แล้วน้องทอมก็คุยต่อครับ ท่าทางพูดเก่งไม่เบาเลยทีเดียว
“ เรื่องขับทุกวันไม๊เนี่ยผมยอมรับกับพี่ตรงๆเลยครับ แหะๆๆ ไม่ได้ขับมาสามอาทิตย์แล้ว พอดีมีสอบน่ะครับเลยไม่ได้มาช่วยพ่อขับเลย”
อ้าวซิบหายแล้ว แสดงว่านานๆมาขับทีซิ
“อ้าวน้องทอมยังเรียนอยู่เหรอ เรียนอะไรล่ะ”พี่ต่าย!!!!ไปซักประวัติเรื่องเรียนเค้าทำไม๊
“ผมเรียนเศรษฐศาสตร์ครับ ตอนนี้กำลังเรียนโทเลยยุ่งๆหน่อยครับพี่”
ถึงกับอึ้งไปทั้งพี่ต่ายและผมครับ เพิ่งมาเจอคนขับเรือกิติมศักดิ์ แล้วเรียนโทเนี่ยจะช่วยเรื่องขับเรือให้อัฟเกรดดีขึ้นไม๊ ชักสงสัย หรือว่าเดี๋ยวนี้ต้องเรียนโทถึงขับได้
“อ้าวแล้วทอมไม่ได้ทำงานเหรอครับ”
คราวนี้ผมถามมั่ง ถามไปถามมาชักงงๆว่าตกลงจะไปดูหิ่งห้อยหรือมาทำอัตชีวประวัติคนขับเรือปริญญาโทกันแน่เนี่ย เอาเทปมาอัดบทสัมภาษณ์กันเลยดีไม๊
"ก็มาช่วยพ่อ สงสารท่านอายุก็มากแล้ว อยากให้พักบ้าง ถ้าผมไม่มาช่วยแกก็ต้องขับเรือเอง”
อืมมมก็เป็นคนกตัญญูดีนะ ไม่เลวแฮะ
แต่คนดีจะขับเรือดีไม๊ ผมก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ล่ะครับเหมือนพวกโรคจิตย้ำคิดย้ำทำ
“แล้วน้องทอมไม่เหนื่อยบ้างเหรอ ทำงานทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้พักผ่อน”
น่าน....สงสัยกลับไปก็รู้จักตาทอม ณ อัมพวา ยิ่งกว่ารู้จักแฟนตัวเองแล้วม๊างพี่ต่าย ชักเคืองได้อีกรอบ ดูซิเรียกน้องทอมทุกคำเลย
“อิอิ ว่างๆผมเลี้ยงปลาครับ ปลาอโรเวน่าพี่รู้จักไม๊ ตัวใหญ่ๆนะมันกินหนอนแดง......”
ไม่อยากรู้เว้ยจะเลี้ยงอะไรก็ช่างซิจะมาอธิบายให้ยืดยาวไปทำไม มาดูหิ่งห้อยไม่ได้มาฟังงานอดิเรกของคุณทอม
พอดีมีนักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยลงเรือแล้วครับ ใกล้จะออกได้แล้วล่ะซิ ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องมานั่งฟังตาน้องทอมอะไรเนี่ยคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับพี่ต่าย
“อ้อ...แล้วว่างๆผมก็ชอบอ่านนิยายในเน็ตครับพี่สนุกดี เค้าแต่งกันเก่งๆพี่เคยอ่านกันไม๊” ใครเค้าจะไปว่างเหมือนคุณ งานการก็มีทำแทบจะไม่ได้อยู่เฉยๆ วิ่งไปวิ่งมา
“ไม่เคยหรอกน้องทอมงานพวกพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่ค่อยมีเวลา”อันที่จริงก็พอมีครับ แต่ว่าต้องกันเอาไว้ให้แฟนก่อนนานๆเจอกันที ขืนมัวแต่ไปอ่านนิยายมีหวังแฟนงอนพอดี
“ทอม ออกเรือได้แล้ว คนเต็มแล้ว”
เสียงพี่ที่ท่าเรือตะโกนมาบอกทอมครับ ดีจะได้ไปซะที มาคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ขับดีไม่ดีก็ต้องไปแล้วล่ะครับ กระโดดหนีก็คงไม่ทันแล้ว
“คร๊าบบบบน้า....ผมขอตัวก่อนนะพี่ไปขับเรือก่อนไว้คุยกันใหม่”ทอมบอกกับพี่ที่ท่าแล้วทอมก็ไปครับ ไปทำงานขับเรือของเค้า
ผมหันมามองหน้าพี่ต่ายที่หันมายิ้มๆให้ผมพอดีพูดเสียงค่อยๆว่า “ได้นั่งเรือคนขับปริญญาโทเชียวนะโอม หึหึ เท่ห์ไม่เบา”
ผมน่ะไม่เห็นจะสนเลย ขอให้ขับดีๆไม่ทำให้พวกผมเป็นชู้รักเรือล่มก็พอ พี่ต่ายเอามือมากุมมือผมไว้เอาแขนมาเกี่ยวกันอีก แต่เรานั่งข้างหลังครับด้านหน้าเราก็ไม่มีใครนั่งอยู่ ด้านหลังก็เป็นทอมเลยหายห่วง ช่างหัวทอมครับ ฮ่าๆๆๆ
ตอนที่เรือเริ่มออกจากท่าช่วงแรกๆผมก็ลืมสังเกตไปว่าตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ร้านค้าริมน้ำก็เปิดแสงไฟกันสว่างไสวดูสวยงามน่าหลงใหลไปอีกแบบหนึ่ง ผู้คนมาท่องเทียวมากมายดูคึกคักมาก ผมเลยบอกพี่ต่ายไปว่า
“เดี๋ยวกลับมาเรามาเดินเล่นอีกรอบนะพี่ต่าย”
พี่ต่ายพยักหน้าให้ผมแต่ตามองวิวทิวทัศน์รอบๆ เรือแล่นไปอย่างช้าๆถึงแม้จะเป็นเรือยนต์ แต่เพื่อไม่ให้เสียงของเรือดังรบกวนผู้คนที่อยู่บนฝั่งคนขับเรือต่างก็ไม่เร่งเครื่องให้ดังมาก ลมเย็นๆพัดมาสดชื่นมากเลยครับ ซักพักเรือเริ่มแล่นผ่านบริเวณบ้านที่เป็นโฮมเสตย์ผ่านบ้านที่ผมชอบด้วยกลางคืนเปิดไฟแล้วยิ่งสวยน่านอนมากๆเลยครับ ก็ยังแอบเสียดายอยู่ดี
“ไหนหิ่งห้อยล่ะทอม ยังไม่เห็นมีเลย” ผมพยายามมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นมี
“พี่ครับแถวนี้ไม่มีต้นลำพู แล้วอีกอย่างไฟสว่างขนาดนี้ถึงมีจริงๆพี่ก็ไม่เห็นหรอกครับ หึหึหึ”
มันตอบคำถามกรูหรือมันหลอกด่าว่ากรูโง่ฟระ เอ๊ะหรือว่าผมอคติเกินไปจนมองคำตอบเค้าในแง่ร้าย
“โอมก็อย่าใจร้อนซิ นี่เราเพิ่งออกมาแป๊ปเดียวเองนะ”พี่ต่ายก็มาเอ็ดผมด้วย....ดูซิ
เข้ากันเป็นปี่กับพระอภัยมณีเลย ไม่น่าปากไวเกินไปเลยเราเฮ้อ
ผมเลยบอกกับตัวเองว่าหุบปากซะอย่าพูดมาก จะทำลายสมาธิพ่อนักขับเรือปริญญาโท แต่ในใจก็แอบบ่นไปเรื่อยครับ นี่เค้าจะไม่บรรยายอะไรหน่อยเลยเหรอ ใจคอจะให้นักท่องเที่ยวจินตนาการ สำนึก สำเหนียก หาข้อมูลมาเองใช่ไม๊
ตอนนี้เรือกำลังจะแล่นผ่านบ้านที่ผมพักแล้วครับเห็นน้องเดือนนั่งเล่นอยู่เหมือนเคยเอ๊ะแต่นั่นนั่งกับใครน่ะท้วมๆน่าจะสูง ใส่แว่นขาวๆคิ้วเข้มๆนั่งจับมือกันด้วย เป็นแบบนี้ได้ไงเนี่ย ผมเผลอไปเขย่ามือเรียกพี่ต่ายให้มาดู
“พี่ต่ายๆน้องเดือนนั่งกับใครน่ะพี่ ใกล้ชิดกันขนาดนั้นพี่ต่ายรู้ไม๊”
เรือผ่านหน้าบ้านพอดี น้องเดือนกับผู้ชายคนนั้นโบกมือไหวๆใ้ห้ผมกับพี่ต่ายด้วย แต่มันน่าไม๊เนี่ยอีกมือนึงยังจับกันไม่ปล่อยเลย แปลกใจจังทำไมผมรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนั้นเลย หรืออาจจะเป็นเพราะเค้าดูใกล้ชิดสนิทสนมกับน้องเดือนมากๆ
“ก็คนนั้นน่ะสามีเดือนเค้า เจ้าของโฮมสเตย์ตัวจริงไง เค้าเพิ่งแต่งงานกันเดือนก่อนเอง ชื่อพี่กั้ง โอมรู้แค่นี้พอรึยัง....หรือต้องการรู้ประวัติเค้ามากกว่านี้อีก ฮึ”
เอาแล้วซิฟังเสียงพี่ต่ายเข้มแบบนี้ก็งานเข้าล่ะซิ ผมไม่อยากรู้แล้วพี่ มีสามีแล้วก็ไม่บอกปล่อยให้ผมเคลิ้มใจไปหน่อยนึง หันไปสบตากับพี่ต่ายแต่แกไม่มองตอบครับทำเป็นเมิน แบบนี้ที่บ้านเรียกงอน
เหอๆๆพี่ต่ายงอนบ่อยๆได้ด้วยไม่ยักรู้ แต่ผมว่าน่ารักดีปล่อยให้งอนไปพักนึง
ผมเลยเริ่มมองวิวรอบข้างบ้างตอนนี้เรือแล่นผ่านส่วนที่เป็นตลาดน้ำที่เป็นบ้านต่อๆกันเป็นเรือนยาวมาแล้วครับ บ้านเรือนเริ่มอยู่แยกห่างกันออกไปผ่านกำแพงวัดมาเริ่มเห็นต้นลำพูอยู่ประปราย เสียงน้องทอมชี้ชวนให้ดูหิ่งห้อย พร้อมกับลดความเร็วเรือไปด้วย
“พี่ๆครับดูทางซ้ายมือนะครับต้นไม้ข้างๆนี่มีหิ่งห้อยอยู่ตัวนึงพี่เห็นกันไม๊ครับ”
พอทอมพูดจบผมอยากจะเอามือตบหน้าผากตัวเองเลยครับ นั่งมาตั้งนานมี.....หนึ่งตัว แล้วมันอยู่ส่วนไหนล่ะเนี่ยของต้นไม๊
“ทอมครับพี่ไม่เห็น พยายามมองแล้วนะ อยู่ตรงไหนเหรอ”
ถามแบบนิ่มๆแต่ใจน่ะโมโหนะครับ ส่วนพี่ต่ายเงียบจนผิดปรกติ ผมหันไปมองแกเมินได้อีกทำเป็นมองหาหิ่งห้อยหนึ่งตัวของทอม ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่าพี่ต่ายงอนผมอยู่นี่หว่าลืมไปเลย แหะๆๆๆ
“พี่ไม่เห็นไม่เป็นไรพี่ ต้นอื่นมีเยอะแยะ ผมให้พี่ซ้อมสายตาก่อนนะพี่ ถ้าพี่เห็นพี่ก็สายตาดีมากเลยพี่”
คำตอบของทอมเรียกเสียงหัวเราะจากนักท่องเที่ยวได้พอสมควร แต่ผมไม่รู้หรอกว่าในใจเค้าจะด่าอะไรรึเปล่า เพราะเหมือนทอมแกล้งหลอกให้ดูกันซะงั้น
เรือล่องผ่านไปตามคลองอัมพวาผ่านวัดขนาดใหญ่ริมน้ำอีกหนึ่งวัด แสงไฟที่ส่องกระทบกับยอดโบสถ์สีทองส่องแสงวับแวมสวยงามถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม บรรยากาศดูเงียบสงบมากๆเลยครับ เห็นมีคนนั่งคุยกันอยู่ที่ท่าน้ำประปราย
ผมชอบชีวิตที่สงบเงียบของที่นี่จริงๆ ยังคงมีความเป็นต่างจังหวัดอยู่มากทีเดียว ไม่เร่งรีบร้อนรนเหมือนชีวิตในเมืองใหญ่ๆ
ช่วงนี้ทอมเริ่มชี้ชวนให้ดูหิ่งห้อยจากต้นไม้หลายๆต้นที่ขึ้นอยู่ริมน้ำแล้วครับ ไม่น่าเชื่อว่าลำแสงเล็กๆเหล่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นเพียงแมลงเท่านั้นเอง แสงวิบวับจากตัวของมันทำให้ต้นไม้แต่ละต้นดูสวยงามเหมือนมีดวงไฟนับร้อยมาแขวนอยู่ ผมรู้สึกได้ถึงความงามที่ธรรมชาติให้มากับเรา ถ้าเราช่วยกันรักษามันอีกหน่อยลูกหลานของเราที่เกิดมาทีหลังก็จะได้เห็นความงามที่ยังมีอยู่เหล่านี้ด้วย
“ต่อไปเส้นทางนี้จะเรียกว่าคลองผีหลอกนะครับ พอไปถึงจะมีอยู่ต้นนึงที่มีเยอะมากๆเลยครับผมภูมิใจนำเสนอจริงๆ”
พอสิ้นเสียงทอมเงียบลงไป ก็ได้ยินเสียงบ่นพึมพำหงุงๆหงิงๆของสาวๆนักท่องเที่ยวอ้อนแฟนแว่วๆมาว่า “มีผีด้วยเหรอ กลัวจังเลยอ่ะไม่ไปได้ไม๊ กลับเหอะนะ”
อ้าวพูดแบบนี้ก็สวยซิ แล้วคนอื่นที่เค้าเสียเงินกันมาล่ะน้องสาว กลัวผีแล้วไม่อยู่บ้านล่ะมาทำไมกันเนี่ย แต่เสียงหัวเราะของทอมก็ดังมาก่อน
“พี่ครับไม่มีหรอกผี มันเป็นแค่ชื่อคลองเฉยๆอย่ากลัวไปเลยครับ จะมีก็แต่ผีบ้าแถวนี้ล่ะครับ ฮ่าๆๆ”
อ้าวไอ้น้องทอมนี่เวรแล้วไม๊ ก็เวลาพูดดันหันมาทางพวกผมสองคน อ๊ะไม่ใช่ซิหันมาทางผมคนเดียวซะงั้น นี่ผมไปเป็นเพื่อนเล่นกับทอมมาตั้งแต่เมื่อไหร่มาเล่นผมซะแล้วชักลามปามจริงๆเลย แต่ดีอย่างครับพี่ต่ายเริ่มมีอมยิ้มนิดๆ สงสัยคงหายงอนผมแล้วแต่ยังฟอร์มจัดอยู่
“พี่ๆน้าๆครับ ต้นนี้ครับที่ผมภูมิใจนำเสนอ เชิญชมกันเลยครับ”
มันก็น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆครับก็ต้นที่ตาทอมพามาดูมันช่างสวยงามจริงๆเพราะมีลำแสงจากตัวหิ่งห้อยเปล่งประกายวาววามระยิบระยับเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ผมประมาณไม่ถูกว่ามันเป็นร้อย หรือเป็นพัน หรือจะถึงหมื่นๆตัวกันแน่ที่เกาะอยู่ทั่วไปบนกิ่งก้านของต้นลำพู ผมอดลืมตัวไม่ได้จับมือพี่ต่ายเขย่าแรงๆด้วยความตื่นเต้น
“พี่ต่ายๆดูซิ....สวยจังเลยพี่ ทำไมมันมากมายอย่างนี้ แล้วแปลกนะที่หิ่งห้อยมันมารุมๆอยู่ที่ต้นนี้มากมายจริงๆ ดูซิเรือลำอื่นๆก็มาจอดดูด้วย”
พี่ต่ายยิ้มน้อยๆครับทำหน้ามีเลสนัยแล้วมายื่นหน้าจะมากระซิบที่ข้างๆหูผม ผมต้องขยับตัวหนีพี่ต่ายนี่พี่จะมาบอกรักกันเบาๆแบบเพลงของเอ็มเดอะสตาร์อะไรกับผมตอนนี้ ไม่อายคนในเรือตาทอม แล้วก็หิ่งห้อยตั้งเยอะรึไง ผมเลยต้องบอกพี่ต่ายเบาๆว่า
“พี่ต่ายไม่เล่นนะพี่คนเยอะแยะ อายเค้า”
แต่พี่ต่ายส่ายหัวแล้วก็ปิดปากหัวเราะเบาๆ แล้วก็กระซิบผมจนได้ครับว่า
“พี่ไม่แน่ใจซิโอมว่ามันเป็นหลอดไฟหรือเป็นหิ่งห้อยจริงๆ ดูมันกระพริบเป็นจังหวะสม่ำเสมอยังไงไม่รู้”
เหอๆๆๆๆ...หมดกัน.....อยากเอาหน้ามุดน้ำหนีก็จะตายซะเปล่า ไอ้เราก็นะ...นึกว่าจะมีบทสวีทท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบยามค่ำ แสงหิ่งห้อย สายลมเบาๆ นี่แฟนผมเกิดจะมาเป็นผู้ตรวจสอบอีกแล้ว
เฮ้อ....พูดไม่ออกเลยครับ บรรยากาศสวยๆหมดกัน แต่ผมก็อดคิดตามพี่ต่ายไม่ได้ มันก็เป็นไปได้ที่จะเป็นหลอดไฟ เพราะหิ่งห้อยจากธรรมชาติก็ไม่น่าจะมีมากแล้วเพราะพอความเจริญเข้าไปที่ไหน ธรรมชาติก็ต้องถูกทำลายลงไปด้วย ระบบนิเวศน์วิทยาก็โดนกระทบไปด้วย
แต่ผมก็ไม่สนหรอกครับ เพราะของจริงก็ต้องมีด้วยในเมื่อจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ถ้าพาคนมาล่องเรือชมหิ่งห้อย แต่มีหิ่งห้อยให้ดูแค่ตัวสองตัว มันก็คงจะทำให้ธุรกิจเจริญไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าทำให้อยู่ในขอบเขตที่ไม่มากจนเกินไปก็แล้วกัน ผมพอใจที่จะเชื่อว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ปรุงแต่งเพื่อการท่องเที่ยว ก็คงคล้ายๆกับที่พี่ต่ายก็คิดเหมือนกันครับ
“แต่พี่ว่าเราแค่ดูแล้วสวย เราพอใจก็พอแล้วโอม อย่าไปคิดมากเลยเนอะว่าไม๊ครับ”
ผมเกือบขว้างค้อนให้พี่ต่ายไปแต่ก็ได้แต่คิดในใจอยากบอกพี่ต่ายว่า--- ก็น่านซิแล้วพี่พูดขึ้นมาทำไม๊ให้เสียความรู้สึก--- ฮ่าๆๆๆ แต่พี่ต่ายหายงอนก็ดีแล้วครับ ดีไม่ต้องง้อให้เหนื่อย อิอิ
ตอนนี้เรือเริ่มเคลื่อนออกจากจุดชมหิ่งห้อยแล้วเริ่มวนเรือกลับทางเดิมแล้วครับ เรือล่องไปเลาะเลียบชมหิ่งห้อยอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ผมซึมซับบรรยากาศยามค่ำไว้อย่างเต็มที่
พี่ต่ายเอามือมาโอบเอวผมตอนไหนก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะเห็นผมขนลุกเพราะลมก็เย็นพอสมควร แต่โอบก็ค่อนข้างลำบากครับเพราะติดเสื้อชูชีพแต่พี่ต่ายก็บ่ยั่นครับ แกเอื้อมมือมาแกะเข็มขัดผมออก อย่าครับอย่าเข้าใจผิดว่าพี่ต่ายหื่นขนาดที่จะทำมิดีมิร้ายผมบนเรือได้ แล้วอีกอย่างตาทอมก็มองเราเป๋งอยู่ข้างหลังตลอดครับ เพราะผมหันไปทีแระก็เจอรอยยิ้มตอบกลับมาทุกที จนแทบจะบอกว่าไม่ต้องมายิ้มให้ผมก็ได้ เหอๆๆ
พี่ต่ายแกะเข็มขัดเสื้อชูชีพครับ แล้วเอามือสอดเข้ามาด้านในเสื้อเพื่อกอดเอวผม เอากะพี่แกซิ ผมต้องท้วงพี่ต่ายไปว่า
“พี่ต่ายพี่แกะเสื้อผมออกแบบนี้แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเสื้อผมหลุดไป ผมจะทำยังไงล่ะพี่”
คือผมน่ะรู้ว่ายังไงพี่ต่ายก็ต้องช่วยผมอยู่แล้วใครจะปล่อยให้ผมจมน้ำคนเดียว เดี๋ยวได้มีคำตอบหวานๆมาแน่ๆเลย คิดแล้วก็เขินล่วงหน้า แต่เขินได้ไม่นานครับพี่ต่ายก็ตอบมา
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเหรอ อืมมม.... โอมก็กลายเป็นตำนานผู้ตรวจสอบบัญชีหนุ่มกับคลองอัมพวานะซิ แต่คงเป็นโอมคนเดียวนะเพราะพี่ไม่นิยมที่จะเป็นตำนานแบบสะพานรักสารสินที่โดดไปช่วยแล้วกอดกันตายน่ะ พอดีเดือนหน้าพี่มีงานใหม่รออยู่น่่ะยังไม่ว่างตายครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เหอๆๆ จะขำออกดีไม๊ครับ ไอ้ที่เขินไปล่วงหน้า วาดฝันคิดคำพูดสวยหรูไว้ในใจก็หมดกัน แทบจะงอนจนถอดเสื้อชูชีพกระโดดน้ำหนีพี่ต่ายไปเลย แต่ผมก็ทำได้แค่เพียงเอามือหยิกที่แขนของพี่ต่ายเอาให้เจ็บครับ พี่ต่ายก็คงเจ็บครับเพราะหลับตาปี๋ แต่ปากซิยังยิ้มอยู่เลย มันน่าจริงๆครับพี่ต่าย
“โอ๋ๆๆๆๆ ไม่งอนนะครับพี่ล้อเล่น ยังไงพี่ก็ต้องช่วยโอมอยู่แล้วจริงไม๊ครับ ใครจะให้แฟนน่ารักๆแบบโอมเป็นอะไรไปได้ล่ะ”
พูดเสร็จพี่ต่ายก็หอมแก้มผมเลยครับผมหนีแทบไม่ทัน ก็คนในเรือถึงแม้หันหลังกันอยู่แต่เค้าก็อาจหันมาได้นี่ครับ เล่นอะไรไม่รู้เวล่ำเวลาเลยนะพี่ต่าย
**********************************************
หวานต่อได้อีก
มากไปรึเปล่าค่ะกลัวคนอ่านเป็นเบาหวาน