็นของเอ็งด้วยนะเห้ย ขาสัญญาเลยเอา” จะมาสัญยงสัญญาอะไรเขาก็ไม่เอาทั้งนั้น โบกมือไล่ให้ลำธารออกไปห่างๆ เขา ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กายอีกคน แล้วจับใบหน้าหวานให้หันมามองเขา แต่ภูผาก็หลับตาปี๋เอาไว้

“ลืมตา!! ”

“ไม่! ”

“ต้องให้บังคับใช่ไหม?” ร่างสูงถ่างหนังตาของภูผาออกทันที

“!!!!! ”

“หึหึหึเป็นไงละตกใจกับความใหญ่โตของข้าใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” ลำธารระเบิดหัวออกมาดังลั่น

“-////- ไอ้ผีเหี้ย” ภูผาหน้าแดงไปทั้งหน้า เมื่อรู้ว่าร่างสูงกลั่นแกล้งเขาแบบนี้

“หยาบคายกับว่าที่สามีไม่ดีนะหนู” ลำธารว่าเสียงเข้มๆ แต่ไม่จริงจังนัก

“ไอ้ฟาย”

“นี่แสดงว่าไม่กลัวข้าแล้ว”

“ไอ้ลามก!!! ”

“หึหึหึ”

“ไอ้ผีโรคจิต!! OXO อุ๊ป” เขาไม่ปล่อยให้เด็กดื้อด่าเขาได้เกินสามครั้งหรอก เขากดจูบลงบนริมฝีปากนิ่มนั่นแรงๆ เป็นการลงโทษ

“ไงยังจะด่าข้าอีกไหมหืมมมมม” พรายหนุ่มจุดยิ้มที่มุมปาก อย่างเหนือๆ

+++++++++++++++++++

แหมะร้ายใช่เล่นนะเนี๊ยะพี่ธารของเรา




ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
พึ่งได้เข้ามาอ่านตลกดีครับ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ สามภพ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

อสุราล่ารัก ตอนที่ 18







      “หึหึ เข้าใจที่พูดใช่ไหม” จะให้เขาเข้าใจมันก็เข้าใจอยู่หรอกนะแต่ ห้ามขัดใจ นี่มันจะบังคับกันเกินไปไหม

      “เว้นไว้สักข้อได้ปะ ไอ้ห้ามขัดคำสั่งอะ ยากอะทำไมได้หรอก”

     “ยากตรงไหน?”

      “ถ้าพี่สั่งให้ผมไปตายผมก็ต้องทำอย่างนั้นเหรอ?”

       “มีใครที่ไหนใช้แฟนตัวเองไปตายบ้าง เห้อหน้าตาก็ดีไม่น่าโง่!! เลยนะ” อื้อหืออออ ด่ากันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ อมขี้มาพ่นใส่หน้ากันเลยดีกว่าครับคุณชายปี!!!

      “พี่!!! ด่าผมอีกแล้วนะ”

       “เอ้า กูยังไม่ได้บอกสักคำว่ากูชมมึงอยู่” โหยยยนี่แฟน!! แฟนนะเว้ยย เว้นบ้างไรบ้าง ผมมองจิกเป็นไก่เลย เอาให้ตาแตกกันไปข้าง

       “ชิ กลับละเหม็นขี้หน้า” เดินสะบัดตูดจะออกจากห้อง

        “ถ้าก้าวออกจากห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว มึงโดนดีแน่ กูบอกให้มึงกลับรึยัง” นี่กล้าขู่ยักษ์เลยเหรอ

       “เอ้า!! อะไรของพี่วะ บังคับจังเลย” ยืนชะงักอยู่หน้าประตูหันมาตะคอกใส่เขาเบาๆ ตะคอกแรงไม่ได้กลัว

       “มึงก็อย่าขัดคำสั่งกูสิ” ไม่มาแค่คำพูดสายตานี่มาเต็มจะดุไปไหน เห้ออ เกิดมาเหมือนมีเวรมีกรรม กับเขาเตี้ยยังไม่พอยังจะโดนเขาข่มเอาอีก

     “เหอะ!!! ” สะบัดบ๊อบใส่พี่มันแมร่ง ห่า!!! ดุหยังหมา เดินกลับมานั่งที่เดิมสักพักพี่มันก็ลากออกไปข้างนอก

   
       “ไปไหนอะ”

   
       “ก็มึงบอกจะไปซื้อของเขาร้านอีกไม่ใช่เหรอ จะไม่ไปรึไง” มองหน้าแล้วถามเสียงนิ่งๆ แบบนี้ใครจะกล้าหือด้วยละครับแหม่ โดนเขาลากออกมาจากบริษัทแล้วก็พาขับรถไปนอกเมือง ไปตามร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ กับร้านจิปาถะที่ขายของมือสอง แหล่งรวมของสวยๆ งามราคาถูก เดินดูรอบๆ ร้านว่ามีของชิ้นไหนโดนใจผมบ้าง จนไปเจอกับรูปรูปหนึ่งเข้า รูปผู้หญิงผมยาวในช่อดอกกุหลาบสีแดงพื้นหลังสีดำดูมีมนต์ขลังดี เลือกได้ก็เอาไปให้เขาห่อกระดาษให้ โดนไปแปดร้อย เห็นพี่ปีเกินถือตุ๊กตาเซรามิกรูปแมวมาสองตัว โดนอีกสามร้อยบาท เดินเลยไปยังโซนขายต้นไม้พวกไม้ดอกไม้ประดับ ผมสะดุดตากับกระถางดอกยิปโซฟิลลามันเป็นดอกไม่ที่มีดอกเล็กๆ และสีสันสวยงาม ผมเลือกมาทุกสีที่มีคือ สีขาว ชมพู ม่วงและเหลืองอย่างละสองกระถาง ดอกแอฟริกันไวโอเล็ตสีม่วงสด แพททูเนีย แพงพวย เดฟ เอาไว้แขวนรอบๆ ร้านและไม่เลื้อยอีกสองสามต้น เพราะอยากจะให้มันเลื้อยไปตามโครงหลังคากันแดดกันฝนด้วย กว่าจะเสร็จก็เย็นพอดี เลยแวะซูเปอร์หาซื้อของสดเข้าบ้านด้วยจะได้ทำมื้อเย็นกินกัน ถึงบ้านพี่ปีช่วยขนของลงจากรถ และเห็นรถของตัวเองจอดไว้ที่หน้าบ้านแล้ว
       
           
             พี่ปีบอกให้คนขับรถขับรถผมมาส่งให้เพราะพรุ่งนี้ต้องใช้อีก ไวรัลยังไม่กลับมาเลยโทรตาม ไอ้เขื่อนรับสายอีกตามเคยมันบอกว่ากำลังจะถึงบ้านแล้วไวรัลมันหลับอยู่ แหม่ไอ้คุณหนูตกยาก!!! ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย โล่งใจที่มันปลอดภัย ผมรีบลงมือทำมื้อเย็นโดยมีพี่ปีคอยเป็นลูกมือหรือคนคอยขัดก็ไม่รู้ หวานไปก็ไม่ได้ เค็มไปก็ไม่ดี ยิ่งเผ็ดๆ ยิ่งไม่ได้ใหญ่ให้อยู่ใกล้ๆ ชักจะลำคาน ตะหลิวในมือนี่สั่นยิกๆ เลย

   “พี่ไปนั่งตรงนู้นไปรอกินอย่างเดียวดีกว่า” ผลักหลังเขาให้ออกไปจากห้องครัว ผมเป็นคนกินรสจัด ต้องถึงเครื่องถึงรสมันถึงจะอร่อย แต่พี่ปีเขามาสายคลีน สลัดผักอะไรแบบจืดๆ มันไม่ใช่แนว เลยไล่เขาไป

 
   “อย่าเค็มนะ กูยังไม่อยากเป็นโรคไต” ยังจะมาสั่งทิ้งท้ายไว้อีก พอเขาออกไปผมก็จัดการกับเมนูอาหารตรงหน้าได้อย่างสบายใจ ใช้เวลาไม่นานก็ทำเสร็จ แต่ดันลืมหุงข้าว ต้องตั้งหม้อรอไปอีกยี่สิบนาทีระหว่างนั้นไอ้เขื่อนกับไวรัลก็กลับมาพอดี ผมถามหาไอ้ภูมันก็บอกว่าหายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับ สงสัยไปหาไอ้ผีทะเลลามกนั่นแน่ๆ แอบหงุดหงิดนิดๆ ที่มันชอบขโมยเพื่อนผมไป หึ สักวันเถอะจะยุให้ไอ้ภูมีผัวใหม่ พี่ปีกับไวรัลช่วยกันตั้งโต๊ะ ไอ้เขื่อนเดินไปล้างมือล้างหน้าในห้องน้ำ แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ แอบสังเกตว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ คือแอบสบตากันเป็นพักๆ แล้วก็ยิ้ม เหอๆ ไอ้เขื่อนนี่มึงเต๊าะเด็กเหรอวะ แอบแขวะใส่มันทางสายตาครับแต่มันแค่ยักไหล่ให้เท่านั้น พี่ปีตักข้าวใส่จานให้ผมและคนอื่นๆ จากนั่นก็ลงมือทานมื้อเย็น แอบเห็นว่าพี่ปีจ้องผมตาดุด้วยแวบหนึ่งแต่ก็นะเรื่องแบบนี้มันแก้ยากแล้วละ พอได้กินไวรัลก็ดูอามรมณ์ดีขึ้นมาอีกนิด ระหว่างมื้ออาหาร ผมก็ซักไซ้ถึงเรื่องราวต่างๆ ของไวรัลไปด้วย ได้ความว่ามันเป็นลูกของท่านเจ้าสัวจริงๆ และกำลังหนีการแต่งงานแบบคลุมถุงชนอยู่ อีกสองอาทิตย์มันก็จะเปิดเทอมแล้วด้วยมันรู้จักพี่ปีตั้งแต่ยังเด็ก เรียกได้ว่าเป็นพี่ที่สนิทที่สุด เพราะบ้านอยู่ข้างๆ กัน มิน่ามันถึงได้รู้เรื่องของพี่ปีมันดีนัก

 
    “คือผมขอโทษนะพี่เพียว มันจำเป็น ผมไม่ได้อยากโกหกพี่เลยนะ” มันบอกความสำนึกผิดผมก้เข้าใจนะว่ามันจำเป็นแต่การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหาป่าววะ
 
 
    “เออ แต่มึงควรจะกลับบ้านบ้างนะไว เมื่อเช้ากูเห็นสีหน้าพ่อมึงแล้วดูไม่ดีเลย ท่านเป็นห่วงมึงจริงๆ นะ” ไม่ได้อยากดึงมาดราม่านะแต่มันจำเป็นจะต้องพูด


     “ไว้เค้ายกเลิกการหมั้นผมกับดาด้าเมื่อไหร่ผมจะกลับไป” ดูเหมือนไวมันจะยังไม่เข้าใจเจตนาผม มันรวบช้อนกินข้าวแล้วลุกออกไปจากโต๊ะทันที


     “มึงนี่นะกูพึ่งจะปลอบให้มันสงบ มึงก็ใส่ไฟให้มันลุกอีกจนได้นะมึง” ไอ้เขื่อนก็ดุจะหัวเสียพอกัน มันเดินตามไวรัลออกไป ผมหันไปหาความเห็นจากพี่ปี

 
   “ไวรัลเป็นเด็กดีนะ แต่เขาจะมีความคิดเป็นของตัวเองและเชื่อมั่นมากในความคิดตัวเองมากๆ คนแบบนี้เราต้องทำให้เขาเห็นว่าถ้าเขาทำแบบนี้ผลจะเป็นยังไง” พูดง่ายๆ คือเราต้องทำลายความเชื่อมันแบบผิดๆ ของไวรัลให้เขาได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงและหันมาคุยด้วยเหตุและผล


    “แล้วพี่จะทำยังไง”

    “ยังไม่รู้เดี๋ยวค่อยคิดตอนนี้เก็บโต๊ะเถอะ” ผมกับพี่ปีช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจานเรียบร้อย เห็นไวรัลนั่งน้ำตาร่วงอยู่กับไหล่ของไอ้เขื่อน พี่ปีดึงผมไว้ไม่ให้ไปหาสองคนนั้น

   
      “ปล่อยให้เขาคุยกันสองคนเถอะ มึงนะมานี่” เขาลากผมไปอีกฝั่ง ไปที่บ้านของเขา



     “มาทำไมที่นี่อะพี่” เข้ามาในบ้านพร้อมเขาพี่ปีเดินไปนั่งที่โซฟา ผมเดินตามไปแต่ยังไม่นั่ง


      “ค้างบ้านกูไหม” หือ พี่ปีถามด้วยหน้านิ่งๆ ค้างบ้านกูไหมคืออะไร


      “ค้างทำไม บ้านผมก็อยู่ข้างๆ นี่เอง”


      “ = =, งั้นก็แล้วแต่มึงเหอะ ซื่อบื้อ!! ” เอ้ามาด่ากูอีก ผิดอะไรเนี้ยะ


    “ด่าอีกละ”


    “ก็มึงมันโง่!! ”


   “เออ โง่! ลากมาเพื่อที่จะด่าผม ทีหลังนะด่าที่บ้านผมก็ได้ไม่ต้องลากมาถึงนี่ คนอะไรหัวร้อนไม่เป็นเวล่ำเวลา” บ่นใส่เขาและจะหันหลังเดินกลับบ้าน อยู่แล้วหงุดหงิดอุตส่านึกว่าเป็นแฟนกันแล้วจะหวานใส่กันที่ไหนได้ แมร่งยิ่งกว่าขวานผ่าซากอีก

หมับ

พรึบ!!!


     “จะไปไหน ใครบอกให้กลับ” โดนกระชากให้นั่งลงบนตัก แล้วเขากระซิบข้างๆ หู บอกเลยนะจุดจุดนี้ ขนลุกสัส เวลาลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดใบหูของผม สยิวไปทั้งตัว

 
    “ก็จะกลับ สิทธิของผมปะ” หันไปจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องคือแกล้งโกรธกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง


    “ถ้ากูไม่ให้กลับละ” เขาถามเสียงนุ่ม นี่เปลี่ยนอารมณ์เหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีเลยนะพี่ปี

 
   “แล้วทำไมต้องเชื่อ” เชิดหน้าใส่นิดๆ

 
  “นะครับ อย่ากลับเลยนะอยู่เพื่อนกูก่อน” ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้น้ำเสียงอ้อนๆ กับผม พร้อมกับซุกหน้าลงกับแผ่นหลังผม อย่าบอกนะว่าเขากำลังอ้อน!!! ไม่ผมจะต้องไม่ยอมแพ้กับเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์คนนี้เป็นอันขาดอึ๊บไว้เพียว!!!

 
 “อะ...เออ คืออ” ใจผมมันสั่นไปหมด ยิ่งมือที่สอดมาที่เอวผมแล้วยิ่งทำให้ตัวผมแข็งทื่อมากขึ้นไปอีก

 
 “นะ นอนบ้านกู” อย่านะเพียวอย่า!!

 
  “ตะ..แต่ว่า”

 
  “ไม่มีต่งมีแต่ทั้งนั้น เพียว” พูดจบเขาก็ไม่อุ้มผมขึ้นพาดบ่า แล้วพาขึ้นห้องทันที

 
 “พี่ปี เดี๋ยวตก!!! ” รีบจับเสื้อเขาไว้แน่น นี่เขาคิดจะทำอะไร


   “กูไม่ทำให้มึงตกหรอกน่า ถ้ามึงไม่ดิ้น”


    พาเข้ามาในห้องนอนแล้วโยนผมลงบนที่นอนนุ่มตัวเด้งสองสามทีพร้อมกับความจุก พี่ปีรีบกระโดดลงมาทับผมไว้ก่อนที่ผมจะได้หนี

 
  “คืนนี้นอนที่นี่” เขาสั่งเสียงพร่าพร้อมกับลูบมือไปบนโครงหน้าสวยๆ ของผม นี่อ่อยกันใช่ไหมพี่ปี

   “นอนอย่างเดียวใช่ไหม” เอ่ยถามพี่ปีด้วยเสียงสั่นๆ คือแอบหวั่นๆ ว่าจะเสียเอกราชในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้านี้ ใบหน้าหล่อๆ ของพี่ปีอยู่ใกล้แค่คืบ ดวงตาดุคมจ้องมองผมอย่างกับจะกลืนกิน ให้ตายเถอะผมยังไม่พร้อมที่จะเสียตัวตอนนี้นะเว้ย!!

 
  “หึหึหึ ก็ขึ้นอยู่กับมึงว่าจะทำตัวน่ารักแบบไหน” เขายิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะผละตัวออกไป นั่นทำให้ผมหายใจได้คล่องขึ้น ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วลูบหน้าอกตัวเอง แมร่งใจเต้นโคตรแรง
 
 
  “กูไปอาบน้ำก่อนละกัน และถ้าออกมามึงไม่อยู่ในห้อง รู้นะว่ากุจะไปลากมึงกลับมายังไง”

   “ขู่?”

   “ปล่าว กูทำจริง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” พี่ปียักคิ้วใส่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เอ่ออออ คือกู ต้องนอนแก้ผารอเขามาเชือดเลยด้วยไหม ตอบ!!!

 
         พี่ปีใช้เวลาไม่นานก็เดินนุ่งผ้าเช็ดออกมาจากห้องน้ำ ตัวพี่ปีอย่างขาวแถมกล้ามท้องนี่สวยโคตรๆ เห็นแล้วอิจฉา อยากมีบ้าง ผมมองอยู่นานจนได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ ดังเรียกสติ

 
        “มองขนาดนี้ ลุกมาจับเลยก็ได้มา”


          “บ้า! ใครจะไปทำแบบนั้นกันละ รีบๆ ไปแต่งตัวสิ” หันหน้าแดงๆ ของตัวเองหนีเขาไปมองทางอื่น ยกมือข้างหนึ่งเกาแก้มแก้เก้อด้วย

         “เหรอ แน่ในจะ ของดีนะเว้ย”

 
         “เออน่า!! รีบแต่งตัวสักทีสิ ยืนโป้อยู่ได้” พูดเสียงเบาๆ ในช่วงท้าย
 
 
         “หึหึ งั้นมึงไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้” พี่ปีบอกยิ้มๆ นี่ตกลงจะให้ผมนอนที่นี่ให้ได้เลยใช่ไหม จำใจเดินเข้าห้องน้ำและอาบน้ำ เห็นอ่างน้ำใส่น้ำไว้เต็ม น้ำอุ่นๆ ชวนแช่เล่น คึคึคึ ได้สิ นอนนี่ก็ได้ แต่ผมจะนอนในห้องนี้ก็ได้ ไม่ยาก ค่อยๆ จุ่มขาตัวเองลงในอ่างน้ำอุ่นที่มีกลิ่นหอมๆ อย่างสบายใจ จะแช่สักสองชั่วโมงถึงตอนนั้นพี่ปีคงจะหลับไปแล้ว ฮ่าๆ ขำออกมาเสียงไม่ดังมากกลัวคนด้านนอกจะได้ยิน

    สามสิบนาทีผ่านไป

ก็อกๆ

    “เพียว เพียว ทำอะไรอยู่วะนานจัง ออกมาได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย” กูว่ากูอยู่ที่นี่สบายกว่า ปลอดภัยกว่าด้วย ผมไม่ส่งเสียงใดๆ ตอบกลับไป นอนตีฟองเล่นอยู่ในอ่างอย่างสบายใจ จนกระทั่งได้ยินเสียงดังกุกกักมาจากลูกบิดประตู

แกรก!!!

    “ลูกไม้ตื้นๆ ของมึงใช้ไม่ได้ผลกับกูหรอก ออกมาได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย” เขาสั่งเสียงเข้ม แถมยังทำตาดุๆ ใส่อีก เขายื่นชุดนอนให้ผม

   “ไปเอาจากที่บ้านมาให้ ใส่ซะ แล้วขึ้นมานอน อย่าลีลา” ดุอีกละ ทำปากค่ำใส่ก่อนจะขึ้นจากน้ำโดยมีผ้าพันรอบเอวไว้ แล้วไปแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าพี่เขา แล้วคลานขึ้นที่นอนอย่างหวาดๆ
 
   “แล้วพวกนั้นไม่ถามเหรอว่าผมไปไหน?” นอนตะแคงหันไปทางพี่ปีแล้วถาม

   “ก็ถาม”

  “แล้วพี่ตอบไปว่าอะไร?”

 
  “มานอนกับผัว!! ”

   “เห้ย!! บอกแบบนั้นได้ไง ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย -///- “แอบเขินอยู่เหมือนที่เขาพูดแบบนั้น คือแบบ เรื่องผัวๆ เมียนี่มันต้องถึงขั้นนั้นหรือเปล่าวะ แต่ แบบว่าผมกับพี่เขายังไม่ได้จิ้มกันเลยนะ จะมาขี้ตู่แบบนี้มันก็หน้าด้านเกินไป


   “ทำไม มึงไม่อยากเป็น?” เขาหันมาจ้องหน้าผมแบบเอาเรื่อง อะไรจะขนาดน้านนนน แอบขนลุกนิดหน่อย เพราะรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิต ที่กำลังแผ่ออกมาจากตัวพี่เขา


   “ก็ไม่ ใช่อย่างนั้น..คือ ผมเสียหายไงพี่ พึ่งคบกันได้แค่วันเดียวจะรีบมีอะไรกันไปไหน”

  “รู้จักกันมาจะครบปีแล้วมั้งเพียว”
 

    “เห้ยแบบนั้นไม่นับดิ เอาจริงๆ ก็แค่สามเดือนเองมั้งที่เรารู้จักแล้วก็ได้คุยกัน” ผมสบตามองพี่ปี ใช่สามเดือนที่ผ่านมา มันเกิดเรื่องขึ้นหลายอย่างระหว่างเราสองคน มันเลยทำให้รู้สึกว่ามันเร็วมากกับความสัมพันธุ์แบบนี้ มนุษย์รู้สึกรักได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน แต่กับยักษ์ที่มีชีวิตที่เป็นอมตะมันเป็นเรื่องสำคัญเวลาจะรักใครสักครั้งหนึ่ง เพราะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่ามนุษย์พวกผมถึงได้เจ็บปวด ที่ต้องมองคนรักแก่และตายไปโดยที่ผมยังหนุ่มและไม่เปลี่ยนแปลง และอีกอย่างคุณคิดว่ารักแล้วจะลืมหรือเลิกรักง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง นั่นแหละบทลงโทษของยักษ์ที่ริอาจรักมนุษย์ ผมสบตากับพี่ปี นี่ผมจะต้องได้รับบทลงโทษนั่นใช่ไหม

   “อย่ามาทำหน้าเศร้าแบบนั้น กูไม่สงสารหรอก ยังไงซะคืนนี้มึงไม่รอดแน่ เพียว!!! ” จากที่กำลังดึงอารมณ์เข้าสู่ดราม่า พี่ปีทำเอาดราม่าผมกระจายด้วยน้ำเสียงและสีหน้าหื่นๆ ของเขา เชรดดด พี่ปีมีโหมดไอ้หื่นกับเขาด้วย เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้เลย!!

หมับ


   “อื้ออ อึกอัด อย่ากอดแน่นสิ” กอดไม่พอมือนี่ก็อยู่ไม่สุข สอดเข้ามาในเสื้อผมเรียบร้อย ลากผ่านเอว ผ่านหน้าท้อง และกำลังจะเลื่อนเข้าไปในกางเกง ผมดิ้นหนีแต่ก็โดนเสียงดุๆ ของพี่เขาดุใส่

   “นิ่งๆ ถ้าไม่อยากให้ลูกกูตื่น” รู้สึกเหมือนอะไรแข็งมันดันที่ต้นขา *0* นี่พี่มันมีอารมณ์ตั้งแต่นอนไหนวะ!!!
 
   “พี่...ผมยังไม่พร้อมเลยนะ” บอกเขาเสียงอ้อน หวังว่าจะไดรับความเมตตาจากผู้ชายคนนี้ ทำตาวิ้งๆ ใส่

   “เห้อออ มึงนี่นะ เออ นอนๆ แมร่งมึงนี่นะ” เขาถอนหายใจฟึดฟัดแล้วดึงมือที่กำลังจะถึงเพียวน้อยของผมออก โล่งง เลยความรู้สึกผม กลัวแทบแย่

 
  “พี่!! ”
 

   “อะไร!! ”


   “ขอบคุณนะ ไว้ผมพร้อมเมื่อไหร่ผมจะตามใจพี่ทุกอย่างเลย”

 
  “ให้มันจริงเหอะ ดูอารมณ์กูมาเต็มขนาดนี่แล้ว มึงมันใจร้ายเพียว” พี่ปีพูดแล้วนอนหันหลังให้ผมทันที เอ้างอนกูอีก


“พี่ปี...หันมาทางนี้สิ” สะกิดแขนแต่ก็โดนสะบัดออก อะไรอะ ลองสะกิดเขาอีกที แต่ก็โดนสะดิ้งใส่อีก


“พี่ โกรธเหรอ”


“เปล่า!! ” คำว่าเปล่าของพี่แกนี่แทบจะตะคอกใส่ผม นอนคิดว่าจะทำยังไงให้เขาหายโกรธหายงอน ไม่เคยง้อใครด้วยสิผม ขยับเขาไปจนหน้าอกผมชิดกับแผ่นหลังกว้างๆ ของพี่เขาแล้วกอดเขาไว้

“ผมขอโทษ พี่เข้าใจหน่อยสินะ ผมกลัวนี่นา” พูดบอกเขาด้วยเสียงอ้อนๆ เอาหน้าถูไปมากับแผ่นหลังของพี่ปี


“หยุด!! ” ตกใจพี่แมร่งพูดใส่เสียงดังลั่น อะไรของเขาวะ

“!!!! ”


“ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว จับมึงปล้ำไอ้เพียว”


“เชี้ยยยยยยยยยย”



++++++++++++++++++++++++++++++++



​ขอกำลังใจให้พี่ปีกับน้อยเพียวด้วยนะค่ะ และขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ช่วยเม้นท์ใหกับคนเขียนนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :hao5: :hao5:

แฟนเพจ ของสามภพ ฝากกดไลค์ด้วยนะคร้า

https://www.facebook.com/DekchaaiSamPob/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2017 08:03:55 โดย สามภพ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด