❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3  (อ่าน 15964 ครั้ง)

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************






❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤




-นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใดๆทั้งสิ้น
-หากชื่อตัวละครตรงกับผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
-นิยายเรื่องนี้อาจไม่หวานมากเหมือนน้ำตาลแต่ก็ไม่ได้ขมจนเข้มเหมือนกาแฟดำ
-เป็นความรักเรื่อยๆ เรื่อยเปื่อยอาจน่าเบื่อสำหรับบางคนนะคะ
-หากผู้ใดไม่ชอบใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
 




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2018 14:58:12 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter1

เจ็บแต่จบ








เสียงน้ำฝนหล่นลงกระทบกับพื้นดิน สายลมพัดโบกพาให้ฝนที่กำลังตกกระทบกับร่างกาย ทุกคนต่างพากันหลบเม็ดฝนเม็ดใหญ่ที่กำลังโปรยปรายไม่ต่างกับผมที่กุลีกุจอวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่


ปัง!


เสียงประตูรถปิดพร้อมกับที่ร่างของผมเข้ามานั่งข้างคนขับเป็นที่เรียบร้อย


“รอนานไหมครับ?”


“อืม ทีหลังไม่ต้องรีบก็ได้เห็นไหมว่าเสื้อผ้าตัวเองเปียก”


“ชลกลัวพี่นนท์รอนานนี่ครับ”


“ช่างเถอะ เอาผ้านี่ไปคลุมแล้วอย่าทำเบาะรถพี่เปียกล่ะ”


“อ่า...ครับ”


ผมรับผ้าที่พี่นนท์ยื่นให้ก่อนจะเอามาคลุมตัวและพยายามนั่งยืดตัวให้ตรงเพราะไม่อยากทำให้เบาะรถของพี่นนท์เปียก ผมไม่อยากให้เราโกรธและต้องทะเลาะกัน


ตอนนี้ความรักของเราทั้งสองคนเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัว ไม่ใช่ของเราหรอก ผมว่าน่าจะเป็นเขามากกว่าที่อยากจะไปจากผมเต็มทนแต่มีเพียงผมที่รั้งเขาไว้


ผมรักพี่นนท์มาก มากขนาดขู่ฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้เขาไปจากผม ผมรู้ว่าผมมันโง่และงี่เง่าขนาดไหนแต่ผมแค่อยากรั้งเขาดูสักครั้ง ถ้ามันไปต่อไม่ได้อีก ผมก็จะยอมปล่อยเขาไป...


ผมเอาแต่ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ว่าเขาควงใครต่อใครบ้างในแต่ละวันเพราะผมเคยเปิดตามองแล้วพบว่ามันเจ็บเกินไป ผลที่ตามมาคือเราทะเลาะกัน พี่นนท์จะเลิกกับผม ผมจึงยอมปิดตาตัวเองเพื่อให้เขาอยู่ต่อ ถึงผมจะเจ็บแต่พี่นนท์ยังอยู่กับผม ข้างๆผมแบบนี้...


“พี่คงไปวันเกิดชลไม่ได้นะ”


“ทำไมล่ะครับ?”


“พี่ติดธุระ”


“ครับ..”


ทั้งรถมีแต่ความเงียบและความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว และคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปหากผมยังรั้งพี่นนท์ไว้กับตัวเอง


รถยนต์คันหรูจอดลงหน้าคอนโดที่คุ้นเคย คอนโดที่เมื่อก่อนคนข้างตัวมักมาค้างกับผมบ่อยๆ แต่ตอนนี้กลับไม่เคยเห็นแม้แต่เงา...


“สุขสันต์วันเกิดนะชล มีความสุขมากๆ” ตุ๊กตาสีขาวตัดกับเขาบนหัวที่มีสีดำถูกยื่นมาให้พร้อมกับคำอวยพรที่นุ่มหูแต่กับเสียดแทงใจคนฟัง ผมจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้เรากำลังจะเลิกกัน


“ขอบคุณครับ” ผมเอี้ยวตัวไปหอมแก้มเขาก่อนจะรับตุ๊กตามาไว้ในอ้อมกอด จรดปลายจมูกบนหัวมันสองสามทีก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้อีกคนที่ไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด


รอยยิ้มผมเจื่อนลง บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร แค่พี่นนท์จำวันเกิดผมได้มันก็ดีมากพอแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ลืมวันสำคัญของผม


“ชลรีบลงไปเถอะ เผื่อเพื่อนมารอแล้ว พี่ต้องรีบไปทำธุระอีก” น้ำเสียงเขาราบเรียบ ประโยคนั้นแทบทำให้ผมกระอักเลือด ผมมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับ เปิดประตูลงจากรถพร้อมตุ๊กตาโง่ๆที่เขาให้มา


สายฝนยังคงเทกระหน่ำ เฉกเช่นเดียวกับน้ำตาของผมที่ไหลอาบสองข้างแก้ม ผมไม่คิดจะเช็ด คงไม่มีใครดูออกว่าผมร้องไห้ เสียงรถค่อยๆหายไปแทนทีด้วยเสียงสะอื้นของผมที่แทบขาดใจ


ผมเดินเข้าคอนโดด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน ตลอดทางมีแต่คนมอง ผมรู้แต่ไม่ได้คิดจะสนใจกับสายตาของคนอื่น ผมไม่รู้ว่าพวกเขามองผมด้วยสายตาแบบไหน อาจจะสมเพชหรือสงสารจะอย่างไหนก็คงไม่ต่างกัน


ผมเดินเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ความทรงจำเก่าๆเริ่มย้อนเข้ามาในโสตประสาท เมื่อเสียงประตูปิดลง ขาผมก็ทรุดไปพร้อมกับเสียงนั่น


เสียงสะอื้นดังทั่วห้องที่ยังคงมืดสนิท ตุ๊กตาที่พึ่งได้มาถูกกอดรัดแน่นเสมือนเป็นตัวแทนของใครอีกคน ใครอีกคนที่หมดรักผมแล้ว


“...ฮึก...”


ผมพยายามบอกกับตัวเองให้เข้มแข็ง บอกทุกวันแต่หัวใจและสมองผมกลับไม่จำ มันจำแค่ว่าผมรักพี่นนท์และอยากให้เขาอยู่ต่อ ถึงจะเจ็บแต่ก็คุ้มที่ไม่ต้องเสียพี่นนท์ไป


น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาไม่มีท่าทีจะหยุด กี่เดือนแล้วนะที่ผมต้องมานอนร้องไห้แบบนี้ทุกวัน


ผมเริ่มเหนื่อยแล้วจริงๆ






เพื่อนสนิททั้งสองคนของผมมาถึงห้องตอนประมาณสองทุ่ม ผมจัดปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆในห้องตัวเอง อาหารมีเพียงแค่สุกี้และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


“ทำไมตาบวมน่ะชล ร้องไห้อีกแล้วหรอ?” เพื่อนสนิทตาโต ผมประบ่าปรี่เข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะมองสำรวจใบหน้าของผมอย่างละเอียด


“ชลดูละครก่อนวากับเนมมา ละครมันเศร้าก็เลยร้องไห้ ไม่มีอะไรหรอก”


ผมโกหกเพื่อนคำโตเพื่อความสบายใจของเพื่อนรักทั้งสองคน


“แน่ใจหรอ ไม่ใช่ร้องไห้เพราะเรื่องพี่---“


“เอ้อวามาดูหน่อยดิ้ว่าขาดอะไรบ้าง เนมจะได้ลงไปซื้อ” ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวเดินเข้ามาขัดจังหวะก่อนชื่อของใครอีกคนจะหลุดออกจากปากของวา


“โอเคๆ”


ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากมองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทจนลับสายตา






เสียงโทรทัศน์ดังคลอเคล้ากับเสียงของสายฝนที่ยังไม่ยอมหยุดตก ต้นไม้ข้างนอกปลิวไสวไปตามแรงของลม ผมมองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้มผ่านประตูระเบียงห้อง


ท้องฟ้าสีเทาหม่นเปรียบเสมือนความรู้สึกของผมตอนนี้ที่หม่นไม่แพ้กันเลย


ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเปิดแอพสีเขียวเข้าบทสนทนาระหว่างผมกับคนรัก




Chon_ : ฝนตกหนักแล้ว ขับรถระวังด้วยนะครับ
Chon_: ถึงบ้านแล้วโทรหาชลด้วยนะ ชลเป็นห่วง
Chon_: รักพี่นนท์นะครับ




ผมมองหน้าต่างสนทนาสักพักก็มีแต่ความเงียบ ผมจ้องมันอยู่อย่างนั้นเพราะหวังจะให้คู่สนทนาตอบกลับมาทันที หวังอะไรที่มันคงเป็นไปไม่ได้ หากเป็นเมื่อก่อนคงจะใช่ พี่นนท์ยุ่งแค่ไหนก็อ่านข้อความผมเร็วเสมอ


แต่เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว...


ผมยืนมองบรรยากาศข้างนอกอีกสักพัก ก่อนเสียงของเพื่อนรักจะดังขึ้นให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดสีเทาของตัวเอง


“ชลมาเร็ว เราสองคนเตรียมของเสร็จแล้ว”


“อื้ม”


เราสามคนช่วยกันนำของมาจัดและวางไว้หน้าทีวี โซฟาตัวใหญ่ถูกเลื่อนออกไปตั้งแต่เพื่อนทั้งสองมาถึง


“เดี๋ยวชลไปหยิบแก้วให้”


ผมเดินมาหยิบแก้วสามใบกับถังน้ำแข็งก่อนจะเดินออกไปหาเพื่อนที่เริ่มเอาเนื้อสัตว์และผักลงหม้อ


“แล้วพี่นนท์จะมาตอนไหนเหรอชล?” มือผมที่กำลังคีบน้ำแข็งหยุดชะงัก หันไปยิ้มบางๆให้วา ก่อนจะคีบน้ำแข็งต่ออย่างช้าๆ


“พี่นนท์ติดธุระน่ะ” ผมตอบเสียงเรียบแม้ในใจจะเจ็บมากแค่ไหน ผมต้องเข้มเข็มเพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง


“อ้าว วันเกิดชลทั้งทีเลยนะ ธุระอะไรจะสำคัญกว่าวันเกิดชลได้” ผมก็อยากถามเหมือนที่วาถาม ว่าธุระอะไรมันสำคัญมากกว่าผมที่เป็นคนรักแต่ผมก็พอรู้คำตอบ จึงไม่กล้าถามให้หัวใจตัวเองเจ็บ


“ธุระสำคัญน่ะ ช่างเถอะมีวากับเนมอยู่ด้วยชลก็มีความสุขมากแล้ว” ผมฉีกยิ้มให้เพื่อนแม้ภายใต้รอยยิ้มจะซ่อนความเจ็บปวดไว้ แต่ผมก็อยากยิ้ม ยิ้มให้เพื่อนสนิทที่ผมรัก


“ปากหวานนะเนี่ย”


“คงไม่เท่าวาหรอก”


วาส่งยิ้มหวานให้ผมก่อนจะยื่นมือมาจับแก้มของผมทั้งสองข้างแล้วยืดออก


“พอแล้ววา แก้มชลแดงหมดแล้ว” เนมห้ามปรามวาที่ยืดแก้มผมอย่างสนุกสนาน


“ก็ได้ๆ กินดีกว่า” วาพูดขึ้นก่อนจะตักหมูใส่จานให้ผมกับเนม ผมยิ้มให้วาก่อนจะตักกุ้งที่เป็นของโปรดวาและปลาหมึกที่เป็นของโปรดเนม


เราทั้งสามคนนั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ วาคอยตักนู่นตักนี่ให้ผมจนเต็มจาน ส่วนเนมก็คอยเติมเนื้อสัตว์และผักจนเกือบล้นหม้อ


ผมยิ้มและหัวเราะไปกับเรื่องที่วาเล่า เนมคอยลูบหลังให้ผมเมื่อผมหัวเราะจนสำลัก


ผมไม่รู้ว่าตัวเองหัวเราะแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่แต่วันนี้ผมหัวเราะได้เพราะเพื่อนรักทั้งสองคน ผมอยากขอบคุณที่เพื่อนยังคอยอยู่ข้างๆ คอยเป็นคนที่สร้างรอยยิ้มให้ผมได้เสมอ


“น้ำแข็งหมดแล้วอ่ะ เดี๋ยวเนมไปซื้อข้างล่างละกัน ใครจะเอาอะไรเพิ่มไหม?”


ผมกับวาส่ายหน้า เนมจึงเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปซื้อน้ำแข็งที่ซูเปอร์มาเก็ตใต้คอนโด


“ไม่รู้ตอนไหนตะวันจะขอเนมเป็นแฟนสักทีเนอะ?”


“ตะวัน?”


“ก็คนที่ทักเนมมาในเฟซบุ๊คไง คุยกันมาก็ตั้งหลายเดือนแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้าเลย”


“เขาอาจจะสบายใจที่คุยกันในฐานะนั้นก็ได้”


“ก็จริง แต่ตะวันก็ดีมากจริงๆนะ เวลาไปเที่ยวหรือซื้อของมาให้เนมก็ยังฝากให้เราสองคนด้วยอ่ะ พูดก็ดี ยิ้มก็เก่ง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ดี๊ดีอ่ะ”


“ฮ่าๆ ตกลงวาอยากให้เนมคบกันตะวันหรืออยากคบกับตะวันเองเนี่ย”


“แหะๆ ถ้าได้อยากหลังก็ดี”


“จริงๆเลย”


ผมส่ายหน้าให้เพื่อนสาวคนสนิทก่อนจะคีบหมูใส่ปากของตัวเองต่อ ผมตักผักในหม้อไปใส่จานวา ทำหน้ายักษ์ใส่แล้วทำท่าจะตักให้ผมบ้าง ผมจึงรีบขยับจานหนีให้ห่างวา


“ชลไม่กินผักแบบนี้ไงถึงป่วยง่ายอ่ะ”


“ก็ชลไม่ชอบนี่นา วาช่วยชลกินหน่อยนะ เดี๋ยวยกกุ้งตัวใหญ่ให้เลย”


“ก็ได้ๆ เห็นแก่ชลหรอกนะ วาไม่สนหรอกกุ้งอะไรนั่นน่ะ”


“ครับๆไม่สนก็ไม่สน”


ผมยิ้มขำเพื่อนสนิทของตัวเองที่กำลังนั่งแกะเปลือกกุ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย




ติ้ง~





Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ






ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นข้อความที่คนรักส่งมา ผมเลื่อนเปิดหน้าต่างสนทนาก่อนรอยยิ้มก่อนหน้าจะจางหายไป...


รูปผู้หญิงที่ฉีกยิ้มหยันกับผู้ชายที่นอนหลับโชว์แผ่นอกเปลือยอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนนั้นที่ผมรัก


พี่นนท์


“ชล ชลเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม!!”


ผมจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ผมแค่อยากจำภาพเหล่านั้นไว้ หัวใจของผมมันจะได้รู้สักทีว่าควรพอแล้ว พอสักทีกับความรักครั้งนี้ สุดท้ายรั้งไปก็ไม่มีอะไรดี ผมควรปล่อยเขาและผมต้องเดินต่อไป...





Chon_ : เราเลิกกันเถอะครับ






“...วา...” เสียงของผมแผ่วเบา แผ่วเบาเหมือนก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย หัวใจของผมมันกำลังเต้นช้าลง มันบีบรัดจนผมเจ็บไปหมด ให้มันเจ็บครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายและผมจะได้เริ่มต้นใหม่สักที


“ไม่เป็นไรนะๆ ชลร้องเถอะ ร้องไห้ให้พอแล้วพรุ่งนี้เรามาเริ่มใหม่ไปด้วยกัน”


วาโอบกอดผมไว้ ผมยิ้มกับคำปลอบโยนของเพื่อน น้ำตาของผมไหลพราก ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆมีเพียงเสียงแอร์ภายในห้องที่ดังขึ้นเท่านั้น


“ชลพอแล้ว ชลไม่อยากเจ็บแล้ว” มันคงถึงเวลาที่เราต้องพอกันสักที พี่นนท์เขาไม่ได้อยากอยู่กับผมตั้งนานแล้วและผมก็ไม่ควรรั้งเขาไว้


ผมรู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวแค่ไหน แค่ผมอยากพยายามให้กับความรักแต่สุดท้ายรักมันก็พังลงไม่เป็นท่าอยู่ดี


“อื้อ ฮึก ชลเก่งอยู่แล้วแค่นี้ชลต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว ชลยังมีครอบครัว ยังมีวากับเนมอยู่ข้างๆนะ ผู้ชายแบบนั้นปล่อยมันไปตายเถอะ!”


“ฮ่ะๆ แค้นกว่าชลอีกนะวา” ผมยิ้มขำเพื่อนตัวเอง คงจะอยากด่ามานานแต่คงเกรงใจผม


“ยิ่งกว่าแค้นอีก ถ้าวาฆ่าได้วาฆ่าไปแล้วเถอะ เลว!”


“เลวเต็มหน้าชลเลยเนี่ย”


“แหะๆโทษที”


ผมกับวากอดกันร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมๆกัน หากใครเปิดประตูมาเห็นคงคิดว่าเราสองคนไม่เต็มบาทหรือเกินบาทแน่ๆ


แกร๊ก!


และคนนั้นก็คงจะเป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่มาพร้อมถุงน้ำแข็ง


“ทำอะไรกันอ่ะ?”


ผมกับวาหันไปมองคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าที่งงงวย


“ชลเลิกกับพี่นนท์แล้วนะ”


พอประโยคนั้นจบลง เนมก็ถลาเข้ามากอดผมกับวา เพื่อนคงจะอยากให้ผมเลิกกับคนเลวคนนั้นมากเลยสินะ ดีใจกว่าตอนสอบติดมหาลัยซะอีก


“โอ๊ยยย ดีใจอ่ะ เลิกๆไปเลยไม่ต้องเสียดายนะชล คนดีกว่าไอ้บ้านั่นมีเยอะแยะ เดี๋ยวเนมแนะนำให้รู้จัก”


“หือ ขอชลทำใจก่อนสักเดือนซี่”


“ไม่ต้องทำใจแล้ว หาใหม่ให้เด็ดกว่ามันเลย”


“ฮ่าๆๆ”


จากที่คิดว่าผมจะร้องไห้หนักกว่านี้กลับกลายเป็นว่าผมต้องมานั่งหัวเราะขำกับถ้อยคำปลอบโยนของเพื่อนทั้งสองคน


“ขอบคุณเนมกับวานะที่อยู่ข้างๆชล”


“อื้ม ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราเป็นเพื่อนกันหนิ”


“ชลไม่ต้องคิดมากนะ เนมกับวาอยู่ข้างชลเสมอ”


“ครับ”


หลังจากร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว ผมกับเพื่อนสนิททั้งสองก็กลับมากินสุกี้ที่เนื้อเริ่มเปื่อยและผักที่เริ่มละลายไปกับน้ำซุป


ผมเปิดเฟซบุ๊คแล้วเข้าไปตั้งค่าเพื่อแก้ไขสถานะ




Chonlatee เปลี่ยนสถานะจาก “In a relationship” เป็น “โสด”


Tawanและอีก20คนถูกใจสิ่งนี้






ติ้ง~







Tawan : สุขสันต์วันเกิดนะชล มีความสุขมากๆนะครับ
Chonlatee : ขอบคุณนะตะวัน
Tawan : ครับ พรุ่งนี้เราเอาของขวัญไปให้นะ
Chonlatee : เฮ้ย! ไม่เป็นไร เราเกรงใจ
Tawan : รับไปเถอะครับ เราอุตสาห์ทำให้
Chonlatee : ก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆนะ
Tawan : ครับ







ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัวก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนต่อ


“นี่ พี่นนท์เอาของขวัญให้ชลด้วยนะ”


“อะไรอ่ะ?”


“แป๊บนึง เดี๋ยวไปหยิบมาให้ดู”


ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะหยิบตุ๊กตาที่ได้มาตอนเย็นออกไปให้เพื่อนสนิททั้งสองคนได้เชยชม


“เฮ้ย! ควาย?” ผมยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนทั้งสองคน


ตุ๊กตาที่พี่นนท์ให้คือตุ๊กตาควายสีขาวมีเขาสีดำ เขาคงอยากซื้อให้เพราะผมเหมือนมันล่ะมั้ง


หรือไม่ก็คงสื่อให้ผมรู้ว่าผมมันโง่ดักดานเหมือนตุ๊กตาควายตัวนี้ก็ได้


ก็คงต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ผมเลิกเป็นควายสักที


รักครั้งใหม่ของผมต้องดีกว่านี้แน่ครับ


ผมรับประกัน!



####################


:pig4:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2017 13:57:28 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Chapter2

เวลาเธอยิ้ม






หนึ่งเดือนกับการเสียใจให้ความรักคงมากพอแล้วสำหรับผม การที่เราจะไปนั่งจมปรักกับอะไรที่เสียไปมันคงไม่ได้อะไรขึ้นมา หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมจึงคิดว่าคงเสียเวลามากพอแล้วกับการเสียใจ


“วันนี้ตะวันจะมากินข้าวด้วยกันหรือป่าวเนม?” วาถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินไปโรงอาหารด้วยกัน


หนึ่งเดือนหลังจากที่ผมเลิกกับพี่นนท์ เพื่อนใหม่ที่ชื่อว่าตะวันมักจะมากินข้าวที่โรงอาหารกับพวกผมบ่อยๆหรือเวลาไปเที่ยว กลุ่มของตะวันมักจะตามไปด้วยเสมอ ผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขาคงตามจีบเนมเพื่อนรักของผมอยู่


“มาดิ คงรอที่โรงอาหารแล้ว”


เราทั้งสามคนมาถึงโรงอาหารในเวลาต่อมา และก็เป็นอย่างที่เนมบอกว่าตะวันและเพื่อนเขาอีกสองคนมานั่งรอที่โต๊ะในโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว


“มากันนานหรือยัง? โทษทีนะอาจารย์ปล่อยเลทน่ะ” เนมกล่าวขอโทษแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามของกลุ่มตะวันตามด้วยผมและวา


“ไม่เป็นไร พวกเราก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน” เสียงนุ่มทุ้มของตะวันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ข้างแก้มมีรอยบุ๋มเล็กน้อยด้วยลักยิ้มชวนมอง


“ไปซื้อข้าวกันเถอะ”


ทุกคนเดินไปซื้อข้าวเหลือเพียงผมกับตะวันที่นั่งเฝ้าโต๊ะด้วยกัน ผมยิ้มตอบตะวันเมื่อเห็นเขาส่งยิ้มให้                                                                                                                                     
                                 

“ชลยิ้มแล้วน่ารักดีนะ ทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆล่ะ?”


“หืม เราก็ยิ้มบ่อยนะแค่ตะวันไม่เห็นเอง ว่าแต่เรายิ้มสวย ตะวันก็ยิ้มสวยเหมือนกันแหละ ดูดิมีลักยิ้มด้วย” ผมวาพลางจิ้มลงที่รอยบุ๋มที่แก้มซ้ายของเขา


“ชลชอบเหรอ?”


“อื้อ เราชอบผู้ชายมีลักยิ้ม มีเสน่ห์ดีอ่ะ” ว่าไปแล้วก็นึกถึงหลานชายตัวน้อยของตัวเองที่มีลักยิ้มเหมือนกับตะวัน วันหยุดยาวคงต้องไปเยี่ยมสักหน่อยแล้ว


“อืม ดีจังเลยนะ”


ใบหน้าของตะวันแต่งแต้มด้วยสีแดงอ่อนๆ คงเพราะอากาศร้อนเลยทำให้ผิวขาวของเขามีสีแดง ใบหน้าของผมก็คงมีสีไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่ล่ะมั้ง


“หิวน้ำไหม? เดี๋ยวเราไปซื้อให้”


“รอเพื่อนมาก่อนดีกว่าแล้วเราค่อยไปซื้อพร้อมกัน”


ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับตะวันก่อนจะมองไปรอบๆโรงอาหารเพราะไม่มีอะไรทำ


“เอ้อ วันหยุดยาวนี้ชลจะไปไหนหรือเปล่า?”


“เราคิดว่าคงกลับบ้านที่เชียงใหม่น่ะ”


“ชลเป็นคนเชียงใหม่เหรอ?”


“อื้ม แต่เราพูดเหนือไม่ค่อยได้หรอกเพราะมาอยู่กรุงเทพฯกับน้าตั้งแต่เด็กอ่ะ”


“คิดว่าจะได้ฟังชลพูดเหนือซะอีกแต่เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เราอยากไปเที่ยวมากที่สุดเลยนะแต่ก็ไม่เคยได้ไปหรอก”


“อ่าว ทำไมล่ะ?”


“ยังหาเวลาว่างไม่ได้นี่สิ”


“งั้นหยุดยาวนี้ตะวันว่างไหมล่ะ ถ้าว่างก็ไปเที่ยวกับเราได้นะ บ้านเรามีรีสอร์ท มีสวนสตรเบอรี่ด้วย อ้อ เนมก็ไปด้วยนะ”


ผมส่งยิ้มล้อตะวันเมื่อพูดถึงชื่อเพื่อนสนิท ผู้ชายตรงข้ามทำเพียงแค่ยิ้มกลับพลางยกมือขึ้นเกาจมูกตัวเอง


“เราไปด้วยได้ใช่ไหม?”


“อื้ม ไปดิ เดี๋ยวเราพาทัวร์เอง”


“ครับ งั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณมัคคุเทศก์”


“ครับผม ทัวร์ของเรายินดีให้บริการ”


ผมยืดตัวตรงก่อนก้มหัวลงด้วยความเร็วจนเกือบทำให้หน้าผากจูบกับโต๊ะไม้แข็งๆ ดีนะที่ตะวันเอามือมารองหน้าผากให้ ไม่งั้นหน้าผากนูนสวยของผมได้ปูดโปนสามวันสองคืนแน่ๆ


ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ชักมือกลับช้าๆก่อนเราสองคนจะจ้องตากันจากนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน


“ฮ่าๆๆๆๆ ชลซุ่มซ่ามว่ะ”


“ฮ่ะๆๆก้มแรงไปหน่อย ถ้าโขกไปนี่ความจำเสื่อมแน่ๆ”


“หัวเราะอะไรกันอ่ะ?” เสียงหญิงสาวที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับคนที่ไปซื้อข้าวมาพากันนั่งลงพร้อมกับจานข้าวคนละจาน


“ฮ่ะๆป่าวๆ”


“ไรอ่ะ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนกับฝูงเหรอชล” วาหญิงสาวตัวเล็กแต่แรงเท่ากระบือล็อคคอผมไว้ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำ


“อ...โอ๊ยย วาปล่อยชลก่อน หายใจไม่ออกแล้ว” ยิ่งพูดวงแขนนั้นก็ยิ่งรัดแน่น


วาไม่ปล่อยผมแน่ๆ ผมจึงหลับตาลงพร้อมกับแลบลิ้นออกมาแกล้งตายมันซะเลย


“แอ่ก”


“ฮ่าๆๆๆ ชลเล่นใหญ่มาก ปล่อยก็ด้ะ” วงแขนที่รัดแน่นคลายออกก่อนทุกคนจะพากันขำท่าทางของผมจนโต๊ะข้างๆหันมาด่าด้วยสายตา


“พอแล้วๆหัวเราะอะไรกันขนาดนั้นเนี่ย”


“ก็หน้าชลมันตลกอ่ะ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ”


ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้นล้านแปดเดซิเบลก่อนผมจะคิดหาวิธีปลีกตัวออกมาจากโต๊ะแล้วสบตาเข้ากับตะวันพอดี


“ตะวัน ไปซื้อน้ำกันดีกว่า ปล่อยพวกเมายานั่งหัวเราะกันไปเถอะ”


ผมไม่รอให้ตะวันที่ทำหน้าเหรอหราตอบก็เดินอ้อมมาหาเขาแล้วจูงมือตะวันให้เดินตามมาที่ร้านขายน้ำร้านสุดท้ายที่ไร้ผู้คน


“ของตะวันกับเพื่อนเอาเหมือนเดิมหรือเปล่า?” พอพากันเดินมาถึงหน้าร้านผมก็ปล่อยมือออกแล้วหันไปถามคนที่ยืนเงียบก้มมองมือตัวเองที่ผมจูงมาตลอดทาง


“ห้ะ? เมื่อกี้ชลบอกว่าอะไรนะ?”


“เหม่ออะไรเนี่ย เราถามว่าตะวันกับเพื่อนเอาเหมือนเดิมใช่ไหม?”


“อ...อื้ม เหมือนเดิมนั่นแหละ”


ผมสั่งน้ำหกแก้วที่มีน้ำเหมือนกันแค่สองแก้วคือชาเย็นของผมกับตะวัน


จะว่าไปจากที่ผมได้ไปเที่ยวกับตะวันบ่อยๆก็ทำให้รู้ว่ารสนิยมและของที่ตะวันชอบก็คล้ายกับผมหลายอย่าง จะบอกว่าบังเอิญก็ได้แต่ผมคิดว่าดีนะ เวลาคุยกับคนที่ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกันก็สนุกดี


“อ่ะ ช่วยกันถือ”


ผมแบ่งน้ำกับตะวันคนละสามแก้ว น้ำในมือตะวันหนึ่งในนั้นก็มีแก้วของเนมด้วย ก็นะเราเป็นเพื่อนก็ต้องสนับสนุนให้เพื่อนมีแฟนที่ดีและน่ารักอย่างเช่นตะวันที่ผมยกธงเขียวให้ผ่านตั้งแต่สัปดาห์แรก


ดี๊ดีเหมือนวาว่าไม่มีผิด


เราสองคนกลับมาที่โต๊ะ ทุกคนก้มหน้าก้มตากินข้าวกันแต่มันจะดูไม่แปลกไปหน่อยหรือ ทำไมต้องเหล่มองหน้าผมกับตะวันสลับกันด้วยเล่า


“มองอะไรกันอ่ะ?”


“เปล๊า” ทุกคนพร้อมกันตอบด้วยเสียงสูงปรี๊ดแทบทำเอาผมแสบแก้วหู


“เหอะ เสียงไม่ค่อยจะสูงกันหรอกแต่ละคน อ่ะเอาไป” ผมยื่นน้ำที่ซื้อมาให้วากับใหญ่เพื่อนของตะวันที่ชื่อกับตัวแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง


“ขอบคุณคร้าบบบบ/ค่า”


ดูเอาเถอะแต่ละคนกวนเบื้องล่างน้อยซะที่ไหน แค่เอาน้ำให้ก็แทบนั่งพับเพียบก้มกราบผมแล้ว


“เว่อร์!”


วันหลังคงต้องจับแยกๆกันบ้าง ไม่งั้นสตงสติคงไม่เหลือกันสักราย นี่แค่เดือนเดียวที่รู้จักกัน ถ้าหนึ่งปีผมคงปวดหัวมากกว่านี้แน่ๆ


“ช่วงวันหยุดยาวกลุ่มตะวันมีใครไปไหนกันบ้างไหมอ่ะ?” เนมเพื่อนรักของผมเอ่ยถามหลังจากดูดชานมสีชมพูเสร็จ


“ไม่มีนะ” ใหญ่ที่ตัวเล็กไม่สมกับชื่อตอบแล้วกลับไปนั่งเขี่ยต้นหอมในน้ำซุปข้าวมันไก่ออก


“เราว่าจะกลับบ้านอ่ะ ป๊าม๊าบอกว่าคิดถึงหน้าหล่อๆของเรา” เติ้ลผู้ที่หลงตัวเองที่สุดในโลกเท่าที่ผมได้พบเจอตอบแล้วยิ้มขำกับตัวเอง


“แล้วตะวันล่ะ?” เนมถามคนที่เอาแต่นั่งยิ้มกับน้ำชาเย็นที่เริ่มละลายจนน้ำแข็งกลายเป็นน้ำ


“ชลชวนไปเที่ยงเชียงใหม่อ่ะ”


“ไปชวนกันตอนไหนเนี่ย?”


“เมื่อกี้”


“โห ตะวันแม่งโคตรใจง่ายเลย หัดเล่นตัวบ้างอะไรบ้างนะครับคุณ แหม!” ใหญ่แซวตะวันที่ทำหน้าดุใส่ ส่วนคนโดนทำจะสำนึกไหมคงจะไม่เพราะยังยิ้มกวนเบื้องล่างตะวันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว


“ใจง่ายอะไรของมึง กูแค่อยากไปเที่ยวเฉยๆเหอะ”


“เหรอครับเหรอ อยากไปเที่ยวอย่างเดียวจริงๆเหรอครับคุณเพื่อน”


“เงียบน่า”


ผมมองใหญ่กับเติ้ลที่แซวตะวันจนคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกได้แต่ด่ากลบเกลื่อนแล้วยกมือขึ้นเกาจมูกด้วยความเคยชิน


ผมเข้าใจนะ โดนแซวต่อหน้าคนที่ชอบก็เขินเป็นธรรมดาแต่ดูเพื่อนเนมของผมจะด้านกว่าตะวันแฮะ ไม่เห็นมีปฏิกิริยาเขินอายเหมือนตะวันสักแอะ


“หยุดแซวน่า พวกมึงก็ไปด้วยกันดิ ชวนใหญ่กับเติ้ลไปด้วยได้ใช่ไหมชล?”


“อื้อ ไปดิ ไปกันเยอะๆก็สนุกดี เนมกับวาก็ไปด้วยนะ”


“ว่าไงมึง จะไปด้วยกันไหม?”


“กูไปไม่ได้จริงๆวะ ป๊าม๊าโทรจิกหัวตามกลับบ้านทุกวัน”


“แล้วมึงล่ะใหญ่?”


“มึงก็รู้ว่ากูคงไม่ปฏิเสธ กูน่ะอยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวกับชาวบ้านชาวช่องเขามาตั้งนานแล้ว ภูเก็ตบ้านเกิดแม่งมีแค่สองฤดู”


“โอเค รบกวนด้วยนะชล”


“ครับ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย เราเต็มใจยังไงก็เพื่อนกัน”


ผมยิ้มกว้างส่งให้กับตะวันก่อนจะเห็นใบหูที่เคยเป็นสีขาวเหลืองแดงเถือกขึ้นมา


ตะวันนี่น่าจะเป็นคนขี้ร้อนมากจริงๆแหละนะ นั่งแป๊บเดียวหน้าแดงหูแดงเป็นว่าเล่นเลยแน่ะ






ผมมีเรียนคาบบ่ายอีกสองวิชา พออาจารย์ปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เหล่านักศึกษาก็เดินออกมาจากห้องด้วยสภาพไม่ต่างกัน


ผมที่เซตอย่างดีก็ฟูฟ่องไปคนละทิศคนละทาง หน้าตาที่เคยสดใสกลับกลายเป็นอิดโรยและงัวเงียเข้าขั้นโคม่า


“เลิกแล้วไปไหนกันดีอ่ะ ไม่อยากกลับห้องก่อนเลย” ผู้ชายตัวเล็กข้างๆผมพูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา


“ดูหนังกันไหม?” เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยออกความคิดเห็นแต่ดูหนังเนี่ยพวกเราพึ่งดูไปอาทิตย์ที่แล้วเองนะครับ


“เอาดิ ชลว่าไง?”


 “เราว่าจะไปซื้อรองเท้าอ่ะ ช่วงนี้เซลล์อยู่ด้วย”


“งั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ แล้วค่อยไปแยกกันที่ห้างเนอะ” วาเป็นคนสรุปก่อนผมกับเนมจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะรถในกลุ่มเรามีคันเดียวซึ่งเป็นรถของเนมที่ขับไปส่งผมกับวาที่คอนโดทุกวัน


“ดีล!”






ห้างสรรพสินค้าในเวลาสี่โมงเย็นมีผู้คนเดินพล่านกันเต็มไปหมดจนลายตา มีทั้งนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานที่พากันมาเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์


“แยกกันตรงนี้เลยไหม?”


“อื้ม ถ้าดูหนังเสร็จแล้วก็โทรหาชลแล้วกัน” ผมบอกเพื่อนทั้งสองคนเพราะถ้าให้ผมโทรไปคงไม่ติด มารยาทในโรงหนังคือต้องปิดโทรศัพท์มือถือและข้อนั้นเพื่อนของผมทั้งสองคนก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด


“โอเค”


ผมเดินแยกจากเพื่อนไปที่ช็อปขายรองเท้า คิดไว้ไม่มีผิดที่คนต้องเขาเยอะแน่ๆ ผมมองเข้าไปในร้านที่เต็มไปด้วยผู้คนก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเพราะเป็นคนไม่ชอบคนเยอะและความวุ่นวาย


“ยืนทำอะไรตรงนี้ชล?”


เสียงที่ฟังละมุนหูทุกครั้งที่ได้ยินดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ผมจะหันไปพบกับตะวันกำลังยืนยิ้มอวดลักยิ้มที่แก้มซ้ายของตัวเองให้เด็กวัยเรียนกรี๊ดกร๊าดกันเล่น


“มาได้ไงตะวัน?”


“ขับรถมาอ่ะ”


“กวนตีน”


“ก็ชลถามเรานี่ว่ามาได้ไง เราขับรถมาจริงๆนี่ครับ”


“โอเคๆเราผิดเองแหละ แล้วมากับใครอ่ะ?”


“มาคนเดียวครับ ไม่มีสาวๆที่ไหนควงมาด้วยหรอก”


“ถ้าควงมาจริงเราจะฟ้องเนมคอยดูสิ” ผมชี้หน้าขู่เขาแต่ตะวันกลับส่ายหน้ายิ้มขำให้กับท่าทางของผม จนผมชักมือกลับแทบไม่ทัน


“ฮ่ะๆ แล้วนี่มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในร้านล่ะ?”


“คนเยอะอ่ะ เราไม่ชอบ” ผมยู่ปากอย่างเคยชิน ก่อนจะมองเข้าไปในร้านที่มีคนเดินเข้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ


“ไหนๆก็มาแล้วเข้าไปเถอะ”


“ไม่ชอบนี่นา”


“จับมือเราไว้ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” มือข้างขวาของตะวันถูกยื่นออกมาก่อนเจ้าของมือจะยิ้มให้ผมแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ผมจับมือเขาสักที


“ขอบคุณนะ”


“ครับ”


ตะวันเดินนำผมเพื่อเปิดทางให้คนที่ยืนเบียดเสียดกันถอยหลบให้พวกผมเดินเข้าไปง่ายๆ ดีนะที่ตะวันตัวสูงใหญ่ถ้าเตี้ยม่อต้ออย่างผมเข้ามาเองคงโดนเหยียบจมพื้นก่อนถึงในร้านแน่ๆ


ตะวันพาผมมายืนที่จุดปลอดคนนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าหน้าร้านที่เหมือนฝูงซอมบี้มาซื้อรองเท้ามาก


“ปล่อยมือเราได้แล้วมั้ง”


“ปล่อยไม่ได้หรอก เดี๋ยวชลจะหลง”


“เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”


“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ไปเดินดูรองเท้ากันเถอะเดี๋ยวคนจะเยอะกว่านี้นะครับ”


“ก็ได้”


จากที่ตะวันเคยเดินจูงมือผมกลับกลายเป็นผมที่เดินจูงมือตะวันมาดูรองเท้าที่ตัวเองต้องการ


“ตะวันว่าสีไหนเหมาะกับเราอ่ะ?” ผมยกรองเท้าที่คู่หนึ่งมีสีฟ้า ส่วนอีกคู่หนึ่งมีสีดำ


“อืม.....เราว่าสีฟ้าเหมาะกับชลดีนะ”


“แต่เราชอบสีดำอ่ะ”


“งั้นชลก็เลือกสีดำก็ได้”


“ไม่ดิแต่เราก็อยากได้สีฟ้านะ”


“งั้นก็เอาสีฟ้า”


“เฮ้ย แต่เราว่าสีดำมันดูเรียบหรูมากกว่าอ่ะ”


“งั้นก็สีดำ”


“แต่สีฟ้าก็ดูหลากหลายดี”


“งั้นสีฟ้า”


“แต่---”


“คุณชลครับ ตะวันว่าคุณชลควรเลือกสักอย่างเถอะนะครับ ถ้าเลือกไม่ได้ก็ซื้อไปสองคู่เลย”


“เป็นความคิดที่ดี งั้นเอาสองคู่นี่แหละ” ผมบอกพร้อมยิ้มกว้าง ตะวันทำหน้าเหวอเหมือนจะห้ามปรามผมแต่คงไม่ทันเพราะผมเดินเอาไปจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว


นานๆทีจะซื้อก็ซื้อสองคู่ไปเลยมันจะเสียหายอะไรล่ะครับ


“เอาจริงดิ?”


“อือ ก็เลือกไม่ถูกนี่นา”


“จริงๆเลยนะชล”


ตะวันโยกหัวผมเล่นก่อนจะพากันฝ่าฝูงซอมบี้ออกมานอกร้านอีกครั้งโดยมีตะวันเป็นคนจูงมือผมออกมาเหมือนเดิม


“แล้วนี่จะไปไหนต่อ?”


“ไม่รู้ดิ คงอยู่แถวๆนี้แหละมั้ง รอเนมกับวาดูหนังอ่ะ”


“แล้วทำไมชลไม่ไปดูกับเพื่อนด้วยล่ะ?”


“เราเบื่ออ่ะ อาทิตย์ที่แล้วก็พึ่งมาดู”


“อ่า...งั้นไปเล่นเกมส์กันไหม?”


“เล่นเกมส์เหรอ? เอาสิ เราไม่ได้เล่นมานานแล้วเหมือนกัน”


ตะวันเดินนำผมมายังชั้นที่มีเกมส์เรียงรายเต็มไปหมด ทุกอย่างดูตื่นตาตื่นใจสำหรับผมมากเพราะไม่ได้มานานทุกอย่างจึงดูเปลี่ยนไปและน่าสนใจขึ้น


“ชลอยากเล่นอะไร?”


“อ่า...” ผมมองไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับแป้นบาสที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก “เราอยากเล่นบาสตรงนั้นอ่ะ”


ผมชี้ให้ตะวันดู เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปแลกเหรียญเพื่อใช้เล่นเกมส์


“ชลเคยเล่นบาสหรือเปล่า?”


“ไม่เคยอ่ะ ส่วนมากก็แค่นั่งดู”


“รู้ไหมว่าเราเป็นนักบาสของคณะเลยนะ”


“หืม โม้ป่าวเนี่ย?”


“จริงๆ พูดอย่างนี้ไม่เคยไปดูเลยล่ะสิ”


“แหะๆ” ผมยิ้มแห้งส่งให้ตะวัน เขาส่ายหน้าแล้วหยอดเหรียญใส่ตู้เล่นเกมส์


“หยิบบาสเร็วเดี๋ยวเวลาจะหมดก่อน”


ผมหยิบบาสที่ไหลลงมาเมื่อไม่มีที่กั้นแล้ว หยิบลูกแรกขึ้นชู้ตปรากฎว่าห่างไกลกับคำว่าลงแป้นมากโขแต่ผมยังไม่ท้อหยิบอีกลูกขึ้นมาก่อนจะชู้ต คราวนี้เกือบเข้าแต่ลูกกลับกระแทกขอบแป้นบาสจนกระเด็นออกซะงั้น ผมหยิบลูกแล้วลูกเล่าขึ้นชู้ตผลที่ตามมาก็คือไม่เข้าเหมือนเดิม


“ฮึ่ย!! ไม่เล่นแล้วจะกลับบ้าน” ผมงอแงอย่างลืมตัว ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนข้างๆก็ต้องหน้าร้อนวาบขึ้นมา ลืมไปได้ไงเนี่ยว่าตะวันก็ยืนอยู่ข้างๆ


“ฮ่ะๆใจเย็น มานี่เดี๋ยวเราเล่นให้ดู”


ผมหลีกทางให้ตะวันอย่างง่ายดาย ตะวันเดินเข้ามายืนแทนที่ผมก่อนจะหยิบลูกบาสขึ้นมาแล้วเหล่ตาพร้อมกับยกยิ้มมุมปากส่งมาให้


น่าหมั่นไส้ชะมัด


“ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้นะครับคุณชล” ผมมองค้อนก่อนเข้าจะยิ้มขำกับท่าทางหัวเสียของผม


“รีบๆโยนสักทีน่า” ผมเร่งเร้าเขาก็พยักหน้าก่อนจะจัดแจงท่าทางของตัวเอง


ลูกบาสที่อยู่ในมือตะวันถูกโยนไปหาเป้าหมายซึ่งนั่นก็คือแป้นบาสที่อยู่สูงเสียดฟ้า ผมมองตามลูกสีส้มนั้นและอย่างที่คนตัวสูงโม้ไว้ ลูกเข้าแป้นด้วยความสวยงาม


“เป็นไง อึ้งเลยสิ” เขาหันมายักคิ้วและทำหหน้ากวนประสาทใส่ผม จนเบื้องล่างมันลั่นแตะเข้าหน้าแข้งเขาด้วยความหมั่นไส้


“สมน้ำหน้า”


หลังจากนั้นผมกับตะวันก็แย่งกันชู้ตบาส พวกเราปลดปล่อยอารมณ์ให้สนุกไปกับมัน ความเครียดที่เคยมีหายไปแทนที่ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ดังไปทั่วบริเวณ


ลูกเข้าบ้างไม่เข้าบ้างแต่เราก็ไม่ได้คิดมากแค่เล่นให้สนุกและมีความสุขไปกับมันแค่นี้ผมว่าก็ดีมากแล้วครับ


“รู้ไหมเวลาชลยิ้มแล้วมันทำให้เราอยากยิ้มตามไปด้วย”


ผมหันไปมองตะวันที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา เราสบตากันนิ่งและรอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนริมฝีปากของเราทั้งสองคน


“....”


“วันหลังยิ้มบ่อยๆนะ เราชอบเวลาชลยิ้ม”


“อะ...อื้ม”



###########################


:pig4:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2017 14:30:22 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ตะวันยังไงกันเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ yehatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
นนท์เลวมากกกกกก

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ตะวันนี่ไม่น่ามาจีบเนมนะ น่าจะจีบชล // เกลียดแฟนเก่าชล อะไรคือให่ตุกตารูปควายอะ??

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เพื่อนๆเขารู้กันหมดแล้วหรือเปล่าว่าตะวันไม่ได้จีบเนม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ชลนี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าตะวันจีบตัวเองอยู่อ่ะ 555

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตะวันเขาจีบหนูรึเปล่าลูก
 :katai3: :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เลิกไปเลยแฟนห่วยๆ อย่างนายนนท์
ให้ของขวัญแฟนทุเรศมาก เหอะ ตุ๊กตาควาย
รั้งไว้ทำไม ใจเขาไม่อยู่ที่เราแล้ว
นอกใจทั้งที่ยังไม่เลิกกัน นิสัยเลว
แล้วนนท์ ไม่ต้องกลับมาหาชลอีกนะ

เพื่อนชล วา กับ เนม
วาอยากให้ตะวัน เนม และก็อยากให้ตะวันชอบตัวเอง
แต่ตะวัน ดูชอบชล นะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3

Chapter3

สายลมที่หวังดี








ร้านอาหารไทยในช่วงเย็นมีลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้ามาลิ้มลองรสชาติอาหารที่มีคนการันตีมามากมายว่าอร่อยเด็ดที่สุดในย่านนี้


ผมเดินเข้าออกห้องครัวของร้านเป็นว่าเล่นเพราะวันนี้น้าชายว่ายวานให้ผมมาช่วยที่ร้านเนื่องจากร้านอาหารของน้าชายได้โปรโมทออกรายการอาหารชื่อดัง


ไม่ถึงสัปดาห์ผู้คนก็แห่แหนกันมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่น้าชายเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง


“น้องชลปูผัดผงกระหรี่ของโต๊ะสิบหกได้แล้ว”


ผมเดินไปหยิบจานปูผัดผงกระหรี่ที่มีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอขึ้น ก่อนจะเดินเอาไปเสิร์ฟยังโต๊ะสิบหกที่มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่


“ทานให้อร่อยนะครับ”


ผมเดินถอยออกมาก่อนจะมองดูไปทั่วร้านว่ามีลูกค้าท่านไหนที่ยังไม่ได้อาหารอีกบ้าง ผมกวาดสายตาไปทั่วจนสะดุดตาเข้ากับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกครั้งหลังจากที่เรา...เลิกลากัน


“น้องชลพี่วานไปรับออเดอร์ที่โต๊ะสองทีนะคะ” หญิงสาวที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบพนักงานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อนเพราะในมือมีอาหารที่ต้องนำไปเสิร์ฟให้ลูกค้า


ผมอยากปฏิเสธไปแต่ก็จำใจต้องพยักหน้ารับเพราะมีผมคนเดียวที่ว่างในตอนนี้และผมไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน



“รับอะไรดีครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเฉกเช่นที่คุยกับลูกค้าคนอื่นๆ


ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาพร้อมยกยิ้มส่งให้ผม ผมมองเขาโดยไม่หลบสายตา


จบกันไปตั้งนานแล้วความรู้สึกของผมที่เหลืออยู่ก็เบาบางเพียงพอที่จะให้อภัยเขา...


“สบายดีไหมชล?”


“วันนี้ร้านของเรามีเมนูแนะนำคือกุ้งอบวุ้นเส้นครับ” ผมไม่สนใจตอบคำถามเขา เฉไฉพูดเรื่องอื่นขึ้นมาก่อนจะเห็นคนตรงหน้าถอนหายใจ


“เฮ้อ ชลจะไม่คุยกับพี่จริงๆสินะ”


“คุณลูกค้าจะรับอะไรดีครับ ถ้ายังเลือกไม่ได้ผมขอตัวก่อนนะครับ”


พอพูดจบผมก็เตรียมหันหลังเดินออกไปจากตรงที่ยืนอยู่แต่เขากลับเรียกไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกไป


“เดี๋ยวสิ”


“ครับ”


ผมมองเขาที่ถอนหายใจใส่ผมเป็นครั้งที่สอง จากนั้นจึงหยิบเมนูขึ้นมาเพื่อบอกรายการอาหารที่ตนเองต้องการ


“เอาข้าวผัดสับปะรด กุ้งอบวุ้นเส้นแล้วก็แกงจืดเต้าหูไข่”


“ครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับน้ำอะไรดีครับ?”


“น้ำเปล่าแล้วกัน”


ผมทวนเมนูให้เขาฟังอีกสักพักก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อนำเมนูอาหารไปให้น้าชายที่กำลังวุ่นวายกับการผัดผักรวมมิตร




หลังจากนั้นผมก็ไม่เดินออกไปหน้าร้านอีกเลย ไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้แต่ผมแค่ไม่อยากเห็นและมองหน้าเขาเพียงเท่านั้น ผมทำตัววุ่นวายอยู่ในครัว ช่วยน้าชายหยิบนู่นหยิบนี่จนไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีก


ส่วนอาหารที่เขาสั่ง พี่พนักงานผู้หญิงคนเดิมก็เป็นคนเอาไปเสิร์ฟให้ตั้งแต่น้าชายทำเสร็จ


ไม่นานร้านอาหารก็ปิดลงในเวลาสามทุ่ม ผมและพนักงานในร้านช่วยกันทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อยก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน


“วันนี้ขอบคุณทุกคนมากนะ” น้าชายกล่าวกับทุกคนแบบนี้ทุกครั้งหลังจากร้านอาหารปิด พนักงานทุกคนยิ้มแย้มและพูดคุยกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันกลับ


“ชลกลับก่อนนะครับน้า ถ้ามีอะไรก็โทรหาชลได้เลยนะ”


“ขอบคุณที่มาช่วยนะชล ถ้าพี่เชษฐ์รู้เข้าต้องบ่นน้าแน่ๆที่มาใช้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาทำงานหนักแบบนี้”


น้าชายเอ่ยแซวเพราะพ่อก็เป็นแบบนั้นไม่ต่างจากน้าชายพูดเท่าไหร่ ก็พ่อนะหวงผมอย่างกับผมเป็นผู้หญิงแน่ะ


“ฮ่ะๆน้าก็พูดเกินไป”


“น้าไม่รบกวนแล้ว ชลกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีก”


“ครับ สวัสดีครับน้า” ผมพนมมือไหว้น้าชายก่อนจะเดินไปทางประตูร้านเพื่อไปเรียกแท็กซี่กลับห้อง



“น้องชล!”


พนักงานหญิงในร้านร้องเรียกผมพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาผมที่กำลังจะเปิดประตูออกจากร้าน


“มีคนฝากมาให้ค่ะ”


ผมมองดอกไม้สีขาวที่พี่พนักงานยื่นมาให้ ดอกไม้สีขาวขนาดเล็กหลายดอกรวมกันเป็นช่อ มีกระดาษสีน้ำตาลห่อหุ้มและผูกโบสีขาวไว้อย่างสวยงาม


“ใครฝากมาครับ?”


“พี่ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นเด็กบอกว่ามีคนตั้งไว้หน้าเคาน์เตอร์ร้าน มีชื่อน้องชลเป็นผู้รับค่ะ”


ผมยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อเล็กมาไว้ในมือ ก่อนจะมองหาการ์ดที่น่าจะบ่งบอกคนที่ส่งมาให้





“สายลมที่หวังดี”





...คนๆนี้อีกแล้ว...









ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผมเลิกรากับพี่นนท์ไป ดอกไม้สีขาวช่อเล็กก็ถูกส่งมาให้ในทุกๆวันจันทร์ของสัปดาห์ บนการ์ดเขียนเพียงชื่อผมและนามแฝงของคนส่ง




‘สายลมที่หวังดี’




ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนในวันจันทร์ ผมต้องได้รับดอกไม้ช่อเล็กนี้เสมอ เจ้าของช่อดอกไม้รู้ว่าผมจะไปที่ไหนและเวลาไหนทั้งที่ผมไม่ได้บอกใครนอกจากเพื่อนสนิททั้งสองคน...


“นั่งเหม่ออะไรอยู่ชล?” เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเอง


“หือ? ชลเปล่าเหม่อสักหน่อย แล้ววาไปไหนล่ะ?”


“แวะซื้อน้ำอยู่น่ะ เนมเลยเดินมาก่อนกลัวชลรอนาน”


“แล้วเจ้าตัวจะไม่โวยวายเหรอมาก่อนแบบนี้”


“ไม่หรอก เนมบอกวาแล้ว”


“ให้มันจริง ไม่ใช่ว่าแอบเดินหนีออกมาเหมือนคราวก่อนล่ะ”


“จริงๆ ชลไม่เชื่อเนมเหรอ?”


“อือ”


“โถ่! ชลอ่ะ”


“ฮ่าๆล้อเล่น”


“เนมก็ไม่อยากโดนบ่นหูชาเหมือนคราวก่อนหรอกน่า”


“ฮ่าๆๆนี่ก็พูดเว่อร์ไป”


“หรือว่าชลไม่คิดเหมือนเนม?”


“คิด”


“ฮ่าๆๆ”


เราสองคนระเบิดหัวเราะเมื่อนึกถึงวาเพื่อนสาวที่บ่นได้ทุกเรื่อง ขนาดหมาฉี่หน้าบ้านยังบ่นจนหมากลัวไม่กล้าเข้าใกล้





“นินทาอะไรวาอยู่หรือเปล่า?” เสียงของผู้หญิงในหัวข้อสนทนาของผมกับเนมดังขึ้นใกล้ๆ


“เปล๊า” ผมกับเนมตอบพร้อมกับโทนเสียงสูง วาจ้องเราสองคนเขม็งก่อนที่ผมกับเนมจะฉีกยิ้มหนีความผิด


“ชิ! อะน้ำ วาซื้อมาเผื่อ” วาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้งพร้อมกับตั้งน้ำลงบนโต๊ะให้ผมกับเนมคนละขวด


“ขอบคุณคร้าบบบบ” เราสองคนยิ้มประจบว่าทันที จนหญิงสาวหนึ่งเดียวอดหมั่นไส้ไม่ได้จับหัวของเราสองคนเขกกัน


“อะ...โอ๊ยยย”


“สมน้ำหน้า” วานั่งลงฝั่งตรงข้ามของผมก่อนจะเปิดขวดน้ำขึ้นดื่ม


หลังจากกินข้าวที่โรงอาหารเสร็จพวกเราก็มานั่งใต้ตึกคณะเพื่อรอเรียนวิชาต่อไป


ผมนั่งมองนักศึกษาบางคนที่พึ่งเรียนเสร็จกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังโรงอาหาร ส่วนพวกที่กินอิ่มแล้วอย่างพวกผมก็มานั่งฟุบหลับไถโทรศัพท์เล่นเพื่อรอเวลาเข้าเรียนต่อไป


“นั่นตะวันหรือเปล่าน่ะ?”


ผมมองตามไปยังทิศทางนิ้วของวาที่ชี้ให้ดู เห็นตะวันเดินแจกแผ่นกระดาษให้กลุ่มนักศึกษาตามโต๊ะและทางเดินต่างๆ


คนที่โดนจ้องมองหันมาทางพวกเราสามคนก่อนจะโบกมือให้และฉีกยิ้มกว้างอวดลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย


“หวัดดี”


“ตะวันมาทำอะไรแถวคณะเราอ่ะ?” เนมถามขึ้นเมื่อตะวันเดินมาหยุดตรงโต๊ะที่พวกเรานั่ง


คณะของตะวันกับคณะผมห่างกันคนละฟากมหาลัย แปลกที่จู่ๆเขาก็มาโผล่แถวคณะของผมได้


“อ๋อ เรามาแจกแบบสอบถามน่ะ” ว่าจบก็โชว์แผ่นกระดาษเอสี่ในมือขึ้นโชว์พวกผมทั้งสามคน


“วันนี้ที่ไม่ได้มากินข้าวกับพวกเราเพราะต้องมาแจกแบบสอบถามสินะ” เนมถามต่อ


“อื้ม แจกทั้งวันแล้วยังไม่หมดเลยอ่ะ”


“มาๆเดี๋ยวพวกเราช่วยทำ” วาบอกพร้อมรับกระดาษที่ตะวันยื่นให้มาแจกจ่ายผมกับเนมคนละแผ่น


“ขอบคุณครับ”


“ตะวันนั่งก่อนสิ ยืนนานๆเดี๋ยวก็เมื่อยเอาหรอก” ผมบอกตะวันเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่ยืนยิ้มมองพวกเรา


“ครับ” ตะวันนั่งลงข้างๆวาหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่ม ก่อนเขาจะหันมองรอบๆตึกคณะของผมอย่างสนใจ



“อ่ะเสร็จแล้ว”


ผมยื่นกระดาษเอสี่สามแผ่นให้ตะวันที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว บางทีก็แปลก...ตะวันชอบนั่งมองหน้าผมอยู่เรื่อยเลยแทนที่จะมองเนม คนที่ตัวเองชอบ


“ขอบคุณมากๆนะ” ตะวันรับไปพร้อมบอกขอบคุณพวกผมทั้งสามคน


“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกพวกเราได้นะ” ผมยิ้มพลางหยิบขวดน้ำที่วาซื้อมาให้ยื่นให้ตะวัน “เราให้ ท่าทางยังไม่ได้กินอะไรเลยสิ”


“แหะๆ” เขายิ้มแห้ง รับน้ำที่ผมยื่นให้ก่อนจะเปิดขวดน้ำที่ผมยังไม่ได้แกะขึ้นดื่มจนเกือบหมดขวด “ขอบคุณสำหรับน้ำนะชล”





เขาส่งยิ้มให้ผม





ยิ้ม...เหมือนดีใจ





“อือ วาซื้อมาน่ะ” รอยยิ้มของเขาดูเจื่อนลงแต่สุดท้ายก็กลับมายิ้มกว้างให้พวกเราทั้งสามคน



ไม่ใช่เฉพาะ...ผม



“อีกห้านาทีจะถึงเวลาเรียนแล้ว” เนมมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะบอกผมกับวา


“งั้นไปกันเถอะ” ผมบอกพลางเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง


“จะไปกันแล้วเหรอ?”


“อือ ตะวันก็อย่าลืมทานข้าวล่ะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะเอา ทรมานมากชลเคยเป็น”


ตะวันยิ้มให้ผมอีกครั้ง รอยยิ้มที่...แปลกตา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่แก้มและใบหูเขากลับมีสีแดงน่ามอง


“ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะชล” เขายกมือขึ้นเกาจมูกอย่างที่ชอบทำเวลาเขิน




เขิน? บ้าน่า ผมคงคิดไปเอง ตะวันอาจจะคันจมูกจริงๆก็ได้




“พวกเราไปนะ” เนมกับวาพูดขึ้นพร้อมกัน รอยยิ้มของเพื่อนสนิททั้งสองดูมีแววล้อเลียน


“อื้อ ตั้งใจเรียนนะชล” ผมทำหน้างงใส่ตะวัน ทำไมบอกแต่ผมล่ะ“อะ..เอ่อเนมกับวาด้วย ตั้งใจเรียนนะทุกคน”


ผมหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนที่อมยิ้มขำกับท่าทางของตะวัน พอหันมาหาตะวันอีกทีก็เห็นเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปนอกตึกคณะของผมแล้ว


“ยืนขำอะไรกันเนี่ย ไปเรียนกันได้แล้ว”


ทั้งสองคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงผม ก่อนจะเดินนำหน้าผมไปเพื่อขึ้นลิฟต์ปล่อยให้ผมยืนมองด้วยความไม่เข้าใจกับท่าทางแปลกๆของเพื่อนสนิททั้งสอง





และ





ตะวัน...




#####################


:pig4:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2017 22:41:37 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เป็นอีกเรื่องที่หน้าติดตามค่ะ ปล. อีพี่นน ไปตายนะคะ ไปค่ะ ไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่นนยังโผล่มาเป็นสัมภเวสีอีกเหรอ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ชลเอยยยย

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อิพี่นนท์เป็นผู้ชายที่เลวมาก ตอนให้ตุ๊กตาควายนี่เหมือนตอกย้ำชลอ่ะ ดีแล้วที่ชลเลิกได้  :katai2-1:หันมาหาน้องตะวันเถอะ :-[
คิดว่าคนอื่นๆรู้นะว่าตะวันชอบใคร แต่ยกเว้นเจ้าตัวไว้คนนึง

รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ชลลลลลมีคนจีบรู้ตัวยัง อิอิ
พี่นนท์มาทางไหนกลับไปทางนั้นนะคะ

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3



Chapter4

อยู่บำรุง









ฝนโปรยปรายลงมาทั้งๆที่แดดออกจ้า อาจจะดูแปลกไปหน่อยแต่มันคือสิ่งที่ผมต้องเผชิญในเวลานี้


เดินออกมาหน้าคอนโดเพื่อจะเรียกแท็กซี่ไปมหาลัยแต่ฝนเจ้ากรรมดันตกมาอย่างรู้เวลา ผมจึงต้องเดินมาหลบใต้คอนโดที่มีหลังคายื่นออกมาให้พอหลบฝนได้


ไม่อยากเข้าไปหลบในคอนโดเพราะกลัวแท็กซี่มาแล้วจะโบกไว้ไม่ทัน ผมจึงต้องมาเผชิญชะตากรรมอยู่ในเวลานี้


น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นกระเซ็นมาโดนเสื้อและกางเกง น่าหงุดหงิดแต่คงไม่หงุดหงิดเท่าลมที่พัดมาเป็นช่วงๆพาให้เม็ดฝนตกกระทบกับตัวของผมจนเกือบเปียกปอนด์


ศีรษะเปียกหมาดๆส่วนเสื้อผ้าก็เปียกเฉพาะบางจุด ไม่มากไม่น้อยแต่รับรู้ได้ว่าเปียก


หากว่าอีกห้านาทีแท็กซี่ยังไม่มาผมคงได้เปียกโชกเป็นแน่


เหมือนสวรรค์จะได้ยินเสียงเว้าวอนในใจของผม ส่งแท็กซี่หนึ่งคันมาให้พอดิบพอดี


ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ล่ะนะ








รถแท็กซี่เคลื่อนตัวมาถึงมหาลัยในเวลาต่อมา คุณลุงคนขับใจดีขับเข้ามาส่งผมถึงหน้าตึกคณะ


“ขอบคุณนะครับคุณลุง”


ผมชำระเงินก่อนจะกล่าวขอบคุณจากใจจริง หากเจอคันอื่นผมอาจจะได้เดินตากฝนเข้ามหาลัยเองก็ได้


วันนี้ก็ยังถือว่าผมโชคดีที่เจอแท็กซี่ดีๆล่ะนะ


ผมเปิดประตูรถออกจากนั้นก็วิ่งฝ่าสายฝนเพื่อเข้าไปในตึกคณะให้เร็วที่สุด


เนื้อตัวของผมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน ถึงจะนั่งในรถให้เครื่องปรับอากาศเป่าให้แห้งบางส่วนแล้วแต่มันคงแห้งไม่ทัน บวกกับวิ่งฝ่าฝนเข้าตึกมาเมื่อกี้ ยิ่งทำให้ผมเปียกเพิ่มยิ่งกว่าเดิม


“เฮ้ยชล!! ทำไมเปียกงั้นอ่ะ” เสียงเล็กฉบับผู้หญิงของวากล่าวทักทันทีเมื่อผมปรากฏแก่สายตาของเพื่อนทั้งสองคน


“ตากฝนมา” ว่าพลางหย่อนกายลงนั่งข้างเนมที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำบนศีรษะหยดติ๋งๆเป็นพร๊อบเสริม


“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”


เนมว่าเชิงตำหนิเพราะเมื่อเช้าเพื่อนรักบอกว่าจะมารับผมไปมหาลัยด้วยกันแต่ผมกลับปฏิเสธไป ไม่อยากให้เพื่อนต้องพบเจอกับการจราจรที่ติดขัด แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าฝนมันจะตกลงเสียดื้อๆทั้งที่แดดก็เปรี้ยงขนาดนั้น


“ชลไม่ป่วยง่ายๆหรอก แข็งแรงจะตาย นี่เห็นม้ะ” ว่าพลางถลกแขนเสื้อที่เปียกชุ่มขึ้นก่อนจะเบ่งกล้ามอวดเพื่อนๆ


“ยังจะเล่นอีก”


“อย่าดุกันซี่ ชลไม่ป่วยหรอกไม่ต้องเป็นห่วงน้า” ผมว่าแล้วเอาหน้าถูไถกับไหล่ของเนม เลียนแบบเวลาแมวอ้อนเจ้าของ


“ทุกทีสิน่า”


ผมยิ้มขำเพื่อนตัวเล็กที่พูดแบบนี้ทุกครั้งเมื่อแพ้ลูกอ้อนของผม


ผมล้วงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ยังดีที่ไม่เปียกเท่าไหร่ ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำทะเลสดใส ปักชื่อจริงของผมไว้ที่มุมหนึ่งของผ้าผืนบาง ของขวัญที่ตะวันให้มาเนื่องในวันเกิดของผม



น่ารัก



ตะวันน่ารักมากจริงๆ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องให้อะไรก็ได้แต่เขาก็ยังให้ ยิ่งเขาบอกว่าเป็นคนปักชื่อนั้นให้ผมเองกับมือผมยิ่งทึ่ง ความประทับใจที่ผมมีให้เขายิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ


ผู้ชายที่ไหนเขาจะมานั่งเย็บปักถักร้อยกันแต่ตะวันยังทำและทำมันให้ผม




ชลธี




ผมยิ้มให้กับชื่อที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้าผืนบางอีกครั้งก่อนจะใช้มันซับบนใบหน้าที่มีหยาดฝนเกาะอยู่กระจัดกระจาย


“นั่งยิ้มอะไรคนเดียวอ่ะชล?” เนมเอ่ยขึ้นขณะที่ผมซับน้ำออกจากไรผม




ยิ้มเหรอ?




นั่นสินะ ผมก็เริ่มรู้สึกปวดแก้มขึ้นมาตงิดๆ




“ยิ้มให้ฝนน่ะ”


เนมกับวาทำหน้าตาไม่เชื่อ ทั้งสองคนหันหน้ามองกันเหมือนเป็นการปรึกษากับคำตอบพิลึกพิลั่นนั่นของผม




ยิ้มให้ฝน ใช่ ผมยิ้มให้ฝนจริงๆ




“ไปเรียนกันเถอะ”



ไม่ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองคนสงสัยและถามอะไรให้มากความ ก็เดินนำหน้าไปขึ้นลิฟต์เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่มีคำตอบให้เพื่อนเหมือนกันว่าทำไมถึงยิ้มคนเดียว....








คาบเช้าผ่านไปอย่างแสนสาหัสสำหรับผมที่พึ่งตากฝนและต้องมาเผชิญกับเครื่องปรับอากาศในห้องเรียน


ทุกทีก็รู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องปกติและกำลังดีแต่ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่ามันเย็นเกินไปหรือมีใครปรับอุณหภูมิให้มันติดลบกันนะ


“ชล ไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ”


เสียงนุ่มทุ้มละมุนหูของคนฝ่ายตรงข้ามเอ่ยถามขณะที่เรานั่งเฝ้าโต๊ะให้เพื่อนไปซื้อข้าว


“หืม เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก”


“แน่ใจนะ?”


“อืม แค่รู้สึกเพลียๆน่ะ”


“ถ้าชลรู้สึกไม่ดีก็บอกเรานะ”


“อื้อ”


บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้นเมื่อคนที่ไปซื้อข้าวกลับมานั่งกันครบแล้วและคนที่ต้องไปซื้อน้ำอย่างผมกับตะวันก็เตรียมตัวลุกแต่อีกคนกลับเรียกชื่อผมขึ้นมาก่อน


“ชลนั่งเถอะ เดี๋ยวเราไปซื้อคนเดียวก็ได้” เขาว่างั้นแต่ผมกลับส่ายหน้า


“ไม่เป็นไร ไปซื้อด้วยกันนี่แหละ”


“ชล นั่งเถอะ”


“ไม่เอา”


“ชล” ตะวันเริ่มกดเสียงต่ำ


“ตะวัน” ผมก็ไม่แพ้กัน


“เฮ้ยๆ อย่างพึ่งทะเลาะกัน” เนมส่งเสียงห้ามเมื่อเห็นผมกับตะวันทำท่าจะไม่ยอมกัน


เราสองคนยืนเล่นเกมจ้องตากันอยู่นานสองนาน


“เนมก็ดูตะวันดิ”


“ก็เราเป็นห่วง”


“แต่เราไม่ได้เป็นอะไร”


“ชล” ตะวันเรียกชื่อผมอย่างอ่อนใจ มองผมด้วยสายตาเว้าวอน


อะไรเล่า! ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่เดินไปซื้อน้ำผมคงไม่ทรุดลงพื้นหรอกน่า



สุดท้ายตะวันก็ยอมให้ผมเดินมาซื้อน้ำด้วยเหมือนทุกวัน ผมยิ้มกริ่มส่วนตะวันทำหน้าอ่อนใจกับความดื้อดึงของผม


ตะวันเป็นคนสั่งน้ำหกแก้วกับคุณป้าแม่ค้าที่ยิ้มรับอย่างใจดี


“เอามา เดี๋ยวช่วยถือ” ผมยื่นมือไปขอแก้วน้ำจากเขาเหมือนทุกวันแต่ตะวันกลับเบี่ยงหลบทำท่าจะถือไปคนเดียวทั้งหมด


“เราถือเอง”


“ตะวันเอามาเร็ว เราช่วยถือ” ผมฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับฉกแก้วสามใบมาไว้ในมือก่อนจะเดินนำลิ่วออกจากหน้าร้านขายน้ำ


“ชลนี่ดื้อจริงๆเลย”


เสียงเขาบ่นตามหลังแต่ผมกับยิ้มรับไม่สะทกสะท้านใดๆ









สุดท้ายจากที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรกลับต้องมานอนซมในห้องหลังจากกินข้าวกินยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


พอเลิกเรียนผมก็รู้สึกเพลียๆปวดหัวตุบๆจึงต้องให้เนมรีบมาส่งที่หอเป็นการด่วน


พอมาถึงเพื่อนทั้งสองก็กำชับให้กินข้าวกินยาแล้วก็พักผ่อน ผมจึงพยักหน้ารับทั้งทีสมองก็เริ่มเบลอๆ


เข้ามาในห้องก็ทำตามที่เพื่อนว่าคือหาข้าวกิน ยังดีที่ในห้องมีโจ๊กสำเร็จรูปอยู่ผมจึงไม่ต้องโทรสั่งข้าวให้มาส่ง


หลังจากจัดการกับอาหารเรียบร้อยแล้วก็ค้นตู้ยาหยิบยาแก้ไข้ขึ้นมากินหนึ่งเม็ดก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง


ทั้งคืนผมนอนตัวสั่นเทาใต้ผ้าห่มผืนหนา พอห่มผ้าหนาๆเข้าก็ร้อน พอเอาผ้าห่มออกก็หนาว ผมเป็นแบบนั้นอยู่ทั้งคืนจนหงุดหงิด


หงุดหงิดที่ตัวเองต้องนอนซมบนเตียงโง่ๆนี้คนเดียว ความงี่เง่างอแงเริ่มก่อตัวขึ้น คนป่วยเขาบอกว่าอารมณ์อ่อนไหวท่าจะจริง


ผมนอนร้องไห้แบบนั้นทั้งคืน ทั้งคิดถึงพ่อที่เชียงใหม่ คิดถึงเพื่อน คิดถึงสิ่งต่างๆมากมายที่ไม่น่าคิด อดน้อยใจกับตัวเองไม่ได้ที่ต้องมานอนซมโดยที่ไม่มีคนดูแล




...น่ารำคาญ...









ผมฝืนสังขารตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอนในตอนเช้าหลังจากกึ่งหลับกึ่งตื่นทั้งคืน


อาการป่วยของผมก็ไม่ได้ทุเลาลงแต่อย่างใดกลับเป็นหนักยิ่งกว่าเดิมต้องพยุงตัวเองเข้าไปในห้องน้ำช้าๆ เกาะนู่นเกาะนี่เป็นตัวยึด จนกระทั่งถึงห้องน้ำ


พออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกมาต้มโจ๊กกิน กินเสร็จก็กินยา ไม่นานผมก็มายืนรอแท็กซี่หน้าคอนโดเพื่อไปมหาลัย





ผมมาถึงมหาลัยก็เห็นเพื่อนรักทั้งสองนั่งประจำที่โต๊ะเดิม พอเพื่อนเห็นผมที่หอบสังขารเปื่อยๆเดินเข้าไปหา ก็รีบลุกขึ้นพรวดพราดมาพยุงผมไปนั่งที่โต๊ะทันที


“ตัวร้อนจี๋เลยชล”


“อือ”


“ไม่สบายแล้วทำไมไม่นอนพักที่ห้อง”


“มีสอบ”


“จริงๆเลยนะชล”


“อือ”


ผมตอบอืออากับคำพูดของเพื่อนทั้งสอง สมองยังคงเบลอๆไม่สามารถประมวลผลอะไรได้มากมาย แค่นั่งให้ตรงผมว่าผมก็เก่งมากพอแล้วนะ


ผมเข้าเรียนด้วยสภาพที่ร่างกายอ่อนปวกเปียก การสอบก็ยังถือว่าโอเคที่ผมทำได้บ้าง ยังดีที่ผมเป็นคนชอบอ่านทบทวนบทเรียนเป็นประจำ การสอบย่อยครั้งนี้เลยถือว่าทำได้มากกว่าที่คิด








เพื่อนซี้ทั้งสองยังคงคะยั้นคะยอให้ผมกลับไปนอนพักที่ห้อง แต่คาบบ่ายผมมีเรียนต่อจึงไม่ยอมกลับไป เพื่อนสองคนจึงถอนหายใจกับความดื้อดึงของผมแล้วพามากินข้าวที่โรงอาหาร


ตะวันและเพื่อนอีกสองคนของเขามานั่งรอก่อนแล้ว ไม่ได้พูดอะไรกันมากมายเพราะทุกคนรู้หน้าที่ดี ทั้งโต๊ะจึงเหลือผมกับตะวันเฝ้าโต๊ะเช่นเคย


“ไม่สบายหรือเปล่า?”


“อือ”


“ทำไมไม่นอนพัก”


“มีสอบ”


“ดื้อ”


ผมทำหน้าบึ้งใส่ตะวัน คนตรงข้ามทำเพียงแค่ยิ้มให้จากนั้นจึงยื่นหลังมือของเขามาแตะหน้าผากของผมเพื่อวัดอุณหภูมิ


“ตัวร้อนจี๋เลย ไหวหรือเปล่า?”


“อือ”


“โกหก” 


“ปวดหัว”


“มากไหม?”


“อือ”


ผมพยักหนาหงึกหงัก ฟุบหน้าลงกับโต๊ะก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสที่ลูบเบาๆบนศีรษะ




ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดี




สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ผมเกือบเคลิ้มหลับก่อนที่สัมผัสนั้นจะหายไปแทนที่ด้วยเสียงละมุนหูของตะวัน




“กินข้าวก่อนนะ”


ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะก่อนจะเห็นทุกคนที่ไปซื้อข้าวกลับมานั่งที่เรียบร้อยแล้ว


ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปซื้อน้ำอย่างทุกวันแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อทุกคนมีน้ำวางไว้ข้างจานข้าวคนละแก้วเหมือนกันกับผมที่มีน้ำเปล่าไม่เย็นหนึ่งขวด


นั่งกินข้าวได้ไม่กี่คำก็รู้สึกผะอืดผะอมจนต้องวางช้อนแล้วเปิดน้ำขึ้นดื่ม


“อิ่มแล้วเหรอชล?” วาถามผมเมื่อตั้งขวดน้ำลง


“อือ”


“ชลกินยังไม่ถึงห้าคำเลยนะ”


“อือ”


“กินอีกนิดเถอะ”


“ฮื่อ”


ผมส่ายหน้าอย่างขัดใจ อะไรๆก็ดูจะน่าหงุดหงิดไปหมด


“เนมว่าชลกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ ส่วนเรื่องเรียนเดี๋ยวเนมบอกอาจารย์ให้”


“ไม่เอา”


“ชลอย่าดื้อสิ เป็นหนักขนาดนี้ยังไงก็เรียนไม่รู้เรื่อง”


“แต่—”


“ไปเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง” เสียงนุ่มทุ้มของตะวันแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค


“ตะวันไม่มีเรียนเหรอ?” เนมถามต่ออย่างสงสัย


“ไม่ล่ะ พอดีเพื่อนพึ่งบอกในกลุ่มว่าอาจารย์ยกคลาส” ตะวันบอกอย่างนั้นแต่พวกเราสามคนยังไม่ปักใจเชื่อจึงหันหน้าไปหาใหญ่กับเติ้ล ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกหงักยืนยันคำพูดของตะวัน


“งั้นเราฝากชลด้วยนะตะวัน”


“อือ ไม่ต้องห่วง”








ตะวันพาผมมาถึงคอนโดหลังจากตกลงกันเสร็จสรรพ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องอาสามาดูแลผมทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด


ผมเบ้หน้าเมื่ออาการปวดหัวเริ่มเล่นงาน จะเหตุผลอะไรก็ช่างแต่ตอนนี้ผมอยากนอนพักเต็มทน


ตะวันให้ผมขี่หลังขึ้นมาบนห้อง ผมที่ไม่มีแรงจะเถียงก็เลยตอบตกลงอย่างว่าง่าย


ใบหน้าของผมซุกซบอยู่บนซอกคอของตะวัน ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบกับซอกคอของเขาเป็นจังหวะแผ่วเบา มือสองข้างของผมคล้องคอตะวันไว้กันตก กลิ่นหอมอ่อนๆของตะวันทำให้ผมเกือบเคลิ้มหลับไป


พอหัวถึงหมอนผมก็แทบสลบ คนที่เคยให้ผมขี่หลังไม่รู้เดินไปไหน ผมหลับตาเพราะร่างกายเริ่มไม่ไหว ได้ยินเสียงกุกกักคงเป็นตะวัน


ไม่นานสัมผัสเย็นๆถูกลูบไล้เบาๆบนใบหน้าและตามลำตัว


“อือ”


ผมครางอื้ออึงอยู่ในลำคอ หันตัวหนีก็โดนอีกคนจับตัวไว้ จนเสร็จนั่นล่ะเขาถึงยอมปล่อยให้นอนหลับสบาย


“กินยาก่อนนะชล”


เสียงนั้นหายไปพร้อมกับยาเม็ดโตที่ถูกป้อนเข้าปากพร้อมน้ำเปล่า ผมอ้าปากรับไว้ไม่ขัดขืนเพราะไม่ใช่คนกินยายาก


รู้สึกว่าเสื้อผ้าบนตัวถูกเปลี่ยนออก คงจะเป็นตะวันอีกนั่นแหละที่เป็นคนทำ ผมปล่อยให้เขาทำอย่างว่าง่าย ชุดนักศึกษาก็อึดอัดใช่เล่น


“ฝันดีครับ”


ผมปรือตามองคนที่กำลังจะเดินออกไป คว้าข้อมือเขาไว้ก่อนจะเปล่งเสียงที่แหบแห้งของตัวเองออกมา






“อย่าไป”





แค่เท่านั้นก็รู้สึกถึงแรงยวบของเตียงอีกฝั่ง ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นโอบรัดผมไว้ทั้งตัว ผมหันหน้าเข้าซุกกับความอบอุ่นนั่น จัดท่าทางตัวเองให้เรียบร้อยทั้งที่เปลือกตายังปิด






“นอนนะครับคนดี”







สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากสวยทำให้ผมเคลิ้มหลับไปในที่สุด




#########################
 
:pig4:







ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ตะวันดูแลชลดีขนาดนี้ ชลรู้ตัวทีเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ไม่ต้องลุ้นละนะตะวัน ได้แน่ๆคนนี้

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: น่าติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ตะวันชัดเจนมาก น้องชลรู้ตัวเร็วๆเถอะ
 :-[

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
เนมกับวาต้องคอยเป็นแบล็คให้ตะวันแน่เลย

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3





Chapter5

40 Km/Hr (สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง)









“ชลกินยาก่อนนะ”

“ไม่ร้องนะครับคนดี”

“นอนนะครับ ไม่ร้องนะ”





คำพูดที่แสนอ่อนโยนของคนที่โอบกอดผมไว้ดังขึ้นตลอดทั้งคืน มันทั้งนุ่มและละมุนหูอยากจะฟังซ้ำๆแบบนี้ทุกวัน สัมผัสที่นุ่มนวลจรดลงบนหน้าผากทุกครั้งที่ผมละเมอ ร้องไห้หรืองอแงกลางดึก



ผมพยายามปรือตามองเจ้าของความอ่อนโยน ใบหน้าที่ผมเห็นในความมืดนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่แต่ความรู้สึกของผมบ่งบอกว่าดวงตาคู่นั้นที่จ้องลงมามีแต่คำว่าเป็นห่วง


ริมฝีปากเขาแย้มยิ้มทุกครั้งที่ผมกระชับอ้อมกอดและซุกหน้าเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกายของเขา


ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ผมได้รับความอบอุ่นอย่างนี้ จะตั้งแต่ที่จากพ่อมากรุงเทพ ตั้งแต่ที่เลิกกับพี่นนท์หรือก่อนหน้านั้นสองเดือน สามเดือนหรือเป็นปี ผมจำมันไม่ได้






ผมรู้แค่ว่าวันนี้ความอบอุ่นที่ได้รับมันทำให้ผมอุ่นทั้งตัว





และ





หัวใจ





ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ ละเมอเพ้อพกว่าอะไร แต่เจ้าของความอบอุ่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญผลักผมออกจากอ้อมกอดเขา มีแต่กระชับมันให้แน่นขึ้น





แน่น...แต่ผมก็ไม่รู้สึกอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็น





มันแปลกแต่ผมก็ไม่อยากจะคิดให้ตัวเองปวดหัวไปมากกว่านี้ ทำได้เพียงแค่หลับตาพริ้มรับความอ่อนโยนและอบอุ่นของใครอีกคนเท่านั้น













เปิดเปลือกตาขึ้นก็พบกับแสงสว่างที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าม่านตรงบานหน้าต่าง ปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อปรับโฟกัสให้ชัดขึ้น


“เป็นไงบ้างชล?”


เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทดังขึ้นพร้อมกับแรงยวบบนเตียงอีกฝั่ง


“อือ”


“ดื่มน้ำก่อนนะ” แก้วน้ำอุ่นถูกส่งให้ผมทันทีเมื่อเนมพูดจบ


“กี่โมงแล้ว?”


“เก้าโมง ลุกไหวไหม?”


ผมพยักหน้าก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นพิงหัวเตียง


“แล้ววาล่ะ?”


“อยู่ในครัวน่ะ ทำข้าวต้มให้ชลอยู่” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง กวาดสายตามองรอบห้องก็ไม่เห็นใครอยู่


“แล้ว...” อยากจะถามหาคนที่มอบความอบอุ่นไว้ให้ทั้งคืนแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร


เมื่อคืนผมทั้งเหนื่อย ทั้งเบลอและปวดหัว สติที่เคยมีกลับหายไปอย่างน่าตกใจแค่จำได้ว่าตัวเองป่วยก็เก่งเกินพอแล้ว


“หืม?”


“เนมกับวาพึ่งมาเหรอ?”


“อื้ม ทำไมเหรอ?”


“เมื่อคืน...” ไม่รู้จะถามเพื่อนรักว่ายังไงดี


“เมื่อคืนมีอะไรหรือเปล่า?”


“อะ...เอ่อเมื่อคืนใครอยู่กับชลเหรอ?”


“ชลจำไม่อะไรไม่ได้เลยหรอ?”


“อือ”


“ก็เมื่อวานตะวันอาสามาส่งชลที่ห้องแล้วก็พึ่งกลับไปเมื่อตะกี้นี่เอง”




ตะวัน?




ผมจำได้ว่าตะวันพาผมมาส่งที่ห้องก่อนจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าหายาให้ผมกินจากนั้นสติของผมก็หายไปเลย จำไม่ได้จริงๆว่าตะวันอยู่เฝ้าผมทั้งคืน





“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนชล เดี๋ยวได้กินข้าวกินยาอีก”


เสียงของเนมทำให้รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่อไปนานแค่ไหน ผมทำตามที่เนมบอกโดยการเข้าไปล้างหน้าแปลงฟัน จะอาบน้ำก็โดนเพื่อนสนิทห้ามไว้เพราะก่อนที่ตะวันออกไปเขาเช็ดตัวให้ผมแล้ว





อืม...พอได้ยินแบบนั้นก็เขินแปลกๆแฮะ





ไข้ที่เป็นก็ดูเหมือนจะไม่หนักเท่าเมื่อวานแล้ว อาการปวดหัวก็ทุเลาลงแล้วด้วย แต่ยังไงก็ต้องกินยาอยู่ดีเพราะยังไม่หาย ตัวก็รุมๆอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างจะหายกับไม่หาย


ดังนั้นผมจึงกินยาตามคำสั่งของพยาบาลจำเป็นทั้งสองที่แทบกรอกข้าวต้มกับยาเข้าปากผมทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้


“เฮ้ยๆ ไม่ต้องป้อน ชลกินเองได้”


“ก็เห็นนั่งเขี่ยไปเขี่ยมาอยู่ตั้งนาน หรือว่าไม่อร่อย” วาทำหน้างอเมื่อถามจบ


ผมอดไม่ได้ที่จะยกมือมาผลักหน้าผากเพื่อนตัวเองที่ชอบคิดมากไปเรื่อย


“อร่อยแต่ชลยังไม่หิวเลย”


“ไม่หิวก็ต้องกินนะชล ตะวันอุตส่าห์ฝากชลไว้ ให้เราสองคนดูแล”


“หืม ตะวันเกี่ยวอะไรด้วย?” ผมเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มเมื่อชื่อของใครอีกคนหลุดออกมาจากปากวาเพื่อนรัก


เพื่อนทั้งสองมีท่าทีอึกอักหันมองหน้ากันอัตโนมัติก่อนเนมจะพูดอธิบายออกมาให้ผมได้กระจ่างแต่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ


“อะ...เอ่อก็ตะวันฝากชลให้พวกเราดูแลต่อไง เขาอุตส่าห์ดูแลมาทั้งคืนถ้าเราดูแลไม่ดีเกิดชลป่วยขึ้นมาอีก ตะวันก็เหนื่อยเปล่าล่ะสิ”


“ตะวันก็แปลกคน ยังไงเนมกับวาก็ต้องดูแลเราดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ก็ไม่น่าต้องฝากฝังอะไรขนาดนั้นเลย”


“อ...เอ้อจริงด้วยแต่ตะวันเขาคงห่วงชลมากน่ะก็เลยกังวลว่าพวกเราจะดูแลไม่ดี”


“วาพูดอะไรแปลกๆไปได้” ผมว่าพลางตักข้าวต้มหมูร้อนๆเข้าปาก กินอะไรร้อนๆมันก็โล่งคอโล่งจมูกดีเหมือนกัน “แล้วนี่วากับเนมกินอะไรกันมาหรือยัง”


“เรียบร้อยแล้ว”


“ดีแล้วล่ะ ถ้าหิวอีกก็หาอะไรกินในตู้เย็นได้เลยนะ”


เพื่อนทั้งสองพยักหน้ารับก่อนจะนั่งกระซิบกระซาบกันเรื่องอะไรที่ผมก็ไม่รู้เพราะไม่ได้ยินเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา


เดี๋ยวนี้ชักจะหัดมีความลับกับผมแล้ว


เหอะ!









หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ ผมก็มานั่งแหมะอยู่บนโซฟาตัวเขื่องที่ตั้งอยู่กลางห้อง เพื่อนสองคนไปเช่าหนังมาให้ผมดูสามสี่เรื่องก่อนมาถึงคอนโด


เรื่องแรกยังไม่ทันจบ หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มก็หลับใหลไปตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ ทั้งที่หนังนี้ตัวเองก็เป็นคนเลือกมาแท้ๆ


วานี่มันวาจริงๆ


ผมกับเนมจึงต้องรับชะตากรรมนั่งดูหนังให้จบเพราะพอวาตื่นมาจะต้องให้เราสองคนเล่าเรื่องที่ดูให้ฟังแน่ๆ


“ชลว่าตะวันเป็นยังไง?”


“หือทำไมถามงั้นอ่ะ?”


“ก็เอ่อ...เนมอยากรู้ไงว่าชลคิดยังไงกับตะวัน”


“เนมใจอ่อนให้ตะวันแล้วล่ะซี่”


“ใจอ่อน? ใจอ่อนอะไรอ่ะ?”


“อ้าว ก็ตะวันจีบเนมอยู่ไม่ใช่เหรอ?”


“จีบ? เนมเนี่ยนะ บ้าแล้วชล”


“หือ แล้วตะวันไม่ได้จีบเนมหรอกเหรอ?”


“จีบเนมอะไรกันเล่า ตะวันเขามีคนที่ชอบแล้วเหอะ”


“แล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเขาทักเนมมาทำไมอ่ะ ไม่ใช่จะมาจีบหรอกเหรอ?”


“ไม่ใช่ เขาก็ทักมาทำความรู้จักปกตินั่นแหละ” เนมตอบเสียงเรียบบเรื่อย ผมมองหน้าเพื่อนก็ไม่เห็นพิรุธอะไรจึงพยักหน้าเข้าใจ “ชลเข้าใจผิดมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?”


“ตั้งแต่แรกเลย แหะๆ”


“ตะวันเขาไม่จีบเราหรอก เขาจีบคนอื่นอยู่ต่างหากแต่เหมือนว่าคนนั้นจะไม่ยอมรู้ตัวสักที”


“ใครอ่ะ วาเหรอ?”


“ไม่ใช่ พอๆขี้เกียจพูดละ ดูหนังกันดีกว่า ถ้าวาตื่นมาแล้วเล่าให้ฟังไม่ได้เดี๋ยวได้โวยวายพอดี”


“ฮ่ะๆจริง”


ถึงจะสงสัยแต่ก็ยอมดูหนังต่อเพราะไม่อยากได้ยินเสียงบ่นหรือโวยวายของหญิงสาวที่เข้าสู่ห้วงนิทราในขณะนี้












ผ่านมาเกือบอาทิตย์อาการไข้ของผมก็หายเป็นปลิดทิ้งและมันเหมือนจะหายไปพร้อมกับตะวันตั้งแต่วันนั้น....


ผมกับเพื่อนรักอีกสองคนมานั่งทำงานกันที่ใต้คณะ เป็นงานที่อาจารย์สั่งไว้วันที่ผมไม่สบายและกำหนดส่งคือพรุ่งนี้ก่อนเก้าโมง ผมจึงต้องมานั่งจุมปุกสุมหัวทำงานกันสามคน


“หิวอ่ะ” หญิงสาวในกลุ่มเอ่ยพร้อมกับไถหน้าไปมากับหนังสือเล่มโต ถ้าสิวไม่ขึ้นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว


“ไปหาอะไรกินก่อนไหม?” ผมเสนอ แต่เพื่อนทั้งสองคนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ


“ไม่เอาอ่ะ กลัวงานไม่เสร็จ” เนมบอกต่อและเอาหน้าถูไถหนังสือตามวาไปอีกคน


“แล้วจะทำยังไง” ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเสนอทางเลือกอีกครั้ง “งั้นเราไปซื้ออะไรมาให้กินไหม?”


“อืมก็ได้”


“ทีอย่างนี้ล่ะไวเชียวนะครับคุณ”


“แหะๆ น่านะวาหิวจริงๆ”


“ก็ได้ๆ อยากกินอะไรล่ะ ชลว่าจะเดินไปเซเว่นหน้ามหาลัยดีกว่า โรงอาหารคงไม่มีอะไรให้กินแล้ว”


“เอารถเนมไปก็ได้”


“ไม่ๆ ชลอยากเดิน ออกกำลังกายบ้างอะไรบ้างจะได้ไม่ป่วย”


“เอางั้นเหรอ?”


“อื้อ”







ผมจดรายการที่เพื่อนสั่งก่อนจะเริ่มออกเดินไปยังหน้ามหาลัยที่มีเซเว่นตั้งอยู่ใกล้กัน ก่อนออกมาเนมยังคงถามย้ำให้ผมเอารถมาแต่ผมก็ปฏิเสธกลับไปเหมือนเดิม


ผมเดินไปเรื่อยๆไม่ได้เร่งรีบอะไร มองบรรยากาศในมหาลัย อากาศก็กำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ลมพัดเอื่อยจนเผลอสูดลมหายใจเข้าเพื่อรับกลิ่นธรรมชาติถึงแม้จะมีน้อยก็ตาม


“ชล!”


น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังลอยมาจากข้างหลัง ทำให้ผมที่เดินอยู่ชะงักกึกแล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังปั่นจักรยานมาทางผม


“ตะวัน”


“จะไปไหนอ่ะ?”


“เซเว่น”


“งั้นขึ้นมา ไปทางเดียวกันพอดีเลย”


“อ...เอ่อแต่ว่า--”


“มาเร็วๆ อยากหาคนซ้อนท้ายพอดี”


“อื้อ” 



ขึ้นมานั่งได้มือไม้ก็ไม่รู้ต้องวางไว้ตรงไหนจึงวางไว้บนเบาะที่คนขับนั่งซึ่งมีพื้นที่น้อยนิดเท่านั้น


“เกาะเสื้อเราไว้ก็ได้ กันตก”


เหมือนคนข้างหน้าจะรับรู้ปัญหา หันมายิ้มพร้อมบอกหนทางที่ผมจะแก้ไขกับปัญหานั้น


ผมทำตามเขาสั่งแต่โดยดี ตกไปหน้าแหกไม่มีเงินจะไปศัลยกรรมหรอกนะ ดีไม่ดีพ่อไล่ออกจากกองมรดก ผมคงอกแตกตาย




ก็แค่ความคิดบ้าบอของตัวเอง




คนขับปั่นไปช้าๆสายตาสอดส่องข้างทางชมนกชมไม่ไปเรื่อยตามประสา ปากก็ร้องเพลงพึมพำเผื่อแผ่ให้ผมได้ยินไปด้วย แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเขาร้องเพลงเพราะน่ะ


“ตะวันหายไปไหนมาตั้งเกือบอาทิตย์?”


“ไม่สบายน่ะ”


“เพราะเราหรือเปล่า?”


“เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ เราเป็นของเราเอง”


“อย่ามาโกหก”


“ก็เอ่อ...มีส่วนนิดนึง นิดเดียวจริงๆ”


“ทำไม?”


“เราอาจจะติดจากชลแต่แค่เป็นหวัดนะ แล้วก็ไปตากฝนตากแอร์เองด้วยก็เลยเป็นหนักอ่ะ พอหายก็ต้องรีบทำงานส่งเลยไม่ได้ไปกินข้าวด้วยไง”


“ทำไมไม่บอกล่ะ?”


“เราไม่ได้เป็นอะไรมากนี่นา ตอนนี้ก็แข็งแรงมากด้วย”


“ชลก็เป็นห่วง คิดว่าตะวันจะเป็นอะไรซะอีกเห็นหายเงียบไปเลย”


“อื้อ ขอบคุณนะ เราไม่เป็นอะไรหรอกไม่ต้องห่วง”


“ดีแล้ว”


บทสนทนาจบลงแค่นั้นเพราะไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก แต่บรรยากาศไม่ได้น่าอึดอัดกลับกันมีแต่ความสบายใจ การได้นั่งจักรยานมองบรรยากาศไปเรื่อยๆแบบนี้ก็ช่วยผ่อนคลายได้เหมือนกัน





สบายทั้งกาย ทั้งใจ






จนไม่อยากให้ถึงที่หมายด้วยซ้ำ













พอมาถึงเซเว่นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมเดินเข้าไปหยิบตะกร้าเหมาทุกอย่างที่ต้องการลงตะกร้าจนเกือบเต็ม ตะวันที่เดินตามมาก็เอาแต่คอยห้าม หยิบของที่ไม่มีประโยชน์ออกไปแล้วหยิบสิ่งที่เขาบอกว่าดีมาแทนที่


กว่าจะได้จ่ายเงินก็ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาด้วยเรื่องของกินที่ผมมักจะหยิบขนมแห้งไม่มีประโยชน์ใส่ตะกร้า ส่วนตะวันก็จะหยิบออกแถมสั่งห้ามเด็ดขาดให้ผมซื้อมาเพียงสองห่อเท่านั้น






ตะวันนี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ






“ไม่ต้องมางอนเราเลยชล กินของไม่มีประโยชน์แบบนั้นไงถึงได้ป่วยง่ายน่ะ”


“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”


“ยังจะเถียง มาขึ้นรถได้แล้ว” ตะวันตบเบาะหลังปุๆเพื่อเรียกให้ผมไปนั่งแต่ผมทำเมินเดินผ่านเขาไปเหมือนมองไม่เห็น “ชล อย่าดื้อ”


“ไม่ดื้อ หงุดหงิดตะวันอยู่”


“อ้าว”


“ไม่ต้องมาพูด เงียบๆไปเลย”


“จะไม่ขึ้นจริงดิ กว่าจะถึงเหงื่อได้เปียกโชกทั้งตัวแน่เลย”


“ไม่ต้องมาขู่ เดินแค่นี้เหงื่อมันจะออกแค่ไหนกันเชียว”


ผมว่าอย่างดื้อดึง เดินต่อไปโดยไม่สนใจคนที่ขับจักรยานตามหลังอยู่









ใครกันที่บอกว่าเดินแค่นี้จะไม่เหนื่อย ผมขอเถียง เดินมานานแล้วก็ยังไม่ถึงตึกคณะตัวเองสักที ได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังก็ยิ่งอยากจะยกเท้าที่กำลังย่างก้าวอยู่ไปประเคนให้ถึงที่


“เอาไงครับชล จะเดินต่อหรือจะมานั่งซ้อนท้ายจักรยานของเราดีๆ” แล้วไหนจะเสียงล้อเลียนที่ดังขึ้นทุกวินาทีอีกนั่นล่ะ อยากจะซัดปากให้พุดไม่ได้สักสองสามวันจริงๆ


“จอดดิ” ว่าเสียงห้วน พร้อมหยุดเดินรอให้อีกคนจอดรถจักรยานลงข้างๆ


“เหนื่อยแล้วเหรอ?”


“ไม่! ก็แค่สงสารคนขับจักรยานที่ไม่มีคนซ้อนท้ายเท่านั้นแหละ”


“จริงดิ สงสารกันขนาดนั้นเลย?”


“พูดมาก!”


ตีไหล่หน้าดังเพี๊ยะด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะก้าวขึ้นซ้อนจักรยานท่ามกลางสายตาล้อเลียนของคนขับ





อย่าให้ถึงคราวชลบ้างนะตะวัน





“โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย” ร้องโอดโอยเหมือนเจ็บปากตายจนผมหมั่นไส้ต้องตีซ้ำรอยเดิมไปอีกที แต่ก็ยังไม่วายพูดจากวนประสาทผมอีก “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก”


“ตะวัน!!”


จากนั้นเสียงหัวเราะของคนขับก็ดังลั่นจนกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะคิดว่าคนบ้าเข้ามาในมหาลัย







“นี่ ที่ไม่อยากให้กินของแบบนั้นเพราะเป็นห่วงจริงๆนะ”


ผมมองแผ่นหลังกว้างของคนพูด จักรยานยังคงเคลื่อนตัวไปช้าๆ




ช้ากว่าปกติด้วยซ้ำ





“....”





“ไม่อยากให้ชลป่วยอีกแล้ว”





“....”






“เข้าใจไหมครับ?”







“อื้อ”










ทำไม....ถึงรู้สึกอยากนั่งจักรยานให้นานกว่านี้นะ






#####################


เนื้อรื่องเรื่อยเปื่อย ให้ตัวละครได้ซึมซับกันไปเรื่อยๆ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

:pig4:




ออฟไลน์ yehatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด