~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]  (อ่าน 47771 ครั้ง)

ออฟไลน์ Namwhankn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
«ตอบ #120 เมื่อ29-08-2017 15:18:04 »

ถ้ายังคิดไม่ได้นะดิวววว

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
«ตอบ #121 เมื่อ29-08-2017 21:17:48 »

อยากให้เจอคนที่ใช่กะดิวนะ ดิวแค่ต้องการใครสักคน

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #122 เมื่อ31-08-2017 05:57:06 »

>>ตอนที่ 18 [100% - แก้คำผิดแล้ว]<<

คุณน้าลีลาเดินเข้ามาหา เธอนั่งลงริมเตียงก่อนจะลูบหัวผมแผ่วเบา สัมผัสอ่อนโยนเหล่านั้นมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเอวเล็กๆ ของคุณหน้าเอาไว้ มันอาจเป็นการถือวิสาสะหรือไม่ควรทำ แต่ผมโหยหาความอบอ่นอย่างนี้มานานเหลือเกิน

“ฝันร้ายหรือเปล่าลูก” คุณน้าจับหัวผมให้นอนหนุนตักเธอดีๆ ผมเข้าใจเลยว่าทำไมต้นและไม้ถึงชอบนอนตักแม่ตัวเองเพราะมันมีความสุขอย่างนี้ไง

“ครับ...” ผมพยักหน้าเบาๆ

“โอ๋ๆ หนูตื่นแล้วนะลูก...หนูไม่ได้ฝันอยู่ ต่อให้ในนั้นมันโหดร้ายแค่ไหน แต่ความฝันก็คือความฝัน มันไม่มีทางอยู่กับหนูไปตลอดได้นะ ตอนนี้หนูมีน้ามีเจ้าต้นและไม้ ปล่อยวางทุกอย่างแล้วอยู่กับเราให้สบายใจนะลูก” มันเป็นแค่คำปลอบโยนธรรมดา แต่มันทำให้ผมหลั่งน้ำตาออกมาได้อย่างง่ายดาย

ผมซุกหน้าเข้ากับหน้าท้องของคุณน้าลีลา ร้องไห้งอแงเป็นเด็กเล็กๆ ที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายในค่ำคืนที่เหน็บหนาว มันก็แค่ฝัน...นี่สิความจริง ผมมีคุณน้าอยู่ด้วย มันแทนที่ความรักทั้งหมดที่ต้องการจากพ่อจากแม่ไม่ได้ แต่มันก็ทำให้ผมอุ่นใจและรู้สึกวางใจขึ้นมาก

“น้องดิวไปอาบน้ำไหวไหมลูก น้าเช็ดตัวให้ดีไหมคะ...” ผมส่ายหัว

“ไม่เอาครับ ผมอาบเองไหว” ให้คุณน้ามาเช็ดตัวให้มันดูเป็นภาระมากเกินไป ถึงจะเจ็บปวดระบมไปหมด แต่ผมเชื่อว่าผมไหว

“อายน้าละสิ น้าเข้าใจ...หนูโตแล้วนี่เนอะ งั้นไปอาบน้ำนะ น้าให้เจ้าต้นไปเอาเสื้อผ้าและของใช้หนูมาให้แล้ว ช่วงนี้อยู่กับน้าไปก่อน...”

“อยู่ตลอดได้ไหมครับ” อ่า...ผมเผลอพุดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไป ผมเงยหน้ามองหน้าคุณน้า เธอส่งยิ้มหวานออบอุ่นมาให้

“ได้สิ จะอยู่ตลอดไปก้ได้...ทั้งน้าและลูกๆ น้ายินดีต้อนรับหนูอยู่แล้วล่ะจ้ะ” ทำไมเป็นคนดีแบบนี้นะ...ผมรู้สึกดีจัง อย่างน้อยๆ ในเรื่องร้ายที่เจอก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง

“ไม่จริงมั้งครับ ไอ้ต้นคงไม่ชอบเท่าไหร่” ผมเรียกไอ้ต้นเป็นประจำ เรียกต่อหน้าคุณน้าลีลาบ่อย แต่คุณน้าก็ไม่เคยว่าหรือบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี

“ใครว่า...เจ้านั้นอาจะเฮที่สุดก็ได้” คุณน้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง

“ได้แกล้งผมสนุกไปเลยสินะครับ” ต้องเป็นเหตุผลนี้แน่นอน

“น้องดิวรู้ไหมว่า...ผู้ชายส่วนใหญ่ปฏิบัติกับคนที่ชอบยังไง” ผมเริ่มงง ทำไมคุณน้าพูดคนละเรื่องกับผมแบบนี้ ผมส่ายหัว เพราะผมไม่รู้...ปกติผมไม่เคยจีบใคร ส่วนใหญ่เข้ามาหาผมเองทั้งนั้น และคนเหล่านั้นก็เข้ามาเพื่อเรื่องอย่างว่า...

“ผมไม่รู้หรอกครับ”

“ผู้ชายส่วนใหญ่มักแกล้งคนที่ตัวเองชอบจ้ะ” รอยยิ้มของคุณน้าซุกซนกว่าเคย ผมแทบอ้าปากค้าง...นี่คุณน้าไม่ได้หมายความว่าไอ้ต้นนั่นมันชอผมหรอกครับ

“ไม่นับไอ้ต้นแน่นอน”

“น้องดิวรู้ได้ไงล่ะ...” ผมขยับตัวขึ้นนั่ง มีอาการปวดระบมตามเนื้อตัวแต่พอไหว

“มันชอบด่าผมจะตาย แกล้งผมก็บ่อย...แบบนั้นเกลียดกันมากกว่า”

“ไม่จริหรอก คนเกลียดกันที่ไหนมานั่งเป็นห่วงหนูแทบไม่หลับไม่นอน เจ้าต้นมันก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว...น้องดิวก็น่าจะรู้ว่าต้นไม่ใช่คนเลวร้าย” ก็รู้แต่ผมว่ามันปากหมาเกินรับไหว

“คำพูดมันอะเลวร้าย”

“งั้นคราวหลังมันพุดจาไม่ดีน้องดิวตบให้ปากแตกเลยดีไหม...” คุณน้าโน้มมาส่งยิ้มใกล้ๆ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่กำลังต่อรองกับคุณแม่อยู่ยังไงก็ไม่รู้

“ไม่เอาอะครับ มันต่อยสวนมาทำไง”

“ต้นไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ น้าการันตี” คุณน้ามั่นใจมาก แต่ผมไม่มั่นใจเลย

“ถ้าอย่างนั้น...คราวหลังมันพูดจาไม่ดีใส่ผม ผมจะตบปากมัน” ผมมองหน้าคุณน้า

“ดีมากลูก ต้องแบบนั้น” แต่ถ้ามันสวนผม...คุณน้าจะปกป้องผมไหมเนี่ย

ผมถอนหายใจปลงตก ที่พูดไปแบบนั้นก็เพื่อให้คุณน้าดูสบายใจขึ้น เอาเข้าจริง ถ้าไอ้ต้นมันปากเสียใส่ ผมก็ไม่กล้าตบปากมันหรอกครับ ผมกลัวมันสวนจะตาย กลัวมันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ต้นเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ได้คุณน้าชุมพลมาเต็ม ทั้งหน้าตาและเห็นว่านิสัยด้วย ไม้เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนพ่อมันเป็นคนห้าวๆ แบบนี้แหละ ปากหมาชอบว่าแหน็บแนมแม่ประจำ แต่แม่สมัยวัยรุ่นก็ไม่น้อยหน้าใคร เธอด่ามาฉันด่ากลับไม่โกง

ด่ากันอีท่าไหนแต่งงานกันได้ไม่รู้...

ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยเอาคืนไอ้ต้นได้เลย ตัวใหญ่แล้วก็อ้วน มันเดินชนผม ผมก็กลิ้งเป็นลูกบอลแล้วครับ พอสู้ไม่ได้ก็ด่ามัน ต้นลอยหน้าลอยตาใส่ประจำที่ผมด่า แต่บางทีผมก็ร้องไห้เพราะทำอะไรมันไม่ได้เนี่ยแหละ คนอื่นเป็นไหมผมไม่รู้ แต่พอโกรธมากๆ ทำอะไรไม่ได้มันอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ ผมก็เลพยายามไม่ยุ่งกับไอ้ต้น แต่มันก็ชอบเข้ามาป้วนเปี้ยนแกล้งผมอยู่ได้ตลอด ผมสนิทกับไม้และก็ชอบมาเล่นบ้านหลังนี้ ก็เลยจำใจโดนไอ้ต้นแกล้งไปตามระเบียบ ถึงไม้พยายามปกป้องผมแล้ว แต่มันเป็นน้อง มันก็เลยทำอะไรพี่มันไม่ได้มากนัก

“เดี๋ยวน้องดิวอาบน้ำเลยนะ น้าลงไปอุ่นกับข้าวให้ หนูจะกินบนห้องหรือกินข้างล่างดีจ้ะ”

“กินข้างล่างดีกว่าครับ” ผมเกรงใจ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว

“โอเค มีอะไรเรียกน้านะลูก”

“ครับ” หัวใจพองโตชะมัด ไม่ได้รับการใส่ใจแบบนี้มานานแล้วจริง

ผมพยายามลืมเรื่องเมื่อวานและเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อจะมีความสุขอยู่กับคุณน้าลีลา เพื่อไมให้คุณเห็นว่าผมเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมดว่าผมโดนอะไรบ้าง แต่ไม้น่าจะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณน้าฟัง บวกกับหายไปเป็นวันเต็มๆ กลับมาอีกทีก็มอมแมมแบบนี้ ยิ่งทำให้คุณน้าเป็นห่วงผมมากยิ่งขึ้นไปอีก

ผมออกมาสวมเสื้อผ้าตัวเองที่ต้นเอามาให้ มีเรื่องน่าอายอีกเรื่อง ไอ้กางเกงในที่ต้นมันเอามาให้เนี่ยน่าอายสุดๆ มีใครเขาเดินถือกางเกงในคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ ผมกลัวมันจะล้อผมเหมือนกันที่ใส่กางเกงในไม่แมนเอาเสียเลย คือ...ผมใส่กางเกงในผู้ชายนะ แต่ไม่ใช่แบบยี่ห้อดังๆ ที่ผู้ชายชอบใส่กัน ผมว่าขอบมันแข็ง ชอบที่ชอบมันนุ่มๆ หน่อยก็เลยเหมือนกับกางเกงในผู้หญิง ไม่ค่อยมีใครรู้นอกจากแฟนของผม พวกเขาต้องเห็นสิเวลาเราทำอะไรกัน

ผมสวมกางเกงนอนขายาว ต้นมันเอามาให้ กับเสื้อยืดที่มันเป็นคนซื้อ ผมยืนจ้องหน้าตัวการ์ตูนอยู่นาน หน้าตาออกจะน่ารักทำไมมันต้องบอกว่าน่าโง่ด้วยก็ไม่รู้ มันจงใจด่าผมละมั้ง เห็นเป็นงั้นอยู่ทุกทีเลยนี่นา

คุณน้าลีลาจัดโต๊ะให้เรียบร้อย มีข้าวสองจานแสดงว่าคุณน้าจะกินข้าวกับผมด้วย ปกติคุณน้าจะกินข้าวกับลูกชายทั้งสองของเขาไม่ใช่หรือ แล้วนี่หมายความว่ายังไง ไม่ได้ลงมากินหือรอผม..

“เมื่อเช้าคุณน้าไม่ได้กินข้าวเหรอครับ” ผมนั่งแล้วลองถาม

“ใช่จ้ะ กะว่ารอกินพร้อมน้องดิว”

“พวกนั้นบ่นแน่”

“ไม่นะ ไม่มีใครบ่นเลย นี่เจ้าต้นก็เป็นคนทำทั้งหมด ของชอบของงหนูทั้งนั้นเลยนี่...” ผมมองอาหารตรงหน้า ใช่ มันเป็นของชอบของผมหมดเลย

“ไอ้ต้นมันทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับ” อันนี้ผมไม่รู้ ผมไม่เคยเห็นมันเข้าครัวถึงจะมาบ้านนี้บ่อยแค่ไหน ไม้เองยังไม่เคยพุดเรื่องพี่ชายมันทำกับข้าวเลย

“ใช่ เจ้าต้นทำได้แต่ไม่ชอบทำ สายขี้เกียจน่ะลุก” คุณน้าลีลาขำเบาๆ เธอตักกับข้าวมาใส่จานผมสองสามอย่าง ความใจดีนี้ผมรู้สึกอิ่มเอมใจยังไงบอกไม่ถูก

“ขอบคุณครับ ผมมาทำให้คุณน้าเดือดร้อนหรือเปล่าครับ...” ผมอดคิดไม่ได้ แล้วก้เผลอถามออกไปตรงๆ ปกติคุณน้าต้องเป็นคนทำมื้อเช้าแล้วกินกับลูกๆ ของเธอ แต่วันนี้ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปเพราะผมเข้ามา

“อืม...เดือดร้อนสิจ้ะ” คำตอบทำให้ผมสะอึก ผมไม่กล้าจับช้อนอีก ได้แต่นั่งก้มหน้ามองจานข้าวตัวเอง

“เดือดร้อนมากเพราะเป็นห่วงหนู กลัวหนูเป็นอันตราย ไม่รู้หนูอยู่ไหนถามใครก็ไม่มีใครตอบ...มันเป็นความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเพราะรักและห่วงใยนะลูก ถ้าหนูไม่อยากให้น้าเดือดร้อน หนูต้องอย่าหายไปแบบนี้อีกนะจ้ะ” อ่า...ผมน้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว ผมรีบปาดน้ำตาออก เงยหน้าสบสายตาอ่อนโยนของคุณน้าแล้วยิ้มบางๆ

“ครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อนแบบนี้อีกแล้วครับ”

“ดีมากเลยคนเก่ง กินข้าวกันนะ...เจ้าต้นตั้งใจทำน่าดูเลยละ” ผมไม่อยากคิดว่าไอ้ต้นเป็นคนทำเลยอะ แต่ตอนนี้ข้าวกับข้าบนโต๊ะมันอร่อยมาก

เป็นอีกมื้อที่ผมมีความสุข...

คุณน้าลีลาไม่ถามผมสักคำว่าผมหายไปไหนมา ไปทำอะไรทำไมมีสภาพเป็นแบบนั้น ผมรู้สึกว่าคุณน้าไม่อยากทำให้ผมลำบากใจ เธอพยายามชวนผมคุยแต่เรื่องดีๆ ชวนกันทำความสะอาดบ้านและทำสวนเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องนั่งพูดคำปลอบโยนกันทั้งวันก็ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งได้ ลึกๆ ผมขอบคุณคุณน้าลีลาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

ที่บอกว่าการขอให้ผมอยู่ต่อ ให้สู้กับความเลวร้ายที่ผมเจอเพื่อความเห็นแก่ตัวของเธอ ผมว่าไม่ใช่...คุณน้าก็แค่เอามันมาเป็นข้ออ้าง ทุกอย่างมันเพื่อตัวผมเอง ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่ามีชีวิตอยู่ไปทำไมในเมื่อไม่มีใครต้องการผมแบบนี้ ทว่าการได้อยู่เล่นกับคุณน้าทั้งวัน ทำให้ผมหยุดคิดเรื่องอยากตายได้ ถ้าผมมีเป้าหมายเป็นคุณน้า...ผมอาจจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานๆ

ช่วงบ่ายๆ หลังอาหารมื้อเที่ยง ผมกินยาแล้วง่วงมาก ผมเลยพยายามฝืนตัวเองให้หายง่วงด้วยการเดินไปเดินมา ผมช่วยคุณน้าล้วงจานแล้ว และอยากจะหาอะไรทำอีก คุณน้าลีลามองผมแล้วก็ยิ้ม เธอเดินมาจูงมือผมไปบนห้องนอน พาเข้าไปแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยกัน
“ง่วงไม่ใช่เหรอลูก นอนซะ น้านอนด้วย” อ่า...ผมไม่ปฏิเสธ ตัดสินใจนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง คุณน้าลีลานอนข้างๆ เธอเห็นผมไม่ขยับไปกอดก็เลยจับมือของผมเอาไว้

เรียวนิ้วที่เคลื่อนไหวอยู่บนหลังมือเบาๆ เป็นเหมอนเครื่องกล่อมนอนชั้นดี ผมหลับโดยใช้เวลาไม่นานนัก แถมยังเผลอกำมือเล็กของคุณน้าเอาไว้แน่น ผมกลัวว่ามันจะหายไปในตอนที่ผมตื่น เหมือนอย่างที่พ่อกับแม่ผมหายไปในเช้าของวันใหม่แทบทุกครั้ง...

หลับไปประมาณสามชั่วโมงผมก็สะดุ้งตื่น คุณน้าปรือตามองก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ ผมขอโทษที่ทำให้คุณน้ารู้สึกตัว แต่คุณน้าลีลากลับยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร น้าจะตื่นอยู่แล้ว ช่วงบ่ายผมไปช่วยคุณน้าทำอาหาร เจ้าแสบสองตัวนั้นกำลังจะกลับมาที่บ้าน ผมก็ตั้งคำถามของผมไปเรื่อยเปื่อย ทำงานบ้านเหนื่อยไหม เป็นแม่บ้านเหนื่อยไหม แล้วเป็นแม่ไอ้แสบสองคนนั้นเหนื่อยหรือเปล่า คุณน้ามักตอบทุกคำถามของผมด้วยรอยยิ้มเสมอ เป็นคนที่มักมีรอยยิ้มเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่ง มันทำให้ผมอยากมองมันไม่รู้เบื่อ

เสียงรถดังมาจากหน้าบ้าน คุณน้ากำลังชิมแกงจืดเต้าหู้อยู่ ผมเลยอาสาไปดูให้ เป็นไอ้ต้นกับไม้ที่เพิ่งมาถึง ไม่ยักรู้ว่าวันนี้เอารถไป ผมไม่ได้สังเกตมันบ่อยหรอกนะ แต่ไอ้ต้นน่ะมันไม่ใช่อบใช้รถยนต์ มันเบื่อรถติด มันเลยชอบนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปมหาลัยมากกว่า ส่วนไม้ เมื่อพี่มันไม่ไปส่ง มันก็ต้องไปเอง

“เฮ้ย ทำไมหน้าเป็นงั้นอะ...” ผมร้องตกใจ ขอบตาไม้ช้ำเป็นรอยกำปั้น ปากก็แตก คุณน้าต้องโกรธมากแน่ๆ

“ทะเลาะกับเพื่อนดิวมา...” อ่า ผมพูดอะไรต่อไม่ออก เดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าให้แต่ไม้ไม่ยอม มันกอดคอผมแล้วเดินเข้ามาในบ้านแทน

“ตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นไม้...อธิบายมาซิ” พอคุณน้าออกมาเห็น บรรยากาศก็มาคุทันที ถึงคุณน้าลีลาจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุดัน แต่ก็มีความตำหนิอยู่ในนั้น

“ก็...” ไม้ลังเล

“อะไร”

“พวกไอ้กานมันไปบอกคนในห้องว่า...” ไม้หันมามองหน้าผมแล้วเม้มปากแน่น ไอ้กานก็เพื่อนกลุ่มผม แล้วที่มองหน้าแบบนี้หมายความว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีใช่ไหม

“เดี๋ยวมื้อเย็นไม่ต้องกิน” คุณน้าลีลาว่าเสียเฉียบ ไอ้ต้นต้องรีบเดินไปกอดเอวแม่เอาไว้

“ว่าดิวพามันไปเที่ยวแล้วก็ทิ้งพวกมัน” หึ...เพื่อนกัน นี่คือเพื่อนกันเขาทำกันสินะ

“หนูเลยไปต่อยเขา”

“เปล่า ไม้ไม่ได้เข้าไปต่อย แต่เข้าไปบอกมันว่าอย่าพูดถึงดิวไม่ดี พวกมันนั่นแหละพาดิวไป...มันก็เลยด่าว่าไม้หาว่าไม่รู้จริงก็อย่ามาพูด อย่ามาเสือก ดิวอะมันไปกับผู้ชายป่านนี้ยังไม่กลับเลย มันทิ้งพวกเรา แล้วไอ้กานมันก็ผลักไม้จนล้ม...” แล้วหลังจากนั้นมันก็ต่อยกัน ผมได้แต่มองหน้าไม้...พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ปกติมันไม่เคยยุ่งเรื่องข่าวลือของผม

“เฮ้อ...มานี้ซิ” แม่กวักมือเรียกไม้ให้เข้ามาใกล้ ไอ้ต้นเลยต้องปล่อยเอวแม่แล้วมายืนข้างผม

“โอ้ยแม่ ไม้เจ็บ” พอเดินเข้าใกล้ คุณน้าลีลาก็จิ้มแผลบนหน้าไม้ทันที ไม้มันเลยโอดโอยพลางกอดเอวแม่เอาไว้

“เราปกป้องเพื่อนน่ะมันก็ดีลูก แต่อย่าทำให้ตัวเองเจ็บแบบนี้สิ แม่ไม่ชอบเลย หนูดิวก็ไม่ต้องไปคบแล้วนะคนแบบนั้นน่ะ...น้าไม่อยากดุแต่ต้องดุ ห้าม! พวกเพื่อนที่ชอบด่าลับหลังคบไปมีแต่เสียกับเสียรู้ไหมจ้ะ” ผมพยักหน้าอย่างเร็ว ตอนนี้คุณน้าดูดุกว่าเดิมเล็กน้อย แค่เล็กน้อยก็เพิ่มความสยองให้เราได้แล้วครับ

ไม้มันแทบจะคุกเข่าลงไปกราบกรานของโทษแม่ คุณน้าลงโทษไม้ด้วยการไม่คุยกับไม้เป็นเวลาสามวัน...น่าสงสารสุดๆ ช่วยผมยังมาซวยโดนต่ยโดนแม่ทำโทษอีก ส่วนไอ้พี่ชายที่แสนดีก็หัวเราะเยาะน้องชายตัวเองเป็นบ้าเป็นหลัง คุณน้าเลยตีไหล่หนึ่งทีเป็นการลงโทษ คุณน้าลีลาเมินเจ้าสองพี่น้อง ทำเหมือนสองคนนั้นเป็นหมาหัวเน่า เข้ามากอดเอวพาผมไปยังโต๊ะกินข้าว ก็...รู้สึกพิเศษกว่าใครขึ้นมาทันทีเลยครับ

.....100%....

เรื่องนี้อาจไม่แสบทรวงเท่าชู้ แต่เราก็หวังว่ามันจะไม่น่าเบื่อเกินไปนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2017 21:33:54 โดย GukakST »

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #123 เมื่อ31-08-2017 11:26:21 »

ฟ้าหลังฝนก็เริ่่มสวยงามแล้ว พี่ต้นเอาไงต่อไปดีน๊า....น้องดิวมาอยู่บ้านด้วยแล้ว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #124 เมื่อ31-08-2017 20:12:12 »

คืออ่านตั้งแต่แรกนะ แต่พอเจอความคิดของดิวไปเนี่ยแทบไม่อยากอ่านต่อเลย
แต่พอหลังจากเกิดเรื่องก็ได้แต่ภาวนาว่าดิวคงจะคิดได้สักที

ออฟไลน์ PositiveLove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #125 เมื่อ31-08-2017 21:07:45 »

มายกมือโหวตตอนนี้ทันมั้ยค่าาาาาาาาาาา โหวตให้ต้นได้พระเอกมาดามหัวไต? ถ55555
คือโคตรเหมาะอ่ะคนอย่างต้นต้องเจอคนที่แก่กว่าสุขุมกว่าแล้วจัดการปราบหมาในปาก คริๆ แบบรุ่นพี่ศิษย์เก่าไรงี้
คิดดูแล้วต้องเข้ากับแม่และน้องชายได้แน่ๆ แม่ก็คงหมดห่วงมีคนคอยดูแลลูกชายล่ะ 55555

มาเรื่องของดิวเรื่องราวของดิวที่อ่านมาน่าสงสารนะ แต่ ไม่น่าเห็นใจ
เพราะทั้งหมดเลยตัวดิวทำตัวเองทั้งนั้น โทษคนอื่นไปหมดแม้แต่โชคชะตา แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย
ถามหาความรักกับคนอื่น แต่ไม่เคยนึกรักตัวเอง แถมยังมีบทเรียนจากการทำตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง
ก็ยังไม่เข็ด! อยากบอกว่าทำตัวยังไง ก็ได้แบบนั้นกลับมาอ่ะ ไปเที่ยวในที่อโคจรที่คนมาหาความสนุกสุขกาม?
มันไม่ใช่สถานที่จะไปหารักแท้เพราะเป็นที่ที่เค้ามาแวะมาปลดปล่อย พอได้ปลดก็ปล่อยแยกย้ายกันไป(อาจจะมีเจอได้มั้งแต่ก้น้อยมากเนอะ) อย่างง่ายให้เค้า เค้าก็เอาง่าย สุดท้ายเรื่องมันก็จบง่ายๆไงดิว ถ้าดิวอยากเจอรักจริงมันก็แค่อดทนให้ถึงเวลาที่เหมาะสมมันก็จะเจอคนที่ใช่ที่เหมาะสมเองแหละ แต่ถ้าเงี่ย-นมากอยากเย
ตัวดิวอ่ะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นมากนะ ดิวมีการศึกษาได้ร่ำเรียนมีฐานะไม่ต้องลำบากมากมาย แต่ดิวก็มัวแต่โทษคนรอบข้างพ่อแม่ไม่รักหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดว่าเราควรทำหน้าที่ในตอนนี้คือการเล่าเรียนใช่มั้ย ควรมาตั้งใจกับตรงนี้ดีกว่ามั้ยตั้งใจเรียนไปเจอในสังคมใหม่ที่ดีกว่านี้คิดเพื่อตัวเองแล้วดิวจะเจอผู้ชายในวัยที่เค้ามักต้องการความรักความมั่นคงหรือคู่ชีวิต
อย่างที่ดิวเรียกร้องหาความรักนั้นได้แน่นอน แต่ดิวคิดสั้นจริงๆ และบอกเลยสิ่งที่ทำในวันนี้ก็จะเป็นอดีตที่เราอยากลืมแต่ลืมไม่ได้อยากแก้เปลี่ยนก็ทำไม่ได้เช่นกัน และมันจะอยู่กับดิวไปทั้งชีวิตติดอยู่ในใจ นานไปไม่เจ็บแต่มันก็ยังรู้สึกล่ะเนอะ
ถ้าให้เปรียบเทียบเด็กสก๊อยที่เราเจอเราว่าเด็กพวกนั้นคือเด็กที่ไม่ได้เรียนไม่มีโอกาสได้ศึกษามาขัดเกลาจิตใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอกบางคนก็เนี้ยมีที่เรียนแต่ไม่ไปเรียน มันขึ้นอยู่กับตัวจริงๆ เพราะเด็กบางคนมันใฝ่ดีอ่ะ อย่างบางคนน่ะอยู่ในชุมชนฐานะยากจนพ่อแม่เมาเหล้าตบตีกันประจำแต่คนนี้เป็นพี่คนโตนางก็ไม่ทำตัวสำมะเรเทเมาที่ไหน กลับตั้งใจเรียนใส่เสื้อผ้าปอนๆแถมยังหางานพิเศษเลี้ยงตัวเองส่งน้องอีกโขยงอีกตะหาก เข็นจนจบมอหกก็สุดๆล่ะ แบบนี้เราเรียกว่าใฝ่ดีจริงๆ น้องบอกอยากทำงานดีๆอยากให้น้องๆมีชวิตที่ดีกว่านี้ ยังแนะนำเลยว่ากู้เรียนกยศไปด้วยทำงานไปด้วยเลย

แล้วแม่ของต้นกับไม้นั่น เราก็รำน่ะและตงิดใจอยู่ตอนที่แม่เรียกดิวว่าน้องดิวทั้งที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับไม้
มันไม่รู้สึกว่าดูพิเศษเกินลูกตัวเองเหรอ เพราะเพื่อนลูกนะถึงเอ็นดูแค่ไหน ก็ไม่ควรเรียกให้ดูเกินหน้าลูกป่ะ
แต่ถ้าปกติเรียกน้องไม้อยู่แล้วแล้วจะเรียกเพื่อนๆของลูกว่าน้องด้วยนี้ก็ไม่แปลกไร แต่นี่แม่เรียกไม้เฉยๆไง แต่พอดิว เรียกน้องดิวเฉย แหะๆมันแม่งๆอ่ะ
แล้วอีกอย่างเลยเรื่องที่ดิวมั่วนี้และเห็นสภาพมาขนาดนั้น แม่ควรพาไปหาหมอรับยาต้านไวรัสน่ะทำไมไม่นึกถึงจุดนี้กันเลย
ด้วยความมองว่าเป็นซิงเกิลมัมที่ดูเก่งเพราะจัดการธุรกิจแถมยังไม่ลืมบทบาทของแม่ลูกสองไปด้วยนี้เยี่ยมมากสุดๆเลยนนับถือจริงๆ แต่ก็นี้ล่ะมาติดเรื่องโรคและก็เชียร์ให้ลูกไปรักกับดิวอีกนั่นอ่ะ คือก็รู้ใช่มั้ยว่ารักร่วมเพศมีความเสี่ยงมากและแถมยังการที่ดิวยังมั่วได้ใจอีก :mew5: นอกจากตัวดิวที่มั่วแล้ว คู่ของดิวแต่ละคนก็ไม่ใช่มีดิวคนเดียวพวกนั้นก็มีคนอื่นอยู่แล้ว ถึงจะเซพด้วยถุงยางแต่ก็เสี่ยงด้วยโรคติดเชื้อทางเพศอื่นๆอยู่ดีในจุดที่ถุงยางห่อหุ้มไม่ถึงร่วมทั้งการออรัลด้วยสามารถมีเชื้อเป็นพาหะอยู่ในปาก
ได้เช่นกันและจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไป และที่ว่าแม้ใส่ถุงยางก็มีความเสี่ยงเพราะอาจเกิดถุงยางที่ไม่ได้คุณภาพเพราะส่วนนั้นเสียดสีมากเนอะ อาจขาดได้ หรือถุงยางที่หมดอายุแล้วและในจุดที่ถุงยางห่อหุ้มไม่หมด นี้ยังไม่คิดพวกไวรัสตับอักเสบทั้งหลายอื่นๆอีกที่ไปจูบแลกน้ำลายกับใครๆมา ซึ่งเรื่องมั่วคาวโลกีย์ของดิวเกิดในเวลาติดๆกันบอกเลยว่าพฤติกรรมนี้สุ่มเสี่ยงที่จะติดสุดๆ และสิ่งที่ดิวคิดว่าน่าเสียใจที่สุดแล้วคงไม่เท่าเรื่องนี้แน่ๆ เพราะเมื่อดิวไปเจอคนที่เค้ารักดิวจริงๆ จุดนี้คงทำให้ดิวคิดอะไรได้มากขึ้นน่ะ แต่สำหรับดิวเราว่าต้องให้เขาโตขึ้นกว่านี้เรียนรู้กับสิ่งผิดพลาดนี้เพื่อให้เดินต่อไปได้ และกับต้นเราคิดว่าถึงคบกันก็ไม่ยืดอ่ะ ทั้งสองคนไม่ใช่ทางของกันและกันเลยอ่ะ บางทีของเรื่องมันอาจจะไม่ใช่คู่กันแต่ดิวได้เจอกัลยาณิมิตรที่ดีแบบครอบครัวข้างบ้านนี้ก็ได้ อยากบอกดิวว่าการอยู่ได้ด้วยตัวเองได้มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากน่ะ อยากเป็นของเหลือที่อยากเก็บไปซ่อมแซมหรือจะเป็นแค่ของเหลือที่เอาไว้ทิ้งล่ะ
ปล.เรื่องขืนใจไม่มีใครสมควรได้เกิดขึ้นกับใครนะคะ พวกนั้นก้เลวและพวกนั้นย่อมได้รับผลของการกระทำรักสนุกนี้แน่นอนไม่ทางใดทางหนึ่ง


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #126 เมื่อ31-08-2017 22:58:50 »

ในเวลาทำคะแนนแล้วนะ หลานต้น  :hao3:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #127 เมื่อ31-08-2017 23:44:12 »

เวลามาแล้วนะต้น. ทำคะแนนเร็วๆ

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #128 เมื่อ01-09-2017 09:14:10 »

อยากให้ดิวมีความสุขอ่ะ

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
«ตอบ #129 เมื่อ02-09-2017 07:03:13 »

เรายังอ่านต่อน้ะรอตลอดเลยเป็นอะไรเหรอหายเลย.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
« ตอบ #129 เมื่อ: 02-09-2017 07:03:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
«ตอบ #130 เมื่อ02-09-2017 19:30:01 »

>>ตอนที่ 19 [100%]<<

ต้นพยายามง้อแม่ตัวเองด้วยการทำตัวงอแง ส่วนไม้ก็ได้แต่หน้างอเหมือนจะร้องไห้เมื่อแม่ไม่สนใจใยดีตัวเอง ผมกลับได้รับความเอาใจใส่ เหนือกว่าทุกคนก็วันนี้แหละครับ กินอาหารเย็นเสร็จ คุณน้าลีลาให้ผมไปขนของจำเป็นที่ห้อง ถึงต้นเอาของมาให้แล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

“โอเคขึ้นไหมวะ...” ระหว่างเดินกลับมาที่บ้านตัวเอง ต้นมาด้วยเพราะต้องมาช่วยผมถือของ คุณน้าไม่ใช่ไม้ ลงโทษอยู่ก็เลยไม่พูดด้วย

“อืม...ก็ดี” ผมไม่ได้มองหน้า แปลกใจอยู่บ้างที่มันพูดจาดีขึ้น น้อยครั้งที่ไอ้นี่จะไม่ปากหมา

“ที่กู...พูดไม่ดีใส่อะ กูขอโทษนะ” เอ๊ะ...เมื่อกี้ผมหูฝาดหรือเปล่า หันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไว ความฉงนแสดงออกผ่านสีหน้าผม

“จะบอกว่าไม่จำเป็นอีกดิ” ต้นเสหน้าไปทางอื่น

ผมนึกขึ้นได้ว่า ผมเคยปฏิเสธคำขอโทษของมัน ด่าว่ามันจนเป็นเหตุให้มันต้องมาเจ็บตัวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ลึกๆ ผมก็รู้ว่าพี่โอมไม่ได้รักผมขนาดนั้น การที่เขาทิ้งผมไปง่ายไม่ใช่เพราะต้นแต่ผมก็ยังโยนความผิดทั้งหมดไปให้มันอยู่ดี ก็ผมไม่อยากยอมรับความจริงว่าต้องโดดเดี่ยว ต้องอยู่คนเดียวไม่มีใครรักเราอีกแล้ว ผมร้องไห้ฟูมฟาย ด่ามันไปสารพัด มันก็เลยหาทางให้พี่โอมกลับมา ยอมเจ็บตัว...เพื่อผม

ผมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้นะ แต่จะให้พูดอะไรไปมันก็พูดไม่ออก ตอนเย็นวันนั้นผมพยายามจะเข้าไปพูดด้วยมันก็หนีผมมันปากหมาใส่ผมได้ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง ทว่ามันก็ไม่กลับมา ผมพยายามไม่คิดถึงมันอีก ก็ต้นมันเลือกแบบนี้เอง มันเจ็บตัวเพราะมันเองไม่ใช่เพราะผมเสียหน่อย ผมโยนความรู้สึกผิดใส่มัน แล้วอยู่กับแฟนตัวเองอย่างมีความสุข... สภาพมันย่ำแย่เหมือนกัน ไม่มองหน้ากันเลย ใจผมหายวาบ ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้ผมถึงได้รอมันกลับมา

ผมเห็นแก่ตัวมากๆ เลย...

“อืม ไม่เป็นไร ระวังปากไว้หน่อยแล้วกัน” พูดเสร็จก็เดินขึ้นชั้นสอง ต้นเงยหน้ามอง มันยิ้มบางๆ แล้วไหวไหล่

“มึงก็ด้วยเหอะ” ถ้ามึงไม่ปากหมาก่อนผมจะปากหมาใส่มันไหมล่ะ เหอะ...ไอ้คนนิสัยไม่ดี

จะว่าไป…ผมไม่เคยถามอาการมันเลย ผมเหลือบไปมองคนเดินตามมาเงียบๆ นิดหน่อย มันคงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง วันนั้นมันโดนอัดเสียยับเลยนี่นะ เรื่องที่มันต้องเจ็บตัวผมเองก็ควรจะขอบคุณหรือขอโทษมันบ้าง มันเอาพี่โอมกลับมาให้ แต่สุดท้ายพี่โอมก็ทิ้งผมไปอยู่ดี เท่ากับมันเจ็บตัวฟรีเพื่อผม

เฮ้อ...ช่างมันเถอะ

ผมเอาข้าวของที่ต้องใช้ทั้งหมดมากองๆ ไว้กลางห้อง สำรวจอีกนิดหน่อยว่ามีอะไรที่ต้องเอาไปอีกไหม น้าลีลาจะให้ผมนอนห้องเดียวกับน้า ผมตื่นเต้นมากเลยล่ะ การได้นอนกับน้าเขามันรู้สึกดีอะ มันปลอดภัยและอุ่นใจ ผมก็เลยไม่อิดออด ส่วนหนึ่งก็เกรงใจแหละ...แต่อีกส่วนก็เอาแต่ดีใจอยู่ได้

“เออ เห็นโทรศัพท์กูไหม” ผมไม่แตะโทรศัพท์เลยตั้งแต่กลับมา ลืมหาด้วย

“ไม่เห็นนะ มึงทำหายเปล่า”

“สงสัย” ผมคงต้องขอพ่อซื้อเครื่องใหม่ เงินในบัญชีตอนนี้มีไม่พอเพราะผมเอาไปใช้จ่ายกับพี่ชินหมดแล้ว

“มีใช้ปะ กูมีเครื่องเก่าเอาไปใช้ก่อนมะ” ส่ายหน้าให้ไว

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมาทวงบุญคุณ” ผมไม่ให้อภัยมันง่ายหรอกนะ มันชอบแกล้งผมจะตาย วันดีคืนดีมันอาจจะลุกขึ้นมาแกล้งให้ผมรู้สึกเสียหน้าอีกก็ได้

“ไม่ทวงหรอก เอาไปเหอะ ยังดีอยู่ไม่ได้ใช้แล้วด้วย” หันไปมองหน้าคนพูด สีหน้าไม่ได้มั่นใจเลยกับเรื่องที่พูด แน่ใจว่าไม่ได้ใช้...

“งั้นเอามาสิ”

“เดี๋ยวเอาให้” มันบอกก่อนจะทำหน้าคิดหนัก

ไอ้ต้นเดินเข้ามารวบของของผมเอาไว้ในอ้อมแขน เดินนำไปบ้านตัวเอง ผมสำรวจข้าวของนิดหน่อย ดูว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องใช้อีกบ้าง แล้วตัวเองไม่ได้ลืมอะไรใช่หรือเปล่า เห็นว่าทุกอย่างครบหมดก็เดินออกมา ไม่มีความลังเลหรือความหวนแหนบ้านหลังนี้ ที่นี่มีแต่ความเจ็บปวดอยู่ในทุกๆ ส่วน เมื่อก่อนมันมีแต่ความทรงจำดีๆ แต่พอโดนทิ้งเอาไว้ให้โดดเดี่ยวนานเข้า ความทรงจำดีๆ เหล่านั้นก็เริ่มจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย

ผมกลับมาที่บ้านน้าลีลาอีกครั้ง คุณน้าให้ผมขึ้นไปจัดของบนห้องได้เลย เดี๋ยวให้ไม้ไปช่วย ผมก็ทำตามที่เธอบอก ส่วนคุณน้ายังคุยอยู่กับไอ้ต้น ผมไม่รู้หรอกว่าคุยเรื่องอะไร ไม่ทันได้ฟังไม้มาดึงผมขึ้นไปชั้นสองก่อน ต้นมันเอาของมาวางไว้บนนี้ให้แล้ว

“เจ็บแผลปะ” ขณะที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้ คุณน้าเคลียจนเหลือพื้นที่ว่างฝั่งหนึ่งให้ ผมก็ถามไม้ หน้ามันมีกอเอี้ยะแปะเป็นจุดๆ

“ก็เจ็บนะ แต่เจ็บใจมากกว่า...”

“ก็ไม่น่าไปยุ่ง เรื่องพวกนั้นไม้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” เมื่อก่อนไม้ก้ไม่ยุ่งเรื่องข่าวลือของผมอยู่แล้ว ผมไม่กล้าบอกว่าไม้ไม่ใส่ใจผมหรอกแต่คิดว่าไม้คงไม่อยากโดนด่าเหมารวมไปด้วย ซึ่งมันก็ทำถูกต้องแล้วล่ะ ผมมีแต่เรื่องเสียๆ หายๆ ไม่มีเรื่องดีเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไม้ เจ้านั้นเขาเป็นนักกีฬา มีแต่ข่าวดีๆ และเพื่อนดีๆ รายล้อม

“เมื่อก่อนเราเคยไม่ใส่ใจมัน แต่เพิ่งมารู้ว่านั่นทำให้เรายิ่งห่างกัน...เราขอโทษนะ” ไม้มองผมอย่างสำนึกผิด คำขอโทษของมันผมไม่เคยอยากได้ เพราะผมไม่เคยคิดว่าสิ่งที่มันทำเป็นเรื่องที่ผิด

“ไม้ไม่จำเป็นต้องขอโทษเราเลย เราทำตัวเราเองต่างหาก...”

“แต่เราก็ทำเป็นเมิน”

“ไม้ทำถูกแล้ว” ผมหันไปใส่ใจตู้เสื้อผ้าต่อ

“ไม่ เราทำไม่ถูก...เราเป็นเพื่อนกัน เราควรจะปกป้องเพื่อนเรา แต่เราก็เอาแต่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดิวเลือกเอง พูดไปห้ามไปดิวก็คงไม่ฟัง ทั้งที่เรายังไม่เคยลงมือทำอะไรเลย” ไม้กำลังรู้สึกผิดในเรื่องที่ไม่น่าไปรู้สึก ผมไม่เคยโทษไม้เลย...ผมพูดจริงว่ามันทำสิ่งที่ถูกต้องและควรทำที่สุดแล้ว

“พอไม้ทำแล้วก็เจ็บตัวแบบนี้ไง เราว่าไม้เป็นเหมือนเดิมอะดีแล้ว...”

“ไม่อะ...” อ่า พูดแบบนี้คือจะไม่ยอมทำตัวเหมือนเดิมงั้นเหรอ

“ยังไง”

“ต่อไปดิวต้องอยู่กับเราตลอดนะ ไม่ให้คบเพื่อนแบบนั้น เราจะไม่ทิ้งดิวไว้กับพวกนั้นอีกแล้วล่ะ อะไรไม่ดีก็ห้ามทำ....” จากซึมเศร้าเมื่อครู่กลายเป็นดุผมเสียอย่างนั้น เพื่อนผมไม่ปกติหรือเปล่า

แต่ว่า...ผมรู้สึกดีจังเลยนะ

“อืม รู้แล้วคร้าบ...” ผมยิ้มให้ ไม้ยิ้มตอบแล้วเข้ามากอดคอผมแน่น

“ดีมาก ต้องเป็นเด็กดีนะ เดี๋ยวแม่เราดุ”

“ฮ่าๆ เห็นแล้ว ดุน่ากลัวมาก” ผมกับไม้หัวเราะเบาๆ อยู่สองคนในห้องกล้าวของคุณน้าลีลา

คุณน้าแบ่งพื้นที่เอาไว้ให้เสร็จสรรพ ผมสามารถเอาของต่างๆ วางได้โดยไม่เบียดพื้นที่ส่วนตัวของคุณน้า โคตรเกรงใจแต่ก็โคตรรู้สึกดี เหมือนตัวเองได้กลับไปเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง ได้นอนกับแม่ ไม่ต้องนอนคนเดียว

พอจัดห้องเสร็จ ผมกับไม้ก็พากันมาลงมาข้างล่าง คุณน้าตบโซฟาข้างตัวเรียกผมไปนั่ง ส่วนไม้โดนเมินเต็มๆ เจ้าตัวพยายามงอแงเรียกร้องความสนใจแล้ว แต่คุณน้าลีลาไมให้ความสนใจเจ้านั้น แค่เปลายตามองเท่านั้น

“พี่ต้นไปไหนละแม่” ไม้ถามหาพี่ชาย เหมือนหลอกให้แม่พูดด้วย คุณน้าไม่ตอบ

“....” เงียบใส่แบบนี้น่าอึดอัดแหะ ผมเอนหัวพิงไหล่คุณน้าแบบกล้าๆ กลัว

“ไอ้ต้นไปไหนเหรอครับ” นี่ถามให้แล้วนะเพื่อน คุณน้ายกแขนขึ้นมาคล้องคอผมพลางลูบหัว

“ต้นไปซื้อของ เดี๋ยวคงมาแหละลูก” เห่อๆ ตอบผมแต่ไมกตอบไม้ โดนเมินรุนแรงมากเลยเพื่อน

ไม้จำต้องเบี่ยงหน้าเศร้าๆ ของตัวเองไปที่หน้าจอทีวี ฟังเสียงผมกับคุณน้าคุยกันอย่างมีความสุขด้วยความทรมานใจ ผมอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวปลอบโยนมันจริงๆ เห็นแล้วโคตรสงสารเลยให้ตาย มิน่าละ คนในบ้านนี้ถึงไม่อยากทำให้คุณน้าโกรธหรือไม่พอใจนักเท่าไหร่ เวลามีคนไม่พูดกับเราด้วยเนี่ยมันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

ไอ้ต้นมันกลับมาค่อนข้างค่ำ นั่งวินมอเตอร์ไซก์กลับมาด้วย เจ้าตัวเดินขึ้นห้องไปไม่ได้นั่งเล่นอยู่กับเราทั้งสามคน ไม้มันเรียกแล้วแต่ไอ้ต้นบอกแค่ว่าเดี๋ยวมา ไม้อยากจะตามพี่ชายมันขึ้นไปข้างบน ไปฟ้องว่าแม่ใจร้ายกับมันแค่ไหน แต่ไอ้ต้นไม่ยอม มันจะอาบน้ำ ตามขึ้นไปอาบด้วยกันหรือไง ผมเห็นพี่น้องทะเลาะกันแล้วก็ขำ ไม้เวลานี้เหมือนเด็กเล็กๆ เรียกร้องความสนใจสุดๆ

ไม้นั่งรอพี่ชายหน้าเศร้า ชะเง้อคอยืดคอยาวเพื่อดูว่าพี่มันจะลงมาหรือยัง คุณน้านินทาลูกตัวเองให้ฟัง ผมก็เลยขำคิกคักๆ อยู่กันสองคน ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวเนี่ยดีจังเลยครับ ไม่เหงา ไม่ว้าเหว่เลย ถึงพวกเขาจะรู้สึกว่ามันก็แค่เรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง เป็นสิ่งเล็กๆ ที่เราทำร่วมกันทุกวันอยู่แล้ว ทว่าผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่วิเศษ เพราะไม่ได้มีแบบนี้นานมากแล้ว พอมามีมันอีก...มันเลยอิ่มเอมใจมาก

“อะ” ไอ้ต้นลงมาถึงก็ส่งมือถือให้ มันบอกว่าเครื่องเก่ามัน แต่ผมรู้สึกว่านี่มันเป็นเครื่องใหม่มาก

“แน่ใจว่าเครื่องเก่ามึง”

“เออ เครื่องเก่ากูนี่แหละ กูไม่ชอบไอโฟน แม่งเรื่องมาก ซื้อมาเลยไม่ได้ใช้” จริงดิ ผมรับมาสำรวจ...ใหม่มากอย่างกับเพิ่งซื้อมาเลยแหะ แต่เคสมึงเนี่ยจะสีสดใสไปไหน เป็นลายอกโคเวอร์สีเขียว

“ลายเคสมึงตุ๊ดมากนะ” ผมวิจารณ์ เจ้าตัวนั่งลงอีกข้าง กอดแม่ตัวเองไว้

“ตุ๊ดตรงไหนวะ ดอกโคเวอร์สี่กลีบเป็นเครื่องรางความโชคดีเลยนะมึง มึงอะควรพกไว้ตลอด เพราะมึงมันชอบโชคร้าย” แต่ผมไม่เคยเห็นต้นมันใช่เครื่องนี้จริงๆ นะ ไอ้เคสแบบนี้ก็ไม่เคยเห็นผ่านตาเลย

“ถามจริงๆ ของมึงแน่นะ” ผมชะโงกหน้ามองมันทั้งที่ผมเองก็อิงน้าลีลาอยู่เหมือนกับมัน

“เออ ของกู อ่อ ซิมกูซื้อมาให้ใหม่นะ” ผมกดเปิดเครื่อง ทดสอบคร่าวๆ แล้วซบไหล่น้าลีลาเหมือนเดิม

“อืมๆ ขอบคุณ” เหลือบเห็นไอ้ต้นมันยิ้ม คุณน้าเองก็ยิ้มพลางยีหัวมันเล่นเหมือนกัน

รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่แฝงอะไรบางอย่าง แค่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรเท่านั้น ไม้ผู้เป็นหมาหัวเน่าในที่นี้เงยหน้ามองพวกเราด้วยสายตาตัดพ้อ ไอ้ต้นผู้รักน้องโคตรก็เริ่มแขวะน้องตัวเอง ไม้เคืองมาก มันทำท่าจะพูดเรื่องที่ต้นเองโดนพี่โอมกระทืบ ไอ้ต้นก็เลยต้องรีบลุกไปนั่งปลอบน้องชายตัวเอง ประหนึ่งเป็นพี่ที่แสนดีขึ้นมา นั่นแหละ...ผมเห็นภาพแบบนี้ประจำ สองพี่น้องคู่นี้ชอบทะเลาะกันแล้วก็โอ๋กันเอง เมื่อก่อนผมอิจฉา ตอนนี้ก็ยังมีความอิจฉาอยู่ลึกๆ...

นั่งดูทีวีไปสักพักผมก็เริ่มจะง่วงๆ หนังตาปรือลงจนแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ผมแอบมองทุกคนดูอีกนิด พวกเขากำลังลุ้นกับหนังที่ระทึกมากๆ แต่ผมไม่ชอบหนังแนวนี้ก็เลยถือโอกาสแอบงีบกับไหล่ของน้าลีลา

“บัตรแม่ละต้น” เสียงคุณน้าแว่วเข้ามาเบาๆ ผมไม่ตื่น แต่ก็สลึมสลือ พอรู้ตัวอยู่

“นี่ครับ”

“ต้นซื้อมาเครื่องเดียวเหรอ”

“อื้อ” อะไรคือซื้อมาเครื่องเดียวนะ

“อ่าวทำไมละ หน้าจอมือถือต้นแตกนี่ลูก”

“ไม่เป็นไรแม่ ของต้นยังใช้ได้ ต้นใช้ไปก่อนนี่แหละ...” อ่า มันโกหกผมเรื่องมือถือ นี่ไม่ใช่เครื่องเก่าจริงด้วย ไอ้หมาต้น

“เป็นพ่อบุญทุ่มจังเลยน้า ป๋าขนาดนี้...ไม่จีบน้องให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยละ” เสียงของคุณน้าท้าทายมาก คนฟังอย่างผมเกร็งไปหมด จีบเจิบอะไร ไอ้ต้นเนี่ยนะ...บ้าไปแล้ว

“มันป๋าแต่ป๊อดแม่” ไม้ว่าพี่ชายแล้วก็ขำ

“ตลก...ใช่เวลาที่ไหนละ” ต้นมันว่าเบาๆ

“รอนาน หมาคาบไปแดกอีก....” ไม้ลากเสียงกวนตีน ผมได้แต่แกล้งหลับ แอบฟังเรื่องที่เขาคุยกันด้วยหัวใจที่เต้นระทึกโคตรๆ

“เออ รู้แล้ว...เดี๋ยวจีบ โอเคปะ แซะกูจังไอ้น้องคนนี้” อ่า...เดี๋ยวจีบ....ปากหมาอย่างมันจะจีบผมเหรอ ไม่หรอก ผมละเมอไปเองแน่ๆ ต้องใช่ มันไม่มีทางหรอกที่ไอ้ต้นมันจะชอบผม ก็มันแกล้งผมอยู่ตลอดอะ

“แม่เอาใจช่วยนะลูก แต่ตอนนี้ต้นอุ้มน้องขึ้นไปนอนหน่อยปะ”

“นอนเตียงผมใช่ป่ะแม่..โอ้ย ต้นเจ็บ” คุณน้าตีไอ้ต้นดังเพี้ยะ ไม่รู้ว่าตีตรงไหน ฟังจากเสียงร้องมันต้องเจ็บมากแน่นอน

คุณน้าขยับตัวออกเบาๆ ให้ไอ้ต้นมันสอดแขนขึ้นมาอุ้มผม มันไม่ใช่คนอ่อนโยน แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังพยายามทำทุกอย่างให้แผ่วเบา ผมถูกอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน มันค่อยๆ พาผมขึ้นไปยังชั้นสอง ผมต้องพยายามตัวให้เนียนที่สุดเพื่อไมให้มันรู้ว่าผมตื่นอยู่ แถม...ยังรู้สึกใจเต้นแรงมากอีกด้วย ผมไม่ได้เขินนะ ผม...ผมแค่ตกใจ

......100%.....

เราไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ เรื่องนี้อาจไม่มีสีแสบสันอย่างบอมแมท แต่เราก็พยายามเต็มที่นะ

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
«ตอบ #131 เมื่อ02-09-2017 20:40:31 »

ไม่แสบสันเท่าแมทบอมเราโอเคอะ

หลังจากนี้อยากเห็นดิวได้เจออะไรที่ดีบ้างๆ
อยากให้ต้นทำตามหัวใจตัวเอง แต่อย่าปากหมานะเอ็งงง

ดิวเริ่มคิดได้ละ อย่าไปหลงผิดคบเพื่อนชั่วอีกหนู

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
«ตอบ #132 เมื่อ02-09-2017 20:47:08 »

 :o8: :o8: love ๆ กันจะทีซิ คนแก่ลุ้นอยู่

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
«ตอบ #133 เมื่อ02-09-2017 20:53:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
«ตอบ #134 เมื่อ02-09-2017 22:01:07 »

 :กอด1: เริ่มเข้าใจกันเเล้ววว

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
«ตอบ #135 เมื่อ04-09-2017 01:13:46 »

ใกล้ความจริงอีกนิดแล้วนะครับ,,,

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #136 เมื่อ04-09-2017 21:42:39 »

>>ตอนที่ 20 [100%]<<

ตอนเช้าของวันใหม่คุณน้าและไอ้ต้นค่อนข้างเป็นห่วงเมื่อผมตัดสินใจไปโรงเรียน สภาพร่างกายผมยังไม่ดีเท่าไหร่ ถึงจะไม่มีอาการไข้ขึ้นแต่ก็ยังปวดระบมอยู่ พวกเขายังไม่รู้ว่าผมโดนข่มขืน และผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกความจริงข้อนี้ ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากนึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ ผมอยากจะลบมันออกไปจากสมองแต่ก็ทำไม่ได้ ผมคิดว่าที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ดีแล้ว ถ้าบอกไปคุณน้าอาจจะเดือดร้อน

ผมยืนยันว่าผมไปเรียนไหว ผมไม่อยากอยู่บ้านให้เป็นภาระคุณน้า คุณน้าลีลาอุตส่าห์หยุดงานมาดูแลผม ผมรู้สึกขอบคุณมากแล้วก็เกรงใจมากเช่นกัน อย่างน้อยก็อยากทำตัวให้ดีเพื่อให้คุณน้าจะสบายใจ เมื่อผมยืนยันความตั้งใจของตัวเอง คุณน้าก็ยอมให้ผมไปเรียนได้ ถ้าเป็นอะไรหรือเรียนไม่ไหวให้โทรมาหาคุณน้าหรือไอ้ต้น จะได้ไปรับกลับบ้านเรา

คำว่าบ้านเราทำให้ผมตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก...

ส่วนไม้ คุณน้ายอมพูดด้วยแล้ว แม้จะบอกว่าจะไม่พูดด้วยเป็นเวลาสามวัน แต่พอเห็นสีหน้าเศร้าของลูก คุณน้าก็ยอมอ่อนข้อให้แต่บอกว่าอย่าทำแบบนี้อีก แถมยังหันมาดุผมด้วยว่าเพื่อนไม่ดีก็อย่าไปคบ ผมพยักหน้ารับอย่างไว โดนดุบ้างมันก็รู้สึกดีนะ แต่ถ้าคุณน้าดุมากจริงๆ ผมก็หวาดกลัวเหมือนกันน่ะ

แต่ว่า...วันนี้ผมมองหน้าต้นไม่ค่อยติดเท่าไหร่

รู้สึกเก้อๆ ยังไงบอกไม่ถูก ดันไม่หลับสนิทเองเมื่อคืนนี้อะสิ ถึงไปได้ยินเขาคุยกัน แล้วเหมือนผมจะบอกตัวเองว่ามันแกล้งไม่ค่อยได้ ทั้งคุณน้าและไม้ก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันนี่นา รู้กันทั้งบ้าน ไอ้ต้นคงไม่ทำเป็นเรื่องแกล้งกันเล่นแน่อะ ผมไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง...แค่หาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ค่อยออก

ไอ้ต้นมันเอารถตัวเองออก อาสาไปส่งไม้กับผมที่โรงเรียนทั้งที่ตัวเองเกลียดการขับรถแล้วเจอรถติด ไม้ลั้นลาหน้าบานมาก แม่หายงอนและมีพี่ไปส่งเรียนอีก เจ้าตัวกอดคอผมเดินขึ้นรถด้วยท่าทางเหมือนเจ้านาย พี่ชายเป็นแค่ทาสของมันเท่านั้น ไอ้ต้นก็ไม่ได้ใส่ใจ มันเอาแต่กอดและหอมแม่ก่อนจะออกมา

“ดูแลกันดีๆ นะลูก” คณน้าลีลาบอกพลางโบกมือให้ เดี๋ยวคุณน้าจะทำงานบ้านอีกหน่อยแล้วไปทำงาน

“คร้าบ” ผมกับไม้โบกมือหย่อยๆ ให้คุณน้า ส่งเสียงกันเริงร่าขณะที่ต้นขับรถออกจากบ้าน

ผมนั่งหน้ากับไอ้ต้น ส่วนไม้หนีไปนั่งหลัง มันว่าวันนี้เป็นวันของมัน เมื่อวานนี้ผมเป็นนายไปแล้ว วันนี้มันต้องได้เป็นนายบ้าง ผมเบะปากใส่ เป็นนายบ้าอะไรช่างคิดจริงๆ ไอ้เพื่อนคนนี้ ผมก็เป็นเหมือนมันนั่นแหละ แค่ไม่ได้โดนทำโทษเท่านั้นเอง

“วันนี้พี่เลิกกี่โมง” ไม้ขยับมานั่งเท้าเบาะคนขับกับคนนั่งหน้า แทรกตัวไว้ตรงกลางแล้วหันไปมองพี่ชาย ต้นมันตั้งใจขับรถมาก วางแขนไว้บนขอบประตูแล้วเท้าคางตัวเอง

“เลิกเที่ยง”

“อ่า...งั้นก็มารับไม่ได้ดิ” ต้นหันมามองหน้าผม มันมองเลยผ่านไปเหมือนไร้ตัวตน

“อยากให้มารับปะละ” ไม้ขยับไปด้านหลัง ยิ้มเล็กน้อยขณะมองผมกับพี่ชายมันสลับกัน ผมเองก็สบตาต้น ท้าทายตัวเองนะไม่ใช่มัน ผมไม่กล้าสบตามันเลยตั้งแต่เช้านี่นา...ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ผมต้องการที่จะมองตอบสิถูกไหมละ

“ไม่...”

“อืม ได้ยินปะไม้” ต้นยิ้มมุมปาก หันมองน้องชายตัวเอง แล้วเกี่ยวอะไรกับคำตอบของผมล่ะ น้องมันอยากให้มันมารับมันก็ต้องมาสิ

“อ่า....มาเหอะ”

“คนแถวนี้เขาไม่อยากให้มารับ กูจะมาทำไม” ไม่ต้องพูดแล้วมองหน้าผมได้ไหมละ ผมรีบหันไปมองทาง เก้อขึ้นมาอีกแล้ว

“มันปากไม่ตรงกับใจ มาเหอะ...มารับน้องน้าคุณพี่ชาย” ไม้ทำเสียงออดอ้อน

“ดิวบอกพี่ดิ้ว่ามารับด้วย กลับกันเองมันอันตรายมาก...เกิดมีใครมาดักทำร้ายทำไงวะ” ใครเขาจะมาทำร้าย มึงบ้าไปแล้วเหรอไม้ ผมไม่ใช่คนที่มีอริทั่วบ้านทั่วเมืองนะเฮ้ย

“ตื่นทีไม้ ใครจะมาทำร้ายเรา”

“ก็เผื่อไว้...แบบ เกิดไอชินมันวกมาหาหรือเพื่อนดิวไม่พอใจ” ผมลืมเรื่องพวกนี้ไป ก็เพราะไม่อยากคิดถึงมันนั่นแหละเลยไม่ใส่ใจว่าเมื่อต้องเผชิญหน้าแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

“อืม ก็ได้...งั้นมึงมารับด้วยละ” ผมบอกอย่างจำยอม

“เรียกดีๆ ดิ ดูไอ้ไม้เป็นตัวอย่าง” หงิ ผมไม่อยากเรียกมันว่าพี่หนิ

“งั้นไม่ต้องมาล่ะ”

“อ่า...” ไม้หนีไปนั่งเบาะหลังเงียบๆ เช่นเคย

ต้นกัดปาก คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ สักพักมันต้องปากหมาใส่ผมแน่ๆ แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคาดคิดเอาไว้ ไอ้ต้นเงียบไปตลอดทาง กัดปากไปตลอดด้วย ผมว่ามันต้องแดงไม่ก็ห้อเลือดไปแล้ว พอมาถึงไม้ก็รีบลงก่อนเป็นคนแรก ผมก้าวขาจะลงตามไปแต่โดนรั้งเอาไว้ก่อน ผมเกือบจะด่ามันแล้วล่ะ ถ้าไม่มีสติพอจะหยุดคำพูด ผมกะว่าจะลองพูดจาดีๆ ดูบ้าง...ไม่ทั้งหมดแต่ให้ดีขึ้น เผื่อเราจะทะเลาะกันน้อยลง

“มีอะไรโทรหากูนะ”

“อืม” มันเป็นแค่คำง่ายๆ แต่ผมไม่กล้ามองหน้ามัน ถ้าไม่ไปได้ยินเรื่องเมื่อคืนก็ไม่เป็นแบบนี้ ผมอาจสวนว่าอย่ามาเสือกเรื่องของกู อย่างที่พูดอยู่เป็นประจำ

“แล้วก็...เดี๋ยวมารับ” อ่า...

“อืม” ผมบิดมือตัวเองออกจากการเกาะกุม คว้ากระเป๋าแล้วก็จะเดินออกจากรถ

“เดี๋ยวดิว”

“อะไรอีกละ” อย่ารั้งไว้นานมากได้ไหม เก้อไปหมด ทำอะไรจะไม่ถูกแล้วเนี่ย

“สู้ๆ มึง” บ้า...มันต้องบ้าแน่ๆ!

คนอย่างไอ้ต้นไม่มีทางพูดอะไรน่าเอียนแบบนั้นใส่ผมอะ ผมเหลือบไปมอง มันส่งยิ้มมาให้...ผมรีบหนีเลย ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงต่อไป เกลียดมันนะ ไม่ชอบขี้หน้ามันเพราะมันเป็นคนที่แกล้งผมอยู่ประจำ แล้วไหงตอนนี้มันถึงได้มาพลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือแบบนี้ได้ ผมทำตัวไม่ถูก...ผมเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองไม่ทันด้วย

มันชอบผม...มันชอบผม

โอย คุณน้าก็รู้ ไม้ก็รู้ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรอก แล้วไอ้ที่ผ่านมาปากหมาใส่กันเพื่ออะไรวะ ใช่เรื่องปะ ชอบกันจริงมันจะมาปากหมาใส่ผมทำไมล่ะ มันคงแกล้ง...แกล้งบ้าอะไร คุณน้ารู้แบบนี้ไม่แกล้งหรอก ต้นไม่มีทางโกหกคุณน้าหรือหลอกคุณน้าแน่ๆ เพราะมันรักคุณน้ามาก ทั้งรักทั้งเทิดทูน

ถามมันเลยสิ...บ้า บ้าไปกันใหญ่แล้ว ให้ถามคนอย่างมันเนี่ยนะ เดี๋ยวมันก็มากวนตีนใส่อีก ปากหมาแบบมันพูดทีนี่อยากจะเอาเท้าขึ้นลูบสักทีสองที ผมไม่ชอบเลย บางทีพูดจาถากถางซะผมไปไม่เป็น ได้แต่กัดฟันทนกับคำพูดเสียดแทงของมันอยู่แบบนั้น แถมบางคำก็ยังหลอกหลอนผมอีกต่างหาก

“เป็นไร หน้าเครียดเลย กังวลอ่อ” ไม้เดินเข้ามากอดคอ ผมสะดุ้ง ปาดเหงื่อบนหน้าส่ายหัวไปมา

“เปล่า คิดอะไรนิดหน่อย”

“เราอยู่นี่...อย่าเครียดนะ” ไม้ยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มสดใสที่น่าหมั่นไส้ไม่ธรรมดา ด้วยที่มันเหมือนพี่มันมากพอดูเนี่ยแหละ

ปกติผมกับไม้นั่งค่อนข้างห่างกัน ไม้มันนั่งหลังห้องกับเพื่อนผู้ชายของมันแล้วผมกับกลุ่มผมนั่งหน้าห้อง  มาถึงมันก็ลังเล อยากจะย้ายให้ผมไปนั่งกับมันซึ่งผมไม่รู้จะไปนั่งตรงไหน ใครจะยอมย้ายให้ผมละ

“ที่ปกป้องกันเพราะเป็นแฟนกันนี่เอง...” เพื่อนกลุ่มผมแซะขึ้น

“จะเป็นอะไรกันก็ไม่เกี่ยวกับมึงอะนะ” เฮ้ ไม้ปากดีไม่แพ้พี่ชายเลยนี่นา

“ก็ไม่อยากเกี่ยวด้วยหรอก แต่แน่ใจเหรอที่จะเอามันน่ะ...” ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเพื่อนจะมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามแบบนี้ ผมรู้สึกตัวเล็กลง ทุกคนกดดันจนหายใจแทบไม่ออก ไม้เอื้อมมือจับมือผม

“ของเหลือมันไม่อร่อยหรอกมึง” ไม้กำมือผมแน่นจนผมเจ็บแปล๊บ ผมไม่ได้บอกเพราะลึกๆ ก็เจ็บกับคำพูดของคิง มันเป็นคนบอกให้ผมคบคนนั้นคบคนนี้ เลิกกับคนนี้ให้ไปคบคนนั้น

แรงยุจากคิงทำให้ผมรู้สึกว่าการมีคนใหม่ทั้งที่เรายังทำใจกับรักครั้งเก่าไม่ได้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เราแค่หาคนใหม่มาดามใจเอง กานเองเป็นคนพูดว่าถ้าแฟนอยากได้เราก็ต้องให้ เพราะมันหมายถึงเขารักเรามากเขาอยากได้เรา บางส่วนในความรู้สึกผมแย้งสิ่งที่เพื่อนพูด ทว่าผมก็เชื่อเมื่อโดนกล่อมอยู่บ่อยครั้ง พวกมันเองก็เปลี่ยนแฟนบ่อยๆ คิงขี้เบื่อและกานขี้รำคาญ ยังไม่รวมเพื่อนสามคนของผมที่นิสัยคล้ายคิงกับกาน

จะว่าผมโง่ก็ได้ที่เชื่อพวกมัน แต่พวกมันก็คือเพื่อนที่ผมมี...

“ของเหลือที่ยังแดกได้ก็ดีกว่าของเน่าๆ อย่างพวกมึงอะ” ไม้ด่ากลับ ผมทึ่งในความปากดีนี้นิดหน่อย

“อ่าว อยากแดกตีนอีกเหรอไม้” คิงลุกขึ้น ท่าทางไม่อ้อนแอ้นอย่างตอนแรกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองเกลียด

“ไม้...” ผมดึงเพื่อนตัวเองให้หลบจากคิง

“อะไร ปกป้องเหรอ...ตายละ น้ำหน้าอย่างดิวปกป้องใครได้ด้วย”

“พอเหอะคิง” กานเดินเข้ามารั้งไหล่คิงเอาไว้

“มึงห่วงมันเหรอ มันพาเราไปซวยนะ” ผมไม่ได้พาใครไปซวยทั้งนั้น พวกมันต่างหากที่พาผมไปที่แบบนั้นแล้วก็ทิ้งผมเอาไว้

“ดิว พวกเราขอโทษ คิงมันโกรธที่ดิวหายไปน่ะ ดิวอย่าถือสาคิงมันเลยนะ”

“ไอ้พวกสองหน้า ลิ้นสองแฉกจริงๆ ไม่ต้องมายุ่งกับเพื่อนกูเลย” ไม้ลากผมออกห่างจากกานทันที ผมยังไม่ทันเข้าใจสิ่งที่พวกมันพูดด้วยซ้ำ ผมหันไปมองหน้ากาน สายตาเหยียดหยามมองตรงมาที่ผม เมื่อกี้...มันก็แค่พูดโกหกไปเรื่อยใช่ไหม

ผมมั่นใจว่าคืนนั้นผมไม่ได้หายไป พวกมันไปกับผมด้วย ผมอาจประครองสติตัวเองไม่ได้มากแต่พวกมันก็อยู่ด้วยในคืนนั้น ตอนเช้าพวกมันก็หายไป ทิ้งผมเอาไว้คนเดียว ผมต้องตกนรกทั้งเป็นก็เพราะพวกมัน แล้วทำไมถึงมาพูดว่าผมเป็นคนผิดไปได้ล่ะ

“ไม้ ให้ดิวนั่งนี่ก็ได้ เดี๋ยวเรานั่งแทนที่ดิวเอง” พิมพ์ เพื่อนผู้หญิงในห้องที่ผมไม่ค่อยได้คุยด้วยลุกขึ้น เธอเก็บของให้ผมได้นั่งข้างไม้

“ไม่เป็นไรเหรอพิมพ์”

“ไม่ เพื่อนเราก็นั่งตรงนั้น” พิมพ์ยิ้มหวานให้ไม้ เธอต้องชอบไม้แน่ๆ

ไม้แย่งกระเป๋าผมไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจับผมนั่งลง ผมยังหน้าเสียไม่หายจากคำพูดของเพื่อนตัวเอง ไม้นั่งลงข้างๆ ทักทายเพื่อนของมัน ผมยังคงนั่งเหม่อมองกลุ่มกาน ผมอยากถามว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นกับผม ผมไปทำอะไรให้คิงไม่พอใจกันแน่ แล้วเรื่องคืนนั้นมันยังไงแต่ผมไม่มีความกล้ามมากพอจะเข้าไปพูด

“อยากเล่าเรื่องคืนนั้นเมื่อไหร่บอกเรานะ” ไม้บอกเสียงเบา ผมยิ้มแล้วพยักหน้าให้

เพื่อนๆ ของไม้ชวนผมคุยเรื่องเรียน ถามว่าผมเก่งวิชาไหน ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนๆ ของไม้และไม้เองเรียนไม่เก่งเอาเสียเลย และผมคิดว่าพวกเขารังเกียจผมเสียอีก แต่กลับไม่มีท่าทีแบบนั้นให้ผมเห็น ผมอาจจะไม่กล้าแสดงออกอะไรมากมาย มันไม่ชิน เราเรียนด้วยกันมาสองปีก็จริง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับกลุ่มนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่มีแค่ไม้ที่เข้ามาคุย เข้ามาทักเวลาเดินผ่านหรือเจอกัน

ตอนเที่ยงผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ของไม้ กลุ่มนี้คุยกันเรื่องกีฬาเป็นหลัก ผมเลยชอบก้มหน้าเล่นมือถือ ผมไม่รู้เรื่องที่เขาคุยกันเท่าไหร่ ไม่เล่นกีฬาแบบพวกเขานัก พอเข้าเฟซบุ๊กระหว่างรอไม้ไปซื้อข้าวมาให้ ข้อความจากกานก็เด้งขึ้นมาที่แจ้งเตือน มันเรียกผมไปหาที่ห้องน้ำหลังอาคาร ให้มาคนเดียว มีเรื่องจะคุย เป็นเรื่องเมื่อคืนนั้น คิงมันเข้าใจผิดว่าผมทิ้งพวกมันไปก็เลยอยากจะคุยให้เคลียร์

ผมเองอยากรู้เรื่องนี้อยู่แล้วก็เลยแอบออกไปโดยไม่ได้บอกใคร เพื่อนของไม้ชื่อโอ๊ตถามผมก็แค่บอกว่าไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น เขาพยักหน้าให้ ผมเดินไปตามทาง บอกกับกานว่ากำลังเดินไปหานะ ผมไม่กลัวพวกนี้เท่าไหร่ แค่เสียใจที่พวกมันพูดลับหลังผมไม่ดีแล้วยังทิ้งผมไปอีก

“ดิว...” มาถึงกานก็เข้ามาสวมกอด ผมตกใจแต่ก็ไม่ได้ผลักออก

“เราทำอะไรให้โกรธ บอกเราได้ไหม...” คิงยืนหน้ามบึ้งอยู่ใกล้ๆ

“ก็วันนั้นน่ะ ตอนเราตื่นมาเราก็ไม่เห็นดิวแล้ว มีแต่พวกพี่ๆ พวกนั้นนอนอยู่...พวกเรากลัวกันมาก เล่นเมาแล้วไปมั่วกับคนพวกนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วยิ่งไม่เห็นดิวอีกก็เลยคิดว่าดิวทิ้งพวกเราไปแล้ว พวกเราโกรธ ไม่คิดว่าดิวจะทำแบบนั้น แต่สถานการณ์แบบนั้นทำให้เราพวกเรารีบหนีออกไป ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นคนดีไหม...วันนั้นดิวทิ้งพวกเราไปทำไม” ผมฟังแล้วก็ส่ายหัว

“เราไม่ได้ออกไป เราอยู่ในห้อง เราตื่นมาก็ไม่เจอใครแล้ว...” ผมไม่กล้าพูดต่อว่าคนพวกนั้นทำอะไรผมบ้าง

“จริงเหรอ...นายโกหกเราหรือเปล่าดิว เราไม่เห็นนายเลย” ผมนอนอยู่บนเตียง จะไม่เห็นผมได้ยังไง

.....100%....

เพื่อนแบบนี้...ดิวคบเพื่อนลิ้นสองแฉกแบบนี้เหรอคะ?

จุฟๆ.วันวายเดย์ที่ผ่านมาใครไปร่วมสมรภูมิบ้างเอ่ย ได้เล่มที่อยากได้สมใจไหม เราไป เราได้มอง เศร้า...เงินบ่มี

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #137 เมื่อ04-09-2017 22:06:21 »

อยากให้เจอคนดีๆมีความสุขและตัดขาดกับเพื่อนลิ้นสองแฉงสักที

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #138 เมื่อ04-09-2017 23:15:39 »

 :beat: :z6: :13223: เพื่อนแบบนี้มันต้องได้รับกรรมที่มันทำกับหลานดิว หลานคนแต่งช่วยจัดการให้คนแก่ด้วยนะ  :m31:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #139 เมื่อ05-09-2017 00:04:02 »

แล้วดิวก็ยังจะเชื่ออีกหรอ???

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
« ตอบ #139 เมื่อ: 05-09-2017 00:04:02 »





ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #140 เมื่อ05-09-2017 04:36:00 »

 :z3: เกลียดทุกคนที่ทำร้ายดิว

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #141 เมื่อ06-09-2017 07:47:04 »

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย ปาเกิบใส่หน้าเพื่อนดิวผิดไหมคะ :m31: :m31:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
«ตอบ #142 เมื่อ06-09-2017 08:00:38 »

 :z6:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
«ตอบ #143 เมื่อ06-09-2017 21:11:04 »

>>ตอนที่ 21 [100%]<<

“จริงๆ เราอยู่บนเตียง...เราไม่ได้ออกไปไหนเลย” ผมมองหน้าคิงจริงจัง

“บนเตียงเราเห็นแค่พี่ๆ พวกนั้น สงสัยพวกเราจะไม่ทันดูให้ดี ตื่นมาไม่เจอดิว แถมยังอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก ก็เลยรีบจนไม่ดูให้ดี...มึงอะคิง ตีโพยตีพายไปเอง” กานหันไปว่าคิง ซึ่งคนโดนว่าก็ทำหน้าสลด มันเดินเข้ามาจับมือผม

“กูขอโทษ...กูนึกว่ามึงทิ้งพวกกู พวกกูก็กลัวว่าคนพวกนั้นจะทำอะไร” พอรู้เรื่องทั้งหมด ผมก็เบาใจ โกรธพวกมันต่อไม่ลง แค่น้อยใจนิดๆ ที่พวกมันไม่ดูผมให้ดีก่อน แต่ก็เข้าใจ...เป็นผม ผมก็คงอยากหนีไปเหมือนกัน

“อืม...”

“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมึงใช่ไหมดิว” คิงสวมกอด

“ไม่ กูไม่เป็นอะไร” ผมเลือกที่จะโกหกออกไป ไม่อยากพูดหรือนึกถึงมันอีก

“กูดีใจที่มึงปลอดภัย ขอโทษที่เข้าใจผิดแล้วก็ไม่ถามมึงก่อน กูติดต่อมึงไม่ได้ ทักไปก็ไม่ตอบอะไรเลย กูคิดว่ามึงทิ้งพวกกูแล้วไม่กล้าสู้หน้า”

“มือถือกูหาย เพิ่งได้มาใหม่” คิงเสียงสั่น มันคงรู้สึกผิดจริงๆ

“เหรอ กูขอโทษจริงๆ นะ”

“อืม ไม่เป็นไรเว้ย...ไม่เป็นอะไร” ผมลูบหลังปลอบเพื่อนตัวเอง กานยิ้ม

“เข้าใจกันก็ดีแล้ว เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะดิว”

“อืม” ผมขานตอบกาน

เราสามคนกอดกันอยู่ในนั้นสักพักก็ออกมา พอเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวก็เจอไม้ยืนหน้าเป็นยักษ์รออยู่ ผมลืมไปว่าผมมากินข้าวกับไม้ คิงมองไม้ตาขวาง ดูจะไม่ถูกกันอย่างรุนแรง ไม้เองก็ไม่พอใจมาก มันมองหน้าคิงอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“ดิวมากินข้าว”

“คือ...” ผมว่าจะไปกินกับพวกนี้สักหน่อย อยู่กับเพื่อนๆ ของไม้แล้วผมไม่รู้จะคุยอะไร

“เราซื้อข้าวมาให้แล้ว”

“เราเอาข้าวไปกินกับเพื่อนเราได้ไหม...” ผมลองบอก

“...” ไม้ไม่พูด สายตาผิดหวังของมันทิ่มแทงเข้ามาที่ผมอย่างจัง ผมไม่กล้าสบตาของมันเลยได้ต่าเสมองไปทางอื่น

“ไปกินกับไม้เหอะ เขาอุตส่าห์ไปซื้อมาให้” กานผลักผมไปทางไม้เบาๆ

ผมพยักหน้า เดินเข้าไปนั่งกินกับไม้ที่ตอนนี้หน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จาอะไรเลย โอ๊ตเพื่อนไม้ก็นิ่งไปเหมือนกัน บรรยากาศแบบนี้อึดอัดใจชะมัด ผมนั่งเล่นมือถือไปกินข้าวไป กะว่ากินเสร็จจะไปหากานกับคิงที่โต๊ะ

“จำที่แม่เราบอกได้ไหม...” จู่ๆ ไม้ก็พูดขึ้น ผมนั่งทบทวนอยู่สักพักก็พยักหน้า คุณน้าให้ผมเลิกคบเพื่อนพวกนี้ แต่เราทำความเข้าใจกันแล้ว มันแค่เรื่องเข้าใจผิดเอง

“เราแค่เข้าใจผิดกันเฉยๆ ไม้ พวกเขาไม่ใช่คนไม่ดี...”

“เราจะฟ้องพี่กับแม่” อ่าว ไหงต้องเป็นเรื่องไปฟ้องสองคนนั้นล่ะ

“คุณน้านี่พอเข้าใจนะ แต่ไอ้ต้นเกี่ยวอะไรด้วย”

“พี่ต้องโกรธดิว...จะให้พี่ลงโทษดิวเยอะๆ ให้ดิวเลิกคบเพื่อนแบบนั้นเลย” ไม้พูดเสียงเย็นชา ผมไม่เข้าใจว่าจะเอาไอ้นมาขู่ผมทำไม มันต้องเป็นคุณน้าสิ

“ไอ้ต้นมันจะทำอะไรเราได้ ไม้บอกเองว่ามันไม่มีทางโกรธเรา”

“เฮ้อ...ก็ใช่ ขู่ไปงั้นแหละ เราแค่ไม่อยากให้ดิวไปคบกับคนกลุ่มนั้น เลิกคบเลยตรงๆ ไม่ได้ก็ค่อยๆ ออกห่างดีกว่า เรากับโอ๊ตก็กำลังจะไปตีแบด เราไม่ได้ตีแบดด้วยกันนานแล้ว...ไปตีแบดกันนะ” อ่า ก็ใช่ ผมกับไม้ไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้วนี่นะ

“ก็ได้ เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องเลิกคบกับคิงแล้วก็กานด้วย แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเอง”

“แม่เราห้ามไง” อย่างนี้ละเอาคุณน้ามาอ้าง

เมื่อไม้อ้างมาแบบนั้นผมก็ต้องทำตามไปกินเสร็จไม้กับโอ๊ตก็ไปตีแบดกัน มีเพื่อนไม้อีกหลายคนที่รออยู่ที่นี่แล้ว พวกนี้เป็นเพื่อนคนละห้อง ไม้มีเพื่อนห้องอื่นมากกว่าเพื่อนในห้องตัวเองละนะ

มาถึงเจ้าตัวก็ส่งไม้แบดมาให้ผมทันที นี่กะไม่ให้ผมได้พักเลยใช่ไหม ผมกับไม้ตีแบดกันเยาะๆ เป็นการวอมอัพ สักพักชักเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยทำให้ผมเหนื่อยง่าย วิ่งไปวิ่งมาครู่เดียวก็หอบรับประทานเสียแล้ว

แต่ว่า...มันโคตรสนุกเลยครับ

นอกจากไม้ ตอนนี้ผมเริ่มพูดคุยกับโอ๊ตได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว เวลาโอ๊ตเล่นกับไม้ พวกเขาจะตีกันรุนแรงประหนึ่งฆ่ากันให้ตายไปข้าง ผมนั่งเชียร์ระหว่างพัก เพื่อนๆ ของไม้ห้องอื่นมาเห็นผมนั่งเชียร์อยู่คนเดียวก็มาชวนไปตีด้วยกัน คนพวกนี้คุยกันด้วยภาษากีฬาจริงๆ เห็นผมเหนื่อยง่ายหน่อยก็ล้อก็แซ็ว แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวตลก ผมงอนหน่อยๆ หงุดหงิดนิดหนึ่งจนเผลอบอกไปว่าผมจะเก่งขึ้นให้ได้ เห่อๆ เอาเข้าไป...ผมไม่ได้ชอบเล่นแบดขนาดนั้น

คาบบ่าย ไม้กับโอ๊ตแทบจะขอลอกงานที่อาจารย์สั่งให้ทำ สองคนนั้นชะโงกหน้ามาคอยลอกอยู่เรื่อย เล่นกีฬานี่แหละเก่งนัก พอมาอย่างนี้ล่ะเทิดทูนบูชาผมขึ้นมาทันทีทันใด ผมก็คอยแกล้งพวกเขา ไม่ให้ลอกบ้าง บอกคำตอบผิดบ้างไปตามเรื่องตามราว รู้สึกแกล้งคนมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง ถึงว่า...ต้นมันชอบแกล้งผมจัง

เลิกเรียนไม้ยังลากผมไม่เลิก ไม่ได้บอกลากลุ่มกานเลยด้วยซ้ำ ผมต้องมาวิ่งเหยาะๆ รอบสนามในโรงยิม ไม้ขึ้นแท่นโค้ชอย่างรวดเร็ว ผมไม่ได้ขอให้มันมาสอนผมเลยนะ อาสาเอง สถาปณาตัวเองเสร็จสรรพ แถมทุกคนอย่างมารุมมาตุ้มสอนผมอีกต่างหาก เฮ้...ผมเหนื่อยเป็นนะนี่นะ

“พี่ต้น หวัดดี” เสียงของไม้ทำให้ผมตบลูกพลาด ไอ้ปากหมาขาประจำเดินหล่อเข้ามาในโรงยิม เจ้าตัวใส่เสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์สีดำ จริงๆ ต้นเป็นคนหล่อ..เอาแค่หน้าตาผมก็ชอบมันนะ ตัดลิ้นมันทิ้งก็จะดีมาก

“สอนลูกหมาเล่นแบดเหรอ” นั่นไง ไอ้เลว

“ปากหมานะมึงอะ ไม่เห่าไม่หอนสักวันจะตายปะ” ผมตะโกนว่ากลับ

“ไม่ตายแค่นอนไม่หลับ...” ดูมันลอยหน้าลอยตาตอบ

ผมเสิร์ฟลูกแบดเข้าหน้ามันเต็มๆ ไอ้ต้นถึงกับเหวอที่ผมทำร้ายร่างกายมัน แล้วไอ้คนที่ผมเพิ่งมารู้ว่ามันชอบผมก็ไม่อยู่เฉยครับ ชอบภาษาไหนไม่รู้ มันวิ่งเข้าใส่ผมทันที ผมก็หนีสิ เรื่องไรจะอยู่ให้ไอ้ต้นมันเตะเอา ตัวผมยิ่งบางๆ ขาดสองท่อนขึ้นมาหมอไม่รับเย็บแน่ๆ

“หึหึ...หนีกูเหรอดิว คิดว่าหนีได้เหรอ” ยังวิ่งไม่เท่าไหร่ ร่างผมก็โดนรวบด้วยสองแขนของมันทันที

“ปล่อยกูเลยนะ แฮ่กๆ...เหนื่อยฉิบเป๋ง” ผมหอบแดก ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็งี้

“เรื่องไรกูต้องปล่อย มึงตีแบดใส่หน้ากูมึงต้องถูกลงโทษเว้ย” ต้นแม่งหัวเราะหึหึข้างหู ขนลุกขนชันหมด จะมาไม้ไหนอีกละเนี่ย

“โดนเบาๆ เองมึงอะสำออย ปล่อยกูเลยนะ...”

“ขอร้องดีสิ พี่ต้นครับ...น้องดิวขอโทษ” ยี๋ เสียงดัดโคตรขนลุก

“ไม่ กูไม่พูดอะไรแบบนั้นแน่ๆ มึง ปล่อยกูเลยไอ้หมาต้น!” ผมเริ่มดิ้นด้วยการกระโดดขึ้นลงแล้วสะบัดตัวไปซ้ายทีขวาที ตอนเด็กๆ โดนล็อกแล้วทำแบบนี้มันจะหลุดออกไปได้ครับ

ผมคงลืมไปว่าตอนนี้ไม่ใช่ตอนนเด็ก แล้วแรงของไอ้ต้นก็เยอะมาก ผมกระโดดจนเหนื่อยไม่หลุดเสียที ไอ้ต้นแม่งกระโดดตามผมอีก คนอื่นมองแล้วก็ขำ เสียงไม้ตะโกนถามว่านั่นทำอะไรกัน ไม่มีอะไรเล่นกันแล้วหรือถึงได้พากันกระโดดเหยงๆ เป็นหมาแบบนั้น ไอ้ต้นก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะครับ มันหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ

“ฟอด...” ผมที่กำลังทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับถึงกับนิ่งงันไป ทั้งที่เหนื่อย หอบหายใจอยู่ก็ยังลืมไปเลย

ก็...มันเล่นหอมแก้มผม!

“ในที่สุดก็โดนลงโทษ หึหึ อย่าดื้อกับพี่อีกนะจ้ะน้องดิว ไม่งั้นพี่จ้ะไซ้ตั้งแต่หน้าผากน้องลงไปยัน...” ปากมึงนี่นะ ใครเป็นแฟนต้องปวดกะบาลแน่ๆ!

ผมเตรียมจะเอาหัวตัวเองโหม่งคางมันซะ ทำผมแค้นมาก คนอื่นมองเราเป็นตาเดียวหมดแล้ว ถึงผมจะมีข่าวลือแย่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้หน้าด้านนะเว้ย ทว่ากลับโหม่งไม่โดน ไอ้ต้นปล่อยมือแล้วหลบด้วยการย่อตัว ผมเซเกือบล้มหงายหลัง มันรับร่างของผมเอาไว้ก่อนพลางหัวเราะชอบใจ ผมหมั่นไส้มัน...จะเอาคืนมันต้องทำยังไง

ต้นแกล้งผมจนหนำใจมันก็ปล่อยให้ผมและไม้เล่นแบดกันต่อ ไม้มันเข้าไปโม้ว่าผมเล่นแบดดีเลยจะชวนเข้าชมรมด้วยกัน พี่น้องกันอะ แม่งเห็นดีเห็นงามกันหมดเลย แล้วที่ผมไม่โต้เถียง เพราะคิดว่ามันก็ดีเหมือนกันถ้ามีงานอดิเรกไว้ให้ทำบ้าง

จากที่เราต้องกลับบ้านกันตอนสี่โมงกว่าๆ กลายเป็นเกือบทุ่มหนึ่งเพราะเล่นแบด ต้นมันคอยมองผมอยู่ตลอด เหลือบไปทีไรก็สบสายตากับมันทุกที เสียงพูดคุยเมื่อคืนมันชอบแว้บเข้ามาในหัว แล้วผมมักจะรู้สึกเก้อๆ ไปทุกที ทำตัวไม่ถูก เกร็งๆ จนตีพลาดไปหลายหน ผมเป็นคนที่พักบ่อยกว่าคนอื่นๆ เขา รุ่นพี่บอกว่าเพิ่งมาฝึกก็แบบนี้แหละ ยังไม่อึดพอ ผ่านไปสักระยะมันก็จะดีขึ้นเอง

“เหนื่อยเจียนตายเลยสิมึง...” ต้นเดินเข้ามารับพร้อมกับน้ำเย็น มันแย่งกระเป๋าผมไปถือ

“เฮ้ๆ ของผมด้วยดิ ถือให้ด้วย น้ำผมด้วยนะน้ำผม” คนเป็นน้องได้แต่เรียกร้องหาความยุติธรรม

“ไม่มีอะไรสำหรับมึงทั้งนั้น” แล้วดูพี่มันปฏิบัติกับน้องชาย

“โห่...ไอ้พี่เลว สองมาตรฐานชัดๆ เลยวะ มันเพื่อนน้องนะ ส่วนนี่น้องนะน้อง” ชักเริ่มสงสารไม้ขึ้นมานิดหน่อย เมื่อวานคุณน้าก็เมิน วันนี้พี่ชายยังเมินอีก

“โทษที...พอดีพี่ชอบเพื่อนน้อง” เอิ่ม...ผม...ผม...หันหน้าหลบแป๊บ จู่ๆ มาบอกชอบเพื่อนน้องแล้วมองหน้าผมนี่นะ ไม่...ภาพลวงตา แม่งภาพลวงตาชัดๆ ไอ้ต้นแม่งต้องแกล้งผมอยู่แน่นอน

“ไม่ๆ พี่ต้องรักและหลงน้องตัวเองที่สุด” ว่าจบไม้ก็แย่งน้ำจากมือพี่ชายมันไปดื่ม มันไม่ได้กินจนหมดหรอก คนละครึ่งกับผมนี่แหละ

ไอ้ต้นมัมองหน้าผมนิ่งๆ เห็นว่าผมทำเป็นไม่สนใจผมก็ถอนหายใจแล้วเอากระเป๋าผมและไม้ไปถือเอง ต้นเดินนำไป ไม้กอดคอผมแล้วเดินตาม เพื่อนผมบ่นหาของกิน ถามทั้งผมและพี่ชายว่าวันนี้มีอะไรกิน หรือว่าวันนี้จะกินอะไรดี ผมเองก็หิวมากเหมือนกัน เลยสมทบอาหารที่อยากกินลงไป ไม้บอกให้พี่มันคอยจดรายการอาหารซะ แต่ไอ้ต้นมันแค่ส่ายหน้าแล้วก็ไม่สนใจอีก

มาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม คุณน้าไล่ผมกับไม้ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ผมชอบตรงที่มาถึงเธอก็สวมกอดไม้และผมคนละที หอมแก้มด้วย ชื่นใจบอกไม่ถูก เคยเห็นเขาทำกันบ่อยๆ เวลามองมาจากบ้านฝั่งนู้น ครั้งนี้ได้รับมันเองบ้าง ผมรู้สึกว่ามันอิ่มเอมหัวใจดีเหมือนกันนะ

ไม้เสียสละให้ผมอาบน้ำก่อน ผมไม่ขัดศรัธราเพื่อนอยู่แล้วครับ รีบเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำเปลี่ยนทันที รอยแดงตามตัวยังชัดและร่างกายของผมก็ยังระบม ทว่าไอ้ความอยากเล่นแบดมันทำให้ผมหลงลืมมันไป ตอนเล่นนี่ก็ปวดเมื่อยมากนะ เล่นไปเล่นมาอาการมันหายไปได้ไงไม่รู้ เคยได้ยินที่เขาว่าเวลาไม่สบายให้ออกกำลัง ขยับร่างกายมากๆ แล้วมันจะดีขึ้นท่าจะจริง ไม่ยักรู้ว่าการออกกำลังกายก็พอจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บช้ำตามร่างกายได้เหมือนกัน

“พรุ่งนี้ระบมแน่มึง...” ไอ้ต้นยืนกอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำ พอผมโพล่ออกมามันก็พูดขึ้นทันที

“ยุ่ง”

“เป็นห่วงหาว่ายุ่ง เออดี คราวหลังไม่ต้องเป็นหงเป็นห่วงมันละเนอะ” อารมณ์ไหนอีกละเนี่ย มาน้อยจงน้อยใจอะไร ไอ้ต้นมันหันหลังจะเดินหนี ผมรีบคว้าแขนมันเอาไว้

“โกรธอ่อ” หน้าบึ้งอย่างนี้โกรธกันไหมเนี่ย ผมแค่พูดไปเพราะรู้สึกเก้อๆ เท่านั้นเอง

“ใครโกรธ ไม่มี...บอกแล้วไงไม่เคยโกรธ” ต้นหันมาสบตา

“แล้ว...”

“งอนน่ะ” ไอ้หมาเอ้ย มางมางอนอะไรเป็นผู้ชายปะเนี่ย

“ผู้ชายที่ไหนขี้งอนวะ”

“ผู้ชายที่รักมึงมั้ง...” มันพูดจบ เราทั้งคู่ก็อ้าปากค้าง เหมือนมันไม่คิดว่าตัวจะเล่นมุกนี้แต่เสือกเล่นมาแล้ว ผมเองก็ไม่คิดจะได้ยินคำนี้จากมันเหมือนกัน เรามองหน้ากันเก้อๆ เป็นมันที่หันหลังวิ่งลงบันไดไปก่อน ถึงมันไม่ไปผมก็ตั้งใจจะหนีเข้าห้องไปเหมือนกัน

ถ้าบอกว่ามันกำลังแกล้งผมอยู่...มันก็แกล้งผมได้อย่างร้ายกาจมากๆ อ่า...หัวใจจะเต้นแรงไปไหนนะ?

.....100%.....

สายรุกตัวจริง ต้องพี่ต้นเองครับน้องดิว พี่จะรุกจนน้องลุกไม่ขึ้นเลยละครับ~

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
«ตอบ #144 เมื่อ06-09-2017 21:27:22 »

 :m1: ดีมาก หลานต้น หยอดมุกเข้าไว้เยอะ ๆ เลยลูก

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
«ตอบ #145 เมื่อ06-09-2017 21:34:11 »

มีปุ่มดีลีทกานกับคิงไหมอ่ะดีลีทให้เราหน่อยเราเกลียดคนแบบนี้ตอแหลจังแล้วดิวก็ซื่อเนอะอยากให้ต้นจับดิวกดแม่งเลย5555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
«ตอบ #146 เมื่อ06-09-2017 21:56:25 »

คิงกับกานเป็นเพื่อนที่ซุงแหลมาก

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
«ตอบ #147 เมื่อ07-09-2017 00:46:41 »

โมเม้นต์ที่รอคอยย :katai2-1:

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
«ตอบ #148 เมื่อ07-09-2017 18:16:44 »

โมเม้นที่รอคอย

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
«ตอบ #149 เมื่อ07-09-2017 22:09:12 »

>>ตอนที่ 22 [100%]<<

ผมพยายามทำตัวให้ปกติหลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ไม้เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เราดินลงมาพร้อมกัน ต้นกับคุณน้ากำลังคุยกันเรื่องงาน เห็นว่าไอ้ต้นมันอยากจะไปช่วยงานเป็นประจำที่ร้านอาหาร คุณเองก็ไม่อยากให้ลูกเหนื่อย ไหนจะเรียนไหนจะกิจกรรม ไม้เข้าร่วมวงสนทนาขณะตักข้าวใส่จานให้ผมและตัวเอง ผมกำลังตั้งใจฟังไอ้ต้นกับคุณน้า คิดไปคิดมาผมก็อยากลองไปช่วยงานที่ร้านเป็นประจำดูบ้าง คุณน้าให้ความช่วยเหลือและเอ็นดูผมขนาดนี้ ผมควรทำตัวให้มีประโยชน์

“เอางั้นก็ได้ ถ้าหนูคิดว่าไม่เหนื่อยเกินไป แต่ถ้าหนูไม่ไหว หนูก็ต้องบอกแม่นะลูก” คุณน้าสรุป ไอ้ต้นมันยืนกรานว่าอยากไปทำ เดี๋ยวจะออกจากชมรมที่เข้าเพื่อให้เวลากับการทำงานที่ร้านอาหารมากขึ้น

“ผมไปด้วยได้ไหมครับ” เขาคุยกันเสร็จผมก็พูดขึ้นมาบ้าง ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว

“เหนื่อยน้าน้องดิว”

“อ่า...ผมอยากช่วย” คุณน้าฟังแล้วก็ยิ้มบางๆ

“ว่าไงละต้น ให้น้องไปช่วยไหม”

“ก็ได้ครับ แต่คิดจะทำงานอย่าหือกับพี่นะน้อง” เฮอะ มนไม่ใช่หัวหน้างานของผมสักหน่อย ทำมาเป็นวางท่า

“ถ้าหือแล้วจะทำไม...”

“พี่จะลงโทษ” ต้นว่าเสียงเรียบ ดวงตาเจ้าเล่แบบนั้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

ผมเชิดใส่ หันไปสนใจคุณน้าแทนมัน เราเริ่มทานอาหารพร้อมพูดคุยไปด้วยกัน ไม้เล่าเรื่องที่ผมไปเล่นแบดกับคนที่ชมรมให้คุณน้าฟังด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ไม่วายมีเสียงแหน็บแนมจากไอ้หมาต้นมาเป็นระยะ หาว่าผมอ่อนบ้างล่ะ หาว่าผมไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงบ้าล่ะ ผมก็เถียงนะ เรื่องอะไรผมจะยอมให้มันทับถมอยู่ฝ่ายเดียว การโต้เถียงเล็กๆ สร้างความสนุกสนานให้ไม้และคุณน้า พวกเขาไม่ช่วยแถมยังนั่งหัวเราะผมกับไอ้ต้นอีกต่างหาก

“เถียงกันอย่างกับแฟนกันแหนะ...” คุณน้าพูดมาเท่านั้นแหละ ผมก็หุบปากฉับ ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกเลยสักคำเดียว ไอ้ต้นมันส่งยิ้มเจ้าเล่มาให้ ยักคิ้วอีกหนึ่งทีเพื่อกวนโมโห

“ปากอย่างไอ้ต้นหาแฟนไม่ได้หรอกครับ” ผมไม่ได้อยากว่าลูกคุณน้าเขานะ แต่ก็แบบ...พูดความจริงอะ

“ไม่แน่หรอก บางคนแถวนี้อาจจะกลายเป็นแฟนกูในอนาคตก็ได้เนอะแม่เนอะ” ไอ้ต้นหันไปหาพวก

“จ้าๆ จะคิดแบบนั้นก็ตามใจลูกเลย” ถ้าพูดภาษาเด็กอย่างเราก็คงจะเป็น ตามใจมึงเลย เอาที่มึงสบายใจนั่นแหละ

“ว่าแต่ดิวมีใครมาจีบอีกปะเนี่ยช่วงนี้” ไม้หันมาถาม

“ไม่อะ...”

“จริงดิ เรตติ้งตกอ่อวะ” ไอ้ต้นเยาะเย้ยทันที

“ไม่เว้ย แค่ไม่ได้สนใจ” จริงๆ มีคนทักมาหาผมเหมือนกัน ก็ทำนองจีบแต่ผมไม่ได้อ่าน ไม่ได้คุย

ผมรู้สึกว่าตอนนี้การได้อยู่กับคุณน้าที่นี่มันมีความสุขดี ผมเองก็ยังรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยไม่ได้ใส่ใจคนพวกนั้นเท่าไหร่ ผมเอาแต่อยู่กับตัวเอง อยู่กับเจ้าไม้ อีกอย่างวันนี้ก็เล่นแบดจนไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ด้วย

“มึงจะไม่สนใจหาแฟนไปได้สักเท่าไหร่ว้า...”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” เงยหน้าสบตาไอ้คนกวนตีน

“ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงมีคำพูดเจ็บแสบทิ่มแทงผมเข้าอกไปหลายดอก แต่ที่มันไม่พูดตอนนี้น่าจะเพราะคุณน้าอยู่นี่ด้วย

ผมแลบลิ้นใส่มัน หันมาสนใจกินข้าวต่อ ผมกับไม้ช่วยกันล้างจานเก็บโต๊ะ ส่วนต้นมันมีงานมันเลยขอตัวขึ้นไปทำรายงานที่ห้องก่อน ระหว่างไม้ล้างจานด้วยน้ำยาล้าง ผมยืนรอรับเพื่อเอาจานเหล่านั้นคว่ำบนซิงก์ ผมก็คิดไปด้วยว่าควรจะถามไม้ดีไหม เรื่องที่เผลอได้ยินเมื่อคืน ผมอยากมั่นใจว่าต้นมันแกล้งผมอยู่ ผมจะได้เตรียมตัวตั้งรับให้มันดีกว่านี้

“ไม้...”

“หือ” เจ้าของชื่อหันมาหา

“ไอ้ต้นมันแกล้งเราอยู่ใช่ป่ะ” ไม้ทำหน้างง มองไปรอบๆ แล้วหันมามองผมอีกที

“แกล้งอะไรอะ พี่ต้นขึ้นห้องไปแล้วหนิ...” ผมพูดไม่เคลียสินะ

“ก็ที่มันบอกชอบ...มันแกล้งเราอยู่ใช่ปะ” ไม้นิ่งคิดไปสักพัก มันก็ร้องอ๋อออกมาเบาๆ

“ที่บอกว่าชอบเพื่อนน้องใช่มะ หอมแก้มดิวด้วยนี่นะ คนเห็นทั้งยิมเลย” พูดแล้วก็ขำ อะไรวะ...นี่รวมหัวกันแกล้งหรือไง

“ร่วมมือกับพี่ชายแกล้งเราด้วยอะสิ” ไม้ลั้นลาไม่ทุกข์ร้อนที่โดนว่าแบบนั้น

“เปล่า เราไม่ได้ร่วมมือแกล้งดิวเลยนะ พี่เราก็ไม่ได้แกล้ง”

“หมายความว่าไง ไอ้ต้นอะมันแกล้งเราชัดๆ แกล้งแบบนี้เราไม่โอเคด้วยหรอกนะ เล่นกับความรู้สึกเรา...”

“ฮ่าๆ ดิวเห็นเป็นแบบนั้นเหรอ ก็นะ...พี่เรามันชอบแกล้งดิวนี่ แต่เชื่อเราเหอะว่าที่พี่มันทำอยู่ตอนนี้มันไม่ได้แกล้งดิวเล่นหรือเล่นความรู้สึกของดิวหรอก” ไม้ส่งจานใบสุดท้ายมาให้ เจ้าตัวล้างมือจนสะอาด

“แต่พี่เราเอาจริงโคตรๆ...” ไม้ทำหน้าจริงจัง ผมไม่กล้าสบตา..ไม่กล้ามองอะไรนอกจากจานในมือตัวเอง

“ไม่จริงหรอก”

“ดิวไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่พี่จริงจังมาก...แม่ก็รับรู้ ถ้าพี่ไม่จริงจังพี่ไม่มีทางให้แม่รู้เรื่องนี้หรอก” ไม้ตบบ่าผมเบาๆ มันเอาผ้าชุบน้ำไปเช็ดโต๊ะกินข้าวให้สะอาด

คุณน้าเดินเข้ามาถามว่าเราคุยอะไรกันงุ๊งงิ๊งอยู่ ไม้เดินไปกระซิบกับคุณน้าเบาๆ แล้วคุณน้าก็ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ผมคิดว่าจะต้องโดนล้อหรือโดนแซ็วอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น คุณน้ามาชวนเราไปนั่งดูหนังด้วยกัน ไม้กับผมดันมีการบ้าน เราสองคนเลยเอาการบ้านมานั่งทำอยู่ตรงหน้าคุณน้า

กิจวัตของบ้านนี้ ทุกเช้าเด็กๆ ทุกคนในบ้านจะเข้าไปกอดคุณน้า บอกอรุณสวัสดิ์แล้วก็หอมแก้มกัน ผมกลายเป็นหนึ่งในนั้นที่ทำเช่นเดียวกับพวกเขา ผมไม่กล้าขนาดนั้นหรอก ถ้าคุณน้าไม่มาดึงผมเข้าไปกอดและหอมแก้ม แม่ผมยังไม่ทำให้ขนาดนี้ ผมอายอยู่บ้าง แต่ในความอายมีความรู้สึกดีมากๆ ซ่อนอยู่ นี่อาจจะเป็นเคล็ดลับว่าทำไมคนในบ้านนี้ถึงรักกันจัง ขนาดบางครั้งไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเนื่องจากคุณน้ามีงาน

“วันนี้มีกิจกรรมชมรมใช่ปะ” ไอ้ต้นขับรถมาส่งเราที่โรงเรียน ก่อนแยกย้ายเจ้าตัวก็ถาม

“ใช่พี่ พี่จะไปที่ร้านก่อนเลยปะล่ะ เดี๋ยวผมกับดิวไปเองก็ได้ ไม่ต้องมารับหรอก”

“อืม เอางั้นก็ได้ มีอะไรโทรมานะ” ไม้พยักหน้ารับคำ มันโบกบือลาพี่ชายส่วนผมยืนหน้าบึ้งใส่ไอ้ต้น

ใช่...เมื่อเช้ามันขโมยอมแก้มผมตอนผมเผลอด้วยแหละ จะตบมันก็ตบไม่ทัน ไม่เล่นกีฬาแล้วทำไมวิ่งหนีไวนักก็ไม่รู้ ผมนี่ยืนเก้อทำอะไรไม่ถูกเลย รู้สึกว่าตัวเองไม่ชินเอาเสียเลย ที่จู่ๆ ก็โดนทำแบบนี้ทั้งที่เมื่อก่อนมันโคตรจะปากหมาและหาเรื่องแกล้งผมอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน นี่ก็จัดเป็นการแกล้งนะ แค่มันเป็นการแกล้งที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจ...

วันนี้ทั้งวันผมไม่ได้ไปยุ่งกับพวกของกานกับคิง ไม้เอาแต่ชวนทำนั่นทำนี่ โอ๊ตก็ร่วมด้วยช่วยกัน แถมผมยังชอบคุยกับพวกนี้มากขึ้น ตอนเที่ยงกินข้าวเสร็จก็ไปซ้อมแบบไม่หนักมากอยู่ที่โรงยิม กานกับคิงตามมานะ มาดูผมซ้อมแล้วก็หาโอกาสมาคุยกันอยู่ ผมจะหนีก็ใช่เรื่อง เลยคุยกันไปบ้าง ชวนมันมาเล่นแบดด้วยกันแต่พวกมันไม่เอา แค่มาดูผมเล่นเท่านั้นไม่ได้คิดจะเล่นด้วย

เพื่อนๆ ของไม้ไม่คุยกับเพื่อนผมเลย ผมค่อนข้างวิตกกังวลว่า เพื่อนของไม้เห็นผมอยู่กับกลุ่มคิงกาน พวกเขาอาจจะไม่คุยกับผมหรือไม่เล่นกับผมเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาทำ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมคาดเดาผิดไป พวกเขายิ้มแย้มแจ่มใสใส่ผมดี ไม่ทำท่ารังเกียจรังงอนอะไร แค่ไม่คุยกับเพื่อนผมเท่านั้นเอง

ตอนเย็นผมกับไม้อยู่ซ้อมแบดที่ชมรมจนถึงห้าโมง ออกมานั่งรถเมล์ไปที่ร้านอาหารของคุณน้า ไม้ชมผมเรื่องวันนี้ที่ผมสามารถเล่นได้นานขึ้นแล้วก็เล่นได้ดีขึ้น รุ่นพี่คนหนึ่งบอกให้ผมกับไม้เล่นคู่ดู เราก็เลยลอง ทำได้ดีนะ...แต่ผมยังไม่เข้าขากับไม้เท่าไหร่ ไม้มันเก่งผมมันเด็กหัดเล่น แต่มันก็ยังให้กำลังใจ ยีหัวผมจนยุ่งแล้วบอกให้ฝึกต่อไปนะ ไม่ชินกับคำพูดเลี่ยนๆ เท่าไหร่ ปกติได้ยินจากแฟนผมก็ดีใจพอแล้ว ตอนนี้มาได้ยินจากไม้อีก...ผมรู้สึกอิ่มใจบอกไม่ถูก

“ยินดีต้อนรับครับ...” เสียงสุภาพของไอ้ต้นดังขึ้นตอนเราทั้งคู่เดินเข้าร้าน มันใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำทับชุดนักศึกษาของตัวเอง เจ้าตัวเดินไปรับออเดอร์ที่โต๊ะ คือพูดต้อนรับเพราะได้ยินเสียงกระดิ่งว่างั้นเถอะ

“แม่ล่ะพี่” เดินเข้าไปถาม

“แม่ไปดูงานครัวที่โรงแรม” บ้านนี้เขาทำกิจการประเภทอสังหาริมทรัพย์กับร้านอาหารนะรู้สึก แต่ผมไม่รู้ว่าอสังหาริมทรัพย์เนี่ยหมายถึงอะไร บ้าน ที่ดิน โรงแรมหรือหมู่บ้านจัดสรร แต่รู้ว่าต้นมันเรียนบริหารเพื่อเอาวิชามาดูแลกิจการของบ้าน

“อ่อ ผมหิวอะ...ผมกินก่อนเดี๋ยวมาช่วยนะ”

“ไม่มีการบ้านกันเหรอ” ต้นมันเดินมาพร้อมไม้ ผมนั่งรออยู่ที่โต๊ะว่างใกล้เคาน์เตอร์ได้สักพักแล้ว ถึงจะบอกว่าอยากมาช่วยงานที่ร้าน แต่มาเวลานี้มันจะช่วยได้สักเท่าไหร่วะเนี่ย

“มี” ไม้บอกแล้วยิ้มแหย

“งั้นก็ทำการบ้านกันไป ไว้วันหยุดค่อยมาช่วยก็ได้...แค่ตั้งใจเรียนแม่ก็ภูมิใจแล้ว” อยากจะลองแคะหูดู เผื่อว่าจะได้ยินคำพูดที่เคยคุ้นหู ไม่ใช่อะไรที่ดูเป็นทางการแล้วก็อ่อนโยนอย่างตอนนี้ แถมยังมามองหน้าผมอีก...

“ฮุ่ยยยยยย สื่อความหมายถึงใครน้า” ไม้เอียงคอล้อเลียนพี่ชาย

“แน่นอนว่าไม่ใช่มึงอะไม้ ฮ่าๆ” ไม้โดนไปหน่งดอก พี่ชายหักหน้ากลางร้านแลยเป็นไงละมึง

“เฮอะ พูดลอยๆ แบบนั้นมันไม่รู้หรอก...” ไม้เบะปากใส่พี่แล้วเดินไปเอาเมนูมาสั่งอาหาร

“มันรู้ เชื่อหรือไม่นั่นอีกเรื่องหนึ่ง” ต้นยีหัวผมแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว การกระทำที่เกินคาดหมายของมันทำให้ผมไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธ

“ดูมีความสุขจังนะไม้...” ในเมื่อทำอะไรพี่ชายมันไม่ได้ก็แขวะตัวน้องแทน

“ก็เรามีความสุข...”

“เห็นเราโดนแกล้งแล้วมีความสุขเหรอ” ผมว่ามันแล้วก้มหน้าอ่านเมนูอาหารเพื่อสั่งบ้าง

“เปล่า ได้เห็นพี่จีบคนแถวนี้สักทีแล้วมันแฮปปี้ยังไงบอกไม่ถูกน่ะ” ความคิดของผมว่างโล่งทันที ผมเลือกอาหารโง่ๆ มาหนึ่งอย่าง ไม้เล่นพูดแบบนี้ผมจะไปต่อยังไงถูก

ผมชวนไม้คุยเรื่องอื่น เพราะประเด็นนี้มันล่อแหลมต่อความรู้สึกยังไงไม่รู้ ประเด็นสำคัญคือผมไม่อยากจะเชื่อมันเท่านั้นแหละ คนที่คอยแกล้งผมมาตลอดอย่างมันจะมาชอบผมจริงๆ เหรอ ผมนึกว่าผมฝันอยู่ด้วยซ้ำ หรือมันหัวกระแทกสมองกลับอะไรแบบนั้น

ที่น่าตกใจคือผมก็ไม่ได้รังเกียจที่มันเป็นแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าเกลียดมันจริงๆ เสียอีก แต่ไม่เลย...ผมไม่ได้เกลียดมันอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ต้นเองก็เป็นคนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงมีความไม่ประทับใจในตัวมันมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลามันพูดจาดีๆ มันก็น่ามองเหมือนกัน ผมแพ้ทางคนที่ปฏิบัติตัวดีด้วย พูดจาดีเอาใจเก่งแบบนั้น ต้นไม่ได้พูดดีมากหรือเอาใจเก่งมาก แต่ถ้ามองเป็นกลางๆ มันก็เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง

แต่ว่า...นอกจากหยอดแล่นๆ มันก็ไม่เคยพูดกับผมจริงจังเลยนะ

หรือว่าที่มันพูดจาดีด้วยนี่หมายถึงบอกผมอย่างจริงจังแล้วกันล่ะ สังเกตดีๆ มันก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะหลังจากผมหายไป ไม่แหน็บกันด้วยคำแรงๆ อีก หรือไม่พูดจาหมาไม่รับประทานใส่ ส่วนการทำตัว..ผมว่าต้นก็เหมือนเดิม

“เอาแต่นั่งเหม่อ ข้าวไม่ระเหยเข้าปากหรอกนะ” ผมหลุดจากอาการคิดมาก เงยหน้ามองไอ้ต้น มันถือถาดเอาไว้คงไปเสิร์ฟโต๊ะไหนมาละมั้ง

“เรื่องของกู...”

“โอเค เรื่องของมึง” มันไหวไหล่แล้วเดินไปทำงานต่อ ผมมองข้าวที่ถูกวางไว้ตรงหน้าเมื่อไหร่ไม่รู้ ความอยากอาหารไม่ค่อยมีเท่าไหร่ สงสัยเพราะคิดมากเรื่องไอ้ต้นแน่ๆ

แม่งต้องรับผิดชอบนะเนี่ย...ความผิดมันคนเดียวเลยที่ทำอะไรก่ำกึ่ง จนผมลังเลและวุ่นวายใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไม้นั่งกินข้าวพลางเขียนการบ้านไปด้วย มันไม่ได้เงยหน้ามาถามผม แต่เชื่อว่าอีกไม่นานมันต้องถามแน่ๆ ไม้เป็นคนเรียนไม่เก่ง เพราะงั้นการทำการบ้านต้องพึ่งผม

กินข้าวไปมองไอ้ต้นมันทำงานไป เวลามันรับลูกค้า มันยิ้มอ่อนโยนแล้วก็ดูเป็นมิตรมาก ผมเคยเห็นมันยิ้มบ่อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเสียมากกว่าดูเป็นมิตรแบบนั้น ลูกค้าสาวๆ มองมันแทบเหลียวหลัง เห็นแล้วหงุดหงิดใจ คนหล่อทำอะไรก็เป็นที่ชวนมองไปหมดหรือไง ข้าวนี่ไม่กินกันเหรอแม่คุณทั้งหลาย เดี๋ยวเย็นชืดไม่อร่อยจะมาโทษว่าทางร้านทำอาหารไม่ได้เรื่องไม่ได้นะเว้ย เฮอะ..ไอ้นั่นก็โปรยเสน่ห์อยู่ได้ ปล่อยให้เขารีบกินรีบไปเหอะ จะยืนยิ้มการค้าแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหนกันอยากรู้จริงๆ

.....100%....

มันก็จะยุ่งเหยิงทางความคิดหน่อยๆ อะนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด