Love Is In The Air
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Is In The Air  (อ่าน 1069 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nidzy9595

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Love Is In The Air
« เมื่อ21-04-2019 12:28:20 »

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2019 12:33:35 โดย Nidzy9595 »

ออฟไลน์ Nidzy9595

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Love Is In The Air
«ตอบ #1 เมื่อ22-05-2019 12:34:31 »

                                                               (จบบริบูรณ์)
"เราจะรักกันจนวันตาย" คุณเชื่อเรื่องแบบนี้ไหม สำหรับผม ไม่เลย เพราะไม่มีใครตายพร้อมกัน มีแต่ "ใครจะตายก่อนกัน" และเมื่อผมรู้ว่าผมน่าจะตายก่อน จึงเลือกที่จะเดินจากมา...

2554 เช้าวันทำงานที่เร่งรีบ ณ ชานชลารถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย คนเยอะ และแย่งกันเข้าสู่ขบวน
"บรรดาเราเหล่าสามัคคีวิทยาคม" ผู้ชายคนนึงฮำเพลงมาร์ชโรงเรียน ยุคนี้มีคนร้องเพลงแบบนี้ด้วย...
"ต่างอบรมบ่มรักสมัครสมาน" ผมต่อเพลงให้ซะงั้น
"พี่ จบ สวค. เหรอครับ"
"ใช่ครับ ชายล้วนรุ่นสุดท้าย" คนเบียดเสียด หันหน้าชนกัน จะได้เสียกันบนขบวนรถไหม.. เช็คกลิ่นปากแป๊บ

สถานีต่อไป พญาไท
"นิด ครับ ไม่ต้องเรียกว่า พี่ ก็ได้" ผมรีบบอกก่อนออกจากขบวนรถ ตอนนี้คิดอะไรไม่ได้นอกจากตอกบัตรเข้างานให้ทัน
"นุ ครับ"

ค่ำ วันนึง ผมเดินหาอะไรกินแถวอพาร์ทเมนต์ สายตามองไปก็เจอ นุ ใช่เค้าจริงๆ เท้าไวกว่าสมอง แว๊บเดียวถึงตัวเค้า
"นุ หาข้าวเย็นกินเหรอครับ"
"กินเสร็จแล้ว กำลังกลับห้อง ไปห้อง นุ ไหม ถัดไปอีกซอยเดียว" ผู้ชายชวน ปฎิิเสธก็โง่สิ
"นุ เรียนจบอะไรเหรอครับ เหมือนเอกสารในห้องเป็นชีทเรียน"
"นุ ไม่ตอบเรื่องนี้ล่ะกัน อธิบายยาก" (เป็นคนเข้าใจยากแท้)
คำตอบระหว่างสนทนา ผมชื่อนิด อายุ 30 ปี ส่วน นุ อายุ 23 ปี จบใหม่เพิ่งมาทำงานที่ กรุงเทพฯ เราจบมัธยมจากโรงเรียนประจำจังหวัดที่เดียวกัน มหาวิทยาลัย เราเรียนที่เชียงใหม่ แต่คนละสถาบัน และเราทั้งสองคนเป็นคนจังหวัดเชียงราย

ก่อนแยกย้ายเราแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ยุคสมัยที่ไม่มีไลน์ โทรศัพท์มือถือจอสีก็หรูล่ะ และเป็นความคลาสสิคที่ยังชอบอยู่
ติ๊ด ติ๊ด (ใครโทรมาป่านนี้)
"นุ ดีใจที่ได้ยินเสียง นิด อีกครั้งครับ" บ่าวน้อยจุ๊กระเทยเฒ่าตายใจ หูไม่ฝาดใช่ไหม...
"ไม่กล้าโทรหาครับ"
"ถ้าไม่ให้เรียก พี่นิด งั้นต่อไปคุยกันแทนตัวเองว่า เรา กับ เธอ นะ"

แต่นั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียวที่ได้คุยกัน จากนั้น นุ ก็หายไป เดินไปหาที่อพาร์ทเมนต์ห้องปิด เคยเอาขนมไปแขวนหน้าห้องไม่รู้แมวคาบไปกินมั๊ง และผมก็ทำใจไว้แล้ว

หลายเดือนผ่านไป ชีวิตทำงานบริการ ลืมไปแล้วว่าเคยทำความรู้จักใคร...
"สุขสันต์วันปีใหม่ครับ เรา โทรหานะ" SMS ข้อความจาก นุ โอ๊ย! ตาไม่ฝาดใช่ไหม อยากกรี๊ดบนรถเมล์
"นิด ไปหาได้ป่าว"
"มาสิ ซื้อเบียร์มาด้วย"
ว่าแล้วก็แจ๋นแล๋นไปหา เค้าย้ายที่อยู่ใหม่พักใกล้โรงพยาบาลที่ทำงาน เรากำลังทำความรู้จักใช่ไหม มโนเป็นเลิศ ก็เรานี่แหละ
คืนนั้นก็อยู่คุยกันจนดึก และเป็นครั้งแรกที่ได้นอนด้วยกัน
นุ เป็นผู้ชายไม่ได้สูง ไม่ได้กำยำ แต่กอดนั้นอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นานแล้วที่ไม่ได้นอนกอดใคร
เช้ารุ่งขึ้น ผมตืนเช้าเป็นนิสัย อยากนอนกอดต่อ แต่คิดอีกทีเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้ดีกว่า ว่าแล้วก็แต่งตัวและออกจากห้อง
ไม่เจอกันครึ่งปี ย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดินไปทำงานได้เลย สิ่งที่รู้เพิ่ม นุ เป็น กุมารเวช

"เธอ เธอกลับไปตอนไหน"
"กลับตอน นุ หลับไง แผ่นดินหายไปครึ่งแล้ว นอนกินบ้านกินเมือง จะเที่ยงยังไม่ตื่น"
"ขอบคุณเน้อเมื่อคืน วันหลังเลี้ยงเหล้าคืน"
"คุณหมอ ดื่มเก่งไปป่ะ มีถุงกระดาษวางไว้ที่ชั้นวางหนังสือ ของขวัญปีใหม่ให้ นุ"
"อะไร"
"เปิดเอง ห้ามบ่น ตั้งแต่เจอครั้งแรก ไอโมบาย เครื่องนั้นคงใช้ตั้งแต่เรียน เปลี่ยนได้แล้ว"
นุ เงียบ.... เดินไปถุงสินค้าตามตำแหน่งที่บอก
"เธอซื้อของแพง เราไม่เอา เอาคืนไป"
"ใช่ว่าจะได้เจอกัน ลองใช้ไปเหอะ ไม่รับคืน นุ ใช่ว่าจะเจอ นิด ง่ายๆ ไว้คุยกันครับ"
นิด เอ๊ย... ทำอะไรลงไป สายเปย์เหรอ เมื่อคืนคงฝันไปที่ได้อยู่ด้วยกัน

สองครั้งแล้ว นุ เป็นคนนิ่งๆ รึเราเป็นวุ่นวาย นานๆ ทักกันที และไม่มีการติดต่อพูดคุยอีกหลายเดือน
ป้ายหน้าอนุเสาวรีย์ เสียงกระเป๋ารถเมล์บอกผู้โดยสาย ทำให้ตื่นจากหลับ
"น้ำลายยืดแล้ว"
"นุ มาทำไรแถวนี้"
"จะลงป้ายหน้า พรุ่งนี้ว่างไหม เย็นกินข้าวกัน"
"เออได้ โทรมาล่ะกัน"
แล้วพี่แกก็ลงรถเมล์ไป คนรึผี มาๆ หายๆ  แต่เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เย็นเลิกงานมีนัด

"เธออยู่ไหน"
"นัดเมเจอร์ จะให้อยู่เซ็นทรัลรึไง"
"ปาก..."
"จะกินอะไรครับ"
"เราถามหน่อยสิ รถยี่ห้อนี้ดีไหม เห็นดาวน์น้อย"
"ซื้อรถมาขับ ไม่ได้ซื้อมาชน ดีไหม อยู่ที่เราใช้ จะบอกไม่ดีก็ไม่ได้ คนอื่นใช้เยอะแยะ"
"เราทำงานมาสองปี ไม่มีเงินเก็บเลย เพื่อนบอกถ้าเก็บเงินไม่อยู่ ควรซื้อเป็นสิ่งของ"
"นิด ไม่ค่อยได้เจอ นุ อ่ะ แต่ถ้าชีวิตหมดไปกับการสังสรรค์ ซื้อของเป็นชิ้นเป็นอันก็เป็นทางเลือก"
"บ่นเป็นป้าเลย เราเลิกงานเร็วสองวัน พรุ่งนี้เธอเลิกกี่โมง"
"นิดหยุด เจอหน้าติดกันสองวัน ตีกันตาย"
"จะไปปากนัก" (แปลว่า พูดมาก) ไม่พูดเปล่า เอานิ้วมาป้ายปากอีก ถุย...
"สรุปพรุ่งนี้เจอที่บีทีเอสสะพานตากสิน ไปไหนต่อค่อยว่ากัน"

บ่ายที่แสนจะร้อน...
"ไปไหนเลือกเอา ซื้อรถมือสอง รึ ไปโชว์รูมยี่ห้อเมื่อวาน"
"เธอรู้เรื่องรถ เลือกเลย แท๊กซี่มาแล้ว บอกทางด้วย" คิดในใจ รถใครเนี๊ยให้เราตัดสินใจ
"ไปท่าพระครับ"

ดูรุ่นไหนอยู่ค่ะ พนักงานขายเดินมาทัก
"ขอเอกสารไฟแนนซ์ ส่วนเรื่องรถคุยกับคนนั้นครับ" เดี๋ยวๆ ซื้อรถคันนึงเป็นแสน จะไม่ออกความเห็นรึไง
"นิด ว่ารุ่นนี้เหมาะ นุ ไม่ค่อยได้ขับรถไปไกล คันเล็กก็พอ ห้าประตูก็ดูวัยรุ่น สีคงแล้วแต่เจ้าของ เลือกเอง"
"สีดำครับ"
"คุยเมื่อวาน ซื้อวันนี้ รถออกอาทิตย์หน้า นุ ทำไรตามไม่ทันเลย"
"พูดมาก หิวแล้วไปหาข้าวกินแล้วค่อยคุยกัน" ป๊าบ! เด็กน้อยทำอะไรก็รู้สึก(มั๊ง)
"เราไม่รู้เรื่องรถ เธอมีความรู้เรื่องนี้ เราเชื่อว่าเธอก็จะเลือกสิ่งที่ดีให้เรา" นุ พูดน้อยแต่พูดทีไร ทำผมหวั่น
"อาทิตย์หน้ามารับรถ นิด มาดูให้ว่าต้องเช็คอะไรบ้าง"

ผม กับ นุ เริ่มคุยกันเกือบทุกวัน ระยะเวลาที่ผ่านมา 2 ปี นับจริงๆ เราคุยกันสองสามเดือน และหายไปครึ่งปี ชีวิตไปๆมาๆ แต่ครั้งนี้เราคุยกันมากขึ้น เริ่มรู้จักเค้ามากขึ้น ซึ่งวันนี้ผมก็ลางานเพื่อมารับรถใหม่ของ นุ ผมเชื่อว่ารายได้ หน้าที่การงานเค้า ไม่มีปัญหาในการผ่อนชำระ สิ่งที่ก้องในสมองผมตลอดเวลาคือคำพูด "เราเชื่อว่าเธอจะเสนอแต่สิ่งดีให้เรา" เหมือนเป็นความรักที่เค้าบอก
"รถจอดไว้นาน ยางปัดน้ำฝนแห้ง ขอเปลียนใหม่"
"ลูกค้ารอประมาณ 2 ชม. ค่ะ" เราสองคนเลยต้องเสียเวลาเพิ่ม รถใหม่ต้องเช็คดีๆ
"เรามีธุระแถวลาดพร้าว ไปด้วยกันนะ เสร็จแล้วไปส่งกลับห้อง"
"ได้รถใหม่ ถือว่าลองขับละกัน นุ รู้ทางใช่ป่ะ"
"อือ"
ตลอดทางคุยกันแต่เรื่องวัฒนธรรม นุ ไม่ใช่ที่ชอบเข้าวัดวา เค้าเรียนวิทยาศาสตร์ อะไรที่เป็นไสยศาสตร์ นุ ปฎิเสธหมด ผมถามว่ารถจะเอาไปให้พระเจิมไหม อย่างน้อยก็เป็นเรื่องของความรู้สึก (เป็นคนอื่นคงเอาไปวันนี้ แต่เค้ารอวันหยุดอื่น) และแล้วเราก็มาถึงบริษัทแห่งหนึ่ง ผมสงสัยว่าทำไมต้องมาไกลขนาดนี้ทั้งที่เป็นเพียงเอเจ้นซี่ทราเวล
"คุณนุ ที่โทรมานัดไว้ใช่ไหมค่ะ" เจ้าหน้าสาว รอต้อนรับตามนัดหมาย
"เธอมีพาสปอร์ตไหม" นุ ถามผม
"มีสิ นิด ทำงานท่องเที่ยวก็มีไว้ตลอด"
"หยุดงานวันไหนบ้าง หยุดยาว 4 วันได้ไหม"
"ได้นะได้ แต่บอกด้วยว่าถามไปทำไม ไม่ใช่บังคับเอาคำตอบแล้ว นิด ไม่รู้อะไรเลย"
"ไปฮ่องกง เราได้ตั๋วฟรี 2 ใบ พร้อมที่พัก ต้องเดินทางภายในเดือนหน้า เลือกวันแล้วให้เจ้าหน้าเค้าออกตั๋ว"
"เอาจริงดิ! ชวนไปต่างประเทศ"
"เค้ารอคำตอบ เรามาร์ควันที่ไปได้ไว้แล้ว เธอก็ดูว่าจะไปตรงกับเราได้วันไหน"
ผมเลือกวันที่คิดว่าลางานได้ และแจ้งไป ไม่นานก็ได้ Voucher บัตรโดยสาร และ ห้องพัก 4 วัน 3 คืน ฮ่องกง ผมเดาใจนุไม่ถูก เค้านิ่ง แต่เวลาเจอกันเค้ายิ้มแบบเด็กน้อย ไม่ค่อยพูดและชอบออกคำสั่ง ผมแก่กว่าเค้า 7 ปี ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่มีเรียกพี่ และเหมือนเพื่อนเค้ามากกว่า โดยที่ก็ไม่เคยรู้จักเพื่อนรึคนรอบข้างเค้า
ผมอยู่คนเดียวมานานมาก จนทำตัวไม่ถูกก็ว่าได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ไปต่างประเทศ กับคนที่ผมรัก ผมคิดเช่นนั้น

บ่ายวันนึง สนามบินดอนเมือง
เราต่างแยกกันมา นัดเจอกันหน้าประตูขึ้นเครื่อง ความรู้สึกกังวลเริ่มมี เราไม่มีการเจอกันข้างนอก แยกย้ายเช็คอิน แล้วค่อยเข้ามาภายในอาคารเพื่อรอขึ้นเครื่อง
"อยู่ที่ไม่มีใครรู้จัก ดีเนอะ ไม่มีคนสนใจดี"
"อืม... นิด ก็ชอบนะ"
"เรารักนิด นะ เพื่อนที่คบกันตั้งแต่เด็กยังไม่เซ็นค้ำประกันให้เลย รถเป็นคัน ขอบคุณที่ช่วยเลืิอกรถและดูแล"
"พูดจริง นิด ทำตัวไม่ถูก" เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายพูดว่า รัก...
"เรารักเธอจริงๆ แต่ไม่ใช่แฟน" (ยังไงหว่า...) เอาเป็นว่าวันนี้ทำให้ดีที่สุดพอ
ช่วงเวลา 4 วัน 3 คืน ที่อยู่ฮ่องกง การท่องเที่ยวเป็นแบบ A Plan Is No Plan คือตื่นเวลาไหน อยากไปก็ไป ไม่ไปก็เดินเล่นแถวโรงแรม นุ เหมือนเครียดกับงาน และอยากพักผ่อน เงื่อนไขที่เรามีต่อกันคือ ปิดอุปกรณ์สื่อสารเวลาที่อยู่ด้วยกัน และพอกลับมาเราก็แยกย้ายกันเหมือนเดิม และก็เริ่มมีนัดทานข้าวกันบ่อยขึ้น

ผมได้เปลี่ยนงาน รายรับมีมากขึ้น เวลาว่างมากขึ้น นุ โทรมานัดทานข้าว ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดีนัก
"เราจะย้ายไปบรรจุข้าราชการที่ จ.สุราษฎร์ธานี"
"ดีใจด้วยครับ ทำฝันที่ครอบครัวหวังไว้สำเร็จแล้วสิ" ผมยิ้มให้ แม้ใจจะมีน้ำตา ไม่รู้ว่าจะดีใจกับความสำเร็จ รึ เสียใจที่ต้องห่างกัน
ช่วงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งข้าราชการ เป็นช่วงเดือนตุลาคม ผมได้ไปส่งนุ ย้ายของไปต่างจังหวัดด้วยกัน

เทคโนโลยี ไลน์ มีแล้ว ของขวัญที่ให้ไปก่อนแยกย้ายคือ ไอแพด เครื่องนึง เราคุยกันผ่านตัวอักษรบ่อยขึ้น จนถึงช่วงปลายปี นุ บอกว่าไม่ได้หยุดเพราะต้องขึ้นเวร มีแต่คนหยุดงาน คนที่ไม่มีครอบครัวรึติดธุระจึงต้องอยู่เวร และแล้ววันคริสมาสก็มาถึง ผมซื้อตั๋วเครื่องบิน กทม.-สุราษฯ แบบไปกลับ คือไปถึงแล้วอีกชั่วโมงนึงกลับทันที
"นุ เลิกงานแล้วใช่ป่ะ"
"อืม... กำลังจะไปคลีนิค"
"นิด อยู่สนามบิน อีก 40 นาที เครื่องออก มาหาสักครู่ มีของจะให้ครับ"
"เธอทำตัวมีปัญหาอีกแล้วนะ" นุ เสียงแข็ง เค้าไม่ชอบนิสัยผมที่ทำอะไรไม่เคยบอกล่วงหน้า แต่ก็มาหาพร้อมสีหน้าบึ้งตึง
"ของขวัญปีใหม่ครับ คิดว่าได้ใช้ นิด ไปล่ะ ประกาศเรียกขึ้นเครื่อง่แล้ว" และผมก็ขึ้นเครื่องบิน จนถึง กทม. แชทไลน์ ดังขึ้น
"ทำไมถึงซื้อของชิ้นนี้ให้"
"นุ ไปสัมนา ไปเที่ยว เราเห็นเธอใส่แต่ เสื้อสูท รู้เลยไม่มีเสื้อกันหนาว ดื้อชอบบอก กรุงเทพฯ ไม่หนาว ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดเป็นไงล่ะ ไม่มีเสื้อหล่อๆ" ผมซื้อเสื้อแจ๊คเก็ตฮู้ด ให้เค้า
"ขอบคุณที่ใส่ใจครับ เราไม่มีเวลาไปซื้อของเลย งานก็ยุ่ง วิชาการสัมนาก็บ่อย"
"มีเสื้อกันหนาวใส่ช่วงฤดูหนาวแล้ว เมอร์รี่คริสมาสครับ นุ"
"เธอไปไหนไหมวันที่ 6 ม.ค. ปีหน้า"
"ไม่อ่ะ ก็อยู่ กทม."
"เรามีประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข ไปพักด้วยได้ไหมอาทิตย์นึง"
"มาสิ ไว้เจอกันครับ หลังปีใหม่"
ใช่ครับ... ของขวัญปีใหม่สำหรับผม คือการได้เจอหน้าเค้า อ้อมกอดเวลานอนด้วยกันยังรู้สึกดีจนถึงวันนี้

ผมบินไปๆ มาๆ ระหว่าง กรุงเทพฯ และ สุราษฎร์ธานี การไปต่างจังหวัดที่เงียบสงบนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะ มีทะเลที่น่าพักผ่อน จะไปเที่ยวต่อจังหวัดอื่นภาคใต้ก็ง่าย แต่ชีวิตหลักๆ ก็อยู่เพียงบ้านพักในโรงพยาบาลเท่านั้น
"เราว่าจะซื้อบ้านหลังนี้"
"ทำเลดี ในเมืองด้วย น่าสนใจครับ"
ช่วงนั้น นุ เริ่มหาธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ ความเครียดเรื่องส่วนตัวเข้ามารุมเร้า เราพยายามประคองช่วงเวลาที่เป็นดั่งพายุนี้ให้ผ่านพ้นไป ค่ำวันนึงผมอยู่ที่คอนโดในกรุงเทพฯ โทรศัพท์ก็ดังขี้น
"เธอ เราเหนื่อย"
"นุ ใจเย็นๆ ครับ อยากได้บ้าน และคลีนิคพร้อมกัน เหนื่อยอยู่แล้วแต่เลือกเอง นิด เคารพการตัดสินใจ"
"อือ... ฮือ... เรานอนไม่หลับเลย"
"นุ ร้องไห้เหรอ" เค้าไม่เคยร้องไห้ ผมตกใจที่ได้ยินเสียงสั่นเครือของเค้า
"อือ.... เราขอตัวพักผ่อนนะ"
สิ้นเสียงโทรศัพท์ ผมเก็บกระเป๋า เวลานี้ 20.00 น. เครื่องบินหมดรอบ รถทัวร์หมดเวลา ทางเดียวที่จะไป สุราษฎร์ธานี คือขับรถ เป็นครั้งแรกที่ผมต้องขับรถระยะทางไกลที่ไม่คุ้นชินแบบนี้

แปดโมงเช้าวันอังคาร.... เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ปาล์มมี่ ร้องเพลงทำไม วุ๊ย!
ผมจอดรถหน้าบ้านพักข้าราชการในโรงพยาบาล มาถึงตั้งแต่ 05.00 น. วันนี้ นุ จะไปเซ็นโอนบ้าน ประตูบ้านเปิด นุ เห็นรถผมจอดปิดท้ายรถเค้า นุ ทำหน้าไม่พอใจ ผมรู้ว่าทำผิด และเค้าก็กวักมือให้ผมเข้าบ้าน ทันใดเมื่อเข้าบ้าน
"ทำไมไม่บอกว่าขับรถมา เป็นห่วง" นุ พูดไปและกอดผม ผมรู้สึกถึงมีน้ำตาไหลอาบแก้มเค้า นุ ไม่ใช่คนแข้มแข็งนัก
"รู้ไงว่าต้องบ่น เลยไม่บอก เอาเป็นว่ามาถึงปลอดภัย สายแล้วออกไปทำธุระได้แล้ว" ผมบอกเค้า ลูบหลังและให้เค้าล้างหน้า
นุ เข้าไปทำงานถึงเที่ยง บ่ายอยู่กรมที่ดิน เค้าทำทุกอย่างที่ตั้งใจสำเร็จ ผมแอบชื่นชมเค้าอยู่เนืองๆ
"เธอ ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่ต้องทำเรื่องยื่นขอวีซ่าไปเที่ยวใช่ไหม"
"ใช่ครับ ฟรีวีซ่า 2 ปี สำหรับนักท่องเที่ยวไทย ไม่เกิน 15 วัน"
"วันเกิดเธอเดือนนี้ใช่ไหม"
"จำได้ด้วยวุ้ย"
"ปากดี เดี๋ยวจะไม่ได้อะไร"
"จะให้อะไรเหรอ มาแปลกนะวันนี้"
"กู้ซื้อบ้าน มีเงินเหลือเล็กน้อยค่าตกแต่ง วันเกิดเธอเราไปญี่ปุ่นกันไหม"
"หูไม่ฝาดนะ..." ผมใจผองโต นุ ทำอะไรให้เซอร์ไพร์สเสมอ ผมกลัวความรู้สึกดีๆ แบบนี้จะหายไปจัง
"ดูตั๋วเครื่องบินสิ ถ้าแพงก็ไม่ไป" เสียงแข็ง แต่ นุ ยิ้มไปพูดไป
ผมมีความสุขมากครับในช่วงนี้ เทคโนโลยีทำให้เราใกล้กัน นุ กับผมแชทกันเกือบทุกวัน ผมเองรอที่จะให้ถึงวันที่เดินทางซะที ญี่ปุ่น ไม่เคยมีในสมอง ช่วงนั้นเดินทางบ่อยแต่ก็แถวนี้ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี สำคัญที่สุดเป็นประเทศที่ไม่เคยไป และคนที่เรารักเป็นคนจ่ายและอยากให้ไปเพื่อเป็นของขวัญวันเกิด
การเดินทางนั้นเนื่องจากเป็นปีแรกที่ฟรีวีซ่า หลังญี่ปุ่นเกิดสึนามึ ผมเลือกเดินทางแบบแวะที่ฮ่องกง เพื่อลดค่าใช้จ่าย 2 ชม. ในการเปลี่ยนเครื่อง เดินเล่นในสนามบิน รำลึกถึงครั้งแรกที่มาด้วยกันก็มีความสุขดี
กลับจากการท่องเที่ยว วันกลับตรงกับวันเกิดผม สายการบินแอบมีเซอร์ไพร์สโดยนำเอา เค้กก้อนเล็กๆ มาให้เป่า การอยู่กับคนหมู่มากที่ไม่รู้จักกันเป็นอีกประสบการณ์นึง

และแล้ววันที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็มาถึง...
"ไปแยกดินแดงครับ" ผมซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซด์ ผมมักใช้บริการรถสาธารณะในวันเร่งรีบ เพราะสามารถปรับแผนเดินทางได้
โครม! สิ้นเสียงชน ผมรู้ตัวแต่ว่าเท้าซ้ายอยู่ที่กันชนรถตู้ และถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
"เธอเป็นอะไรไหม" นุ โทรมาหาหลังผมส่งรูปไปว่าอยู่ห้องฉุกเฉิน
"นิด แก่ล่ะ หนังเหนียว ไม่ตายง่ายหรอก"
"ปากดี ดูแลตัวเองล่ะกัน" นุ แสดงความห่วงใย แต่ไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ

สี่สัปดาห์จากนั้น ผมไปหาหมอทุกสัปดาห์ หมอมีความสงสัย เพราะไม่มีบาดแผลใหญ่ กระดูกไม่แตก แต่เท้าบวมไม่หาย
"ปกติแผลบวมช้ำ ไม่เกินสองสัปดาห์ก็น่าจะหาย"
"ผมไม่ปกติใช่ไหมครับ"
"ต้องตรวจละเอียด ใช้เครื่องแสกน และตัดชิ้นเนื้อ เข้าห้องแลป
"หมออยากให้เตรียมใจ"
"ครับ" ผมตอบไปโดยที่ในสมองตื้อมาก ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่คนป่วยปกติ

หนึ่งสัปดาห์จากนั้น คุณหมอ นัดฟังผล
"มีญาติมาด้วยไหม"
"ไม่มีครับ" พยาบาลพาผมไปอีกห้อง เหมือนสนทนาเพื่อทดสอบภาวะจิตใจ และผมก็นิ่งแบบน่าจะรับสภาพได้
"มะเร็งกระดูก ระยะเริ่มต้น" หมอ แจ้งให้ทราบพร้อมผลเอ็กซเรย์ ขาของผมเหมือนปล้องไม้ไผ่ มีกระดูกข้อ แต่ไม่มีมวลกระดูก
"ปกติตายไวไหมครับ คนที่ป่วย" ผมถามแบบคนไม่รู้
"ขึ้นอยู่กับกำลังใจของคนไข้ครับ"
ผมฟังขั้นตอนการดูแลตัวเอง และกลับบ้าน ผมไม่มีญาติ นุ เป็นคนเดียวเสมือนญาติ เป็นคนรัก เป็นทุกสิ่ง แต่เรามักจะพูดกันเสมอ ไม่มีใครตายพร้อมกัน มีแต่คนที่จะตายก่อน ผมทำไงดีกับความรู้สึกนี้....

ผมรู้สึกถึงความเห็นแก่ตัว ผมอยากให้ นุ ตายก่อนผม ใช่ครับเพราะผมอยากอยู่ดูแลเค้าจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่เมื่อตอนนี้ผมรู้ตัวว่าต้องตายก่อนเค้า ผมไม่อยากให้เค้าต้องมาเห็นสภาพคนป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ ผมจึงตัดใจและตัดขาดการติดต่อกับ นุ

ผมใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยตัวคนเดียว วันนึงมีโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้น
"พี่นิด รึป่าวครับ" ปลายสาย เสียงก็ไม่คุ้นเช่นกัน
"ใช่ครับ ใครครับที่โทรมา" ผมถามเพื่อคลายความสงสัย
"ผมแจ๊คครับ เพื่อนนุ พี่เคยเจอผมตอนส่งมอบคอนโด" ปลายสายแนะนำตัว ผมเริ่มคุ้นหน้า
"ครับแจ๊ค มีอะไรรึป่าวครับ ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแล้วนิครับ"
"พี่นิด โทรหานุบ้างได้ไหมครับ นุไม่ค่อยปรึกษาใคร ช่วงนี้เค้าดูเครียด จากที่ไม่เคยสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้สูบ คนทั้งโรงพยาบาลสงสัยกันหมด ล่าสุดเมื่อคืนเค้าชวนผมไปดื่มจนเมา เค้าเพ้อว่า พี่นิด เป็นคนเด่ียวที่เค้าไว้ใจ ที่บ้านเค้ายังไม่รู้จักนิสัยเค้าเท่าพี่ แต่พี่เงียบหายไป เค้าไม่มีใครให้ปรึกษา"
"ถ้าเค้าอยากคุย นุ ควรโทรมาเอง ฝากแจ๊คดูแล นุด้วย สักวันเค้าจะกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม" ผมวางสายพร้อมน้ำตาเล็กๆ

เชิญหมายเลข 111 เข้าห้องตรวจค่ะ เสียงพยาบาลเรียกคิวผม
"สวัสดีครับ" คุณหมอทักทาย โดยไม่ได้เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์
"สวัสดีครับ หมอเปา ใช่ไหมครับ" ผมเสียมารยาท ทักชื่อเล่นออกไปโดยลืมตัว
"พี่นิด ใช่ไหมครับ" คุณหมอ หันมามองหน้า แล้วให้ผู้ช่วยพยาบาลออกจากห้องตรวจ เหลือเพียงเราสองคน
หมอเปา เป็นเพื่อนนุ เป็นคุณหมอกระดูก และประจำอยู่โรงพยาบาลของรัฐ
"เคสนี้เราจะรักษาโดยการให้ยาทาน คนไข้ดูแลสุขภาพ หนึ่งปีผ่านไป ถ้าอาการดีขึ้น เราจะเข้าสู่กระบวนการ Five Years Zero คือการที่กดภูมิของโรคให้ตรวจไม่พบ ซึ่งไม่ใช่การรักษาจนหาย แต่เป็นการแฝงไว้ และทางการแพทย์จะถือว่าคนไข้ไม่ป่วย"
"รับทราบครับ นิด ถามได้ไหม ทำไมถึงรู้จักด้วย ส่วน หมอเปา เคยเห็นในโรงพยาบาล"
"วันที่ นุ เมา แจ๊ค โทรหาทุกคนที่เป็นเพื่อนครับว่ารู้จัก พี่นิด ไหม" คุณหมอ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ไม่ต้องบอก นุ นะครับว่า นิด มารักษาที่นี่"
"เป็นสิทธิ์ของคนไข้ครับ แต่กำลังใจที่ดี จะช่วยในการรักษา พี่นิด ลองตัดสินใจก่อนไหม อย่างน้อยก็แจ้ง นุ ในฐานะญาติ"
"นิด เซ็นเอกสารให้ หมอเปา แจ้งญาติได้ครับ นุ เป็นคนรู้จักคนเดียวตอนนี้ในชีวิต" ผมออกมาจากโรงพยาบาล ใครว่าโลกกว้าง ไม่จริงหรอก ยิ่งหนี ยิ่งเจอคนรู้จัก อยู่สู้หน้ากันไปเลยดีกว่า

"สบายดีไหม นิด" เสียงนุ ที่ไม่ได้ยินมานาน เค้าโทรมา น่าจะรู้ข่าวจาก หมอเปา
"ก็ดีมั๊งครับ นิด ยังมีแรงไปไหนมาไหน ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ผมกลบเกลื่อนความรู้สึก
"ปากดีเหมือนเดิมนะเธอ"
"นุ ก็เหมือนกัน"
"มีอะไรก็บอกนะ เรารักเธอนะ นิด แม้ว่า...."
"นุ เคยบอกเองครับ ความรักไม่ควรมีคำว่าแต่... นิด ตัดสินใจดีแล้วที่เป็นแบบนี้ นุ จะได้เจอคนที่อยู่ด้วยไปตลอด เธอคงไม่อยากมีแฟนใส่ทิ้วส์หายใจ นั่งรถเข็น คอยดูความสำเร็จในชีวิต นิด เห็นแก่ตัวไม่อยากตายก่อน เมื่อรู้ว่ายังไงก็ต้องตายก่อน ก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า"
"เมื่อรู้อยู่แล้วว่าต้องตาย งั้นเธอก็กลั้นใจตายซะตอนนี้สิ เมื่อยังไงก็ตาย" นุ พูดเสียงแข็ง
"จะให้เราทำจริงไหมล่ะ" ผมรับคำท้า
"มาอยู่จังหวัดที่เราทำงาน เราจะดูแลเธอ หาโรงพยาบาลรักษา แล้วมาแข่งกันใครจะตายทีหลัง" นุ เสียงสะอึ้นเหมือนร้องไห้
"นิด คิดว่าสร้างปัญหามากแล้ว ยังไม่ตอบได้ไหม"

สามปีแล้วครับที่ผมยังมีชีวิตอยู่ หลังจากตรวจเจอมะเร็งกระดูกระยะแรก ปัจจุบันทำงานเล็กๆ น้อย ส่วนความรักก็มีอยู่รอบตัว ทุกครั้งที่อ่อนล้า ผมหยิบรูปใบนึงมาดู แล้วก็ยิ้ม เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว เราเจอคนมากมายในแต่ละวัน แต่เราเลือกที่จะรักคนเพียงคนเดียว นั่นเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับการดำเนินชีวิตผม....



                                                                              The End

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Love Is In The Air
«ตอบ #2 เมื่อ22-05-2019 16:33:10 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Love Is In The Air
«ตอบ #3 เมื่อ23-06-2019 04:42:37 »

คือเขาไปกับนุ หรือว่าอยู่คนเดียว หรือว่านุตายก่อนไปแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด