ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ในขณะที่ความทุกข์อยู่กับเรานานเสียจนคิดว่าโลกใบนี้หยุดหมุนไปแล้วรึไง?
ผมยังไม่คิดจะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ผมไม่สนใจสายตาและเสียงกระซิบกระซาบนินทาจากรอบข้าง และหลายวันมานี้ผมแทบไม่ได้คุยกับใครเลย ตื่นเช้ามาทำงาน เย็นกลับบ้าน และค่ำก็เข้าห้องนอน ส่วนเสาร์อาทิตย์ผมออกจากห้องมาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่และหลานสาวบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ผมจะเก็บตัวอยู่ในห้องเสียมากกว่า
เช้าวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ผมตื่นมาทำงานแต่เช้า แต่พอมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ได้ไม่นาน ก็มีคนมาตามบอกว่าหลานสาวของผมมารอเจอ ออมแวะมาหาผมก่อนจะไปฝึกงาน เราอยู่บ้านเดียวกันแต่ตั้งแต่เกิดเรื่องเราก็แทบจะไม่ได้เจอหรือพูดคุยกันเลย ดูจากภายนอกเหมือนว่าออมสบายดี แต่แววตาที่เศร้าและรอบดวงตาที่ดำคล้ำนั่นฟ้องอย่างชัดเจนว่าออมกำลังแสดงละครให้ผมสบายใจ ผมรู้ว่าออมกำลังรู้สึกผิดต่อผมแต่เรื่องหัวใจผมเป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด ไม่ว่าใครก็ไม่มีส่วนผิดทั้งนั้น
“อาเต็มจำเรื่องที่ออมเคยเล่าให้อาเต็มฟังว่าออมนอกใจกองทัพได้มั๊ยคะ?”
ดวงตากลมโตที่หม่นหมองมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ ทำไมผมจะจำไม่ได้ ผมมีหลานสาวแค่คนเดียวนี่นา ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่ายว่าจำได้
“คนๆ นั้นเป็นเพื่อนของอาเต็มค่ะ”
หืม?.. ผมจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยของหลานสาวซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้หลบ ในสมองของผมค่อยๆ ทบทวนเรื่องที่หลานสาวเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วอีกครั้ง ในตอนนั้นผมนึกไม่ออกว่าคนที่ออมแอบหลงรักเป็นใคร แต่ตอนนี้ภาพของเพื่อนคนหนึ่งกลับชัดเจนขึ้น
“ซัน..?”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของออมแทนคำตอบ นี่หลานสาวของผมแอบชอบซันมานานแล้วเหรอเนี่ย? ถ้าถามว่าผมตกใจมั๊ย? มันก็ต้องมีบ้างครับ
“ทำไมไม่บอกอาตั้งแต่แรก หรือบอกพี่โอบก็ได้”
ถ้าผมกับโอบรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นรับรองจะต้องหาทางให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันแน่ๆ
“ออมอยากรู้จักอาซันด้วยตัวเองค่ะ”
สำหรับผมแล้วเรื่องผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนถือเป็นเรื่องปกติ ผมจึงไม่แปลกใจในเรื่องนี้เท่าไหร่
“แล้วออมชอบซันตั้งแต่ตอนไหน?”
“ออมตกหลุมรักอาซันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยค่ะ ในงานเลี้ยงที่สถานฑูตค่ะ”
อ๋อ.. ตอนนั้นนั่นเอง ผมกับโอบก็ได้รู้จักซันตอนนั้นเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนะ ตอนนั้นออมยังไม่ขึ้นมัธยมเลยไม่ใช่เหรอ??? อย่าบอกนะว่าเหตุผลที่ออมเลือกที่จะมาเรียนต่อมัธยมที่ไทยก็เพราะเรื่องนี้ด้วย?? ออมคงอ่านสีหน้าของผมออก เจ้าตัวระบายรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย
“อาซันก็เจอเธอคนนั้นในงานเลี้ยงนี่เหมือนกันแล้วหลังจากนั้นก็ตกลงคบกันเป็นแฟน แต่.. อาเต็มรู้มั๊ยคะว่าทำไมอาซันถึงเลิกกับแฟนทั้งๆ ที่รักกันมากและคบกันนานขนาดนั้น?”
จู่ๆ ออมก็พูดเรื่องแฟนเก่าของซันขึ้นมา ผมพอจะรู้อยู่บ้างว่าเป็นสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีน่าตาน่ารัก ส่วนเรื่องสาเหตุที่ซันเลิกกับแฟนนี่ผมกับโอบไม่รู้จริงๆ ครับ แม้แต่โบว์ที่เป็นเพื่อนสนิทกับซันมาตั้งแต่เด็กแถมยังเรียนมัธยมด้วยกันมาตลอดยังไม่กล้าถามเลย อีกทั้งซันเองก็ไม่เคยพูดถึงเพราะโดยนิสัยส่วนตัวของซันเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเล่าเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่ ยกเว้นเสียว่าเจ้าตัวอยากจะพูดมันออกมาเองเท่านั้น
“เธอชื่อ
‘ซอฮันนี่’ ค่ะ เป็นสาวสวยเลยล่ะ แถมยังเรียนเก่ง ฉลาด และรวยอีกต่างหาก เพอร์เฟคขนาดนี้ก็ต้องมีหนุ่มๆ ติดกันเยอะใช่มั๊ยละคะ?”
หลานสาวเหน็บยิ้มตรงมุมปาก บอกตามตรงครับว่าออมในโหมดนี้ดูน่ากลัวมาก
“อยู่ไกลแฟนนางคงเหงาล่ะค่ะ นางเลย.. เป็นคู่ขาให้ไฮโซหลายต่อหลายคนคลายเหงา พี่นายก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยนะคะ”
ลมหายใจของผมสะดุดเล็กน้อย แม้น้ำเสียงของออมจะฟังสบายๆ คล้ายกำลังเล่าเรื่องขำๆ แต่ผมไม่ตลกเลยสักนิด
“แฟนของพี่นายในตอนนั้นแอบบินตามพี่นายไปที่เกาหลี แล้วบังเอิญไปเจอแฟนตัวเองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่กับนางพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา เธอเลยเลิกกับพี่นายแบบไม่เผาผีกันอีกเลย”
แม้เรื่องพวกนี้เกิดก่อนที่ผมจะกลับมาไทย แต่ผมมั่นใจว่าแฟนของพี่นายคนนั้นต้องเป็นโบว์แน่ๆ นี่ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ..
“ออมรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? โบว์?”
“ไม่ใช่พี่โบว์หรอกค่ะ พี่โบว์เองก็ไม่รู้หรอกว่าออมรู้เรื่องนี้ด้วย ออมรู้จากเนเนะต่างหากล่ะคะ”
“เนเนะ?”
“ก็เนเนะหน่ะ.. นางเป็นหนึ่งในคู่ขาของพี่นายเหมือนกัน”
“ผู้หญิงหน่ะ ชอบเมาท์เกือบทุกคนแหละค่ะอาเต็ม ออมก็แค่ทำดีกับเนเนะนิดหน่อย นางก็เล่าออกมาจนหมดเปลือกเลยล่ะค่ะ แถมมีหลักฐานเป็นคลิปกับภาพนิ่งด้วยนะคะ”
หลานสาวคนสวยของผมหัวเราะเบาๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าขำ ผมยอมรับว่าไม่เคยเห็นออมในโมเม้นแบบนี้มันทำให้ความมั่นใจที่ว่าผมรู้จักออมดีแค่ไหนลดฮวบลงแทบจะเกินครึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นโบว์ก็ต้องเป็นคนบอกเรื่องนี้กับซัน?”
ใบหน้าน่ารักส่ายไปมา ผมเดาผิดอีกแล้วเหรอ?
“พี่โบว์รักเพื่อนมากนะคะ แม้จะรู้ดีเต็มอกแต่ก็ไม่กล้าบอกอาซันเพื่อนที่แสนดีของตัวเองหรอกค่ะ เรื่องทั้งหมดอาซันรู้จากออมนี่แหละค่ะ”
หืม???
“ออมก็แค่สร้างไอจีขึ้นมาใหม่แล้วส่งคลิปพร้อมภาพนิ่งไปให้อาซันค่ะ”
พูดไม่ออกเลยครับ เพิ่งรู้วันนี้เองครับว่าผู้หญิงนี่โคตรน่ากลัวจริงๆ
“ที่ออมเล่าเรื่องทั้งหมดให้อาเต็มฟัง เพราะผู้หญิงคนที่อยู่กับกองทัพในวันนั้นก็คือ
‘ซอฮันนี่’ ค่ะ”
“เพื่อนของออมคนหนึ่งที่เรียนสาขาเดียวกับกองทัพและฝึกงานที่เดียวกันส่งรูปกองทัพกับนางมาให้ออมดูและบอกว่าทางผู้ใหญ่ในบริษัทเชียร์ให้ทั้งคู่เป็นแฟนกัน ออมนี่ปี๊ดเลยค่ะ โลกมันกลมเกินไปหรือมีคนตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้กันแน่”
ออมระบายออกมารวดเดียวราวกับว่าอัดอั้นเอาไว้นานจนไม่อาจจะทนไหวอีกต่อไป
“ออมเห็นหน้านางนั่นปุ๊ปก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วค่ะ ยิ่งทำท่าทางมาอ่อยคนรักของอาเต็มอีกมันยิ่งทนไม่ได้ ออมขอโทษนะคะอาเต็ม เพราะออมอารมณ์ร้อนเกินไปเรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ออมขอโทษนะคะ”
หยดน้ำไหลอาบแก้มใส ออมพนมมือไหว้ลงบนไหล่ของผมแทนคำขอโทษทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ผมจึงทำเพียงกอดร่างของหลานสาวไว้พร้อมกับลูบแผ่นหลังที่สั่นทะท้านเพราะแรงสะอื้นเบาๆ
นานหลายนาทีจนออมคงจะรู้สึกดีขึ้นที่ได้ระบายความรู้สึกที่เก็บกดไว้ออกมาให้ผมได้ฟัง เจ้าตัวปาดน้ำตาบนแก้มป้อยๆ เห็นแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยซับน้ำตาให้หลานสาวเสียเอง
“ลำพังแค่กองทัพกับนางนั่น ออมคิดว่าอาเต็มคงจะพอควบคุมอารมณ์ได้อยู่ แต่อาเต็มโกรธที่ออมโดนรังแกใช่มั๊ยล่ะคะ?”
อ่อ.. เกี่ยวกับเรื่องนี้ อืม.. จะว่าไปมันก็คงจะจริงแบบที่ออมพูดนั่นแหละครับ เพราะผมเห็นหลานสาวโดนอีกฝ่ายทำร้ายอารมณ์ถึงได้ขาดผึง
“ตอนนั้นกองทัพก็ไม่ได้ผลักออมล้มหรอกนะคะ กองทัพเข้ามาบังออมเอาไว้ต่างหากแต่ออมสะดุดขาตัวเองล้มลงไปเองค่ะ”
ออมยิ้มเก้อเขินทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำ
“กองทัพไม่เอานางนั่นหรอกค่ะ ให้ตายก็ไม่เอาเด็ดขาด ออมมั่นใจและรู้จักเพื่อนของออมดีว่าเป็นคนยังไง และออมเองก็เชื่อว่าอาเต็มรู้จักกองทัพดีว่าไม่ใช่คนเจ้าชู้แบบนั้น ออมคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกองทัพกับอาเต็มเป็นแค่หมากในเกมส์ที่พวกผู้ใหญ่ใช้เล่นกันเท่านั้นค่ะ”
ใช่.. จริงอย่างที่ออมพูด ในใจของผมมันบอกว่าอีกฝ่ายไม่มีหักหลังผมแบบนั้นเด็ดขาด และที่สำคัญภาพที่ผมเห็นก็ยังติดอยู่ในทุกความรู้สึก มันทรมานเสียจนทำลายความเป็นตัวของตัวเองไปเสียหมด
มือของผมถูกดึงไปกุมไว้
“กองทัพรักอาเต็มมากนะคะ”
อารู้.. ผมอยากจะตอบหลานสาวออกไปแบบนั้น แต่ในอกมันเจ็บหนึบจนพูดอะไรไม่ออก ออมยิ้มพร้อมกับส่งปิ่นโตเถาเล็กให้ผม
“คุณปู่กับคุณย่าฝากมาบอกว่า ถ้าอาเต็มทานข้าวในปิ่นโตนี้ไม่หมดเย็นนี้ไม่ต้องกลับบ้านค่ะ”
ก้มลงมองปิ่นโตในมือด้วยความรู้สึกเต็มตื้น เมื่อเงยหน้ามาอีกทีก็เจอดวงตากลมโตที่มองหน้าผมแล้วอมยิ้มผมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ออมจึงมองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“ตั้งแต่พี่นายเลิกกับพี่โบว์ พี่นายก็เปลี่ยนตัวเองและไม่คิดจะชอบผู้หญิงคนไหนอีกเลยค่ะ”
ในตอนแรกก็ค่อนข้างจะแปลกใจแต่สีหน้าและแววตาของออมก็ทำให้ผมพอจะเข้าใจความหมาย และผมก็คิดว่าผมพอจะนึกออกแล้วล่ะครับว่าคนที่พี่นายพลคบหาอยู่ด้วยตอนนี้เป็นใคร
หลังจากนั้นออมก็อยู่คุยกับผมต่ออีกครู่หนึ่งจึงขอตัวกลับ.. ผมยืนส่งออมจนรถขับไปลับตา แต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ในสมองของผมมีเรื่องมากมายให้คิดและทบทวนซ้ำๆ วนเป็นวงกลมเหมือนคนหลงอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไปไม่ได้ จนกระทั่งเสียงทักทาย
‘อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหมอเต็มใจ’ จากใครคนหนึ่งดังขึ้นผมจึงได้ขยับเดินไปนั่งตรงโต๊ะม้าหินข้างโรงพยาบาล
ดูเวลาแล้วคงอีกพักใหญ่กว่าโบว์กับซันจะมาถึง ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วจึงเริ่มแกะเถาปิ่นโต ชั้นแรกเป็นยำไข่เค็ม ชั้นที่ 2 เป็นปลาหวานฝอย และชั้นสุดท้ายเป็นข้าวกล้องที่ต้มจนเม็ดแตกสวยน่าทาน อาหารมื้อเช้าง่ายๆ ที่แสนจะธรรมดา แต่คุณแม่ต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อที่จะทำอาหารฝากออมมาให้ผม ริมฝีปากของผมวาดเป็นรอยยิ้มแต่ทว่าน้ำตากลับไหลริน ท่านคงจะรอผมที่โต๊ะทานอาหารทุกวัน แต่ผมก็แทบจะไม่เคยแวะเวียนไปเลย
“ฮึก...”
ความรู้สึกคิดถึงบุพการีก็ตีรันเข้ามา นานแค่ไหนแล้วที่ผมจมอยู่กับตัวเองจนลืมมองคนรอบข้าง คนที่รักผมจากใจจริง คนที่ไม่เคยคิดร้ายกับผมแม้สักครั้ง คนที่มีแต่ให้และไม่เคยขอสิ่งตอบแทนใดๆ จากผมเลยสักครั้ง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ถามหรือขอคำอธิบายจากผมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ท่านทำเพียงดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบแผ่นหลังเบาๆ และก็ไม่เคยดุด่า ตำหนิ ที่สำคัญท่านทำเหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย ทั้งหมดเป็นเพราะท่านรักลูกชายอย่างผมมากยังไงล่ะครับ..
.
.
.
.
.
TBC.....