“โห บ้านคุณเชษฐ์นี่มีกันกี่คนครับเนี่ย ทำไมมันถึงได้ใหญ่ขนาดนี้”
ทีมเงยหน้ามองคฤหาสน์หลังมหึมาตรงหน้า บ้านของวีรภัทรว่าใหญ่แล้ว บ้านของธีรเชษฐ์นี่แค่เดินรอบตัวบ้านเขาก็น่าจะหอบลิ้นห้อยแล้ว งานเลี้ยงถูกจัดอยู่ที่สวนทั้งหมด แต่ก็สามารถรองรับบรรดาแขกเหรื่อซึ่งส่วนใหญ่ดูจะเป็นนักธุรกิจไม่ก็เหล่าคุณหญิงคุณนายและนักแสดงชื่อดังได้อย่างไม่อึดอัด
“มีลูกชายสามคน แต่จริงๆตอนนี้ก็ไม่ใครอยู่บ้านหลังนี้หรอก ขนาดไอ้เชษฐ์ยังไปขลุกอยู่กับมีนที่คอนโดแถวบริษัทมันจนเลขาตามไม่เจออยู่บ่อยๆ คนที่อยู่บ้านหลังนี้จริงๆมีแค่ซัน ลูกชายคนสุดท้อง ตอนนี้ก็อยู่ปีหนึ่งมหาวิทยาลัยเรานี่แหละ”วีรภัทรตอบ ชื่อซันทำให้ทีมนึกถึงหลานรหัสของกวินภพที่สาวๆในคณะต่างพากันคลั่งไคล้ขึ้นมาทันที จำได้ว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมประกวดเดือนคณะ จนสุดท้ายตำแหน่งจึงตกเป็นของน้องอีกคน แต่ลือกันว่าหากเด็กคนนี้ลงแข่ง คงจะชนะเดือนมหาวิทยาลัยคนปัจจุบันขาดลอย
ว่าแต่...เดือนคนปัจจุบันนี่มาจากคณะไหนนะ?
“นั่นไงซัน”
ทีมหันไปมองตามที่วีรภัทรชี้ ไม่อยากจะเชื่อความกลมของโลกที่กำลังนำหายนะมาให้เขา
ซัน หรือ ทินกร หลานรหัสสุดที่รักของกวินภพหันขวับกลับมาทางเขาเมื่อเห็นว่ามีคนกำลังชี้ตัวเองอยู่ ร่างสูงเบิกตากว้าง ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างตื่นเต้น มืออีกข้างก็จูงชายหนุ่มในชุดสูทที่ดูสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นให้เดินตรงมาทางที่พวกเขาอยู่
ถึงแม้สายรหัสปีหนึ่งกับปีสามไม่สนิทกันมาก แต่ความสดใสของซันทำให้คนในกลุ่มพวกเขา โดยเฉพาะเหนือฟ้าที่เอ็นดูน้องเป็นพิเศษพาร่างสูงไปเลี้ยงข้าวบ่อยๆ จึงไม่แปลกที่ร่างสูงจะรู้ว่าเขามีฝาแฝด
ทีมนึกเจ็บใจตัวเองที่นึกไม่ออกว่าธีรเชษฐ์หน้าตาคล้ายกับใครที่ตนเคยรู้จัก เขาไม่คิดนี่ว่ากรรมจะตามทันตัวเองเร็วขนาดนี้
“สวัสดีครับอาวี สวัสดีครับพี่...”
“เทสต์ไง! จำพี่ได้ป่ะ? ที่เป็นเพื่อนไอ้กล้าอ่ะ” ทีมรีบแทรกก่อนที่เด็กหนุ่มจะพูดชื่อของตัวเองออกมา ซันมีท่าทีสับสน เอียงคอมองเขาอย่างงุนงง
“อ้าว แล้วพี่...”
“พี่สบายดี ขอบใจที่ถามนะ ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าซันเป็นลูกคุณเชษฐ์”ร่างโปร่งชวนคุยเสียงรัวเร็ว จังหวะนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าซันจะคิดว่าตัวเองเป็นอะไรกับคุณวี ขอแค่ดิ้นหลุดบ่วงที่อยู่ตรงหน้าให้ได้เป็นพอ เขาเชื่อว่าหากตนอธิบายให้ซันเข้าใจทีหลัง อีกฝ่ายจะยอมปิดปากเงียบแต่โดยดี“แล้วนี่ใครเหรอ?”
เขาจำได้ว่าซันมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงภาษา อย่าว่าแต่เมื่อกี้เลย ขนาดพูดช้ากว่านี้บางครั้งน้องก็ยังขอให้เขาพูดใหม่ ทีมจึงมั่นใจว่าตัวเองทำให้ร่างสูงมึนจนลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร จริงดังคาด เด็กหนุ่มที่ฟังทันแค่คำถามตอนท้ายแนะนำคนที่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมรอยยิ้ม
“นี่พี่ภัทรครับ แฟน..โอ๊ย! พี่..ที่รู้จัก” เด็กหนุ่มลูบท้องของตนที่โดนคนข้างๆถองศอกใส่เต็มรักหน้ามุ่ย แต่ดูจากท่าทางเขาว่าวันนี้เด็กตรงหน้าคงโดนไปหลายดอกแล้ว
“สวัสดีครับ” คนที่ชื่อภัทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ดูเป็นคนเรื่อยๆไม่เหมือนเจ้าลุกบอลเด้งดึ๋งที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานข้างๆ แต่ก็ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว
“เดี๋ยวอาไปหาพ่อเราก่อนแล้วกัน ว่าจะแวะเอาของขวัญมาให้เฉยๆ” วีรภัทรเอ่ยขึ้น
“พ่อเพิ่งมาถึงมั้งครับ เห็นรถว๊าบๆ น่าจะอยู่ในบ้าน” เด็กหนุ่มรายงานพร้อมรอยยิ้ม
“แวบๆ”ร่างข้างๆแก้ให้ด้วยน้ำเสียงยานคาง ดูท่าจะเคยชินกับคำพูดประหลาดๆของเด็กหนุ่มเสียแล้ว
วีรภัทรพาทีมเข้ามาในตัวบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราเช่นเดียวกับภายนอก เขารู้สึกว่าที่นี่ให้กลิ่นอายย้อนยุคมากกว่าบ้านของวีรภัทรที่เป็นเพียงบ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น ร่่งโปร่งเดินตามคนรักไปยังห้องนั่งเล่นที่มีร่างเล็กที่คุ้นตานั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง
“มีน!”ทีมยิ้มดีใจเมื่อเห็นคนที่คุ้นเคย ร่างเล็กในชุดสูทเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มออกเช่นกันเมื่อเห็นเขา
“สวัสดีครับคุณวี พี่เทสต์”
“ไอ้เชษฐ์มันหายหัวไปไหนแล้วล่ะ”วีรภัทรเลิกคิ้ว ประหลาดใจที่ธีรเชษฐ์ทิ้งเด็กของตัวเองไว้คนเดียว
“คุยกับคุณหมอคเชนทร์อยู่ในห้องทำงานน่ะครับ”เด็กหนุ่มตอบ ทีมนั่งลงข้างมีนพร้อมรอยยิ้ม ดีใจที่เห็นร่างเล็กดูมีความสุขกว่าที่เขาเห็นรอบที่แล้วมาก
“ดูดีขึ้นเยอะนะเรา คุยกันแล้วเหรอ?”
“ก็…”เด็กหนุ่มก้มหน้าเอียงอาย “จริงๆ... เมื่อวานวันเกิดผม เลยได้คุยกันนิดหน่อย...”
“สิบแปดแล้วสินะ” ร่างโปร่งลูบศีรษะมีนอย่างเอ็นดู รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้ของขวัญที่วีรภัทรเอามาดูสมเหตุสมผลขึ้น
“อ้าว มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย”
ร่างสูงเดินลงมาจากบันไดบ้าน ปกติทีมก็คิดว่าธีรเชษฐ์หน้าตาดีอยู่แล้วนะ แต่ร่างสูงในชุดสูทสีครีมอ่อนทับเสื้อคอเต่าสีเลือดหมูท้าแดดท้าลมเมืองไทยยิ่งทำให้ร่างสูงดูเหมือนนายแบบขึ้นเป็นสิบเท่า
ยังไม่นับร่างสูงที่หล่อวัวตายควายล้มอีกร่างในชุดเสื้อแขนยาวผูกไทค์เรียบร้อย ผมสีดำสนิทหวีเรียบและแว่นไร้กรอบยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูมีออร่าน่าเกรงขาม คาดว่าคนคนนี้คือหมอคเชนทร์ที่มีนพูดถึงเมื่อครู่
“พี่คราม สวัสดีครับ”
ทีมรีบยกมือไหว้ตามเมื่อคนรักกล่าวทักทายคนที่ยืนข้างเจ้าของวันเกิด หมอคเชนทร์พึมพำสวัสดีตอบกลับมาเหลือบมองทีมอย่างสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เด็กไอ้วีมัน มึงยังไม่เคยเจอเหรอ?”ธีรเชษฐ์หันไปถามเพื่อนที่อายุเท่ากัน คเชนทร์ส่ายหน้า
“เด็กเชี่ยไรล่ะ พูดอะไรให้เกียรติน้องนิดนึงครับไอ้ผู้ใหญ่เวร”วีรภัทรกอดอกอย่างไม่พอใจ
“โอ้โห น้องเหรอ นี่หลานแล้วมั้งไอ้กระบือแก่”เจ้าของวันเกิดหัวเราะ
“มึงนี่ก็กล้าล้อคนอื่นนะ” คเชนทร์เหลือบมองมีนาที่สะดุ้งเฮือกอยู่บนโซฟา “พรุ่งนี้มีนัดพบอาจารย์ที่ปรึกษาช่วงเช้า แต่ถ้ามาไม่ไหว...”ดวงตาเรียวคมตวัดมองธีรเชษฐ์ที่มีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “เดี๋ยวครูมาคุยที่นี่ก็ได้”
“ไม่..ไม่เป็นไรครับอาจารย์ ผมไปได้” มีนรีบบอกอาจารย์ที่ปรึกษาของตนอย่างเกรงใจ ส่วนทีมได้แต่กระพริบตาปริบๆอย่างงุนงงเพราะลำดับเรื่องราวไม่ถูก
“อ่า…ถ้างั้นของขวัญกูมึงค่อยเปิดวันหลังนะ”วีรภัทรยิ้มแห้ง ส่งกล่องของขวัญให้เพื่อนสนิทอายุมากกว่าที่รับมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“ไปนะ เดี๋ยวมีเคสผ่าตัดต่อ” คเชนทร์เอ่ยขอตัว ทีมมองตามคนที่เขาไม่เคยเห็นก่อนจะหันมาหาคนรัก
“คุณหมอนี่ อายุมากกว่าคุณเชษฐ์เหรอครับ?”
“ไม่นะ พี่ครามเกิดหลังไอ้เชษฐ์สองสามเดือน ทำไมเหรอ?” วีรภัทรเลิกคิ้ว
“แล้วทำไมถึงเรียกคุณหมอว่าพี่...แล้วคุณเชษฐ์....”
ร่างสูงหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่บึ้งตึงลงของธีรเชษฐ์ ลูบศีรษะของเด็กน้อยช่างสงสัยอย่างเอ็นดู
“คนเราจะแก่ แก่ที่วุฒิภาวะ ไม่ใช่อายุ จำไว้นะเทสต์”
“สาธุ ขอให้มึงโดนเด็กถอนหงอก”ร่างสูงแช่งเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ วีรภัทรยิ้มเยาะ
“มึงแช่งกูมากี่รอบละ ระวังจะเข้าตัวเหอะ”
ทีมส่ายหัวกับพฤติกรรมเด็กๆของคนทั้งคู่ จากที่เห็นหมอคเชนทร์คงจะเป็นคนเดียวที่ดูเป็นผู้ใหญ่น่าเคารพนับถือจากใจจริง เท่าที่ฟังจากเมื่อกี้ชายหนุ่มน่าจะเป็นอาจารย์แพทย์
ท่าอย่างนั้น...แปลว่า..น้องมีนเรียนแพทย์เหรอ?
ร่างโปร่งได้แต่ภาวนาไม่ให้มีนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา เพราะนั่นทำให้โอกาสที่มีนจะรู้จักกับน้องแว่นหรือพี่ติณณ์ซึ่งเป็นคนรักของเพื่อนสนิทเขามีมากขึ้น และทำให้เรื่องความแตกง่ายขึ้น
อย่าเพิ่งตื่นตูม...อย่าเพิ่งตื่นตูม...
“เทสต์ เป็นอะไรรึเปล่า?”
วีรภัทรถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของคนรัก
“เอ่อ...ปวดหัวนิดหน่อย คงนอนน้อยน่ะครับ”ทีมโกหก
“เหรอ? ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันดีกว่า”
หลังจากทั้งสองเอ่ยลาเจ้าของงานและเด็กหนุ่มบนโซฟา วีรภัทรก็พาทีมออกมาที่หน้างานอีกครั้ง ร่างโปร่งรู้สึกอยากจะออกไปจากที่นี่เต็มทีแล้ว
แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
“อ้าว น้ำอุ่น ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะ?”
แทนไทย ลูกครึ่งอังกฤษหนุ่มผมทองเพื่อนสนิทของน้องแว่นที่เจอเขามานับครั้งไม่ถ้วนยืนอยู่ข้างร่างสูงโปร่งคุ้นที่เขาจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกับเด็กหนุ่ม ร่างสูงขมวดคิ้วมองเขาทีมองวีรภัทรทีด้วยสีหน้าสงสัย ทีมนึกอยากจะมุดแทรกลงไปใต้พื้นธรณี ทำไมโลกมันต้องกลมจนน่ากลัวขนาดนี้ด้วยนะ
“อาวี สวัสดีครับ” น้ำอุ่นยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม มองเลยชายหนุ่มไปยังร่างโปร่งที่อยู่ข้างๆพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
“นี่เทสต์ แฟนอาเอง” คนที่ถูกแนะนำว่าแฟนสะดุ้งเล็กน้อย ทีมหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้าเด็กหนุ่มที่ยังคงไม่ละสายตาจากเขา
“อาดีใจนะที่ได้เจอเรา ไว้ว่างๆเราไปหาอะไรกินกันนะ” วีรภัทรชวน “อาขอตัวก่อน เทสต์เขาปวดหัว อาว่าจะพาไปหายากิน
ก่อน”
“ครับ ไว้เจอกัน”
ในที่สุดพวกเขาก็เดินออกมาถึงหน้าประตูรั้ว ทีมแทบจะทรุดตัวลงไปกราบกรานฟ้าดินที่ทำให้เขารอดจากการถูกเปิดโปง วีรภัทรเหลือบมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปทุกสิบวินาทีของคนรักพร้อมรอยยิ้มมุมปาก รู้สึกสนุกกับทักษะการแถที่เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆของคนข้างกาย
“รถเราจอดอยู่ไหนะครั...อ๊ะ”ด้วยความรีบร้อนทำให้ร่างโปร่งชนเข้ากับหญิงสาวที่กำลังจะเดินเข้าไปในงานอย่างจัง วีรภัทรรีบคว้าตัวคนรักไว้ตามสัญชาตญาณ ส่วนหญิงสาวอายุราวๆสี่สิบปีหน้าตาดีในชุดเดรสสั้นกุดสีดำโชว์ส่วนโค้งเว้าอ้าปากเตรียมตวาดแว้ด แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เธอชนเป็นใครก็ชะงักค้าง
“วี?”
“นันท์?”
ทีมรู้สึกว่ามือที่จับไหล่ทั้งสองข้างของเขาบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองคนรัก วีรภัทรขบกรามแน่นจนเห็นขากรรไกรขึ้นเป็นสัน เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ดูไม่สบอารมณ์ ดวงตากรีดหนาตวัดมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพร้อมกับยิ้มเยาะ
“เดี๋ยวนี้ชอบแบบนี้แล้วเหรอวี?”
“คุณมาที่นี่ทำไม?”ร่างสูงถามเสียงห้วน
“ฉันก็จะมาคุยกับเชษฐ์ให้รู้เรื่องน่ะสิ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าพวกคุณรวมหัวกันทำให้ผู้กำกับเลิกจากฉันน่ะ” คนที่ชื่อนันท์กอดอก “ฉันไม่น่าหลงชอบคนอย่างคุณเลยจริงๆ”
“ข้อหนึ่ง ผมคิดว่าที่คุณไม่มีงานแสดงน่าจะมาจากนิสัยที่น่ารังเกียจของคุณมากกว่า” วีรภัทรตอบเสียงเรียบ “ข้อสอง คุณไม่เคยชอบผม ทุกอย่างมันเป็นแค่ความผิดพลาด คุณเป็นคนพูดแบบนั้นเองนะ”
“วี!!” หญิงสาวตวาดแหวเมื่อหาเหตุผลมาสู้ไม่ได้ แต่วีรภัทรไม่สนใจ หันกลับไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่หน้าประตู
“เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป แล้วอย่าให้เขามาวุ่นวายที่นี่อีก”
“วี! นี่ ปล่อยฉันนะ!!”
ทีมถูกวีรภัทรพาออกมาจากที่ตรงนั้นก่อนที่จะได้เห็นเหตุการณ์หลังจากนั้น เขาได้ยินเพียงเสียงโวยวายของหญิงสาวที่เขาเพิ่งจำได้ว่าเป็นดาราเก่าสมัยที่เขายังเป็นเด็กอยู่ห่างๆ ร่างสูงพาคนรักกลับมาที่รถ ทีมนั่งเงียบตลอดทางที่วีรภัทรขับรถออกมา เขายังสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายยังคงโมโหจากเหตุการณ์เมื่อครู่จึงไม่อยากทำให้วีรภัทรเครียดกว่าเดิม
“ไม่อยากรู้เหรอ?”
เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากที่พวกเขาออกมาไกลพอสมควร ทีมเอื้อมมือไปแตะที่แขนของคนรักเบาๆ พยายามส่งความเป็นห่วงผ่านทางสัมผัส ดูเหมือนร่างสูงจะรับรู้ ถึงได้ผ่นคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าคุณวีไม่อยากให้ผมรู้...ผมไม่รู้ก็ได้ครับ”
ร่างโปร่งหมายความตามนั้น เขาไม่อยากให้ร่างสูงรู้สึกลำบากใจที่จะต้องพูดออกมา
“นั่น...เป็นแม่ของลูกชายฉัน” วีรภัทรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตฉัน”
ทีมได้แต่นิ่งเงียบ เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อ มือใหญ่จับมือของเขาที่แตะอยู่บนต้นแขนมาเกาะกุมไว้ ซึ่งทีมก็บีบมือตอบอย่างต้องการให้กำลังใจ เขาไม่อยากให้คุณวีคิดว่าเขากำลังโกรธอีกฝ่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเขายังแบเบาะ
“เทสต์...”
เจ้าของชื่อหันไปหาคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย วีรภัทรหันมายิ้มให้เขา ก่อนจะบีบมือของทีหนึ่งเบาๆ
“รักนะ”
แค่คำคำนั้นก็สามารถทำให้ร่างโปร่งอุ่นวาบไปทั่วร่าง ทีมยิ้มตอบ
“ผมก็รักคุณวีครับ”
รถทั้งคันยังคงถูกปกคลุมด้วยความเงียบ แต่ร่างทั้งสองในรถกลับมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนริมฝีปากตลอดทาง
--------------
มาล้าวววววววว
ขออภัยที่ให้รอนาน
ข้าน้อยสำนึกล้าววววววว