-19-
“วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยได้ไหม” คำขอร้องดังออกมาจากคนที่โดดงานมานั่งอยู่ที่ร้านดอกไม้ กรพัฒน์เท้าคางจ้องหน้าคนรักที่เอาแต่สนใจจัดช่อดอกไม้ในมือ “นะครับปูน”
“ทำไมล่ะครับ” แล้วปูนก็ต้องเงยหน้ามาสนใจ “ป๋ามีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี๊” ช่างเป็นคำปฏิเสธที่เสียงสูงเสียจริง กรพัฒน์เบือนหน้าหนีสายตาจับผิด
“ต้องมีอะไรแน่ๆ ทำแบบนี้”
ช่วงที่ปูนไล่ต้อนจับผิดด้วยสายตา เสียงโทรศัพท์ของกรพัฒน์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบอ้างแล้วเดินออกจากร้านไป อยากจะหนีล่ะสิ
กรพัฒน์คุยกับเพื่อนสนิทพร้อมมือไม้ออกอาการซะจนคนในร้านอย่างปูนสนใจ แถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้างก็ทำเหวี่ยงคล้ายกับไม่พอใจ แบบนี้แล้วปูนก็ชักอยากรู้ว่าคุยกับใคร หรืออาจจะเป็นพอลที่โทรมาเรื่องงาน คิดได้เช่นนี้ ร่างขาวก็จัดช่อดอกไม้เช่นเดิมเพื่อให้ทันส่งเจ้าของที่โทรมาสั่ง
หลังจากคุยอย่างออกรส กรพัฒน์ก็เดินยิ้มเข้ามาแล้วทำเป็นเก็บกวาดข้าวของ และยังแอบเนียนดึงสายโทรศัพท์ออกเพื่อที่จะไม่ให้ลูกค้าโทรมาอีก แม้เรื่องนี้อาจถูกด่าได้ แต่ก็ต้องยอม เพื่อที่จะได้ปิดร้านแต่หัววัน
จากตอนเช้าที่มีออเดอร์เข้ามาหลายเจ้า แต่พอบ่ายมากลับเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงโทรศัพท์ ปูนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ไม่มีลูกค้า
“ปูนจ๋า พี่ซื้อขนมมาฝาก” คนที่ออกไปซื้อกาแฟข้างนอกเดินเข้ามาพร้อมถุงขนม กรพัฒน์ถอดแว่นกันแดดสีดำออกแล้วเดินมาวางถุงขนมไว้ตรงหน้า “ขนมเขาอร่อยมาก พี่เลือกแบบที่ปูนชอบทั้งนั้นเลยนะ...ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ก็บ่ายนี้ไม่มีลูกค้าเลย” ปูนหน้าบูดเล็กๆ แต่ก็ยอมกินขนมที่ยื่นมาที่ปาก “หรือเขาไม่ชอบดอกไม้ที่ปูนจัด”
“ไม่จริงสักนิด ดอกไม้ฝีมือปูนสวยจะตาย ขนาดลูกค้าพี่ยังชอบ” ธุรกิจดอกไม้ของปูน ยังถูกต่อยอดไปใช้ในการถ่ายแบบและดูจะผูกขาดเจ้าเดียวด้วย “พี่ว่า คงใกล้สิ้นเดือน เงินก็คงหมด เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไม่ก็ต้นเดือนลูกค้าก็มาเอง เชื่อพี่สิ”
“ไม่ดีเลยแบบนั้น”
แม้จะสงสารคนรัก แต่มันจำใจต้องทำเช่นนี้จริงๆ กรพัฒน์รีบหาเรื่องสนุกมาชวนคุย บ้างก็เล่าเรื่องของเพื่อนรักอย่างพอลให้ฟัง จนนาฬิกาบอกเวลาบ่ายแก่ คนมีแผนก็รีบคะยั้นคะยอให้ปิดร้าน
“ป๋าจะรีบไปไหนครับเนี่ย” ตอนนี้ปูนได้แต่ยืนดูคนอยากปิดร้าน ที่รีบเก็บกวาดแล้วกลับป้ายว่าปิดแล้วที่หน้าประตู “ถามจริง ป๋ามีแผนอะไรที่ไม่ได้บอกปูนหรือเปล่า” ปูนพยายามจ้องหน้าแต่กรพัฒน์เลือกที่จะไม่สบตา “แน่ๆ เลย”
“นิดนึง” ยอมบอกมานิดๆ แล้วก็รีบเปิดประตูให้คนรัก พอปูนเข้าไปนั่งแล้ว กรพัฒน์ก็รีบอ้อมไปอีกฝั่งแล้วออกตัวทันทีเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา
“จะไปไหนเนี่ย” ดูจากเส้นทางแล้ว ไม่น่าจะใช่ทางกลับอย่างทุกที “ป๋า ถ้าไม่บอกจะงอนแล้วนะ”
“ขอวันนึงนะ พี่บอกไม่ได้จริงๆ” ไม่อยากเห็นหน้าหวานหงิกงอแต่ก็ต้องทน
ปูนมองสองข้างทางเมื่อรถหรูวิ่งบนถนนที่ทอดยาวโดยไม่รู้ปลายทางที่แน่ชัด จนป้ายบอกทางระบุว่าทางข้างหน้าคือทะเลฝั่งตะวันออก
“ทะเล? ป๋าพาปูนมาทะเลเหรอ”
“พี่ก็อยากให้ปูนพักบ้างไง”
กรพัฒน์ไม่ได้สังเกตเลยว่า คนข้างกายของเขาไม่ได้ยิ้มหรือแสดงท่าทางดีใจเลยแม้แต่น้อย ปูนนั่งนิ่งเม้มริมฝีปาก หัวใจกำลังบีบรัดแน่นจนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้
ตลอดทางปูนพยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สนใจมากนัก ทั้งๆ ที่อยากตะโกนบอกไปว่าไม่ชอบทะเล แต่ก็กลัวคนตั้งใจพามาพักจะรู้สึกไม่ดี
พระอาทิตย์เริ่มทอประกายเป็นสีส้มเมื่อใกล้จะตกเต็มแก่ คนขับรถก็รีบเหยียบเพื่อจะได้ทันดูตอนดวงสีส้มค่อยๆ จมลงทะเล เขาอยากให้ปูนประทับใจ
“พี่เตรียมเสื้อผ้ามาแล้วนะ เรานอนพักที่นี่สักคืนสองคืน” กรพัฒน์ผู้ที่เตรียมพร้อมทุกอย่างยิ้มแย้มเมื่อนึกถึงแผนการของตัวเอง
“นอน...ที่นี่” เสียงแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ตอนนี้เม็ดเหงื่อเริ่มผุดจากไรผม ทั้งที่ไม่ได้ร้อนเลยสักนิด “มะ ไม่นอนไม่ได้หรือ”
“ทำไมล่ะ พี่จองห้องไว้แล้วนะ เป็นบ้านพักติดชายหาด ปูนจะต้องชอบแน่ๆ”
ปูนส่ายหน้ารัวๆ มือสองข้างเต็มไปด้วยเหงื่อจนชื้นแฉะ ใจตอนนี้เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้กรพัฒน์หันมามอง ชายหนุ่มเหยียบเบรกหัวทิ่ม ดีที่ไม่มีรถด้านหลังที่วิ่งตามมา ไม่อย่างนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว
“ปูนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” กรพัฒน์ตกใจที่เห็นปูนร้องไห้ แต่ก็ยังประคองสติพารถเข้าไปจอดข้างทางก่อนจะสอบถาม แต่คนตัวผอมกลับเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ปูน เป็นอะไร”
“ไม่เอา” คำพูดปนเสียงสะอื้นฟังแทบไม่ออก ปูนพยายามเค้นเสียงออกมาให้อีกคนได้รู้ “ไม่ไป ปูนไม่อยากไป”
“ไม่อยากไปไหน ทะเลหรือ” พอได้ยินก็ต้องแปลกใจ แต่อาการของปูนมันบ่งบอกได้ดีว่าไม่ได้พูดเล่น “ทำไมล่ะ ปูนไม่ชอบทะเลหรือ พี่ว่ามัน...”
“ไม่ชอบ ปูนไม่ชอบ ไม่เอา ปูนไม่ไป ป๋า ปูนไม่ไป” คนไม่อยากไปร้องไห้จนตัวโยน กรพัฒน์รีบดึงปูนเข้ามากอดปลอบ “ทะเลน่ากลัว มันมืด อึดอัด หายใจไม่ออก ปูนไม่ชอบ” เสียงกระท่อนกระแท่นแต่ก็พอจับใจความได้ ปูนขยำเสื้อเชิ๊ตคนตรงหน้าไว้แน่น ความกลัวในอดีต ค่อยๆ ผุดขึ้นมา ภาพเดิมๆ กับวันเก่าๆ มันช่างน่ากลัว
คนในอ้อมกอดร้องไห้อย่างน่าสงสาร กรพัฒน์เริ่มคิดหนักเพราะว่าแผนการต่างๆ ที่เตรียมไว้นั้นถูกซักซ้อมจนเรียบร้อยหมดแล้ว ถ้าเกิดเขาไม่ไปละก็ จบเห่กันพอดี
“ปูนไม่ต้องกลัวนะ มีพี่อยู่ด้วยทั้งคน พี่ไม่ปล่อยให้ปูนเป็นอะไรอยู่แล้ว”
“ไม่เอา ไม่ไป ปูนไม่ไป” ปูนร้องไห้ส่ายหน้าอยู่กับบ่าคนปลอบ “ปูนไม่ชอบทะเล ไม่ชอบ”
“ทำไม...” เหมือนจะมีอะไรผุดเข้ามาในความทรงจำ คำพูดของอดีตเพื่อนของปูนค่อยๆ เคลื่อนไหว ก่อนจะต่อด้วยเสียงและภาพของปูน “ที่ๆ ปูนถูกจับไป คือทะเลหรือ” คราวนี้ได้รับการพยักหน้าจนคนวางแผนอย่างดีคิดหนัก “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนะ ตอนนี้ปูนมีพี่ ปูนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แล้วที่นั่นก็ไม่มืดเลย ขอแค่ปูนเชื่อใจพี่ ได้ไหมครับ”
คราวแรกคนร้องไห้ก็ส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว จนกรพัฒน์ทั้งกล่อมและปลอบอยู่นานกว่าปูนจะยอมตกลง แต่ก็ยอมไปกลับเพื่อความสบายใจของปูน
และตลอดการเดินทาง มือของปูนก็กำแน่นอยู่ตลอด แม้จะถูกมือใหญ่กุมไว้ แต่ก็ยังเกร็งอยู่ดี ยิ่งพอเห็นทะเลอยู่ไกลๆ ปูนก็ลุกลี้ลุกลนจนดูน่าสงสาร กรพัฒน์อยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆ ที่ลืมคิดไป แต่ก็เพราะไม่รู้นั่นแหละที่ทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าความประทับใจที่อยากให้ปูนได้เจอ จะแปรเปลี่ยนเป็นความเลวร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อรถหรูจอดหน้ารีสอร์ทสวยที่แสนร่มรื่น กรพัฒน์ก็รีบวิ่งอ้อมไปหาปูนแล้วประคองให้ลงจากรถ ดูท่าแล้วคงจะกลัวจริงๆ ดวงตากลมสอดส่ายไปมาอย่างระแวง
“มันมืดแล้ว” ปูนว่าออกมาเสียงสั่น มือก็จับอีกคนไว้แน่น
“พี่อยู่ตรงนี้ไง มองพี่สิ อย่ามองทางอื่น” เพราะมัวแต่ปลอบกันนานเลยมาถึงช้ากว่าที่คิด ตอนแรกอยากให้ปูนได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย แต่ก็เหลวไม่เป็นท่า “เดี๋ยวเราไปเช็คอินก่อนนะ” พอบอกปุ๊บ คนในอ้อมแขนก็ขืนตัวเองไว้ทันที
“ไหนบอกไปกลับ แล้วทำไมต้องเช็คอิน” คิ้วสวยขมวดเป็นปมแถมไม่ยอมเดินอีก
“เพราะพี่จองไว้แล้ว เช็คอินเสร็จเราค่อยเช็คเอ้าท์ทีหลัง” เป็นคำอธิบายที่ปูนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยอมเดินเข้าไป พอเช็คอินเสร็จสรรพ พนักงานสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับแล้วพาไปที่บ้านพักที่จองไว้ “ไปนั่งพักที่ห้องก่อน ค่ำๆ เราค่อยกลับนะ พี่มีอะไรให้ปูนด้วย”
ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ปูนก็ยอมเดินตาม มือขาวยึดชายเสื้อคนเดินนำไว้แน่น นั่นเพราะไม่อยากให้กรพัฒน์ประคองโอบกอดตลอด กลัวว่าชายหนุ่มจะดูไม่ดี
บ้านพักที่จองไว้นั้น อีกด้านนั้นติดทะเล แถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอีกต่างหาก และหากตัดความกลัวออกไป ปูนก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้สวยมาก ยิ่งตอนทะเลหอบลมพัดขึ้นมาทำให้ผ้าม่านสีขาวปลิวสะบัดก็ยิ่งสวย แม้ทะเลในตอนนี้จะดูน่ากลัวไปสักหน่อยก็ตาม แต่พระจันทร์กับแสงดาวก็ส่องประกายจนปูนต้องเดินไปดู
“สวยไหม” กรพัฒน์ลุ้นอยู่นานตอนพาปูนเข้าห้อง ชายหนุ่มปล่อยให้ปูนได้ปรับตัวกับห้องและสิ่งรอบตัว ตอนนี้ไฟในบ้านเปิดแทบทุกดวงเพื่อลดอาการกลัวของปูน ซึ่งดูได้ผล
“อื่อ” แม้ตอบไม่เต็มเสียงนัก แต่คนพามาก็ใจชื้นขึ้นบ้าง
“ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวไปหน่อย พี่อยากให้ปูนเห็นตอนพระอาทิตย์ตกมากกว่า” คราวนี้กรพัฒน์เดินมาซ้อนหลัง แขนแกร่งยื่นไปโอบเอวคนรัก “แต่ถ้ารู้ว่าปูนกลัวมากขนาดนี้ พี่ไม่พามาหรอก”
“ปูนขอโทษ” หน้าขาวสลดลงอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษทำไม ปูนไม่ได้ทำผิดสักหน่อย” ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ “แต่พอมาคิดดีๆ แล้ว มาที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อปูนจะเลิกกลัว”
“ปูนก็ไม่ได้อยากกลัว”
“พี่จะทำให้ปูนเลิกกลัวเอง ฝันร้ายๆ นั่น พี่จะทำให้กลายเป็นฝันดีเอง”
คนเคยฝันร้ายที่ว่าแอบขำให้กับท่าทางและน้ำเสียงจริงจัง แต่แล้วก็ถูกฉกแก้มนุ่มอีกจนได้ และก่อนที่จะถูกฉกมากกว่าแก้ม เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงก็ดังเรียก กรพัฒน์แอบเสียดายปากแดงที่ยั่วสายตาแต่ก็ต้องไปรับ เพราะภารกิจสำคัญในการมาที่นี่รออยู่
ปูนมองตามหลังกว้างที่ออกจากประตูไป ตอนนี้เลยเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว กับห้องที่ทั้งกว้างและเงียบ ถึงจะมีแสงสว่างจากหลอดนีออน แต่ก็อดที่จะกลัวไม่ได้ ยิ่งเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งนั่น คล้ายกับเสียงของปีศาจคำราม ปูนค่อยๆ ถอยจากระเบียงไปที่มุมห้องแล้วย่อตัวนั่งกอดเข่าตัวเองไว้
เหมือน...มันเหมือนคราวนั้นที่ปูนถูกพามาขัง เสียงคลื่น เสียงลม และความเงียบของห้องยามต้องอยู่คนเดียว แล้วเหงื่อเม็ดโตก็ผุดขึ้นมา ดวงตาเหลือบไปมาอย่างหวาดหวั่น เล็บมือกดลงในบนหัวเข่าจนมีเลือดออกซิบๆ
“ปูน พี่...” เสียงเปิดประตูพร้อมกับพรวดเข้ามา กรพัฒน์กวาดสายตามองหาคนรัก ก่อนจะหันไปเจอปูนนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง นี่เขาทิ้งให้ปูนต้องกลัวอีกแล้วใช่ไหม ทั้งที่สัญญาแล้วแท้ๆ กรพัฒน์เดินไปหา พอยื่นมือไปแตะ ปูนก็สะดุ้งทันที “พี่เอง พี่ขอโทษนะ”
พอเห็นปูนเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้ มือใหญ่ก็รีบดึงร่างผอมเข้ามาในอ้อมกอด ปากก็พร่ำขอโทษอยู่ตลอด จนปูนเริ่มดีขึ้น กรพัฒน์ก็ชวนออกไปรับลมข้างนอก ซึ่งปูนก็รีบตกลงทันที อย่างน้อยด้านนอกก็ไม่น่ากลัวเท่าในนี้
กรพัฒน์ประคองปูนออกจากห้อง คราแรกเตรียมผ้ามาผูกตา แต่พอเห็นปูนกลัวเมื่อสักครู่ ผ้าก็ถูกเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม จนเมื่อใกล้ถึงลานที่เตรียมไว้ ร่างสูงก็หยุดเดินทำเอาคนเดินมาด้วยสงสัย
“ปูนเชื่อใจพี่ไหม” คำถามที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นทำให้ปูนพยักหน้าลง “ที่ๆ พี่จะพาปูนไป เป็นที่ๆ พี่ตั้งใจมอบให้กับปูน แต่ถ้าพี่จะขอปิดตาปูนไว้ก่อนจะได้ไหม” ปกติหากเป็นคนอื่น อาจใช้ผ้าคาดหรือปิดตาได้เลย แต่สำหรับปูนคงต้องขอก่อน สิ่งที่เจอมันสอนให้ต้องทำแบบนี้
“ต้องปิดตาด้วยหรือ” ปูนย่นคิ้วนิดๆ แต่พอมองหน้าของคนรัก ก็ยอมตกลง
ทันทีที่ถูกมือใหญ่ปิดตา ปูนก็แอบหวั่นใจ แต่เพราะคนที่อยู่ข้างๆ คือคนรักที่จะไม่มีวันทอดทิ้งหรือทำร้าย ปูนเลยผ่อนคลายลงบ้าง ทางเดินที่ไม่รู้ไปหยุดอยู่ตรงไหน ปูนทำได้แค่เดินอย่างช้าๆ และทำตามที่คนเห็นทางบอก จนเท้าสัมผัสกับผืนทราย
“ปูนหลับตาไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งลืมขึ้นมา ขอเวลาหนึ่งนาที ไม่สิ สามสิบวินาที”
ทันทีที่คนข้างกายหายไป ลมเย็นของทะเลก็ทำให้ปูนห่อตัวนิดๆ ร่างผอมพยายามข่มตัวเองให้คิดว่าที่นี่มีกรพัฒน์อยู่ ปากแดงเลยเริ่มนับเลขเบาๆ คลายความฟุ้งซ่าน
แสงเล็กๆ ที่กระทบกับเปลือกตาทำให้ปูนค่อยๆ ปรือตาขึ้นดู จากผืนทรายและท้องทะเลที่มืดมิด ตอนนี้กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟดวงเล็กๆ ที่ต่อกันเป็นสาย เรียงร้อยเป็นตัวหนังสือที่ทำเอาปูนน้ำตาคลอ คนที่หายไปเดินมาจากด้านข้างพร้อมช่อกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ที่ปูนจำได้ว่า มีลูกค้าผู้หญิงโทรมาสั่ง บอกจะนำไปให้เพื่อนขอแฟนแต่งงาน โดยให้ปูนจัดแบบที่ปูนชอบ
“นี่มัน...” แทบพูดไม่ออก น้ำตาที่เคยมีตอนหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นตื้นตัน
“Will you marry me?”
กรพัฒน์คุกเข่าลงด้านหน้าพร้อมยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ ปูนเพิ่งสังเกตว่าตัวเองและกรพัฒน์อยู่ในวงล้อมของไฟดวงเล็กที่ทำเป็นรูปหัวใจดวงโต
“Please”
คำขอปนอ้อนวอนสร้างรอยยิ้มหวานจากปูน ก่อนศีรษะทุยจะพยักหน้าลง แค่นั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับผู้ร่วมขบวนการวิ่งมาดึงพลุกระดาษจนปลิวว่อนไปทั่ว
“เย้ๆ ดีใจด้วยนะเพื่อน” พอลรีบตบบ่าเพื่อนสนิทก่อนจะหันมาแตะปูนบ้าง ก็ถูกกรพัฒน์ดึงหลบ “หวงตลอด ดีใจด้วยนะปูน ฝากเพื่อนผมด้วย”
“ขอบคุณครับ” ปูนตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเซเกือบล้มเมื่อถูกเด็กหนุ่มที่เริ่มจะสูงกว่าพุ่งเข้ากอด “เกน”
“ดีใจด้วยนะพี่ปูน มาอยู่ด้วยกัน เกนจะไปนอนด้วยทุกวันเลย” แรกๆ ก็ดูดี แต่พอหลังๆ หน้าของเกนก็ถูกมือใหญ่ของพ่อดันให้ออกห่างทันที “ป๋า ทำไรเนี่ย” สุดท้ายก็ถูกดันจนหลุด
แต่ที่ทำให้ปูนดีใจที่สุดคือ หญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ในมือมีมงกุฎดอกไม้ เธอเดินเข้ามาหาก่อนสวมให้กับปูน
“ยินดีด้วยนะปูน พี่ดีใจที่เห็นปูนมีความสุข”
“ขอบคุณครับพี่โรส” ปูนปล่อยน้ำตาไหลเป็นสาย แขนเรียวโอบกอดร่างบางที่เปรียบเสมือนพี่สาวที่รักมาก “ทำไมมาไม่เห็นบอกปูนเลย”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ไม่เอาๆ ไม่ร้อง วันนี้วันดีที่พี่ได้เห็นปูนมีความสุข” ว่าแล้วโรสก็จับมือปูนขึ้นมา ก่อนจับมือเพื่อนสนิทมาวางด้านบนมือของปูน “กร ฉันฝากน้องชายฉันด้วย อย่าทำให้ปูนเสียใจ”
“รู้แล้วน่า” กรพัฒน์ยิ้มกว้างให้เพื่อน
“อย่ามัวแต่คุยเลย มาฉลองกันดีกว่า ดูสิ กุ้ง หอย ปู ปลาเต็มไปหมด ว่าแต่ ไหนแอลกอฮอล์ชั้นเลิศวะ” พอลยืดคอมองหาน้ำอำพันชั้นดี เท่าที่เห็นมีแค่น้ำอัดลมกับน้ำเปล่าเท่านั้น
“งานวันนี้โนแอลนะครับคุณลุง เพราะพวกผมอยู่ด้วยเห็นป่ะ อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีหรือไง” เกนร่ายยาวจนถูกเขกศีรษะโดยมีเพื่อนอย่างฟลอยด์เอาแต่ขำ
ถึงแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ปูนก็สุขใจจนอยากเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ด้วยหัวใจ ร่างผอมยืนมองตัวหนังสือที่ถูกพันด้วยสายไฟแล้วก็ยิ้มออกมา
“ชอบไหม” เสียงคุยเบาๆ ดังอยู่ข้างกาย ปูนพยักหน้าลงทันที “พี่ก็ชอบนะ” คราวนี้ปูนหันมามองคนที่บอกว่าชอบอย่างสงสัย “ชอบที่มีปูนอยู่ข้างๆ แบบนี้ และชอบที่ปูนรักพี่ ขอบคุณที่ยอมแต่งงานกับพี่นะ”
“ปูนต่างหากที่ควรพูดแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ หากป๋าพาปูนกลับ งานนี้ก็คงไม่มี แล้วปูนก็คงเสียดายไปตลอดชีวิต”
“ไม่หรอก ถ้างานนี้ล่ม พี่ก็ไปจัดที่อื่นอีกก็ได้ เงินป๋าเยอะ” กรพัฒน์พูดแล้วขยิบตาให้ ก่อนนิ่วหน้าเมื่อถูกหยิกที่เอว “เจ็บนะเนี่ย”
“เจ้าแผนการดีนักนะ” ปูนยิ้มกว้าง ยื่นแขนโอบรอบแขนแกร่งไว้พลางเอนซบไหล่ “ขอบคุณที่รักปูนและอดทนเพื่อปูน”
“นี่ถ้าพี่ไม่ทนละก็ คงไม่รู้ว่าเมียพี่เด็ด โอ๊ย” อีกคนกะจะซึ้ง แต่อีกกลับพูดติดตลกจนถูกหยิกที่เอวอีกรอบ “พี่อดทนเพื่อคนที่พี่รักได้เสมอจ้า” ว่าแล้วก็หอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่และอีกหลายๆ ฟอดตามมา ปูนเอียงหน้าหลบแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี ความสุขกับภาพความรักทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นกลายเป็นอากาศไปในพริบตา
“แหม หวานซะน้ำทะเลจืดแล้วเนี่ย” โรสแกล้งหยอก “แล้วคุณพอลคะ คุณจะไม่วางแก้วเลยใช่ไหมคะ”
“ทำไมกลายเป็นขี้ประชดฮะ ตอนเป็นนางแบบใหม่ๆ ออกจะน่ารัก พูดอะไรก็เชื่อฟัง เนอะไอ้กร” พูดจบก็ต้องวิ่งหนีฝ่ามือที่เตรียมฟาด ความวุ่นวายนั่นเรียกเสียงหัวเราะได้รอบวง “ช่วยด้วยๆ แม่มดจะฆ่าแล้ว”
“หนอย”
แล้วสองหนุ่มสาวก็ไปวิ่งไล่กันรอบแท่งตัวหนังสือที่ประดับหลอดไฟ ก่อนจะกอดคอพากันกลับมาด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เล่นกันเป็นเด็กๆ” ทุกสายตาหันไปมองคนพูด จนฟลอยด์เงยหน้ามามอง ปากยังคาบก้ามปูเอาไว้ “ผมคิดออกเสียงหรือ” แล้วทั้งหมดต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นหาด
***
กว่างานเล็กๆ จะจบลง ทุกคนก็ดูจะอิ่มท้องด้วยอาหารทะเลเผา รวมไปถึงท้องอืดจากน้ำอัดลม เด็กหนุ่มสองคนขอแยกกลับไปห้องพัก เพราะอิ่มกว่าจะกระดิก จริงๆ ดูจากท่าเดินที่ค่อยๆ ก้าว คงเป็นแบบที่พูด ส่วนผู้หญิงหนึ่งเดียวก็มีชายหนุ่มที่วิ่งไล่กันจนเหนื่อยเดินไปส่งที่ห้องเพื่อความปลอดภัย และไม่อยากอยู่เป็นก้างของคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกัน
กรพัฒน์จับมือปูนแล้วพาออกเดินลัดเลาะชายหาด ทะเลยามค่ำคืนหอบลมขึ้นมาทำให้รู้สึกเย็นสบาย ตอนนี้ปูนลดความกลัวลงได้มาก คงเพราะมีคนข้างกายที่รักและพร้อมดูแล
“แสงที่ทะเลนั่นคืออะไรหรือครับ” ปูนชี้นิ้วไปที่แสงเล็กๆ กลางทะเล
“คงจะเรือไดหมึกมั้ง” กรพัฒน์ว่า เมื่อตอนยังหนุ่มๆ เขาเคยออกทะเลไปกับเรือไดหมึกเพื่อจะถ่ายภาพ จำได้ว่าครั้งแรกเมาเรือแบบหมดสภาพ เข็ดไปนานกว่าจะทำใจไปอีกรอบและได้ภาพสวยๆ ถูกใจ
“น่าสนุก”
“ไม่เลย”
คนเคยมีประสบการณ์ไม่ดีในครั้งแรกรีบส่ายหน้า ปูนขำออกมาทันทีที่เห็น
ลมทะเลยิ่งดึกก็ยิ่งแรง กรพัฒน์เลยพาปูนกลับขึ้นบ้าน ตอนแรกคิดจะไปเช็คเอ้าท์ตามที่คุยกันไว้ตอนแรก แต่ปูนก็รีบห้าม และอยากให้กรพัฒน์ทำให้เขาหายกลัวอย่างที่เคยบอก
“แค่อยู่ข้างปูนห้ามไปไหนก็พอ” คนกลัวดึงมือใหญ่มาที่ระเบียง ดาวบนท้องฟ้าส่องประกายสวยในยามมืดมิด “ปูนก็เหมือนท้องฟ้าตอนนี้” อยู่ๆ ปูนก็พูดออกมา ร่างผอมอยู่ในอ้อมกอดอุ่น “ป๋าก็เหมือนกลุ่มดาวพวกนั้น”
“เดี๋ยวนะ ปูนต้องเป็นดาว พี่เป็นท้องฟ้าหรือเปล่า” คนสงสัยเอียงหน้ามอง ซึ่งปูนก็ส่ายหน้าตอบเบาๆ
“ปูนเป็นท้องฟ้าตอนกลางคืน มันดูมืดมน เงียบเหงา โดดเดี่ยว อ้างว้าง แต่พอมีดวงดาวส่องแสงเป็นประกาย ท้องฟ้านั่นก็ดูมีชีวิตขึ้นมา” รอยยิ้มของปูนดูเศร้าในตอนแรก ก่อนจะยิ้มหวานเมื่อถูกหอมแก้มเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”
“พูดแบบนี้พี่ก็เขินน่ะสิ”
“เนี่ย ชอบทำเป็นตลกอยู่เรื่อย”
“ป๊าพี่เคยบอก” ปูนขยับเอียงหน้าไปรอฟัง “ป๊าบอกว่า ถ้าชีวิตมันเครียดนัก ก็หาเมียเป็นตลก แต่ถ้าไม่อยากตกนรก เราก็ควรเป็นตลกซะเอง”
“มันคล้องจองกันด้วยหรือ” คนอุตส่าห์ตั้งใจฟังขำแห้งๆ ให้กับสิ่งที่ได้ยิน แต่คนพูดกลับทำหน้านิ่ง “จริงจังด้วย”
“ปูนอ่ะ” คนตั้งใจพูดทำหน้าง้ำงอให้คนในอ้อมกอดที่หัวเราะเยาะ
“ถึงป๋าไม่เป็นตลก ปูนก็ไม่ทำให้ป๋าตกนรกหรอก”
ร่างผอมในอ้อมกอดหันกลับมา มือนุ่มทั้งสองข้างยกขึ้นกอบกุมแก้มตอบแล้วเขย่งตัวขึ้นจูบ ริมฝีปากนุ่มค่อยๆ ขบเม้มอย่างช้าๆ แม้จะดูชักช้าแต่กรพัฒน์ก็รอรับความรักจากปูน จนปากเป็นอิสระก็ได้เห็นรอยยิ้มหวานส่งมาให้ แถมส่งสายตายั่วยวน กระดิกนิ้วชี้เรียกให้ไปที่เตียงอีกต่างหาก
พอเห็นแบบนี้กรพัฒน์ก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาทันตา ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก ยกมือทำท่าขยุ้มเป็นเสือร้าย วันนี้เขาจะตะปบลูกกวางเอาให้หนำใจเลย แต่พอกระโดดขึ้นไปหา คนที่นอนรอกลับกลิ้งตัวหลบซะงั้น ปูนหัวเราะเยาะที่เห็นคนรักทำหน้าเหวอที่คว้าแต่อากาศ
“คิดจะแกล้งกันเหรอ ได้ครับได้ เดี๋ยวเจอป๋า”
“ไม่ได้แกล้ง เฮ้ย ป๋าจะทำอะไร”
ปูนตาเหลือกที่อยู่ดีๆ กรพัฒน์ก็ถอดเสื้อ ถอดกางเกงเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง ตอนนี้ร่างกายกำยำเหลือแต่กางเกงชั้นในสีขาวราคาแพง
“มาให้ขย้ำซะดีๆ”
“ผ้าม่านก็ไม่ได้ปิด เดี๋ยวคนเห็นนะ ป๋า”
ปูนวิ่งหลบแขนยาวไปรอบห้อง กรพัฒน์ที่เห็นผ้าม่านปลิวก็ถอยหลังไปปิด เพราะสายตาคมจดจ้องร่างคนตัวหอมข้างหน้า
“ปิดแล้ว มาให้ป๋าขย้ำมะ”
“น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลยนะ”
ข้ออ้างอีกหลายข้อถูกยกมาอ้าง พร้อมกับคนอ้างที่วิ่งวนไปทั่ว ปูนหัวเราะไปหอบไปด้วยความเหนื่อย สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้คนแข็งแรง ร่างผอมตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นอยู่บนเตียง กรพัฒน์หอมแก้มนุ่มซ้ายขวาอย่างหมั่นเขี้ยว
“ไปอาบน้ำกัน” สายตาและน้ำเสียงยังไม่บ่งบอกถึงความต้องการเท่าท่อนล่างที่กำลังดันต้นขาปูนอยู่ “อาบน้ำไปด้วย ถูหลังไปด้วย ป๋าชอบ” แล้วคนชอบก็รีบช้อนอุ้มร่างผอมแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที
...แบบนี้ป๋าก็ชอบ
.
.
.
(มีต่อค่ะ)